◈ธาราที่20◈
แสงแดดยามสายของประเทศเขตร้อนค่อนข้างสว่างจ้าจนต้องหรี่ตาลงเล็กน้อย ดวงตาสีเงินของผมสะท้อนภาพท้องฟ้าสีครามที่มีหมู่เมฆขนาดกลางค่อยๆ ลอยไปตามแรงลมด้านบนฟ้าในขณะที่นอนลอยตัวอยู่ในทะเลริมชายหาด
จากวันที่ได้ยกระดับความสัมพันธุ์เป็นแฟนของสามก็ผ่านมาสักใหญ่ พวกเราต่างออกไปทำภารกิจที่ส่งตรงจากหัวหน้าหน่อยปฏิบัติการพิเศษอยู่หลายครั้ง และในทุกครั้งก็ทำเอาไดโนเสาร์กลายพันธุ์อย่างผมต้องอึ้งในความสามารถของมนุษย์ตัวเล็กๆ ที่พัฒนาขึ้นอยู่เสมอ
การเคลื่อนไหวใต้น้ำนับว่าเป็นเรื่องไม่ง่ายสำหรับมนุษย์ที่อาศัยอยู่บนบกเป็นส่วนมากแต่สามกลับเคลื่อนไหวร่างกายได้ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของน้ำซึ่งถือว่าน่าตกใจมาก ตั้งแต่เกิดมาก็พึ่งเคยเห็นมนุษย์เคลื่อนไหวได้ราวกับสัตว์น้ำก็ครั้งนี้เอง
สามเก่งและไม่ใช่เก่งธรรมดาด้วย ต้องพูดว่าเก่งมาก
ระหว่างคิดเรื่องสามผมก็พลิกตัวมุดลงไปใต้น้ำอุ่นๆ จากการถูกแสงอาทิตย์แผดเผาไปจนถึงด้านล่างที่ลึกขึ้น ความอุ่นของน้ำถูกแทนที่ด้วยความหนาวเย็นเพราะแสงอาทิตย์เริ่มส่องลงมาไม่ถึง แม้บริเวณนี้จะไม่ลึกมากแต่ก็มากพอให้ผมรู้สึกสงบ
ใต้นี้ไม่มีเสียงดังน่ารำคาญเหมือนด้านบน ช่วงเวลาที่ผมชอบคือการได้อยู่ในน้ำแบบนี้...ส่วนช่วงเวลาที่ชอบที่สุดน่ะหรอ...
ตู้ม!
เสียงของน้ำที่กระจายตัวออกเรียกสายตาผมให้เงยขึ้นไปมองยังผิวน้ำก่อนจะเห็นภาพของมนุษย์เพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ในความคิดแหวกว่ายลงมาหาด้วยท้วงท่าอันงดงามจนแทบละสายตาไปไม่ได้
สาม
ปากที่กำลังจะอ้าเรียกปิดสนิทเมื่อรู้ตัวว่าตอนนี้ถึงเรียกไปเสียงก็คงไม่ออก ในทะเลเสียงที่สามารถทำได้คือเสียงครางกับเสียงขู่เท่านั้นแหละ
ผมเตรียมจะว่ายขึ้นไปหาสามเพราะบริเวณที่ผมอยู่เป็นด้านใต้ที่มีโขดหินและฝูงปลาเล็กว่ายอยู่จึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่สามจะหาผมเจอ ทั้งที่คิดแบบนั้นแต่เพียงแค่ผมกำลังลอยตัวขึ้นไปดวงตาสีน้ำตาลกลับจับจ้องมายังผมก่อนริมฝีปากบางนั่นจะคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ท่าทางนั่นเหมือนจะบอกว่าเจอผมแล้วเลย
ร่างของสามดำลงมาลึกขึ้นจนถึงบริเวณที่ผมอยู่ ฝูงปลาตัวเล็กๆ ต่างแหวกว่ายอยู่รอบๆ อย่างไม่เกรงกลัวเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นพวกเรา มือของผมเอื้อมไปจับมืออีกฝ่ายทันทีที่ยื่นมาหาโดยไม่ลังเล ความเย็นของร่างกายเริ่มอุ่นขึ้นเมื่อกุมมือคนตรงหน้าไว้แน่นพร้อมกับปล่อยให้ตัวเองถูกลากขึ้นไปยังด้านบนผิวน้ำอย่างไม่ขัดขืน
ช่วงเวลาที่ผมชอบที่สุดคือการได้อยู่กับสามใต้น้ำแบบนี้ มันเหมือนมีเพียงแค่เราสองคนอยู่ในห้องขนาดใหญ่ที่ไม่มีอันสิ้นสุด
“แฮ่ก...ผมเกือบหาไม่เจอแล้วนะลูก้า” เสียงบ่นเบาๆ ดังขึ้นหลังจากเราทั้งคู่โผล่พ้นผิวน้ำ
“ก็กำลังจะว่ายออกไปหาพอดี”
“รู้ด้วยเหรอว่าผมลงมา?”
“เสียงน้ำดังขนาดนั้น...หนักขึ้นสินะ”
“ผมไม่ได้อ้วนสักหน่อย” สามตอบกลับด้วยน้ำเสียงเคืองๆ
“ผมไม่ได้บอกว่าอ้วนนี่นา”
“อ้วนกับน้ำหนักขึ้นมันก็เหมือนกันแหละ”
“ไม่เหมือนสักหน่อย สามน่ะผอมไปน้ำหนักขึ้นมาหน่อยก็ดีแล้ว ถ้าผอมมากๆ ตอนมีกระแสน้ำแรงๆ เดี๋ยวก็ต้านไม่อยู่หรอก” ผมบอกพลางเอื้อมมือไปแตะยังหัวไหล่แล้วลูบไล่ลงมาตามท่อนแขนที่ตอนนี้มีกล้ามเนื้อเล็กน้อย
“ถ้าผมว่ายไม่ไหวเดี๋ยวจะเกาะหลังนายไปแทน”
“ไม่กลัวโดนพิษผมรึไง”
“ผมรู้ว่าพิษของลูก้าอยู่ตรงไหนไม่มีพลาดหรอกน่า”
“มั่นใจจังนะทั้งที่ผมเคยทำให้สามบาดเจ็บแท้ๆ ” อยู่ๆ เรื่องตอนที่สามบาดเจ็บด้วยความรู้ของตัวเองก็ผุดเข้ามาในหัว
“ยังคิดถึงมันอยู่อีกเหรอ”
“มันไม่ใช่เรื่องที่จะลืมได้ในไม่กี่วันนี่”
“ผ่านมาหลายปีแล้วนะลูก้า”
“...เหรอ” สำหรับผมมันเหมือนพึ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี่เอง
“ผมอยากให้ลูก้าเข้าใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั่นมันไม่ใช่ความผิดของลูก้า ลูก้าอาจคิดว่าเพราะตัวเองผมจึงเจ็บแต่ผมอยากให้คิดในมุมกลับกัน” สามพูดพร้อมกับฝ่ามืออุ่นที่ลูบใบหน้าผมอย่างอ่อนโยน ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองมาด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่ทำเอาผมคว้าตัวอีกฝ่ายมากอดไว้แน่นทั้งๆ ที่ทรงตัวลอยอยู่เหนือน้ำ
“มุมกลับกันยังไง” ผมถามต่อโดยที่คลอเคลียไปตามเส้นผมสีดำ
“ถ้าผมไม่เจ็บในวันนั้น...อาจไม่มีพวกเราในวันนี้ก็ได้นะ” คำพูดของสามดังขึ้นพร้อมกับแขนที่กอดตอบผม
“สาม...” นึกว่าจะถูกดุที่คว้าตัวมากอดซะแล้ว ครั้งที่เผลอจูบไปก็ถูกเหวี่ยงลงทรายอย่างแรงจนเจ็บหลังไปหมด เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้พละกำลังไม่ได้น้อยเลยอาจจะมากว่าคนมีกล้ามหลายๆ คนด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเอาพลังไปเก็บไปส่วนไหนกัน
“อะไร มาคลอเคลียแบบนี้อยากได้ปลาเหรอ” สามพูดติดตลก
“...อยากได้สาม” ผมพึมพำกลับไปพร้อมกดจูบลงบนเส้นผมอันเปียกปอนตรงหน้า
สิ่งที่อยากได้ที่สุดตอนนี้ไม่ใช่อาหารแต่เป็นสาม มนุษย์ไม่ได้มีช่วงเวลาในการสืบพันธุ์เหมือนอย่างสัตว์ เพราะแบบนั้นถึงไม่ใช่ฤดูติดสัดก็ยังอยากจะครอบครองสาม
“วะ...ว่าไงนะลูก้า เหมือนจะฟังผิดไปสินะ” แขนที่กอดตอบเปลี่ยนมาดันแผนอกจนพวกเราแยกจากกันในเวลาอันรวดเร็ว
“ผมบอกว่าอยากได้สาม” ผมย้ำในสิ่งที่พูดอีกรอบ
“...” สามไม่ตอบแต่ดวงตาสีน้ำตาลนั่นเบิกกว้างพร้อมผิวสีน้ำผึ้งที่เห่อแดงไปทั้งตัว สามเป็นพวกที่เขินแล้วไม่ได้แดงแค่หน้าแต่เป็นทั้งตัว
น่ารักสุดๆ
“สาม...น่ารัก...”
“เงียบไปเลย!” เสียงตะโกนดังขึ้นขัดสิ่งที่ผมกำลังจะพูด หมัดอันรุนแรงถูกปล่อยออกมาฉียดแก้มไปเพียงไม่กี่เซน ถ้าหลบไม่ทันคงไม่ต้องบอกนะว่าแก้มคงช้ำไปแล้ว
“อย่ารุนแรงสิ”
“ก็ใครให้พูดอะไรลามกแบบนั้นเล่า!”
“ลามกตรงไหน ก็แค่พูดความจริง...เราเป็นแฟนกันแล้วเพราะงั้นเราก็น่าจะทำ...”
“ทำไปคนเดียวไป๊!” น้ำทะเลเค็มๆ สาดเข้าใบหน้าอย่างจังจนต้องสะบัดหน้าไปมา พอลืมตาขึ้นมาอีกทีสามก็ขึ้นฝั่งไปแล้ว
“อย่าเขินน่าสาม” ผมว่ายขึ้นฝั่นตามอีกฝ่ายไป
“ไม่ได้เขิน”
“แดงทั้งตัวแล้ว”
“ก็อย่ามองสิ!” สามบอกพลางใช้มือปิดหน้าตัวเองไม่ให้ผมเห็นใบหน้าแดงๆ นั่น
“น่ารักมากๆ เลย”
ทำไมถึงได้ถูกดึงดูดได้มากขนาดนี้นะ
ไม่ว่าจะเป็นสายตา น้ำเสียง หรือแม้แต่การกระทำ
ไม่ว่าจะอะไรถ้าเป็นสามมันน่ามองไปหมด ท่าทางเขินอายนั่นผมอยากจะดึงอีกฝ่ายมาฟัดให้หายอยากจริงๆ แต่ถ้าผมทำคงไม่จบแค่ถูกทุ่มลงทรายหรอก
“ทำไมชอบแกล้ง”
“เปล่าสักหน่อย”
“มีแค่ผมที่อายแทบตายแบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด” สามหันหน้ามาเผชิญกับผมตรงๆ สายตานั่นบอกว่ากำลังไม่พอใจ
“สาม...”
“ลูก้าน่ะ ชอบผมรึเปล่า”
“อืม ชอบ...รักด้วย” ผมตอบแบบไม่ต้องคิด
“งั้นทำไมไม่เห็นจะหน้าแดงเวลาอยู่กับผมเลยสักนิด” ดวงตาสีน้ำตาลตรงหน้าหรี่ลงอย่างสงสัย ไม่กี่วินาทีต่อมาสามก็ก้าวเข้ามาประชิดตัวผมแล้วใช้มือวางบนแผ่นอกแล้วลูบไปมาเบาๆ
“อึก! สาม” ผมถึงกับสะดุ้งถอยหลังจนติดหับหน้าผาด้านหลัง สัมผัสของการลูบนั่นไม่เหมือนปกติแต่ราวกับกำลังถูกยั่วยวน
“โอ๊ะ...หน้าแดงแล้ว อะไรแค่ผมลูบเบาๆ เองนะ” ดูสามจะสนุกกับปฏิกิริยาผมเลยไม่ยอมหยุดมือที่ลูบนี่สักที
“สาม...หยุดเลย”
“ทำไม? นายทำผมเขินก่อนนี่ ขอเอาคืนหน่อยละกัน...เฮ้ย!”
พรึ่บ!
ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร รู้แค่ว่าสติที่มีมันเริ่มเลือนรางลงทุกที ยิ่งเห็นสามทำท่าเหมือนเชิญชวนผมก็ทนไม่ไหวจับอีกฝ่ายให้เปลี่ยนมาพิงหน้าผาโดยมีผมขยับตัวเข้าไปแนบชิด
“รู้ตัวไหมว่ากำลังทำผมทนไม่ไหว” ผมก้มลงไปกระซิบก่อนจะขบลำคอสีน้ำผึ้งเบาๆ เป็นการเตือนว่าอย่ามาเชิญชวนกันแบบนี้ถ้าไม่อยากให้ผมหมดความอดทน
สามอาจแข็งแรงกว่ามนุษย์ปกติแต่ไม่ว่าจะแข็งแรงยังไงก็เทียบกับผมที่มีสายเลือดของไดโนเสาร์ครึ่งหนึ่งไม่ได้หรอก ถ้าผมทนไม่ไหวอาจจะทำเรื่องที่ร้ายกาจกว่านี้ลงไป และเมื่อถึงจุดนั้นต่อให้สามพยายามจะหยุดมันก็อาจหยุดไม่ได้
ผมรู้ว่าอารมณ์อยากครอบครองของตัวเองมันมาก และอาจมากว่าไดโนเสาร์กลายพันธุ์คนอื่นๆ ด้วย เพราะงั้นผมถึงอดทน ไม่อยากให้สามต้องฝืน ไม่อยากให้ต้องเจ็บ แต่ถ้ามาทำอะไรน่ารักๆ แบบนี้อีกผมคงทนไม่ไหว
“ละ...ลูก้า...”
“อย่าทำตัวน่ารักให้มากนักถ้าไม่อยากให้ผมทำมากกว่านี้” ผมสบตากับสามอย่างจริงจังเพื่อสื่อว่าผมพูดจริง
“...ผมไม่คิดจะยอมง่ายๆ หรอกนะ” เหมือนสามเองก็จะรู้ว่าผมสื่อถึงอะไรเพราะดวงตาสีน้ำตาลนั่นแม้จะสั่นระริกแต่ก็แฝงไปด้วยความไม่ยอมแพ้จนผมหลุดยิ้มออกมา
นี่สิคู่ของผม
ต่อให้รู้ว่าไม่มีทางชนะได้ก็ยังไม่ยอมแพ้
“งั้นมาลองกันไหมล่ะ ว่าใครต้องเป็นฝ่ายยอม” ถึงจะไม่เคยแต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รู้ถึงวิธีทำ
“ตอนนี้?”
“ใช่”
“ฮะ...เอ่อ”
“หึ...” ผมถึงกับหลุดขำออกมาเมื่อเห็นท่าทางรุกรี้รุกรนนั่น อยู่กับสามผมมีความสุขที่สุดแล้วจริงๆ ความจริงผมไม่ได้อยากจะบังคับเดี๋ยวนี้หรอกแค่อยากแกล้งเท่านั้นเอง แต่ถ้าได้...ก็ดี
“คือว่านะลูก้า ผม...”
ครื่นนนน~ ครื่นนนน~
ความสุขจากการแกล้งคนรักถูกตัดฉับด้วยเสียงของโทรศัพท์ที่ดังขึ้น คิ้วของผมขมวดเข้าหากันด้วยอารมณ์ไม่ดีนักเนื่องจากถูกสิ่งที่เรียกว่าโทรศัพท์ขัดจังหวะอยู่ตลอด ครั้งก่อนก็ตอนจูบและครั้งนี้อีก
“ลูก้า...ขอผมไปรับก่อนนะ” สามบอกก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในเสื้อคลุมสีเทาบนพื้นขึ้นมารับสายด้วยใบหน้าที่ยังแดงไม่หาย พอเห็นใบหน้าแดงๆ นั่นอารมณ์ไม่ดีที่กำลังเกิดก็ปลิวหายไปทันที
เอาเถอะ
ไว้ครั้งหน้าก็ได้
“คุณเซโคร?” ผมเดินเข้าไปถามเมื่อเห็นสีหน้าเครียดๆ ของสาม
“...พันธุ์อะไรนะ พูดเป็นเล่นเซโครผมไม่ขำด้วยนะถ้าเป็นเจ้านั่นน่ะ” สามพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าใช่ก่อนจะคุยกับปลายสายต่อ
“แถวไหนล่ะ...ให้ไปทางเฮลิคอปเตอร์เหรอ? เข้าใจแล้ว เดี๋ยวติดต่อไป” พูดจบสามก็ลดโทรศัพท์ในมือลง
“ภารกิจสินะ” ผมพูดโดยที่รู้คำตอบอยู่แล้ว
“ใช่...ไม่มีเวลาเปลี่ยนชุดแล้ว ไปกันลูก้า” สามวิ่งนำออกไปทั้งที่เสื้อผ้าอยังเปียกชื้นจากน้ำทะเลเมื่อครู่ ผมวิ่งตามสามขึ้นมายังดาดฟ้าที่มีเฮลิคอปเตอร์จอดรออยู่ ไม่ต้องพูดอะไรให้เสียเวลาพอพวกเราขึ้นไปนั่งเฮลิคอปเตอร์ก็ขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
“สาม”
“อืม...ภารกิจครั้งนี้คือไปจัดการกับดาโกซอรัส” สามเริ่มอธิบายเมื่อรู้ว่าผมต้องการฟังรายละเอียดของภารกิจมากกว่านี้
“ดาโกซอรัส...เหมือนจะได้ยินมาก่อน เหมือนจะเป็นไดโนเสาร์ที่ไม่ใหญ่มากประมาณ5เมตร แบบนั้นไม่น่าจะจัดการยากเท่าไหร่” ผมพึมพำออกไประหว่างนึก
“ผมให้โอกาสคิดใหม่ลูก้า”
“ผมบอกผิดเหรอ?” ยังไงเรื่องจดจำก็ไม่ใช่สิ่งที่ผมถนัดอยู่แล้ว การจะจำผิดไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“เปล่า ที่บอกว่ายาวประมาณ5เมตรน่ะถูกแล้ว แต่ที่ให้คิดใหม่คือที่บอกว่าจัดการไม่ยากต่างหาก”
“ยังไง”
“รู้ความหมายของคำว่าดาโกซอรัสรึเปล่าล่ะ” สามถามกลับ
“...ไม่รู้”
“ดาโกซอรัส ชื่อของมันมีความหมายว่ากิ้งก่าจอมฉีกเนื้อ”
“กิ้งก่าจอมฉีกเนื้อ...”
“ใช่ แล้วรู้ไหมว่าทำไมมันถึงได้ชื่อนั้น”
“...ไม่รู้”
“ไดโนเสาร์น้ำกับไดโนเสาร์บกจะมีฟันหรือเขี้ยวที่มีลักษณะต่างกันตามแต่สายพันธุ์ เพียงแต่ไดโนเสาร์น้ำส่วนมากจะมีฟันเรียว คมและบางเพราะสภาพแวดล้อมในการล่าในน้ำจำเป็นต้องเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ยิ่งฟันใหญ่ก็จะทำให้มีน้ำหนักมากจึงถ่วงเวลาเคลื่อนไหวต่างจากไดโนเสาร์บกที่ไม่ต้องสนเรื่องขนาดหรือน้ำหนักทำให้ฟันของพวกมันมีขนาดใหญ่และหนักกว่าไดโนเสาร์น้ำ”
“แล้วเรื่องที่เล่าเกี่ยวกับดาโกซอรัสยังไง” ผมถามต่อเพราะยังไม่เข้าใจถึงสิ่งที่สามต้องการจะสื่อ
“ผมจะบอกว่าดาโกซอรัสเป็นไดโนเสาร์น้ำที่มีฟันเหมือนไดโนเสาร์บก”
“...เรื่องนี้ไม่ขำสักนิด” ฟันเหมือนไดโนเสาร์บกเหรอ แปลว่านอกจากจะใหญ่แล้วยังมีพลังในการกัดมากกว่า
“เห็นด้วย ขำไม่ออกเลย เจอแต่ตัวอันตราย” สามเอนหลังไปพิงเบาะพลางถอนหายใจยาว
“แต่ถ้าเป็นแบบนั้นแปลว่ามันต้องเคลื่อนไหวช้า”
“ใช่ นั่นเป็นข้อได้เปรียบของเรา การเคลื่อนไหวมันอาจช้าแต่ก็แค่ช้ากว่าปกติเล็กน้อยเท่านั้น เพราะงั้นห้ามประมาทเด็ดขาด ต้องระวังการโจมตีของดาโกซอรัสให้ดีอย่าให้มันโจมตีได้โดยเฉพาะช่วงคอของนายที่เป็นจุดอ่อน” สามอธิบายด้วยใบหน้าเครียดๆ
อย่างที่สามพูด ลำคอผมในร่างไดโนเสาร์ถือเป็นจุดอ่อนหลักถ้าถูกฟันของดาโกซอรัสกัดอาจจะขาดในไม่กี่วินาทีก็เป็นได้
“เข้าใจแล้ว ไม่ประมาทแน่”
“โอเค”
“ทำไมให้มาทางเฮลิคอปเตอร์ล่ะ?”
“มันเร็วกว่าทางเรือ เพียงแต่มันก็เสี่ยงเวลากระโดดลงไป”
“ผมจะกลับร่างคอยรับสามเอง” ผมบอกกลับไป
“รบกวนหน่อยละกัน”
“ได้”
“ถึงแล้วครับ” เสียงตะโกนเรียกดังขึ้นพร้อมกับเฮลิคอปเตอร์ที่หยุดเคลื่อนไหว
“เอาล่ะ ไปกัน” หน้ากากสำหรับดำน้ำถูกสวมใส่อย่างไม่รีบร้อน
“อืม” ผมพยักหน้าก่อนจะเป็นคนแรกที่กระโดดลงไปด้านล่าง
ร่างของมนุษย์ค่อยๆ แปรเปลี่ยนระหว่างที่กำลังจะลงสู่ผิวน้ำ ส่วนหัวขนาดใหญ่ยืดออกแล้วหันไปมองรอบกายจนสายตาไปสะดุดเข้ากับสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ไกล แต่ไม่ทันได้คิดอะไรสามที่ตามลงมาก็คว้าคอผมเกาะไว้แน่นก่อนร่างขนาดใหญ่จะพุ่งสู่ผืนน้ำด้านล่างด้วยความเร็วสูง
ดวงตาของผมจะเห็นชัดที่สุดเมื่ออยู่ใต้น้ำจึงได้มองหาดาโกซอรัสที่น่าจะอยู่ไม่ไกลทว่าผ่านไปสักพักกลับไม่เห็นวี่แววเลย ไม่ใช่แค่วี่แววของดาโกซอรัสแต่วี่แววของสิ่งมีชีวิตก็ยังไม่เห็น ปกติน่าจะมีฝูงปลาหรือฝูงสัตว์อยู่ในระแวกนี้แต่นี่กลับไม่มีเลย
งี๊ดดด~
ผมครางเรียกสามที่น่าจะรู้สึกถึงเรื่องเดียวกันนี้ ฝ่ามืออุ่นๆ ลูบลำคอผมไปมาก่อนร่างของสามจะว่ายมาตรงหน้า แม้สามจะไม่สามารถส่งเสียงในน้ำได้แต่ด้วยท่าทางและสายตาที่แสดงออกมาทำให้ผมรู้ถึงที่ที่ต้องการบอก สามชี้นิ้วมายังผมก่อนจะชี้ไปยังฝั่งหนึ่งของมหาสมุทรนั่นทำให้ผมรีบส่ายหัวตัวเองไปมาจนเกิดกระแสน้ำขึ้น
สิ่งที่สามกำลังจะให้ทำคือแยกกันค้นหา
ใครจะให้สามไปคนเดียวกัน
ไม่มีทาง
พอแผนไม่ได้รับการอนุมัติจากผมสามก็ทำหน้ามุ่ยพลางกอดอกทั้งที่ลอยตัวอยู่ใต้น้ำ
ผมก็อยากจะขำกับท่าทางนั้นอยู่หรอกถ้าไม่ติดที่ว่าสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง ดวงตาสีเงินของผมเบิกกว้างเล็กน้อยเมื่อได้เห็นร่างสีน้ำเงินเข้มและฟันขนาดใหญ่ที่อ้าออกกว้างหมายจะจัดการเหยื่อด้วยการโจมตีเดียว เนื่องจากเวลาที่มีไม่พอที่จะส่งเสียงบอกสามผมเลยตัดสินใจใช้ปากคาบสามไว้ก่อนจะม้วนตัวเป็นก้อนกลมๆเพื่อป้องกันการโจมที่ปะทะเข้ามา
งี๊ดด!
แรงกัดฝังลงบนเกราะกลางหลังจนรู้สึกชาวาบ เกราะของไดโนเสาร์บกที่ไม่เคยถูกผ่านได้มาก่อนกลับถูกฟันนั่นกัดฝังเข้ามาได้อย่างง่ายดาย หนวดสีน้ำเงินใสซึ่งมีพิษของแมงกะพรุนกล่องถูกสะบัดสยายไปรอบๆ หวังว่าจะโดนตัวศัตรูที่พึ่งละออกไป
ผมไม่มั่นใจว่าถ้าออกไปจากการป้องกันนี่จะปลอดภัยไหม
ไม่แน่ว่ามันอาจจะกำลังรอจังหวะพอลดการป้องกันก็จะเข้ามาโจมตี
ถ้ามาเลือกโจมตีผมก็คงไม่เท่าไหร่แต่ถ้าเป็นสามคงหลบการโจมตีนั่นได้ยาก ในขณะที่ม้วนตัวป้องกันสามก็ขยับตัวอยู่ตลอดเหมือนจะให้ผมคลายการป้องกันนี่ ถ้าเป็นสามคงรู้ถึงสถานการณ์นี้แล้วเหลือแค่จะจัดการยังไง
กึก!
ทั้งที่มองไม่เห็น
ไม่ได้ยิน
แต่กลับรับรู้ได้ผ่านสัมผัสของมือที่ทาบลงบนผิวตัวเอง ความรู้สึกนี้เหมือนได้รับการเชื่อมต่อความรู้สึก ไม่จำเป็นต้องเห็นหรือได้ยืน เพียงแค่ฝ่ามือนั้นสำผัสผมก็รู้ถึงสิ่งที่สามจะบอก
สามกำลังบอกว่าไม่เป็นไร ให้ปล่อยออกไป
ผมเชื่อสาม
ถ้าเป็นสิ่งที่สามพูด...ผมจะทำตาม
ผมที่ม้วนตัวกลมค่อยๆ คลายการป้องกันอย่างระมัดระวัง ดวงตาสีเงินของผมหันไปมองยังบริเวณที่มีกลิ่นเลือดดคลุ้งแทบจะทันที เลือดนั่นคงเป็นตอนที่กัดผมก่อนหน้านี้
กรรรรรร~
กรรรรรรร~
ทั้งดาโกซอรัสและผมต่างขู่คำรามออกมาจนผืนน้ำเริ่มสะเทือน สามเองก็ขึ้นมาอยู่บนหลังผมพร้อมอาวุธสีใสถูกนำออกมาเตรียมพร้อม
กรรรร~
ฝ่ายที่เปิดการโจมตีก่อนคือดาโกซอรัสที่พุ่งเข้ามา ปากขนาดใหญ่อ้าออกกว้างจนเห็นฟันอันแหลมคมนั่นอย่างชัดเจนทว่าผมกลับไม่รู้สึกหวาดหวั่นเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว บนหลังผมมีสามอยู่
ผมจะปกป้องสามเอง!
กรรรร~
ผมตอบรับการโจมตีนั่นด้วยการลอยตัวขึ้นไปด้านบนในจังหวะที่ดาโกซอรัสพุ่งมา และอาศัยจังหวะนั้นใช้หัวกระแทกหัวจนดาโกซอรัสกระเด็นไป เมื่อมีโอกาสผมก็ไม่คิดจะรออยู่เฉยๆ ให้อีกฝ่ายตั้งตัวได้เลยรีบว่ายตามดาโกซอรัสที่กำลังมึนงงจากการถูกกระแทกเมื่อครู่ เพราะดาโกซอรัสกำลังสะบัดส่วนหัวไปมาอยู่เลยไม่สังเกตถึงผมที่พุ่งเข้าไปโจมจีอีกรอบโดยอ้าปากอันเต็มไปด้วยฟันอันแหลมคมออกแล้วจัดการขย้ำไปยังลำคอที่คาดว่าจะอ่อนแอกว่าส่วนอื่นอย่างไม่ลังเล
งี๊ดดด~
เสียงครางอย่างเจ็บปวดดังขึ้นพร้อมกับร่างขอดาโกซอรัสที่ดิ้นไปมาทว่าผมก็ยังคงไม่ยอมปล่อยเขี้ยวที่จมอยู่ในลำคอนั่นออก ผมรู้ถ้าปล่อยดาโกซอรัสต้องเข้ามาโจมตีแน่
พวกเราอาจสามารถสื่อสารกันได้แต่ดูจากก่อนหน้านี้ดาโกซอรัสไม่คิดจะพูดคุยกันสักนิด
ทันทีที่สัมผัสของสามที่เกาะอยู่หายไปผมก็เกือบจะปล่อยดาโกซอรัสให้เป็นอิสระแต่ก่อนจะทำแบบนั้นร่างของสามก็ว่ายผ่านหน้าผมไปจนถึงส่วนหัวของดาโกซอรัส อาวุธขนาดเล็กถูกใช้อย่างคล่องแคล่วเพียงไม่กี่วินาทีร่างที่ดิ้นไปมาก็สงบลง
สามทำอะไร
‘ช่วย...’
อะไรน่ะ เสียงขอดาโกซอรัสเหรอ
ก่อนหน้านี้ไม่เห็นพูดอะไรนึกว่าไม่อยากคุยซะอีก
‘ช่วยอะไร’ ผมปล่อยคอของดาโกซอรัสเมื่อสามกลับมาหาแล้ว
‘ช่วย...อ๊ากก~’ ยังไม่ทันได้ตอบกระแสไฟฟ้าจากที่ไหนสักแห่งก็แผ่ขยายออกมาจากตัวของดาโกซอรัสไปทั่วผืนน้ำแม้แต่ผมที่รีบว่ายออกมาเองก็ถูกกระแสไฟฟ้านั่นทำเอาร่างกายชาไปหมด ร่างกายของดาโกซอรัสหยุดเคลื่อนไหวเมื่อกระแสไฟฟ้ารอบนั่นๆ หายไป
แทบไม่ต้องเข้าไปใกล้ผมก็รับรู้ได้ว่าดาโกซอรัสไม่มีชีวิตอีกแล้ว
เกิดอะไรขึ้นกัน?!
งี๊ดดด~
ผมร้องเรียกสามที่ว่ายเข้าไปใกล้ร่างอันไร้วิญญาณของดาโกซอรัสด้วยใบหน้าบอกไม่ถูก ถึงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ได้อย่างหนึ่งคือที่นี่มันอันตราย
งี๊ดดด~
สาม
เหมือนสามจะรู้ว่าผมเรียกเลยหันกลับมาก่อนจะเอื้อมมือมาลูบส่วนปากที่ยาวออกมาของผมเบาๆ ดวงตาสีน้ำตาลใต้หน้ากากมีน้ำใสๆ เอ่อล้นออกมา เพียงแค่เห็นมันหัวใจผมก็ชาวาบไปหมด
สาม...ร้องไห้
งี๊ดด!
เป็นอะไร
สามส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะชี้ไปยังร่างของดาโกซอรัสแล้วชี้ขึ้นไปบนผิวน้ำ สิ่งที่สามต้องการจะสื่อผมเข้าใจในทันที สามอยากให้เอาร่างของดาโกซอรัสขึ้นไป
งี๊ดด!
ผมพยักหน้าพร้อมว่ายเอาร่างดาโกซอรัสไว้ยังหลังแล้วว่ายขึ้นไปด้านบนโดยมีสามว่ายตามมาติดๆ ด้านบนของผิวน้ำยังคงมีเฮลิคอปเตอร์ลำเดิมบินวนรออยู่ พอเห็นพวกเราขึ้นมาบันไดยาวก็ถูกทิ้งลงมา
“เรากลับทั้งแบบนี้ไม่ได้” สามพึมพำพลางมองไปยังร่างของดาโกซอรัสบนหลัง ผมไม่อาจกลับร่างมนุษย์ได้เพราะมีดาโกซอรัสอยู่บนหลัง ถ้ากลับร่างมนุษย์คงไม่สามารถแบกร่างที่หนักหลายตันได้
“ลูก้า กระแสไฟฟ้าเมื่อกี๊ไม่เป็นไรนะ” สามหันมาถามด้วยใบหน้าห่วง
งี๊ดด!
ไม่เป็นไร
ความชาที่มีตอนนี้ก็หายไปแล้ว
“โอเค...แล้วพอมีแรงเหลือไหม” สามถามต่อ
กรรรรรรร~
ผมส่งเสียงคำรามตอบกลับแสดงถึงเรี่ยวแรงที่ยังมีเหลือเฟือ
“คิก! เชื่อแล้วว่ามีแรงเหลือ งั้นว่ายไปเกาะข้างๆ กันผมจะติดต่อให้เอาเรือมารอรับ อ้อ...ต้องบอกให้เฮลิคอปเตอร์กลับไปก่อนด้วยสิ” สามบอกระหว่างที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออก ดูเหมือนจะเป็นรุ่นกันน้ำแบบพิเศษไม่งั้นคงไม่มีทางโทรติดหลังจากลงไปอยู่ใต้น้ำเป็นสิบนาทีหรอก
“คุณต้นเอาบันไดขึ้นแล้วกลับไปได้เลยครับ อ้อ รบกวนติดต่อทางนั้นให้เอาเรือมารับที่เกาะข้างๆ ด้วยนะครับพอดีจะเอาร่างของดาโกซอรัสกลับปด้วย ขอบคุณครับ” เมื่อการสื่อสารจบลงสามก็ว่ายไปดูร่างของดาโกซอรัส
งี๊ดดด!
ไม่เป็นไรนะสาม
“...ผมไม่อยากคิดเลยว่าเรื่องนี้มันจะใหญ่ขนาดไหน”
งี๊ดดด!
หมายถึงอะไร?
“เราไปกันเถอะลูก้า รีบออกไปจากสถานที่อันตรายนี่กัน” สามเองก็เหมือนผมที่รับรู้ได้ว่าที่นอกจากจะไม่ปลอดภัยแล้วยังอันตรายอีก ผมว่ายน้ำไปตามทางที่สามบอกจนถึงเกาะขนาดเล็กแห่งหนึ่งพร้อมกับร่างของดาโกซอรัสที่ถูกเคลื่อนมาจนถึงชาดหาย ร่างไดโนเสาร์ยักษ์ของผมกลับสู่ร่างมนุษย์ก่อนจะใส่เสื้อผ้าที่เตรียมอยู่ในกระเป๋าสาม
“สาม...นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผมไม่รอช้ารีบถามคำถามที่คาใจที่สุดออกไป
เรื่องนี้มันไม่ปกติเลย
“ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน” สามบอกในขณะที่สำรวจร่างของดาโกซอรัสอยู่
“ผมนึกว่าสามรู้”
“ตอนนี้ผมต้องรวบรวมข้อมูลให้มากกว่านี้ แค่นี้ผมยังไม่สามารถตอบอะไรได้”
“กระแสไฟฟ้านั่นไม่ปกติ” ผมพูดต่อ
“ใช่ ไม่ปกติเลย ถ้าลูก้าอยู่ใกล้กว่านั้นคงอันตรายไปแล้ว น้ำเป็นสื่อที่กะจายกระแสไฟฟ้าได้ดีในระดับหนึ่งมันเลยกระจายตัวเป็นวงกว้างแบบนั้น ที่ไม่เข้าใจคือมันมาจากไหนแล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้” สามพูดด้วยใบหน้าเครียดๆ
“สามร้องไห้” ภาพตอนอยู่ใต้น้ำผมยังจำได้ดี
“ดาโกซอรัสไม่ควรตาย ผมหยุดเขาไว้แล้วไม่คิดว่าจะกลายเป็นแบบนี้”
“สาม...”
“ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กอย่างเกิดความผิดพลาดหรืออะไรหรอกนะ”
“สามจะบอกอะไร”
“ต้องมีคนคิดจะทำอะไรบางอย่าง”
“อะไรล่ะ”
“นั่นคือสิ่งที่เราต้องหาลูก้า”
“แล้วจะหายังไง”
“อย่างแรกคงต้องชันสูจศพของดาโกซอรัส”
“...สามทำได้?” มันดูไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำ
“ได้สิ แต่คงต้องเรียกคนสักคนมาช่วย”
“ใคร?”
“หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการณ์พิเศษ...ไทรแอสสิก เบนซ์ ฟงเซ่”
...........................................................
จบไปแล้วกับอีกหนึ่งตอน...เนื้อหาในช่วงสุดกำลังค่อยๆ เผยออกมาแล้ว
เหลืออีกเพียงไม่กี่ตอนเรื่องนี้ก็จะจบแล้วนะ
รู้สึกใจหายอยู่หน่อยๆ ที่จะไม่ได้แต่งเรื่องราวของทั้งคู่แล้ว ยิ่งแต่งยิ่งรู้สึกชอบในตัวตนของลูก้ามากๆๆๆๆ
มากขนาดที่อยากแบบนี้สักคน 555
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรติดตามตอนหน้านะคะ
บ๊ายบาย
--------------มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์---------------
วันนี้ขอเสนอดาโกซอรัส
ดาโกซอรัสคล้ายบรรพบุรุษของจระเข้ในทะเลยุกจูแรสซิก มีรูปร่างเพรียวบางแด้วยฟันที่แหลมคมที่แหลมคมและน่ากลัวจึงได้ชื่อที่แปลได้ว่า "กิ้งก่าจอมฉีกเนื้อ" พวกมันมีส่วนหัวคล้ายกับไดโนเสาร์กินเนื้อ มีความยาวประมาณ 4-5 เมตร
เครดิตรูปและข้อมูล : wikipediaและหนังสือประจันหน้าเจ้าสมุทร
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย