ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -จบ-✉ CorrespondencE สื่อรักทางจดหมาย!✉ {ํYaoi/BL}

    ลำดับตอนที่ #9 : ✉ จดหมายฉบับที่ 6✉ การรอคอย

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.08K
      132
      22 ก.พ. 58

    จดหมายฉบับที่ 6การรอคอย

     

     

    “...พี่นัท

     

     

    โป๊ก!!

     

     

    ตื่นได้แล้วเพื่อนเทม

     

     

    โอ้ย...อะไร...เกิดอะไรขึ้น!!ผมสะดุ้งขึ้นมาพร้อมกับความเจ็บแปร๊บที่ศีรษะจนต้องเอามือไปลูบๆดูว่ามันนูนไหม

     

     

    ได้เวลาปิดตึกแล้ว...ถ้ายังหลับต่อแกอาจต้องอยู่ในห้องนี้ทั้งคืนนะเสียงของเพื่อนพีชดังขึ้นแล้วยกกระเป้สะพายขึ้นบ่า

     

     

    หา!!...ปิดตึก!...นี่มันสองทุ่มทำไมไม่ปลุกผมละครับเพื่อนพีช!พอได้ยินสิ่งที่พูดผมก็หันไปมองนาฬิกาที่อยู่บนผนังในห้อง...แค่เห็นเท่านั้นแหละแทบกรี๊ดออกมาทีเดียว

     

     

    สองทุ่มแล้ว

     

     

    ให้ตายเถะ!!

     

     

    อ้าว...คนอุตส่าห์ปลุกยังมาบ่นอีกน่าจะทิ้งไว้เฝ้าตึกซะเลยดีไหม?พีชพูดขึ้นแล้วเดินออกไปข้างนอก

     

     

    เฮ้ยๆ...ขอโทษๆ...รอด้วยพีชผมรีบเก็บของแล้ววิ่งตามเพื่อนรัก(?)ไปทันที

     

     

    กว่าพีชจะหายโกรธผมก็ต้องเสียเงินไปมากมายเพราะมันดันบอกว่าอยากกินโออิชิ บุฟเฟ่

    นี่คิดว่าเขารวยนักรึไงเนี่ยะ!!

     

     

    ตอนนี้ยิ่งไม่ค่อยมีเงิน....ก็ก่อนหน้านี้เล่นสั่งดอกกุหลาบแดงไปตั้ง29ดอกนิ...ราคาอย่างแพงแต่พอคิดถึงหน้าคนรับแล้วผมกลับคิดว่ามันถูกสุดๆเลย

     

     

    พี่นัทจะดีใจไหมนะ?

     

     

    จะชอบรึเปล่า?

     

     

    แล้วจะตอบตกลงไหม?

     

     

    ผมอยากเจอพี่เขา...ผมไม่รู้ว่าพี่เขาจะคิดยังไงแต่ผมอยากเจอมากจริงๆ

     

     

    และไม่ว่าเขาจะหน้าตาเป็นยังไงผมก็ยังคงชอบเขาอยู่ดี

     

     

     

    ใช้เวลาไม่นานในการขึ้นมาถึงห้องที่ชั้น14...สิ่งแรกที่ผมทำคือเปิดดูกล่องรับจดหมายด้านหน้าด้วยความเคยชิน...เมื่อก่อนผมไม่ได้เปิดดูทุกวันหรอกนะ...ก็ตั้งแต่ที่ผมรู้จักพี่นัทนั่นแหละที่ผมทำอะไรแบบนี้...เหมือนรอคอยอยู่ทุกวัน

     

     

    ถ้าพี่เขามาอยู่ข้างห้องผมนะ...ผมจะเคาะห้องเช้าเย็นเลย

     

    “...ครั้งนี้ตอบเร็วนะครับผมพึมพำด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นซองจดหมายสีเขียวอ่อนวางอยู่...เขาส่งดอกไม้และจดหมายไปให้ในวันเสาร์ไม่คิดว่าวันจันทร์ก็จะได้รับจนหมายตอบซะแล้ว

     

     

    พี่เขาอาจจะว่างส่งแค่เสาร์อาทิตย์ก็ได้แฮะ

     

     

    ผมนึกเล่นๆแล้วรีบหยิบซองจดหมายก่อนจะเดินเข้าห้องไป

     

     

    วันนี้ผมใช้เวลาทำใจเล็กน้อยก่อนจะเปิดจดหมายอ่าน...ความกังวลเล็กๆเริ่มผุดขึ้นมาในความคิดผมอย่างไม่อาจห้ามได้

     

     

    พี่เขาอาจจะไม่ตกลงก็ได้

     

     

    “...รู้สึกแย่จังแหะผมพึมพำในขณะที่ในมือถือกระดาษที่ถูกพับไว้ในซองจดหมายสีเขียวอ่อนขึ้นมา...เมื่อลังเลอยู่สักพักผมก็ตัดสินใจเปิดอ่านข้อความภายในด้วยใจที่ลุ้นระทึกยิ่งกว่าดูเกรดอีก

     

     

     

               เทม...คุณกำลังทำให้ผมอยากอัดใครสักคน...ผมเป็นผู้ชายนะจะมาส่งดอกกุหลาบให้ได้ไงผมไม่ดีใจที่ได้มันเหมือนพวกผู้หญิงหรอกนะ...ห้ามส่งดอกไม้มาอีกรู้ไหม?...ส่วนเรื่องช็อกโกแล๊ต ผมทำเองแหละคุณก็กินๆไปเถอะถ้าชอบเดี๋ยวผมส่งไปให้ใหม่ก็ได้...ทำไปให้กินไม่ใช่ให้ดูนะ

    ปล.ผมว่างแค่เสาร์อาทิตย์จะให้ไปเจอที่ไหนก็บอกละกัน

    วรนัตร        

     

     

     

    สำเร็จแล้ว!!!...วู้!...เย้!...เยส!...พี่เขายอมเจอเราแล้วววว!!!ผมตกโกนขึ้นก่อนจะวิ่งวนรอบๆห้องด้วยร้อยยิ้มที่แก้มแทบปริ

     

     

    มีความสุขโว้ยยยย!!!

     

     

    อ๊ากกกกกกก!!!

     

     

     

    พี่นัททททท!!!...ขอบคุณครับ!!

     

     

     

    เมื่อระบายอารมณ์ที่ทั้งตื่นเต้นและดีใจเสร็จผมก็นั่งลงที่โซฟาตัวเดิมแล้วอ่านเนื้อหาในจดหมายซ้ำอีกครั้งหนึ่ง...ถึงผมจะไม่เคยเห็นหน้าพี่เขาแต่ผมนึกออกเลยว่าเขาต้องเขียนจดหมายฉบับนี้ด้วยใบหน้าที่แดงจัดแน่ๆ...ข้อความแรกๆที่เหมือนจะไม่พอใจแต่ผมมองว่ามันเป็นการกลบเกลื่อนอารมณ์เขินมากกว่านะ

     

     

     

    “...จริงสิผมว่าจดหมายลงเมื่อนึกอะไรขึ้นได้

     

     

    เขาเดินไปที่ตู้เย็นก่อนจะหยิบกล่องช็อกโกแล๊ตที่วางอยู่ออกมาเปิดออก...

     

     

    ผมจะกินละนะครับผมมองภาพโดยรวมของมันครั้งสุดท้ายก่อนจะหยิบชิ้นหนึ่งออกมาเข้าปาก

     

     

    สิ่งแรกที่ผมสัมผัสได้คือรสหวานปนขมของช็อกโกแล๊ตแท้ที่นุ่มละมุนลิ้น....พอกัดเข้าไปก็เจอกับความหวานอมเปรี้ยวของรสส้มที่เข้ากันกับรสชาติหวานอมขมของช็อกโกแล๊ต ข้างนอกได้เป็นอย่างดี...มันช่างเป็นรสชาติที่แสนลงตัวอะไรขนาดนี้นะ

     

     

     

    พี่ทำเก่งเกินไปแล้วผมพึมพำเบาก่อนจะหยิบอีกชิ้นเข้าปาก

     

     

     

    อื้ม...รสนมผมอุทานออกมาเมื่อรสชาติของช็อกโกแล๊ตสีขาวชิ้นที่สองถูกส่งเข้าปาก...ไวท์ช็อกโกแล๊ตกับนมที่สอดไส้อยู่ข้างในช่างเข้ากันได้ดีจริงความหวานมันที่อบอวนอยู่ในปากมันช่าง...อธิบายเป็นคำพูดไม่ถูกจริงๆ

     

     

     

    แบบนี้ผมจะให้ส่งมาทุกอาทิตย์เลยครับ...

     

     

    ผมเก็บอีกสี่ชิ้นเข้าไปแช่ไว้ในตู้เย็นตามเดิมก่อนจะเดินมาหยิบจดหมายบนโต๊ะแล้วเดินเข้าห้องไป...หลังจากอาบน้ำเสร็จผมก็ทิ้งตัวลงบนที่นอนและเอามือข้างหนึ่งก่ายหน้าผาก

     

     

    พี่กำลังทำให้ผมหลงนะไม่ว่าจะทำอะไรผมก็เอาแต่นึกถึงพี่เขาอยู่ทุกครั้งไป...อยากรู้จังว่าพี่เขาจะเป็นแบบเดียวกับผมไหม?

     

     

    ไว้เจอกันนะครับพี่นัท

     

     

    ...........................................................

     

     

    เวลาก็ได้ล่วงเลยผ่านไปจนถึงวันพุธ...ผมมองซองจดหมายสีเดิมๆที่ได้รับมาตลอดด้วยจิตใจที่ไม่เหมือนเดิม...พอผมส่งจดหมายฉบับนั้นไปก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ควรจะเขียนไปแบบนั้นเลยจริงๆ

     

     

     

    ผมทำร้ายน้ำใจเทมเขามากเกินไปไหมนะ?

     

     

    เขาจะโกรธผมไหมที่บอกว่าไม่ดีใจที่ได้รับมันทั้งที่ความจริงแล้วตัวผมยังคงเก็บดอกกุหลาบนั่นไหวอย่างดี

     

     

    ทำไมคุณถึงมีอิทธิพลกับผมมากขนาดนี้นะผมบ่นตัวเองแล้วก้าวเท้าเดินเข้าบ้านไปโดยที่ไม่ลืมหยิบซองจดหมายสีฟ้าอ่อนนั่นเหมือนเคย

     

     

    ผมใช้เวลาในการกินอาหารเย็นและอาบน้ำอยู่นานพอสมควร...ปกติผมจะเปิดอ่านจดหมายที่โซฟาหน้าบ้านแต่วันนี้ผมกลับขึ้นมานั่งอยู่บนเตียงพร้อมกับจดหมายซองเดิมในมือ

     

     

    ยอมรับเลยว่าการอ่านจดหมายในครั้งนี้ตื่นเต้นกว่าปกติมากนัก

     

     

    มีหลายอย่างที่ผมกังวล...บางทีเขาอาจจะโกรธผม?

     

     

    เขาอาจจะบอกว่าไม่อยากเจอผมแล้ว?

     

     

    หรือบางทีเขาอาจจะเกลียดผมไปแล้ว?

     

     

    “...น่าจะเขียนไปว่าดีใจที่ได้รับดอกกุหลาบมากกว่าเขียนไปแบบนั้นผมพึมพำเรื่อยเปื่อยโดยที่มือยังคงค่อยๆแกะซองจดหมายสีฟ้าอ่อนอย่างเบามือ

     

     

     

    ความจริงผมมีที่เก็บจดหมายที่เทมส่งมาให้ผมด้วย...ก็ที่ลิ้นชักข้างๆเตียงนั่นแหละ...เวลาที่เครียดเรื่องงานมากๆเข้าผมก็จะหยิบมันออกมาอ่าน...เพียงแค่นั้นผมก็รู้สึกความเครียดนั่นหายไป...เหมือนว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียว...

     

     

    แต่เทมเขาคอยอยู่ข้างๆผม

     

     

    ฮะฮะ...ถึงขั้นเพ้อแล้วเหรอเนี่ยะผมหัวเราะในความคิดของตัวเองก่อนจะกางกระดาษแผ่นบางออกแล้วเริ่มอ่านเนื้อหาภายใจด้วยความตื่นเต้น

     

     

    อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดสิน่า!

     

     

    เกิดมาจนอายุขนาดนี้แล้วยังจะกลัวอะไรอยู่อีกล่ะ!!

     

     

     

               สวัสดีครับพี่นัท...พี่ไม่ต้องเขินหรอกผมดูออกนะ...ผมว่าพี่ต้องดีใจมากแน่ๆอยากจะอัดผมก็ได้นะนั่นก็หมายความว่าเราต้องมาเจอกันก่อนพี่ถึงจะอัดผมได้ถ้าแลกกับการได้เจอพี่แค่โดนอัดถือว่าสบายมาก...จริงสิผมได้กินช็อกโกแล๊ตของพี่แล้วนะ...มันอร่อยมากจนเขียนบรรยายสักสามหน้าก็ยังไม่หมดถึงผมจะกินไปแค่สองอันก็เถอะผมชอบชิ้นที่มีรสส้มอยู่ข้างในเวลากัดไปโดนนะโอ้โห้อร่อยเหาะเลยครับ...ผมอยากให้พี่ส่งมาให้ทุกอาทิตย์จังเลยครับ...พี่ตกลงที่จะมาเจอผมแล้วนะ...เอาเป็นวันอาทิตย์ที่8เดือนหน้าละกันครับที่ร้าน BANAFF’E ตอนบ่ายโมงที่โต๊ะด้านในสุดของร้านติดฝั่งที่ติดกระจกนะครับ...ผมเคยไปกินครั้งหนึ่งแล้วค่อนข้างถูกใจแถมยังอยู่แถวๆบ้านผมด้วยแปลว่าคงอยู่ใกล้ๆบ้านพี่เหมือนกันเพราะบ้านเลขที่ผมอยู่ถัดไปไม่กี่ตัวเอง

    ปล.ตื่นเต้นจังพอถึงวันนั้นผมคงนอนไม่หลับแน่ๆเลย

    ธีราทร     

     

     

     

    ผมต่างหากล่ะที่จะนอนไม่หลับผมพึมพำออกมาเบาๆ...ตอนนี้ในหัวผมรู้สึกโล่งไปหมดเลยเหมือนกับว่าความกังวลเมื่อกี้หายวับไปไหนก็ไม่รู้

     

     

    เขาไม่ได้โกรธผม!!!

     

     

    แต่เขารู้ได้ไงว่าผมเขินนะ!!

     

     

    เขารู้ได้ยังว่าผมดีใจมากที่ได้รับดอกไม้จากเขา!!

     

     

     

    ดีใจจังที่เขาชอบช็อกโกแล๊ตที่ผมส่งไปให้...แต่ถ้าให้ส่งไปทุกอาทิตย์ก็ฝันไปเถอะคิดว่ามันทำง่ายๆหรือราคามันถูกๆรึไงล่ะแต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายิ้มจนแก้มแทบปริเมื่อเขาชมรสชาติที่ผมปรุงเองกับมือ

     

     

     

    มันคงเป็นความสุขเล็กๆของคนทำอาหารสินะ

     

     

     “...BANAFF’E”ผมพึมพำชื่อร้านก่อนจะค่อยๆคิดว่าเคยเห็นที่ไหนนะ

     

     

    ไม่ใช่ทางไปบริษัทแต่ก็ไม่ไกลจากบ้านมากนัก

     

     

    อ้อ...แถวๆร้านขายเบเกอรี่แน่ๆเลยสุดท้ายผมกูนึกที่ตั้งร้านออก...อยู่ไม่ไกลจริงๆนั่นแหละเดินจากบ้านผมไปประมาณ15นาทีก็ถึงแล้ว

     

     

    อ่า...ให้ตายสิอยู่ๆผมก็นึกถึงตอนที่เจอกับเทมขึ้นมา....

     

     

    ให้ตายเถอะขนาดยังไม่ได้เจอกันก็ทำผมเขินขนาดนี้แล้วถ้าเจอหน้ากันผมจะกล้ามองหน้าเขาไหมเนี่ยะ

     

     

    ผมหลับไปพร้อมกับความตื่นเต้นของอาทิตย์ที่ยังมาไม่ถึง

     

     

    .............................................................

     

     

    .......................................

     

     

    ...................

     

     

    .....

     

     

    .

     

     

    หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปเร็วเหมือนโกหก...วันนี้คือวันอาทิตย์ที่8..ใช่...วันที่ผมมีนัดกับเทมนั่นแหละและตอนนี้ผมกำลังเครียดซึ่งอาจเรียกว่ามากกว่าเรื่องงานอีก...ตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าหลังจาพึ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆตอนนี้ผมเลยมีแค่ผ้าขนหนูพันรอบเอวเท่านั้น

     

     

     

    ผมกวาดสายตามองเสื้อที่แขวนอยู่ตั้งแต่ขวาสุดไปยังซ้ายสุดแล้วมองกลับมาทางขวาสุดอีกทีเป็นแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาอยู่สัก15นาทีได้แล้ว

     

     

    แต่ไม่ต้องห่วงว่าผมจะไปสาย...นาฬิกาตอนนี้บอกเวลา8โมงตรงและแน่นอนว่านาฬิกาไม่ได้ตายด้วย

     

     

     

    ไม่รู้ทำไมถึงนอนไม่หลับตั้งแต่เมื่อคืน...กว่าจะได้นอนจริงก็เกือบตี3ได้ล่ะแต่แทนที่จะนอนยาวถึง9โมง10โมง...ไม่รู้อะไรมาดลใจให้สะดุ้งตื่นตอน7โมงแถมพอจะหลับต่อก็ดันไม่ง่วงซะแล้ว

     

     

     

    ผมก็เลยปล่อยเลยตามเลยแบบนี้

     

     

    แต่ก็ดีเหมือนกันเพราะผมจะได้มีเวลาในการเลือกชุดและทำอะไรอีกอย่าง...โดยเฉพาะการเลือกชุดนี่แหละที่ทำเอาผมคิดหนักอยู่ตอนนี้

     

     

     

    “...เสื้อเชิ้ตแขนยาว...ไม่สิแขนสั้นดีกว่าแขนยาวมันเป็นทางการเกินไป...สีล่ะ...ให้ดูสดใสหน่อยดีไหม...สีเหลืองอ่อน....ไม่สิๆมันจะดูไม่สุภาพเกินไปรึเปล่า...สีน้ำเงิน...อืม...ออกจะดูมืดๆไปหน่อยแฮะไม่ดีๆ...งั้นสีขาวล่ะ...ไม่ๆ...

     

     

     

    ความคิดในหัวตอนนี้ตีกันยุ่งไปหมดแล้ว...จะให้ทำไงล่ะก็มันเลือกไม่ได้นี่...มาเลือกให้หน่อยได้ไหมล่ะ?

     

     

    มีใครพอจะช่วยผมได้บ้าง???!!!

     

     

    ผมใช้เวลาร่วมชั่วโมงในการเลือกเสื้อและอีกกว่า30นาทีในการเลือกกางเกง

     

     

     

    นี่มันเหมือนผู้หญิงที่เลือกเสื้อผ้าตอนออกไปเดทเลยแฮะผมพึมพำระหว่างที่ใส่เข็มขัด...ตอนนี้ผมอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีฟ้าอ่อนและกางเกงสีเทากับเข็มขัดหนังสีดำเส้นหนึ่ง...ก่อนออกจากห้องผมหวีผมที่ยุ่งให้เรียบกว่าเดิมนิดหน่อยก่อนจะออกไปหาอาหารเช้ากินพร้อมกับดูทีวีไปด้วย

     

     

    เหลือเวลาอีกตั้งนานกว่าจะถึงเวลานัด...ผมมองดูทีวีสักพักก่อนที่สติผมค่อยๆดับไป

     

     

    ............................................

     

     

    .......................

     

     

    .......

     

     

    .

     

     

    เฮือก!!

     

     

    “....??”ผมสะดุ้งขึ้นแล้วหันไปมองนาฬิกาทันที

     

     

    เที่ยงห้าสิบห้า!!!ผมตะโกนขึ้นแล้วรีบวิ่งไปใส่รองเท้าก่อนออกจากบ้านในทันที

     

     

    ให้ตายเถอะจะมาเผลอหลับอะไรตอนนี้แถมยังตื่นมาซะสายโด่อีก!!

     

     

    แฮ่ก....แฮ่ก...เสียงหอบหายใจของผมดังขึ้นในเวลาไม่นานเพราะผมไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกายร่างกายเลยค่อนข้างเหนื่อยง่ายแค่วิ่งนิดหน่อยหอบซะแล้ว

     

     

    แต่ผมก็ไม่ยอมหยุดวิ่ง

     

     

    “...ชิผมมองนาฬิกาข้อมือก่อนจะเร่งฝีเท้ามาขึ้น

     

     

    บ่ายโมงแล้ว...ตอนนี้เขากำลังจะไปนัดสำคัญสาย!!

     

     

    หวังว่าเทมจะยังรอผมอยู่นะ

     

     

    ผมใช้เวลาไม่เกิน15นาทีในการวิ่งมาจนถึงร้าน BANAFF’E...แม้จะเหนื่อยหอบขนาดไหนผมก็ไม่สนรู้แค่ว่าผมสายแล้ว

     

     

    กริ๋งๆ

     

     

    เสียงกริ่งดังขึ้นเมื่อผมผลักประตูเข้าไป...ผมจัดแจงตัวเองให้อยู่ในสภาพดีขึ้นหน่อยก่อนจะเดินไปยังโต๊ะสุดท้ายริมหน้าต่างที่ผมหวังว่าจะมีใครคนหนึ่งนั่งรออยู่

     

     

    แต่ผมก็ต้องผิดหวังเพราะโต๊ะนั้นมันว่างเปล่า

     

     

    อาจจะมาสายเหมือนกัน...ผมพึมพำแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ด้านใน

     

     

    สวัสดีค่ะ...นี่เมนูค่ะพนังงานสาวในร้านทักทายด้วยรอยยิ้มและยื่นเมนูมาให้ผม...ใช้เวลาไม่นานผมก็ปิดเมนูลงแล้วหันไปทางพนังงานสาวที่ยืนคอยอยู่

     

     

    ขอชาเขียวลาเต้ปั่นไม่หวานกับบราวนี่1ชิ้นครับ

     

     

    รับเป็นชาเขียวลาเต้ปั่นไม่หวานกับบราวนี่1ชิ้นนะค่ะ...รอสักครู่ค่ะ

     

     

     

    พอสั่งเสร็จผมก็หันออกไปดูบรรยากาศภายนอก...ตรงส่วนที่ผมนั่งอยู่สามารถมองเห็นสวนหย่อมขนาดกลางที่มีน้ำตกขนาดเล็กประดับอยู่ได้อย่างชัดเจน...เวลาได้ล่วงเลยไปเรื่อยๆจนน้ำชาเขียวที่นำมาเสิร์ฟเหลือแค่ก้นแก้วเท่านั้น...ไม่ต้องพูดถึงบราวนี่เลยมันลงท้องผมไปนานแล้วล่ะ

     

     

     

     

    “...บ่าย3ผมพึมพำเวลาที่มองจากนาฬิกาข้อมือตัวเอง

     

     

    เขาคงไม่มาแล้วใช่ไหม?

     

     

    ไหนว่าอยากเจอผมไงแล้วนี่ทำไมถึงไม่มาล่ะ?

     

     

    หรือว่าบางทีอาจจะมาแล้วแต่พอเห็นว่าผมเป็นยังไงก็เลยกลับไปแล้วรึเปล่านะ?

     

     

    ทำไมผมถึงรู้สึกเศร้าแบบนี้นะ...

     

     

    ถ้าผมบอกว่าไม่อยากเจอมันอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสินะ...ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็ยังสามารถคุยกับเขาผ่านทางจดหมายต่อไปได้

     

     

    แต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้แล้ว

     

     

    “...”ผมเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์

     

     

    ที่คุณลูกค้าสั่งคือชาเขียวลาเต้ปั่นไม่หวานกับบราวนี่1ชิ้นนะค่ะทั้งหมด95บาทค่ะ

     

     

    ผมยื่นแบงค์ร้อยไปให้พนังงานสาวคนเดิมก่อนจะรับเงินทอนแล้วเตรียมก้าวออกจากร้าน

     

     

    คุณวรนัตร  รัตรนเทวายังอยู่ไหมครับ!!เสียงเรียกชื่อผมทำเอาตัวเองชะงักแล้วหันไปมองต้นเสียงอย่างงงๆ

     

     

    ชายที่น่าจะเป็นเจ้าของที่นี่เพราะเขาใส่ชุดสไตล์เดียวกับพนักงานหญิงเลย...มือของเขาถือโทรศัพท์มือถืออยู่แล้วมองไปรอบๆร้านด้วยความเร่งรีบ

     

     

    คุณวรนัตร  รัตรนเทวายังอยู่ไหมครับ!!!เสียงเขาถามขึ้นอีกครั้ง

     

     

    ผมเองครับผมตัดสินใจเดินตรงไปหาเขา...เมื่อเขาหันมาเห็นผมก็ระบายยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะหันไปคุยโทรศัพท์ต่อ

     

     

    เขายังอยู่ครับ...ครับๆ...ได้ครับ...เอ่อ...มีคนต้องการพูดกับคุณครับเขาคุยอะไรในโทรศัพท์สักพักก่อนจะส่งโทรศัพท์มาให้ผม

     

     

    ผมรับโทรศัพท์นั้นมาแบบงงๆก่อนจะเอาแนบหู

     

     

    ครับ...วรนัตรพูดครับผมบอกกับปลายสาย

     

     

    ว่าแต่ใครกันนะที่โทรมาหาผม...ทำไมไม่โทรเข้าโทรศัพท์เขาล่ะมาโทรเข้าที่ร้านทำไมกัน

     

     

     

    พี่นัท!!!

     

     

    เฮือก!

     

     

    ผมสะดุ้งจนแทบทำโทรศัพท์หลุดมือ....

     

     

    ผมไม่รู้ว่าแน่ใจได้ยังไงแต่หัวใจผมเริ่มจะเต้นเร็วขึ้นๆอย่างห้ามไม่ได้

     

     

    ผมไม่เคยได้ยินเสียงเขา

     

     

    แต่ผมรู้ว่าคนที่อยู่ปลายสายนั่นคือใคร

     

     

    อะไรที่ทำให้แน่ใจ?

     

     

    ผมอาจบอกได้แค่หัวใจมันบอกแบบนั้น

     

     

    เทม...ผมเรียกชื่อคนปลายสายเบาๆอย่างไม่ค่อยแน่ใจ

     

     

    ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นใครแต่ผมเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเชื่อตัวเองได้มากขนาดไหน

     

     

    แต่ผมอยากให้เป็นเขา

     

     

    อยากให้เป็นเทม!!

     

     

    ครับ...ผมเองนาย ธีราทร ภูมิทักษา...เทมเองครับ...เสียงออกแนวทุ้มๆที่ดูแล้วออกจะติดขี้เล่นสักหน่อยดังขึ้นมาทำให้หัวใจที่เต้นรัวอยู่แล้วเต้นแรงขึ้นอีก

     

     

    ความไม่แน่ใจก่อนหน้านี้มันหายไปหมดเหลือเพียงแค่รอยยิ้มบางๆที่เริ่มผุดขึ้นมาบนหน้าผมเท่านั้น

     

     

    “....”ผมถึงกับพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว...เขาโทรมาแปลว่าเขายังอยากรู้จักผมอยู่แปลว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ

     

     

     

    พี่นัทผมขอโทษจริงๆ...คือน้องสาวผมถูกรถชนเมื่อตอนบ่ายก่อนที่ผมจะออกไปหาพี่พอดีผมเลยต้องรีบพาน้องสาวไปโรงพยาบาลแม่ผมตอนนี้ก็ไปวัดกับเพื่อนอยู่กว่าเรื่องจะเรียบร้อยมันก็เลยเวลามาขนาดนี้แล้ว...ผมคิดว่าพี่คงไม่ได้รอผมแล้วคงจะเกลียดผมที่ผิดสัญญาแบบนี้แต่พี่ยังรออยู่...ขอบคุณครับ...ขอบคุณจริงๆแล้วก็ขอโทษจริงๆครับที่ไม่รักษาสัญญาแบบนี้เทมร่ายยาวบอกและอธิบายทุกอย่างโดยที่ผมไม่ได้ถามเลยสักนิด

     

     

     

    ผมรู้สึกได้ว่าเสียงเขาสั่นๆแปลว่าอาจเพราะเรื่องน้องสาวหรืออาจจะเป็นเรื่องของผมก็ได้...ไม่แน่ว่าอาจจะทั้งคู่ก็เป็นได้

     

     

    ผมไม่เคยคิดจะเกลียดเขาเลย....ไม่เคยเลยสักนิด

     

     

    ไม่เป็นไร...น้องสาวอาการเป็นไงบ้าง?”

     

     

    ปลอดภัยแล้วครับแค่ขาหักครับ...พี่ครับอย่าเกลียดผมนะ...อย่าตัดการติดต่อผมด้วยนะ...ผม...ผม....คือ...ดูเหมือนว่าเขาจะเรียบเรียงคำพูดไม่ถูกซะแล้วล่ะ

     

     

    ผมยิ้มออกมานิดๆกับเสียงที่ติดๆขัดๆของเขาก่อนจะตอบกลับไป

     

     

    “...พี่ไม่เกลียดเราหรอก...จะไม่ตัดการติดต่อด้วย

     

     

    จริงๆนะ...เอ่อ...ผมอยากเจอ...อยากเจอพี่มากจริงๆ...โธ่เว้ยทำไมต้องเป็นวันนี้ด้วยเนี่ยะ!!ปลายสายสถบออกมาอย่างหัวเสีย

     

     

    พี่รู้ไม่ต้องย้ำมากหรอกผมตอบกลับไปเบาๆ

     

     

    วันนี้ผมควรจะได้เห็นหน้าพี่...ได้พูดคุย...ได้สนิทกันมากขึ้นแท้ๆ...เทมบอกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงมากกว่าเดิม

     

     

    ไม่ได้เจอแต่ก็ยังได้คุยนี่...ไว้นัดเจอกันอีกก็ได้ผมบอกเทมไปตรง

     

     

    ใช่...อย่างน้อยๆวันนี้ก็มีความคืบหน้า

     

     

    ผมได้ยินเสียงเขา

     

     

    และผมตัดสินใจแล้ว...

     

     

    ถ้าครั้งนี้เจอไม่ได้

     

     

    ก็นัดใหม่ก็สิ้นเรื่อง

     

     

    “...พี่นัท...จริงๆนะ...ผมยังนัดเจอพี่ได้อีกใช่ไหม?”แค่ฟังเสียงก็รู้แล้วว่าปลายสายดีใจแค่ไหน

     

     

    เหมือนกับเด็กๆเลยแฮะ

     

     

    ใช่...ตอนนี้คุณควรไปอยู่ข้างๆน้องสาวเถอะ...พวกเรายังมีเวลาอีกมากที่จะทำความรู้จักกันเป็นประโยคที่ยาวที่สุดตั้งแต่พูดกับเทมเลยนะ

     

     

    ปลื้มจริงๆ

     

     

    ครับ...ผมคิดถึงพี่นะเขาบอกผมก่อนจะตัดสายไป

     

     

    ผมลดโทรศัพท์ลงแล้วยื่นไปให้ชายที่ยืนรออยู่

     

     

    ขอบคุณมากครับ

     

     

    ไม่เป็นไรครับเขายิ้มให้ผมก็รับโทรศัพท์คืนไป

     

     

    เดี๋ยวครับผมเรียกเขาอีกครั้งเมื่อนึกอะไรขึ้นได้

     

     

    ครับ?”

     

     

    ผมขอเบอร์คนที่โทรมาเมื่อสักครู่ได้ไหมครับ?”

     

     

    วันนี้ผมกลับบ้านไปด้วยหัวใจที่พองโตอย่างที่ไม่เคยเป็น...ความคืบหน้าเล็กๆแต่มันทำให้ผมรู้หลายๆสิ่งหลายๆอย่าง

     

     

    เทมอยากเจอผมมาก

     

     

    เหมือนที่ผมอยากเจอเทมมากเช่นกัน

     

     

    .............................................................................................................................
     

    ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นท์นะค่ะ

     

    ดีใจมากๆเลยค่ะ

     

    ทั้งคู่ยังไม่ได้เจอกันเลย...

     

    เราอยากให้มีอุปสรรคสักหน่อยก่อนเจอกันน่ะค่ะ

     

    รู้เบอร์แล้ว...แต่พี่นัทจะไม่ได้ติดต่อกับเทมผ่านทางโทรศัพท์นะค่ะ


    เราวางเรื่องให้การรู้เบอร์ของเทมในวันนี้มีผลในอนาคตอันไกลค่า

     

    ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้านะค่ะ

     

    nicedog


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×