◈ธาราที่21◈
“มาช้านะเซโคร” หัวหน้าฝ่ายวิจัยและดูแลสัตว์น้ำอย่างผมยืนเท้าเอวอยู่หน้าเรือเงยหน้ามองหนึ่งในผู้นำระดับสูงขององค์กรอดอร์วูด้วยใบหน้านิ่งๆ
ตอนนี้ผมมีเรื่องที่อยากจะถามความคิดเห็นอยู่มากมายเต็มหัวไปหมดตั้งแต่กลับจากภารกิจเมื่อวาน หลายสิ่งหลายอย่างมันสะกิดใจผมอยู่ และต้องการจะหาคำตอบมันด้วย
“ผมก็รีบสุดๆ แล้วทรี ภารกิจผมพึ่งเสร็จเมื่อคืนเอง” เซโครเดินลงเรือมาด้วยใบหน้างัวเงีย คาดว่าคงเพราะนอนไม่พอหลายวันติด ด้านหลังของเซโครมีคู่หูและคนรักอย่างยูทาร์ตามมาติดๆ
“ไหวไหม ไปนอนพักก่อนก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไร เรื่องด่วนไม่ใช่เหรอ บอกให้เล่าเมื่อวานก็ไม่ยอม” ก็จริงที่เซโครบอกให้ผมอธิบายสถานการณืแต่ผมคิดว่าพูดทางโทรศัพท์มันไม่ดีเท่ามาเจอกันตรงๆ แบบนี้
“อยากให้นายมาเห็นด้วยตามากกว่า”
“...ท่าจะเรื่องใหญ่สินะ” เหมือนเซโครจะพอเดาได้
“ผมคิดว่ามันใหญ่สุดๆ เลยล่ะ” ถึงไม่แน่ใจเท่าไหร่ก็ตาม
“รีบไปกันเถอะ แล้วลูก้าเป็นไงบ้าง” ระหว่างเดินไปยังศูนย์วิจับเซโครก็หันมาถามผม
“สบายดี ตอนนี้คงกำลังดำน้ำเล่นอยู่ตรงหน้าผานั่น” ผมบอกพลางชี้ไปยังหน้าผาที่อยู่ทางขวามือซึ่งไหลจากตรงนี้มากพอดู
ที่นั่นกลายเป็นอาณาเขตของลูก้าโดยสมบูรณ์ไปเรียบร้อย ก่อนหน้านี้เขาอาจนั่งรอผมอยู่ในห้องวิจัยแต่ตอนนี้เปลี่ยนมาดำน้ำรอผมแทน ซึ่งก็ดีเพราะผมเชื่อว่าการอยู่ในน้ำมันทำให้ลูก้ารู้สึกสบายใจที่สุดแล้ว ที่น่าห่วงก็มีแค่การที่ลูก้าชอบน้ำไปลึกแล้วนั่งเล่นอยู่ตามโขดหินเป็นชั่วโมงโดยไม่ขึ้นมาหายใจต่างหาก
ร่างมนุษย์ไม่เหมือนไดโนเสาร์ที่สามารถหายใจในน้ำได้ ถึงจะให้พกออกซิเจนพกพาไว้ก็เดาได้ว่าไม่มีทางหยิบออกมาใช้แน่ๆ
“นึกว่าจะตัวติดกันกว่านี้ซะอีก”
“แค่นี้ก็ติดจนไม่รู้จะติดยังไงแล้ว” ถ้าไม่นับช่วงที่ลูก้าดำน้ำเล่นก็อยู่ติดกับผมแทบตลอดเวลา
“แต่ก็ไม่ได้ไม่ชอบนี่” เซโครมองผมยิ้มๆ
“รู้ทันจังนะ...” ก็สมกับเป็นเซโครอยู่หรอก
“เป็นแฟนกันแล้ว?”
“ฮะ? ใครบอก” ผมหันควับไปมองหน้าเซโครด้วยน้ำเสียงตื่นๆ
“ว่าแล้วเชียว”
“เซโคร” นี่แกล้งถามเพื่อดูปฏิกิริยากันชัดๆ
“ทรีน่ะดูออกง่ายจะตายไป”
“ชิ...”
“การมีลูก้าอยู่ดูจะทำให้ทรีมีความสุขนะ”
“...ก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะ” ชีวิตที่อยู่แต่กับการทดลองและเหล่าสัตว์น้ำมาตลอดไม่ใช่ว่าไม่มีความสุขเพียงแต่การที่มีลูก้าเข้ามามันเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไป ผมอยากจะมีสักคนที่อยู่เคียงข้างกันไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
คนที่ยอมรับในตัวผมที่เป็นผม ลูก้าเป็นคนนั้น...เป็นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“ดีแล้ว แต่ยังไงก็ออมมือหน่อยก็ดีมั้ง ได้ข่าวมาว่าจับเขาทุ่มเลยนี่” เซโครหลุดขำออกมาเล็กน้อยเมื่อพูดถึง
“ไปรู้มาจากไหนน่ะ”
“กล้องวงจรปิดในห้องวิจัย”
“นั่นถือเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวนะเซโคร อีกอย่างผมไม่ผิดสักหน่อยใครให้เขามาทำบ้าๆ ตอนผมกำลังทำการทดลองอยู่เล่า!” เรื่องที่เซโครพูดถึงคงเป็นเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนที่ผมเข้าไปทำการทดลองแต่กลับถูกลูก้ากอดหมับจากด้านหลังแล้วคลอเคลียด้วยการพรมจูบตามลำคอจนคนรอบๆ ทำหลอดทดลองตกแตกกันเป็นแทบ ด้วยความเขิน โกรธและอายผมก็เลยจัดการทุ่มอีกฝ่ายลงพื้นอย่างไม่ตั้งใจ
อ่า...ก็ตั้งใจอยู่ละนะ
“ถ้าไม่ใช่ลูก้าคนคนนั้นอาจเข้าโรงพยาบาลไปแล้วมั้ง”
“...ก็คงใช่ ไดโนเสาร์กลายพันธุ์นี่ชอบคลอเคลียเหรอ” ผมถามกลับพลางมองไปยังยูทาร์ที่เดินอยู่ข้างเซโคร ดูจากบุคลิกไม่น่าจะขี้อ้อนหรือคลอเคลียขนาดลูก้า
“ส่วนมากก็ใช่ มันเป็นเหมือนสัญชาตญาณของสัตว์น่ะ ยิ่งกับคนที่ชอบหรือรักก็จะยิ่งอยากคลอเคลียด้วยเป็นเรื่องปกติ”
“ฮืม...แปลว่ายูทาร์เองก็เป็นเหมือนกันสินะ”
“อย่าให้พูด ยูทาร์น่ะนะทั้งคลอเคลียทั้งออดอ้อนสุดๆ ”
“ทำหน้าดีใจนะเซโคร” ผมมองหน้าเพื่อนสนิทที่ส่งยิ้มกลับมา
“ทรีไม่คิดว่าน่ารักเหรอ”
“...คิดสิ” ภาพของผู้ชายหล่อที่สาวเห็นเป็นต้องกรี๊ดกลับมาคลอเคลียด้วยท่าทางเหมือนลูกโลมาตัวน้อยๆ
น่ารักจะตาย
“แต่ก็น่ารักแค่ตอนนั้นล่ะนะ อย่าให้ลูกหมาเปลี่ยนเป็นหมาป่าละกัน”คำพูดนั่นเหมือนคำเตือนชอบกลแฮะ
“เพราะมีประสบการณ์มาก่อนงั้นสิ”
“อืม ยังไงทรีก็สู้แรงลูก้าไม่ได้อยู่แล้ว”
“ใครจะรู้เรื่องนั้นล่ะ” มันยังไม่แน่สักหน่อย
“เตรียมใจไว้หน่อยก็ดีนะ” พูดจบก็ตบไหล่ผมเบาๆ
“เตรียมอะไรอะไรเซโคร บอกแล้วไงว่าไม่ยอมง่ายๆ หรอกน่ะ”
“มันไม่เกี่ยวว่าจะยอมหรือไม่ยอมหรอกนะ ฤดูติดสัดก่อนหน้านี้ก็น่าจะดาได้นี่ อย่างทรีไม่ปล่อยให้เขาทรมานอยู่แล้ว”
“ไม่ต้องมาทำเป็นรู้ดีเลย” ผมไม่ปฏิเศษหรอกนะว่าไม่อยากเห็นใบหน้าเหมือนกำลังอดกลั้นและทรมานของลูก้าแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมนี่
พวกเราเดินมาถึงห้องวิจัยที่มีเหล่าลูกน้องผมกำลังง่วนกับการอ่านเอกสารอยู่ เมื่อเห็นหน้าผมพวกเขาไม่ตกใจเท่าหน้าของเซโครพ่วงด้วยยูทาร์ที่ตามหลังมา
“นั่นมันหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่มากด้วยความสามารถ ด็อกเตอร์ไทรแอสสิก เบนซ์ ฟงเซ่นี่นา!” พี่พลพูดชื่อเต็มยศจนเซโคถึงกับเลิกคิ้วเล็กน้อย
“ไม่มีเวลาให้ทักทายหรอกนะ กลับไปทำงานของตัวเองได้แล้ว” ผมบอกแกมสั่ง
“โหย ด็อกเตอร์อย่าใจร้ายสิ ให้เราได้ทักทายแลกเปลี่ยนความรู้หน่อยเถอะ” พี่พลบอก
“จริงด้วยๆ ด็อกเตอร์ไทรแอสสิก เห็นว่าคุณจบการเพาะพันธุ์มาเหมือนสามใช่ไหม” ยุเองก็เดินไปหาเซโครพลางเอ่ยถาม
“ใช่ ผมกับทรีสนิทกันมากเลยล่ะ”
“งั้นพอจะรู้ไหมว่าทำไมการเพาะพันธุ์ถึงต้องอาศัยการตัดต่อยีนของสิ่งมีชีวิตใหม่ๆ ขึ้นมาถึงได้มีรูปร่างแต่งต่างกันทั้งที่ยีนหลักที่ใช้ส่วนมากก็เหมือนกันทั้งนั้น โอ๊ะ เพราะดีเอ็นเอที่สกัดออกมาจากฟอซซิลเหล่านั้นมันเป็นตัวแปรในการเปลี่ยนแปลงรูปร่างนั้นสินะ แต่การทำอย่างนั้นก็แปลว่ามันจะเป็นเพียงรูปลักษณ์ที่ผ่านกระผสมขึ้นไม่เหมือนของจริงในอดีต...นั่นแปลว่า...”
“ยุ...โทษทีนะแต่ผมคงต้องขอตัวของเซโครไปก่อนล่ะ” ผมพูดขัดยุแล้วคว้าแขนเซโครเดินเข้าไปยังห้องทดลองด้านในสุด
“ยูทาร์ไปอยู่กับลูก้าก็ได้นะ เดี๋ยวเสร็จแล้วผมจะไปหา” เซโครตะโกนบอกระหว่างถูกผมพาเดินเข้ามา
“เข้าใจแล้วเซโคร”
ผมพาเซโครเดินเข้ามายังห้องทดลองด้านในสุดของห้องวิจัย ภายในห้องทดลองนี้ก็คล้ายกับห้องทดลองที่เหลือเพียงแต่ห้องนี้จะเป็นห้องที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ส่วนมากที่ใช้ห้องนี้คือการชันสูจสัตว์ที่ตายแล้ว ความจริงการชันสูจเป็นหน้าที่ของทีมแพทย์แต่ส่วนมากผมจะขอให้พวกเขามาทำกันที่นี่เพื่อที่ผมจะได้ดูขั้นตอนการทำ ถึงผมจะไม่ได้เชี่ยวชาญการชันสูจเท่าทีมแพทย์แต่การที่มีสัตว์ตายไปต่อหน้าโดยที่ไม่อาจรู้ถึงสาเหตุได้เป็นสิ่งที่ผมไม่ชอบเอาซะเลย
“มีทีมที่แปลกดีนะ” เซโครพูดขึ้นหลังจากที่เข้ามาในห้องทดลองแล้ว
“จะถือว่าเป็นคำชมละกัน เรามาเริ่มกันดีกว่า...หรือจะให้คนเข้ามาช่วยอีกสักสองสามคนดี?” ผมหันไปถามความเห็น
“แค่พวกเราก็พอแล้วมั้ง” เซโครยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“แหม ผมไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอกนะ แล้วรู้เหรอว่าเราจะทำอะไรกันน่ะ” ผมถามกลับเพราะจนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้บอกเซโครว่าจะมาทำการชันสูจศพของดาโกซอรัสเลย
“รู้สิ บนโต๊ะผ่าตัดนั่นคงเป็นศพของสัตว์น้ำ ดังนั้นคงไม่มีเรื่องอื่นนอกจากให้ผมมาช่วยผ่าชันสูจ”
“ตามที่เซโครคิดแหละ...นี่คือศพของดาโกซอรัส” ผมพูดพลางดึงผ้าที่คลุมศพอยู่ออก
สภาพของศพถูกรักษาไว้ด้วยการฉีดยาเข้าไปในผิวหนังนั้นจึงมีสภาพเหมือนตอนตายทุกประการ ทันทีที่ศพของดาโกซอรัสปรากฏต่อหน้าเซโครก็ขมวดคิ้วแน่นแทบจะทันที แค่มองก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายกำลังสงสัยถึงสภาพศพที่แปลกจากปกติ
“บาดแผลมีแค่ส่วนคอแต่ไม่ลึกขนาดจะฆ่าให้ตายได้ ที่น่าสงัสยคือรอยไหม้ตามร่างเป็นเส้นและมีร่องรอยของการทดลองซ้ำ” เซโครพูดระหว่างที่ตรวจดู
“รอยไหม้นั่นเป็นกระแสไฟฟ้า”
“ไฟฟ้า?...ดาโกซอรัสนี่ใช่ที่ไปทำภารกิจเมื่อวานรึเปล่า”
“ใช่ ในช่วงที่จัดการดาโกซอรัสได้ก็เกิดอะไรบางอย่างขึ้น กระแสไฟฟ้าไม่รู้มาจากไหนมันแผ่ออกมาจากดาโกซอรัสกระจายเป็นวงกว้าง พอกระแสไฟฟ้านั่นหายไปดาโกซอรัสก็ตายแล้ว” ผมอธิบายเหตุการณ์ให้เซโครฟัง
“ผิดปกติมาก”
“ต้องพูดว่าผิดปกติสุดๆ ต่างหาก อีกอย่างที่ยังคาใจคือร่องลอยของการทดลองซ้ำที่นายบอกแหละ” ผมบอกพร้อมเดินไปหาอีกฝ่าย ถุงมือที่ถูกสวมสัมผัสบริเวณด้านข้างครีบที่มีรอยผ่าตัดและเย็บซ้ำๆ กันอยู่หลายรอบ ปกติการสร้างไดโนเสาร์ขึ้นมาหลังจากเกิดแล้วพวกเราจะไม่ทำลการผ่าตัดแต่งเติมใดๆ ถ้าไม่ใช่กรณีของการรักษา
ถ้าจะเป็นการรักษาคงไม่เย็บแผลชุ่ยๆ แบบนี้หรอก
“เพราะงั้นถึงเรียกผมสินะ”
“ใช่ ภารกิจเมื่อวานใครเป็นคนติดต่อมา” ผมถามต่อ
“เรือขนส่งจากจีนน่ะ เห็นว่าเจอไดโนเสาร์พุ่งเข้ากระแทกเรือ”
“แปลว่ามันหลุดมาจากที่ไหนสักที่หรือไม่ก็...” ผมหยุดตรงนี้ก่อนจะหันไปสบกับดวงตาสีเขียวอมฟ้าด้านข้าง
“ถูกสร้างขึ้นเพื่อเฝ้าอะไรสักอย่าง” อีกคำตอบที่คิดถูกเอ่ยต่อโดยเซโคร
“อืม ตอนนี้ไม่รู้ว่าคำตอบจะเป็นข้อไหน”
“เราต้องลองผ่าดู”
“เอาสิ” ผมพนมมือเพื่อเคารพศพก่อนที่พวกเราจะลงมือฝ่าศพของดาโกซอรัส ปกติการวันสูจจะใช้คนมากกว่านี้แต่เพราะพวกเราต้องหาอะไรบางอย่างในศพนี้การทำแค่สองคนจะเคลื่อนไหวได้สะดวกกว่า
จากการสำรวจภายนอกสิ่งที่พบคือกล้องขนาดเล็กที่ดูจะมีมุมมองกว้างติดอยู่บริเวรใต้ท้องของดาโกซอรัส มันน่างสัยมากเพราะปกติไม่มีใครเอากล้องมาติดไว้ที่ตัวไดโนเสาร์แบบนี้หรอก มีดสีเงินกรีดไปตามผิวน้ำที่ถูกเย็บอย่างคล่องแคล่ว เพียงไม่กี่นาทีด้านในตัวของดาโกซอรัสก็ปรากฏต่อหน้าพวกเรา วัตถุสีดำขนาดเล็กถูกติดตั้งอยู่บริเวณหัวใจของดาโกซอรัสถูกนำออกมาแล้วพลิกดูว่ามันคืออะไร
“มันคืออะไรทรี?” เซโครถาม
“จากที่ดูเหมือนจะเป็นอุปกรณ์ควบคุมระยะไกล ต้องเอาไปตรวจสอบถึงจะรู้มากกว่านี้แต่จากที่มองกระแสไฟฟ้ามันต้องออกมาจากเจ้านี่แหละ” ผมตอบกลับด้วยใบหน้าเครียดๆ
อะไรที่ต้องทำถึงขนาดนี้กัน เหมือนกำลังซ่อนอะไรบางอย่างไว้งั้นแหละ
ซ่อนเหรอ
“เซโครจับพวกที่ลักลอบสร้างไดโนเสาร์กลายพันธุ์ได้รึยัง” ผมหันควับไปถาม
“ยังเลย พวกมันหายไปไม่เหลือแม้แต่ร่องลอยขนาดกลิ่นที่มียังไม่สามารถติดตามได้ ตอนนี้กำลังรวบรวมข้อมูลและตรวจสอบบริเวณโดยรอบอย่าเคร่งครัดแต่ก็ไม่เจอเบาะแสอะไรเลย”
“สถานที่ที่สร้างไดโนเสาร์กลายพันธุ์คือที่ไหน”
“โรงงานขนาดใหญ่ในประเทศสิงคโปร์”
“แปลว่าอยู่ไม่ไกลจากบริเวณที่เจอดาโกซอรัสเท่าไหร่”
“ทรี...นี่นายกำลังคิดอะไรอยู่” เซโครเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะถามด้วยใบหน้าที่เครียดไม่ต่างกัน
“นายบอกว่าหาเบาะแสไม่เจอสินะ”
“ใช่...แล้วยังไง”
“ที่หามันแค่บนบกไม่ใช่เหรอ”
“...” เพียงแค่คำพูดเดียวของผมก็ทำเอาทั้งห้องถึงกับเงียบสนิท ผมรู้ว่าเซโครคงจะเข้าใจถึงสิ่งที่ผมจะบอกแล้ว
เป็นไปไม่ได้ที่จะหาเบาะแสเกี่ยวกับคนร้ายไม่พบทั้งที่หัวหน้าห่วยปฏิบัติการณ์พิเศษไปลงมือเอง การที่ทิ้งกลิ่นไว้อาจหมายถึงความประมาทของพวกมันหรือไม่ก็มั่นใจว่าต่อให้จะใช้ไดโนเสาร์กลายพันธุ์ที่มีประสาทรับกลิ่นอันยอดเยี่ยมก็ไม่สามารถตามกลิ่นพวกมันเจอ
สถานที่ที่ไม่สามารถตามกลิ่นได้ง่าย
สถานที่ที่หลีกเลี่ยงการค้นหาได้
สถานที่ที่ปลอดภัยและไม่มีใครนึกถึง
ใต้ทะเลไงล่ะ!
“เซโคร” ผมมองจ้องเข้าไปยังดวงตาสีเขียวอมฟ้าที่กำลังสั่น
“ก็จริงถ้าคิดแบบนั้นทุกอย่างก็จะไขกระจ่าง แต่ทรี...นายก็รู้ว่าถ้ามันเป็นจริงนั่นหมายถึงนอกจากจะลักลอบทำการทดลองผิดกฏหมายแล้วยังฝ่าฝืนกฏหมายโลกที่ห้ามกระทำการใดๆ ในพื้นที่อันเป็นธรรมชาติของโลกโดยไม่ขออนุญาติด้วย นี่มันเรื่องใหญ่มากนะ อีกอย่างมันเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างห้องทดลองใต้ทะเลโดยไม่มีการระบายอากาศเหนือผิวน้ำ...”
“สัมปทานน้ำมัน” ผมพึมพำสิ่งที่คิดออกมาโดยที่ยังสบตาอยู่กับเซโคร
“...เรื่องนี้มันบ้าชัดๆ นายกำลังจะพูดว่าใช้การทำสัมปทานน้ำมันบังหน้าและใช้สถานที่นั้นในการทดลองงั้นเหรอ”
“นายเองก็คิดเหมือนกันนี่เซโครว่ามันเป็นไปได้น่ะ ผมคิดเรื่องนี้มาสักพักแล้วว่ามันมีอะไรที่สะกิดใจผมอยู่
ตอนที่กระโดดลงจากเฮลิคอปเตอร์แล้วเห็นสถานนีขุดเจาะน้ำมันในรัศมีแต่คนที่โทรแจ้งกลับเป็นเรือขนส่งสินค้าแทนที่จะเป็นคนของสถานีขุดเจาะน้ำมัน”
เรื่องทุกอย่างมันจะต่อกันหมดถ้าคิดให้ด้านใต้ของสถานนีน้ำมันมีห้องทดลองสำหับการสร้างไดโนเสาร์กลายพันธุ์ แม้มันจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อแต่ก็ไม่น่าจะมีอย่างอื่นแล้ว
“...เราไม่มีหลักฐาน ถึงผมจะสามารถติดต่อและเข้าไปตรวจสอบได้แต่นั่นอาจทำให้พวกมันไหวตัวทันและหนีไปอีก”
“ให้ผมกับลูก้าไปตรวจสอบให้เถอะ” ผมเสนอความเห็น เรื่องนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องของเซโครอย่างเดียวแล้ว ผมไม่ชอบเลยการกระทำที่ทำให้ชีวิตที่ไม่รู้เรื่องต้องมาเจ็บและทรมาน
“ทรี...”
“ถ้าเป็นผมกับลูก้าก็สามารถดำลงไปดูด้านล่างได้”
“มีความเสี่ยงสูงมากที่จะในน้ำจะมีกล้องจับภาพอยู่ ไม่ใช่แค่ในน้ำแต่ทั้งบนผิวน้ำหรือบนฟ้าก็อาจจะมีด้วย ถ้าไม่ใช่กล้องก็อาจเป็นเซนเซอร์ตรวจจับ การที่ดาโกซอรัสถูกจัดการอาจเป็นเพราะพวกมันกลัวว่าดาโซอรัสจะพูดอะไรกับลูก้าก็ได้ เดี๋ยวก่อน กล้องที่ติดอยู่กับดาโกซอรัสนั่นแปลว่าพวกมันสร้างไดโนเสาร์ขึ้นมาเพื่อเฝ้าและใช้กล้องที่ติดอยู่นั่นสอดแนมจากระยะไกล”
“งั้นก็แค่จัดการกล้องกับเซนเซอร์นั่นก็พอแล้วนี่” ผมบอกไปตามตรง
“ทรี มันไม่ง่ายหรอกนะ”
“คนเดียวทำไม่ได้หรอก แต่ถ้ามีเซโครมาช่วยก็คงไม่ยากเท่าไหร่”
“...อย่าบอกนะว่าที่เรียกผมมาเพราะต้องการแบบนี้แต่แรกน่ะ” เซโครนิ่งไปสักพักก่อนจะตอบกลับมา
“เปล่าสักหน่อย”
“เอาเถอะ...มาลองกันดูก็ได้ มีคนมากความสามารถอยู่ตั้งสองคนแค่กล้องกับเซนเซอร์มันจะจัดการยากสักแค่ไหนกัน”
“คงไม่ได้นอนติดกันหลายวันแน่”
“ผมนึกว่าทรีชินแล้วซะอีก”
“เราคงชินกับการไม่ได้นอนกันทั้งคู่แหละ”
“มาเริ่มกันดีกว่า”
“อืม”
หลังจากนั้นทั้งผมและเซโครต่างงคลุกอยู่ในห้องทดลองกันทั้งวันทั้งคืนโดยมีลูก้าและยูทาร์คอยเอาอาหารเข้ามาให้ ผ่านไปหลายสัปดาห์ในที่สุดสิ่งที่ต้องการก็สร้างเสร็จจนได้
“เตียงจ้ารอผมก่อนนะ” ผมตะโกนเสียงดังพร้อมยืดแขนทั้งสองข้างขึ้นเหนือหัว
“...ขอเตียงให้ผมด้วยสิ” เซโครเองก็มีท่าทางอิดโรยไม่ต่างกัน
“ไปพักห้องข้างๆ ผมก็ได้ ตอนแรกจะให้ลูก้าอยู่แต่เขาไม่เอาน่ะ”
“ก็พอเข้าใจ เขาอยากอยู่กับสามจะตาย ดูสิ ขนาดเราทำการทดลองอยู่ยังมานั่งเฝ้าเลย” เซโครพูดพลางมองไปยังหน้าประตูที่ปรากฏแผ่นหลังของลูก้านั่งพิงอยู่
“ยูทาร์ของนายก็ใช่เล่นนี่ นั่งอยู่อีกฝั่งเหมือนกัน” ผมสวนกลับเนื่องจากตรงข้ามลูก้ามีร่างของยูทาร์ซึ่งเป็นคนรักของเซโครนั่งอยู่ ดูเหมือนทั้งคู่จะสนิทกันกว่าเดิมอีก
“พักให้เต็มอิ่มแล้วค่อยไปนะ” เซโครบอกก่อนจะเปิดประตูออกไป ทั้งลูก้าและยูทาร์ที่เห็นต่างก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาหา
“รู้แล้ว ผมไม่เสี่ยงดำน้ำทั้งที่ร่างกายไม่พร้อมหรอก” ผมตอบกลับไป
“ได้ยินแบบนั้นก็เบาใจ ฝากทรีหน่อยล่ะลูก้า” เซโครหันไปพูดกับลูก้าที่เข้ามาพยุงร่างผมที่กำลังจะทรุดลงกับพื้นเพราะความง่วง
“แน่นอนครับ ไว้คุยกันใหม่นะคุณยูทาร์”
“อืม” ยูทาร์พยักหน้าตอบเล็กน้อย
“ลูก้า...” ผมเรียกพลางกุมเสื้ออีกฝ่ายไม่ให้ร่างกายร่วงลงไปกองยังพื้น
“ฝืนไปแล้วสาม ผมยังไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“ขอนอนก่อนเดี๋ยวผมจะอธิบายทีเดียว กลับห้องกัน” ผมอยากนอนเต็มทีแล้ว
“เดินไม่ไหวหรอกสาม ผมจะอุ้มไปละกัน”
“ว่าไงนะ ไม่เอา เฮ้ย! ลูก้า!” ผมถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อร่างของตัวเองถูกยกขึ้นอย่างง่ายดายด้วยฝีมือของไดโนเสาร์กลายพันธุ์ที่มีพละกำลังเหลือเฟือ
“อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวตกหรอก” ลูก้าบ่นทั้งๆ ที่กระชับแขนที่อุ้มผมไว้แน่น เซโครและยูทาร์ต่างก็มองพวกเราทั้งคู่แต่มีเพียงเซโครเท่านั้นที่ส่งยิ้มมาให้
“ยูทาร์ เซโครอยากให้นายอุ้มน่ะ” ผมไม่ยอมอายอยู่คนเดียวหรอกนะ
“ทรี! เดี๋ยวยูทาร์ ไม่ต้อง...” เหมือนยูทาร์จะไม่ฟังที่พูดเซโครเลยถูกอุ้มโดยไม่เต็มใจนัก
พวกเราสี่คนเดินผ่านหน้าเหล่าลูกน้องผมในสภาพน่าอายจนต้องซุกตัวเองไม่ให้มองหน้าใครทั้งนั้นไปจนถึงห้องผมก็หลับเป็นตายโดยไม่กล่าวฝันดีลูก้า ผมตื่นมาอีกทีก็เป็นช่วงสายของอีกวันแล้ว
“ลูก้า” สิ่งแรกที่ผมหาไม่ใช่นาฬิกาหรือโทรศัพท์แต่เป็นคนที่น่าจะอยู่ข้างๆ ผมตลอดการนอน ทั้งที่น่าจะเป็นอย่างงั้นแต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของลูก้าเลย หรือว่าลงไปไหน
แกร็ก!
“สาม...ตื่นแล้วเหรอ” เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นพร้อมร่างของลูก้าเดินออกมา
“อืม แช่น้ำเหรอ”
“ใช่ ก็อยากไปทะเลอยู่หรอกแต่กลัวสามตื่นมาแล้วจะตกใจถ้าไม่เห็นผม”
“ผมไม่ใช่เด็กสักหน่อย” ผมตอบกลับโดยไม่อาจปฏิเสธได้ว่าผมตกใจจริงๆ ที่ไม่เห็นอีกฝ่าย
“ถ้าตื่นแล้วเล่าให้ฟังได้รึยังว่าทำไมต้องอยู่ในห้องนั้นตั้งหลายอาทิตย์แบบนี้”
“มานั่งนี่สิ ผมจะเล่าให้ฟัง” ผมกวักมือเรียกลูก้าให้มานั่งบนเตียงก่อนจะคว้าผ้าขนหนูในมืออีกฝ่ายมาเช็ดเส้นผมสีฟ้าแซมแดงแสนแปลกตาที่เปียกโชกอยู่ เรื่องราวทุกอย่างค่อยๆถูกถ่ายทอดให้ลูก้าฟังไปตามความจริง ลูก้าที่ฟังก็มีถามกลับบ้างแต่ส่วนมากก็จะทำเพียงพยักหน้าเงียบๆ จนจบเรื่อง
“ก็คิดอยู่ว่าที่ดาโกซอรัสพูดมันแปลก” ลูก้าพูดขึ้นหลังฟังจบ
“ดาโกซอรัสพูดอะไร” ผมถามต่อทันที ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลยว่าดาโกซอรัสพูดอะไรด้วย ไม่สิ ผมไม่ได้ถามลูก้านี่นา
“บอกให้ช่วย”
“ช่วย? ช่วยอะไร?”
“ผมก็ไม่รู้แต่พอได้ฟังเรื่องราวอาจบอกให้ช่วยเขาทีก็ได้”
“...แต่เราก็ช่วยไม่ได้” ถ้าผมรู้ว่ามันมีอะไรที่มากกว่านั้นก็จะช่วยดาโกซอรัสก่อนจะถูกกระแสไฟฟ้านั่นจัดการก็ได้
“มันไม่ใช่ความผิดของใครหรอกสาม”
“ลูก้า...”
“เราอาจช่วยดาโกซอรัสไม่ได้แต่เราอาจช่วยตัวอื่นๆ ได้” คำพูดของลูก้าทำให้ยิ้มออก นั่นสิ ผมยังสามารถช่วยได้อีกหลายชีวิต
“ขอบคุณลูก้า”
“...เปลี่ยนจากขอบคุณเป็นอย่างอื่นได้ไหม”
“อะไรล่ะ อยากให้ลูบหัวหรือชมว่าเด็กดี” ผมถามต่อ
“อยากให้จูบ...ได้ไหม” เหมือนลูก้าจะเห็นท่าทางตื่นๆ ของผมเลยเติมพยางค์สุดท้ายให้เป็นประโยคคำถามแทน ผมกับลูก้าตอนนี้ไม่ใช่แค่คู่หูแต่เป็นคนรักกันด้วย มันไม่แปลกที่เขาอยากสัมผัสผมเพราะผมเองก็ไม่ต่างกันแค่ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดน่าอายนั่นตรงๆ ก็ตาม
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” พูดจบผมก็ขยับหน้าเข้าไปใกล้แล้วจูบยังริมฝีปากอีกฝ่ายเบาๆ
“...แค่นี้ไม่พอหรอก” ใบหน้าของลูก้าแสดงออกอย่างที่พูด ใบหน้านั่นบอกว่าแค่นี้ไม่พอ
“ไว้กลับมาจากการสำรวจก่อนละกัน”
“พูดแล้วนะ ห้ามบอกว่าลืมหรือจำไม่ได้ด้วย”
“ผมไม่เคยอ้างแบบนั้นสักหน่อย”
“ใครว่าไม่เคย”
“ถ้าเถียงผมไม่ให้จูบแล้วนะ”
“...งั้นผมจะปล้ำ” เงียบได้ไม่กี่วินาทีลูก้าก็สวนกลับด้วยใบหน้าจริงจัง
“ลูก้า”
“ถ้าไม่ให้จูบผมก็จะปล้ำ”
“หยุดพูดเลยนะ ไดโนเสาร์ลามกนี่!”
“กลับมาค่อยพูดต่อก็ได้”
“ไม่ต้องมาพูดต่อเลย ไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้” ผมรีบลุกขึ้นจากเตียงเพื่อหลีกหนีจากสถานการณืแปลกๆ นี่อย่างรวดเร็ว และหวังว่าลูก้าจะไม่สังเกตเห็นว่าใบหน้าผมมันร้อนขนาดไหน
“ถึงจะลุกก็หลบใบหน้าแดงๆ นั่นไม่ได้หรอกนะ”
“ลูก้า!” ผมเขวี้ยงผ้าขนหนูใส่อีกฝ่ายเต็มแรง แต่ก็รู้อยู่ว่าด้วยสายตาของนักล่าแค่ผ้าผืนเล็กๆ น่ะหลบได้สบายอยู่แล้ว
หลังจากเตรียมตัวเสร็จผมก็ให้เรือไปส่งพวกเรายังเกาะแห่งหนึ่งซึ่งเป็นสถานที่ขึ้นชื่อในการท่องเที่ยวก่อนจะใช่เกาะนั่นเป็นสถานที่ดำน้ำไปยังบริเวณที่เจอดาโกซอรัส ระยะห่างของเกาะนี้ถึงบริเวณที่ต้องการมากพอสมควรแต่ถ้าให้เรือไปส่งใกล้ๆ อาจจะทำให้อีกฝ่ายไหวตัวทัน วิธีนี้จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว
สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่เมื่อมองจากเกาะนี่กลับมาขนาดเล็กกว่าความเป็นจริง สิ่งที่ผมมองอยู่คือสถานีขุดเจาะน้ำมันเป้าหมายครั้งนี้นั่นเอง ลูก้าหันมามองผมเล็กน้อยก่อนจะกระโดดลงไปในน้ำ ผมเองก็ตาอีกฝ่ายไปติดๆ เมื่ออยู่ใต้น้ำการเคลื่อนไหวของมนุษย์ค่อนข้างช้าเลยให้ลูก้าเป็นคนดึงผมเพื่อเพิ่มความเร็ว
ชุดดำน้ำแบบใหม่ที่ผมและลูก้าใส่อยู่ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นมาโดยฝีมือของหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษและผม ชุดนี้มีการติดตั้งระบบใช้ในการผ่านเซนเซอร์และกลืนไปกับน้ำทำให้กล้องตรวจจับได้ยาก แต่กว่าจะให้ลูก้ายอมใส่ก็ใช้เวลานานทีเดียว ก็เข้าใจว่าไม่ชอบใช่ชุดที่ทั้งหนาทั้งแน่นแต่ครั้งถ้าไม่ใส่เราคงผ่านไปไม่ได้
กว่าจะไปถึงเป้าหมายก็กินเวลาไปเกือบชั่วโมงตามที่วางไว้ ผมพกออกซิเจนขนาดเล็กไว้สำหรับเหตุการณ์นี้โดยเฉพาะและก็ส่งให้ลูก้าใช้เป็นครั้งคราว บรรยายกาศใต้น้ำบริเวณนี้ไม่ชวนให้ดำสักนิด แม้จะเงียบแต่ก็ไม่ช่วยให้รู้สึกสงบ เหล่าฝูงปลาที่ควรจะมีกลับไม่ปรากฏในสายตาสักตัว
ดวงตาสีเงินของลูก้าหันมามองผมเป็นเชิงขอความเห็นว่าให้ทำอะไรต่อผเลยชี้ลงไปข้างล่าง ลูก้าเองก็พยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วดำลงไปลึกขึ้น ยิ่งดำลงมาลึกแสงสว่างที่มีก็ค่อยๆ หายไป ข้อมือผมถูกลูก้ากำแน่นขึ้นเหมือนเป็นสัญญาณให้ระวังอะไรบางอย่าง
ลูก้า
พรึ่บ!
ลูก้าดึงผมลงไปซ่อนตัวยังโขดหินด้านล่างก่อนที่ร่างสีดำขลับจะว่ายผ่านหัวพวกเราไปในชั่วพริบตา รูปร่างแบบนั้นคงจะเป็นโพลิปทิโคดอน ไดโนเสาร์นักล่าที่มีส่วนลำคอสั้นและมีความยาวประมาณ7เมตร ถือเป็นหนึ่งในตัวอันตรายแห่งท้องทะเลก็ว่าได้
ดีแล้วที่หลบทัน
รอให้โพลิปทิโคดอนไปพวกเราก็ออกจากโขดหินแล้วมองไปยังพื้นระนาบด้านล่างที่ต่ำลงไปอีกลึกพอสมควร ปกติพื้นทะเลจะค่อยราดต่ำลงไปทีละนิดแต่ก็มีมากที่เจอกับที่ราบลึกแบบนี้
ไม่รู้ว่าข้างล่างจะมีอะไร
ผมหันไปมองลูก้าพร้อมพยักเบาๆ ลูก้าเองก็พยักหน้าตอบก่อนพวกเราจะลงไปยังบริเวณที่ลึกกว่าเดิม ยิ่งลงไปลึกมาเท่าไหร่แสงสว่างก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น ตอนนี้บรรยากาศรอบตัวผมมันเรียกว่าแทบมืดสนิท จากที่กะความลึกน่าจะเกิน1,000เมตรเข้าไปแล้วซึ่งปกติคงไม่มีใครที่จะดำลงมาลึกถึงขนาดนี้หรอก
ไม่มีที่ไหนที่จะเหมาะแก่การซ่อนตัวไปมากกว่านี้แล้ว
แม้จะอยู่ในความมืดแต่ผมก็ยังไม่รู้สึกกังวลเพราะลูก้าจับมือแน่นราวกับจะบอกว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียว ดวงตาของลูก้าคงสามารถมองเห็นในความมืดได้เพราะไม่งั้นคงไม่สามารถดึงผมหลบโขดหินได้อย่างง่ายดายหรอก ผ่านไปสักพักแสงสีเงินส่องสว่างอยู่ด้านใต้ริบๆ นั่นเรียกความสนใจทั้งผมและลูก้าให้จ้องมองไป
พวกเราไม่รอช้าดำลงไปบริเวณนั้นด้วยความระมัดระวังจนภาพของสิ่งก่อสร้างขนาดหรือโดมขนาดใหญ่ปรากฏแก่สายตา แสงสีเหลืองนวลคล้ายแสงไฟส่องสว่างมาจากส่วนกระจกใส่ด้านข้างตัวโดม ผมพาร่างตัวเองลงมายังพื้นแล้วเดินไปแอบมองยังส่วนที่เป็นกระจกใสจนเห็นสิ่งด้านใน สิ่งที่เห็นทำเอาดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงทั้งที่คาดการณ์ไว้แล้ว
เป็นอย่างที่คิด
ที่นี่เป็นสถานที่ทดลองการสร้างไดโนเสาร์กลายพันธุ์จริงๆ ด้วย
หลอดแก้วขนาดใหญ่วางเรียงติดๆ กันโดยข้างในนั้นมีร่างที่ไม่อาจเรียกว่ามนุษย์ใส่อยู่ ถึงจะมีรูปร่างคล้ายมนุษย์แต่กลับมีทั้งหางหรือส่วนปากที่ยาวคล้ายสัตว์ และถัดออกไปมีร่างของไดโนเสาร์หลายชนิดถูกแช่ไว้ในโหลแก้วในสภาพไม่ครบ32 บางหลอดแก้วมีเพียงส่วนหัวในขณะที่บางอันมีร่างของไดโนเสาร์อยู่ทั้งตัว
นี่มันทดลองบ้าอะไรกัน
มันไม่ใช่ไดโนเสาร์กลายพันธุ์แล้ว
ระหว่างที่กำลังหงุดหงิดกับภาพตรงหน้ามือของลูก้าก็แตะยังไหล่ผมเบาๆ ซึ่งมันช่วยให้สติผมกลับมา ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโกรธหรือหงุดหงิด สิ่งที่ต้องทำคือกลับไปบอกเซโครถึงเรื่องนี้ และรีบมาจัดการโดยเร็วที่สุดก่อนจะมีชีวิตที่ต้องถูกสร้างขึ้นมาอย่างไม่ถูกต้องมากไปกว่านี้
........................................................
สวัสดีค่ะ
ไม่ได้พบกันมาระยะหนึ่งเลย
ตอนนี้แต่งค่อนข้างยากทั้งที่ไม่ค่อยจะมีเนื้อหาพิเศษอะไรมากมายนัก
การได้แต่งไดโนเสาร์กลายพันธ์ุสองคนพร้อมกันนี่ดูน่ารักไม่น้อยเลย
หวังว่าทุกคนจะสนุกกับการอ่านนะคะ
ไว้เจอกันใหม่ในตออนหน้าค่ะ
บ๊าบาย
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
แย่มากก ฝากจะัดการด้วยนะ ขอหนักๆ!
เซโคร - ยูทาห์
แล้ว เชส - อานโน่ จะมามั้ยยยย คิดถึงทุกคู่เลยยย
ว่าจะทักคำผิดมีคนทักก่อนเปลี่ยนมาหวีดความนัวเนียของทั้ง2คู่แทนละกันนะ 555
ชันสูจ > ชันสูตร
ร่องลอย > ร่องรอย
ติดเพื่อก่อนะคะ อย่าเคืองเค้านะะะ
ติดตามอยู่ค่า ลุ้นๆๆ