◈ธาราที่1◈
ภายในห้องพยาบาลขนาดกลางมีร่างของเด็กประถมสีผมแปลกตานอนหลับสนิทอยู่โดยมีผมเปิดแฟ้มเอกสารที่ได้รับมาจากพนักงานขนย้ายด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากันแน่นขึ้นเรื่อยๆ แฟ้มเอกสารนี่คือแฟ้มข้อมูลของไดโนเสาร์กลายพันธุ์ตัวใหม่หรือก็คือรุ่นที่6
ถ้าจะให้เข้าใจง่ายกว่านั้นก็คือเด็กที่หลับสนิทอยู่บนเตียงด้านข้างนี่แหละ
“ให้ตายสิ”เสียงสบถดังขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อข้อมูลสายพันธ์ที่ถูกผสมถูกอ่านเสร็จ
ผมยกมือขึ้นก่ายหน้าผากพร้อมกับปากที่ขมุมขมิบไปมา ตอนนี้ผมอยากจะตะโกนออกมาดังๆให้ได้ยินไปทั้งประเทศ ไม่สิ แค่ประเทศยังน้อยไปอยากตะโกนให้คนทั้งจรวาลได้ยินเลย
ก็พอรู้นิสัยของด๊อกเตอร์ฟรานซิส เบนซ์ ฟงเซ่อยู่บ้าง แต่ไม่คิดเลยว่าจะขนาดนี้
ด้วยสายพันธ์ของตระกูลโมซาซอร์ก็น่าจะเพียงพอแล้วแท้ๆ ทำไมถึงยังเพิ่มความยืดหยุ่นกับเกราะป้องกันอย่างยีนของอีลาสโมซอรัสกับแองคิโลซอรัสลงไปอีก แองคิโลซอรัสเป็นสัตว์ที่มีเกราะหุ้มอันแข็งแกร่งเมื่อมาอยู่รวมกับเขี้ยวอันแสนคมกริบก็จะไม่มีอะไรที่สามารถเอาชนะได้ ข้อมูลที่ได้ขนาดนั้นก็ทำเอาผมเหงื่อออกแล้วแต่พออ่านยีนอีกสองสายพันธ์ที่ใส่ลงไปผมก็อยากจะว่ายน้ำวนรอบโลกสักรอบจริงๆ
มีคนบ้าที่ไหนกล้าผสมสัตว์มีพิษอย่างแมงกะพรุนกล่องกับปลาหินเข้าด้วยกันบ้างเล่า
พิษบวกพิษ
“เฮ้ออ...”ผมถอนหายใจหนักๆพลางหันไปมองร่างด้านข้าง เส้นผมสีฟ้าแซมแดงแสนแปลกตานั่นดูเหมือนจะเป็นเอกลักษณ์ของไดโนเสาร์กลายพันธุ์ไปแล้ว เหมือนจะเพียงรุ่นที่2เท่านั้นมั้งที่มีบางคนมีผมโทนสีเดียวแต่สีผมของพวกเขาก็แปลกจากมนุษย์ปกติอย่างชัดเจนราวกับจะแบ่งแยกให้รับรู้ได้ง่ายขึ้น
สงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมไดโนเสาร์กลายพันธุ์ถึงต้องมีเส้นผมสีแปลกขนาดนี้
แต่จากที่คิดคงเป็นเพราะในโลกของสัตว์สีเป็นตัวแสดงถึงความน่าเกรงขามได้ อย่างสัตว์ในทะเลถ้ามีสีฉูดฉาดอย่างแดง ส้มหรือเหลืองก็จะถูกสัตว์ตัวอื่นมองว่ามีพิษทำให้ไม่ถูกกิน
ไดโนเสาร์กลายพันธุ์เองก็อาจเป็นแบบนั้นก็ได้
“หลับสนิทเลยนะ...จะว่าไปเกิดได้ไม่ถึงเดือนโตเร็วจังแฮะ”ด้วยขนาดสำหรับสัตว์น้ำก็ถือว่าโตเร็วแล้วแต่พอมาเทียบกับมนุษย์ยิ่งเร็วกว่าอีก
เอาล่ะ
ผมคงต้องคิดเรื่องนี้อย่างจริงจังสักที
จากข้อมูลเห็นว่าเด็กนี่ยังไม่เคยกลายร่างเป็นมนุษย์มาก่อน ข้อสงสัยที่ว่าทำไมถึงจมน้ำเลยเป็นอันไขกระจ่าง
ต่อมาคือการดูแล
จนถึงตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าจะดูแลยังไงดี
มันไม่ใช่เรื่องง่ายในการดูแลสัตว์น้ำหรือไดโนเสาร์อยู่แล้วแต่นี่ดันต้องเพิ่มการดูแลมนุษย์เข้ามาอีก ประสบการณ์ด้านดูแลสัตว์ผมอาจมีแต่ถ้าเป็นการดูแลเด็กกล้ายืดอกพูดเลยว่าไม่มี
“อึก...”เสียงแปลกๆของเด็กบนเตียงเรียกผมให้หันไปมอง
“เป็นอะไร”ผมลุกจากเก้าอี้เพื่อก้มลงไปมองใบหน้าขาวออกซีดที่ส่ายไปมาราวกับกำลังทรมาน ปากที่หุบอยู่ก็เปิดอ้ากว้างขึ้น
“อึก...อ่า...อื้อ”ดวงตาที่ปิดสนิทอยู่ลืมขึ้นพร้อมกับมือที่เอื้อมมาดึงเสื้อผมจนเซเกือบล้มลงไปทับถ้าไม่เกาะขอบเตียงไว้
แรงเยอะชะมัด
“ใจเย็นสิ...ใจเย็นๆ ไม่เป็นไร”ดวงตาสีน้ำตาลของผมก้มลงไปสบกับดวงตาสีเงินของเด็กตรงหน้าพร้อมกับพยายามพูดให้อีกฝ่ายสงบลง
“อ่า...”ปากที่อ้าออกและเสียงที่ดังไม่เป็นคำนั่นทำให้ผมขมวดคิ้วแน่นเมื่อคิดได้ว่าเด็กคนนี้คงพูดไม่ได้
จากเอกสารในมือบอกว่าไม่เคยกลายร่างนั่นแปลว่าไม่มีทางรู้ถึงภาษาของมนุษย์แน่
งานเข้าเต็มๆ
“เอ่อ...คือว่านะ...โอ๊ย...เจ็บ”ยังไม่ทันพูดจบปากที่พยายามจะบอกอะไรก็ตรงเข้ากัดคอผมอย่างรุนแรง
“...กรร”เสียงขู่ผ่านไรฟันนั่นแสดงให้รู้ว่าไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น
โอ้ย...งานเข้าอีกแล้วสินะ
พฤติของสัตว์แน่นอนว่าไม่เชื่อใจมนุษย์โดยง่ายและผมคงจะเข้าใกล้เกินไปหน่อย
แต่จะว่าผมก็ไม่ถูกเพราะคนที่ดึงผมเข้าไปเป็นฝ่ายนั้นเอง
“...ใจเย็น...ผมไม่ได้จะมาทำร้ายหรอกนะ”ก็รู้ว่าไม่เข้าใจภาษาแต่ถ้าเป็นน้ำเสียงคิดว่าต้องสื่อไปได้แน่
“...กรร”
“ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะ...”ระหว่างพูดผมก็ค่อยๆเอื้อมมือไปลูบเส้นผมสีฟ้าแซมแดงอย่างเบามือ
“...”การกระทำของผมดูเหมือนจะหยุดเสียงขู่ได้แต่ก็ยังคงไม่ยอมปล่อยคอผม
อาจเป็นโชคดีที่เขากัดในร่างมนุษย์ถ้าเกิดเป็นร่างของไดโนเสาร์ผมคงไม่มีเวลาแม้แต่จะร้องขอชีวิตด้วยซ้ำไป
“ปล่อยผมได้ไหม”ผมเอ่ยต่อ บริเวณที่ถูกกัดเริ่มชาแล้ว
“...”อีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไรแต่ค่อยๆผละออกจากผมไปนั่งบนเตียง ดวงตาสีเงินจ้องมายังผมเขม็งอย่างระแวดระวังซึ่งผมก็เข้าใจว่าไม่มีทางที่จะเชื่อใจกันได้ในเวลาสั้นๆ
“ผมไม่ทำอะไรนายหรอก”ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจมากแค่ไหนกับสิ่งที่พูดไปแต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
ดวงตาสีเงินหรี่ลงเล็กน้อยราวกับกำลังพยายามทำความเข้าใจ ไม่นานดวงตานั่นก็เบนไปด้านข้าง...พอมองตามไปก็เจอกับเหยือกน้ำกับแก้ววางอยู่ด้านข้าง
“หิวน้ำเหรอ...เฮ้ย”
เพล้ง!
ร่างตรงหน้าพุ่งไปโดนจนเหยือกน้ำตกกระจายเต็มฟื้น ที่ตกใจกว่าคือการที่อีกฝ่ายกระโดดตามไปแล้วพยายามใช้มือทั้งสองข้างสัมผัสกับน้ำที่นองอยู่
“ไม่ได้นะ เดี๋ยวเศษแก้วบาดเอา”ผมรีบสอดแขนทั้งสองข้างกอดตัวอีกฝ่ายก่อนจะยกขึ้นทั้งแบบนั้น
“กรรร”
“โอ๊ย...กัดที่เดิมเลยเหรอเนี่ย”เสียงร้องของผมดังขึ้นทันทีที่ถูกเด็กตรงหน้าหันกลับมากัดแผลเดิม
พอกัดเสร็จก็เริ่มดิ้นไปมาแรงๆแต่พอผมไม่ปล่อยก็ถูกกัดอีกรอบ
เอาเข้าไปสิ
“เจ็บนะ”ก็อยากจะปล่อยอยู่หรอก แต่ก็รู้ว่าถ้าปล่อยก็ต้องเข้าไปหาเศษแก้วพวกนั้นอีกแน่ผมเลยเลือกที่จะกอดไว้แน่นกว่าเดิม
ระหว่างนั้นก็เริ่มคิดว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรถึงได้พยายามดิ้นหนีขนานนี้ ไม่ใช่แค่ดิ้นหนีแต่การที่พุ่งไปหาน้ำมันดูไม่ปกติ
เอ๊ะ
“น้ำเหรอ...”
“อึก...อ่า...”เสียงที่ดังขึ้นกับท่าทางเหมือนคนที่กำลังทรมานนั่น
“น้ำ...อย่าบอกนะว่าเพราะคิดว่าตอนนี้ตัวเองเป็นไดโนเสาร์เลยพยายามหาน้ำน่ะ”
สิ่งที่ผมคิดมันก็เป็นไปได้...ยังไงเขาก็พึ่งเคยอยู่ในร่างมนุษย์ครั้งแรก ร่างกายที่เปลี่ยนไปทำให้ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองไม่จำเป็นต้องอยู่ในน้ำก็ได้
ถ้าเป็นน้ำละก็...
ผมอุ้มเด็กที่ดิ้นไม่หยุดมาจนถึงห้องน้ำด้านข้าง ถือเป็นโชคดีที่มีอ่างสำหรับแช่น้ำด้วยเลยสามารถวางเขาลงในอ่างก่อนจะเปิดน้ำใส่ลงไป พอได้รับความเปียกชื้นจากน้ำดวงตาสีเงินก็เปลี่ยนไปจ้องยังบริเวณที่มีน้ำไหลลงมาแทน...ใบหน้าขาวออกซีดขยับเข้าไปใกล้น้ำจากก๊อกจนเปียกไปทั้งหน้าและเส้นผม
ไม่นานน้ำก็เพิ่มระดับจนสามารถลอยคออยู่บนน้ำได้
ท่าทางที่ดูสดใสขึ้นนั่นทำให้ผมยิ้มออก
พอเห็นแบบนี้ก็เหมือนมนุษย์จริงๆ
พึ่บ
“เฮ้ย...ห้ามพลิกตัวแบบนั้นนะ”ผมถึงกับทะหลาเข้าไปในอ่างเมื่อเด็กตรงหน้าคว่ำหน้าลงในน้ำ
“อ่า...”ฝ่ายที่ถูกห้ามก็นั่งลงในน้ำพลางเงยหน้าขึ้นมามองราวกับไม่เข้าใจว่าทำอะไรผิด
“ก้มแบบนั้นเดี๋ยวก็หายใจไม่ออกหรอก”ถึงจะมีอีกร่างเป็นไดโนเสาร์น้ำแต่ตอนนี้ก็อยู่ในร่างมนุษย์ ขืนปล่อยให้ทำแบบนั้นเดี๋ยวได้สำลักน้ำกันพอดี
“...”คำตอบที่ผมได้กลับมาคือความเงียบก่อนที่อีกฝ่ายจะมุดลงไปใต้น้ำต่อ
“เฮ้ย...ก็บอกแล้วไงว่าอย่าทำน่ะ”พูดไม่ทันขาดคำก็ทำต่อซะแล้ว
ดวงตาสีเงินใต้น้ำลืมขึ้นมาสบกับดวงตาสีน้ำตาลของผม พวกเราจ้องกันอย่างไม่มีความหมายอยู่สักพักก่อนที่ผมจะก้มลงไปจับอีกฝ่ายให้โผล่มาพ้นน้ำ
“อ่า...”ทันทีที่โผล่พ้นน้ำปากนั่นก็อ้าออกเพื่อเอาอากาศเข้าไป
“ตอนนี้นายหายใจในน้ำไม่ได้หรอกนะ”ผมนั่งลงบนขอบอ่างพร้อมอธิบาย
“จะว่าไป...นายชื่ออะไรน่ะ”พอไม่มีชื่อเรียกแล้วลำบากเหมือนกัน
“...”คำตอบที่ได้ก็เป็นอย่างที่คาดคือความเงียบ
ชื่อในแฟ้มเอกสารก็เป็นการเอาชื่อสายพันธุ์ที่ผสมมาเรียงๆกันอย่างเดียว ไม่มีทั้งชื่อจริงและชื่อเล่นที่ควรจะตั้งไว้ แบบนี้แปลว่าผมสามารถตั้งให้ได้ใช่ไหมนะ
“นายอยากชื่ออะไร”ผมหันไปถามเด็กด้านข้างที่เริ่มมุดหน้าลงไปใต้น้ำอีกรอบ
“เฮ้อ...เอาเถอะ”ถ้ายังไม่จมผมก็ปล่อยให้เขาได้ทำตามใจบ้างละกัน
ตอนนี้ที่ผมต้องคิดคือจะตั้งชื่ออะไรให้ดีนะ สำหรับผมมีชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้ว่านทีธาร ธาราสุขหรือสาม ส่วนทรีที่เซโครเรียกก็เป็นอีกชื่อเล่นของผมเอง การที่จะให้ต่างชาติออกเสียงว่าสามชัดๆมันค่อนข้างยากก็เลยเปลี่ยนเป็นทรีแทน
“อืม...”ยิ่งพยายามนึกก็ยิ่งนึกไม่ออก
ในระหว่างที่คิดผมก็ปล่อยสายตาไปตามร่างใต้น้ำที่ขยับเข้ามาใกล้ขาผมที่แช่อยู่ ดวงตาสีเงินนั่นเหมือนแสงจากดวงดาวที่ส่องประกายเลย
ชื่อเหรอ...
ชื่อ...
“...ลูก้า”
“อ่า...”ร่างใต้น้ำผุดขึ้นมาทันทีที่ผมส่งเสียงออกไป ดวงตาที่ประสานมาราวกับตอบรับกับชื่อที่เรียกนั่น
“ชอบชื่อนี้เหรอ...ลูก้า”ผมเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม
“...อ่า”ส่งเสียงเสร็จก็มุดลงไปใต้น้ำตามเดิมที่เพิ่มเติมคือใบหน้าขาวซีดนั่นขยับเข้ามาใกล้ขาผม และเพียงแค่เสี้ยววินาทีปากนั่นก็อ้าออกพร้อมกับ...
“โอ๊ย...ลูก้า”ผมร้องเสียงดังลั่นเมื่อขาของตัวเองถูกกัดจนจมเขี้ยว
“...”ฝ่ายที่ถูกเงียบก็ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเตรียมเผยเขี้ยวนั่นออกมาอีกรอบ ครั้งนี้ผมรีบออกจากอ่างมาพิงผนังอยู่ด้านข้างแทน ขืนอยู่ต่อคงได้โดนอีกชัวร์
ที่ผมถูกกัดนี่เป็นเพราะหวงอาณาเขตหรือว่าหิวกันนะ
จะบอกว่าเพราะไม่ไว้ใจก็เป็นส่วนหนึ่งแต่ผมไม่คิดว่าถูกกัดเพราะสาเหตุนั้นหรอก
“หิวเหรอ”ผมเท้าแขนกับขอบอ่างพลางถามไดโนเสาร์กลายพันธุ์ที่พึ่งถูกตั้งชื่อ
“...อ่า”
“พูดอะไรน่ะ...เอาเถอะผมจะพาไปหาอะไรกินดีกว่า”พูดจบผมก็จัดการอุ้มร่างของลูก้าขึ้นมาจากน้ำ ผ้าขนหนูถูกเช็ดไปตามเส้นผมและลำตัวอันเปียกโชกนั่นพร้อมกับโทรศัพท์มือถือที่ถูกส่งข้อความให้ผู้ช่วยเอาชุดสำหรับเด็กมาให้
“ผมยังไม่ได้แนะนำตัวสินะ...ผมชื่อสาม...จะให้เรียกคงจะอยากไปหน่อยเรียกทรีก็ได้”
กับเด็กที่ยังไม่มีทักษะการพูดจะให้เรียกพี่นำหน้าด้วยมันคงยากเกินไปหน่อยแต่ถ้าพยางค์เดียวอาจเรียกได้สำเร็จก็เป็นได้
“อ่า...”
“ไม่ใช่อ่า ทรีน่ะ”ผมแก้พลางนั่งลงไปให้ใบหน้าเราอยู่ในระดับเดียวกัน
“...อ่า”
“คิก...น่ารักๆ”ถึงจะพูดผิดแต่ท่าทางนั่นก็ทำให้ผมหลุดขำออกมาเล็กน้อย ด้วยขนาดตัวประมาณเด็กประถมแต่ยังพูดได้ระดับเด็กทารกมองดูแล้วก็เอ็นดูแปลกๆ
ก๊อก ก๊อก
“ด๊อกเตอร์”
“กรร”เสียงขู่ฟ่อจากลูก้าดังขึ้นทันทีที่เสียงเคาะประตูกับเสียงของผู้ช่วยผมดังขึ้น
“อะไร...ขี้ตกใจเหรอ”ผมหันไปถามลูก้าที่กระโดดลงอ่างอีกรอบ เพียงแค่อ่างนั่นผมเอาน้ำออกหมดแล้วเลยไม่เปียก
“เข้ามาเลยครับ”
“นี่เสื้อผ้าเด็กที่ด๊อกเตอร์ต้องการ”คนที่เดินเข้ามานี่คือเจตพลหรือพี่พลหนึ่งในผู้ช่วยทำวิจัยและทดลองของผมเอง แม้ว่าผมจะได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้าแต่เขาก็ยังชอบแหย่ผมเล่นอยู่เรื่อย
“บอกว่าอย่าเรียกด๊อกเตอร์ไง มันดูแก่จะตาย”ผมบ่นพลางลุกไปรับเสื้อผ้านั่นมา
“หน้าก็เด็กอยู่แล้วให้ชื่อแก่หน่อยก็ดีนะ”
“พี่พล”ผมหันไปจ้องเคืองๆก่อนจะเดินกลับไปหาลูก้าที่จ้องไปทางพี่พลเขม็ง
“ครับๆ...ว่าแต่ด๊อกเตอร์ไปมีลูกตั้งแต่ตอนไหนล่ะ ไม่สิ ต้องถามว่ามีเวลาไปหาผู้หญิงเมื่อไหร่จะถูกกว่า”พี่พลกวนผมต่อ
ก็บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกว่าด็อกเตอร์น่ะ
แล้วพูดแบบนั้นจะหาเรื่องกันสินะ
“ผมไม่มีลูกสักหน่อย”
“แปลว่าไปลักพาตัวมาสินะ”
“พี่พล...แค่งานผมก็แทบไม่มีเวลาแล้วจะมีเวลาไปพาตัวใครเล่า”ผมหันไปบ่นคนด้านหลัง
“นั่นสินะ...ดูจากสีผมก็พอเดาได้ล่ะนะ”น้ำเสียงติดตลกนั่นเปลี่ยนเป็นจริงจังเมื่อพูดประโยคสุดท้าย
สมแล้วที่เป็นผู้ช่วยผม แค่เห็นสีผมก็เดาทุกอย่างได้เกือบหมดแล้ว
“อืม...ตามนั้นแหละ มานี่สิลูก้า”ระหว่างที่คุยผมก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ลูก้าไปด้วย
“ลูก้า?”พี่พลเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินชื่อ
“ใช่...ผมตั้งเองเลยนะ”เป็นชื่อที่พอใจสุดๆเลยด้วย
“ชื่อนั้นไม่เหมาะกับประเทศเราหรอกนะ”
“งั้นชื่อไหนถึงจะเหมาะล่ะ”ผมถามกลับ ถ้ามีชื่อดีๆผมอาจจะยอมเปลี่ยนก็ได้ ยังไงก็พึ่งตั้ง
“อืม...ก็อย่างสยาม...ยิ้ม...ช้าง...ต้มยำ...โอ่งมังกร...บางแก้ว...บัวขาว...มะลิ...”
“พอเถอะ”ผมรีบขัดแล้วจับมือเตรียมพาลูก้าลูกไป ขาที่ค่อยๆก้าวแต่ยังไม่มั่นคงนั้นดูทุลักทุเลทีเดียว
ผมเข้าใจว่าอยู่ในน้ำมาตลอดแถมยังเป็นสัตว์สี่เข้าที่เคลื่อนไหวด้วยครีบการที่จะให้เดินสองเท้ามันค่อนข้างลำบาก แค่เดินได้โดยไม่ล้มก็นับว่าสุดยอดแล้ว
“ให้ผมช่วยไหม...ลูก้ามาให้พี่อุ้มมา”พี่พลนั่งลงพร้อมอ้าแขนออกกว้างด้วยรอยยิ้มหมายจะให้ลูก้าเดินไปหาแต่สิ่งที่ลูก้าทำมีเพียงมองไปด้วยสายตานิ่งๆแล้วกระพริบสองสามครั้งเท่านั้น
“พี่คงหน้าดุไปมั้ง”
“ส่วนด็อกเตอร์ก็ตัวเล็กจนเหมือนเพื่อนวัยเดียวกันเลยเข้ากันได้ง่ายสินะ”คำพูดนั่นทำเอาคิ้วผมกระตุก
“ผมไม่ได้เตี้ยนะ”ความสูง175มันไม่เรียกว่าเตี้ยสักหน่อย ถึงผมจะสูงน้อยกว่าคนอื่นก็ตามที
“ครับ”ใบหน้ายิ้มๆนั่นน่าโมโห
“บ่อ110ฝากพี่ดูด้วยนะครับ”ผมพูดพลางอุ้มลูก้าขึ้นแล้วเดินออกไปด้านนอกทันที
“บ่อ110...เฮ้ย...ไม่เอานะ”เสียงตะโกนดังไล่หลังมาติดๆเมื่ออีกฝ่ายนึกได้ว่าบ่อ110มีอะไรอยู่
ความจริงก็ไม่ใช่สัตว์ดุร้ายอะไรมากหรอก
แค่ฉลามขาวเอง
“อ่า...”เสียงของลูก้าดังข้างหูพร้อมกับสัมผัสของปลายจมูกมาคลอเคลียบริเวณคอ
อย่าบอกนะว่า...
“ห้ามกัดนะ...โอ๊ย...”ทั้งที่รู้แท้ๆแต่กลับห้ามไม่ทัน
น่าโมโหชะมัด
แถมยังกัดที่เดิมอีก
วันนี้ผมโดนกัดไปกี่ครั้งแล้วเนี่ย
หลังจากเขี้ยวแหลมๆนั่นกัดลงจนพอใจก็ถอนเขี้ยวออก ทั้งที่คิดว่าจบแล้วแต่สัมผัสสากๆของลิ้นที่เลียบริเวณบาดแผลทำเอาขนทั้งร่างลุกซู่อย่างรวดเร็ว
“หยุดเลยลูก้า”ผมวางลูก้าลงกับพื้นด้วยใบหน้าเครียดๆ
“ผมไม่ว่าถ้าจะกัด แต่ห้ามเลียเข้าใจไหม”
“...อ่า”
“รู้ไหมว่าถ้ากินเลือดเข้าไปมันไม่ดีต่อร่างกายน่ะ...ตอนนี้นายเป็นมนุษย์นะไม่ใช่ไดโนเสาร์ที่ต้องกินของสดๆ ขืนกินเลือดสดๆเดี๋ยวก็ได้ท้องเสียไม่ก็ป่วยกันพอดี”ผมพยายามอย่างหนักที่จะอธิบายแต่ว่าเด็กตรงหน้ากลับทำตามปริบๆมองมาราวกับไม่เข้าใจถึงความพยายามนี้
“เฮ้อ...เอาเถอะ...ไปกินข้าวดีกว่า”ในเมื่ออธิบายไปก็ไม่เข้าใจก็ไม่อยากเสียแรงไปเปล่าๆ
ไว้รอให้เข้าใจภาษามากกว่านี้แล้วค่อนสอนสิ่งต่างๆให้ก็ยังไม่สาย
ห้องอาหารอยู่ในชั้นแรกของตึกเช่นเดียวกับห้องพยาบาล ตึกที่อยู่นี่เป็นเหมือนตึกกลางที่คนจากทุกฝ่ายจะใช้ร่วมกันทั้งกินข้าว ออกกำลังกายหรือนอน ด้วยจำนวนชั้นที่สูงถึง30ชั้นทำให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันแถมห้องก็ยังกว้างราวกับอยู่คอนโด นั่นทำให้ทุกคนมีความสุขในการทำงานมากกว่าที่อื่นๆ
“พี่ครับ ขอข้าวผัดกับโจ๊กหมูครับ”พอเดินมาถึงเคาน์เตอร์ผมก็สั่งหัวหน้าแม่ครัวรุ่นป้าด้วยรอยยิ้ม
“ได้เลยจ้า ไปนั่งรอเลยทำเสร็จเดี๋ยวให้พนักงานไปเสิร์ฟให้ถึงที่เลย”หัวหน้าแม่ครัวตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ครับ...ไปกันลูก้า”ผมเรียกลูก้าที่ยืนนิ่งพลางขยับจมูกไปรอบๆด้วยความไม่คุ้นเคย
ตอนนี้ทุกอย่างคงจะแปลกใหม่ไปหมด ต่างจากตอนที่อยู่ในน้ำอย่างสิ้นเชิง
มานั่งรอได้ไม่นานอาหารที่สั่งก็มาเสิร์ฟถึงที่ ผมหันไปมองลูก้าที่ดูสนใจข้าวต้มตรงหน้า ดูท่าคงจะกินไม่เป็นด้วยสินะ
“ทำแบบนี้นะ...ใช้ช้อนตักแล้วก็เป่า เสร็จแล้วก็เอาเข้าปาก...อ้าปาก”ผมทำตัวอย่างแล้วยื่นช้อนโจ๊กหมูไปตรงหน้า
“อ่า...”ลูก้าค่อยๆอ้าปากตามที่ผมบอกก่อนจะกลืนโจ๊กลงไป
“ดีมาก...เด็กดีๆ”ผมเอื้อมมือไปลูบเส้นผมสีฟ้าแซมแดงด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นผมก็สอนให้ลูก้าทำตามอีกสองสามครั้งก่อนที่ครั้งต่อไปลูก้าจะเป็นกินด้วยตัวเอง ถ้าบอกว่าเป็นเด็กก็ต้องเป็นเด็กที่เรียนรู้เร็วมาก เด็กคนอื่นคงใช้เวลานานกว่านี้ในการจดจำและเลียนแบบ
“อิ่มไหม”ผมก้มลงไปถาม
“...”ลูก้าทำเพียงกระพริบตาปริบๆมาให้
“ไปเดินเล่นกันดีกว่า”เด็กๆก็ต้องพาไปเดินเล่นถึงจะดีที่สุด
ว่าแล้วผมก็พาลูก้าเดินออกมาจากตึกมุ่งหน้าไปยังชายหาดสีขาวนวลตรงหน้า ลูก้าดูตื่นเต้นตั้งแต่เดินออกมานอกตึกยิ่งเห็นทะเลที่อยู่ตรงหน้าก็แทบวิ่งพรวดออกไปแต่โชคดีที่ผมรู้ทันเลยคว้าตัวไว้ทัน
“อย่าวิ่งไปนะ...ถ้าหลงขึ้นมาจะทำยังไง”ผมบ่นพลางค่อยๆจูงอีกฝ่ายไป
สถานที่วิจัยนี้มีพื้นที่กว้างขวางมากถ้าหลงไปคงไม่ได้ตามเจอในชั่วโมงสองชั่วโมง ดีไม่ดีอาจต้องหากันเป็นวันและถ้าเผลออกไปยังเขตชุมชนคงต้องหาเป็นเดือน สำหรับลูก้าอาจยิ่งทวีความยากถ้าเขากลับเป็นไดโนเสาร์แล้วลงน้ำไป
“อ่า...อ่า...”มือทั้งสองข้างของลูก้าพยายามเอื้อมไปทางทะเลอย่างสุดความสามารถ
“ผมรู้ว่าอยากเล่นแต่ว่าตอนนี้ไม่ได้นะ...เรามาเดินกันดีกว่า”ผมวางตัวลูก้าลงแล้วจูงเดินไปตามชายหาด
เพราะอยู่ในเขตร้อนชื้นอากาศเลยค่อนข้างร้อน ยิ่งช่วงกลางวันความร้อนอาจทำให้คนตายได้เลย ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับมาเดินคือตั้งแต่สี่โมงเย็นเป็นต้นไปเหมือนอย่างผมในตอนนี้
“ร้อนไหม”ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายตอบผมก็จัดการเช็ดเหงื่อที่หน้าผากนั่นให้
“อ่า...”ดวงตาสีเงินเงยขึ้นมาเล็กน้อย
“หัวหน้าครับ!”เสียงตะโกนดังขึ้นพร้อมกับร่างของธราวุธหรือวุธหนึ่งในผู้ช่วยผมวิ่งตรงเข้ามาหาด้วยใบหน้าซีดเผือก
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ฉลามครีบดำหลุดไปในบ่อหมึกกระดองลายเสือครับ”
“ว่าไงนะ...ทำไมถึงหลุด”
ฉลามครีมดำหลุดไปในบ่อหมึกกระดองลายเสือ?
จริงอยู่ที่บ่อของสัตว์สองชนิดอยู่ติดกันและแต่ละบ่อก็สามารถเปิดถึงกันได้แต่ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่มีไม่น่าจะหลุดไปได้นี่ นอกซะจากมีคนไปกดปุ่มที่แผงควบคุม
“พอดีคุณต่ายเธอทะเลาะกับคุณโจ้จนเผลอทุบเข้าที่ปุ่มเปิดทางเชื่อมฉุกเฉินของบ่อ88กับ89...น่ะครับ”วุธอธิบายถึงสาเหตุด้วยสีหน้าซีดลงเรื่อยๆเมื่อเห็นหน้าผมกำลังหงิกด้วยความไม่พอใจ
สามีภรรยาคู่นั้นอีกแล้วเหรอ
อย่าให้ต้องพูดว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเพราะการทะเลาะกันของสามีภรรยาของฝ่ายเทคโนโลยีและควบคุมระบบ
หัวหน้าของพวกเขาป่านนี้คงหลับอยู่ในห้องน่ะสิ!
“ให้ตายสิ...ผมว่าคงได้เวลาจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจังสักที”ขืนปล่อยต่อไปเราได้สูญเสียสัตว์ทะเลที่เพาะพันธ์ไว้จำนวนมากแน่
“ตอนนี้ผมติดต่อพวกปายแล้วคิดว่าคงไปถึงในอีกไม่กี่นาทีครับ”วุธพูดต่อ
“เข้าใจแล้ว...งั้นผมต้องรีบไปดู...อ๊ะ...”เท้าที่กำลังจะก้าวชะงักเล็กน้อยเมื่อมือเล็กๆที่จับอยู่บีบแน่นขึ้นพร้อมกับออกแรงขืนไม่ให้สามารถก้าวต่อ
“...อ่า”คนที่ดึงผมไว้ไม่ใช่ใครอื่นลูก้านั่นเอง เขามองมายังผมอย่างไม่เข้าใจสถานการณ์นัก
ผมลืมเรื่องของเขาไปสนิทเลย
“วุธ”
“ครับหัวหน้า”
“ฝากดูแลเด็กคนนี้หน่อย เขาชื่อลูก้า...พาไปเดินเล่นเสร็จก็พากลับห้องเลยก็ได้”ผมสั่งผู้ช่วย ยังไงผมก็พาลูก้าไปด้วยไม่ได้ฝากให้สักคนดูแลก็ดีเหมือนกัน
“ห้องไหนครับ?”คำถามของวุธทำเอาผมเลิกคิ้วขึ้น
นั่นสิ...ห้องไหน
ผมพึ่งรู้ว่าลูก้าจะมาอยู่ด้วยก็วันนี้ แน่นอนว่าการที่เขาอยู่ในร่ามนุษย์ไม่ใช่สิ่งที่คาดการณ์ไว้สักนิด
ก็จริงที่ยังเหลือห้องว่างมากมายในตึกแต่การให้เด็กอยู่ตามลำพังมันจะดีงั้นเหรอ ยิ่งเด็กที่ว่ายังทำแม้แต่การเดินตรงๆไม่ได้
ผมซึ่งได้รับหน้าที่ให้ดูแลก็ควรจะทำอย่างสุดความสามารถสินะ
“พาไปห้องผมก็ได้”สุดท้ายก็ไม่มีทางเลือกอื่น
“ได้ครับ...ว่าแต่หัวหน้าไปมีลูกตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
“เขาไม่ใช่ลูกผม!”ผมรีบตะโกนกลับไปด้วยน้ำเสียงเคืองๆ
“อ้าว...ก็...”
“นี่ลูก้า”ผมเลือกที่จะไม่สนใจวุธแล้วนั่งคุกเข้ามองหน้าลูก้าแทน
“...อ่า”ดวงตาสีเงินสบตากับผมพลางเอียงคอเล็กน้อยราวกับจะถาม่ามีอะไร
“รอผมที่นี่ก่อนนะ แล้วเจอกัน”พูดจบก็เอื้อมมือไปขยี้เส้นผมสีฟ้าแซมแดงนั่นก่อนวิ่งออกไป
ถึงจะยังห่วงๆลูก้าว่าจะเข้ากับวุธได้ไหมแต่ตอนนี้มีเรื่องที่น่าเป็นห่วงมากกว่าซึ่งก็คือการที่ฉลามครีบดำหลุดไปยังบ่อของหมึกกระดองลายเสือได้ชื่อว่าฉลามแน่นอนอยู่แล้วว่ามันเป็นนักล่าแห่งท้องทะเลแม้ว่ามันจะมีขนาดเล็กเพียงแค่60เซนติเมตรก็เพียงพอที่จะเขมือบหมึกกระดองลายเสือที่มีขนาดตัวเพียงไม่กี่เซนติเมตรได้ง่ายๆ
ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นหมึกกระดองลายเสือแต่มันก็ไม่ทั้งพิษหรืออาวุธอะไรเป็นเศษ นั่นจึงทำให้ผมค่อนข้างเป็นกังวลว่าป่านนี้คงได้ถูกกินหมดบ่อแล้วละมั้ง
กว่าจะมาถึงยังบ่อซึ่งเป็นจุดหมายก็ใช้เวลานานพอสมควร จักรยานสีดำจอดบริเวณหน้าบ่อ88ที่มีคนกว่า10คนมุงอยู่รอบๆ แค่มองชุดสีดำแถบแดงแถบนั่นก็รู้ทันทีว่าเป็นฝ่ายภาคสนามที่มีหน้าที่คอยจัดการกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการทะเลาะกันของคนในองค์กรหรือสัตว์น้ำหลุดอย่างตอนนี้ ภายในฝ่ายจะมีทั้งผู้เชี่ยวชาญในการจับสัตว์ทะเลย หน่วยแพทย์สำหรับรักษาเวลาป่วยหรือแม้แต่หน่วยดำน้ำอันเลื่องชื่อ
“ปาย”ผมตะโกนเรียกชายย้อมผมสีน้ำตาลเข้มที่ยืนอยู่ตรงขอบบ่อกำลังมองลงไปด้านล่างอยู่ ชายคนนี้ชื่อปายเป็นหัวหน้าฝ่ายภาคสนาม พวกเราค่อนข้างสนิทกันพอสมควรเพราะเรียนด้วยกันสมัยมัธยมปลาย
“สาม?...มาเร็วนี่”อีกฝ่ายหันมามอง
“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง”ผมรีบถามพร้อมกับก้มลงไปมองภายในบ่อ ตอนนี้ด้านใต้มีนักดำน้ำในชุดสีขาวกำลังกางตาข่ายป้องกันหมึกกระดองลายเสือที่ถูกเหล่าฉลามโจมตีโดยมีส่วนหนึ่งว่ายน้ำต้อนฉลามครีบดำให้กลับไปยังบ่อ89
“ก็อย่างที่เห็น...”
“แน่ใจนะว่าจะไม่โดนกิน”ยังไงก็ยังเป็นมนุษย์ไม่มีเกราะป้องกันหรือเขี้ยวแหลมคมเหมือนสัตว์หรอก ลงไปว่ายกับฉลามแบบนั้นค่อนข้างอันตรายไปหน่อยในความคิดผม ยิ่งว่ายกันเป็นกลุ่มแบบนั้นจะสร้างความระแวงให้ฉลามมากกว่าเดิม
“ชุดนั่นฝ่ายวิจัยและพัฒนาพึ่งสร้างขึ้น...ภายในชุดนั่นมีคลื่นความถี่ที่เหนือกว่าพวกฉลามทำให้พวกฉลามไม่กล้าเข้ามาโจมตี”ปายอธิบายต่อ
“เข้าใจล่ะ...”ด้วยเทคโนโลยีในตอนนี้ช่วยให้มนุษย์สามารถต่อกรกับความแข็งแกร่งของสัตว์ได้สินะ
“เสร็จนี่ไปหาอะไรกินกันไหม”คนข้างกายหันมาถาม
“ไม่ล่ะ...พอดีมีธุระ...ติดต่อต่ายให้ปิดทางเชื่อมบ่อเดี๋ยวนี้เลย”ผมตะโกนบอกคนที่อยู่รอบหลังจากที่ตอบปายเสร็จ ไม่กี่วิต่อมาทางเชื่อมระหว่างบ่อก็ถูกปิดลง ทั้งฉลามครีมดำและหมึกกระดองลายเสือต่างก็กลับไปอยู่ในบ่อของตัวเองตามเดิม
“พี่สิงค์ตรวจนับจำนวนสัตว์ของทั้ง2บ่อด้วย”เมื่อเหล่าคนดำน้ำขึ้นมาผมก็สั่งพี่สิงค์ที่มีหน้าที่ตรวจนับจำนวนของสัตว์น้ำทันที พี่สิงค์เองก็เป็นหนึ่งในคนของผมแต่ไม่ใช่ทีมวิจัยแต่เป็นการดูแลสัตว์น้ำพวกนี้
“ครับๆ”พี่สิงค์วิ่งตรงมายังบ่อหมึกกระดองลายเสือทันทีที่ถูกสั่ง
“ให้หน่วยพยาบาลทำแผลฉลามครีบดำด้วย”ผมบอกปายต่อ
“ฮืม?...พวกมันบาดเจ็บเหรอ”
“อืม...ตัวที่อยู่ริมขอบสระด้านซ้ายล่าง2ตัวกับตัวที่กำลังลอยขึ้นมาด้านบนของสระ และตัวที่อยู่ก้นสระอีก3ตัวทางนั้นด้วย”ผมบอกพลางชี้ให้อีกฝ่ายดู
“สายตาดีจังนะ”
“เรื่องปกตินี่”
“ปกติที่ไหน...คนอื่นไม่รู้หรอกว่าพวกมันบาดเจ็บถ้าไม่สังเกตดูดีๆ”
“ผมก็ใช้การสัตเกตเหมือนกัน ไม่ได้เก่งกว่าคนอื่นหรอก”การที่สามารถบอกได้ว่าตัวไหนบาดเจ็บก็ง่ายๆ ฉลามที่บาดเจ็บหรือป่วยมักจะมีพฤติกรรมที่ผิดปกติอย่างการว่ายน้ำในท่าทางที่ต่างจากปกติ
อาการบาดเจ็บคงมาจากการแย่งอาหารหรือก็คือแย่งหมึกกระดองลายเสือเมื่อครู่นั่นแหละ
“เก่งสิ...สมแล้วที่อยู่กับทะเลมาตั้งแต่เกิด”ปายบอกด้วยรอยยิ้ม
“แต่เกิดที่ไหน...ตอนเกิดผมอยู่โรงพยาบาลต่างหาก”ผมแก้ให้
“ก็เหมือนกันแหละ”
“ไม่เหมือนสักหน่อย...โก้เดี๋ยวแยกปลาฉลามที่บาดเจ็บไปขังไว้บ่อข้างๆด้วยนะ พอหน่วยพยาบาลรักษาเสร็จก็ให้พวกมันอยู่นั่นจนกว่าจะหายดี”คนที่ผมบอกอีกคนนี่ชื่อโก้เป็นหนึ่งในนักดำน้ำของปาย
“...หัวหน้า”โก้เงยหน้ามองหัวหน้าอย่างปายเพื่อขอความเห็น
“ทำตามนั้น”
“ครับ”เมื่อปายอนุมัติโก้ก็พยักหน้าก่อนจะรีบไปจัดการตามที่สั่ง
“ทำไมต้องขอนายก่อนด้วย”แบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลย
ยังไงผมก็เป็นถึงหัวหน้าฝ่ายวิจัยและดูแลสัตว์น้ำเลยนะ
“ก็ลูกน้องผมนี่”
“แต่ผมก็เป็นหัวหน้าเหมือนกันนะ”ผมรีบแย้ง
“นายไม่มีความน่าเคารพมั้ง”
“ตรงไหนกัน”พอผมพูดจบปายก็มองผมตั้งแต่หัวลงถึงปลายเท้าก่อนจะยกยิ้มขึ้น
“ตัวเล็ก...”
“ไม่ได้เล็กสักหน่อย...พวกนายสูงกันเกินไป”ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่ต้องมาเถียงเรื่องพวกนี้
จะให้บอกอีกกี่ครั้งว่าสูง175มันไม่เรียกว่าตัวเล็กสักหน่อย
“ก็สูงปกติ”
“ปกติที่ไหนกัน...ทั้งที่เป็นคนไทยเหมือนกันแท้ๆทำไมถึงได้สูงขนาดนั้นกัน ขี้โกงนี่”ผมบ่นเสียงเคือง ความสูงของเหล่าผู้ชายที่นี่ส่วนมากก็175ขึ้น นั่นแปลว่าผมเป็นคนที่เตี้ยที่สุดก็ว่าได้
ทั้งที่การสมัครงานไม่ได้คัดความสูงแต่ทำไมถึงมีแต่คนสูงๆเข้าเท่างานเล่า
“อย่าบ่นน่า...ตอนเด็กกินแต่ปลาไม่กินนมน่ะสิถึงได้ฉลาดขนาดนั้น”
“ก็กินนมนะ”
“อย่าไปคิดมากกับแค่ส่วนสูงเลย”
“คนที่ทำให้คิดคือนายไม่ใช่รึไง”ถ้าไม่เปิดประเด็นผมจะคิดมากแบบนี้ทำไมกันเล่า
หลังจากยืนเถียงกับปายสักพักผมก็กลับมายังที่พัก ในหัวก็คิดว่าลูก้าจะเป็นยังไงถ้าเข้ากับวุธได้ก็ดีไปแต่ถ้าเข้าไม่ได้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ข้อมูลที่มียังน้อยเกินไปที่จะสรุปอุปนิสัยของลูก้า
ต้องใช้เวลานานกว่านี้
“...นั่นมันอะไรน่ะ”คิ้วสีดำของผมขมวดเข้าหากันแน่นเมื่อหันไปมองยังชายหาดแล้วเจอกลุ่มคนสามสี่คนยืนอยู่ ถ้าเป็นปกติผมคงไม่สนเพราะคิดว่าพวกเขาคงมาเดินเล่นหรือรับลมทะเลแต่ภายในกลุ่มคนเหล่านั้นมีวุธคนที่ผมให้ดูแลลูก้าอยู่ด้วยน่ะสิ
นี่อย่าบอกนะว่าทิ้งลูก้าไว้บนห้องแล้วมาเดินเล่นกับเพื่อนๆน่ะ
ผมเดินตรงไปยังชายหาดด้วยใบหน้าตึงๆ ยิ่งเห็นว่าสามสี่คนที่ว่าเป็นเหล่าเพื่อนของวุธก็ยิ่งทำให้ผมอารมณ์เริ่มกรุ่นๆแล้ว ทั้งที่สั่งให้คอยดูแลแต่กลับมายืนเล่นกับเพื่อนแบบนี้มันน่าโดนลงโทษ
“อ่าม...”เสียงหนึ่งที่ดังรอดมาทำเอาขาผมหยุดชะงัก
เสียงนั่นมัน...
“ลูก้า”ผมเรียกเด็กที่อยู่ตรงกลางระหว่างผู้ใหญ่ทั้งห้าคนเบาๆ น่าแปลกที่ลูก้าหันมาตามเสียงทันทีที่ผมเรียก...ดวงตาสีเงินเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยก่อนจะผลักคนที่ขวางอยู่จนเซเกือบล้มแล้ววิ่งตรงมาหาผมด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ
ตุบ
“เฮ้ย...ลูก้า”ผมรีบวิ่งเข้าไปหาลูก้าที่ล้มลงกับพื้นทรายด้วยความเป็นห่วง
แค่เดินยังไม่แข็งยังจะฝืนวิ่งอีก
“อ่าม...อาม...”ใบหน้าเปื้อนทรายเงยหน้าขึ้นพร้อมเอ่ยอะไรบางอย่างออกมาไม่ขาดสาย
“จะบอกอะไรผมเหรอ”ระหว่างที่ถามก็ช่วยอุ้มลูก้าให้ยืนดีๆ เศษทรายที่ติดตามเสื้อผ้าและร่างกายถูกผมค่อยๆปัดออกอย่างเบามือ
“อาม...”
“ฮืม?”
“อาม...สาม...”
กึก
“...ลูก้า?”มือที่ปัดเศษทรายอยู่ถึงกับชะงักเมื่อชื่อของตัวเองหลุดออกมาจากปากของเด็กที่ยังพูดไม่ได้เลยสักคำ
คำที่เด็กส่วนมากจะเริ่มพูดถ้าไม่ใช่พ่อแม่ก็เป็นหม่ำขอของกิน
แต่ลูก้ากลับพูดชื่อผม
“สาม...สาม...”
“อ่า...ใช่ๆ...นั่นชื่อผมเอง...เก่งมากลูก้า”รางวัลที่ให้ลูก้าคือมือที่เอื้อมไปลูบเบาๆยังเส้นผมสีฟ้าแซมแดงนั่น
“เอ่อ...หัวหน้าครับ”
“วุธ?...ผมบอกให้พาไปห้องไม่ใช่เหรอ”ผมถามกับกลุ่มคนที่ทำหน้าสลดเดินมายืนเรียงแถวหน้ากระดานตรงหน้า
“ก็ใช่ครับ...แต่ลูก้าเขาไม่ยอมขยับไปไหนเลย...พอผมจะอุ้มก็หลบตลอดเลยต้องเรียกเพื่อนให้มาช่วยแต่พออุ้มได้ก็โดนกัดอีก...นี่ก็กำลังคิดว่าจะโทรไปหาหัวหน้าอยู่พอดีเลย”วุธอธิบายสถานการณ์ให้ฟัง มือที่ยกขึ้นเกาหัวนั่นมีรอยฟันอย่างเห็นได้ชัดแสดงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความจริงสินะ
“ไม่ควรกัดรู้ไหม”ผมบอกกับลูก้า ตัวผมเองวันนี้ก็โดนไปไม่รู้กี่รอบแล้วเหมือนกัน
“สาม...”
“พูดได้แค่ชื่อผมเหรอ”น่าแปลกใจจริงๆ
“หัวหน้าครับ”
“อะไรวุธ”
“ผมอยากถามอะไรสักหน่อย”
“ว่ามาสิ”
“ทำไมลูก้าถึงมีแรงขนาดที่พวกเราห้าคนยังเอาไม่อยู่ล่ะครับ”ไม่ใช่แค่วุธที่อยากรู้แต่อีกสี่คนที่เหลือก็ทำหน้าสงสัยไม่ต่างกัน
“เขาเป็นไดโนเสาร์กลายพันธุ์”พูดจบผมก็อุ้มลูก้าขึ้น ฝ่ายถูกอุ้มก็ยกแขนโอบคอผมโดยอัตโนมัติก่อนที่จะซุกหน้าลงมายังคอ
“...ดะ...ไดโนเสาร์กลายพันธุ์”ทั้งห้าคนถึงกับเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา
ถึงจะไม่อธิบายต่อพวกเขาคงเข้าใจทุกอย่างแล้วล่ะ พละกำลังของมนุษย์ไม่มีทางเหนือกว่าไดโนเสาร์กลายพันธุ์ได้หรอก
“งั้นผมขอตัว...”
“เดี๋ยวครับหัวหน้า”เสียงเรียกของวุธทำให้ผมหันกลับไปมองอย่างงงๆ
“มีอะไร”
“ผมอาจคิดไปเอง...แต่ที่เขาไม่ยอมไปกับผมไม่ใช่เพราะหัวหน้าบอกให้เขารออยู่ตรงนั้นเหรอครับ”คำพูดของวุธทำให้ผมนึกย้อนกลับไป...
เป็นอย่างที่วุธว่าผมบอกให้ลูก้ารอที่นี่
แต่เพียงแค่ผมบอกเขาก็ยอมทำตามขนาดนั้นเลยเหรอ
“ลูก้า...”
“...สาม...”เสียงตอบรับเบาๆนั่นเรียกรอยยิ้มของผมตลอดทางกลับไปยังห้องบนชั้นที่14
พอเดินมาถึงเตียงผมก็ค่อยๆวางร่างของลูก้าที่หลับสนิทลงก่อนจะห่มผ้าให้ เครื่องปรับอากาศถูกเปิดในอุณหภูมิพอเหมาะพร้อมกับผมที่เดินไปอาบน้ำในห้องด้านข้าง
เมื่อเดินออกมาลูก้าก็ยังคงหลับสนิทอยู่ตามเดิม
“เหนื่อยเหรอ”ผมถามเบาๆพลางลูบเส้นผมสีแปลกตานั่นไปมา เวลาตอนนี้พึ่งจะ2ทุ่มเท่านั้นเอง
จะพูดว่าสมกับเป็นเด็กก็คงใช่
ก่อนหน้านี้ไม่คิดว่าการเลี้ยงเด็กคงจะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะกับตัวเองแต่ตอนนี้เริ่มคิดว่าน่าจะพอไหวแล้วล่ะ
“ฝันดีลูก้า”
..............................................................................
สวัสดีค่ะ
มาต่อตอนแรกแล้ววว
บอกตรงๆว่าเรื่องชื่อเราคิดค่อนข้างนานว่าจะเอาชื่ออะไรดีนะ
สุดท้ายเราก็เลือกชื่อที่เราชอบที่สุดจากการอ่านการ์ตูน555
แต่งตอนนี้แล้วรู้สึกอยากหาเด็กสักคนมาฟัดๆๆ
มารอลุ้นกันว่าสามจะเลี้ยงเด็กอย่างลูก้าด้วยวิธีไหน ยังไง
ดีใจที่หลายคนยังติดตามอยู่นะคะ
จะแต่งเรื่องนี้ออกมาให้ดีที่สุดค่ะ
สำหรับใครเคะใครเมะนั้นอยากให้รอลุ้นกันเองในตอนต่อๆไปดีกว่ามาเฉลยเนอะ
เข้าสู่มุมให้ความรู้ในเรื่องไดโนเสาร์
วันนี้ขอนำเสนอไดโนเสาร์น้ำหนึ่งในสายพันธ์ในตัวลูก้า
อีลาสโมซอรัส(Elasmosaurus) เป็นสัตว์เลื้อยคลานทะเลตระกูล เพลสิโอซอร์ ประเภทคอยาว โดยมีคอยาวกว่าครึ่งหนึ่งของลำตัวเสียอีกอาศัยอยู่ยุคครีเทเชียส 100-65 ล้านปีก่อน อีลาสโมซอรัส มีลำตัวยาว 14 เมตร (46 ฟุต) และหนักราว 2 ตัน ทำให้มันเป็นมังกรทะเลตัวยาวลำดับ รองจาก ไฮโนซอรัสสัตว์เลื้อยคลานทะเลในตระกูลโมซาร์ซอร์ มีลำตัวที่ใหญ่และ ส่วนขาเป็นครีบ 4 ข้าง ความยาวของมันมากกว่าครึ่งเป็นส่วนคอ ประกอบด้วยกระดูกมากกว่า 70 ซึ่งมีจำนวนกระดูกคอมากกว่าสัตว์ทุกชนิด ส่วนหัวค่อนข้างเล็ก และ ฟันคมกริบ
ที่มา : typeofdino.wordpress.com
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่า
บ๊ายบาย
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
น้องมีความน่ารัก ลูก้าาา
สนุกมากเยคะ