◈ธาราที่17◈
“ฉันของสั่งให้หัวหน้าวิจัยและดูแลสัตว์น้ำด็อกเตอร์นทีธาร ธาราสุขไปแลกเปลี่ยนดูงานยังสถาบันวิจัยสัตว์ทะเลที่ประเทศแม็กซิโกในวันพรุ่งนี้”เสียงทุ้มอันทรงอำนาจกับดวงตาสีทองอ่อนที่สบมานั่นทำเอาเจ้าของชื่อในบทสนทนาอย่างผมถึงกับอึ้ง
“เอ่อ...คุณเลโอ...ว่าอะไรนะครับ”ผมถามหนึ่งในสามผู้นำซึ่งขับเคลื่อนธุรกิจในระดับโลกและยังเป็นถึงประธานของศูนย์วิจัยสัตว์น้ำที่นี่อย่างเลโอ ราวีโอลีอย่างไม่แน่ใจ
บอกตรงๆว่าผมยังปรับตัวไม่ทันเลยด้วยซ้ำ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาผมก็เข้าไปทำงานในห้องวิจัยที่ไม่ได้เข้าซะนานแต่ลงมือทำได้ไม่นานก็มีสายด่วนเรียกตัวผมให้ไปหายังห้องรับรอง ตัวผมก็นึกว่าเป็นคนรู้จักแต่พอเปิดประตูห้องเข้ามากลับต้องหยิกตัวเองเป็นการทดสอบว่าไม่ได้ฝันไปใช่ไหม
บุคคลระดับสูงของโลกเรียกผมมาพบด้วยสาเหตุข้างต้นนั่น ถึงอย่างผมก็ยังไม่เข้าใจนักว่าทำไมถึงเป็นผมที่ถูกเลือก ถ้าพูดถึงคนที่มีความสามารถในระดับสูงยังมีอีกหลายคนที่ควรได้รับเลือก
“พูดแค่ครั้งเดียวเธอก็น่าจะเข้าใจนี่”ดวงตาคมดุจราชสีห์กับคำพูดเชือดเฉือนแสดงให้เห็นว่าคุณเลโอกำลังหงุดหงิดอยู่พอสมควร
แล้วทำไมผมถึงต้องมาเจอเขาในสภาพอารมณ์ไม่ปกติด้วย ขนาดตอนอารมณ์ปกติยังน่ากลัวเลย
“เข้าใจครับ เพียงแต่ทำไมถึงเป็นผม...แล้วก็รายละเอียด...”
“เธอเป็นคนที่เก่งที่สุดในเรื่องสัตว์น้ำ และฉันต้องการให้เธอไปทำให้ไอ้พวกงี่เง่านั่นเงียบปากสักที”
“...ครับ?”พวกงี่เง่าที่ว่าหมายถึงใครกัน
“คงรู้สินะว่ากิจการหลายๆอย่างของพวกฉันนอกจากมันจะแตกแขนงไปหลายด้านแล้วยังมีเทคโนโลยีมากมายที่ถือกำเนิดขึ้นจากภายในองค์กร”
“ครับ...การค้นคว้าบางอย่างถือเป็นความลับเฉพาะขององค์กรที่ไม่อนุญาติในนำไปเปิดเผยได้ไม่ว่าในกรณีใดๆก็ตาม”เรื่องนี้ผมรู้ตั้งแต่ตอนเข้ามาทำงานแล้ว ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมอันล้ำหน้าช่วยให้การวิจัยและทดลองประสบผลสำเร็จได้รวดเร็วกว่าที่อื่น
จากที่หาข้อมูลเห็นว่าเทคโนโลยีและนวัตกรรมพวกนี้เป็นสิ่งที่ถูกคิดค้นขึ้นมาโดยเฉพาะ และไม่ใช่เพียงแค่เทคโนโลยีและนวัตกรรมเท่านั้นแต่ยังมีทั้งข้อมูลรวมถึงเทคนิคต่างๆที่ถือเป็นความลับสุดยอด ถ้าให้ยกตัวอย่างก็บิดาแห่งการคืนชีพ ฟรานซิส เบนซ์ ฟงเซ่ ความรู้และความสามารถของเขาเองก็ถือเป็นหนึ่งในความลับ
“แต่เพราะพวกบ้าๆรวมกลุ่มกันพูดว่าไม่แฟร์ที่เก็บความลับนั้นไว้แต่ในองค์กรเลยต้องมีการไปแลกเปลี่ยนเผยแพร่ความรู้ให้ตามสถาบันวิจัยต่างๆทั่วโลก”คุณเลโอพูดพร้อมใบหน้าที่ตึงขึ้นเรื่อยๆ
“หมายถึงการที่ด็อกเตอร์ฟรานซิส เบนซ์ ฟงเซ่ไปสอนการให้กำเนิดไดโนเสาร์สินะครับ”แม้ว่าความรู้เรื่องไดโนเสาร์จะเป็นความลับ แต่ก็อย่างที่คุณเลโอพูดนั่นแหละ...มีหลายกลุ่มที่ไม่พอใจในการเก็บความลับนี้ หลายคนก็กล่าวหาว่าทางองค์กรต้องการผลิตอาวุธอันตรายเพื่อครองโลกด้วยความสามารถนั้น เพราะแบบนั้นจึงมีการเผยแพร่ถึงวิธีการตัดต่อยีนรวมถึงการให้กำเนิดไดโนเสาร์ขึ้นมา
ซึ่งผมว่ามันตลกสิ้นดี
จะครองโลกเหรอ...นักวิทยาศาสตร์ไม่สนใจอะไรแบบนั้นหรอก และนักธุรกิจอย่างคุณเลโอกับอีกสองคนที่เหลือเองก็คงเหมือนกัน
“ตั้งแต่นั้นมาเลยต้องมีการผลัดกันไปศึกษาดูงานตามสถาบันต่างๆเพื่อเป็นการถ่ายทอดความรู้ ครั้งนี้สถานบันวิจัยสัตว์ทะเลเป็นศูนย์รวมของพวกที่คิดว่าตัวเองรู้จริงเกี่ยวกับสัตว์ทะเล...หึ น่าขำ”ถึงจะพูดว่าน่าขำแต่ใบหน้าของคุณเลโอเหมือนอยากจะจับพวกเขามาปาดคอทิ้งมากกว่ามั้ง
“พวกเขาอาจรู้จริงก็ได้นะครับ...”
“ฉันกล้าพนันเลยว่าไม่ เธอเคยไปที่นั่นรึยังล่ะ”คุณเลโอถามกลับ
“ยังครับ”ผมตอบกลับไป
“ฉันไม่อยากไปเสียเวลากับพวกปลาซิวปลาสร้อย ดังนั้นเธอจงเป็นตัวแทนฉันจัดการพวกมันให้หมดซะ เอาให้เลิกพล่ามว่าตัวเองเก่งไปเลย”
“เอ่อ...ผมว่าคงไม่...”
“ฉันอนุญาตให้เธอจัดการได้เต็มที่ ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเสียหายเดี๋ยวฉันจ่ายให้”ผมถึงกับขนลุกเมื่อแววตาของราชสีห์นั่นหรี่ลงอย่างน่ากลัว
“คือผม...ไม่ได้คิดจะไปมีเรื่องกับใคร”
“หึ...ลองไปดูด้วยตาก่อนเถอะ”
“...ครับ”คำพูดนั่นเหมือนจะบอกว่าถ้าผมไปเห็นพวกเขาจะอารมณ์ขึ้นงั้นเหรอ
ไม่มีทาง
ผมไม่ใช่พวกใจร้อน
“มีอีกเรื่อง เห็นว่าไดโนเสาร์กลายพันธุ์รุ่นที่6เป็นคู่หูของเธอใช่ไหม”
“ใช่ครับ”รุ่นที่6นั้นจากที่ได้ข้อมูลเห็นว่ามีแค่ลูก้าคนเดียวเท่านั้น
“การที่หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษมอบสิทธิ์ในการดูแลให้เธอแปลว่าไม่ใช่แค่ความสามารถที่มีแต่คงมีอะไรบางอย่างในการควบคุมไดโนเสาร์กลายพันธุ์รุ่น6สินะ”
“ผมไม่ได้ควบคุมลูก้า เขาเป็นเด็กดีไม่จำเป็นต้องควบคุมสักนิด”ผมพูดออกไปตามตรง
“คำพูดของหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษท่าจะจริง”
“...คำพูดอะไรครับ”
“ทั้งหวงทั้งห่วง”
“อึก...ก็ไม่ได้ขนาดนั้นสักหน่อย”แค่ไม่อยากให้ใครมามองลูก้าผิดๆเท่านั้นเอง
“เธอเหมาะกับเขาที่สุดแล้ว”
“ครับ?”
“ฉันเห็นคลิปตอนร่วมกันสู้ในน้ำในภารกิจแรกแล้ว...ช่างกล้าและบ้าบิ่นมาก”
“แฮะๆ”
“ดูงานพรุ่งนี้พาเขาไปด้วยละกัน”คุณเลโอบอกเสียงนิ่ง
“ได้ครับ”ความจริงต่อให้คุณเลโอไม่บอกผมก็ต้องพาไปอยู่แล้ว และถึงผมไม่พาไปลูก้าก็ต้องขอไปด้วยแน่ๆ
“อย่าลืมที่ฉันบอกล่ะ จัดให้หนักชนิดที่ให้นอนฝันร้ายไปสักปีเลย”
“ให้ผมไปดูงานไม่ใช่เหรอครับ”ทำไมคำพูดมันเหมือนกำลังให้ไปมีเรื่องกับใครสักคนเลยล่ะ
“หึ...เดี๋ยวก็รู้ อ้อ เรื่องสิทธ์การดูแลยังไม่ได้รับการอนุมัตตินะ”
“ฮะ? เดี๋ยวครับ หมายความว่าไง”ที่ว่ายังไม่ได้รับการอนุมัติ
ก็รู้ว่าอยู่ในขั้นตอนดำเนินการและคนที่จะอนุมัติคำขอนี้ได้นอกจากหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษอย่างเซโครก็ยังมีหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่ในวงการธุรกิจแต่การที่คุณเลโอพูดว่ายังไม่อนุมิตแปลว่าต้องมีสาเหตุอื่นๆอีก
“เธออาจเก่งและมีความสามารถแต่การจะให้เธอมีสิทธิ์ในตัวเขาแต่เพียงผู้เดียวนั้นมีหลายคนที่ไม่เห็นด้วยรวมทั้งฉันด้วย”
“ผมไม่เข้าใจ”
“เรื่องนั้นไว้ค่อยว่ากัน ฉันมีงาน ขอตัวก่อนล่ะ”คุณเลโอไม่ได้บอกข้อมูลอะไรเพิ่ม
ไม่พอเขาเดินออกไปผมก็ออกไปบ้าง...นอกห้องมีเหล่าลูกน้องผมยืนออกันอยู่
ใบหน้ากับสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยนั่นพุ่งเป้ามายังผม
คงจะสงสัยว่าผมถูกเรียกไปคุยเรื่องอะไรแน่ๆ
“ด็อกเตอร์เกิดอะไรขึ้น”พี่พลเป็นคนแรกที่เอ่ยถาม
“นั่นสิ คนระดับนั้นมีเรื่องอะไรถึงมาพบสามกัน”ยุถามต่อพลางทำหน้าคลุ่นคิด
“แค่ให้ผมไปดูงานที่แม็กซิโกพรุ่งนี้เท่านั้นเอง”ผมไขข้อสงสัยให้ทุกคน
“ไปดูงาน? แค่นั้นถึงกับต้องมาเองเลยเหรอ แค่สั่งมาก็ได้มั้ง”ยุตั้งข้อสังเกต
“นั่นสิ...”จะว่าไปก็ถูก
เรื่องแค่นี้สั่งมาดูจะเร็วกว่า
หรือว่ามันเกี่ยวอะไรกับอารมณ์หงุดหงิดนั่นกัน
ชักสงสัยแล้วสิว่าคนของสถาบันวิจัยสัตว์ทะเลเป็นยังไง
หลังจากคุณเลโอกลับไปผมก็ไล่ให้ทุกคนกลับไปทำงานที่ค้างไว้โดยที่เข้าไปร่วมทำการทดลองด้วย เมื่อได้เริ่มผมก็จะมีสมาธิอยู่แต่กับมันกว่าจะรู้ตัวก็ผ่านช่วงเย็นมาแล้ว
“ลูก้า”ผมพึมพำเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่านัดลูก้าไปเจอกันที่โรงอาหารช่วงเย็นนี่นา นั่นทำให้ผมรีบละมือจากการทดลองแล้วรีบไปยังโรงอาหารที่นัดไว้
ช่วงนี้ลูก้าไม่ได้นอนเล่นแท็บเล็ตรอผมอยู่หน้าห้องแต่เปลี่ยนไปว่ายน้ำในทะเลแทนซึ่งผมก็เห็นว่าดีเพราะยังไงลูก้าก็เหมาะอยู่ในทะเลมากกว่าบนบก อีกทั้งการได้ว่ายหรือดำน้ำจะช่วยลับการเคลื่อนไหวให้เฉียบคมมากขึ้น
“สาม”เสียงเรียกอันคุ้นเคยดังขึ้นจากบรรยากาศมืดๆยามราตรี พอหันไปมองตามเสียงก็พบกับลูก้าที่เดินเข้ามาหาในสภาพเปียกปอน
“นี่อย่าบอกนะว่าว่ายน้ำอยู่ถึงเมื่อกี๊น่ะ”ผมเท้าเอวหันไปจ้องอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง
“...อืม”
“ผมบอกแล้วไงว่าห้ามอยู่ในน้ำในร่างมนุษย์นาน”ถึงลูก้าจะมีอีกร่างเป็นไดโนเสาร์น้ำแต่ยังไงร่างมนุษย์ก็ถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ควรอยู่ใต้น้ำโดยไม่ขึ้นมาหายใจเป็นเวลานาน
ลูก้าอาจคิดว่ากลั้นหายใจได้นาน ซึ่งก็ใช่เพียงแต่สุดท้ายระบบการหายใจของมนุษย์มันไม่เหมาะกับการขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน ผลของการกลั้นหายใจเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดอาการผิดปกติขึ้นได้
ผมรู้ว่าลูก้าว่ายในร่างมนุษย์เพราะถ้าว่ายในร่างไดโนเสาร์เสื้อคงไม่เปียกหรอก
“ก็มัน...”
“ห้ามบอกว่าดำน้ำเพลินด้วย”ผมฟังข้อแก้ตัวนั่นมาจนเอียนแล้ว
“ผมแค่อยากรู้ว่าร่างมนุษย์มีข้อจำกัดมากขนาดไหน”ลูก้าตอบเสียงเบา
“ถ้าอยากรู้ก็รอผมอยู่ด้วยสิ ที่ผมไม่อยากให้กลั้นหายใจในร่างมนุษย์นานๆเพราะมันอาจส่งผลต่อระบบหายใจหรือระบบอื่นๆของร่างกายได้”ผมอธิบายไปตามจริง
“...เข้าใจแล้ว”
“พึ่งมาแบบนี้แปลว่ายังไม่ได้กินมื้อเย็นสินะ”
“อืม...การที่สามอยู่นี่ก็แปลว่าทดลองเพลินอีกแล้วแน่ๆ”
“รู้ดี”ผมบอกพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“ก็เรื่องสามนี่”
“หยอดมาแบบนี้ผมก็ยังไม่ตกลงเป็นแฟนหรอกนะ”
“ไม่เป็นแฟนงั้นก็เป็นคู่ผมเนอะ”
“ไม่ต้องมาเนอะเลยลูก้า ถ้าผมยังไม่ยอมเป็นแฟนก็อย่างหวังว่าจะเป็นคู่ให้เลย”ผมบอกเสียงจริงจัง
“สามใจร้าย...ทั้งที่รักผมขนาดนี้ทำไมยังไม่ยอมเป็นแฟนกันอีก”
“ผมบอกตอนไหนว่ารัก?”ผมถามกลับทันที
“ไม่ต้องบอกผมก็รู้ดี”ลูก้าบอกพลางเลื่อนดวงตาสีเงินมาสบ
“รู้ได้ยังไง...”ตัวผมเองยังไม่รู้เลยถึงความรู้สึกที่มีต่อลูก้าน่ะ
ทั้งที่ผมยังไม่รู้แล้วทำไมเขาถึงกล้าบอกว่ามันคือรักได้ง่ายๆกันล่ะ
“ทั้งท่าทางและการกระทำของสามมันบอก”
“...”ท่าทางกับการกระทำเหรอ
“ผมจะรอ”
“ผมถามจริงๆนะ ลูก้าไม่เคยคิดจะเปลี่ยนใจจากผมเลยเหรอ...ความรู้สึกที่ลูก้ามีมันอาจเพราะเราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ลูก้ายังเด็กก็ได้ การห่างกันไปปีกว่าน่าจะทำให้ลูก้าเจอผู้คนมากมาย...หนึ่งในนั้นไม่มีคนที่สนใจเลยเหรอ”คำถามนี้ผมอยากถามมานานแล้ว
ลูก้ายังเด็ก...เด็กมากถ้าเทียบกับมนุษย์
เพราะงั้นผมถึงคาใจว่าเขาใช้อะไรมาตัดสินว่ารักผม
“จริงอยู่ที่ผมเจอผู้คนมามากในช่วงที่ห่างสามแต่คนเหล่านั้นไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกสนใจเหมือนสาม สามเป็นคนเดียวที่ตรึงผมให้สนใจอยู่เสมอ เป็นคนเดียวที่อยากจะอยู่ข้างๆไม่ว่าเมื่อไหร่...”
“ลูก้า...”
“สามอาจไม่เชื่อว่าตัวเองรักผม แต่ผมอยากให้สามเชื่อว่ารักของผมมันเป็นของจริง”พูดจบลูก้าก็รวบตัวผมเข้าไปกอดแน่น ความเปียกชุมของน้ำทะเลเพิ่มอุณหภูมิให้เย็นขึ้น
“...ลูก้า”
“ผมรักสาม แค่ความรู้สึกนี้เชื่อผมนะ”เสียงกระซิบกับอ้อมกอดที่รัดแน่นขึ้นทำเอาหัวใจรู้สึกอุ่นวาบจนเผลอยิ้มออกมาบางๆ
“อืม”ผมพยักหน้าไปมาในอ้อมกอดของลูก้า
ความรู้สึกของลูก้ามันเป็นของจริง
นั่นเป็นสิ่งที่ผมรู้สึก และจะไม่สงสัยอีกแล้วด้วย
โครกกก
บรรยากาศโรแมนติกที่แผ่ออกมาหายวับไปกับตาเมื่อเสียงท้องร้องของพวกเราดังประสานขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน ทั้งผมและลูก้าต่างละออกจากกันก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
“...เสียงท้องสามดังมาก”ลูก้าอมยิ้มพลางมองมา
“ของตัวเองก็ดังไม่แพ้กันอย่ามาโยนน่า”ผมสวนกลับ
“ผมดังน้อยกว่าสาม”
“ไม่จริง ลูก้าดังกว่าเห็นๆ”
“ชนะผมได้สามดีใจเหรอ”
“ใช่ ดีใจมากๆเลยด้วย”
“สาม”
“ครับลูก้า”
“กวน”เพียงคำเดียวจากลูก้าเรียกเสียงหัวเราะให้กลับมาอีกครั้ง
“คิก...พอแล้วก็ได้ เรารีบไปกินมื้อเย็นกันเถอะเดี๋ยวต้องไปจัดกระเป๋าอีก”ผมบอกก่อนจะออกเดินไปตามผืนทราบด้านหน้า
“จัดกระเป๋า? สามจะไปไหน?”ลูก้าที่ตามมาถามด้วยน้ำเสียงสงสัย
“ไปแม็กซิโกน่ะ”
“ผมไปด้วยได้ไหม”
“อยากไปไหมล่ะ”ผมไม่ตอบแต่ถามกลับไปด้วยรอยยิ้มแทน
คำตอบของลูก้าไม่ต้องฟังก็เดาได้
“แน่นอน อยากไปกับสาม”
ว่าแล้ว
คำตอบเป็นอย่างที่ผมคาดไว้
“ให้ไปด้วยดีไหมนะ”ขอแหย่เล่นหน่อยละกัน
“ถ้าไม่ให้ไปผมจะว่ายน้ำตาม”ลูก้าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังราวกับจะบอกว่าสิ่งที่พูดไปไม่ได้พูดเล่นๆ
ก็นะ ด้วยความสามารถของลูก้าคงว่ายได้อยู่แล้ว
ดีไม่ดีอาจถึงก่อนผมด้วยซ้ำ
สถาบันวิจัยสัตว์ทะเลเองก็คงอยู่ติดทะเลลูก้าสามารถไปถึงได้ไม่ยาก
“พยายามจัง”
“สาม”
“รู้แล้วน่า ไปด้วยกันอยู่แล้ว”
การเดินการไปแลกเปลี่ยนความรู้และดูงานยังสถาบันวิจัยสัตว์ทะเลนั้นเริ่มต้นโดยการขึ้นเครื่องบินตรงไปยังประเทศเม็กซิโกก่อนจะนั่งรถต่อมาจนถึงรัฐหนึ่งทางภาคตะวันออกซึ่งมีสิ่งก่อสร้างที่คาดว่าคือสถานบันวิจัยสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ตั้งอยู่เรียงติดกัน
สถานที่แรกของการเดินทางคือตึกสูงกว่า5ชั้นบริเวณทางเข้าที่ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่านด้วยโทนสีสว่างโดยมีพนักงานนำทางผมและลูก้าให้เข้าไปด้านในของสถาบันวิจัย ทั้งคำพูดหรือท่าทางของพนักงานทำให้ผมสงสัยถึงท่าทางหงุดหงิดของคุณเลโอเมื่อวานว่าทำไมถึงได้ดูจะไม่ชอบที่นี่เอามากๆ
ด้านในของสถาบันวิจัยถูกแบ่งย่อยออกเป็นสัดส่วนอย่างชัดเจน แต่ละส่วนจะมีป้ายติดไว้หน้าทางเข้า ห้องที่พนักงานพาเข้ามาเป็นห้องประชุมขนาดใหญ่ที่ตอนนี้อัดแน่นไปด้วยผู้คน
ดูจากเสื้อผ้าและหน้าตาก็รู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นระดับด็อกเตอร์กันทั้งนั้น
“พาตัวแทนขององค์กรดอร์วูมาแล้วค่ะ”พนักงานเอ่ยบอกภายในห้องก่อนจะขอตัวกลับออกไปปล่อยให้ผมและลูก้ายืนนิ่งค้างโดยมีสายตานับสิบคู่จับจ้องมา
“สวัสดีครับ ผมนทีธาร ธาราสุขเป็นตัวแทนขององค์กรจะมาแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ที่มีให้กับทุกคนครับ”ผมเอ่ยแนะนำตัวอย่างมีมารยาท
“อะไรกัน คนที่จะมาไม่ใช่ระดับหัวหน้าหรือไง”เพียงคำพูดแรกของชายตรงหน้าก็ทำเอาผมเริ่มคิ้วกระตุก
“ผมเป็นหัวหน้าของศูนย์วิจัยและเพราะพันธุ์สัตว์น้ำของเอเชีย...”
“อ้อ ไอ้ที่ตั้งอยู่ในประเทศเล็กๆซึ่งกำลังพัฒนามาหลายสิบปีที่อยู่ใกล้ๆเส้นศูนย์สูตรนั่นน่ะนะ”ยังไม่ทันได้พูดจบชายอายุประมาณ40กว่าคนหนึ่งก็พูดแทรกขึ้น
“...ใช่ครับ”รอยยิ้มเมื่อครู่ของผมหายไปอย่างรวดเร็ว
“สงสัยจะขาดแคลนคนมีความรู้เลยต้องให้เด็กตัวกระจ้อยมาเป็นหัวหน้า ไม่รู้ว่าเรียนจบปริญญารึเปล่าเลย”
“ผมจบปริญญาเอกครับ”
“ซื้อเอารึเปล่าล่ะ”
คำพูดของคุณเลโอที่บอกให้จัดการพวกเขาซะรวมถึงสาเหตุที่เขาหงุดหงิดผมเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งเลยล่ะ
คนพวกนี้มันจะดูถูกกันไปถึงไหน
ผมชักเริ่มหงุดหงิดแล้วนะเนี่ย
“สาม...ให้ผม...”
“ไม่เป็นไรลูก้า”ผมพึมพำตอบลูก้าที่ทำหน้าเหมือนกำลังจะวิ่งเข้าไปงาบคอมนุษย์ตรงหน้า
“ฮืม? สีผมนั่นมันหรือว่าจะเป็น...สิ่งมีชีวิตที่ถูกจับยีนมาผสมกันมั่วๆสินะ”
“งั้นคุณอยากถูกผลงานมั่วๆนี่ขย้ำสักสองสามแผลไหมล่ะครับ”ผมสวนกลับไปพร้อมรอยยิ้มท้าทาย
จะดูถูกผมยังไงก็ช่างแต่อย่ามาดูถูกลูก้า
“อึก...แก...”
“ผมมาในฐานะตัวแทนขององค์กรดอร์วูเพื่อจะมาแลกเปลี่ยนความรู้กับพวกคุณแต่ดูเหมือนพวกคุณจะไม่ต้องการมันสักเท่าไหร่นะ”
“หึ...พวกเราไม่ต้องการแลกเปลี่ยนกับระดับล่างๆอย่างแกหรอก นึกว่าคนที่มาจะเป็นไอ้หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษอะไรนั่นซะอีก”คำพูดของชายตรงหน้าทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมาจนคนทั้งห้องหรี่ตามองอย่างไม่พอใจ
“คิก...โทษทีครับ ผมคิดว่าพวกคุณโชคดีแล้วนะที่หัวหน้าปฏิบัติการพิเศษไม่มานี่ ไม่งั้นพวกคุณคงไม่มีโอกาสได้ยืนพูดอยู่แบบนี้หรอก”ผมรู้นิสัยของเซโครดี ถึงจะดูนิ่งๆแบบนั้นแต่ถ้าใครไปทำให้อารมณ์ขึ้นได้โดนจัดการทั้งทางร่างกายและจิตใจแน่
ลองให้คนที่มาเป็นเซโครด็อกเตอร์พวกนี้ได้โดนชกกระเด็นไปติดกำแพงแล้ว ดีไม่ดีคู่หูและคนรักอย่างยูทาร์อาจเข้าไปซ้ำเติมด้วยซ้ำ
“จะดูถูกพวกเราเหรอ”
“เปล่าครับ แต่ร่างกายมันฝึกมาผิดกัน”สำหรับพวกนักวิจัยหรือนักวิทยศาสตร์จะมีแรงเทียบกับคนที่ออกภาคสนามเกือบทุกวันได้ยังไงล่ะจริงไหม
“ว่าแต่พวกเราแล้วตัวผอมแห้งแถมเตี้ยอย่างแกจะทำอะไรได้รึไง”
“ทำได้มากกว่าพวกคุณละกัน”ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“หึ...งั้นก็ลองมาให้ความรู้พวกเราหน่อยสิ”ชายคนเดิมท้าทายพลางมองไปยังกลุ่มด็อกเตอร์ที่นั่งอยู่ด้านหลัง
ท่าทางแบบนั้นคงคิดจะทำให้ผมขายหน้าสินะ
แหม...น่าสนุกจัง
นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแบบนี้
เหมือนได้กลับไปช่วงเรียนแล้วโดนแกล้งเลย
ยิ่งกับคนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจอันล้นหลามยิ่งรู้สึกสนุกทุกทีที่ได้ค่อยๆทำลายความมั่นใจนั่น
แต่ยังไงพวกเขาก็เป็นถึงระดับด็อกเตอร์การพูดเรื่องการวิจัยธรรมดาทั่วไปคงไม่ต่างจากการพูดในสิ่งที่พวกเขารู้อยู่แล้ว
ในเมื่อเป็นสถาบันวิจัยสัตว์ทะเลก็คงต้องพูดเรื่องแนวนี้...
จะว่าไปทำไมคุณเลโอไม่บอกให้เร็วกว่านี้นะ
ผมพึ่งรู้ว่าตัวเองมาโดยที่ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย
“สาม”ลูก้าสะกิดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรลูก้า เดี๋ยวผมจัดการเอง”ผมหันไปบอกพร้อมรอยยิ้ม
“คิดไม่ออกรึไงคุณหัวหน้า”เสียงเยาะเย้อดังขึ้นก่อนทั้งห้องจะส่งเสียงหัวเราะ
“เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า...เรื่องที่ผมจะพูดวันนี้คือเรื่องการเพาะพันธุ์อาร์คีโอไซยาทิด”ผมเดินไปคว้าไมค์จากคนบนเวทีก่อนจะประกาศหัวข้อเรื่องที่จะพูด
“ว่าไงนะ...”
“การเพาะพันธุ์อาร์คีโอไซยาทิด”
“เห็นว่ามันเพาะพันธุ์ไม่ได้นี่...แล้วทำไม”
“ยังไม่เคยได้ยินว่ามีใครเพาะพันธุ์มันสำเร็จมาก่อน...”
“ที่พูดคงไม่ได้คิดจะโม้หรือโกหกหรอกนะ”ด็อกเตอร์ที่นั่งอยู่แถวหน้าเอ่ยถาม
“ผมไม่ทำอะไรที่ทำองค์เสียชื่อเสียงหรอกนะ”ผมยักไหล่ตอบไป
“ไม่เห็นเคยได้ยินเลยว่ามีคนที่เพาะพันธุ์มันสำเร็จ”
“ไม่เคยได้ยินเหรอว่าในแต่ละองค์กรมักมีความลับที่ไม่เปิดเผยให้ภายนอกรู้อยู่ทั้งนั้น”แต่การให้ความรู้ครั้งนี้ถือเป็นการเผยแพร่ความลับหรือวิธีการใหม่ๆในการทดลองอยู่แล้ว
อีกอย่างคุณเลโอไม่ได้ห้ามไว้ด้วย
อาร์คีโอไซยาทิดที่พูดถึงคือพืชในยุคแคมเบรียน ถ้าถามถึงเหตุผลที่เหล่าด็อกเตอร์ในห้องนี้ทำหน้าไม่เชื่อก็คงเป็นเพราะไม่เคยมีรายงานว่ามีการเพาะพันธุ์อาร์คีโอไซยาทิดสำเร็จมาก่อน
อย่างที่บอกว่าเรื่องนี้ถือเป็นความลับขององค์กรที่ไม่ได้เปิดเผย และผู้ที่เพาะพันธุ์มันได้สำเร็จเป็นคนแรกของโลกก็คือผม เรียกว่าเป็นผลงานที่ทำให้ผมได้ขึ้นเป็นหัวหน้าก็ไม่ผิดซะทีเดียว
การเพาะพันธุ์อาร์คีโอไซยาทิดไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะมันเติบโตอยู่ก้นทะเลลึกซึ่งมีแรงดันน้ำมหาศาล ด้วยลักษณะทางกายภาพที่เป็นรูพรุนช่วยในการกรองสารอาหารเวลาไหลผ่าน
อาร์คีโอไซยาทิดเป็นที่สนใจของนักวิทศาสตร์และผู้คนทั่วโลกเมื่อหลายสิบปีก่อนเพราะนอกจากมันจะสามารถกรองสารอาหารได้แล้วมันยังสามารถกรองสารพิษหรือเชื้อโรคต่างๆให้น้อยลงได้ ยิ่งในปัจจุบันเกิดปัญหามลพิษทางน้ำเป็นจำนวนมากจึงมีหลายประเทศที่ให้งบมหาศาลทุ่มกับการเพาะพันธุ์อาร์คีโอไซยาทิดนี้แต่ก็ไม่สำเร็จ
ผมเองกว่าจะทำมันสำเร็จก็ใช้เวลาไปนานโข เรียกว่าเป็นปีเลยทีเดียว
ขั้นตอนการเพาะพันธุ์อาร์คีโอไซยาทิดค่อยๆถูกอธิบายตั้งแต่เริ่มแรกไปจนถึงการทดลองจนประสบผลสำเร็จโดยไม่มีการหยุดพัก แม้จะไม่ได้มีเอกสารรูปภาพหรือแม้ตัวอย่างประกอบก็ไม่ถือเป็นอุปสรรค์แต่อย่างใด
ความรู้ทุกอย่างมันอยู่ในหัวผมอยู่แล้ว
เหล่าด็อกเตอร์ต่างนั่งฟังด้วยใบหน้าเจ็บใจจนผมรู้สึกว่านี่แหละคือการชนะโดยไม่ต้องใช้กำลัง
“สามสุดยอด”ลูก้าเดินเร็วเข้ามาผมหลังจากบรรยายจบด้วยใบหน้าภูมิใจ
“แค่นี้ไม่เท่าไหร่น่า”
“ความสามารถของสามดูจะมากกว่าที่ผมรู้อีกนะ”
“งั้นเหรอ?”
“ตอนอยู่เกาะ เอ่อ คุณเซโครเล่าเรื่องของสามให้ฟังเยอะแยะตั้งแต่เรื่องทักษะการต่อสู้ที่ไม่สมกับตัวไปจนถึงความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ที่ไม่เป็นรองใคร แต่ไม่คิดว่าสามจะสามารถพูดมันออกมาได้โดยไม่มีอะไรแบบนี้”น้ำเสียงชื่นชมจากลูก้าทำเอารู้สึกดีจนต้องแสดงออกด้วยการยิ้มกว้างแล้วเอื้อมมือไปขยี้เส้นผมสีฟ้าแซมแดงเพื่อระบายความเขิน
“ชมเกินไปแล้ว”ถ้าตัวผมลอยได้คงลอยไปนอกอวกาศแล้วโครจรสักสามรอบแน่ๆ
“พูดจริงต่างหาก สมแล้วที่เป็นแฟนผม”
“ใครแฟนนาย?”ผมยักคิ้วถามกลับ
“สามไง”
“เหมือนผมจะยังไม่ตกลงนะ”
“ถึงสามไม่บอกผมก็รู้น่า”
“รู้อะไร?”
“สามรักผม”
“...รู้ดี”จนถึงตอนนี้ผมยังไม่แน่ใจเลยว่าความรู้สึกที่มีต่อลูก้ามันคือรักรึเปล่า
แต่มีอย่างหนึ่งที่รู้แน่ๆคือลูก้าสำคัญกับผมมาก
ผมอยากปล่อยให้ช่วงเวลานี้มันยืนยาวต่อไปเรื่อยๆเพราะไม่รู้ว่าถ้าตอบรับมันจะมีอะไรเปลี่ยนไปไหมซึ่งผมไม่อยากให้มันเปลี่ยนไป
“นี่”เสียงตะโกนเรียกจากกลุ่มด็อกเตอร์ดังขัดการสนทนา
“มีอะไรครับ”ผมถามพลางเดินไปหาโดยมีลูก้าตามหลังมาติดๆ
“เห็นว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญพฤติกรรมสัตว์ทะเลสินะ”
“...ใช่ครับ”แม้รอยยิ้มนั่นจะดูไม่น่าไว้ใจแต่ผมก็ตอบกลับไปตามจริง
“จะดูพฤติกรรมสัตว์คงไม่ใช่ดูผ่านหน้าจออย่างเดียวหรอกเนอะ”
“แน่นอนครับ การสังเกตพฤติกรรมส่วนมากผมจะลงไปสำรวจด้วยตัวเองตั้งแต่พฤติกรรมการล่า การรวมฝูงหรือแม้แต่การย้ายถิ่น”แค่ดูผ่านจอมันจะไปเข้าใจพวกสัตว์ได้ยังไง
“งั้นก็ดีเลย พอดีพวกเราพึ่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำชนิดใหม่ขึ้นมาได้แต่ด้วยสาเหตุอะไรสักอย่างทำให้มันกินน้อยแถมยังตัวไม่โตอีก ไหนๆก็เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญ...ช่วยพวกเราหน่อยละกัน”
“เอาสิ”ผมอยากรู้ว่าจะมาไม้ไหนกัน
“สามจะดีเหรอที่ยอมง่ายๆ”ลูก้าเดินมากระซิบถาม
“ดีสิ ขอผมดูก่อนว่าสัตว์ที่ว่าคืออะไร”
“ผมไม่ชอบพวกนี้เลย”
“ก็นะ...”ผมเองก็ใช่ว่าจะชอบหรอก
เหล่านักวิทยาศาสตร์พาผมเดินออกไปยังด้านนอกอาคารซึ่งมีทางเดินถูกปูด้วยหินช่วยให้เดินไปยังด้านหลังอาคารในส่วนติดกับทะเลได้อย่างรวดเร็ว ส่วนด้านหลังนี้ถูกกั้นด้วยรั้วยาวประมาณด้านละ50เมตรตั้งแต่บนบกยาวไปถึงในทะเล
ในรั้วกันนั่นต้องมีสัตว์อะไรอยู่แน่
“ลูก้า”ผมหันไปมองลูก้าเป็นเชิงถาม ลูก้าพยักหน้าเล็กน้อนก่อนมองไปภายในรั้วนั้น
“...มีอยู่ตัวเดียว ขนาดไม่ใหญ่...เล็กกว่าผมมากอยู่ เดี๋ยวสาม จะทำอะไรน่ะ”ระหว่างที่ลูก้าอธิบายผมก็กระโดดลงไปตามโขดหินด้านล่างท่ามกลางความตกใจของเหล่าคนที่มองอยู่ แม้แต่ลูก้าเองยังถึงกับกระโดดตาผมลงมาด้วย
“ไม่ต้องตามมาหรอก”ผมหันไปบอก
“ไม่ตามได้ยังไง คิดจะทำอะไรน่ะสาม”
“ก็จะเข้าไปดูใกล้ๆ”
“สายพันธุ์ก็ยังไม่รู้มันอันตรายไปนะถึงจะขนาดไม่ใหญ่เท่าผมแต่ก็ใหญ่กว่าสาม...”
“ลูก้า ผมน่ะไม่ได้ใบปริญญามาเพราะแค่อยู่ในห้องทดลองหรอกนะ การจะศึกษาพฤติกรรมสัตว์มันต้องเห็นด้วยตา...เมื่อเราเห็นเราก็จะสามารถรู้ได้ถึงสิ่งที่ทำอยู่หรือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปไม่ว่าจะเป็นความคิดหรือการกระทำ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมจะเข้าไปสังเกตุพฤติกรรมของสัตว์สักหน่อย”
“ก็รู้ว่าสามเก่งแต่ว่ามัน...”
“ผมไม่ประมาทหรอกนนะ ไม่ต้องห่วง”ผมบอกพร้อมส่งยิ้มบางๆกลับไปให้
“สาม...”
“ที่พวกคุณต้องการจะรู้คือสาเหตุที่มันไม่ยอมกินอาหารกับขนาดตัวที่เล็กกว่าปกติสินะ”ผมถามย้ำอีกรอบ
“ใช่...แต่ขอเตือนสักหน่อย ครั้งก่อนก็มีนักพฤติกรรมสัตว์ถูกจ้างให้มาดูแล้วหมอนั่นดันลงไปดูด้วยตัวเองเหมือนอย่างนาย สุดท้ายแขนก็หายไปข้างนึง”คำอธิบายนั่นทำเอาผมเลิกคิ้วขึ้นข้างนึง
แรงกัดขนาดแขนขาดแปลว่าต้องไม่ใช่พวกกินพืช
“สาม”
“ไม่เป็นไรน่า ขอบคุณสำหรับคำเตือน”พูดจบผมก็เดินเข้าไปใกล้บริเวณน้ำมากขึ้น
ถึงจะไม่หันไปมองก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาห่วงๆจากลูก้า
ผืนน้ำสีฟ้าใสช่างสะอาดผิดกับบางพื้นที่ของประเทศไทย ที่เป็นแบบนี้อาจเพราะกระแสน้ำและพื้นที่ไม่ได้อยู่ในจุดสะสมของตะกอนทำให้น้ำไม่ขุ่น ซึ่งถือเป็นเรื่องดีเพราะช่วยให้สามารถมองเห็นสิ่งมีชีวิตที่มีลำตัวยาวสีกรมท่าว่ายอยู่ไม่ไกล
ส่วนหัวขนาดเล็กกับเรียวปากยาวเมื่อเทียบกับขนาดของส่วนลำตัวที่ใหญ่กว่า ลำตัวนั้นไล่ระดับตั้งแต่ใหญ่ก่อนจะค่อยๆเล็กลงเรื่อยๆจนถึงสุดปายหางอันยาวเรียวคล้ายหางของปลาไหล
การเคลื่อนไหวของมันอาศัยครีบด้านข้างลำตัวในการเคลื่อนที่โดยมีครีบเล็กๆอยู่บริเวณปลายลำตัว
จากรูปล่างลักษณ์ที่เห็นชื่อพลาทีคาร์พัสก็ผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
พลาทีคาร์พัสเป็นนักล่าของยุคครีเทเชียสซึ่งมีความยาวประมาณ5เมตรและอาศัยอยู่บริเวณน้ำตื้นของผืนทะเล ถ้าให้เปรียบมันกับสัตว์ในยุคนี้ก็ใกล้เคียงกับจระเข้ที่มักออกล่าตามน้ำตื้น เพียงแต่พลาทีคาร์พัสมีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วกว่ามากเนื่องจากมีคลีบช่วยในการเคลื่อนไหวใต้ผิวน้ำ
“...นึกว่าจะเจออะไรที่อันตรายกว่านี้ซะอีก”ผมพึมพำเสียงเบาด้วยรอยยิ้ม
ไม่ใช่ว่าผมประมาทหรือดูถูกพลทีคาร์พัสหรอกนะ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อะไรก็ต่างมีความอันตรายแตกต่างกันตามสายพันธุ์ แต่เพราะคำพูดของด็อกเตอร์พวกนี้เหมือนผมต้องมาเจอกับโมซาซอร์ไดโนโนเสาร์ที่ยาวเหยียด30เมตรสักตัว
อีกอย่างที่ทำให้ผมยิ้มออกคือพลาทีคาร์พัสเป็นไดโนเสาร์น้ำที่ถูกชุบชีวิตมาเป็นอันดับต้นๆทำให้มีการศึกษาเกี่ยวกับพวกมันอยู่มากพอสมควร
ดวงตาสีน้ำตาลของผมละออกจากพลาทีคาร์พัสไปยังสภาพแวดล้อมรอบๆ และทันทีที่ดูเสร็จผมก็เข้าใจแล้วว่าทำไมมันถึงกินน้อยและมีขนาดตัวเพียง2เมตรจาก5เมตร ไม่จำเป็นต้องเข้าไปใกล้ถึงขนาดเสียแขนเลย
สาเหตุของเรื่องนี้ผมไม่คิดว่าพวกด็อกเตอร์นั่นจะไม่รู้หรอกนะ แต่ถ้าไม่รู้คงไม่จ้างนักพฤติกรรมคนอื่นมาดู...แปลว่าคงไม่รู้จริงๆ
ไม่สิ สาเหตุไม่น่ามีแค่นั้น
“คงต้องข้าไปดูใกล้ๆสินะ”พึมพำเสร็จผมก็ค่อยๆก้าวขาลงไปในน้ำ
“สาม...”เสียงเรียกชื่อหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อผมหันกลับไปมองลูก้าที่ทำท่าจะก้าวเข้ามาใกล้
ไดโนเสาร์ยักษ์อย่างลูก้าถ้าเข้ามาใกล้พลาทีคาร์พัสคงตื่นตกใจแน่
เมื่อเดินมาจนถึงระดับน้ำที่ลึกพอสมควรผมก็ดำลงไปด้านใต้โดยที่มองไปยังพลาทีคาร์พัสซึ่งว่ายอยู่ไกลออกไปประมาณ10เมตร สายตาของมันจับจ้องมายังผมด้วยความระแวดระวัง
ดี...ไม่เข้ามาโจมตีสุ่มสี่สุ่มห้า
นักล่าปกติมักจะโจมตีอย่างรวดเร็วเพื่อเพิ่มโอกาสในการล่าให้ประสบความสำเร็จมากขึ้นแต่กับพลาทีคาร์พัสตัวนี้ไม่ใช่
มันกำลังสังเกตอยู่ว่าผมจะทำอะไร และเป็นการสังเกตที่ระแวดระวังพอสมควรด้วย ถ้าเคลื่อนไหวผิดหรือทำให้มันเห็นว่าผมเป็นศัตรูคงได้จบเหมือนอย่างนักพฤติกรรมสัตว์ก่อนหน้านี้
การจะสร้างความเชื่อใจมันไม่ยากเพียงแต่ต้องค่อยๆทำ ห้ามรีบร้อนเด็ดขาด
ร่างผมค่อยๆเคลื่อนไหวไปตามกระแสน้ำที่ผลัดไปมาอย่างอ้อยอิ่ง ส่วนมือที่ใช้ในการแหวกว่ายถูกใช้เคลื่อนไหวด้วยท่าทางคล่องแคล่ว
ไม่กี่นาทีบรรยากาศก็เริ่มเปลี่ยนไป พลาทีคาร์พัสว่ายวนสักพักก่อนจะเคลื่อนที่มาใกล้ผมมากขึ้นจนร่างของผมขนาบอยู่กับร่างนั้น ผิวหนังลื่นๆลากผ่านลำตัวผมแสดงถึงความเชื่อใจที่มอบให้
เห็นแบบนั้นผมก็เผยยิ้มออกมาก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือไปลูบบริเวณท้องสีเหลืองนวลช้าๆเพื่อตรวจร่างกายภายนอกแบบคร่าวๆ ผลที่ได้ดูจะน่าพอใจแต่ไม่มากเท่าที่ควร
บริเวณที่เป็นกระเพาะเมื่อเทียบกับความยาวของร่างค่อนข้างแปลก และนี่คงเป็นสาเหตุหลัก
ผมใช้เวลาอยู่สักพักใหญ่ในการตรวจซ้ำเพื่อความแน่ใจก่อนจะพาตัวเองขึ้นมาบนฝั่งในสภาพเปียกโชกไปทั้งตัว ลูก้าเองก็รีบวิ่งมาหาผมด้วยใบหน้าห่วงๆ
“สาม...ไม่เป็นไรนะ”
“อืม ครบถ้วนสมบูรณ์ดี”ผมตอบกลับ
“เป็นห่วงแทบแย่...ทำอะไรน่ะ”น้ำเสียงห่วงทำให้ผมคลี่ยิ้มบางๆก่อนจะเอื้อมมือไปหยิกแก้มลูก้าเบาๆ
“หยิกแก้มไง”
“ใช่เวลาเล่นไหมสาม”
“...ดำน้ำได้กว่า20นาที ไม่ใช่มนุษย์แล้ว”คำพูดจากหนึ่งในเหล่าด็อกเตอร์ทำให้ผมนึกได้ว่ายังไม่ได้ตอบคำถามเลยนี่นะ
“พลาทีคาร์พัสตัวนี้มีขนาดกระเพาะเล็กกว่าปกติทำให้สามารถกินอาหารได้น้อย และด้วยสาเหตุนั้นเลยส่งผลต่อการเจริญเติบโต ถ้าอยากให้ตัวใหญ่กว่านี้อย่างแรกที่ทำคือต้องเพิ่มช่วงการให้อาหาร ถ้าให้มื้อเดียวก็เพิ่มเป็นสอง ถ้าให้สองก็เพิ่มเป็นสาม อีกอย่างคือขยายเขตที่อยู่ด้วย...พื้นที่แค่นั้นไม่พอให้เติบโตได้เต็มที่หรอก”ผมอธิบายทุกอย่างออกไปรวดเร็วจนคนฟังถึงกับขมวดคิ้วผสมกับเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา
“กระเพาะ? แค่เวลาสั้นๆรู้ได้ยังไง”
“แค่สัมผัสดูก็รู้แล้วครับ”
“สัมผัส? นี่จะบอกว่าจับตัวพลาทีคาร์พัสได้?”คำพูดผมเหมือนจะทำให้ทุกคนตกใจมากกว่าเดิม
“ก็อย่างที่ว่ามา ผมไม่สนหรอกนะว่าพวกคุณจะคิดยังไงกับตัวผมหรือองค์กรแต่อยากบอกไว้ว่าต่อให้เป็นด็อกเตอร์ก็ไม่มีสิทธิ์ไปดูถูกใคร อ้อ...ขืนทำให้คุณเลโอหงุดหงิดมากๆก็ระวังตัวหน่อยก็ดีนะ”ผมเอ่ยเตือนก่อนจะขึ้นไปบนทางเดินด้วยร่างกายเปียกๆ
“มะ หมายความว่าไง”
“เรื่องนี้ผมขอไม่ยุ่งละกัน ขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ ไปกันลูก้า”ผมเรียกพร้อมกับเดินกลับเข้าไปในโรงแรมโดยมีลูก้าตามมาติดๆ
“น่าจะให้ผมขู่สักหน่อย”
“โห...เดี๋ยวนี้ขู่เป็นแล้วเหรอ”ผมถามเสียงตลก
“ก็แค่คำราม”
“คำราม?...อยู่กับผมทีไรเห็นแต่คราง งี๊ดๆ”ไม่เคยเห็นจะคำรามเลยสักครั้ง
“กับสามผมไม่ขู่หรอก...ก็รักมากนี่”
“ลูก้า...”เจอประโยคนั้นเข้าจะไม่ให้เงียบคงไม่ได้
“อย่าทำให้เป็นห่วงนักสิ ผมเกือบจะตามลงไปอยู่แล้ว”น้ำเสียงที่เต็บไปด้วยความห่วงใยนั้นทำให้ผมยิ้มออกมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาสีเงินที่มองมา
“ขอบคุณที่ห่วงนะ”แค่ดูก็รู้แล้วว่าตัวเองถูกห่วงมากขนาดไหน
ความรู้สึกของลูก้าที่มีต่อผมมันเป็นของจริงที่ไม่จำเป็นต้องทดสอบเลยสักนิด
ที่เหลือก็คือตัวผมเองนี่แหละที่ยังไม่ชัดเจนสักที
คงเวลาแล้วมั้งที่จะเลิกบ่ายเบี่ยงและคิดจริงจังถึงความรู้สึกจริงๆของตัวเองที่มีต่อลูก้า
............................................................
สวัสดีค่า
มาแล้วกับตอนที่17
หลายคนอยากเห็นฉากในน้ำโดยมีพี่หนึ่งอยู่ด้วย ขอโทษที่ไม่ได้แต่งแบบนั้นนะคะ 555
เมื่อวานเรื่องJurassicเพิ่งเข้าซึ่งเราคิดว่าคงมีหลายคนที่อยากอ่านเรื่องนี้ต่อ
ใครไปดูมาแล้ว มาแอบเม้ามอยกันได้น้าา
โดยส่วนตัวเราค่อนข้างชอบคุณเลโอเห็นไม่มีบทมานานเลยให้บทสักหน่อย อิอิ
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ
บ๊ายบาย
-----มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์-----
วันนี้ขอเสนอพลาทีคาร์พัส นักล่าของยุคครีเทเชียสซึ่งมีขนาดลำตัวยาวได้กว่า 5 เมตร กินเนื้อและอาศัยอยู่บนเวณน้ำตื้น ขนาดของมันไม่ใหญ่นัก รูปร่างเพียว ลำตัวและหัวสั้นแถมยังเป็นสายพันธุ์ที่ขุดพบค่อนข้างบ่อย
เครดิต : รูปภาพ-http://www.dinosaurusi.com ข้อมูล-หนังสือประจัญหน้าเจ้าสมุทรยุคครีเทเชียส
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ไปดูจูราสิสมาแล้ว นี่รอภาค 3 อย่างตั้งหน้าตั้งตาเลยล้ะ มันลุ้นมากเลย แรกๆแอบสงสารไดโนเสาร์อะ
รอสามยุน้ะค้าบผม
ปล.ไปดูจูราสสิคมาแล้วเหมือนกันค่ะ ยิ่งดูยิ่งคิดถึงเรื่องนี้เลย ยิ่งเวลามาอ่านภาพในหนังมาเลยค่ะ555 แต่งเก่งจริงๆนะคะ
5555
นี่สามมาถึงแค่แปปเดียวนะยังจัดการไปได้ขนาดนี้ เก่งมาก เราเชื่อว่าสามเอาอยู่.
หมายถึงรูปร่างเพรียวใช่ไหมคะ
เพรียว=เพรียวบาง
สามเก่งสุดๆ