ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -จบ-✉ CorrespondencE สื่อรักทางจดหมาย!✉ {ํYaoi/BL}

    ลำดับตอนที่ #2 : ✉ จดหมายฉบับที่1 ✉ จดหมายที่ได้รับ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.65K
      247
      9 ก.พ. 58


    จดหมายฉบับที่1 จดหมายที่ได้รับ




    ผมมองจดหมายภายในกล่องจดหมายอย่างไม่เข้าใจนัก
    ...ผมมั่นใจว่าผมไม่มีคนรู้จักที่จะส่งจดหมายมาคุยกับผมแน่ๆ

     

     

    พ่อแม่เหรอ?

     

     

    พวกท่านเสียไปตั้งแต่ผมอายุ20แล้วล่ะ

     

     

    พี่น้อง?

     

     

    ผมเป็นลูกโทนน่ะ

     

     

    ญาติ?

     

     

    ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะมีธุระอะไรกับผมหรอกนะ

     

     

    ในเมื่อคิดแล้วว่าไม่น่าจะเป็นคนรู้จักของผมส่งมาก็คงมีเหลือความจริงอยู่แค่ไม่กี่อย่าง

     

     

    “....”

     

     

    ผมมองซองจดหมายนั่นอย่างลังเลอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจหยิบมันขึ้นมาแล้วพลิกดูชื่อคนส่ง

     

     

     

    นาย ธีราทร ภูมิทักษา

    225/8 .6 .xx ถนนxxx

    เขตxxx กรุงเทพฯ 10200’

     

     

     

    “....?”

     

     

    ใคร...?

     

     

    ชื่อไม่คุ้น  นามสกุลยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย

     

     

    ผมเลยเลื่อนสายตามาทางชื่อที่อยู่ผู้รับดู

     

     

     

    นางสาว สวรรยา ภูมิทักษา

    263/56 .3 .xxx ถนนxxx

    .เมือง จ.ชลบุรี 20000 ’

     

     

     

    และก็เป็นอย่างที่คิด...

     

     

    ส่งผิด!!!

     

     

    เฮ่อ...”ผมถอนหายใจเบาๆแล้วมองดูซองจดหมายในมืออีกครั้ง

     

     

    ที่อยู่ของผู้รับบนซองนั่นเป็นของผมจริงๆนั่นแหละแต่อย่างที่บอกไปว่าผมเป็นลูกคนเดียวและตอนนี้ก็อยู่บ้านคนเดียวด้วยจะไปมีนางสาวอะไรนั่นมาอยู่ได้ไงล่ะ

     

     

    แปลว่าไม่ใช่เพราะส่งผิด

     

     

    แต่เขียนที่อยู่ผิดสินะ

     

     

    ให้ตายเถอะแค่ที่อยู่ง่ายๆจะจำให้ถูกหน่อยไม่ได้รึไงกัน

     

     

    “....”ผมส่ายหัวเบาๆแล้วมองจดหมายในมืออย่างครุ่นคิดเท่าที่เห็นสองคนนี่ท่าจะเป็นพี่น้องกันนะนามสกุลเหมือนกันนี่

     

     

    เอาไงดีล่ะปล่อยไว้ดีไหม...เป็นพี่น้องกันถ้าไม่ได้จดหมายเดี๋ยวคงโทรไปถามเองละมั้ง

     

     

    แต่ถ้าโทรไปถามได้ก็แปลว่าคุยกันทางโทรศัพท์ก็ได้ไม่เห็นต้องส่งจดหมายเลย

     

     

    แปลว่าอาจไม่รู้เบอร์โทร?  เปลี่ยนเบอร์ใหม่?

     

     

    แปลว่าจดหมายสำคัญ?!

     

     

    เฮ่อ...ไว้พรุ่งนี้จะส่งคืนให้ละกันนะนายธีราทรผมพึมพำกับตัวเองแล้วเดินเข้าไปโดยที่ไม่ลืมเอาซองจดหมายนั้นใส่ลงในกระเป๋าไว้

     

     

    หลังจากนั้นกิจวัตรเดิมๆก็กลับมาอีกครั้ง

     

     

    กินอาหารเย็น

     

     

    อาบน้ำ

     

     

    ดูโทรทัศน์

     

     

    แล้วก็นอนหลับบนเตียงนุ่มไปในที่สุด

     

     

    ........................................................................

     

     

    ................................................

     

     

    .........................

     

     

    ...........

     

     

    ...

     

     

    .

     

     

    เช้าวันต่อมาผมก็ทำกิจวัตรตามปกติกินอาหารเช้าและออกไปทำงาน...ผมทำอยู่อยู่ในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งโดยมีหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบบัญชี

     

     

     

    รายได้ค่อนข้างดีถึงดีมากแต่มันก็แลกมาด้วยความปวดหัวที่ใหญ่ยิ่ง...พาราแทบจะช่วยอะไรไม่ได้เลยตอนที่ตรวจดูงบจากคนทำบัญชีแล้วเลขมันดันไม่ตรงกันเลยสักคนแต่ก็ดันทำให้มันเป็นงบดุลได้ทั้งหมด...ขอคาราวะเลย

     

     

     

    หลังจากนั่งตรวจสอบบัญชีได้ครึ่งนึงผมก็ลุกขึ้นยืนยืดเส้นยืดสายให้สบายตัวหน่อยนั่งติดต่อกันมา4ชั่วโมงแล้ว...เมื่อหันไปมองนาฬิกาก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงกว่าแล้ว

     

     

    “...ไม่ค่อยหิวแฮะเมื่อวางมือลงบนท้องแล้วหลับตาลงก็ไม่รู้สึกอะไร...ไม่หิว...ไม่รู้สึกปวดท้องเลยด้วย...

     

     

    งั้นก็ไม่ต้องกินข้าวกลางวันละกัน

     

     

    เมื่อคิดได้แบบนั้นผมก็นั่งลงแล้วเริ่มทำงานต่อทันที

     

     

     

    ผมอาจจะยังไม่ได้บอกแต่ผมมีห้องทำงานส่วนตัวเพราะงั้นต่อให้ผมยืนบิดขี้เกียจแล้วหาวต่อก็ไม่มีใครมาว่าผมหรอกนะแต่กว่าที่ผมจะมาได้ถึงขนาดนี้ก็ใช้เวลาไปหลายปีอยู่...ไม่ว่าจะอยู่บริษัทไหนต่างก็มีการแข็งขันกันทั้งนั้นผมใช้เวลา6ปีจนมาอยู่จุดนี้...ไม่รู้หรอกนะว่ามันใช้เวลามากหรือน้อยเพราะผมไม่ได้ให้ความสนใจกับเวลา

     

     

    อย่างที่บอกไปเวลามันเดินอยู่ตลอดแล้วมันก็หมุนเวียนอยู่เป็นวงกลมแบบนี้...ดังนั้นผมไม่เห็นว่ามีความจำเป็นอะไรที่ต้องรีบร้อน

     

     

    ผมชอบความมั่นคงที่แน่นอน....การที่เราเร่งรีบที่จะทำอะไรสักอย่าง...แค่ได้ชื่อว่าเร่งรีบแล้วมันก็ไม่มีความแน่นอนแล้วล่ะ...ไม่มีใครรีบแล้วทำสิ่งนั้นออกมาดีได้หรอก

     

     

    ทุกสิ่งทุกอย่างมันจึงจำเป็นต้องใช้เวลา

     

     

    ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรตาม

     

     

    ผมนั่งตรวจแล้วแก้ข้อผิดพลาดของบัญชีไปบางส่วน...เมื่อผมมองดูนาฬิกาอีกครั้งก็เป็นเวลา5โมงกว่าแล้ว...เลยเวลาเลิกงานมาแล้วสินะ

     

     

     

    ที่บริษัทให้พนักงานเลิกงานตอน5โมงเย็นมีบางหน่วยที่มีให้อยูโอที...แต่สำหรับคนทำบัญชีคงจะรู้ๆกันอยู่พอได้เริ่มทำแล้วมันก็จะหยุดไม่ได้เวลาจะผ่านไปเร็วจนเราเองยังต้องตกใจแต่การที่เป็นแบบนั้นมันก็ทำให้สมองค่อนข้างล้าเลยทีเดียว

     

     

     

    “....”ผมมองงานสลับกับเอกสารบนโต๊ะ...ตอนนี้ผมแก้ไปได้กว่าครึ่งแล้วกว่าจะถึงกำหนดส่งก็อีกนานอยู่...วันนี้พอแค่นี้ละกัน

     

     

    ใช้เวลาไม่นานในการจัดเอกสารต่างๆให้เรียบร้อยพร้อมทั้งปิดคอมพิวเตอร์ให้เรียบร้อย...เอกสารบางส่วนที่ต้องนำกลับไปอ่านที่บ้านถูกแยกไว้อย่างชัดเจนก่อนจะนำใส่กระเป๋า

     

     

    “....ซองจดหมาย?”ผมมองซองจดหมายในกระเป๋าอย่างงงๆก่อนที่ความทรงจำจะค่อยๆฝุดขึ้นมาอย่างช้าๆแต่ชัดเจนเลยทีเดียว....

     

     

    นี่ผมต้องแวะไปรษณีย์ก่อนกลับใช่ไหมเนี่ยะ?

     

     

     

    อย่างน้อยก็ดีที่ระหว่างทางกลับบ้านผมมีไปรษณีย์อยู่พอดีเลยไม่จำเป็นต้องเดินไปไกล

    อ่านไม่ผิดหรอกครับ...ผมเดินไปทำงาน...จากบ้านถึงบริษัทมันไม่ได้ไกลมากนักที่จริงผมก็มีรถนะแต่การที่ต้องมาแย่งที่จอดรถกันในตอนเช้าเป็นสิ่งที่ผมไม่ชอบมากที่สุดเพราะงั้นการเดินมาก็เป็นสิ่งเหมาะสมมากที่สุด

     

     

     

    ผมเดินคิดเรื่อยเปื่อยมาจนถึงที่ทำการไปรษณีย์

     

     

    “....??”ผมขมวดคิ้วมองรั้วทางเข้าที่เขียนว่า close พร้อมทั้งมีโซ่ขวางไว้ไม่ให้เข้าไป

     

     

    “...????”อะไร...ทำไมล่ะ

     

     

    พ่อหนุ่มมาทำไรป่านนี่ล่ะจ๊ะ...ไปรษณีย์เขาปิดไปนานแล้วนะคุณป้าคนนึงที่ถือถุงกับข้าวมาเต็มมือเดินมาหาผมพร้อมกับถามด้วยความสงสัย

     

     

    ผมต่างห่ากล่ะที่กำลังสงสัยน่ะ

     

     

    เดี๋ยวนะ...เมื่อกี๊คุณป้าพูดว่า...

     

     

    “..ปิดนานแล้วเหรอครับผมถามคุณป้าตรงหน้า

     

     

    จ๊ะ...พ่อหนุ่มไม่รู้เหรอเขาปิดตั้งแต่4โมงกว่าแล้วล่ะจ้าคำตอบของคุณป้าทำเอาผมเกือบล้มทั้งยืน...ปิดตั้งแต่4โมงกว่า

     

     

    จะปิดเร็วไปไหม!?

     

     

    ไม่เห็นใจคนที่ทำงานถึง5โมงบ้างเลยรึไง!!

     

     

    อ่า...ขอบคุณมากนะครับ

     

     

    ไม่เป็นไรจ้าคุณป้าบอกลาด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินจากไป

     

     

    แต่ผมนี่สิที่ยิ้มไม่ออก

     

     

    ก็จริงที่ผมไม่เคยมาไปรษณีย์เลยไม่รู้ว่าปิดกี่โมง

     

     

    แต่การที่เดินผ่านอยู่ทุกวันแต่ไม่เคยสงสัยเลยนี่สิ...

     

     

    เฮ่อ...ถือว่าไม่มีบุญล่ะกันนะนายธีราทรผมพึมพำแล้วมองซองจดหมายพร้อมกับใส่มันลงไปในกระเป๋าอีกครั้งนึงก่อนจะเดินตรงไปซื้ออาหารเย็นที่ตลาด

     

     

     

    แล้วกิจวัตรเดิมของผมก็กลับมาอีกครั้งกินข้าว  อาบน้ำ  และนอน แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือตอนนี้ผมกำลังคิดถึงซองจดหมายที่ส่งผิดนั่น...ถ้ามันเป็นจดหมายสำคัญขึ้นมาจะทำไงล่ะ

    ผมไม่อยากจะเป็นคนที่ปล่อยสิ่งที่สามารถช่วยได้ให้ผ่านเลยไปซะด้วยสิ

     

     

     

    ไปรษณีย์เองก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่

     

     

    แถมพรุ่งนี้ยังเป็นวันเสาร์...ใช่...วันหยุดนั่นแหละ

     

     

    เฮ่อ...นี่ผมถอนหายใจมากี่รอบแล้วเนี่ยะ...”ผมยกแขนข้างนึงก่ายหน้าผากแล้วคิดอย่างหนัก

     

     

    ถ้าพรุ่งนี้ไม่ได้อีกจะไม่มีครั้งต่อไปแล้วนะนายธีราทรผมพึมพำก่อนจะหลับไปในที่สุด

     

     

     

    ...........................................

     

     

    ........................

     

     

    ..........

     

     

    ...

     

     

    .

     

     

    เช้าวันเสาร์ผมตื่นตามเวลาไปทำงานปกตินั่นแหละ....ไปรษณีย์ก็ถือเป็นบริษัทบริษัทหนึ่งเหมือนกันและบริษัทเปิดตอน8โมงนั่นหมายความว่าไปรษณีย์ต้องเปิดตอน8โมง

     

     

    ความคิดผมคือจัดการส่งซองจดหมายนั่นกลับไปหาเจ้าของซะแล้วเขาจะได้มานั่งอ่านงานต่อสักที...เมื่อคิดเรื่อยเปื่อยไม่นานผมก็จัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยพร้อมออกจากบ้าน

     

     

     

    ตอนนี้เวลา7โมง50กว่าจะเดินไปถึงคงจะเปิดพอดี...ไปหาข้าวเช้าแถวตลาดเลยล่ะกัน

    เมื่อคิดได้แบบนี้ผมก็มองในกระเป๋าอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าจดหมายอยู่ในนั้นแล้ว....ก่อนจะเดินออกจากบ้านเพื่อตรงไปยังที่ทำการไปรษณีย์

     

     

     

    เมื่อผมมาถึงที่หน้ารั้วเดิม...ผมก็รู้สึกถึงบ้างอย่างที่เหมือนเดินไม่ผิดไปจากเมื่อวาน

     

     

    เดจาวู...?

     

     

    “....??”ผมมองรั้วที่มีโซ่คั่นไว้พร้อมกับป้ายตรงกลางที่เขียนว่า close อย่างงงๆ

     

     

    ผมยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา...8โมง5นาที

     

     

    ทำไมยังไม่เปิดอีกล่ะ??

     

     

     

    อ้าวพ่อหนุ่มคนเมื่อวานนี่นา...อรุณสวัสดิ์จ้าตื่นแต่เช้าเชียวนะผมหันไปตามเสียงเรียกแล้วก็ได้เจอกับคุณป้าคนเมื่อวานอีกครั้ง...สองมือของเธอเต็มไปด้วยถุงกับข้าวแปลว่าพึ่งกลับมาจากตลาดแน่ๆเลย

     

     

     

    อรุณสวัสดิ์ครับ...ผมว่าจะมาส่งไปรษณีย์น่ะครับ...แต่...”ผมทักทายแล้วมองไปยังรั้วที่ถูกปิด

     

     

    อ้าว...นี่หนูไม่รู้เหรอว่าวันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่ทำการไปรษณีย์เปิด9โมงน่ะจ้าสิ้นเสียงคุณป้าผมก็แทบล้มทั้งยืน

     

     

    ให้ตายเถอะ...มีบริษัทเข้าทำงานตอน9โมงด้วยเหรอเนี่ยะ

     

     

    ถึงจะทำงานเสาร์อาทิตย์ก็เถอะ

     

     

    สบายกันจริงๆนะ

     

     

    เอ่อ...ผมไม่รู้น่ะครับ...งั้นเดี๋ยวผมไปทานข้าวก่อนค่อยกลับมาใหม่ละกันครับ...ขอบคุณนะครับ

     

     

    จ้า...”

     

     

    หลังจากที่ลากับคุณป้าผมก็เดินตรงไปหาอะไรกินที่ตลาดผมเลือกกินก๋วยเตี๋ยวและพยายามกินให้นานที่สุดเพื่อยืดเวลาให้ถึง9โมง...

     

     

    และเมื่อได้เวลา9โมงตรงผมก็ลุกออกจากร้านแล้วตรงไปยังไปรษณีย์ทันที...แล้วก็รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อยเขาเอาโซ่ออกแล้ว...ผมเดินตรงเข้าไปข้างในก่อนจะผลักประตูเข้าไป

     

     

    จากที่ผมมองดูรอบๆก็เห็นเพียงพนักงานเพียงไม่กี่คนเท่านั้น...แปลว่ายังมากันไม่ครบสินะ...เข้างานก็ช้าแล้วยังจะมาสายอีก

     

     

    ผมส่ายหัวหน่อยๆแล้วเดินตรงไปยังเคาท์เตอร์ที่มีพนักงานยืนอยู่

     

     

     

    ผมอยากส่งจดหมายคืนไปที่ผู้ส่งนี่ครับผมบอกพนักงานพร้อมกับยื่นซองจดหมายไปให้

    พนักงานสาวที่อายุไม่น่าเกิน30รับซองจดหมายนั่นไปดูแล้วหันหลังไปหยิบอะไรบางอย่างที่สีน้ำตาลๆ...ซองใส่เอกสาร?

     

     

     

    เอ่อ...ต้องขอรบกวนให้คุณเขียนที่อยู่ผูส่งแล้วผู้รับบนนี้ด้วยนะค่ะเพราะจดหมายที่คุณนำมาอาจทำให้คนส่งไปรษณีย์ของเรางงได้ค่ะพนักงานสาวบอกผมพร้อมกับยื่นซองใส่เอกสารสีน้ำตาลและจดหมายซองเดิมมาให้

     

     

     

    “...ครับผมรับมาแบบจำใจก่อนจะเดินไปที่โต๊ะสำหรับเขียน...ผมใช้เวลาไม่นานในการเขียนชื่อที่อยู่ผู้ส่งใหม่แล้วนำจดหมายใส่เข้าไปในซองเอกสาร...ผมเตรียมเดินไปที่เคาท์เตอร์นั่นอีกครั้งแต่ก็ต้องชะงักเหมือนเห็นกระดาษสีขาวแผ่นสีเหลี่ยมเหมือนเป็นกระดาษโน้ตวางอยู่

     

     

     

    “...”ผมลังเลอยู่สักพักก่อนจะหยิบกระดาษสีขาวนั้นขึ้นมาพร้อมกับเขียนข้อความบางอย่างลงไปแล้วใส่มันเข้าไปในซองเอกสารเพิ่มอีกอัน

     

     

    นี่ครับผมยิ่นซองให้พนักเช็ก

     

     

    จะให้จัดส่งแบบไหนดีค่ะพนักงานถามหลังจากที่เช็กที่อยู่ด้านหน้าเรียบร้อบ

     

     

    “...ครับ?”แบบไหน?...อะไร?

     

     

    มันมีหลายแบบเหรอ????

     

     

    จะจัดส่งเป็นแบบธรรมดา...ลงทะเบียนหรือด่วนพิเศษดีค่ะ?”พนักงานเขาคีย์อะไรในคอมพิวเตอร์ก็ไม่รู้พร้อมกับถามต่อโดยไม่มองหน้าผมสักนิด

     

     

    “...ห๊ะ?...ด่วนพิเศษ??”อะไรเนี่ยะ...เธอกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่น่ะ?

     

     

    มีอะไรบ้างนะ...ผมฟังไม่ทัน!!

     

     

    การจัดส่งแบบด่วนพิเศษนะค่ะ...ทั้งหมด32บาทค่ะเธอสรุปเอาเองเฉยเลย...แถมยังเอาจดหมายผมไปชั่งน้ำหนักด้วย...เห้ยๆ...นี่ผมยังงงๆอยู่เลยนะ

     

     

    “....???”ผมควักเงินจ่ายเธอไปแบบงงๆ

     

     

    เรียบร้อยแล้วค่ะ...จดหมายจะส่งถึงมือผู้รับภายใน1-2วันนะค่ะ...ขอบคุณค่ะ

     

     

    ผมเดินออกมาจากไปรษณีย์ด้วยอาการงงๆ

     

     

    นี่มันเรื่องอะไรเนี่ยะ!!!

     

    ..................................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×