♦ จุดเริ่ม ♦
ครืดดดด~
ครืดดดด~
แรงสั่นจากเครื่องมือสื่อสารเรียกสติให้ร่างผมที่นอนหลับซุกตัวอยู่บนเตียงขนาด5ฟุตรู้สึกตัวตื่นขึ้นอย่างงัวเงีย ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์ที่สั่นอย่างตื่อเนื่องระหว่างลุกขึ้นนั่งเพื่อรวบรวมสติ
ดวงตาสีน้ำตาลตามแบบฉบับไทยแท้ของผมหันไปมองนาฬิกาที่บอกเวลาตี5ครึ่งด้วยความเหนื่อยล้า เมื่อคืน...ไม่สิ...ต้องบอกว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนผมยังอยู่ในห้องทดลองอยู่เลย
“ครับ”ผมกดรับสายโดยไม่ได้สนใจนักว่าปลายสายเป็นใคร
ยังไงก็ต้องเป็นหนึ่งในคนรู้จักอยู่แล้วเพราะโทรศัพท์นี่จะสั่นต่อเมื่อเบอร์ที่เมมไว้โทรมาเท่านั้น
(ไงทรี...ที่นั่นคงใกล้เช้าแล้วใช่ไหม)เสียงจากปลายทำให้รู้ได้ทันทีว่าใครโทรมา
“ตอนนี้ตี5ครึ่งน่ะ...มีอะไรเซโคร”ผมถามกลับพลางลุกขึ้นจากเตียงมาเปิดระเบียงเดินออกไปรับลมก่อนพระอาทิตย์ขึ้น
ด้วยความสูงของชั้นที่14แถมยังติดริมทะเลเลยมีลมเย็นๆพัดมาตลอด แม้ว่าลมนั่นจะมาพร้อมกับไอเค็มจากทะเลก็ไม่ส่งผลต่อคนที่เติบโตมากับทะเลอย่างผมหรอก
คนที่อยู่ปลายสายเป็นเพื่อนซึ่งอาจเรียกว่าค่อนข้างสนิทมากจากประเทศฝรั่งเศส พวกเราเรียนทั้งคณะและสาขาเดียวกัน ต่างกันแค่วิชาโทที่เรียนเท่านั้น ด้วยความที่มีนิสัยคล้ายๆกันเลยเจอหน้ากันบ่อยครั้ง แถมยังคุยถูกคออย่างบอกไม่ถูก
ไทรแอสซิก เบนซ์ ฟงเซ่หรือเซโคร ลูกของบิดาแห่งการคืนชีพที่คนทั้งโลกต่างรู้จัก
ตอนแรกที่เจอคิดว่าจะเป็นคนหยิ่งๆเพราะมีพ่อเป็นถึงบุคคลระดับสูงแต่ในความจริงกลับเข้าถึงง่ายอย่างน่าประหลาด
(พอดีมีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อยน่ะ)ปลายสายบอก
“เรื่องให้ช่วย? คนระดับหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษมีอะไรให้ผมช่วยล่ะครับ”ผมพูดติดตลก ไม่คิดว่าคนระดับนั้นจะมีเรื่องให้ผมช่วยหรอกนะ
(ใช่...พอดีเป็นเรื่องที่มีแค่ทรีที่ช่วยได้น่ะ)
“แค่ผม?”ผมถึงกับขมวดคิ้วเมื่อได้ยิน
ด้วยความสามารถ ทักษะ ความรู้และอื่นๆอีกมากมายเซโครต่างก็มีพร้อม ดังนั้นถ้าอีกฝ่ายมีเรื่องให้ช่วยก็แปลว่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆอย่างซื้อหนังสือแน่นอน
(อืม...ด๊อกเตอร์ฟรานซิส...ไม่สิ...เอาเป็นว่าพ่อผมสร้างไดโนเสาร์สายพันธ์ผสมขึ้นมาแต่ดันอาศัยอยู่ในน้ำ ทำให้พื้นที่ที่นี่ไม่พอที่จะดูแล แถมผมยังไม่เคยมีประสบการณ์ดูแลสัตว์น้ำอย่างใกล้ชิดมาก่อนด้วย...แต่ถ้าเป็นทรีคิดว่าทั้งเรื่องพื้นที่หรือการดูแลไม่น่ามีปัญหา)
“ก็ใช่...”ถ้าพูดถึงพื้นที่ สถานที่ที่ผมทำงานเป็นศูนย์วิจัยสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศแถมได้รับอนุญาติจากทางรัฐบาลจนมีการสร้างส่วนของการดูแลและเพาะพันธ์ทอดยาวไปในทะเลได้ นั่นทำให้มีพื้นที่มหาศาลในการดูแลสัตว์น้ำขนาดใหญ่
และถ้าพูดถึงการดูแล...ผมที่เรียนวิชาโทเป็นพฤติกรรมสัตว์น้ำพ่วงด้วยประสบการณ์ทั้งชีวิตที่อยู่กับสัตว์น้ำมาทำให้ผมกล้าพูดว่าไม่มีใครรู้เรื่องสัตว์น้ำได้มากกว่าตัวเองอีกแล้ว
อาจเพราะมีความมั่นใจในระดับสูงและความสามารถที่เข้าตาเลยได้ขึ้นเป็นหัวหน้าทั้งที่อายุยังน้อยแบบนี้ ถึงจะได้ชื่อว่าหัวหน้าแต่ก็เป็นแค่หัวหน้าฝ่ายวิจัยและดูแลสัตว์น้ำเท่านั้น
(ผมรู้อยู่แล้ว เลยส่งเขามาทางเรือ...ตอนนี้น่าจะเทียบท่าแล้วล่ะ)
“...ว่าไงนะ...ส่งมาแล้ว?”ผมนึกว่าแค่โทรมาถามแต่นี่ส่งสัตว์ตัวที่ว่ามาแล้วงั้นเหรอ
ทำอะไรไม่ปรึกษาเลยนะเซโคร
(อ่า...คิดว่าถึงแล้วนะ)
“เทียบท่าที่ไหน”ผมถามพร้อมกับก้าวเร็วๆออกจากห้อง
(ผมสั่งให้เทียบท่ายังศูนย์วิจัยสัตว์ทะเล)
“เข้าใจล่ะ...ขอทำความเข้าใจก่อนนะ สัตว์ที่ส่งมาเซโครต้องการให้ทำอะไร”ผมถามระหว่างลงลิฟต์มายังชั้น1
มันอาจดูน่าสงสัยว่าทำไมผมถึงยอมตกลงง่ายๆทั้งที่ไม่ปรึกษาใครก่อน แต่ความจริงไม่ใช่ สถานที่ที่ผมทำงานอยู่ในตอนนี้กับเกาะที่เซโครทำงานอยู่มีเจ้าของเป็นคนคนเดียวกันซึ่งก็คือบุคคลระดับสูงทั้ง3คน
การที่เซโครส่งมาแปลว่าได้รับการอนุมัติจากคนใดคนหนึ่งในสามคนนั้นแล้ว
ดังนั้นต่อให้ปฏิเสธก็ไม่เป็นผลอยู่ดี
อีกสาเหตุที่ไม่ปฏิเสธเพราะอยากเห็นว่าสิ่งที่บิดาแห่งการคืนชีพสร้างจะเป็นยังไง
ปกติด๊อกเตอร์ฟรานซิสจะเพราะพันธ์แค่ไดโนเสาร์บกหรือมีปีก มีครั้งนี้ที่เป็นสัตว์น้ำจึงน่าสนใจมากเป็นพิเศษ
(ผมอยากให้ช่วยดูแลและเลี้ยงดูเขาจนกว่าจะถึงเวลา)
“ถึงเวลาที่ว่าคืออะไร”แม้จะพูดกับปลายสายอยู่แต่สายตาผมก็มองไปยังทางเดินตรงหน้าซึ่งถูกสร้างเชื่อมไปยังกลางทะเล ทางเชื่อมนี้ถูกสร้างด้วยไม้ตามนโยบายให้ใช้ของจากธรรมชาติและหากเกิดเหตุอะไรขึ้นวัสดุพวกนี้ก็สามารถย่อยสลายตามธรรมชาติได้...ทางเดินนี่กว้างกว่า10เมตรและยาวยื่นเข้าไปในทะเลหลายสิบกิโลเมตร
ระหว่างทางก็มีทางแยกเพื่อไปยังส่วนอื่นอยู่อีก
ใครที่พึ่งมาเป็นครั้งแรกรับลองว่าต้องหลงแน่นอน
ผมคว้าจักรยานส่วนตัวที่จอดอยู่ไม่ไกลมันปั่นตรงเข้าไป
(จนกว่าเขาจะโต)
“สายพันธ์ที่ว่าคืออะไร”ผมถามต่อ สัตว์น้ำแต่ละชนิดมีช่วยเวลาในการเติบโตที่ต่างกันออกไปเพราะงั้นจึงต้องรู้ชนิดก่อนถึงจะสามารถคาดการณ์ต่อไปได้
(ตระกูลโมซาซอร์...ไทโลซอรัส)
เอี๊ยด!
“ว่าไงนะ!”จักรยานที่ถูกปั่นถึงกับเบรกอย่างกะทันหันเมื่อได้ยินสายพันธ์จากปลายสาย
โมซาซอร์ เจ้ากิ้งก่าทะเลตัวยักษ์ที่ยาวเหยียดได้กว่า27เมตรนั่นน่ะนะ
(อย่าพึ่งตกใจสิ...มีให้น่าตกใจกว่านั้นอีกเยอะ)ปลายสายพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ
“ยังจะมีอะไรน่าตกใจเท่ากับจะให้ผมดูแลสัตว์ดุร้ายขนาดนั้นอีกล่ะ”ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะดูแลยังไงดี จริงอยู่ที่ผมเคยศึกษาพฤติกรรมและดูแลตระกูลโมซาซอร์มาก่อนแต่จากการศึกษาทำให้รู้ว่าแต่ละตัวก็มีการดูแลที่แตกต่างกันออกไป แถมนี่ยังเป็นไทโลซอรัสที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตระกูลของโมซาซอร์อีก
แถมการดูแลยังต้องอาศัยความชำนาญอย่างสูงเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่มันจะโผล่พ้นน้ำขึ้นมางาบเราลงไปกินใต้ท้องทะเล
(รอเห็นตัวก่อนดีกว่านะ...เราเปลี่ยนเรื่องก่อนดีกว่า ช่วงนี้ได้ดำน้ำบ้างรึเปล่า)
“ไม่ค่อยนะ...แค่งานวิจัยกับออกไปดูแลสัตว์น้ำที่กำลังเพาะพันธ์อยู่ก็แทบไม่เหลือเวลาแล้ว”ผมคุยกับเซโครเรื่องทั่วๆไปจนถึงท่าเรือขนาดใหญ่ที่ตอนนี้มีเรือขนาดกลางจอดอยู่
“คุณคือด๊อกเตอร์...เอ่อ นาทีทาน?”สำเนียงอังกฤษเพราะๆของคนตรงหน้าเริ่มสะดุดเมื่ออ่านชื่อภาษาไทยของผม
“ใช่ครับ...เจ้าตัวที่ว่าอยู่ไหนครับ”ผมถามกลับพลางมองไปยังเรือด้านหลัง
“อยู่ใต้ท้องเรือครับ...พวกเรารอถามอยู่ว่าให้ไว้บ่อไหนดีครับ”บ่อที่พูดถึงคือสถานที่สำหรับดูแลสัตว์น้ำแต่ละชนิดซึ่งจะมีตั้งแต่บ่อที่อยู่ติดชายฝั่งมาจนถึงทะเลน้ำลึก
“บ่อ129เลยครับ...ทางนั้น”ผมบอกพร้อมกับชี้ไปยังบ่อที่อยู่ลึกเข้าไปอีกนิด บ่อ129เป็นบ่อขนาดใหญ่ที่สามารถทำการดูแลวาฬสีน้ำเงินได้สบายๆ ดูจากสายพันธ์โมซาซอร์ก็เดาได้ว่าต้องมีขนาดใหญ่มากแน่
ขืนให้ไปบ่อเล็กคงได้เสียเวลาเปลี่ยนบ่ออีก
“ครับ”เจ้าหน้าที่พยักหน้าก่อนจะกลับเข้าไปในเรือ
“มาถึงเรือแล้วนะ”ผมยกโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้ออกมาแนบหูอีกครั้ง
(ได้ยินแล้ว...ผมว่าทรีต้องชอบแน่ถ้าเห็นเขา)
“เห็นพูดว่าเขาแปลว่าเป็นตัวผู้สินะ”
(ใช่...เห็นพ่อว่าแบบนั้นนะ)
“ขนาดตอนนี้อยู่เท่าไหร่?”ผมคุยไปเดินไปรอยังบ่อ129
(วัดก่อนขนย้ายอยู่ที่2เมตร11เซ็น)
“เกิดมานานเท่าไหร่”
(ประมาณ3-4สัปดาห์)
“...ตัวใหญ่มาก”ผมพึมพำเมื่อได้ยินคำตอบจากเซโคร อายุเพียงไม่กี่สัปดาห์กลับตัวใหญ่ขึ้นได้ขนาดนี้
(ใช่...อาจจะใหญ่กว่าตัวอื่นๆที่มีมาเลยก็ได้)
“...มาแล้ว”ผมหันไปมองเหล่าเจ้าหน้าที่ช่วยกันนำกล่องขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถมองเห็นภายในได้เข็นมาตามทางและเมื่อถึงบ่อกล่องขนาดใหญ่นั่นก็ถูกคนตัวใหญ่ถึง10คนช่วยกันยกกล่องนั่นไปยังจุดสำหรับปล่อยสัตว์
จุดสำหรับปล่อยสัตว์จะเป็นเหมือนอุปกรณ์ขนย้ายที่สามารถบังคับให้เลื่อนลงหรือเลื่อนขึ้นได้ ที่ต้องสร้างแบบนี้ก็เพื่อป้องกันอันตรายจากการใช้คนปล่อย
ไม่นานกล่องที่ว่าก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างสีฟ้าอ่อนลายแดงจะว่ายออกมาด้วยความเร็วสูงจนแทบมองลักษณะไม่เห็น แต่เมื่อร่างนั้นชะลอความเร็วดวงตาสีน้ำตาลของผมก็เบิกกว้าง โทรศัพท์ที่ถืออยู่เกือบหลุดมือเมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตตรงหน้า
ริมฝีปากเรียวยาว ลำคอที่ดูจะยาวกว่าโมซาซอร์ในวัยเดียวกันอยู่พอสมควร ส่วนหลังที่เหมือนมีเกราะสีเข้มแถบแดงปรากฏอยู่ สิ่งที่ทำให้ตกตะลึงที่สุดก็คือส่วนหางที่แตกแขนงออกมาราวกับเส้นใยหรือหนวดของแมงกะพรุนสีฟ้าเข้มกลืนไปกับร่างกายนั่น
“อะไร...”สัตว์ตรงหน้านี่คืออะไรกัน
ดวงตาสีเงินกระพริบสองสามครั้งก่อนจะว่ายไปรอบๆอ่างเหมือนกำลังสำรวจว่าที่นี่คือที่ไหน
(ตกใจใช่ไหม...สวยมากเลยเนอะ)เซโครที่อยู่ในสายพูดขึ้น
“อย่าพูดว่าสวยเลย งดงามมาก...เป็นสัตว์ที่งดงามที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลย”แม้แต่ในตอนนี้ผมก็ยังไม่สามารถถอนสายตาออกมาจากร่างใต้น้ำนั้นได้
(ผมก็ว่างั้น...จริงสิมีเรื่องสำคัญต้องบอกด้วย)
“เรื่องอะไร...เฮ้ย”ผมถึงกับตะโกนเสียงดังเมื่อเห็นร่างของสัตว์น้ำตรงหน้าดิ้นทุรนทุรายก่อนจะกระโดดขึ้นมาบนผิวน้ำ
งี๊ดดด~
เสียงสูงๆที่ได้ยินนั้นดูเหมือนกำลังทรมานและเจ็บปวด
เกิดอะไรขึ้น
ไม่กี่วินาทีหลังเสียงร้องร่างสีฟ้าอ่อนลายแดงก็ค่อยๆหดเล็กลงพร้อมกับสีผิวที่เปลี่ยนเป็นสีเนื้อ ส่วนที่เป็นครีบกลับค่อยๆยืดออกจนกลายเป็นส่วนแขนตามด้วยขา เส้นผมสีฟ้าแซมแดงกับร่างกายเปลือยเปล่าลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำให้สภาพที่คว่ำหน้า
ตู้ม!!
ในตอนที่เห็นร่างนั้นร่างกายผมก็โยนโทรศัพท์ทิ้งก่อนจะกระโดดลงไปในน้ำโดยไม่สนว่าปลายสายจะพูดอะไรอยู่ ผมว่ายไปหาร่างที่ลอยอยู่ก่อนจะจับและดึงให้อีกฝ่ายแหงนหน้าขึ้นมา
“เฮ้...ลืมตา ไม่สิ หายใจๆ”ผมเขย่าร่างไร้ลมหายใจนั่นด้วยความกังวล ยิ่งไม่มีสัญญาณตอบรับผมก็รีบอุ้มร่างนั้นขึ้นมาด้านบน เพราะขนาดตัวที่เหมือนเด็กประถมทำให้สามารถอุ้มขึ้นมาได้ไม่ยาก
ผมพยายามตบหน้าเด็กตรงหน้าเบาๆแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่นทำให้ผมต้องต้องเม้มปากอย่างช่างใจก่อนจะก้มลงไปฝายปอดหลายต่อหลายรอบ
“หายใจสิ...หายใจ...”ผมทั้งปั๊มหัวใจและผายปอดอย่างต่อเนื่องเพื่อหวังให้อีกฝ่ายหายใจ
“...แค่ก...”หลังจากพยายามมาสักพักใหญ่เด็กตรงหน้าก็สำลักน้ำออกมาเล็กน้อยพร้อมกับเสียหายใจที่ค่อยๆดังขึ้น
“เฮ้อ...”ผมทิ้งตัวลงกับพื้นไม้อย่างหมดสภาพเมื่อเห็นว่าเด็กคนนี้ปลอดภัยแล้ว
แม้จะไม่ได้เรียนแพทย์แต่การปฐมพยาบาลพื้นฐานแบบนี้ก็เป็นอยู่บ้าง
(ทรี...ทรี...เกิดอะไรขึ้น!)เสียงจากโทรศัพท์ดังขึ้นตั้งแต่ตอนที่ผมกระโดดลงไปจนถึงตอนนี้ก็ยังดังไม่หยุด
ตอนนี้ในหัวผมมีคำถามอยู่หลายพันคำถามได้ แต่มีเพียงคำถามเดียวที่ผมต้องรู้ให้ได้เดี๋ยวนี้
“ทำไมสัตว์น้ำถึงกลายเป็นมนุษย์ได้!”ผมไม่สนว่าเสียงที่พูดใส่โทรศัพท์ว่ามันจะดังขนาดไหนแต่ตอนนี้ผมจำเป็นต้องรู้คำตอบนี้โดยเร็วที่สุด
(...เหมือนผมจะลืมบอกไปว่าเขาเป็นไดโนเสาร์กลายพันธุ์รุ่นที่6)
“บอกเรื่องนั้นก่อนสิเฟ้ย!”
..................................................................
เปิดฉากแล้วกับจุดเริ่มต้นของเรื่องราวบทใหม่
สำหรับภาคนี้หลายคนคงเดาได้ว่าเราจะเน้นไปที่ไดโนเสาร์ชนิดใด
บนบกก็มาแล้ว
บนฟ้าก็ไปแล้ว
คราวนี้เรามาลองจินตนาการไปกับไดโนเสาร์ใต้น้ำกันบ้างนะคะ
อีกอย่างสองภาคก่อนหน้านี้ไปต่างประเทศมาเยอะแล้วครั้งนี้เลยขอให้เหตุการณ์เกิดขึ้นในประเทศไทยบ้าง
หวังว่าจะถูกใจนักอ่านทุกคนไม่มากก็น้อยนะคะ
ช่วงนี้เราค่อนข้างยุ่งกับการฝึกงานสหกิจดังนั้นเราจะมาอัพ2อาทิตย์ต่อ1ตอนนี้นะคะ
ขอแจ้งไว้ ณ ตรงนี้เลย
ไว้เจอกันใหม่ในตอนหน้าค่า
บ๊ายบาย
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ไรท์เรากลับมาอ่านอีกครั้งแล้ว สามเรื่องที่คั่นไดโนต่อไปจะเป็นภาคสี่แล้วใช่ไหม ฮาที่เซโครไม่ยอมบอกเพื่อนก่อนว่าน้องเป็นตัวอะไร
เรากลับมาอ่านอีกแล้วค่ะคิดถึง