คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ✉ จดหมายฉบับที่1 ✉ จดหมายที่ได้รับ
✉ จดหมายฉบับที่1 ✉ จดหมายที่ได้รับ
ผมมองจดหมายภายในกล่องจดหมายอย่างไม่เข้าใจนัก...ผมมั่นใจว่าผมไม่มีคนรู้จักที่จะส่งจดหมายมาคุยกับผมแน่ๆ
พ่อแม่เหรอ?
พวกท่านเสียไปตั้งแต่ผมอายุ20แล้วล่ะ
พี่น้อง?
ผมเป็นลูกโทนน่ะ
ญาติ?
ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะมีธุระอะไรกับผมหรอกนะ
ในเมื่อคิดแล้วว่าไม่น่าจะเป็นคนรู้จักของผมส่งมาก็คงมีเหลือความจริงอยู่แค่ไม่กี่อย่าง
“....”
ผมมองซองจดหมายนั่นอย่างลังเลอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจหยิบมันขึ้นมาแล้วพลิกดูชื่อคนส่ง
‘นาย ธีราทร ภูมิทักษา
225/8 ม.6 ต.xx ถนนxxx
เขตxxx กรุงเทพฯ 10200’
“....?”
ใคร...?
ชื่อไม่คุ้น นามสกุลยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
ผมเลยเลื่อนสายตามาทางชื่อที่อยู่ผู้รับดู
‘นางสาว สวรรยา ภูมิทักษา
263/56 ม.3 ต.xxx ถนนxxx
อ.เมือง จ.ชลบุรี 20000 ’
และก็เป็นอย่างที่คิด...
ส่งผิด!!!
“เฮ่อ...”ผมถอนหายใจเบาๆแล้วมองดูซองจดหมายในมืออีกครั้ง
ที่อยู่ของผู้รับบนซองนั่นเป็นของผมจริงๆนั่นแหละแต่อย่างที่บอกไปว่าผมเป็นลูกคนเดียวและตอนนี้ก็อยู่บ้านคนเดียวด้วยจะไปมีนางสาวอะไรนั่นมาอยู่ได้ไงล่ะ
แปลว่าไม่ใช่เพราะส่งผิด
แต่เขียนที่อยู่ผิดสินะ
ให้ตายเถอะแค่ที่อยู่ง่ายๆจะจำให้ถูกหน่อยไม่ได้รึไงกัน
“....”ผมส่ายหัวเบาๆแล้วมองจดหมายในมืออย่างครุ่นคิดเท่าที่เห็นสองคนนี่ท่าจะเป็นพี่น้องกันนะนามสกุลเหมือนกันนี่
เอาไงดีล่ะปล่อยไว้ดีไหม...เป็นพี่น้องกันถ้าไม่ได้จดหมายเดี๋ยวคงโทรไปถามเองละมั้ง
แต่ถ้าโทรไปถามได้ก็แปลว่าคุยกันทางโทรศัพท์ก็ได้ไม่เห็นต้องส่งจดหมายเลย
แปลว่าอาจไม่รู้เบอร์โทร? เปลี่ยนเบอร์ใหม่?
แปลว่าจดหมายสำคัญ?!
“เฮ่อ...ไว้พรุ่งนี้จะส่งคืนให้ละกันนะนายธีราทร”ผมพึมพำกับตัวเองแล้วเดินเข้าไปโดยที่ไม่ลืมเอาซองจดหมายนั้นใส่ลงในกระเป๋าไว้
หลังจากนั้นกิจวัตรเดิมๆก็กลับมาอีกครั้ง
กินอาหารเย็น
อาบน้ำ
ดูโทรทัศน์
แล้วก็นอนหลับบนเตียงนุ่มไปในที่สุด
........................................................................
................................................
.........................
...........
...
.
เช้าวันต่อมาผมก็ทำกิจวัตรตามปกติกินอาหารเช้าและออกไปทำงาน...ผมทำอยู่อยู่ในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งโดยมีหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบบัญชี
รายได้ค่อนข้างดีถึงดีมากแต่มันก็แลกมาด้วยความปวดหัวที่ใหญ่ยิ่ง...พาราแทบจะช่วยอะไรไม่ได้เลยตอนที่ตรวจดูงบจากคนทำบัญชีแล้วเลขมันดันไม่ตรงกันเลยสักคนแต่ก็ดันทำให้มันเป็นงบดุลได้ทั้งหมด...ขอคาราวะเลย
หลังจากนั่งตรวจสอบบัญชีได้ครึ่งนึงผมก็ลุกขึ้นยืนยืดเส้นยืดสายให้สบายตัวหน่อยนั่งติดต่อกันมา4ชั่วโมงแล้ว...เมื่อหันไปมองนาฬิกาก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงกว่าแล้ว
“...ไม่ค่อยหิวแฮะ”เมื่อวางมือลงบนท้องแล้วหลับตาลงก็ไม่รู้สึกอะไร...ไม่หิว...ไม่รู้สึกปวดท้องเลยด้วย...
‘งั้นก็ไม่ต้องกินข้าวกลางวันละกัน’
เมื่อคิดได้แบบนั้นผมก็นั่งลงแล้วเริ่มทำงานต่อทันที
ผมอาจจะยังไม่ได้บอกแต่ผมมีห้องทำงานส่วนตัวเพราะงั้นต่อให้ผมยืนบิดขี้เกียจแล้วหาวต่อก็ไม่มีใครมาว่าผมหรอกนะแต่กว่าที่ผมจะมาได้ถึงขนาดนี้ก็ใช้เวลาไปหลายปีอยู่...ไม่ว่าจะอยู่บริษัทไหนต่างก็มีการแข็งขันกันทั้งนั้นผมใช้เวลา6ปีจนมาอยู่จุดนี้...ไม่รู้หรอกนะว่ามันใช้เวลามากหรือน้อยเพราะผมไม่ได้ให้ความสนใจกับเวลา
อย่างที่บอกไปเวลามันเดินอยู่ตลอดแล้วมันก็หมุนเวียนอยู่เป็นวงกลมแบบนี้...ดังนั้นผมไม่เห็นว่ามีความจำเป็นอะไรที่ต้องรีบร้อน
ผมชอบความมั่นคงที่แน่นอน....การที่เราเร่งรีบที่จะทำอะไรสักอย่าง...แค่ได้ชื่อว่าเร่งรีบแล้วมันก็ไม่มีความแน่นอนแล้วล่ะ...ไม่มีใครรีบแล้วทำสิ่งนั้นออกมาดีได้หรอก
ทุกสิ่งทุกอย่างมันจึงจำเป็นต้องใช้เวลา
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรตาม
ผมนั่งตรวจแล้วแก้ข้อผิดพลาดของบัญชีไปบางส่วน...เมื่อผมมองดูนาฬิกาอีกครั้งก็เป็นเวลา5โมงกว่าแล้ว...เลยเวลาเลิกงานมาแล้วสินะ
ที่บริษัทให้พนักงานเลิกงานตอน5โมงเย็นมีบางหน่วยที่มีให้อยูโอที...แต่สำหรับคนทำบัญชีคงจะรู้ๆกันอยู่พอได้เริ่มทำแล้วมันก็จะหยุดไม่ได้เวลาจะผ่านไปเร็วจนเราเองยังต้องตกใจแต่การที่เป็นแบบนั้นมันก็ทำให้สมองค่อนข้างล้าเลยทีเดียว
“....”ผมมองงานสลับกับเอกสารบนโต๊ะ...ตอนนี้ผมแก้ไปได้กว่าครึ่งแล้วกว่าจะถึงกำหนดส่งก็อีกนานอยู่...วันนี้พอแค่นี้ละกัน
ใช้เวลาไม่นานในการจัดเอกสารต่างๆให้เรียบร้อยพร้อมทั้งปิดคอมพิวเตอร์ให้เรียบร้อย...เอกสารบางส่วนที่ต้องนำกลับไปอ่านที่บ้านถูกแยกไว้อย่างชัดเจนก่อนจะนำใส่กระเป๋า
“....ซองจดหมาย?”ผมมองซองจดหมายในกระเป๋าอย่างงงๆก่อนที่ความทรงจำจะค่อยๆฝุดขึ้นมาอย่างช้าๆแต่ชัดเจนเลยทีเดียว....
นี่ผมต้องแวะไปรษณีย์ก่อนกลับใช่ไหมเนี่ยะ?
อย่างน้อยก็ดีที่ระหว่างทางกลับบ้านผมมีไปรษณีย์อยู่พอดีเลยไม่จำเป็นต้องเดินไปไกล
อ่านไม่ผิดหรอกครับ...ผมเดินไปทำงาน...จากบ้านถึงบริษัทมันไม่ได้ไกลมากนักที่จริงผมก็มีรถนะแต่การที่ต้องมาแย่งที่จอดรถกันในตอนเช้าเป็นสิ่งที่ผมไม่ชอบมากที่สุดเพราะงั้นการเดินมาก็เป็นสิ่งเหมาะสมมากที่สุด
ผมเดินคิดเรื่อยเปื่อยมาจนถึงที่ทำการไปรษณีย์
“....??”ผมขมวดคิ้วมองรั้วทางเข้าที่เขียนว่า close พร้อมทั้งมีโซ่ขวางไว้ไม่ให้เข้าไป
“...????”อะไร...ทำไมล่ะ
“พ่อหนุ่มมาทำไรป่านนี่ล่ะจ๊ะ...ไปรษณีย์เขาปิดไปนานแล้วนะ”คุณป้าคนนึงที่ถือถุงกับข้าวมาเต็มมือเดินมาหาผมพร้อมกับถามด้วยความสงสัย
ผมต่างห่ากล่ะที่กำลังสงสัยน่ะ
เดี๋ยวนะ...เมื่อกี๊คุณป้าพูดว่า...
“..ปิดนานแล้วเหรอครับ”ผมถามคุณป้าตรงหน้า
“จ๊ะ...พ่อหนุ่มไม่รู้เหรอเขาปิดตั้งแต่4โมงกว่าแล้วล่ะจ้า”คำตอบของคุณป้าทำเอาผมเกือบล้มทั้งยืน...ปิดตั้งแต่4โมงกว่า
จะปิดเร็วไปไหม!?
ไม่เห็นใจคนที่ทำงานถึง5โมงบ้างเลยรึไง!!
“อ่า...ขอบคุณมากนะครับ”
“ไม่เป็นไรจ้า”คุณป้าบอกลาด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินจากไป
แต่ผมนี่สิที่ยิ้มไม่ออก
ก็จริงที่ผมไม่เคยมาไปรษณีย์เลยไม่รู้ว่าปิดกี่โมง
แต่การที่เดินผ่านอยู่ทุกวันแต่ไม่เคยสงสัยเลยนี่สิ...
“เฮ่อ...ถือว่าไม่มีบุญล่ะกันนะนายธีราทร”ผมพึมพำแล้วมองซองจดหมายพร้อมกับใส่มันลงไปในกระเป๋าอีกครั้งนึงก่อนจะเดินตรงไปซื้ออาหารเย็นที่ตลาด
แล้วกิจวัตรเดิมของผมก็กลับมาอีกครั้งกินข้าว อาบน้ำ และนอน แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือตอนนี้ผมกำลังคิดถึงซองจดหมายที่ส่งผิดนั่น...ถ้ามันเป็นจดหมายสำคัญขึ้นมาจะทำไงล่ะ
ผมไม่อยากจะเป็นคนที่ปล่อยสิ่งที่สามารถช่วยได้ให้ผ่านเลยไปซะด้วยสิ
ไปรษณีย์เองก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่
แถมพรุ่งนี้ยังเป็นวันเสาร์...ใช่...วันหยุดนั่นแหละ
“เฮ่อ...นี่ผมถอนหายใจมากี่รอบแล้วเนี่ยะ...”ผมยกแขนข้างนึงก่ายหน้าผากแล้วคิดอย่างหนัก
“ถ้าพรุ่งนี้ไม่ได้อีกจะไม่มีครั้งต่อไปแล้วนะนายธีราทร”ผมพึมพำก่อนจะหลับไปในที่สุด
...........................................
........................
..........
...
.
เช้าวันเสาร์ผมตื่นตามเวลาไปทำงานปกตินั่นแหละ....ไปรษณีย์ก็ถือเป็นบริษัทบริษัทหนึ่งเหมือนกันและบริษัทเปิดตอน8โมงนั่นหมายความว่าไปรษณีย์ต้องเปิดตอน8โมง
ความคิดผมคือจัดการส่งซองจดหมายนั่นกลับไปหาเจ้าของซะแล้วเขาจะได้มานั่งอ่านงานต่อสักที...เมื่อคิดเรื่อยเปื่อยไม่นานผมก็จัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยพร้อมออกจากบ้าน
ตอนนี้เวลา7โมง50กว่าจะเดินไปถึงคงจะเปิดพอดี...ไปหาข้าวเช้าแถวตลาดเลยล่ะกัน
เมื่อคิดได้แบบนี้ผมก็มองในกระเป๋าอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าจดหมายอยู่ในนั้นแล้ว....ก่อนจะเดินออกจากบ้านเพื่อตรงไปยังที่ทำการไปรษณีย์
เมื่อผมมาถึงที่หน้ารั้วเดิม...ผมก็รู้สึกถึงบ้างอย่างที่เหมือนเดินไม่ผิดไปจากเมื่อวาน
เดจาวู...?
“....??”ผมมองรั้วที่มีโซ่คั่นไว้พร้อมกับป้ายตรงกลางที่เขียนว่า close อย่างงงๆ
ผมยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา...8โมง5นาที
ทำไมยังไม่เปิดอีกล่ะ??
“อ้าวพ่อหนุ่มคนเมื่อวานนี่นา...อรุณสวัสดิ์จ้าตื่นแต่เช้าเชียวนะ”ผมหันไปตามเสียงเรียกแล้วก็ได้เจอกับคุณป้าคนเมื่อวานอีกครั้ง...สองมือของเธอเต็มไปด้วยถุงกับข้าวแปลว่าพึ่งกลับมาจากตลาดแน่ๆเลย
“อรุณสวัสดิ์ครับ...ผมว่าจะมาส่งไปรษณีย์น่ะครับ...แต่...”ผมทักทายแล้วมองไปยังรั้วที่ถูกปิด
“อ้าว...นี่หนูไม่รู้เหรอว่าวันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่ทำการไปรษณีย์เปิด9โมงน่ะจ้า”สิ้นเสียงคุณป้าผมก็แทบล้มทั้งยืน
ให้ตายเถอะ...มีบริษัทเข้าทำงานตอน9โมงด้วยเหรอเนี่ยะ
ถึงจะทำงานเสาร์อาทิตย์ก็เถอะ
สบายกันจริงๆนะ
“เอ่อ...ผมไม่รู้น่ะครับ...งั้นเดี๋ยวผมไปทานข้าวก่อนค่อยกลับมาใหม่ละกันครับ...ขอบคุณนะครับ”
“จ้า...”
หลังจากที่ลากับคุณป้าผมก็เดินตรงไปหาอะไรกินที่ตลาดผมเลือกกินก๋วยเตี๋ยวและพยายามกินให้นานที่สุดเพื่อยืดเวลาให้ถึง9โมง...
และเมื่อได้เวลา9โมงตรงผมก็ลุกออกจากร้านแล้วตรงไปยังไปรษณีย์ทันที...แล้วก็รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อยเขาเอาโซ่ออกแล้ว...ผมเดินตรงเข้าไปข้างในก่อนจะผลักประตูเข้าไป
จากที่ผมมองดูรอบๆก็เห็นเพียงพนักงานเพียงไม่กี่คนเท่านั้น...แปลว่ายังมากันไม่ครบสินะ...เข้างานก็ช้าแล้วยังจะมาสายอีก
ผมส่ายหัวหน่อยๆแล้วเดินตรงไปยังเคาท์เตอร์ที่มีพนักงานยืนอยู่
“ผมอยากส่งจดหมายคืนไปที่ผู้ส่งนี่ครับ”ผมบอกพนักงานพร้อมกับยื่นซองจดหมายไปให้
พนักงานสาวที่อายุไม่น่าเกิน30รับซองจดหมายนั่นไปดูแล้วหันหลังไปหยิบอะไรบางอย่างที่สีน้ำตาลๆ...ซองใส่เอกสาร?
“เอ่อ...ต้องขอรบกวนให้คุณเขียนที่อยู่ผูส่งแล้วผู้รับบนนี้ด้วยนะค่ะเพราะจดหมายที่คุณนำมาอาจทำให้คนส่งไปรษณีย์ของเรางงได้ค่ะ”พนักงานสาวบอกผมพร้อมกับยื่นซองใส่เอกสารสีน้ำตาลและจดหมายซองเดิมมาให้
“...ครับ”ผมรับมาแบบจำใจก่อนจะเดินไปที่โต๊ะสำหรับเขียน...ผมใช้เวลาไม่นานในการเขียนชื่อที่อยู่ผู้ส่งใหม่แล้วนำจดหมายใส่เข้าไปในซองเอกสาร...ผมเตรียมเดินไปที่เคาท์เตอร์นั่นอีกครั้งแต่ก็ต้องชะงักเหมือนเห็นกระดาษสีขาวแผ่นสีเหลี่ยมเหมือนเป็นกระดาษโน้ตวางอยู่
“...”ผมลังเลอยู่สักพักก่อนจะหยิบกระดาษสีขาวนั้นขึ้นมาพร้อมกับเขียนข้อความบางอย่างลงไปแล้วใส่มันเข้าไปในซองเอกสารเพิ่มอีกอัน
“นี่ครับ”ผมยิ่นซองให้พนักเช็ก
“จะให้จัดส่งแบบไหนดีค่ะ”พนักงานถามหลังจากที่เช็กที่อยู่ด้านหน้าเรียบร้อบ
“...ครับ?”แบบไหน?...อะไร?
มันมีหลายแบบเหรอ????
“จะจัดส่งเป็นแบบธรรมดา...ลงทะเบียนหรือด่วนพิเศษดีค่ะ?”พนักงานเขาคีย์อะไรในคอมพิวเตอร์ก็ไม่รู้พร้อมกับถามต่อโดยไม่มองหน้าผมสักนิด
“...ห๊ะ?...ด่วนพิเศษ??”อะไรเนี่ยะ...เธอกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่น่ะ?
มีอะไรบ้างนะ...ผมฟังไม่ทัน!!
“การจัดส่งแบบด่วนพิเศษนะค่ะ...ทั้งหมด32บาทค่ะ”เธอสรุปเอาเองเฉยเลย...แถมยังเอาจดหมายผมไปชั่งน้ำหนักด้วย...เห้ยๆ...นี่ผมยังงงๆอยู่เลยนะ
“....???”ผมควักเงินจ่ายเธอไปแบบงงๆ
“เรียบร้อยแล้วค่ะ...จดหมายจะส่งถึงมือผู้รับภายใน1-2วันนะค่ะ...ขอบคุณค่ะ”
ผมเดินออกมาจากไปรษณีย์ด้วยอาการงงๆ
นี่มันเรื่องอะไรเนี่ยะ!!!
..................................................................................
ความคิดเห็น