ตอนที่ 19 : เลี้ยงกระต่าย》วันที่ 18《
เลี้ยงกระต่าย》วันที่ 18《
อู่เฉียงเหล่ย คือชื่อของบอสที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมด ผมเพิ่งรู้ข้อมูลนี้มาเมื่อไม่กี่วันก่อนหลังพาหลานเยี่ยนไม่หาหมอตรวจดูแขนข้างขวาและเอาเฝือกออก แขนของหลานเยี่ยนหายดีเป็นปกติในระยะเวลาสองอาทิตย์ ไม่ใช่แค่ผมที่ดีใจแต่เจ้าตัวก็ดีใจไม่น้อยไปกว่ากัน เขาหันมามองขณะหมอตัดเฝือกให้พร้อมกับคำพูดที่ทำเอาผมแทบมุดลงไปใต้ดิน
“แบบนี้ก็ฟัดนายได้เต็มที่แล้วสิ”
ผมไม่รู้ว่าหมอกับพยาบาลที่อยู่โดยรอบคิดยังไงแต่เท่าที่สัมผัสได้ถึงสายตาที่มองมาก็ทำเอาผมเขินเอามากๆ ไม่น่ามากับหลานเยี่ยนเลย รออยู่บนรถก็ปลอดภัยแล้วแท้ๆ
กลับมาที่เรื่องของอู่เฉียงเหล่ย เขาเป็นหนึ่งในตระกูลที่เพิ่งขึ้นมามีอิทธิพลในช่วงไม่ถึงสิบปีที่ผ่านมา การได้มาซึ่งอำนาจนั้นเหมือนจะคร่าชีวิตของผู้คนไปไม่น้อย ตระกูลเล็กๆ ที่ขวางทางถูกกำจัดในชั่วข้ามคืนก่อนจะเอาทรัพย์สินของอีกฝ่ายมาเป็นของตนและค่อยๆ สะสมอำนาจขึ้นมาจนตอนนี้มีอำนาจติดหนึ่งในห้าตระกูลที่มีอิทธิพลที่สุด
แต่ดูเหมือนแค่อันดับห้าจะไม่เพียงพอสำหรับความทยอทยานที่อู่เฉียงเหล่ยมีจึงได้คิดการใหญ่ที่จะโค่นตระกูลไห่ซึ่งเป็นตระกูลที่ทรงอำนาจที่สุดในยามนี้ เจียงฮุยเล่าว่าตระกูลเจ่าที่มีอำนาจลำดับสี่ถูกอู่เฉียงเหล่ยยึกอำนาจไปแล้วในเวลาเพียงไม่ถึงปี ส่วนวิธีนั้นเป็นวิธีสกปรกอย่างการป่วนคนในตระกูลจากภายในให้แตกแยกและค่อยๆ กำจัดไปทีละคนจนตระกูลเจ่าไม่เหลือใคร
ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งประจักษ์ได้ถึงความเหี้ยมโหดของอู่เฉียงเหล่ย
ไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงคิดจะยึดอำนาจทั้งหมดไปเป็นของตัวเองด้วยวิธีแบบนั้น ที่รู้คืออีกฝ่ายเป็นคนที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย
หลานเยี่ยนฟังเจียงฮุยเล่าด้วยใบหน้าเหมือนคนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา ให้เดาคงกำลังคิดแผนการต่อจากนี้ว่าจะจัดการกับอู่เฉียงเหล่ยยังไง ไม่ง่ายเลยที่จะจัดการอีกฝ่ายที่ตอนนี้เหมือนจะระวังตัวอยู่ทุกฝีก้าว ไปไหนมาไหนมีคนคุ้มกันไม่ต่ำกว่าสิบแต่เท่าที่รู้มาช่วงนี้ฝ่ายนั้นเก็บตัวไม่ยอมออกไปไหน
หนึ่งในวิธีที่เร็วที่สุดซึ่งหลานเยี่ยนเสนอคือเผาบ้านมันทั้งหลัง เป็นความคิดที่โหดสมเป็นราชสีห์ขนทองทว่าย่อมถูกค้านเพราะต่อให้วางเพลิงอีกฝ่ายก็สามารถหนีออกมาได้ นอกซะจากทำทีเป็นวางเพลิงและจ้างมือสังหารเตรียมยิงหัวอู้เฉียงเหล่ยอีกที นั่นคือความคิดของเจียงฮุย
ไม่มีใครสักคนค้านว่าไม่ควรวางเพลิง ขนาดไป๋หยางยังวางแผนเสริมอย่างการรอบเข้าไปตัดเบรกรถไว้เผื่อตอนที่ฝ่ายนั้นหนีพ้นมือสังหารจะได้มีแผนสำรอง
ผมกะพริบตาปริบๆ อยู่ท่ามกลางบทสนทนาอันเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด อยากจะยกมือขึ้นมาปิดหูไม่รับฟังซะให้รู้แล้วรู้รอดแต่สุดท้ายผมก็ฟังจนจบ แผนส่วนมากที่คิดไว้เหมือนจะไม่ใช่แผนการที่ดีนักสุดท้ายก็ต้องคิดใหม่
ตอนนั้นเองที่หลานเยี่ยนหันมาขอความเห็นผมที่นั่งเงียบอยู่ ผมเองก็มีแผนที่คิดไว้แต่ถ้าเทียบกับแผนคนอื่นออกจะธรรมดาด้วยซ้ำเลยไม่ได้เสนอความคิดออกไป แผนการของผมก็ง่ายๆ ในเมื่อตอนนี้ผมเป็นสายที่ได้รับความเชื่อใจ ฝ่ายอู่เฉียงหล่ยต้องติดต่อมาใช้ผมอีกแน่และครั้งนี้คงเป็นแผนการใหญ่ที่ถึงขั้นจะเอาชีวิตหลานเยี่ยน พวกเราก็ทำเป็นตกอยู่ในแผนการโดยที่วางแผนซ้อนไว้อีกที จับรวบตัวการทั้งหมดในครั้งเดียว ข้อเสียคือไม่รู้ว่าอู่เฉียงเหล่ยจะมาด้วยตัวเองรึเปล่านี่สิ
แผนการที่ผมบอกคนฟังทั้งสามพยักหน้าเห็นด้วย เจียงฮุยบอกว่าอู่เฉียงเหล่ยมีนิสัยที่ชอบมาจัดการพวกขาใหญ่ด้วยตัวเองนั่นหมายถึงเขาต้องมาปรากฏตัวในวันที่หลานเยี่ยนจนตรอกกับแผนการแน่
บทสรุปหลังพูดคุยกันอยู่หลายชั่วโมงคือใช้แผนการของผม ตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงวันนี้ก็ผ่านมากว่าหนึ่งอาทิตย์แล้ว และก็เป็นไปตามคาดอู่เฉียงเหล่ยติดต่อมาจริงๆ หน้าที่ที่ผมได้รับมีเพียงคำสั่งสั้นๆ อย่าง...
‘พาหลานเยี่ยนเข้ามาในโกดัง77-45’
เป็นข้อความสั้นๆ ที่ทำให้พวกเราเดาได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง เจียงฮุยกับไป๋หยางเตรียมตัวรอรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ส่วนหลานเยี่ยนติดต่อเหม่าจงอี้ว่าที่ผู้นำตระกูลเหม่าพ่วงด้วยว่าที่น้องเขยเพื่อให้เป็นกองหนุนในการจัดการกับอู่เฉียงเหล่ย
ทางนั้นไม่ได้บอกว่าจะลงมือวันไหนทำให้ฝ่ายเราต้องเฝ้าระวังอยู่ทุกวัน บรรยากาศภายในรถเครียดมาสามวันติดในที่สุดวันที่จะเกิดเรื่องขึ้นก็มาถึง รถยนต์คันสีดำติดฟิล์มสีทึบหลายคันแล่นมาขนาบข้างก่อนจะเบียดรถที่ผมและหลานเยี่ยนนั่งอยู่จนเบี่ยงไปอีกทาง
“โอ๊ะ...” เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันทำให้ผมเซไปชนเข้ากับประตูรถ
“ระวังจื่อจื่อ ขยับมาตรงกลาง ด้านข้างอันตราย” หลานเยี่ยนติดต่อจงอี้ให้ทำตามแผนพร้อมกับเอื้อมมือมาดึงแขนผมให้ไปนั่งใกล้ๆ
“ระวังตัวไว้หลานเยี่ยน เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมา” ผมหันไปบอก สิ่งที่พวกเรารู้ในตอนนี้คืออีกฝ่ายต้องหาวิธีทำให้รถของพวกเราไปหยุดอยู่ที่โกดังเซี่ยจง จากนั้นก็เป็นผมที่ต้องพาพวกหลานเยี่นเข้าไปยังโกดังหมายเลข77-45 ซึ่งภายในนั้นจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างไม่มีใครรู้
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนายต้องปลอดภัย” ดวงตาสีเทาของหลานเยี่ยนเบนมาสบด้วยความเป็นกังวล ผมรู้ว่าสิ่งที่เขาเป็นกังวลที่สุดไม่ใช่ว่าต้องเผชิญหน้ากับอะไรแต่เป็นผมจะเป็นอันตรายไหม
หลานเยี่ยนห่วงผมมากกว่าตัวเองซะอีก
“คุณก็ต้องปลอดภัยหลานเยี่ยน ผมไม่ยอมปลอดภัยอยู่คนเดียวหรอกนะ”
“นายสำคัญกับฉันที่สุดจื่อจื่อ สัญญาว่าถ้ามีอันตรายต้องรีบหนีไป”
“จะให้ผมหนีไปไหน ที่ทางผมก็ไม่รู้จัก สู้อยู่ช่วยคุณจัดการดีกว่า” ผมให้เหตุผล มาอยู่เมืองSก็นานอยู่แต่อยู่นานใช่ว่าจะรู้ที่ทาง ยิ่งตอนนี้รถยนต์กำลังถูกบีบให้ไปในเส้นทางที่ไม่คุ้นชินการหนีโดยไร้จุดหมายเป็นอะไรที่โง่มาก อีกอย่างผมจะหนีในขณะที่หลานเยี่ยนกำลังสู้ได้ยังไง
ผมไม่ยอมหรอก
“จื่อจื่อ อย่าดื้อ” หลานเยี่ยนหรี่ตาลงมองผมนิ่ง
“ผมใช้ปืนเป็น ทักษะการต่อสู้ผมก็มี”
“จื่อจื่อ...”
“ผมไม่อยากได้รับการปกป้องจากคุณฝ่ายเดียวหลานเยี่ยน ถ้าคุณปกป้องผม ผมเองก็จะปกป้องคุณเช่นกัน มาปกป้องกันและกันไม่ดีกว่าเหรอ” ผมยื่นข้อเสนอ เอื้อมมือขึ้นไปลูบหว่างคิ้วที่ขมวดเข้าหากันแน่นให้คลายออก
“ฉันเห็นนายเจ็บอีกไม่ได้” ดวงตาคู่นั้นสั่นระริกคล้ายจะนึกภาพในอดีตของผมขึ้นมา
“ผมจะไม่เป็นอะไร และคุณก็จะไม่เป็นอะไรด้วย”
“อืม รู้ใช่ไหมนี่ไม่ใช่การซ้อม” หลานเยี่ยนคว้ามือผมไปจับแน่น
“ผมรู้ เล็งให้ตายไม่งั้นอาจเป็นผมที่ตาย” เรื่องแค่นี้ผมรู้อยู่แล้ว ในสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายผมไม่คิดจะสงสารคนอื่นหรอก
ผมไม่ใช่คนที่ใจดีขนาดนั้น
“ใช่ อย่าลังเล”
“คุณพูดเหมือนผมไม่เคยยิงใคร” ผมเคยยิงปืนมาหลายครั้งนะ
“สถานการณ์มันไม่เหมือนกัน ฉันเป็นห่วงนาย”
“คุณเป็นห่วงผมได้แต่อย่าให้ผมเป็นคนทำให้สติคุณไม่อยู่กับตัว เข้าใจไหม” ผมบีบมือหลานเยี่ยนแน่น ในสถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมไม่อยากให้ตัวเองทำให้หลานเยี่ยนพะวง
“อีกไม่นานจะถึงโกดังเซี่ยจงแล้วครับ” เจียงฮุยตะโกนมาจากเบาะหน้า
“สัญญากับผมหลานเยี่ยน” ผมเอ่ยทวงคำสัญญาเพราะอีกไม่นานพวกเราคงไม่มีโอกาสได้คุยกันแล้ว
“...ฉันจะพยายาม”
“คุณต้องทำให้ได้ คุณต้องเชื่อผมว่าผมจะไม่เป็นไร ผมจะปลอดภัยกลับมาหาคุณ”
“จื่อจื่อ...”
“คุณเองก็ต้องปลอดภัยกลับมาหาผมนะ” ดวงตาสีน้ำตาลของผมประสานกับดวงตาสีเทาของหลานเยี่ยนที่จ้องมองมา
“ฉันจะกลับมาหานาย” หลานเยี่ยนพยักหน้าด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ตึง!
ในจังหวะที่รถถูกเบียดให้เข้าไปในเขตโกดัง ไป๋หยางพยายามควบคุมรถแต่เพราะแรงชนทำให้รถหมุนไม่หยุดกระทั่งกระแทกเข้ากับเสาของโกดัง ระหว่างที่รถหมุนหลานเยี่ยนดึงตัวผมเข้าไปกอดแน่นพยายามปกป้องผมจากแรงเหวี่ยงโดยไม่สนว่าตัวเองจะกระแทกกับประตูรถอย่างจัง
“หลานเยี่ยน”
“ไม่เป็นไร รีบลงไปเร็ว” หลานเยี่ยนถีบประตูก่อนจะดึงผมออกไปข้างนอก รถของบรรดาบอดี้การ์ดที่มักจะขับตามมาถูกสกัดไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ทำให้ตอนนี้เหลือเพียงพวกเราสี่คนที่วิ่งเข้ามาตั้งหลักในโกดังเนื่องจากกลุ่มคนด้านนอกพากันยิงกระสุนปิดทางหนีของพวกเรา
ภายในโกดังหมายเลข77-45ปกคลุมด้วยความมืดมิดทว่าทันทีที่พวกเราวิ่งเข้าไปประตูกลับถูกปิด ไฟด้านในสว่างจ้าจนต้องหรี่ตามอง เสียงฝีเท้าหลายสิบคู่ก้าวเข้ามาตีวงล้อมพวกเราทั้งสี่
เมื่อสายตาสามารถมองเห็นได้ชัดก็เป็นไปตามที่รู้สึก ตอนนี้รอบตัวพวกเรามีกลุ่มคนจำนวนน่าจะหลักร้อยล้อมรอบเป็นวงกลม ปิดทางหนีของพวกเราโดยสิ้นเชิง แถมในมือของพวกเขายังมีอาวุธอีก อาวุธในที่นี้ไม่ใช่ทุกคนที่ถือปืนแต่ยังมีมีดและพวกกระบอก แท่งเหล็ก
พวกเราสี่คนกับจำนวนคนขนาดนี้โอกาสรอดไม่ใช่ศูนย์แต่เป็นติดลบ
“ยินดีต้อนรับไห่หลานเยี่ยน” เสียงของผู้มาใหม่ดังขึ้น กลุ่มคนที่ล้อมรอบอยู่เปิดทางให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ในทันที เบื้องหน้าผมคือชายที่อายุมากกว่าไม่กี่ปี มีใบหน้าค่อนข้างร้าย เหมือนตัวร้ายในหนังซึ่งความเป็นจริงอีกฝ่ายก็ยังเป็นตัวร้ายนั่นแหละ
“อู่เฉียงเหล่ย” หลานเยี่ยนเอ่ยชื่ออีกฝ่ายขณะที่มือข้างเดิมยังคงกุมมือผมแน่น
“ดีใจที่ระดับนายรู้จักฉันด้วย ต้องพูดว่ายินดีที่ได้พบหน้ากันครั้งแรกใช่รึเปล่าไห่หลานเยี่ยน”
“ฉันไม่ได้อยากรู้จักแก” หลานเยี่ยนจ้องเฉียงเหล่ยเขม็ง เฝ้ามองทุกการเคลื่อนไหว
“หึ...ฉันก็ไม่ได้อยากรู้จักนักเหมือนกัน หลังจากวันนี้คงไม่ต้องรู้จักกันอีกตลอดกาล” อู่เฉียงเหล่ยใช้ดวงตาคมกริบจ้องกลับหลานเยี่ยนโดยปราศจากความเกรงกลัว ปกติไม่ว่าใครที่เจอหลานเยี่ยนครั้งแรกมักจะกลัวสายตาและท่าทางที่แสดงออกแต่กลับฝ่ายนั้นเหมือนจะไม่กลัวแม้แต่นิดเดียว
“นั่นสิ พรุ่งนี้ก็ลืมชื่อแกแล้ว”
“แก!”
“ทำไม”
“คิดว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่สามารถวางท่าเหนือคนอื่นได้รึไง” อู่เฉียงเหล่ยมองดูพวกเราที่ถูกล้อมด้วยจำนวนคนที่มากกว่าหลายเท่า
“ฉันไม่ได้วางท่า”
“อ้อ นิสัยแบบนี้ตั้งแต่เกิดสินะ เอาเถอะๆ พวกคุณชายก็แบบนี้ท่าทีหยิ่งยโสซะจริง...เนอะต่าย” ประโยคสุดท้ายอู่เฉียงเหล่ยหันมาส่งยิ้มหวานให้ผม มือของหลานเยี่ยนที่จับอยู่บีบแรงขึ้นทันที
“...” ผมเลือกที่จะเงียบไม่ตอบคำถาม
“อะไรกัน เงียบแบบนี้ฉันเสียใจนะ ถึงจะเพิ่งเจอหน้ากันครั้งแรกแต่พวกเราออกจะสนิทกันไม่ใช่เหรอ คุยกันทุกวันเลยนี่” สิ่งที่อู่เฉียงเหล่ยกำลังทำนั้นทำไมผมจะไม่รู้ เขาคิดว่าหลานเยี่ยนไม่รู้เรื่องผมติดต่อกับเขาจึงคิดจะใช้เรื่องนี้ปั่นหัวหลานเยี่ยน
น่าเสียดายที่คงทำไม่สำเร็จ...
“หมายความว่าไง” หลานเยี่ยนหันควับมาถามผม
“...อะไร” ผมถามเสียงสั่น
“สนิทกันงั้นเหรอ” อีกฝ่ายถามเสียงเข้ม
“...” ผมไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรกลับไปดี หลานเยี่ยนรู้อยู่แล้วว่าผมคุยกับอู่เฉียงเหล่ยแทบทุกวัน ทุกการพูดคุยเขาอยู่ด้วยทั้งนั้นแล้วทำไมถึงแสดงออกว่าโกรธและไม่พอใจขนาดนั้น
แสดงละคร?
เป็นไปได้
“หึหึ แกอาจไม่รู้ว่าฉันซื้อตัวเขามาตั้งนานแล้ว...ใช่รึเปล่า” อู่เฉียงเหล่ยจ้องมาทางผม
“...” ผมเม้มปากแน่นขึ้น พยายามที่งัดวิชาการแสดงที่ได้เกรดไม่ค่อยดีออกมาใช้อย่างเต็มที่
“เงียบเลยเหรอ ไม่ต้องปิดบังอีกต่อไปแล้ว มานี่สิ” คนตรงหน้าพยักหน้าเป็นเชิงเรียกให้ผมก้าวไปหา
“ผม...”
“อย่าไป” หลานเยี่ยนดึงมือผมไว้พร้อมกับเอ่ยห้าม
แผนการที่พวกเราวางไว้ยังคงดำเนินอยู่ ตอนนี้พรรคพวกของจงอี้คงกำลังทยอยจัดการคนที่อยู่ด้านนอก จำเป็นต้องใช้เวลามากกว่านี้เพื่อถ่วงเวลา
“หลานเยี่ยน” ผมกำลังคิดว่าหากเลือกที่จะไม่ไปฝ่ายนั้นคงได้ออกคำสั่งจัดการในทันทีแต่หากผมไปก็น่าจะถ่วงเวลาได้อีกสักหน่อย
“ต่าย มาหาฉันเร็ว” อู่เฉียงเหล่ยยื่นมือมาพร้อมกับเสียงเรียกครั้งที่สอง
การตัดสินใจของผมหลานเยี่ยนน่าจะเข้าใจว่าผมทำไปเพราะต้องการถ่วงเวลาให้ฝ่ายเรามากขึ้น ผมพยายามบอกเขาผ่านสายตาที่สอดประสานแต่เหมือนอีกฝ่ายจะตกใจกับมือผมที่ค่อยๆ ชักออกจนไม่เป็นอันคิดอะไร แต่ไม่นานดวงตาคู่นั้นก็นิ่งขึ้นทีละน้อยคล้ายรับรู้ถึงเจตนาผม
“ผมต้องไป” ต้องไปเพื่อถ่วงเวลา ผมดึงมือหลานเยี่ยนที่จับไว้ออกบีบมือนั้นเบาๆ ก่อนจะก้าวไปหาอู่เฉียงเหล่ยที่ฉีกยิ้มกว้างส่งมา
“จื่อจื่อ...”
“ฮะฮะฮะ ดีมากต่าย ดีมากที่เลือกฉัน” อู่เฉียงเหล่ยโอบไหล่ผมพร้อมกระชับให้เข้ามาใกล้ขึ้น
“แก...” หลานเยี่ยนที่มองอยู่แทบจะพุ่งตัวเข้ามาหาผมถ้าไม่ติดว่าถูกสายตาผมหยุดไว้ซะก่อน ตอนนี้พวกเรายังไม่พร้อมที่จะปะทะกับอีกฝ่าย
หลานเยี่ยนรู้ดีเขาถึงได้แต่ยืนกำมือแน่น
“เสียใจเหรอที่กระต่ายสุดที่รักของนายทรยศ” คนด้านข้างผมทำเสียงยียวนหลานเยี่ยนเต็มที่
“...” ฝ่ายที่ถูกยียวนไม่ได้โกรธเรื่องที่อู่เฉียงเหล่ยพูดแต่โกรธที่เขากระชับไหล่ผมให้เข้าไปใกล้จนร่างกายสัมผัสกัน ดวงตาสีเทาคมกริบแทบจะเฉือนมืออู่เฉียงเหล่ยทิ้งอยู่แล้ว
“ถึงกับพูดไม่ออกเลยล่ะสิ ตอนแรกฉันไม่เข้าใจแกหรอกนะว่าหมอนี่มีอะไรให้น่าสนใจ ถ้าจะบอกว่าเหมือนกระต่ายแกที่ตายไปก็ไม่เห็นเหมือน หน้าตาก็บ้านๆ ธรรมดาหาได้ทั่วไป” ระหว่างพูดอู่เฉียงเหล่ยใช้มืออีกข้างจับปลายคางผมแล้วหันไปมาคล้ายกำลังประเมินสินค้าสักชิ้น
“ปล่อย” หลานเยี่ยนกดเสียงต่ำ
“ฉันจำเป็นต้องทำตามรึไง”
“อึก...” นอกจากจะไม่ปล่อยแล้วยังเปลี่ยนมาบีบคางผมแน่นจนเกือบหลุดเสียงร้องออกมา
“อู่เฉียงเหล่ย” น้ำเสียงของหลานเยี่ยนเหมือนคนใกล้ข่มอารมณ์ตัวเองไม่อยู่แล้ว เจียงฮุยกับไป๋หยางขยับตัวเข้าไปใกล้เจ้านายตัวเองพยายามกระซิบบอกไม่ให้บุ่มบ่าม
“หึหึ...หวงจังนะ แต่ใช่ว่าฉันจะไม่เข้าใจ พอได้รู้จักก็ยิ่งน่าสนใจ ดูเชื่องๆ แต่กลับมีแววตาที่พยศนิดๆ น่าปราบให้อยู่หมัด ฉันล่ะถูกใจจริงๆ” อู่เฉียงเหล่ยไล่มองใบหน้าผมก่อนจะหยุดที่ดวงตา
“คุณเฉียงเหล่ย ปล่อยผมเถอะครับ” ผมเอ่ยบอกเมื่ออีกฝ่ายขยับใบหน้าเข้ามาใกล้เกินไปแล้ว
“ฉันไม่อยากปล่อยนี่ นี่ต่าย...ฉันดีใจที่นายเลือกฉันนะ จากนี้ฉันจะเอ็นดูนายเอง จะให้มากกว่าที่หลานเยี่ยนให้อีกแค่นายทำตัวเป็นเด็กดีก็พอ”
“...” เป็นอีกครั้งที่ผมเลือกที่จะใช้ความเงียบแทนคำตอบ
จะให้ปฏิเสธว่าไม่ได้เลือกอีกฝ่ายตอนนี้ก็ไม่ได้
ผมกำลังรอสัญญาณจากจงอี้ที่จะส่งมาเมื่อทุกอย่างพร้อม
อีกไม่นานหรอก เพราะงั้น...อดทนหน่อยนะหลานเยี่ยน
สายตาของไห่หลานเยี่ยนตอนนี้สมกับฉายาที่ได้รับ ‘ราชสีห์ขนทอง’ ดวงตาสีเทาราวกับสัตว์ป่าที่ทั้งทะนงและเย่อหยิ่ง มองสิ่งมีชีวิตด้านล่างเป็นเพียงเหยื่อและของเล่นที่สามารถขย้ำให้ตายหรือจะปล่อยให้วิ่งหนีก็ได้ ทว่าตอนนี้ราชสีห์ตัวนี้ทำได้เพียงพองขนด้วยความโกรธเกรี้ยวที่ยังไม่สามารถขย้ำเหยื่อตรงหน้าได้
หากมีสัญญาณดังขึ้นผมเชื่อว่าอู่เฉียงเหล่ยถูกขย้ำตายคาคมเขี้ยวนั้นแน่
“ตอนนี้นายเป็นของฉันแล้วต่าย” ในขณะที่อู่เฉียงเหล่ยคิดจะประกบริมฝีปากลงมาเป็นจังหวะเดียวกับที่มีสัญญาณจากจงอี้ เพียงแค่เห็นสัญญาณราชสีห์ตัวโตก็พุ่งตรงเข้ามาพร้อมขย้ำเหยื่อทว่ากลับช้ากว่าผมที่อยู่ใกล้กว่า
ตึง!
ผมใช้หมัดต่อยเข้าหน้าท้องของอู่เฉียงเหล่ยอย่างแรงจนอีกฝ่ายนิ่วหน้าก่อนจะแตะเข่าให้เสียการทรงตัวจับอู่เฉียงเหล่ยทุ่มข้ามหลังไปนอนแผ่อยู่ตรงหน้าหลานเยี่ยนที่วิ่งมาพอดี ผมไม่มีเวลาจะหันไปมองว่าหลานเยี่ยนก้มลงไปทำอะไรยกปืนขึ้นยิงไปยังศัตรูที่พุ่งเข้ามาสลับกับใช้ร่างกายโจมตีกลับไป
ทักษะการต่อสู้ที่ผมมีอาจเป็นกีฬาแต่เพราะเคยต่อสู้จริงและได้หลานเยี่ยนช่วยเป็นคู่ซ้อมให้บ่อยๆ ผมจึงสามารถจัดการกับกลุ่มคนที่เข้ามาได้ไม่ยาก
ประตูโกดังถูกเปิดกว้าง กลุ่มคนของตระกูลไห่ที่หลานเยี่ยนเตรียมไว้ล่วงหน้ากับกลุ่มคนของตระกูลเหม่าเข้ามาปิดล้อมพื้นที่ในเสี้ยววินาที เหตุการณ์หลังจากนั้นเป็นการตะลุมบอนขนาดย่อม พวกเราสี่คนที่อยู่ตรงกลางกระจายกันจัดการทุกคนที่เข้ามาใกล้เช่นเดียวกับคนที่มาสมทบจัดการคนด้านนอกสุดเข้ามาเรื่อยๆ
ผมเบี่ยงตัวหลบคมมีดที่เหวี่ยงเข้ามาใกล้ยกขาขึ้นถีบอีกฝ่ายจนกระเด็นไปชนคนด้านหลัง ปืนในมือถูกใช้แทนอาวุธทุบศีรษะอีกฝ่ายจนสลบ กระสุนในปืนยังมีแต่เหลืออยู่ไม่มากผมจึงเลือกที่จะเก็บไว้ก่อนเผื่อมีสถานการณ์ฉุกเฉินที่ต้องใช้
คนของหลานเยี่ยนและจงอี้ควบคุมสถานการณ์ได้ในเวลาไม่นาน คนของอู่เฉียงเหล่ยที่ยังมีชีวิตถูกจับไว้อย่างแน่นหนา ส่วนบอสอย่างอู่เฉียงเหล่ยนั้นนอนราบเคี้ยวฟันอยู่บนพื้นโดยมีหลานเยี่ยนใช้เท้าเหยียบศีรษะนั้นอยู่ เป็นภาพของราชสีห์ที่กำลังขย้ำเหยื่ออย่างแท้จริง
ผู้เป็นเหยื่ออย่างอู่เฉียงเหล่ยคงหนีไม่รอดเมื่อยู่ภายใต้กรงเล็บของราชสีห์
“แก...นี่แก...อย่าบอกนะว่าวางแผนไว้ทั้งหมด!” อู่เฉียงเหล่ยพยายามจะลุกขึ้นมาแต่ถูกหลานเยี่ยนกดเท้าลงแรงกว่าเดิมจนต้องส่งเสียงร้องออกมา
“ใช่” หลานเยี่ยนตอบสั้นๆ
“ตั้งแต่เมื่อไหร่ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่รู้แผนการของฉัน!” แม้จะรู้ว่าดิ้นรนไปก็เปล่าประโยชน์แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ละความพยายาม
“ตั้งแต่แรก”
“...ไม่จริง...นี่แก” ดวงตาของอู่เฉียงเหล่ยเบิกกว้างขึ้นก่อนจะจ้องเขม็งมาทางผมที่อยู่ไม่ไกลจากหลานเยี่ยน
“ผมไม่เคยบอกว่าตกลงจะเป็นพวกคุณนะ” ผมบอกอู่เฉียงเหล่ยไปตามจริง ฝ่ายนั้นผิดเองที่มั่นใจเกินไปว่าผมจะยอมเข้าร่วมและทำตามคำสั่ง
“ทำไมกัน ทั้งที่ฉันสามารถให้ทุกอย่าง...อั๊ก!” ยังไม่ทันได้พูดจบอู่เฉียงเหล่ยก็ถูกหลานเยี่ยนเหยียบซ้ำจนกระอักเลือดออกมา มองแล้วน่าสงสารแต่คนที่เริ่มก่อนก็คือฝ่ายนั้นเอง
คิดจะล่าราชสีห์ก็ต้องเตรียมใจไว้ที่จะถูกล่าคืน
“ให้ทุกอย่างมากกว่าที่ฉันให้งั้นเหรอ อย่ามาพูดให้ขำ แกยังให้ได้ไม่ถึงเศษเสี้ยวเดียวกับที่ฉันให้ด้วยซ้ำ” หลานเยี่ยนตอบแทน
“ฉันจะฆ่าแก ไห่หลานเยี่ยน!” อู่เฉียงเหล่ยรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายผลักเท้าหลานเยี่ยนออกจนเซไปด้านหลัง ในจังหวะนั้นอู่เฉียงเหล่ยใช้แรงเฮือกสุดท้ายวิ่งไปเก็บปืนที่ถูกปัดให้กระเด็นไปขึ้นมาและเล็งไปทางหลานเยี่ยน
ปัง!
เสียงปืนที่ดังขึ้นเรียกทุกสายตาให้หันมาสนใจทว่ามีเพียงผมที่สามารถขยับตัววิ่งเข้าไปหาหลานเยี่ยนได้ทัน ผมโผเข้าใส่อีกฝ่ายพร้อมกับความเจ็บบริเวณแขน หลานเยี่ยนเบิกตากว้างเมื่อเห็นร่างผมทรุดลงในวงแขนที่เกี่ยวรัดตามสัญชาตญาณ ดวงตาสีเทาหรี่ลงอย่างเกรี้ยวโกรธหยิบปืนและเหนี่ยวไกใส่เฉียงเหล่ยโดยไม่ลลังเล
ปัง! ปัง! ปัง!
กระสุนมีกี่นัดหลานเยี่ยนระดมยิงไม่ยอมหยุด แม้แต่ตอนที่กระสุนหมดเขาก็ทำท่าจะหยิบปืนอีกกระบอกขึ้นมายิงต่อ ผมที่ปวดร้าวไปทั้งแขนแทบจะพูดไม่ออก ขยับตัวแทบไม่ได้แต่ก็พยายามใช้แขนข้างที่ไม่เจ็บจับแขนหลานเยี่ยนข้างที่ถือปืนอยู่
“...หลานเยี่ยน พอแล้ว” ผมเอ่ยเสียงแหบ ไม่จำเป็นต้องหันไปมองก็รู้ว่าสภาพของฝ่ายนั้นคงไม่สวยเท่าไหร่
“จื่อจื่อ นาย...เอาตัวมาบังทำไม!” หลานเยี่ยนตะคอกเสียงดังใส่ผม
“อย่าเสียงดังสิ ผมเจ็บมากนะ”
“...ถ้ารู้ว่าเจ็บแล้วเข้ามาทำไม” น้ำเสียงแข็งๆ อ่อนลงทันตา เขาพยุงร่างผมพร้อมกับสำรวจบาดแผล
“ถ้าผมไม่วิ่งเข้าไปกระสุนนี่จะไม่ได้โดนแค่แขนคุณนะ” ผมมองทิศทางที่กระสุนนั้นจะพุ่งไปออก ผมยอมที่จะถูกยิงแขนแทนที่กระสุนนั้นจะเข้าไปตรงหัวใจของหลานเยี่ยน
“กระสุนฝังอยู่ในแขน ฉันจะรีบพาไปโรงพยาบาล ทนหน่อยจื่อจื่อ” ไม่รู้ว่าหลานเยี่ยนไปเอาพละกำลังมาจากไหนถึงได้อุ้มผมตัวลอยเดินออกจากโกดังท่ามกลางสายตาของผู้คนนับร้อย
“ผมว่าคงสลบก่อน...แน่” ผมเอ่ยอย่างรู้ตัว
“จื่อจื่อ”
“ผมไม่เป็นไร แค่ถูกยิงแขนเอง...ไกลหัวใจเยอะ ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องทำหน้ากังวลขนาดนั้นด้วย...เดี๋ยวผมก็ตื่นแล้ว” ทันทีที่ผมเอ่ยจบประโยคสติก็ดับวูบลง
ไม่รู้ว่าเหตุการณ์หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ในช่วงที่ผมสลำสลือผมได้ยินเสียงของหลานเยี่ยน เขาบอกให้ผมอดทนอยู่ตลอด กระทั่งผมนอนอยู่บนเตียงถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินเสียงอีกฝ่ายก็ยังตะโกนตามมา
ก็บอกไปแล้วว่าไกลหัวใจ
ห่วงผมเกินไปแล้วหลานเยี่ยน
ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะไม่ชอบ
ที่หลานเยี่ยนเป็นห่วงผมขนาดนั้นแปลว่าผมสำคัญกับเขามาก ซึ่งก็ใช่ ผมสำคัญ ไม่ต้องรอให้หลานเยี่ยนมาตอบผมก็ตอบเองได้ เขาให้ความสำคัญกับผมมาตลอด ไม่เคยที่จะสำคัญน้อยลงมีแต่จะมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับหลานเยี่ยนที่สำคัญกับผมมากขึ้นทุกวัน
ผมหลับสนิทอยู่นานมาก ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแต่เมื่อสติเริ่มกลับเข้ามาสิ่งแรกที่ผมสัมผัสได้คือมือที่ถูกกุมไว้ ไออุ่นที่สัมผัสได้ผมสามารถบอกได้ทันทีว่าคือไห่หลานเยี่ยน ผมค่อยๆ ออกแรงกุมมือนั้นตอบ เพียงแค่นั้นอีกฝ่ายก็สะดุ้งขึ้น
“จื่อจื่อ?” หลานเยี่ยนชะโงกหน้ามาหาผมที่ปรือตาขึ้น
“...หลานเยี่ยน” ผมเอ่ยเสียงเบาหวิว
“ตื่นสักที ฉันเป็นห่วงมากรู้ไหม” ใบหน้าของหลานเยี่ยนดูอิดโรยกว่าครั้งล่าสุดที่จำได้
“ผม...หลับไปนานเหรอ”
“มาก นายหลับมาจะครบอาทิตย์แล้ว” อีกฝ่ายบอกเสียงขุ่น
“...ผมคงเหนื่อยสะสมน่ะ” ผมพยายามหาข้อแก้ตัวทั้งที่ไม่จำเป็น
“ไม่ต้องพูดเลย หิวน้ำไหม”
“...” ผมเงียบแต่พยักหน้าเบาๆ ส่งไปให้
“ค่อยๆ ดูด” หลายเยี่ยนเทน้ำลงในแก้ว หยิบหลอดมาใส่แล้วนำมาใส่ปากให้ผมดูด
“...ขอบคุณ”
“จื่อจื่อ” หลานเยี่ยนมองใบหน้าผมพร้อมกับฝ่ามือที่ลูบพวงแก้มผมด้วยความรักใคร่ ดวงตาคู่นั้นสดใสขึ้นเมื่อเห็นว่าผมฟื้นขึ้นมา
“เฝ้าผมตลอดเลยเหรอ” ผมถามทั้งที่พอจะเดาได้
“ใช่ ใครจะปล่อยให้คาดสายตาอีกล่ะ ขนาดอยู่ในสายตายังหาเรื่องเจ็บตัวได้”
“ผมปกป้องคุณนะ ชมหน่อยสิ” ตื่นมาก็เอาแต่บ่นแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน
“...ขอบคุณที่ปกป้องฉันจื่อจื่อ” หลานเยี่ยนสบตาผมขณะพูด
“ผมดีใจที่ปกป้องคุณได้”
“ฉันจะไม่ให้นายเจ็บแบบนี้อีกแล้ว”
“ผมว่ามันคุ้ม ถ้าการที่ผมเจ็บจะช่วยให้คุณรอดชีวิต...ผมยอมที่จะเจ็บ” ผมพูดออกไปจากใจจริง ความเจ็บเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลยเมื่อแลกกับชีวิตของหลานเยี่ยน เพราะหากเขาเป็นอะไรไปผมคงเจ็บมากกว่านี้หลายพันเท่า
“จื่อจื่อ...”
“ดีใจที่คุณปลอดภัย”
“ฉันก็ดีใจที่นายไม่ได้เป็นอะไรมาก พักอีกสักวันสองวันแล้วค่อยกลับกัน” หลานเยี่ยนพูดต่อ
“อืม” ผมส่งยิ้มบางๆ กลับไปให้
หลังจากนั้นหลานเยี่ยนก็กดปุ่มเรียกหมอและพยาบาลให้เข้ามาดูอาการผมพร้อมกับทำแผลใหม่ อาการผมดีขึ้นมาก กระสุนก็ถูกผ่าออก แผลกำลังสมานตัวทีละน้อยสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้เลยแต่อีกฝ่ายยืนยันจะให้ผมนอนพักเพื่อดูอาการอีกคืน
หลานเยี่ยนอยู่กับผมทั้งวันจริงอย่างที่พูด ด้านนอกห้องพิเศษสุดหรูมีบอดี้การ์ดเฝ้าอยู่เกือบสิบคน ผมตื่นมาในช่วงสายและอยู่คุยกันหลานเยี่ยนไปเรื่อยๆ กระทั่งช่วงบ่ายเจียงฮุยกับไป๋หยางถึงเข้ามา ทั้งคู่ยามเห็นผมเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มทำหน้าตกใจจนต้องหลุดขำ ไม่นานทั้งคู่ก็ผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอกที่ผมฟื้นขึ้นมา
ช่วงเย็นหลินเซียนที่ได้ข่าวจากหลานเยี่ยนตรงมาเยี่ยมผมพร้อมกับแฟนอย่างจงอี้ที่ดูจะห่วงผมไม่ต่างกับหลินเซียนเท่าไหร่ พอมีทั้งคู่มาอยู่ด้วยผมก็ได้ฟังเรื่องราวภายนอกหลายๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นข่าวเรื่องการกวาดล้างคนของอู่เฉียงเหล่ยที่แฝงตัวเข้าไปอยู่ในตระกูลต่างๆ รวมไปถึงข่าวสบายๆ อย่างข่าวดารา
ในวันต่อมาหลังหลานเยี่ยนให้หมอมาตรวจผมอีกครั้งก็สามารถกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้ ตลอดทั้งวันหลานเยี่ยนดูแลผมด้วยตัวเองแทบทุกอย่างตั้งแต่กินข้าวยันเข้าห้องน้ำแม้ผมจะปฏิเสธว่าไม่ต้องแต่สุดท้ายอีกฝ่ายก็ยังทำตามใจตัวเองอยู่ดี
ช่วงที่หลานเยี่ยนหยุดเอกสารคงวางกองจนต้องหาโต๊ะเสริมมาตั้งแล้ว พวกงานด่วนๆ เจียงฮุยกับไป๋หยางขนกลับมาให้ถึงห้อง ความจริงผมเสนอว่าสามารถไปทำงานกับเขาได้แต่อีกฝ่ายไม่ยอม เขาอยากให้ผมหายดีก่อนค่อยไปทีเดียว
“เรื่องคนของอู่เฉียงเหล่ยไปถึงไหนแล้ว” ผมหาเรื่องคุยขณะเดินเล่นภายในสวน
“จัดการได้หมดแล้ว จากนี้ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง คงไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งกับตระกูลไห่อีกแล้ว”
“เพราะในอนาคตจะมีจงอี้เข้ามาเสริม?”
“ใช่” หลานเยี่ยนพยักหน้ายอมรับ
“พูดแบบนี้แปลว่ายอมรับจงอี้เป็นน้องเขยแล้วใช่รึเปล่า” ผมฉีกยิ้มกว้างระหว่างถาม
ตระกูลเหม่าของจงอี้เป็นตระกูลที่มีอำนาจมากเป็นรองแค่ตระกูลไห่หรือก็คือมีอิทธิพลเป็นอันดับสองซึ่งทั้งสองตระกูลไม่ใช่พันธมิตรกัน แต่ตอนนี้น้องสาวตระกูลไห่กำลังคบกันหวานแหววกับคุณชายตระกูลเหม่า นั่นหมายถึงในอนาคตฐานอำนาจของทั้งสองตระกูลจะขยายใหญ่มากจนตระกูลอื่นไม่อาจเทียม ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็คงไม่มีใครกล้ามาเป็นศัตรูกับตระกูลไห่หรือตระกูลเหม่าอย่างแน่นอน
“...รอดูอีกหน่อย” หลานเยี่ยนหยุดคิด คิ้วสองข้างเริ่มขมวดเข้าหากันแน่นขึ้น
“แหน่ะๆ หวงน้องสาวล่ะสิ” ผมพูดอย่างคนรู้ทัน
“ไม่หวงได้รึไง”
“ก็จริง ถ้าผมมีน้องก็คงหวงมากแน่ๆ” ยิ่งกับน้องสาวที่นอกจากสวยแล้วยังนิสัยดีอย่างหลินเซียนผมยิ่งหวงเป็นพิเศษ ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่จริงใจโดนผมเตะแน่
“นายมีน้อง” หลานเยี่ยนหันมามองผม
“ผมเป็นลูกคนเดียวนะ คุณเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า” ผมมั่นใจมากๆ ว่าตัวเองไม่มีน้องที่ไหน ทั้งพ่อทั้งแม่ผมก็เสียไปนานมากแล้ว
“หลินเซียนไง”
“...”
“น้องของฉันก็เป็นน้องของนายด้วย” คำพูดของหลานเยี่ยนไม่ได้หวานแต่กลับทำให้หัวใจผมเต้นรัวขึ้นมาราวกับจะบอกว่าพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน
“หลานเยี่ยน...”
“ฉันรักนาย” ประโยคสารภาพรักดังขึ้นโดยไม่ทันให้ผมได้เตรียมใจ แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินทว่าสภาพผมกลับไม่ได้ต่างกันเลย
“นี่คุณ...”
“อยู่กับฉันเถอะจื่อจื่อ อยู่กับฉันที่นี่...อย่ากลับไปเลย” หลานเยี่ยนหันมาเผชิญหน้ากับผมตรงๆ ดวงตาคู่นั้นสบประสานสื่อความแน่วแน่และจริงจังในสิ่งที่เอ่ย
“...คุณอยากให้ผมอยู่นี่ในฐานะอะไรล่ะ” ผมยังไม่ได้ตอบคำถามนั้นแต่ถามกลับแทน
“แล้วนายอยากอยู่ในฐานะอะไร”
“ผมถามคุณ ไม่ใช่ให้คุณมาถามผมกลับนะ”
“ได้ทุกตำแหน่งที่นายต้องการ แค่นายอยู่ข้างๆ ฉันไม่ไปไหนก็พอ” อีกฝ่ายขยายความ
“เพื่อน?” ผมหยั่งเชิงด้วยสถานะแรก
“ไม่” หลานเยี่ยนส่ายหน้า
“เพื่อนสนิท?”
“ไม่” เป็นอีกครั้งที่หลานเยี่ยนส่ายหน้าในขณะที่ผมอมยิ้มจนปวดแก้ม
ได้ทุกตำแหน่งที่ต้องการอะไรล่ะ พูดมาสองตำแหน่งก็ได้คำปฏิเสธมาตลอด ผมรู้ว่าหลานเยี่ยนมีตำแหน่งให้ผมในใจแล้วแค่เขาอาจจะอายที่ต้องพูดมันขึ้นมาหรือไม่ก็อาจจะรอเวลาอีกสักหน่อย
“พี่เลี้ยงคุณเอ้า” ผมตอบใหม่
“ไม่เอา” หลานเยี่ยนเสียงเข้มขึ้นทันที
“งั้นจะเอาอะไร”
“เอานาย”
“...” ปากผมที่กำลังจะสวนกลับอ้าอยู่แบบนั้นโดยไม่มีเสียงใดๆ หลุดออกมา คำพูดสองแง่สามง่ามนั่นทำเอาหัวใจผมเต้นรัว ใบหน้าเองก็แดงขึ้น
“เป็นคนรักของฉันเถอะจื่อจื่อ” หลานเยี่ยนอาศัยช่วงที่ผมกำลังทำตัวไม่ถูกก้าวเข้ามาประชิดเอื้อมมือมาจับมือสองข้างผมไว้แน่น
“...ของ่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ” คำของ่ายๆ บรรยากาศก็ไม่โรแมนติกแต่ผมกลับยิ้มไม่หุบ
“จะทำให้ยากไปทำไม”
“เพื่อให้เป็นความทรงจำละมั้ง”
“งั้นอยากให้ทำยังไง” อีกฝ่ายถามกลับ
“ไม่ต้องทำอะไร แบบนี้ดีแล้ว” ไม่ต้องมากมายแค่เป็นตัวตนของหลานเยี่ยนแค่นั้นก็พอแล้ว
“ดีแล้ว?”
“อืม”
“คำตอบล่ะ” หลานเยี่ยนทวงคำตอบ สองมือที่จับเกร็งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เหมือนอีกฝ่ายจะตื่นเต้นทว่าใบหน้ากลับยังนิ่งเหมือนเดิม แต่ถ้าสังเกตดีๆ ดวงตาสีเทานั่นกำลังสั่นไหวอย่างรอคอยและเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ราชสีห์หรือลูกแมวตัวใหญ่กันแน่นะ
“คุณยอมให้ผมปฏิเสธเหรอ” เท่าที่รู้จักกันผมว่าไม่นะ
“ไม่” นั่นไง
“เอาแต่ใจ” ปากพูดแบบนั้นแต่ใบหน้าผมกลับปรากฏรอยยิ้มกว้างขึ้น
“นายก็รู้นี่”
“หนีกลับซะดีไหม” ผมลองแกล้งพูดดู
“ถ้าคิดว่าหนีได้จะลองดูก็ได้ ไม่ยอมให้หนีไปไหนแน่จื่อจื่อ” หลานเยี่ยนยกยิ้มมุมปากคล้ายจะท้าทายผมให้ลองหนีดูสิ ลองดูว่าแมวที่กลับคืนร่างเป็นราชสีห์จะยอมให้หนีรึเปล่า
“...คิก” ว่าจะไม่ขำแล้วแต่ท่าทางของหลานเยี่ยนทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“จื่อจื่อ คำตอบ” เป็นอีกครั้งที่อีกฝ่ายทวงหาคำตอบ
“อืม”
“อืมคือ?”
“ตกลง...ผมจะเป็นคนรักของคุณ”
หมับ!
หลานเยี่ยนออกแรงดึงตัวผมให้เซเข้ามาในวงแขนที่อ้ารับไว้ ร่างผมถูกกอดรัดแน่นภายใต้วงแขนอุ่นๆ ปลายจมูกโด่งๆ ซุกไซ้สูดดมกลิ่นกายผมในระยะใกล้ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นกดจูบซ้ำๆ บริเวณลำคอไล่ขึ้นมายังปลายคาง และแก้มซ้ายขวา ไม่เว้นแม้แต่ปลายจมูกหรือหน้าผากก็ยังถูกริมฝีปากนั้นประทับรอย
“จื่อจื่อ...ฉันดีใจมาก มีความสุขที่สุดเลย” พูดจบก็ไล่ฟัดผมต่ออีกรอบ
“อื้อ...ผมก็มีความสุขมาก” เพราะจะได้อยู่ด้วยกันต่อไปผมถึงได้มีความสุข
“รัก...รัก...รัก”
“ผมรู้แล้ว อื้อ...หยุดจูบก่อน” ผมต้องเบนหน้าหลบสัมผัสจากริมฝีปากนั้นที่ประทับลงมาครั้งแล้วครั้งเล่าไม่มีทีท่าว่าจะพอหรือหยุดลง
“ยังไม่อยากหยุด”
“...ไม่อยากให้ผมเป็นฝ่ายทำบ้างเหรอ”
“...” แค่ประโยคเดียวของผมทำให้อีกฝ่ายชะงักทันควัน หลานเยี่ยนหยุดสิ่งที่ทำอยู่ขยับตัวออกห่างเล็กน้อยมองผมด้วยสายตาคล้ายกำลังรอคอยสัมผัสจากผมบ้าง
“คิก...คุณนี่นะหลานเยี่ยน น่ารักจริงๆ” ผมว่ารอยยิ้มของผมในวันนี้คงกว้างมากกว่าทุกๆ วัน
“น่ารักก็รักให้มากๆ ล่ะ” หลานเยี่ยนตอบกลับ
“แค่นี้ก็รักจะแย่แล้ว” ผมเริ่มด้วยการกดจูบบริเวณปลายคางของหลานเยี่ยนก่อนจะไล่ไปยังแก้มข้างขวาและซ้าย ตามด้วยปลายจมูกและเขย่งเท้าเล็กน้อยเพื่อจะจูบหน้าผากนั้น ผิวของหลานเยี่ยนไม่ได้เนียนนุ่มเหมือนผู้หญิงแต่กลับให้สัมผัสที่ชวนให้ใจเต้น
ฝ่ายกระทำอย่างผมทำไมถึงรู้สึกเขินขึ้นมาล่ะ ควรจะเป็นหลานเยี่ยนไหมที่ต้องเขิน
“...อีก”
“ฮืม?”
“ขออีกรอบ”
“พอแล้ว” ผมส่ายหน้ารัวๆ แค่ครั้งเดียวก็เขินจนแทบมุดดินแล้ว
“ถ้าไม่ทำฉันทำนะ จะฟัดให้ช้ำเลย” หลานเยี่ยนไม่ได้ขู่แต่เอาจริงแน่
“คุณ...”
“จื่อจื่อ” อีกฝ่ายเร่ง
“รู้แล้ว แค่ครั้งเดียวนะ” พูดจบผมก็ยอมสัมผัสใบหน้านั้นอีกรอบ แต่เมื่อสัมผัสเสร็จผมกลับถูกหลานเยี่ยนลากตัวกลับเข้าไปด้านในก่อนจะฟัดผมจนช้ำไปแทบทั้งตัว
..........................................
งื้อออ แต่งไปเขินไป เป็นตอนที่มีหลากหลายอารมณ์มาก
เปิดมาบู๊ๆ แต่ปิดด้วยความหวาน
การขอเป็นคนรักสไตล์หลานเยี่ยนก็จะประมาณนี้แหละค่ะ 55
น่ารักไปอีกแบบ จื่อจื่อควรจะรู้ตัวว่าไม่มีทางหนีหลานเยี่ยนพ้นนน
เราไปอ่านคอมเม้นท์มา มีคนบอกว่าคาแร็กเตอร์ตัวละครในนิยายของเราเหมือนกันหมด ตัวละครไม่หลุดกันเลย ว่ากันตรงๆ เราค่อนข้างเสียใจแต่ก็รับคำติชมด้วยความยินดีค่ะ เราไม่ใช่นักเขียนที่เก่ง มีหลายอย่างที่ยังต้องพัฒนา เราจะนำทุกคำติชมไปพัฒนาผลงานต่อๆ ไปให้ดีกว่านี้ค่ะ ขอบคุณสำหรับคำติชมนะคะ
ตอนหน้าจะเป็นตอนจบแล้วนะคะ(ไม่แน่ใจ ถ้าตอนยาวอาจแบ่งเป็น2ตอน)
ใครอยากเห็นทั้งคู่เลี้ยงกระต่ายตอนหน้าห้ามพลาด
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่า
บ๊ายบาย
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ตอนรถโดนไล่บี้ ตัวละครยังคุยกันเหมือนอยู่ในโลกส่วนตัว ถ้าเป็นหนัง มันคือ in the middle of ฉากบู๊ เราคิดว่าถ้าฉากคุยเกิดขึ้นก่อนรถโดนเบียด จะสมจริงขึ้นค่ะ
แต่ละคนมีสไตล์การแต่งของตัวเองค่ะ สำหรับเราเรื่องนี้มนุกมากกกกกกกกกกก
น่ารักกก หุบยิ้มไม่ได้เลยค่ะ 😍😍😍 ขอเสนอเพิ่มนะคะ เราอยากมีเรื่องให้ตัวนายเอกมีคาแรกเตอร์ที่แบบดุๆ ชอบพระเอกยากๆหน่อยค่ะแบบนั้นจะฟินมากเลยยยอร้ายยยย!!!นายเอกโหดได้ยิ่งดีค่ะชอบบบบ สุดท้ายนี้ไรท์ทำดีแล้วค่ะ อาจจะต้องปรับการดำเนินเรื่องหน่อยที่เร็วไปสำหรับนะ55แต่ก็โอเคแล้วค่ะ สู้ๆนะคะเราจะติดตามไปตลอดเลยค่ะ🥰🥰🥰
โง้ยยยยยยย ตอนนี้ฟินมากกก55555
รอน้าาาาา ปล.ไม่อยากให้จบเยยย5555
จื่อจื่อน้องๆๆๆ น่ารักทั้งคู่เลยยยย
ปล.อยากให้ไรท์เเต่งเเนว พ่อมด เเวมไพร์ องค์ชาย ดูได้มั๊ยอ่าาา เราอยากอ่านนส