ภรรยาข้าเจ้าช่างร้ายกาจยิ่งนัก
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ อดีต ปัจจุบัน อนาคต Tags : ไม่ฮาเล็ม, แย่งชิง, สงคราม, การต่อสู้แย่งชิง, ความรักหวาน
ผู้แต่ง : ไห่ถาง/เพลงนารา
My.iD :
https://my.dek-d.com/nicedear/writer/
ตอนที่ 20 : กองหนุนผู้เลอโฉม100%
เสียงประทัดดังอยู่ที่หน้าโรงเตี้ยมเปิดใหม่ ‘เซียนอี้’ ที่ใหญ่สุดในเมืองเจียงไห่ ข่าวแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็วว่าเจ้าของคือบุตรสาวพ่อค้าใหญ่ที่ร่ำรวยจากแดนใต้ ร่างบางในชุดหรูหราสีน้ำเงินอมม่วงที่ตัดเย็บแปลกตา ก้าวออกมายืนตรงระเบียงร้านโบกมือทักทายผู้คนที่มาชมงานเปิดตัวของโรงเตี้ยม ใบหน้าภายใต้ผ้าคาดที่ร้อยด้วยไข่มุกเม็ดงามราคาแพง ยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อสายตาสบเข้ากับใครบางคนที่มิเจอกันนานนับปี
ข้างกายของเขายังคงมีสตรีอีกนางหนึ่งที่งดงามดั่งดอกไม้แต่พิษร้ายยิ่งกว่าจงอาง ดวงตาหวานฉ่ำส่งยั่วเย้าให้ชายหนุ่มที่ขณะนี้เผลอเคลิ้บเคลิ้มไปกับนาง ทำให้หญิงสาวอีกคนหมายชักกระบี่พุ่งเข้าหานางเสียด้วยซ้ำไป แต่คงได้แค่คิดกระมังเพราะนางยืนอยู่ในที่แจ้งไร้อาวุธใดๆ ‘เมื่อก่อนข้ายังมิกลัวพวกเจ้า ตอนนี้ข้าให้เจ้าสองคนพร้อมกันข้าก็มิหวั่น’
“นายหญิงท่านอ๋องกับนายท่านมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”หญิงสาวทำเพียงพยักหน้ารับการบอกเล่าของคนสนิท ก่อนจะกลับเข้าไปในฐานะเจ้าของร้านนางคงต้องกล่าวอะไรสักหน่อย
“ข้ามีนามว่าฟางเล่อขอฝากเนื้อฝากตัวกับชาวเมืองเจียงไห่ด้วยนะเจ้าค่ะ วันนี้โรงเตี้ยมเซียนอี้ได้ทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ มิว่าจะเป็นที่พักหรือในส่วนของสุราอาหาร เซียนอี้ของเรายินดีตอนรับทุกๆท่าน ขอเชิญร่วมเป็นเกียรติดื่มกินในวันนี้กันอย่างเต็มที่ ถ้าอย่างไรเวลานี้ข้าขอตัวก่อนแล้วค่อยพบกันนะเจ้าค่ะ”
กล่าวจบหญิงสาวได้ยกจอกสุราชูขึ้นพร้อมประสานมือ เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่ผู้ที่มาร่วมงาน ก่อนจะใช้แขนเสื้อบังใบหน้าดื่มเหล้าหมดจอก และกลับเข้าไปด้านใน หน้าโรงเตี้ยมมีการตังจุดแจกอาหารให้แก่คนยากไร้และบรรดาขอทาน
หยางซานหลางดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันทีเมื่อประสานเข้ากับสตรีนามฟางเล่อ ความอ่อนหวานบวกความสง่างามในแบบชนชั้นสูง เขามิอาจอธิบายได้แต่หญิงสาวเปรียบเสมือนม้าพยศที่รอให้ผู้กล้ามาปราบ
จีกวานฮวากำหมัดแน่นจนห้อเลือด นางเป็นสตรีย่อมรู้สึกได้ถึงภัยคุกคาม โม่ไป๋หลานตายไปสวรรค์ยังกลั่นแกล้งส่งสตรีแพศยาฟางเล่อมาอีกคนหรือ แม้งานแต่งจะถูกกำหนดแล้วแต่ใช่ว่าจะยิ่งใหญ่เท่าตอนงานแต่งของหยางซานหลางและโม่ไป๋หลาน เรื่องนั้นก็ทำให้นางแค้นเคืองอยู่มิน้อย แล้วนี้อะไรกันอยู่ๆนายหญิงของโรงเตี้ยมเซียนอี้ยังจะมาเป็นเสี้ยนหนามอีกคนหรืออย่างไรกัน
“พี่ซานหลางเจ้าคะ จะกลับกันหรือยัง”
เสียงของหญิงสาวห้วนต่างจากที่เคย ทำให้ชายหนุ่มหันกลับไปมองคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน สีหน้ามิค่อยพอใจเท่าใดนัก หยางซานหลางมิกล่าวอันใดออกมา เขาเดินนำไปด้วยอาการเลื่อนลอย ดวงตาคู่นั้นของแม่นางฟางเล่อช่างดึงดูดสายตาเขายิ่งนัก มันชวนมองจนมิอาจถอนออกมาได้ ‘ข้าต้องได้รู้จักเจ้ามากกว่านี้แน่นอนฟางเล่อ’
‘สวะหมายกินเนื้อหงส์’ ถงเหยียนเจี๋ยยืนมองหยางซานหลางจากห้องรับรอง บนโรงเตี้ยมเซียนอี้ของภรรยา ตลอดเวลานับปีที่ร่วมยกน้ำชาเป็นสามีภรรยากันมา แม้มิเคยแตะเนื้อต้องตัวตามที่เคยรับปาก แต่ก็ติดต่อกันอยู่มิขาดไม่ว่าจะเป็นจดหมายหรือสิ่งของ เขาและนางจะส่งให้กันเสมอมา
“เจ้ากำลังหึงน้องสาวข้าอยู่หรือเจี๋ย”
“บ้าไปแล้วหยวนฟาง เจ้าก็รู้ดีว่าเล่อเล่อมีใจให้ผู้ใดมาตลอด”
ถงเหยียนเจี๋ยเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะก่อนจะเทเหล้าลงจอกหยกใบงาม ยกขึ้นดื่มติดกันหลายจอก แม้ว่าชายผู้นั้นจะมิเคยรักใคร่หญิงสาวเลยสักนิด แต่ในใจของนางคงมิแคล้วมีเพียงหยางซานหลางโดยมิต้องคาดเดาให้เสียเวลา การที่นางบอกว่ามิเคยนึกถึงแม่ทัพหนุ่มคงเพราะเสียใจเท่านั้นเอง
โม่หยวนฟางมองเพื่อนรักแล้วอยากหัวเราะออกมาดังๆ สตรีที่ไม่มีใจไยจะส่งจดหมายตอบกลับและข้าวของที่แสดงความเป็นตัวนางมาให้ เพื่อยืนยันว่าบุรุษผู้นี้เป็นของนางแต่เพียงผู้เดียว เหยียนเจี๋ยเก่งกล้าสามารถไปเสียทุกด้านแต่กลับโง่งมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรกัน
เมื่อครั้งที่พวกเขาพึงใจในหญิงงามบุตรสาวเจ้าเมืองชางอี้ ตอนนั้นเป็นพวกเขาที่ส่งของกำนัลเพื่อเกี้ยวพา แต่มิเคยรู้มาก่อนว่าหญิงสาวเองก็ตอบรับพวกเขาทั้งคู่พร้อมๆกัน จนเมื่อความจริงเปิดเผยแทนที่เขาทั้งคู่จะแย่งชิงหญิงสาว แต่ได้พากันเดินทางกลับไปยังชางชีในทันที มิคิดเอามิตรภาพไปแลกกับสตรีเพียงผู้เดียว ครั้งนี้ต่างออกไปเหยียนเจี๋ยกับฟางเล่อแต่งงานกันเพราะเหตุจำเป็น แต่ก็มิใช่ว่าจะรักกันมิได้ และเขามั่นใจว่าในใจของน้องสาวหมดสิ้นเยื่อใยต่อหยางซานหลางแล้วอย่างแน่นอน
“คืนนี้เราไปพิสูทธ์กันเจี๋ย ว่าเล่อเล่อยังมีใจต่อหยางซานหลาง หรือมีต่อเจ้ากันแน่”
“อย่างไรหยวนฟางเจ้าคิดจะทำอันใด”
ยังมิทันเอ่ยถามต่อ เสียงฝีเท้าของใครหลายคนก็เดินมาหยุดอยู่หน้าห้องของพวกเขาเสียก่อน โม่หยวนฟางจึงยิ้มออกมาอย่างคนเจ้าแผนการ
“คืนนี้พวกเราไปผ่อนคลายที่หอร้อยราตรีกันดีกว่า”
ถงเหยียนเจี๋ยกำลังคิดที่จะปฏิเสธออกไป แต่เท้ากลับถูกเพื่อนรักเหยียบเข้าเต็มแรง แถมยังทำหน้าตายใส่เขาอีกต่างหาก
“ดะ..ได้คืนนี้ข้าเองก็อยากผ่อนคลายความเป็นบุรุษสักหน่อย”
โม่หยวนฟางยิ้มอย่างพอใจกับท่าทีของเพื่อน เขามั่นใจว่าน้องสาวต้องได้ยินชัดเจน และจริงดังคาดเมื่อประตูเปิดออก ชายหนุ่มคิดจะหันไปยิ้มยั่วผู้เป็นน้องสาว แต่จากรอยยิ้มกลับกลายเป็นอ้าปากค้าง ใบหน้าเริ่มซีดมีเหงื่อเม็ดเล็กๆผุดขึ้นเต็มใบหน้าแทน ผู้ที่ก้าวเข้ามามิใช่น้องสาวเพียงคนเดียวแต่เป็นหญิงสาวอีกคน ที่เขามิคิดว่านางจะมาปรากฏตัวในเวลานี้ ‘นะ…ไหนนางบอกมาไม่ได้ ยะ…ไยถึงยืนอยู่ตรงนี้’ ถงเหยียนเจี๋ยจากที่มีใบหน้าเจื่อนๆตอนนี้เขาอยากจะหัวเราะออกมาดังๆเสียมากกว่า คืนนี้คงได้รู้กันสหายข้า
“คืนนี้คิดจะล้มเลิกหรือไม่หยวนฟาง”
“ไม่ ข้าจะไปเชื่อเถอะสตรีเป็นเพียงแม่ศรีเรือน มิใช่แม่เสือเจ้าเชื่อข้าเจี๋ย”
“เจ้าแน่ใจนะ”
อะ!แฮม…เสียงกระแอมของโม่ฟางเล่อ ทำให้สองหนุ่มพากันแสร้งยกสุราขึ้นดื่ม หญิงสาวสองนางเดินเคียงกันเข้ามาภายในห้อง ใบหน้าหวานละมุนพากันยิ้มหวานหยดย้อย โม่ฟางเล่อพร้อมแขกที่นางได้ส่งเทียบเชิญไปล่วงหน้าก่อนแล้ว
หญิงสาวที่ทำให้พี่ชายของนางยิ้มได้ทุกครั้งที่เอ่ยถึง หลายหนที่ฟางเล่อตามมาแอบดูบุรุษทั้งสองที่ชายแดนเจียงไห่อยู่เสมอ พร้อมวางแผนการเพื่อคอยช่วยพี่ชายและสามีอย่างลับๆ มีทรัพย์มากแม้พลังยังมิเก่งกาจในเวลานั้น จะรังสรรค์สิ่งใดก็ย่อมง่ายอย่างใจนึก นางกับเมี่ยวจ้านรู้จักกันโดยการแนะนำจากอดีตแม่สามี ที่ถูกกล่าวหาว่าหนีตามชู้รักไปและหายสาปสูญ
ฮ่องเต้จึงมีราชโองการให้แม่ทัพหยางซานชินหย่าขาดจากหลิวเจินเจิน เพื่อมิให้สกุลหยางเสื่อมเสีย สร้างความพอใจให้หยางซานชินมิน้อย แต่หารู้ไม่ว่ามันคือความตั้งใจตัดกำลังของสกุลหยาง หากไม่มีความสัมพันธ์กับหลิวเจินเจินหยางซานชินก็มิสามารถขอกำลังหรือแรงสนับสนุนจากสกุลหลิวได้อีก มันเป็นแผนการที่อาจสร้างความเสื่อมเสียให้สกุลหลิวอยู่บ้าง แต่แม่ทัพหลิวไห่กลับยินดี ซ้ำเขาปล่อยข่าวลวงว่าเวลานี้บุตรสาวกำลังจะเดินทางข้ามชายแดน ทำให้หยางซานชินรีบมายังเจียงไห่เพื่อกำจัดอดีตภรรยาเสีย และเป็นเวลาที่เหมาะสมกับการปรากฏตัวของพวกนางที่จะเริ่มแผนการต่อไป
“คุยอันใดกันอยู่หรือเจ้าคะท่านพี่”
“คุยเรื่องคนด้านนอกโรงเตี้ยมน้องพี่”
เมี่ยวจ้านยังคงยืนยิ้มส่งให้แก่ทุกคน โม่หยวนฟางเมื่อควบคุมอาการได้จึง ลุกขึ้นยืนรับการทำความเคารพจากหญิงสาว ตามยศแล้วเมี่ยวจ้านสูงกว่าเขามากนัก แต่เมื่ออยู่ตรงนี้เขาอาวุโสสุดและตำแหน่งสูงกว่าทุกคน เรื่องคนสอดรู้ย่อมมีมิขาดสายเพียงแต่ในห้องอาหารมีไว้พูดคุยทั่วไปและปล่อยข่าวลวง แผนการของพวกเขามิใช่พึ่งเริ่มแต่แทรกแซงมาบ้างแล้ว ทั้งสี่คนนั่งลงก่อนจะพูดคุยกันอย่างออกรส เป็นอย่างที่คิดห้องข้างๆที่ส่งเสียงดัง แท้จริงคือคนที่ถูกส่งมาตรวจสอบ ฟางเล่อว่าคือใครกันแน่
ค่ายทหารเจียงไห่
หยางซานหลางก้าวตรงไปยังกระโจมที่บิดากำลังรอเขาอยู่ เวลานี้ใจของแม่ทัพหนุ่มหวนนึกถึงแต่เพียงสายตาของนายหญิงแห่งเซียนอี้ ดวงตาดื้อรั้นนั้นยังชวนมองแล้วหากปลดผ้าผืนบางที่ปิดบังใบหน้าออกจะงดงามเพียงใดกันเล่า รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาของหยางซานหลาง โดยที่มิได้ทันสังเกตสตรีผู้กำลังจะมาเป็นฮูหยินคนใหม่ของเขา ว่าตอนนี้นางกำลังคิดสิ่งใดอยู่ ร่างสูงก้าวเข้าไปยังกระโจมโดยไร้เงาของคู่หมั้นที่มิรู้ว่านางหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่
จีกวานฮวาหายออกจากค่ายทหารอย่างรวดเร็ว นางมิมีวันยอมเสียชายคนรักให้แก่สตรีอื่นอีกแล้ว พวกลูกคุณหนูจะมีน้ำยาอันใดหากไร้ผู้อารักขา คืนนี้นางจะทำให้สตรีหน้าด้านหายไปอย่างถาวร จีกวานฮวาเงยหน้ามองป้ายทางเข้าพรรคเมฆาทมิฬที่สลักอักษรเฉพาะเอาไว้ ผู้ที่จะอ่านออกได้ มีเพียงสาวกเท่านั้น ก่อนจะขยับกลไกบางอย่างแล้วหายเข้าไปภายใน ร่างบางก้าวตรงไปยังส่วนรับแขก เมฆาทมิฬพรรคมารอันดับหนึ่งที่หายไปจากยุทธภพ แต่แท้จริงยังคงแฝงอยู่ในเงามืด เพื่อรอเวลาที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้ครองยุทธ์ภพอย่างแท้จริง ผู้ที่ขวางทางพวกเขาอยู่คือคนของพรรคโลกันต์ที่ทุกหนึ่งพันปีจะรวมตัวกันเพื่อพบประมุขผู้เป็นเจ้าของไข่มุกโลกันต์ และนี้ก็ครบเวลานั้นมากว่าหนึ่งปีแล้ว ไยคนผู้นั้นยังมิปรากฏตัวอีก
“คารวะท่านรองประมุข”
หนึ่งในสาวกลุกขึ้นทำความเคารพหญิงสาวผู้มาใหม่ด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางกำลังมีอารมณ์ครุกรุ่นอยู่มิน้อย จนทำให้ประมุขพรรคที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ถึงกับทำสีหน้างงงวย ไยวันนี้นางมารน้อยมือขวาของเขาถึงได้ดูมิสดชื่น สมกับหญิงสาวที่กำลังจะแต่งงานในมิช้า
“ใครทำหลานสาวข้ามิพอใจกัน บอกท่านอาของเจ้ามาสิเด็กน้อย”
“มิเป็นอันใดมากเจ้าค่ะท่านอา คืนนี้ข้าจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย”
“ระวังตัวด้วยข้ารู้สึกได้ถึงพลังแห่งไข่มุกโลกันต์ จำเอาไว้หลานข้ายิ่งเจ้าฝึกวิชามารแก่กล้ามากเท่าใด ก็จะเจ็บปวดมากเท่านั้นหากถูกพลังของไข่มุก”
“มันมีจริงหรือเจ้าคะ ไยป่านนี้มิปรากฏตักสักที คนของพรรคโลกันต์ก็หายสาปสูญไปหมด”
“พวกมันเลือกผู้สืบทอดด้วยหัวใจ สาวกพรรคโลกันต์ใช่จะประมาทได้ อาวุธลับเมื่อครั้งก่อนที่เจ้าได้รับบาดเจ็บมา คนทีใช้มิใช่คนที่เจ้าจะมองข้าม หากเขาคิดจะสังหารเจ้าก็ทำได้มิยาก เพราะคนผู้นั้นคือศิษย์เอกของพรรคโลกันต์ที่ถูกเลือกให้เป็นผู้อารักขาไข่มุกอย่างแน่นอน”
“ท่านอามั่นใจได้อย่างไรกัน”
“มีดใบหลิวหยกมีเพียงคนผู้เดียวที่จะถือมันได้ และเขาได้ตายไปแล้วเช่นนั้นคนที่ใช้มันต้องเป็นศิษย์เอกที่มิเคยเปิดเผยตัวตนอย่างไรละ”
จีกวานฮวานึกถึงคำกล่าวของบรรดาผู้อาวุโสภายในพรรค แม้จะสับสนอยู่เพราะนางเป็นศิษย์รุ่นหลังสุด แต่หากคิดให้ถี่ถ้วนนั้นก็คือเจ้าของไข่มุกได้ปรากฏแล้วนั้นเอง เล่ากันว่าศิษย์ที่เป็นเอกจะมิเปิดเผยตัวเมื่อถูกเลือกให้อารักขาไข่มุกเพื่อรอเจ้าของถือกำเนิด จึงทำให้พรรคมารมิเคยตามหาไข่มุกโลกันต์พบสักครั้ง
“ท่านอาข้าเหนื่อยแล้วขอตัวไปพักสักครู่เถิดเจ้าค่ะ”
“ไปเถอะเพราะอีกสามวันคนผู้นั้นก็จะมาถึง เจ้าต้องเตรียมตัวให้พร้อม”
“เจ้าค่ะ”
เมื่อรับคำของประมุขเสร็จหญิงสาวได้ทำความเคารพ ก่อนจะเดินไปยังอีกด้านของห้องเพื่อตรงไปยังที่พักของตนเอง แน่นอนคืนนี้นางมีเรื่องต้องไปจัดการ ควรพักผ่อนให้เพียงพอต่อการลงมือ
หน้าทางเข้าลับพรรคเมฆาทมิฬ
ลับร่างของจีกวานฮวาไป ใครบางคนก็ได้ปรากฏกายขึ้น ก่อนจะแหงนหน้ามองซุ้มผาหินที่เขียนคำว่าเมฆาเอาไว้ และสลักอักษรเฉพาะของพรรคมารที่เคยเลื่องชื่อเอาไว้
“อยู่ที่นี้เองหรือ เด็กน้อยฝีมือเจ้าจะเก่งกาจเพียงใดใช่ว่าจะเหนือกว่าผู้อาวุโสเช่นข้า”
หน้าที่ต่อจากนี้คือรอดูว่าขุนนางผู้ใดที่ร่วมมือกับพรรคมาร หมายทำลายสกุลโม่และยึดครองบัลลังก์ สองพ่อลูกสกุลหยางอาจเป็นตัวการหรือเพียงหมากที่ถูกใช้ให้เดินก็เป็นได้ หวังเป็นใหญ่ก็ต้องดูว่าใครคือผู้คุมเกม เมื่อพบเป้าหมายชายในชุดหลากสีก็ได้หายไปอย่างลึกลับเช่นกัน เขามิจำต้องอยู่นานให้เสียเวลา สตรีที่มีจิตใจใฝ่ในบุรุษเมื่อเกิดความหึงหวง ย่อมต้องหาทางกำจัดศัตรู กลับไปนอนรอนางมารน้อยมินานก็ต้องไปเยือนพวกเขาอยู่ดี
อัดให้นอ่มเลยน้องเล่อ
และร้ายกับอิกวาน
สนุกมากค่ะ
สนุกมากค่ะ รอตอนต่อไป
หน้าตาเหมือนเมียเก่า น้องกวานหวงหลัวแม่ทัพ ขอเอาคืนแบบสะใจแบบกระอักเลือด ยิ่งอยากใด้ยิ่งสนุก