◈ธาราที่5◈
ยามราตรีอันเงียบสงัดมีเพียงแสงจันทร์ที่เล็ดรอดผ่านผ้าม่านเข้ามา ความเงียบที่มีทำให้การเคลื่อนไหวแม้เพียงเล็กน้อยเรียกสติที่จมดิ่งจากการนิทราให้ตื่นขึ้นได้อย่างฉับพลัน ร่างของคนข้างกายค่อยๆขยับแล้วลุกจากเตียงตรงไปยังห้องน้ำ...การเดินนั่นเบาจนแทบไม่มีเสียงแถมยังไม่ชนกับข้าวของเลยอย่างสักชิ้น นั่นราวกับรู้ถึงตำแหน่งสิ่งของทุกชิ้นภายในห้องอย่างดีซึ่งก็ถูก
คนที่ลุกไปเข้าห้องน้ำคือเจ้าของห้องที่ผมอยู่ด้วย
แม้เขาจะพยายามขยับตัวให้เบาที่สุดแต่ก็ไม่อาจหลุดรอดสัมผัสหรือสัญชาตญาณของนักล่าอย่างผมไปได้
ไดโนเสาร์กลายพันธุ์เป็นชื่อเรียกของมนุษย์ที่มียีนของไดโนเสาร์ผสมอยู่ในร่าง ด้วยยีนนั่นทำให้สามารถกลายร่างเป็นไดโนเสาร์ได้
สิ่งที่รู้ทั้งหมดล้วนมาจากสามเป็นคนบอกทั้งนั้น
ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันจนถึงตอนนี้ก็ไม่รู้หรอกว่าผ่านไปนานแค่ไหน รู้เพียงช่วงเวลาที่ได้อยู่กับคนคนนี้มันช่างวิเศษกว่าใครๆ
“ฝันร้ายเหรอลูก้า”น้ำเสียงนุ่มๆจากประตูห้องน้ำดังขึ้นเมื่อเห็นผมลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียง
“เปล่า”ผมส่ายหน้าตอบไป
ลูก้าเป็นชื่อของผม
ชื่อที่สามตั้งให้ตอนเจอกันครั้งแรก
จำได้ว่าวันแรกที่เจอกันผมกัดเขาไปหลายครั้ง ทั้งที่น่าจะโกรธหรือกลัวแต่สามกลับทำท่าทางเหมือนไม่เคยเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น เขายังคงอยู่กับผมตลอด
“งั้นก็สะดุ้งตื่น”
“...ก็ใกล้เคียง”ใช้เวลาคิดสักพักก่อนจะตอบกลับไป ที่ผมตื่นขึ้นมาก็เพราะสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวจากสาม ก่อนหน้านี้ที่อยู่ด้วยกันก็ไม่ได้มีสัมผัสดีแบบนี้ ดูเหมือนว่าการต่อสู้ครั้งแรกกับเอสเทอมีนอโซคัสจะกระตุ้นบางอย่างในตัวให้ตื่นขึ้น
“เหรอ...นี่พึ่งตี2 นอนกันต่อเถอะ”ฝ่ามืออุ่นๆเอื้อมมาลูบเส้นผมสีแปลกตาก่อนจะล้มตัวลงนอนต่อ
“อืม”ผมได้แต่จดจำสัมผัสนั้นแล้วล้มตัวลงนอนตาม
ส่วนหัวเป็นส่วนที่ไม่ชอบให้ใครมาแตะ
ทั้งที่เป็นแบบนั้นแต่กับสาม...มันต่างออกไป
เสียงลมหายใจดังเข้าออกสม่ำเสมอในเวลาไม่นานหลังจากสามนอนต่อ ผมพลิกตัวเข้าหาแผ่นหลังนั้นช้าๆพร้อมกับใช้ดวงตาสีเงินของตัวเองจับจ้องไป ไม่กี่วินาทีต่อจากนั้นร่างกายก็ขยับเข้าไปใกล้หาไออุ่นจากสามและหลับไปโดยไม่รู้ตัว
เช้าวันรุ่งขึ้นพวกเราตื่น อาบน้ำ แต่งตัวและออกไปกินมื้อเช้าเหมือนอย่างทุกๆวัน มื้อเช้าผมวันนี้เป็นข้าวต้มกุ้งและข้าวต้มทะเลชามโตผิดกับสามที่กินแค่ข้าวต้มกุ้งชามเล็กเท่านั้น
“แค่นั้นอิ่มเหรอสาม”ผมถามระหว่างจัดการข้าวต้มชามที่2
“อิ่มสิ...มื้อเช้าแค่นี้ก็พอแล้ว”
“กินน้อย”ไม่แปลกเลยที่ตัวจะเล็กกว่าผู้ชายอื่นที่นี่ เล่นกินน้อยแบบนี้จะเอาอะไรไปเลี้ยงร่างกายกันขนาดผมที่เด็กกว่าไม่รู้เท่าไหร่ยังโตถึงหน้าอกเขาแล้วเลย
“ไม่น้อยนะ...ก็กินเท่าคนปกติกินแหละ ลูก้าต่างหากที่กินเยอะ”สามตอบกลับพลางมองมายังชามข้าวต้มชามที่3ที่พึ่งถูกเสิร์ฟบนโต๊ะ
“ผมไม่ควรกิน?”พอได้ยินแบบนั้นผมก็วางช้อนลงทั้งที่ท้องยังไม่อิ่ม
“เปล่า การที่ลูก้ากินเยอะเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ถึงจะอยู่ในร่างมนุษย์แต่ก็ยังมีอีกร่างที่ต้องการพลังงาน...อีกอย่างลูก้ายังอยู่ในช่วงเติบโต กินเยอะๆน่ะดีแล้วถ้าไม่กินผมคงเป็นห่วงแน่”พูดจบสามก็ส่งยิ้มมาให้
“เข้าใจแล้ว”ถ้าไม่อยากให้สามเป็นห่วงก็ต้องกินเยอะๆ
“วันนี้ผมอาจมารับช้านะ”ความอยากอาหารที่มีลดฮวบเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
“...อีกแล้วเหรอ”ไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่ได้ยินว่าจะมาช้า รู้แค่ว่ามากจนไม่อยากนับ
“อืม...ขอโทษนะพอดีช่วงนี้มันยุ่งๆอีกแล้ว”
ก็เข้าใจว่าสามเป็นหัวหน้าอะไรสักอย่างของที่นี่เพียงแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องทำงานหนักขนาดนั้น แบ่งงานไว้ทำวันอื่นบ้างไม่ได้เหรอ หรือว่าไม่มีคนช่วยทำงาน
มีคำถามมากมายที่อยากพูดออกไปแต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้าเบาๆก่อนตักข้าวต้มเข้าปากต่อ ข้าวต้มที่มาร้อนๆควรจะอร่อยแต่ตอนนี้กลับไม่รู้สึกถึงรสชาติอะไรเลย
สามพาผมมาส่งยังตึกเดี่ยว2ชั้นที่มีเจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์น้ำกำลังนั่งคุยหรือเตรียมตัวออกไปปฏิบัติงานอยู่ คนที่ผมต้องอยู่ด้วยคือดาว ไม่สิ พี่ดาว สามบอกว่าเวลาเรียกควรมีคำนำหน้าเพื่อแสดงความนับถือหรือเคารพ
คำพูดนั่นทำให้คิดได้ว่าก็ควรเรียกสามว่าพี่ด้วย แต่ทุกครั้งที่จะลองเรียกมันก็เกิดความรู้สึกแปลกเหมือนกับไม่อยากเรียกจนตอนนี้ก็ยังไม่เคยได้เรียก
นอกจากพี่ดาวยังมีพี่จันอีกคนที่คอยมาดูแลหรือพูดคุยด้วย
“วันนี้พี่จะพาไปดูหอยเม่นนะลูก้าคุง”พี่ดาวบอกพลางเดินนำผมขึ้นไปบนสะพานซึ่งเป็นทางที่เชื่อมกับบ่อต่างๆ บ่อที่ผมเคยอยู่รู้สึกจะอยู่ไกลกว่านี้มาก
“...อืม”การที่ผมตอบเพียงคำเดียวไม่ใช่เรื่องหน้าแปลกใจ ในเมื่อไม่รู้จะพูดอะไรก็เลยเลือกที่จะไม่พูด
ตอนอยู่กับสามก็คิดว่าเหมือนเวลาอยู่กับคนอื่นนะ แต่สามบอกว่าไม่ใช่
ก็อาจใช่และไม่ใช่ด้วย
ผมไม่ใช่คนชอบพูดมากแต่ตอนอยู่กับสามมักมีอะไรบางอย่างให้สงสัยอยู่ตลอด
ไม่ใช่แค่สงสัยแต่ยังมีอารมณ์ร่วมในหลายอย่างไม่ว่าจะถูกแหย่ ถูกบ่น ถูกแกล้งหรือถูกห่วง
มันเป็นช่วงเวลาที่มีอารมณ์หลากหลายเกิดขึ้นซึ่งตอนอยู่กับคนอื่นไม่เป็นแบบนี้
“นี่คือเม่นทะเล”พี่ดาวหยุดเดินก่อนจะชี้ไปยังบ่อด้านล่างที่มีน้ำทะเลไม่ลึกมาก ด้านใต้มีทั้งปะการัง โขดหินและอะไรบางอย่างสีดำๆอยู่เต็มบ่อ
สีดำๆนั่นคือเม่นทะเลสินะ
ถึงจะอยู่ด้านบนก็สามารถเห็นหนามเรียวแหลมที่ล้อมรอบอยู่นั่นอย่างชัดเจน แค่มองดูก็รู้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่อันตราย...ไม่ควรเข้าใกล้ในร่างที่ดูอ่อนแออย่างมนุษย์ในตอนนี้
“เม่นทะเลอาศัยอยู่ตามพื้นทะเลตื้นบ้างลึกบ้างตามก้อนหินหรือแนวปะการัง พวกมันมักพรางตัวอยู่ตามซอกหินไม่ก็แนวปะการัง...แต่ในบ่อนั่นเลี้ยงไว้เยอะคงพรางตัวไม่ได้หรอกเนอะ อาหารของมันสาหร่ายที่เกาะอยู่ตามโขดหินนั่นแหละ”พี่ดาวอธิบายต่อ
“...อืม”สิ่งที่ผมคิดเมื่อมองไปยังหอยเม่นตรงหน้าคือถ้าผมอยู่ในร่างของไดโนเสาร์ผมจะกินมันให้เรียบเลย
ความน่าอันตรายนั่นไม่เท่ากับความอยากลองในรสชาติใหม่ๆที่มี
“รู้ไหมว่าหอยเม่นเป็นหนึ่งในสัตว์ที่หัวหน้าชอบเลยนะ”
“สามชอบเหรอ?”พอในคำพูดนั้นมีความเกี่ยวพันธ์กับคนที่นึกถึงอยู่เสมอก็ทำให้ประโยคนั้นน่าฟังขึ้นมาทันที
“ใช่จ้า...หัวหน้าเคยเลี้ยงเม่นด้วยนะ รักมากถึงขนาดพาใส่ตู้ไปด้วยทุกที่เลย”พี่ดาวเล่าด้วยใบหน้ายิ้มๆ
“...”ถ้ารักมากจะพาไปด้วยทุกที่แปลว่าไม่ได้รักผมเลยไม่พาไปด้วยงั้นเหรอ
ความเจ็บแปล๊บแล่นเข้ามาเมื่อคิดแบบนั้น
“ขอโทษนะครับ นี่ใช่บ่อ8เม่นทะเลรึเปล่าครับ”เสียงสอบถามกับฝีเทาของคนประมาณ6คนเดินเข้ามาใกล้
“ใช่ค่ะ...มีอะไรกับบ่อนี้เหรอคะ พวกคุณเป็นคนของพิพิธภัณฑ์สินะ”พี่ดาวพูดหลังมองไปยังชุดที่พวกเขาใส่อยู่ เสื้อสีดำปักคำว่าพิพิธภัณฑ์ด้วยสีทอง
“ครับ พวกเรามารับหอยเม่นบางส่วนเพื่อไปจัดแสดงตามที่เคยแจ้งไว้เมื่ออาทิตย์ก่อน”
“แจ้งไว้...”
“ดาว!”ยังไม่ทันถามจบเสียงเรียกพร้อมกับร่างเต็มไปด้วยของหญิงสาวก็หยุดลงตรงหน้า ผู้หญิงคนนี้เหมือนจะเคยเห็นหน้ามาก่อนแต่จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร
“โบ...มีอะไรเหรอรีบวิ่งมาเชียว”พี่ดาวถามพลางช่วยลูบหลังเพื่อคลายเหนื่อย
“โทรไปก็ไม่รับสายฉันก็เลยต้องวิ่งมาบอกด้วยตัวเองแบบนี้ไง”
“พอดีลืมโทรศัพท์ไว้ในล๊อกเกอร์ ว่าแต่มีเรื่องด่วนอะไร”
“ก็จะบอกว่าถ้ามีคนจากพิพิธภัณฑ์มารับหอยเม่นก็ให้เอาไปได้เลย”
“กำลังพูดเรื่องนี้กันอยู่เลย ขอโทษที่พึ่งทราบข่าวนะคะ เดี๋ยวพวกเราจะช่วยนำหอยเม่นขึ้นมาให้เองค่ะ”พี่ดาวบอกกับเพื่อนเสร็จก็หันไปบอกกลุ่มผู้ชายด้านข้าง
“ไม่เป็นไรครับ...รบกวนด้วย”
จากนั้นผมก็ยืนดูการขนย้ายหอยเม่นอยู่เงียบๆโดยมีคนของพิพิธภัณฑ์หลายคนหันมามองด้วยแววตาสงสัย จะไม่สงสัยก็คงแปลกด้วยสีผมอันแปลกตานี่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องขมวดคิ้วทั้งนั้น ขนาดตอนที่สามพาไปสวนสัตว์ยังมีแต่คนมองแต่เพราะไม่สนใจสายตาเหล่านั้นเลยไม่พูดอะไร
อีกอย่างที่สงสัยคือทำไมมนุษย์ถึงไม่มีสีผมเช่นเดียวกับที่ผมมี อย่างสามกับคนอื่นๆที่นี่ก็มีดำไม่ก็น้ำตาล สีฟ้าหรือแดงไม่เคยเห็นมาก่อนทั้งที่สีฟ้าเองก็เป็นสีของธรรมชาติ มีสัตว์ทะเลหลายตัวที่มีสีฟ้า ส่วนสีแดงแสดงถึงความอันตราย...ในหมู่สัตว์บกอาจรับรู้ด้วยกลิ่นก่อนจะเป็นขนาดหรือสีแต่สัตว์น้ำหากอยู่ในระยะมองเห็นจะรับรู้สีก่อนอย่างอื่น ยิ่งสัตว์ตัวไหนสามารถทำตัวเองให้มีสีจัดจ้านได้ก็ได้ทำให้ถูกล่าน้อยลงเพราะกลัวว่าสีเหล่านั้นจะเป็นภัยต่อตนเอง
เพราะงั้นผมเลยไม่กลัวหอยเม่นที่มีสีดำสนิทเพียงอย่างเดียวเท่าไหร่
เวลาผ่านไปจนถึงช่วงเย็นพี่จันที่เปลี่ยนมาดูแลผมก็พาไปยังโรงอาหารในชั้นของตึกพักอาศัย ไม่ว่าจะเช้า กลางวันหรือเย็นผมก็มากินอาหารที่นี่เสมอ นอกจากจะอร่อยแล้วยังให้เยอะอีก
“ก๋วยจั๊บอืดหมดแล้ว”เสียงทุ้มของชายผมดำฝั่งตรงข้ามเรียกสติให้กลับเข้าร่างก่อนจะมองลงไปยังชามกวยจั๊บที่ตอนนี้อืดจนหมดความน่ากิน
“...”ตอนที่สามไม่อยู่เป็นแบบนี้ทุกทีสิน่า
ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงเหม่อ
ไม่เข้าใจกระทั่งเหม่ออะไรด้วยซ้ำ
“อยากเจอน้องสามเหรอ”สรรพนามที่ใช้เรียกสามของแต่ละคนต่างกันออกไปมีทั้งหัวหน้า ด๊อกเตอร์หรือแม้แต่น้องอย่างที่พี่จันเรียก
ผมเองถูกพี่ดาวเติมคุงท้ายชื่อเหมือนกัน
“สามยุ่งกับการทำงาน”ผมพูดเสียงเบา
“ก็ถูกนะ...รู้ไหมว่าทำไมถึงยุ่ง”
“...เพราะมีงานเยอะ”
“อืม...ก็ไม่ผิดแต่ยังไม่ใช่ ปกติน้องสามจะกินนอนอยู่ในห้องทดลองจนกว่างานจะเสร็จแต่พอมีเธอน้องสามก็เอาเวลาพวกนั้นมาอยู่กับเธอแทน”
“เพราะผมทำให้สามต้องยุ่งเหรอ?”ผมถามออกไปตามตรง
การได้ฟังความเห็นจากคนอื่นนอกจากสามจะช่วยให้รู้ความจริง ถ้าถามสามคำตอบที่ได้ก็ก็คงเป็นไม่ใช่
ตั้งแต่ตอนที่พิษของผมทำให้สามบาดเจ็บแล้วทั้งที่เป็นความผิดผมแต่สามก็เอาแต่บอกว่าไม่ใช่
จนบัดนี้แผลนั่นก็ยังไม่หาย เห็นสามบอกว่ามันจะกลายเป็นแผลเป็น
“ถ้าเอาตรงๆก็ใช่... ความจริงพวกงานวิจัยมีระยะเวลาในการทำค่อนข้างนานส่วนมากก็จะเผื่อเวลาให้อยู่แล้ว ถึงจะไม่ต้องอยู่ดึกก็ทำเสร็จทัน...มั้ง”
“งั้นทำไมถึงต้องทำจนดึกล่ะ”ถ้ามีเวลาเยอะทำไมถึงไม่ค่อยๆทำ ถ้าทำแบบนั้นก็จะได้อยู่ด้วยกันเร็วขึ้น
“ก็บอกแล้วไงว่าเพราะเธอน่ะลูก้า”พี่จันยกยิ้มขึ้นระหว่างพูด
“เพราะผม...”
“ใช่...น้องสามอยากรีบทำงานให้เสร็จเพื่อจะได้มีวันหยุดยาวพาเธอไปเที่ยว”
“...พาผม...”คำตอบที่ได้ยินทำให้ดวงตาสีเงินเบิกกว้างขึ้น
ไม่เคยรู้มาก่อนเลย...เรื่องนี้
“น้องสามคงไม่บอกสินะ...เห็นว่าครั้งก่อนที่พาไปสวนสัตว์ชอบมากเลยนี่”
“ชอบ”มีแต่สิ่งมีชีวิตแปลกๆเต็มไปหมด ถึงจะคนละสายพันธ์แต่ก็สามารถสื่อสารกันได้ไม่ยากเพียงแค่มนุษย์ปกติไม่สามารถทำได้เท่านั้น
“เพราะเธอชอบน้องสามเลยอยากพาไปอีกไง...เห็นว่าครั้งนี้จะพาไป...โอ๊ะ...”ยังพูดไม่ทันจบม้วนกระดาษทิชชู่ก็ลอยมาปะทะใบหน้าก่อนจะตกลงบนโต๊ะ
“ผมบอกแล้วไงว่าอย่างพึ่งพูดเรื่องนี้ให้ลูก้าฟังน่ะพี่จัน”เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นอย่างเคืองพร้อมกับก้าวเข้ามายังโต๊ะ
“สาม”ผมเรียกเบาๆ ก่อนหน้านี้ก็ได้กลิ่นสามเดินเข้ามาแล้วแต่ไม่ได้ทักเพราะสนใจเรื่องที่พี่จันเล่าอยู่
“แหม...ก็เห็นเขาซึมๆก็อยากช่วยให้ร่าเริงขึ้นนี่...ว่าแต่มาได้จังหวะพอดีเลยนะ”พี่จันหัวเราะเล็กน้อยพลางหยิบมวนกระดาษทิชชู่ไปวางไว้ข้างๆ
“สามมาสักพักแล้ว”ผมพูดขึ้น
“...ฮะ?”พี่จันดูจะชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยิน
“มาก่อนที่พี่จันจะพูดอีก”แค่ไม่เข้ามาทักเท่านั้น ที่ไม่เดินมาคงเพราะอยากรู้ละมั้งว่าพี่จันจะพูดอะไร
“แฮะๆ...โทษทีน้องสาม”พี่จันเงนหน้าไปหาสามที่จ้องมาอย่างเคืองๆ
“อุตส่าห์จะเซอร์ไพรนส์แท้ๆ”
“ก็น่าจะบอกไปเลย ไม่งั้นเขาก็นั่งเหงาหง๋อยอยู่แบบนี้”
“ไม่ได้เหงาหง๋อยสักหน่อย”ผมแก้ตัว
“ไม่เหงาจริงเหรอลูก้า”สามถามพร้อมกับเดินมากอดผมจากด้านหลังด้วยรอยยิ้มขำขัน
“...ไม่ได้เหงา”แค่เหม่อนิดหน่อยเอง
“ปากแข็ง”
“เปล่าสักหน่อย”
“จะเปล่าได้ไงเส้นอืดขนาดนี้”สามยังคงพูดแหย่ต่อแล้วใช้นิ้วชี้จิ้มแก้มผมเล่น
“ก็แค่ไม่หิว...”
“โห...ไม่หิว อย่ามาท้องร้องตอนนอนละกัน”
“สาม”ผมเรียกอีกฝ่ายเสียงดังด้วยใบหน้าที่เริ่มแดงขึ้น
ทำไมชอบแหย่กันอยู่เรื่อยเลยนะ
“มีอะไรครับลูก้า”ใบหน้ายิ้มๆนั่นน่าโมโหอย่างบอกไม่ถูกเลย
“ลูก้าตอนอยู่กับน้องสามนี่ต่างกับตอนอยู่กับพวกเราจังนะ”อยู่ๆพี่จันก็พูดขึ้น
“ต่างตรงไหน...”ไม่เห็นว่าจะต่างเลย
“นี่ไม่รู้ตัวเหรอว่าพูดเยอะขึ้นแถมยังมีอารมณ์ร่วมซะขนาดนั้น ติดน้องสามจริงๆเลยนะ”พี่หันหันมาบอก
“...”ผมตอนอยู่กับสามเป็นอย่างที่พี่จันพูดเหรอ
“ไม่ใช่แค่ติดนะพี่จัน...ต้องบอกว่าติดมากกก รู้ไหมว่าผมเคยถามว่าไม่ชอบพี่ดาวเหรอ...คำตอบที่ได้พี่จันลองเดาไหม”สามนั่งลงบนเก้าอี้ข้างผมพร้อมกับเล่าเรื่องผมให้พี่จันฟัง
“คำตอบเหรอ...ไม่ชอบละมั้ง”
“ผิด...ลูก้าตอบว่าเฉยๆ”สามเฉลย
“ฮืม...เฉยๆนี่เป็นคำตอบประมาณไม่ค่อยสนใจสินะ”
“ผมก็ว่างั้น...แล้วรู้ไหมว่าลูก้าพูดอะไรต่อ”สามถามอีกรอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ไม่รู้สิ...เฉลยมา”
“ลูก้าบอกว่าชอบผมมากกว่า”ใบหน้าของตอนพูดคุยเรื่องผมดูมีความสุขมากจนผมต้องเม้มปากแน่นไม่ให้ตัวเองหลุดยิ้มออกมา
พอกินอาหารมื้อเย็นเสร็จพี่จันก็แยกไปผมและสามก็ขึ้นห้องตามปกติ ระหว่างรอสามอาบน้ำผมก็นั่งเฉยๆอยู่บนเตียงสีฟ้า...ในหัวก็นึกย้อนไปตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ไม่รู้ว่ามันผ่านมานานแค่ไหนรู้เพียงแค่ผมอยากให้มันเป็นแบบนี้ไปตลอด
อยากอยู่กับสามแบบนี้
ครืดดดด~ ครืดดดด~
แรงสั่นจากหัวเตียงเรียกผมให้หันไปมองเครื่องมือสื่อสารที่เรียกว่าโทรศัพท์ เหมือนสามจะเคยบอกว่าถ้ามันสั่นหรือร้องแปลว่ามีคนโทรมาหา
“สาม...มีคนโทรมา”ผมกระโดดลงจากเตียงไปบอกคนในห้องน้ำ
“ขอใส่เสื้อแป๊บ”สามตอบกลับมา
ไม่นานสามก็เปิดประตูห้องน้ำออกมาก่อนจะใช้มือขยี้หัวผมเบาๆแทนการขอบคุณแล้วรีบวิ่งไปคว้าโทรศัพท์บนหัวเตียงขึ้นมารับสายทันที
“ครับ”รับสายแล้วสามก็หันมาทำปากขมุบขมิบโดยไม่ออกเสียงว่า...
ไปอาบน้ำเถอะ
ผมพยักหน้าตอบกลับไประหว่างที่เดินไปหยิบผ้าขนหนูบนราวตาด้านข้าง หยิบเสร็จก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ
“โทรมาแบบนี้มีเรื่องอะไรอีกแล้วใช่ไหมเซโคร”นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่ได้ยินก่อนที่ผมจะปิดประตูห้องน้ำไป
สิ่งหนึ่งที่ผมรอคอยมาตลอดวันก็คือการได้นอนแช่น้ำแบบนี้ การอยู่ในอ่างที่มีน้ำเกือบเต็มทำให้รู้สึกดีจนอยากนอนในนี้ซะเหลือเกิน
อยู่แบบนี้เหมือนโดนน้ำโอบอุ้มเลย
“อ่า...”ชอบความรู้สึกนี้ที่สุดเลย
ผ่านไปสักพักใหญ่คิ้วของผมก็ขมวดเข้าหากันแน่นขึ้นเพราะปกติถ้าอยู่ในห้องน้ำขนาดนี้สามต้องมาเคาะเรียกแล้วแต่นี่กลับไม่มีแม้แต่เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้
เกิดอะไรขึ้น
ด้วยความสงสัยผมเลยลุกขึ้นจากน้ำแล้วเดินไปใส่ชุดนอนที่สามเตรียมไว้ให้ ด้วยร่างกายที่เติบโตเร็วกว่ามนุษย์ปกติสามเลยซื้อเสื้อไซด์ใหญ่กว่าตัวมาให้
พอเดินออกมาก็ต้องหยุดนิ่งเพราะสามยังคงถือโทรศัพท์ไว้แนบหูหันหลังให้อยู่ สามดูจะรู้ว่าผมออกมาแล้วเลยวางสายลงก่อนจะยกแขนเสื้อขึ้นเพื่อเช็ดอะไรบางอย่างออก
“นี่สาม...”คำพูดที่คิดไว้ถูกกลืนลงคอไปเมื่อเห็นใบหน้าของสามที่หันมา สามเป็นคนผิวสีน้ำผึ้งเวลาโกรธหรืออายก็เห็นได้แค่รางๆแต่ตอนนี้ขอบตาของสามกลับแดงจนเห็นได้อย่างชัดเจน
“หื้ม?”รอยยิ้มนั่นดูฝืนจนผมต้องก้าวไปหยุดอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่รีรอ
“เกิดอะไรขึ้น”เรื่องที่ผมอยากรู้ช่างมันไปก่อนเถอะ
ตอนนี้ผมต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสาม
ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้น
“เปล่า...”
“คิดว่าผมมองไม่ออกรึไง”ไม่ต้องรอให้พูดจบผมก็ตะโกนแทรกคำโกหกพร้อมดึงอีกฝ่ายให้ก้มลงมาเผชิญหน้ากันตรงๆ
“...ลูก้า”
“อย่าหลบตาผม”ผมพูดต่อเมื่อสามหลบตาหนี
“พรุ่งนี้ไปเที่ยวค้างคืนกันสองคนนะ”อยู่ๆสามก็เปลี่ยนเรื่อง
“...พรุ่งนี้สามต้องทำงานนี่”ไหนว่ายังไม่เสร็จเร็วๆนี้ไงแล้วทำไมถึงได้ว่างพาไป
“ลาเรียบร้อย...ผมจะพาลูก้าไปเที่ยวตลอด1อาทิตย์เลย”พูดเสร็จสามก็ดึงผมเข้าไปกอดแน่น ผมสัมผัสได้ว่ามันแน่นกว่าครั้งไหนๆที่ถูกกอด
“สาม...”
“นะ...ไปกันนะ”เสียงอู้อี้ที่กระซิบข้างหูกับสัมผัสของแขนที่โอบกอดไว้แน่น
ทั้งที่น่าจะดีใจกับการได้ไปเที่ยวกับสามแต่กลับมีความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้น
อะไรบางอย่างมันแปลก
“อืม”แต่ถึงแปลกการได้อยู่กับสามทั้งวันก็เป็นสิ่งที่ผมรอมากที่สุด
“ไปจัดของกันดีกว่า...เดี๋ยวจะพาไปเล่นน้ำตกแล้วก็เดินตลาด ถ้าเหลือเวลาจะพาไปทะเลด้วย”สามปล่อยแขนที่กอดผมก่อนจะเดินไปยังตู้เสื้อผ้าเพื่อเอากระเป๋าเดินทางออกมา
“ไม่เป็นไรจริงเหรอสาม”
“อืม...ผมจะเป็นอะไรล่ะ แข็งแรงสุดๆเลย”คำตอบที่ได้และรอยยิ้มนั้นทำให้ผมเบาใจขึ้นนิดหน่อย
สามดูร่าเริงขึ้น แต่ก็ยังรับรู้ได้ถึงบรรยากาศแปลกๆที่แผ่ออกมา
ถ้าสามไม่ยอมบอกผมก็ทำอะไรไม่ได้ ถึงจะบอกผมก็อาจทำอะไรไม่ได้เหมือนเดิมก็ได้
“เพราะยังเป็นเด็ก...งั้นเหรอ”
“ว่าไงนะลูก้า”สามหันมาหาผมที่ยืนอยู่ห่างๆจึงแทบไม่ได้ยินสิ่งที่ผมพูด
“เปล่านี่...ผมช่วยนะ”ผมเลือกที่จะส่ายหน้าแล้วเดินเข้าไปช่วยสามจัดของ
การเดินทางท่องเที่ยวตลอด1อาทิตย์ได้เริ่มขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว พวกเราเดินทางกันโดยรถยนต์คันสีเงินที่มีสามเป็นคนขับพายังสถานที่ต่างๆ สถานที่แรกที่พาไปเป็นตลาดที่มีคนเยอะมาก เรียกว่าเยอะจนเกิดอาการเวียนหัวขึ้นมา สามที่เห็นผมเป็นแบบนั้นก็รีบไปหาที่นั่งพักด้วยใบหน้าเป็นกังวล
สำหรับมนุษย์ปกติคงไม่เกิดอาการแบบนี้หรอก แต่เพราะอีกสายเลือดหนึ่งของผมมันมีประสาทสัมผัสที่ดีมากทำให้กลิ่นของมนุษย์หลายพันคนปะทะเข้ามาอย่างรุนแรง
หลังจากผ่านเรื่องวุ่นวายพวกเราก็ได้มาพักยังโรงแรมสุดหรู ห้องนอนของพวกเรากว้างมากมีทั้งห้องครัวห้องรับแขกและห้องน้ำราวกับอยู่ห้องของสามเลย
สิ่งเดียวที่ทำให้ผมไม่พอใจคือการที่มีเตียง2เตียงอยู่ภายในห้อง พอมี2เตียงแน่นอนว่าต้องแยกกันนอนเพราะเตียงนึงก็ไม่ได้ใหญ่มากเหมือนห้องสาม
“ไม่ชอบเหรอลูก้า”เสียงนุ่มๆของสามถามก่อนจะพลิกตัวมาหาผมจากเตียงข้างๆ
“ก็ไม่ใช่ไม่ชอบ...”
“จะบอกว่าเฉยๆสินะ”ไม่ต้องให้พูดจบสามก็สามารถต่อประโยคที่ผมคิดได้
“ก็นะ...นี่สามเห็นว่าเคยเลี้ยงเม่นใช่ไหม”
“ใช่...ไปได้ยินมาจาก อ้อ พี่จันไม่ก็ดาวสินะ”
“อืม...พี่ดาวบอก”สมแล้วที่เป็นสาม ไม่ต้องรอเฉลยก็รู้แล้ว
“ว่าแล้วเชียว...ผมเคยเลี้ยงประมาณ2ปีมาแล้ว”
“ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว?”
“อยู่สิ อยู่ในพิพิธภัณฑ์น่ะ หอยเม่นเป็นหนึ่งในสัตว์ที่ผมชอบมากที่สุด ครั้งแรกที่ได้เพาะพันธ์ก็เลยเลือกตัวนึงมาเลี้ยง ผมพามันไปทุกทีไม่ว่าจะทำงานหรือพักผ่อนอยู่ห้อง”ระหว่างเล่าสามก็คลี่ยิ้มออกมาตลอด
“เพราะรักถึงได้พาไปทุกที่ แต่กับผมไม่ใช่แบบนั้นสินะ”ผมพูดเสียงเบา
“ลูก้า...ที่ผมไม่พาลูก้าไปทำงานไม่ใช่เพราะไม่รักแต่ถ้าลูก้าไปจะเบื่อมาก ห้องทดลองมีแต่ของอยู่เต็มไปหมด ทุกคนในนั้นทำงานกันแทบตลอดดังนั้นผมไม่มีเวลาดูแลลูก้าได้ ถ้าลูก้าอยู่กับดาวหรือพี่จันก็จะมีคนดูตลอด”
“เพราะผมยังเด็กสินะ”เพราะยังเด็กถึงได้ต้องมีคนมาคอยดูแล
“ใช่ ลูก้ายังเด็ก ผมยังไม่สามารถปล่อยให้ลูก้าทำอะไรหลายๆอย่างได้ด้วยตัวเอง”
“แล้วเมื่อไหร่ถึงจะเรียกว่าโตล่ะ”ต้องใช้คำว่าเด็กไปถึงตอนไหน
“2ปี สำหรับลูก้าถ้าครบ2ปีก็แปลว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว”สามคิดสักพักก่อนจะตอบออกมา
“อีกนานเลย”
“ไม่นานหรอกตอนนี้ลูก้าอายุ10เดือนแล้วนะ เหลือแค่ปีกับอีก2เดือนเอง”
“ไม่นาน...”
“อืม...ขอเล่าเรื่องหอยเม่นต่อนะ หลังจากผมเลี้ยงมันได้ประมาณอาทิตย์นึงผมก็คิดว่าสภาพแวดล้อมที่จำเป็นสำหรับหอยเม่นไม่เหมาะที่จะถูกหิ้วไปมาแบบนี้ เพราะงั้นผมเลยพามันไปไว้ในพิพิธภัณฑ์ ยังไงการเลี้ยงสัตว์ก็ไม่เหมาะกับผมที่ต้องทำงานตลอดหรอก”พูดจบสามก็แหงนหน้าขึ้นมองเพดาน
“ทำไมสามถึงทำงานนี้ล่ะ น่าจะมีงานอีกเยอะที่สามสามารถทำได้”ไม่จำเป็นต้องทำงานที่หนักจนแทบไม่มีเวลาพักเลย
“นั่นสิ...ทำไมกันนะ ที่รู้คือการได้ทดลองหาในสิ่งที่ไม่รู้มันสนุกมากเลย ยิ่งการได้เพาะพันธ์และเลี้ยงดูเหล่าสัตว์น้ำหลากหลายชนิดมันทำให้ผมมีความสุข ผมชอบทะเล เพราะงั้นงานที่อยากทำจึงเป็นงานที่เกี่ยวกับทะเลแม้ว่างานนั้นจะมาพร้อมกับหน้าที่อันยิ่งใหญ่ก็ตาม”
“หน้าที่เหรอ?”
“หน้าที่น่ะ บางทีก็เป็นสิ่งที่ไม่อยากทำแต่จำใจต้องทำ อย่างการเป็นหัวหน้าผมก็ไม่ได้ยากหรอกนะแค่มีคุณสมบัติที่คู่ควรเท่านั้นเอง”
“สาม...”
“เรื่องของผมคงจะน่าเบื่อเกินกว่าจะเป็นนิทานก่อนนอนนะ นอนกันเถอะ”สามลุกขึ้นเดินไปปิดไฟตรงผนังแล้วกลับมานอนที่เดิม
ความมืดที่เข้าปกคลุมไม่ได้ทำให้ความง่วงเพิ่มขึ้นสักนิด เตียงเย็นๆอุ่นขึ้นเพราะมีผ้าห่มผืนหนาแต่มันก็ยังไม่ใช่ความอุ่นที่ผมต้องการ
“สามนอนรึยัง”ผมพูดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศมืดสนิท
“เกือบแล้ว...นอนไม่หลับเหรอ”ร่างสามในความมืดขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะพลิกตัวมาทางผม แม้จะมืดสนิทเพียงใดการเคลื่อนไหวนั้นก็ไม่อาจรอดสายตาผมไปได้
“...ไปนอนด้วยได้ไหม”ไม่อยากทำตัวเหมือนเด็กแต่การกระทำของผมตอนนี้มันเด็กจริงๆ
“แคบนะ”
“ไม่เป็นไร”ยิ่งแคบก็ยิ่งสัมผัสถึงไออุ่นจากร่างกายได้มากขึ้นไปอีก
“งั้นก็มาสิ”
เพียงแค่ได้ยินคำตอบผมก็รีบสะบัดผ้าห่มทิ้งแล้วตรงไปล้มตัวลงนอนบนเตียงของสามทันที สามขยับตัวไปริมเตียงเพื่อให้ผมมีพื้นที่นอนมากขึ้น
“ติดนอนกับผมแบบนี้ต่อไปจะนอนคนเดียวได้เหรอ”น้ำเสียงห่วงๆดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามืออุ่นๆที่เอื้อมมาลูบเส้นผมสีฟ้าแซมแดงของผมเบาๆ
“ทำไมต้องนอนคนเดียวด้วย”พูดเหมือนกับว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน
หมับ!
ร่างผมถูกสามที่ขยับเข้ามาใกล้คว้าตัวไปกอดแน่น ความแนบชิดทำให้สามารถสัมผัสถึงร่างกายของอีกฝ่ายที่สั่นได้ย่างชัดเจน
“สาม...”เป็นอะไร
อยากจะถามออกไปแต่สิ่งที่ทำได้มีเพียงเอื้อมมือไปกอดอีกฝ่ายให้แน่นขึ้นเท่านั้น
บรรยากาศมืดๆแถมเงียบสงัดเกิดขึ้นเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่พูดอะไรต่อ สามกอดผมไว้แน่นด้วยร่างกายสั่นๆ ผมเองก็กอดตอบสัมผัสด้วยความเต็มใจ
ผมอยากนอนหลับไปแล้วตื่นขึ้นในวันที่ตัวเองโตพอที่สามจะยอมบอกถึงสิ่งที่อยู่ในใจนี่สักที
หลังจากวันนั้นการท่องเที่ยวตลอดหนึ่งอาทิตย์ก็ผ่านพ้นไปด้วยดี สามพาผมไปเห็นโลกอันกว้างใหญ่และเห็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาอย่างน้ำตกหรือภูเขา บรรยากาศแสนร่มรื่นมีผู้คนไม่มากเหมือนอย่างตลาดก่อนหน้านี้ผมเลยค่อนข้างชอบ ยิ่งได้นอนพักค้างแรมท่ามกลางธรรมชาติก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกดีสุดๆ
เมื่อท่องเที่ยวเสร็จพวกเราก็ขับรถกลับมายังศูนย์วิจัย ข้าวของต่างๆถูกยกขึ้นไปจัดการส่งให้แม่บ้านซักก่อนที่ผมจะขอตัวไปแช่น้ำ การเที่ยวติดต่อกันหลายวันแม้จะทั้งสนุกและตื่นเต้นแต่ก็ทำให้ผมรู้สึกเหนื่อยอยู่พอสมควร
“ลูก้า ออกไปข้างนอกกัน”นี่คือคำถามแรกที่เจอเมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกมา
“เราพึ่งกลับมานะ”จะไปอีกแล้วเหรอ
“อืม ไปกันเถอะ”
“ทำไมถึงทำหน้าเศร้า”ผมเงยหน้าขึ้นไปสบดวงตาสีน้ำตาลอย่างสงสัย ใบหน้าสีน้ำผึ้งแสดงความเศร้าออกมาให้เห็น
“ขอยังไม่บอกนะ ไปกันเถอะ”สุดท้ายก็ต้องยอมเดินตามสามออกมาข้างนอกโดยไม่ได้รับคำตอบในสิ่งที่ต้องการ
สามพาผมเดินไปตาสะพานที่เป็นทั้งแหล่งเพาะพันธ์ บ่อพักสำหรับสัตว์ป่วยหรือแม้แต่การดูแลสัตว์น้ำซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในสัตว์เหล่านั้นที่อยู่ที่นี่ ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็มีหลายครั้งที่กลับร่างไดโนเสาร์และทุกครั้งผมก็ต้องมาอยู่ในบ่อที่129เสมอ
ผมไม่รู้ว่าต้องควบคุมการกลายร่างยังไง สิ่งที่ผมรู้คือถ้าอยากอยู่ในร่างมนุษย์ให้นึกว่าอยากอยู่กับสาม
กลิ่นของอะไรบางอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนนั่นทำให้ผมหยุดขาที่ก้าวตามสามไป ตรงหน้านั่นมีเรือจอดอยู่ แน่นอนว่าแค่เรือไม่ทำให้ผมหยุดก้าวหรอกแต่เพราะสิ่งที่อยู่บนเรือนั่นต่างหาก
ความน่าเกรงขามในระดับที่ไม่เคยได้สัมผัส
ความน่าเคารพที่แม้ไม่เคยเห็นหน้ายังทำให้รู้สึกได้
ใครกัน
สัมผัสกับกลิ่นแบบนั้น
ไม่ใช่มนุษย์
“เห็นว่าพึ่งกลับจากไปเที่ยวเหรอทรี”เสียงทุ้มออกนุ่มดังขึ้นพร้อมกับผู้ชายสองคนที่เดินลงมา คนแรกมีเส้นผมสีบลอนทองและมีดวงตาสีเขียวอมฟ้า ส่วนคนที่สองเป็นคนเดียวกับที่ผมสัมผัสได้เมื่อครู่..เส้นผมสีเทาแซมส้มกับดวงตาสีเหลืองอัมพันนั่นราวกับสัตว์ป่าที่ถูกจับให้มาอยู่ในร่างมนุษย์
เพียงแค่เห็นก็รู้ได้ทันทีว่าชายคนนี้อันตราย
“ใช่...มาเร็วไปรึเปล่าเซโคร”ทันทีที่ชื่อนั้นหลุดออกมาจากปากสามผมก็นึกได้ทันทีว่าเป็นชื่อเดียวกับที่ได้ยินตอนคุยโทรศัพท์ครั้งก่อน
หลังจากได้รับโทรศัพท์นั่นสามก็แปลกไป
“อยากเจอเร็วๆนี่นา สวัสดีลูก้าเราเคยเจอกันแล้วแต่คงจำไม่ได้สินะ”ชายที่ชื่อเซโครหันมาคุยกับผมบ้าง
“...ทำอะไรสาม”ผมรู้ว่ามันไม่ใช่คำทักทายที่ดีเท่าไหร่ แต่ทำไงได้ในเมื่อสามไม่บอกก็มีแต่ต้องทำคนที่รู้เท่านั้น
“ฮืม? หมายถึงอะไร?”
“ตั้งแต่ที่คนชื่อเซโครโทรมาสามก็แปลกไป”
“พูดอะไรน่ะลูก้า”สามพูด
“พูดความจริงไง สามไม่ยอมบอกผมเลยต้องถามคนที่รู้”
“ลูก้า...”
“นี่ยังไม่ได้บอกเขาเหรอทรี”เซโครหันไปถามสามที่ยืนเกาหัวอยู่ข้างๆ
“โทษที...”
“มีเรื่องอะไร”ผมถามย้ำอีกครั้ง
“ถ้าทรียังไม่บอกงั้นผมจะบอกให้ ก่อนอื่นของแนะนำตัวก่อนผมหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการณ์พิเศษไทรแอสซิก เบนซ์ ฟงเซ่หรือเซโคร ส่วนนี่คนรักและคู่หูของผมชื่อยูทาร์”เซโครผายมือไปยังชายด้านข้างด้วยรอยยิ้ม
“...ผมลูก้า”
“นายก็เป็นเหมือนผมสินะ”เส้นผมสีเทาแซมส้มถูกลมทะเลพัดไปมาจนยุ่งเหยิงแต่เจ้าของกลับไม่สนใจมันนัก เขาจ้องมองมายังผมอย่างสำรวจเช่นเดียวกับที่ผมมองไป
“อืม”ผมพยักหน้าแทนคำตอบ แม้จะไม่มีคำพูดมากมายเราก็สามารถสื่อการได้
คนคนนี้เป็นไดโนเสาร์กลายพันธุ์เหมือนผม
“ในเมื่อทักทายเรียบร้อยขอเข้าเรื่องเลยนะ ผมกับยูทาร์มารับลูก้ากลับไปอยู่กับพวกเราที่เกาะน่ะ”
“...พูดอะไร”ประโยคนั่นทำให้ร่างกายเบาโหวงจนแทบทรุดลงไปกองกับพื้น
กลับไปเหรอ
หมายถึงต้องไปจากสามเหรอ
ดวงตาสีเงินของผมหันไปประสานกับดวงตาสีน้ำตาลของสามที่สั่นระริกอยู่ด้านข้างเพื่อถามว่าสิ่งที่ได้ยินมันไม่ใช่เรื่องจริง
ช่วยบอกผมสิว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง
“...ขอโทษที่ไม่ได้บอก”สามพูดเสียงสั่น
“สาม”ทำไมล่ะ
“ทรีทำหน้าที่ได้ดีมากแล้ว...ตั้งแต่ที่พาลูก้ามาก็คอยดูแลอย่างดีมาตลอด ทั้งสอนและพาไปเปิดหูเปิดตา ก็อยากให้เขาอยู่ต่อหรอกนะแต่จะรบกวนมากกว่านี้คงไม่ดีเท่าไหร่ ด้วยอายุในตอนนี้มากพอจะให้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆได้แล้ว”เซโครเป็นฝ่ายตอบแทน
“...หน้าที่เหรอ”จะบอกว่าที่สามทำทั้งหมดมันเป็นเพียงหน้าที่งั้นเหรอ
“ลูก้า...”
“ที่อยู่ด้วยกันมาตลอดมันคือหน้าที่ของสามงั้นสินะ”เพราะเป็นแค่หน้าที่ สามไม่ได้อยากมาอยู่กับผมด้วยความตั้งใจของตัวเองตั้งแต่แรกแล้ว
“ไม่ใช่นะลูก้า คือว่า...”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”ตอนนี้ผมไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น
“แต่ว่า...”
“พวกคุณมาพาผมไปสินะ”ผมเงยหน้าขึ้นไปสบกับดวงตาสีเขียวอมฟ้า
“พูดให้ถูกคือมารับน่ะ”
“เอาสิ ผมจะไป”ถ้าสามพาผมมาที่นี่ก็แปลว่าต้องการให้ผมไปอยู่แล้ว
นั่นสินะ ก็ผมมันเป็นแค่เด็ก
เด็กที่สามต้องมาคอยดูแลเพราะเป็นหน้าที่
“ไม่ลาทรีหน่อยล่ะ”เซโครถามเมื่อเห็นผมเดินขึ้นไปบนเรือ
“ไม่จำเป็น...”
“ลูก้า!”สามตะโกนเรียกก่อนจะดึงแขนผมให้หันกลับไปหาแต่เพราะถูกขืนไว้เลยไม่สำเร็จ
“ขอบคุณสำหรับการทำหน้าที่อย่างดีนะครับ”นี่เป็นคำลาสุดท้ายก่อนที่ผมจะสะบัดมือแล้วเดินเข้าไปข้างในโดยไม่สนเสียงตะโกนเรียกที่ตามมา
“ลูก้า!!”
ตอนนี้ในหัวมันสับสนไปหมด
ไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ก่อนหน้านี้ผมกับสามยังมีความสุขกับการไปเที่ยวอยู่เลย
มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้
“จะดีเหรอ เขาร้องไห้อยู่นะ”เสียงทุ้มจากยูทาร์เรียกสติให้ผมหันไปมอง
“...ใคร”ผมถามทั้งที่พอจะเดาคำตอบได้
“คนที่ชื่อสามไง”
“...”ทันทีที่ได้ยินหัวใจก็ชาวาบอย่างไม่มีสาเหตุ
สามร้องไห้
“แต่ถึงจะออกไปตอนนี้คงไม่ทันแล้ว”จริงอย่างที่อีกฝ่ายพูด ตอนนี้เรือได้แล่นออกจากท่าแล้ว
“ทำไมถึงร้อง”ทำไมสามถึงร้องไห้ คนที่อยากร้องมันคือผมต่างหาก
“ที่ร้องเพราะเสียใจที่จากกันไง”
“ไม่จริง ที่สามดูแลผมก็เพราะหน้าที่ เขาดีกับผมก็เพราะหน้าที่ ทุกอย่างมันเป็นหน้าที่ทั้งนั้น”เพราะเป็นแค่หน้าที่ก็ไม่เห็นมีความจำเป็นต้องเสียใจเลยนี่
“จริงเหรอ”
“อะไร”ผมเงยหน้าขึ้นไปสบดวงตาสีเหลืองอำพันอย่างไม่เข้าใจ
“คิดว่าที่เขาทำมันเป็นแค่หน้าที่จริงเหรอ”
“ถ้าไม่ใช่หน้าที่...ทำไมถึงไม่ห้าม ทำไมถึงพามาที่นี่ทั้งที่รู้ว่าผมต้องจากไปด้วยเล่า”ผมตะโกนออกมาอย่างหมดความอดทด
ไม่เข้าใจ
ไม่เข้าใจเลยสักนิด
“คำถามนั่นเก็บไว้ให้คนชื่อสามตอบดีกว่านะ”
“พูดเหมือนผมจะได้เจอเขาอีกงั้นแหละ”
“ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวนาย”
“หมายความว่ายังไง”
“ไว้ถึงเกาะเซโครจะบอกทุกอย่างที่นายคาใจ”พอพูดจบเขาก็เนออกไปด้านนอกปล่อยให้ผมจมอยู่กับความคิดตัวเองตามลำพัง
สามเสียใจที่ผมจากมาจริงเหรอ
สามไม่ได้ดูแลผมแค่เพราะหน้าที่จริงเหรอ
ทำไมถึงต้องพาผมมาที่นี่ทั้งที่ต้องเสียใจ
มีคำถามมากมายที่อยากรู้คำตอบ
เพียงแต่การกลับไปถามตอนนี้อาจไม่ได้รับคำตอบ
เพราะผมยังเด็กเลยไม่สามารถรับรู้อะไรได้สักอย่าง รวมถึงไม่อาจเข้าใจถึงสาเหตุที่สามทำแบบนี้
ถ้างั้นอีกหนึ่งปีสองเดือนผมจะกลับไป
จะกลับไปหาสามในวันที่ผมโตเป็นผู้ใหญ่
จากนั้นผมจะถาม จะถามถึงทุกอย่างที่ค้างคาใจ
...........................................................................
มาต่อแล้วสำหรับตอนที่5
หลายคนที่อ่านมาถึงตอนนี้อาจมีความรู้สึกว่ามันค้างและหน่วงๆอยู่สักหน่อย
ตอนนี้อาจเป็นตอนที่หน่วงที่สุดในเรื่องแล้วล่ะค่ะ 555
ไม่ถนัดแต่งความรู้สึกหน่วงๆแบบนี้เท่าไหร่เลยค่อนข้างใช้เวลานาน
ขอแจ้งกำหนดการอัพหน่อยนะคะ เราจะพยายามอัพ1ตอนไม่เกิน2ทิตย์ซึ่งบางครั้งอาจมีช้ากว่าบ้าง ทุกคนก็ช่วยรอกันด้วยนะคะแต่เราจะพยายามอัพให้ได้ค่ะ
ขอบคุณทุกคนสำหรับทุกๆคอมเม้นและทุกๆกำลังใจที่มีให้นะคะ
เห็นแบบนี้เราได้อ่านทุกคอมเม้นเลยน้า มีความสุขมาที่หลายๆคนชอบ
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ
บ๊ายบาย
----มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์----
วันนี้ขอเสนอเป็นสัตว์แทนนะคะเพราะยังไม่มีไดโนเสาร์ออกโรง
เม่นทะเล หรือ หอยเม่น อยู่ในกลุ่มเอคไคนอยด์ที่มีสมมาตร อาศัยอยู่ตามพื้นแข็ง มีสีต่างกัน ด้านที่เกาะกับพื้นเป็นปาก ทวารหนักอยู่กลางลำตัว ด้านบนสุด เม่นทะเลจะมีหนามสองขนาด หนามขนาดยาวใช้ในการผลักดันพื้นแข็ง ขุดคุ้ยสิ่งต่างๆหรือช่วยในการฝังตัว หนามเล็กสั้นใช้ยึดเกาะเวลาปีนป่าย เม่นทะเลที่มีพิษจะมีหนามที่กลวงและมีพิษอยู่ภายใน หนามนี้จะแทงทะลุผิวหนังได้ง่าย เมื่อหักจะปล่อยสารพิษออกมา
เครดิต : http://phuketaquarium.org/sea-urchin/
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
เสียใจเราว่าเรื่องนี้ม่าสุดในไดโนเสาร์ต้องจากกันปีกว่า ตั้งแต่ยังผูกพันธ์กันแต่ยังไม่ได้พัฒราความสัมพันธ์
ฮือออ
เจออีกที ลูก้าคงโตเป็นหนุ่มหล่อแล้วสินะ
แบบยูทาร์หรือคนลูกก็มีเซโครค่อยดูแล ค่อยบอกข้อมูลที่ต้องรู้
แต่สามไม่ได้มีความรู้ด้านนี้มากนักเลยทำเหมือนลูก้าเป็นเด็กมนุษย์ที่อ่อนแอ ลูก้าคงอึดอัดลึกๆละนะ