คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ✉ จดหมายฉบับที่ 6✉ การรอคอย
✉ จดหมายฉบับที่ 6✉การรอคอย
“...พี่นัท”
โป๊ก!!
“ตื่นได้แล้วเพื่อนเทม”
“โอ้ย...อะไร...เกิดอะไรขึ้น!!”ผมสะดุ้งขึ้นมาพร้อมกับความเจ็บแปร๊บที่ศีรษะจนต้องเอามือไปลูบๆดูว่ามันนูนไหม
“ได้เวลาปิดตึกแล้ว...ถ้ายังหลับต่อแกอาจต้องอยู่ในห้องนี้ทั้งคืนนะ”เสียงของเพื่อนพีชดังขึ้นแล้วยกกระเป้สะพายขึ้นบ่า
“หา!!...ปิดตึก!...นี่มันสองทุ่มทำไมไม่ปลุกผมละครับเพื่อนพีช!”พอได้ยินสิ่งที่พูดผมก็หันไปมองนาฬิกาที่อยู่บนผนังในห้อง...แค่เห็นเท่านั้นแหละแทบกรี๊ดออกมาทีเดียว
สองทุ่มแล้ว
ให้ตายเถะ!!
“อ้าว...คนอุตส่าห์ปลุกยังมาบ่นอีกน่าจะทิ้งไว้เฝ้าตึกซะเลยดีไหม?”พีชพูดขึ้นแล้วเดินออกไปข้างนอก
“เฮ้ยๆ...ขอโทษๆ...รอด้วยพีช”ผมรีบเก็บของแล้ววิ่งตามเพื่อนรัก(?)ไปทันที
กว่าพีชจะหายโกรธผมก็ต้องเสียเงินไปมากมายเพราะมันดันบอกว่าอยากกินโออิชิ บุฟเฟ่
นี่คิดว่าเขารวยนักรึไงเนี่ยะ!!
ตอนนี้ยิ่งไม่ค่อยมีเงิน....ก็ก่อนหน้านี้เล่นสั่งดอกกุหลาบแดงไปตั้ง29ดอกนิ...ราคาอย่างแพงแต่พอคิดถึงหน้าคนรับแล้วผมกลับคิดว่ามันถูกสุดๆเลย
พี่นัทจะดีใจไหมนะ?
จะชอบรึเปล่า?
แล้วจะตอบตกลงไหม?
ผมอยากเจอพี่เขา...ผมไม่รู้ว่าพี่เขาจะคิดยังไงแต่ผมอยากเจอมากจริงๆ
และไม่ว่าเขาจะหน้าตาเป็นยังไงผมก็ยังคงชอบเขาอยู่ดี
ใช้เวลาไม่นานในการขึ้นมาถึงห้องที่ชั้น14...สิ่งแรกที่ผมทำคือเปิดดูกล่องรับจดหมายด้านหน้าด้วยความเคยชิน...เมื่อก่อนผมไม่ได้เปิดดูทุกวันหรอกนะ...ก็ตั้งแต่ที่ผมรู้จักพี่นัทนั่นแหละที่ผมทำอะไรแบบนี้...เหมือนรอคอยอยู่ทุกวัน
ถ้าพี่เขามาอยู่ข้างห้องผมนะ...ผมจะเคาะห้องเช้าเย็นเลย
“...ครั้งนี้ตอบเร็วนะครับ”ผมพึมพำด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นซองจดหมายสีเขียวอ่อนวางอยู่...เขาส่งดอกไม้และจดหมายไปให้ในวันเสาร์ไม่คิดว่าวันจันทร์ก็จะได้รับจนหมายตอบซะแล้ว
พี่เขาอาจจะว่างส่งแค่เสาร์อาทิตย์ก็ได้แฮะ
ผมนึกเล่นๆแล้วรีบหยิบซองจดหมายก่อนจะเดินเข้าห้องไป
วันนี้ผมใช้เวลาทำใจเล็กน้อยก่อนจะเปิดจดหมายอ่าน...ความกังวลเล็กๆเริ่มผุดขึ้นมาในความคิดผมอย่างไม่อาจห้ามได้
พี่เขาอาจจะไม่ตกลงก็ได้
“...รู้สึกแย่จังแหะ”ผมพึมพำในขณะที่ในมือถือกระดาษที่ถูกพับไว้ในซองจดหมายสีเขียวอ่อนขึ้นมา...เมื่อลังเลอยู่สักพักผมก็ตัดสินใจเปิดอ่านข้อความภายในด้วยใจที่ลุ้นระทึกยิ่งกว่าดูเกรดอีก
‘ เทม...คุณกำลังทำให้ผมอยากอัดใครสักคน...ผมเป็นผู้ชายนะจะมาส่งดอกกุหลาบให้ได้ไงผมไม่ดีใจที่ได้มันเหมือนพวกผู้หญิงหรอกนะ...ห้ามส่งดอกไม้มาอีกรู้ไหม?...ส่วนเรื่องช็อกโกแล๊ต ผมทำเองแหละคุณก็กินๆไปเถอะถ้าชอบเดี๋ยวผมส่งไปให้ใหม่ก็ได้...ทำไปให้กินไม่ใช่ให้ดูนะ
ปล.ผมว่างแค่เสาร์อาทิตย์จะให้ไปเจอที่ไหนก็บอกละกัน
วรนัตร ’
“สำเร็จแล้ว!!!...วู้!...เย้!...เยส!...พี่เขายอมเจอเราแล้วววว!!!”ผมตกโกนขึ้นก่อนจะวิ่งวนรอบๆห้องด้วยร้อยยิ้มที่แก้มแทบปริ
“มีความสุขโว้ยยยย!!!”
“อ๊ากกกกกกก!!!”
“พี่นัททททท!!!...ขอบคุณครับ!!”
เมื่อระบายอารมณ์ที่ทั้งตื่นเต้นและดีใจเสร็จผมก็นั่งลงที่โซฟาตัวเดิมแล้วอ่านเนื้อหาในจดหมายซ้ำอีกครั้งหนึ่ง...ถึงผมจะไม่เคยเห็นหน้าพี่เขาแต่ผมนึกออกเลยว่าเขาต้องเขียนจดหมายฉบับนี้ด้วยใบหน้าที่แดงจัดแน่ๆ...ข้อความแรกๆที่เหมือนจะไม่พอใจแต่ผมมองว่ามันเป็นการกลบเกลื่อนอารมณ์เขินมากกว่านะ
“...จริงสิ”ผมว่าจดหมายลงเมื่อนึกอะไรขึ้นได้
เขาเดินไปที่ตู้เย็นก่อนจะหยิบกล่องช็อกโกแล๊ตที่วางอยู่ออกมาเปิดออก...
“ผมจะกินละนะครับ”ผมมองภาพโดยรวมของมันครั้งสุดท้ายก่อนจะหยิบชิ้นหนึ่งออกมาเข้าปาก
สิ่งแรกที่ผมสัมผัสได้คือรสหวานปนขมของช็อกโกแล๊ตแท้ที่นุ่มละมุนลิ้น....พอกัดเข้าไปก็เจอกับความหวานอมเปรี้ยวของรสส้มที่เข้ากันกับรสชาติหวานอมขมของช็อกโกแล๊ต ข้างนอกได้เป็นอย่างดี...มันช่างเป็นรสชาติที่แสนลงตัวอะไรขนาดนี้นะ
“พี่ทำเก่งเกินไปแล้ว”ผมพึมพำเบาก่อนจะหยิบอีกชิ้นเข้าปาก
“อื้ม...รสนม”ผมอุทานออกมาเมื่อรสชาติของช็อกโกแล๊ตสีขาวชิ้นที่สองถูกส่งเข้าปาก...ไวท์ช็อกโกแล๊ตกับนมที่สอดไส้อยู่ข้างในช่างเข้ากันได้ดีจริงความหวานมันที่อบอวนอยู่ในปากมันช่าง...อธิบายเป็นคำพูดไม่ถูกจริงๆ
“แบบนี้ผมจะให้ส่งมาทุกอาทิตย์เลยครับ...”
ผมเก็บอีกสี่ชิ้นเข้าไปแช่ไว้ในตู้เย็นตามเดิมก่อนจะเดินมาหยิบจดหมายบนโต๊ะแล้วเดินเข้าห้องไป...หลังจากอาบน้ำเสร็จผมก็ทิ้งตัวลงบนที่นอนและเอามือข้างหนึ่งก่ายหน้าผาก
“พี่กำลังทำให้ผมหลงนะ”ไม่ว่าจะทำอะไรผมก็เอาแต่นึกถึงพี่เขาอยู่ทุกครั้งไป...อยากรู้จังว่าพี่เขาจะเป็นแบบเดียวกับผมไหม?
“ไว้เจอกันนะครับพี่นัท”
...........................................................
เวลาก็ได้ล่วงเลยผ่านไปจนถึงวันพุธ...ผมมองซองจดหมายสีเดิมๆที่ได้รับมาตลอดด้วยจิตใจที่ไม่เหมือนเดิม...พอผมส่งจดหมายฉบับนั้นไปก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ควรจะเขียนไปแบบนั้นเลยจริงๆ
ผมทำร้ายน้ำใจเทมเขามากเกินไปไหมนะ?
เขาจะโกรธผมไหมที่บอกว่าไม่ดีใจที่ได้รับมันทั้งที่ความจริงแล้วตัวผมยังคงเก็บดอกกุหลาบนั่นไหวอย่างดี
“ทำไมคุณถึงมีอิทธิพลกับผมมากขนาดนี้นะ”ผมบ่นตัวเองแล้วก้าวเท้าเดินเข้าบ้านไปโดยที่ไม่ลืมหยิบซองจดหมายสีฟ้าอ่อนนั่นเหมือนเคย
ผมใช้เวลาในการกินอาหารเย็นและอาบน้ำอยู่นานพอสมควร...ปกติผมจะเปิดอ่านจดหมายที่โซฟาหน้าบ้านแต่วันนี้ผมกลับขึ้นมานั่งอยู่บนเตียงพร้อมกับจดหมายซองเดิมในมือ
ยอมรับเลยว่าการอ่านจดหมายในครั้งนี้ตื่นเต้นกว่าปกติมากนัก
มีหลายอย่างที่ผมกังวล...บางทีเขาอาจจะโกรธผม?
เขาอาจจะบอกว่าไม่อยากเจอผมแล้ว?
หรือบางทีเขาอาจจะเกลียดผมไปแล้ว?
“...น่าจะเขียนไปว่าดีใจที่ได้รับดอกกุหลาบมากกว่าเขียนไปแบบนั้น”ผมพึมพำเรื่อยเปื่อยโดยที่มือยังคงค่อยๆแกะซองจดหมายสีฟ้าอ่อนอย่างเบามือ
ความจริงผมมีที่เก็บจดหมายที่เทมส่งมาให้ผมด้วย...ก็ที่ลิ้นชักข้างๆเตียงนั่นแหละ...เวลาที่เครียดเรื่องงานมากๆเข้าผมก็จะหยิบมันออกมาอ่าน...เพียงแค่นั้นผมก็รู้สึกความเครียดนั่นหายไป...เหมือนว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียว...
แต่เทมเขาคอยอยู่ข้างๆผม
“ฮะฮะ...ถึงขั้นเพ้อแล้วเหรอเนี่ยะ”ผมหัวเราะในความคิดของตัวเองก่อนจะกางกระดาษแผ่นบางออกแล้วเริ่มอ่านเนื้อหาภายใจด้วยความตื่นเต้น
อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดสิน่า!
เกิดมาจนอายุขนาดนี้แล้วยังจะกลัวอะไรอยู่อีกล่ะ!!
‘ สวัสดีครับพี่นัท...พี่ไม่ต้องเขินหรอกผมดูออกนะ...ผมว่าพี่ต้องดีใจมากแน่ๆอยากจะอัดผมก็ได้นะนั่นก็หมายความว่าเราต้องมาเจอกันก่อนพี่ถึงจะอัดผมได้ถ้าแลกกับการได้เจอพี่แค่โดนอัดถือว่าสบายมาก...จริงสิผมได้กินช็อกโกแล๊ตของพี่แล้วนะ...มันอร่อยมากจนเขียนบรรยายสักสามหน้าก็ยังไม่หมดถึงผมจะกินไปแค่สองอันก็เถอะผมชอบชิ้นที่มีรสส้มอยู่ข้างในเวลากัดไปโดนนะโอ้โห้อร่อยเหาะเลยครับ...ผมอยากให้พี่ส่งมาให้ทุกอาทิตย์จังเลยครับ...พี่ตกลงที่จะมาเจอผมแล้วนะ...เอาเป็นวันอาทิตย์ที่8เดือนหน้าละกันครับที่ร้าน BANAFF’E ตอนบ่ายโมงที่โต๊ะด้านในสุดของร้านติดฝั่งที่ติดกระจกนะครับ...ผมเคยไปกินครั้งหนึ่งแล้วค่อนข้างถูกใจแถมยังอยู่แถวๆบ้านผมด้วยแปลว่าคงอยู่ใกล้ๆบ้านพี่เหมือนกันเพราะบ้านเลขที่ผมอยู่ถัดไปไม่กี่ตัวเอง
ปล.ตื่นเต้นจังพอถึงวันนั้นผมคงนอนไม่หลับแน่ๆเลย
ธีราทร ’
“ผมต่างหากล่ะที่จะนอนไม่หลับ”ผมพึมพำออกมาเบาๆ...ตอนนี้ในหัวผมรู้สึกโล่งไปหมดเลยเหมือนกับว่าความกังวลเมื่อกี้หายวับไปไหนก็ไม่รู้
เขาไม่ได้โกรธผม!!!
แต่เขารู้ได้ไงว่าผมเขินนะ!!
เขารู้ได้ยังว่าผมดีใจมากที่ได้รับดอกไม้จากเขา!!
ดีใจจังที่เขาชอบช็อกโกแล๊ตที่ผมส่งไปให้...แต่ถ้าให้ส่งไปทุกอาทิตย์ก็ฝันไปเถอะคิดว่ามันทำง่ายๆหรือราคามันถูกๆรึไงล่ะแต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายิ้มจนแก้มแทบปริเมื่อเขาชมรสชาติที่ผมปรุงเองกับมือ
มันคงเป็นความสุขเล็กๆของคนทำอาหารสินะ
“...BANAFF’E”ผมพึมพำชื่อร้านก่อนจะค่อยๆคิดว่าเคยเห็นที่ไหนนะ
ไม่ใช่ทางไปบริษัทแต่ก็ไม่ไกลจากบ้านมากนัก
“อ้อ...แถวๆร้านขายเบเกอรี่แน่ๆเลย”สุดท้ายผมกูนึกที่ตั้งร้านออก...อยู่ไม่ไกลจริงๆนั่นแหละเดินจากบ้านผมไปประมาณ15นาทีก็ถึงแล้ว
“อ่า...ให้ตายสิ”อยู่ๆผมก็นึกถึงตอนที่เจอกับเทมขึ้นมา....
ให้ตายเถอะขนาดยังไม่ได้เจอกันก็ทำผมเขินขนาดนี้แล้วถ้าเจอหน้ากันผมจะกล้ามองหน้าเขาไหมเนี่ยะ
ผมหลับไปพร้อมกับความตื่นเต้นของอาทิตย์ที่ยังมาไม่ถึง
.............................................................
.......................................
...................
.....
.
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปเร็วเหมือนโกหก...วันนี้คือวันอาทิตย์ที่8..ใช่...วันที่ผมมีนัดกับเทมนั่นแหละและตอนนี้ผมกำลังเครียดซึ่งอาจเรียกว่ามากกว่าเรื่องงานอีก...ตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าหลังจาพึ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆตอนนี้ผมเลยมีแค่ผ้าขนหนูพันรอบเอวเท่านั้น
ผมกวาดสายตามองเสื้อที่แขวนอยู่ตั้งแต่ขวาสุดไปยังซ้ายสุดแล้วมองกลับมาทางขวาสุดอีกทีเป็นแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาอยู่สัก15นาทีได้แล้ว
แต่ไม่ต้องห่วงว่าผมจะไปสาย...นาฬิกาตอนนี้บอกเวลา8โมงตรงและแน่นอนว่านาฬิกาไม่ได้ตายด้วย
ไม่รู้ทำไมถึงนอนไม่หลับตั้งแต่เมื่อคืน...กว่าจะได้นอนจริงก็เกือบตี3ได้ล่ะแต่แทนที่จะนอนยาวถึง9โมง10โมง...ไม่รู้อะไรมาดลใจให้สะดุ้งตื่นตอน7โมงแถมพอจะหลับต่อก็ดันไม่ง่วงซะแล้ว
ผมก็เลยปล่อยเลยตามเลยแบบนี้
แต่ก็ดีเหมือนกันเพราะผมจะได้มีเวลาในการเลือกชุดและทำอะไรอีกอย่าง...โดยเฉพาะการเลือกชุดนี่แหละที่ทำเอาผมคิดหนักอยู่ตอนนี้
“...เสื้อเชิ้ตแขนยาว...ไม่สิแขนสั้นดีกว่าแขนยาวมันเป็นทางการเกินไป...สีล่ะ...ให้ดูสดใสหน่อยดีไหม...สีเหลืองอ่อน....ไม่สิๆมันจะดูไม่สุภาพเกินไปรึเปล่า...สีน้ำเงิน...อืม...ออกจะดูมืดๆไปหน่อยแฮะไม่ดีๆ...งั้นสีขาวล่ะ...ไม่ๆ...”
ความคิดในหัวตอนนี้ตีกันยุ่งไปหมดแล้ว...จะให้ทำไงล่ะก็มันเลือกไม่ได้นี่...มาเลือกให้หน่อยได้ไหมล่ะ?
มีใครพอจะช่วยผมได้บ้าง???!!!
ผมใช้เวลาร่วมชั่วโมงในการเลือกเสื้อและอีกกว่า30นาทีในการเลือกกางเกง
“นี่มันเหมือนผู้หญิงที่เลือกเสื้อผ้าตอนออกไปเดทเลยแฮะ”ผมพึมพำระหว่างที่ใส่เข็มขัด...ตอนนี้ผมอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีฟ้าอ่อนและกางเกงสีเทากับเข็มขัดหนังสีดำเส้นหนึ่ง...ก่อนออกจากห้องผมหวีผมที่ยุ่งให้เรียบกว่าเดิมนิดหน่อยก่อนจะออกไปหาอาหารเช้ากินพร้อมกับดูทีวีไปด้วย
เหลือเวลาอีกตั้งนานกว่าจะถึงเวลานัด...ผมมองดูทีวีสักพักก่อนที่สติผมค่อยๆดับไป
............................................
.......................
.......
.
เฮือก!!
“....??”ผมสะดุ้งขึ้นแล้วหันไปมองนาฬิกาทันที
“เที่ยงห้าสิบห้า!!!”ผมตะโกนขึ้นแล้วรีบวิ่งไปใส่รองเท้าก่อนออกจากบ้านในทันที
ให้ตายเถอะจะมาเผลอหลับอะไรตอนนี้แถมยังตื่นมาซะสายโด่อีก!!
“แฮ่ก....แฮ่ก...”เสียงหอบหายใจของผมดังขึ้นในเวลาไม่นานเพราะผมไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกายร่างกายเลยค่อนข้างเหนื่อยง่ายแค่วิ่งนิดหน่อยหอบซะแล้ว
แต่ผมก็ไม่ยอมหยุดวิ่ง
“...ชิ”ผมมองนาฬิกาข้อมือก่อนจะเร่งฝีเท้ามาขึ้น
บ่ายโมงแล้ว...ตอนนี้เขากำลังจะไปนัดสำคัญสาย!!
หวังว่าเทมจะยังรอผมอยู่นะ
ผมใช้เวลาไม่เกิน15นาทีในการวิ่งมาจนถึงร้าน BANAFF’E...แม้จะเหนื่อยหอบขนาดไหนผมก็ไม่สนรู้แค่ว่าผมสายแล้ว
กริ๋งๆ
เสียงกริ่งดังขึ้นเมื่อผมผลักประตูเข้าไป...ผมจัดแจงตัวเองให้อยู่ในสภาพดีขึ้นหน่อยก่อนจะเดินไปยังโต๊ะสุดท้ายริมหน้าต่างที่ผมหวังว่าจะมีใครคนหนึ่งนั่งรออยู่
แต่ผมก็ต้องผิดหวังเพราะโต๊ะนั้นมันว่างเปล่า
“อาจจะมาสายเหมือนกัน...”ผมพึมพำแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ด้านใน
“สวัสดีค่ะ...นี่เมนูค่ะ”พนังงานสาวในร้านทักทายด้วยรอยยิ้มและยื่นเมนูมาให้ผม...ใช้เวลาไม่นานผมก็ปิดเมนูลงแล้วหันไปทางพนังงานสาวที่ยืนคอยอยู่
“ขอชาเขียวลาเต้ปั่นไม่หวานกับบราวนี่1ชิ้นครับ”
“รับเป็นชาเขียวลาเต้ปั่นไม่หวานกับบราวนี่1ชิ้นนะค่ะ...รอสักครู่ค่ะ”
พอสั่งเสร็จผมก็หันออกไปดูบรรยากาศภายนอก...ตรงส่วนที่ผมนั่งอยู่สามารถมองเห็นสวนหย่อมขนาดกลางที่มีน้ำตกขนาดเล็กประดับอยู่ได้อย่างชัดเจน...เวลาได้ล่วงเลยไปเรื่อยๆจนน้ำชาเขียวที่นำมาเสิร์ฟเหลือแค่ก้นแก้วเท่านั้น...ไม่ต้องพูดถึงบราวนี่เลยมันลงท้องผมไปนานแล้วล่ะ
“...บ่าย3”ผมพึมพำเวลาที่มองจากนาฬิกาข้อมือตัวเอง
เขาคงไม่มาแล้วใช่ไหม?
ไหนว่าอยากเจอผมไงแล้วนี่ทำไมถึงไม่มาล่ะ?
หรือว่าบางทีอาจจะมาแล้วแต่พอเห็นว่าผมเป็นยังไงก็เลยกลับไปแล้วรึเปล่านะ?
ทำไมผมถึงรู้สึกเศร้าแบบนี้นะ...
ถ้าผมบอกว่าไม่อยากเจอมันอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสินะ...ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็ยังสามารถคุยกับเขาผ่านทางจดหมายต่อไปได้
แต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้แล้ว
“...”ผมเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์
“ที่คุณลูกค้าสั่งคือชาเขียวลาเต้ปั่นไม่หวานกับบราวนี่1ชิ้นนะค่ะทั้งหมด95บาทค่ะ”
ผมยื่นแบงค์ร้อยไปให้พนังงานสาวคนเดิมก่อนจะรับเงินทอนแล้วเตรียมก้าวออกจากร้าน
“คุณวรนัตร รัตรนเทวายังอยู่ไหมครับ!!”เสียงเรียกชื่อผมทำเอาตัวเองชะงักแล้วหันไปมองต้นเสียงอย่างงงๆ
ชายที่น่าจะเป็นเจ้าของที่นี่เพราะเขาใส่ชุดสไตล์เดียวกับพนักงานหญิงเลย...มือของเขาถือโทรศัพท์มือถืออยู่แล้วมองไปรอบๆร้านด้วยความเร่งรีบ
“คุณวรนัตร รัตรนเทวายังอยู่ไหมครับ!!!”เสียงเขาถามขึ้นอีกครั้ง
“ผมเองครับ”ผมตัดสินใจเดินตรงไปหาเขา...เมื่อเขาหันมาเห็นผมก็ระบายยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะหันไปคุยโทรศัพท์ต่อ
“เขายังอยู่ครับ...ครับๆ...ได้ครับ...เอ่อ...มีคนต้องการพูดกับคุณครับ”เขาคุยอะไรในโทรศัพท์สักพักก่อนจะส่งโทรศัพท์มาให้ผม
ผมรับโทรศัพท์นั้นมาแบบงงๆก่อนจะเอาแนบหู
“ครับ...วรนัตรพูดครับ”ผมบอกกับปลายสาย
ว่าแต่ใครกันนะที่โทรมาหาผม...ทำไมไม่โทรเข้าโทรศัพท์เขาล่ะมาโทรเข้าที่ร้านทำไมกัน
“พี่นัท!!!”
เฮือก!
ผมสะดุ้งจนแทบทำโทรศัพท์หลุดมือ....
ผมไม่รู้ว่าแน่ใจได้ยังไงแต่หัวใจผมเริ่มจะเต้นเร็วขึ้นๆอย่างห้ามไม่ได้
ผมไม่เคยได้ยินเสียงเขา
แต่ผมรู้ว่าคนที่อยู่ปลายสายนั่นคือใคร
อะไรที่ทำให้แน่ใจ?
ผมอาจบอกได้แค่หัวใจมันบอกแบบนั้น
“เทม...”ผมเรียกชื่อคนปลายสายเบาๆอย่างไม่ค่อยแน่ใจ
ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นใครแต่ผมเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเชื่อตัวเองได้มากขนาดไหน
แต่ผมอยากให้เป็นเขา
อยากให้เป็นเทม!!
“ครับ...ผมเองนาย ธีราทร ภูมิทักษา...เทมเองครับ...”เสียงออกแนวทุ้มๆที่ดูแล้วออกจะติดขี้เล่นสักหน่อยดังขึ้นมาทำให้หัวใจที่เต้นรัวอยู่แล้วเต้นแรงขึ้นอีก
ความไม่แน่ใจก่อนหน้านี้มันหายไปหมดเหลือเพียงแค่รอยยิ้มบางๆที่เริ่มผุดขึ้นมาบนหน้าผมเท่านั้น
“....”ผมถึงกับพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว...เขาโทรมาแปลว่าเขายังอยากรู้จักผมอยู่แปลว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ
“พี่นัทผมขอโทษจริงๆ...คือน้องสาวผมถูกรถชนเมื่อตอนบ่ายก่อนที่ผมจะออกไปหาพี่พอดีผมเลยต้องรีบพาน้องสาวไปโรงพยาบาลแม่ผมตอนนี้ก็ไปวัดกับเพื่อนอยู่กว่าเรื่องจะเรียบร้อยมันก็เลยเวลามาขนาดนี้แล้ว...ผมคิดว่าพี่คงไม่ได้รอผมแล้วคงจะเกลียดผมที่ผิดสัญญาแบบนี้แต่พี่ยังรออยู่...ขอบคุณครับ...ขอบคุณจริงๆแล้วก็ขอโทษจริงๆครับที่ไม่รักษาสัญญาแบบนี้”เทมร่ายยาวบอกและอธิบายทุกอย่างโดยที่ผมไม่ได้ถามเลยสักนิด
ผมรู้สึกได้ว่าเสียงเขาสั่นๆแปลว่าอาจเพราะเรื่องน้องสาวหรืออาจจะเป็นเรื่องของผมก็ได้...ไม่แน่ว่าอาจจะทั้งคู่ก็เป็นได้
ผมไม่เคยคิดจะเกลียดเขาเลย....ไม่เคยเลยสักนิด
“ไม่เป็นไร...น้องสาวอาการเป็นไงบ้าง?”
“ปลอดภัยแล้วครับแค่ขาหักครับ...พี่ครับอย่าเกลียดผมนะ...อย่าตัดการติดต่อผมด้วยนะ...ผม...ผม....คือ...”ดูเหมือนว่าเขาจะเรียบเรียงคำพูดไม่ถูกซะแล้วล่ะ
ผมยิ้มออกมานิดๆกับเสียงที่ติดๆขัดๆของเขาก่อนจะตอบกลับไป
“...พี่ไม่เกลียดเราหรอก...จะไม่ตัดการติดต่อด้วย”
“จริงๆนะ...เอ่อ...ผมอยากเจอ...อยากเจอพี่มากจริงๆ...โธ่เว้ยทำไมต้องเป็นวันนี้ด้วยเนี่ยะ!!”ปลายสายสถบออกมาอย่างหัวเสีย
“พี่รู้ไม่ต้องย้ำมากหรอก”ผมตอบกลับไปเบาๆ
“วันนี้ผมควรจะได้เห็นหน้าพี่...ได้พูดคุย...ได้สนิทกันมากขึ้นแท้ๆ...”เทมบอกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงมากกว่าเดิม
“ไม่ได้เจอแต่ก็ยังได้คุยนี่...ไว้นัดเจอกันอีกก็ได้”ผมบอกเทมไปตรง
ใช่...อย่างน้อยๆวันนี้ก็มีความคืบหน้า
ผมได้ยินเสียงเขา
และผมตัดสินใจแล้ว...
ถ้าครั้งนี้เจอไม่ได้
ก็นัดใหม่ก็สิ้นเรื่อง
“...พี่นัท...จริงๆนะ...ผมยังนัดเจอพี่ได้อีกใช่ไหม?”แค่ฟังเสียงก็รู้แล้วว่าปลายสายดีใจแค่ไหน
เหมือนกับเด็กๆเลยแฮะ
“ใช่...ตอนนี้คุณควรไปอยู่ข้างๆน้องสาวเถอะ...พวกเรายังมีเวลาอีกมากที่จะทำความรู้จักกัน”เป็นประโยคที่ยาวที่สุดตั้งแต่พูดกับเทมเลยนะ
ปลื้มจริงๆ
“ครับ...ผมคิดถึงพี่นะ”เขาบอกผมก่อนจะตัดสายไป
ผมลดโทรศัพท์ลงแล้วยื่นไปให้ชายที่ยืนรออยู่
“ขอบคุณมากครับ”
“ไม่เป็นไรครับ”เขายิ้มให้ผมก็รับโทรศัพท์คืนไป
“เดี๋ยวครับ”ผมเรียกเขาอีกครั้งเมื่อนึกอะไรขึ้นได้
“ครับ?”
“ผมขอเบอร์คนที่โทรมาเมื่อสักครู่ได้ไหมครับ?”
วันนี้ผมกลับบ้านไปด้วยหัวใจที่พองโตอย่างที่ไม่เคยเป็น...ความคืบหน้าเล็กๆแต่มันทำให้ผมรู้หลายๆสิ่งหลายๆอย่าง
เทมอยากเจอผมมาก
เหมือนที่ผมอยากเจอเทมมากเช่นกัน
.............................................................................................................................
ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นท์นะค่ะ
ดีใจมากๆเลยค่ะ
ทั้งคู่ยังไม่ได้เจอกันเลย...
เราอยากให้มีอุปสรรคสักหน่อยก่อนเจอกันน่ะค่ะ
รู้เบอร์แล้ว...แต่พี่นัทจะไม่ได้ติดต่อกับเทมผ่านทางโทรศัพท์นะค่ะ
เราวางเรื่องให้การรู้เบอร์ของเทมในวันนี้มีผลในอนาคตอันไกลค่า
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้านะค่ะ
nicedog
ความคิดเห็น