อาณาจักรเวธาณาร์เป็นอาณาจักรขนาดใหญ่อันเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ทั้งทางธรรมชาติและวัฒนธรรมการใช้ชีวิต แม้ประชากรจะมีจำนวนไม่มากหากเทียบกับพื้นที่ของอาณาจักรแต่ความสามารถของพวกเขาต่างไม่เป็นลองใครจนอาณาจักรใกล้เคียงยังต้องยอมสวามิภัคเพื่อหลีกเลี่ยงการทำสงครามอย่างไร้ความหมาย อาณาจักรเวธาณาร์จึงอยู่บนจุดสูงสุดที่อาณาจักรใดๆ ต่างหวั่นเกรง
ไม่เพียงแค่ความสามารถขององค์ราชาผู้ซึ่งมีไหวพริบและการวางแผนเป็นยอดแต่ยังมีเหล่าทหารรวมไปถึงองครักษ์ที่มีฝีมือฉกาจ การต่อสู้ของที่นี่ไม่ได้ใช้ปืน รถถังหรือขีปนาวุธแต่เป็นสิ่งที่ทรงอนุภาคมากกว่าหลายเท่าหากถูกใช้โดยผู้มีฝีมือนั่นคือ...
การร่ายคาถาเพื่อกำหนดเวทย์ไปจนถึงการใช้พลังอย่างเหมาะสมเพื่อให้เวทมนตร์นั้นสามารถทำงานได้ตามใจนึก โดยเวทมนตร์จะแบ่งออกเป็นหลากหลายประเภทอย่างเวทมนตร์โจมตี ป้องกัน ผนึก ฟื้นฟู หรือแม้แต่เวทย์พิเศษและอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งหมดถือเป็นเรื่องปกติที่คนในอาณาจักรต่างเรียนรู้และควบคุมพลังของตนไม่ให้สร้างความเดือดร้อน
อาณาจักรเวธาณาร์มีราชาผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดมาหลายสิบรุ่น ปัจจุบันคือราชาลำดับที่ 36 แห่งราชวงศ์เวธาณาร์ คราสเมทิส เวธาณาร์หรือราชาคาราส โดยมีปราสาทอยู่เหนือสุดของเมืองติดกับภูเขาและป่ารกทึบทางด้านหลังปราสาทซึ่งมีน้ำจากภูเขาแตกแขนงออกเป็น 3 สายไหลผ่านตัวปราสาทลงไปยังที่อยู่อาศัยของประชาชน
องครักษ์ประจำตัวราชาในเบื้องหน้าจะมีคนสนิทอยู่ 2 คน แต่ละคนก็จะมีลูกน้องในอาณัติอีกหลายสิบคน สำหรับเบื้องหลังมีองครักษ์ที่ไม่ได้เปิดเผยตัวตนต่อสาธารณะอยู่ พูดง่ายๆ คือทำงานอยู่ในเงาของอาณาจักโดยไม่มีใครล่วงรู้ถึงตัวตน ชื่อที่ใช้เรียกคือองครักษ์เงา และตัวผมเองก็เป็นหนึ่งในองครักษ์เงาขององค์ราชา
หน้าที่ของพวกเราไม่ต่างจากองครักษ์ปกติคือคอยปกป้องราชาและคนของราชวงศ์ตามคำสั่ง ความแตกต่างมีเพียงพวกเราสามารถเคลื่อนไหวได้โดยไม่จำเป็นต้องรอคำสั่งหากเห็นว่ามีสิ่งผิดปกติต่างจากองครักษ์ปกติที่ต้องคอยคำสั่งก่อนลงมือทำอะไรสักครั้ง
เวทย์พรางตาถูกร่ายพร้อมร่างผมในชุดสีดำสนิทตัดกับสีผมและสีตาวิ่งตามกลุ่มคนผู้ได้ชื่อว่าโจรลักพาตัวตามลำพังปราศจากลูกน้อง องครักษ์เงาส่วนมากเป็นพวกมีพื้นที่ส่วนตัวสูงจึงไม่ชอบและไม่ถนัดการทำงานเป็นทีม ดังนั้นเมื่อมีเรื่องต้องทำอย่างมากจะติดทหารไปด้วยสักนายสองนายทว่าตอนนี้ผมไม่มีเวลาแม้แต่จะแจ้งใครถึงเหตุการณ์ตรงหน้า
กลุ่มคนในชุดดำประมาณ 5 คนหนึ่งในนั้นอุ้มร่างของเด็กชายในวัย 9 ขวบแบกไว้บนหลังในสภาพถูกปิดปากและตาอย่างแน่นหนา หากเป็นเด็กของประชาชนปกติผมคงปล่อยให้เจ้าหน้าที่ทำงานแต่นี่เป็นองค์ชายเพียงคนเดียวของอาณาจักรเวธาณาร์ ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องบังเอิญ ผมซึ่งชอบนั่งเล่นอยู่ตามชายป่าหลังปราสาทเห็นองค์ชายฮาเบลโธสท์ เวธาณาร์หรือองค์ชายฮาล์บถูกกลุ่มคนไม่น่าไว้ใจจับตัวออกมาทางประตูหลังของปราสาท
ผมไม่รู้ว่าคนพวกนั้นผ่านทหารรักษาการมาจนถึงทางออกนี่ได้ยังไงแต่ในเมื่อมาเจอผมคงให้ไปต่อมากกว่านี้ไม่ได้ ผมจึงร่ายเวทมนตร์พรางตัวเพื่อไม่ให้ถูกอีกฝ่ายสังเกตเห็นแล้วไล่ตามเข้าป่าไป เวทย์พรางตัวถือเป็นหนึ่งในเวทย์ประเภทพิเศษ เวทย์นี้จะบิดเบือนรอบกายให้ใกล้เคียงกับคำว่าโปร่งใสมากที่สุดอีกทั้งยังปกป้องผู้ที่อยู่ภายในไม่ให้ถูกอีกฝ่ายจับสัมผัสได้ ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าหรือแม้แต่เสียงพูด
“กลุ่มก้อนของพลังจงตื่นขึ้นจากการหลับใหล จงแตกแขนงและพุ่งใส่ผู้ที่อาจมายืนขวางเบื้องหน้าเรา” คาถาเวทมนตร์ถูกเอ่ยพร้อมกับวงแหวนเวทมนตร์สีขาวรูปวงกลมปรากฏขึ้นบนพื้น พลังเวทย์ในกายถูกดึงออกมาแปรเปลี่ยนเป็นลูกบอลขนาดเล็กทว่าอัดแน่นไปด้วยพลังจำนวน 5 ลูก เพียงสะบัดมือเบาๆ ลูกบอลเวทย์เหล่านั้นพุ่งออกจากเวทย์พรางตัวตรงไปจัดการเป้าหมายทั้ง 5 คนได้ภายในพริบตาเดียว
“อั๊ก! โจมตีมาจากไหน แบบนี้มันลอบกัดนี่หว่า!” เจ้าของน้ำเสียงแค้นเคืองบนพื้นพยายามหันซ้ายขวาหาศัตรูที่อาจหลบซ่อนตัวอยู่โดยไม่นึกเอะใจเลยว่าเจ้าของเวทมนตร์เมื่อครู่ยืนอยู่ตรงหน้านี่เอง
ถึงจะโจมตีไม่ได้แต่พวกเขายังขยับได้ การโจมตีผมไม่ได้แรงขนาดเอาชีวิตแต่หากปล่อยไว้อีกฝ่ายอาจร่ายเวทย์โจมตีกลับมาก็เป็นได้
“ช่วยไม่ได้ คงต้องขอให้หลับไปละนะ ประกายแห่งพฤกษาจงนำพวกเขาสู่ห้วงนิทราอันเป็นนิจรัน” พลังเวทย์ถูกบีบอัดให้มีขนาดเล็กดั่งละอองแล้วโปรยปรายใส่ศัตรูทุกคนบนพื้น โดยผมก้าวช้าๆ ไปยังองค์ชายผู้ถูกลักพาตัวก่อนจะอุ้มร่างนั้นขึ้นในจังหวะเดียวกับร่างเล็กนั่นสะดุ้งเล็กน้อย
คงคิดว่าผมเป็นพวกเดียวกันคนร้ายละมั้ง
“ไม่เป็นไรพระเจ้าค่ะองค์ชาย กระหม่อมมาช่วยพระองค์” ผมกระซิบพลางแกะผ้าปิดตารวมไปถึงที่ปิดปากอยู่ออก ดวงตาสีฟ้าสดสั่นระริกจับจ้องมายังใบหน้าผม เส้นผมสีทองชุ่มเหงื่อจากการดิ้นรนและขัดขืนเป็นเวลานาน ทว่าสิ่งเหล่านั้นไม่อาจปิดความหล่อเหลาขององค์ชายได้
แค่มองก็รู้เลยว่าอนาคตต้องมีหญิงสาวทั้งในและนอกอาณาจักรมาหลงใหลเป็นแน่
“...เจ้าเป็นใคร” น้ำเสียงสงสัยแฝงไปด้วยความไม่ไว้ใจนัก
“รู้ไว้แค่กระหม่อมไม่คิดร้ายกับพระองค์แน่นอน พวกเรากลับกันเถอะพระเจ้าค่ะ” ผมก้มตัวลงไปบอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“...สีขาว” น้ำเสียงนุ่มๆ ตามประสาของวัยเด็กมาพร้อมฝ่ามืออุ่นๆ แนบลงบนใบหน้าผมที่ก้มลงไปหาเล็กน้อย
ความอุ่นนั่นทำเอาร่างกายผมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะจัดการให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว สีขาวที่องค์ชายหมายถึงคงไม่พ้นสีผมและสีตาของผมซึ่งมีสีเดียวกันคือสีขาว มันเป็นความผิดปกติทางพันธุกรรมที่เกิดขึ้นได้ยากยิ่ง ไม่ว่าใครที่เห็นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าขยะแขยงไม่ก็น่ารังเกียจ
ผมมองตัวเองผ่านกระจกยังรู้สึกแบบนั้นเลย
ผิดแปลกจากมนุษย์ปกติจนไม่กล้าอยู่ท่ามกลางสังคม ด้วยความช่วยเหลือจากองค์ราชาจึงได้เก็บผมมาเลี้ยงเมื่อหลายปีก่อนที่ถูกทิ้งเพราะความผิดปกตินี้ และเมื่อผ่านไปเพียงไม่กี่ปีผมก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในองครักษ์เงาด้วยฝีมือระดับสูงกว่าใครๆ แม้แต่ผู้ใหญ่บางคนยังไม่อาจเอาชนะผมได้
ถึงจะมีฝีมือแค่ไหนแต่ความผิดแปลกยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ผมไม่ส่องกระจก ไม่มองภาพสะท้อนบนผิวน้ำเพื่อลืมเลือนว่าตัวตนของตัวเองนั้นผิดปกติ
“ขอโทษที่ทำให้พระองค์ขยะแขยง ถ้ายังไงโปรดขยับออก...” ยังไม่ทันพูดจบฝ่ามืออุ่นๆ อีกข้างก็เอื้อมมานาบกับแก้มด้านซ้ายโดยมือข้างเดิมยังสัมผัสใบหน้าผมอยู่
“ใครกันที่พูดว่าขยะแขยง ไม่เลยสักนิด” น้ำเสียงคล้ายจะไม่สบอารมณ์ดังก้องอยู่ในเวทมนตร์พรางกาย
“...องค์ชายฮาล์บ” ร่างกายราวกับไร้น้ำหนักทรุดตัวลงไปกองบนพื้นดินเงยหน้าขึ้นมองดวงตาสีฟ้าสดดั่งท้องฟ้าในยามอรุณพร้อมหัวใจในอกที่เริ่มเต้นแรงกว่าปกติ
“สวย...ทั้งสีดวงตาและสีผมนี่สวยมากๆ เลย” ไม่เพียงแค่คำพูดแต่อีกฝ่ายยังขยับหน้าเข้ามาใกล้ก่อนจะเผยรอยยิ้มกว้างออกมาราวกับจะยืนยันถึงคำพูดเมื่อครู่
ดวงตาสีขาวของผมเบิกกว้างและสั่นระริกมากจนไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีกเมื่อได้ยินคำพูดนั่น ในอกร้อนวูบเช่นเดียวกับภายในหัวใจส่งเสียงแสดงความยินดีอย่างไม่เคยเป็น
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้รับคำชมในสิ่งที่ตัวเองเกลียดมาตลอด
“...องค์ชาย ปล่อยมือเถอะพระเจ้าค่ะ” ขืนถูกฝ่ามืออุ่นๆ นั่นนานกว่านี้คงไม่ไหว แค่นี้หัวใจก็พองโตเกินพอแล้ว
“ถ้าใครพูดว่าขยะแขยงอีกมาบอกข้าเลยนะ จะจัดการให้” น้ำเสียงแสนจริงจังเรียกรอยยิ้มบางจากมุมปากผมได้
ช่างเป็นองค์ชายที่สว่างและอ่อนโยนอะไรขนาดนี้
“ขอบพระทรัยองค์ชาย เรากลับปราสาทกันเถอะพระเจ้าค่ะ”
“อืม อ้อ...ขอบคุณที่มาช่วยข้านะ” ระหว่างออกเดินองค์ชายฮาล์บก็คว้ามือผมแล้วบอกด้วยรอยยิ้ม
“แสงสีเขียวแห่งการรักษาโปรดช่วยฟื้นฟูบาดแผลด้วยพลังแห่งเรา ครั้งหน้าโปรดระวังตัวด้วยนะพระเจ้าค่ะ” ผมพึมพำพลางเอื้อมมือไปแตะแก้มสีขาวอมเหลืองไล้บาดแผลทะลอกเป็นเส้นยาว ทันทีที่ร่ายจบแสงสีเหลืองอมเขียวส่องสว่างก่อนบาดแผลนั้นจะหายไป
“ว้าว เวทย์ฟื้นฟูสุดยอดเลย ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถใช้เวทย์นี้ได้นะ” องค์ชายทำแววตาตกตะลึงปนสนใจ มือข้างนึงยกขึ้นแตะแผลตัวเองที่หายไปแล้ว เป็นอย่างที่องค์ชายบอกไม่ใช่ทุกคนจะใช้ได้ ไม่เพียงแค่เวทย์นี้แต่เป็นทุกเวทย์ แต่ละคนมีความสามารถจะใช้เวทย์ได้แบบจำกัดอาจเรียกว่าเป็นโชคชะตาที่ถูกกำหนดมาแล้วละมั้ง
“องค์ชายฮาล์บ” ผมหยุดเดินและนั่งคุกเข่าลงกับพื้นเงยหน้ามองใบหน้าสดใสตรงหน้า
“โปรดรักษารอยยิ้มและความอ่อนโยนนี้ไว้นะพระเจ้าค่ะ” องค์ชายส่วนมากพอโตขึ้นจะเริ่มเปลี่ยนไป รอยยิ้มและความอ่อนโยนจะหายไปเพราะอำนาจและทรัพย์สมบัติที่มี ผมไม่อยากให้เขาเปลี่ยนไป นิสัยแบบนี้แหละเหมาะจะขึ้นเป็นราชาองค์ต่อไป
“ก็ได้อยู่หรอก งั้นมาสัญญากัน” อยู่ๆ องค์ก็พูด
“ข้าสัญญาจะทำตามที่เจ้าบอก เจ้าเองก็ต้องสัญญาด้วยว่าต่อจากนี้จะไม่พูดว่าตัวเองขยะแขยะอีก สัญญานะ” ผมมองเด็กตรงหน้าด้วยความรู้สึกบางอย่างเริ่มพลั่งพรูออกมา
“...พระเจ้าค่ะ เรามาสัญญากัน”
นิ้วก้อยสองนิ้วเกี่ยวพันและขยับขึ้นลงเล็กน้อยเป็นการเสร็จพิธี
หลังจากนั้นผมพาองค์ชายฮาล์บมาส่งยังปราสาทท่ามกลางความชุลมุนภายในปราสาทเนื่องจากองค์ชายหายตัวไป เรื่องราวของโจรลักพาตัวผมบอกต่อองค์ราชาโดยตรงก่อนจะส่งตัวโจรทั้ง 5 คนที่ใช้เวทมนตร์หอบกลับมาด้วยให้กับทางการ
นับจากวันนั้นสายตาของผมมักมองไปยังองค์ชายฮาล์บจากในมุมมืดเสมอ ไม่มีว่าองค์ชายจะเรียกร้องหรือพยายามหาผมสักเท่าไหร่ผมก็ไม่ออกไปพบอีก หัวใจผมมันสื่อสารออกมาชัดเจนว่าตกหลุมรักองค์ชายเพียงคนเดียวของอาณาจักเวธาณาร์อย่างหมดหัวใจ และเพราะแบบนั้นผมถึงเลือกจะอยู่ในเงาไม่ออกไปเจอกับแสงสว่างอีก
ผมรู้ว่ามันไม่มีคำว่าอนาคตระหว่างผมและเขา
แน่นอนว่าต่อให้มีผมนี่แหละที่จะตัดมันเอง
แสงสว่างคู่ควรกับแสงสว่างแบบเดียวกันไม่ใช่ความมืดในเงาแบบผม
.........................................................
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ พอจะถูกใจทุกคนรึเปล่า
เราพยายามพัฒนาฝีมือในการแต่งขึ้นไปเรื่อยๆ หวังว่าภาษาที่ใช้จะไม่ทำให้นักอ่านงงนะคะ
กำหนดการอัพนิยายยังคงเหมือนเดิมคืออัพอาทิตย์ละตอนนะคะ
ขอฝากผลงานเรื่องใหม่ของเราด้วยนะคะ
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
เปิดเรื่องมาร่าสนใจมากค่ะ (น่าจะเป็น)นายเอกแอบรักพระเอกมาตั้งแต่ 9 ขวบ เป็นอะไรที่น่ารักมากเลย น้องจ้าวว่านานแล้วนี่น่าจะนานกว่าอีก อยากรู้เลยนายเอกอายุเท่าไหร่ ที่อ่านมาแต่ละเรื่อง เราชอบอีกอย่างคือเรื่องสีตา จะลุ้นว่านายเอก พระเอก จะสีตาอะไร เรื่องนี้ก็ว้าวเลย สีขาวกับสีฟ้า น่าสนใจจริงๆ ติดตามนะคะ
เปิดเรื่องมาดีงามมาก น่าติดตาม
พระทรัย ต้องเป็น พระทัย จ้า
ในความคิดเรา เราว่าเปลี่ยนเป็นพะยะค่ะ น่าจะดีกว่าม้าง ดูเข้ากับกลิ่นแฟนตาซี มากกว่า พระเจ้าค่ะนะ นี่อ่านละนึกถึงหนังตำนานสมเด็จฯ อะ5555555555555
รอคอยตอนเจอกันอีก
ปล.คำผิดหลายจุดเลยค่า