ภรรยาข้าเจ้าช่างร้ายกาจยิ่งนัก
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ อดีต ปัจจุบัน อนาคต Tags : ไม่ฮาเล็ม, แย่งชิง, สงคราม, การต่อสู้แย่งชิง, ความรักหวาน
ผู้แต่ง : ไห่ถาง/เพลงนารา
My.iD :
https://my.dek-d.com/nicedear/writer/
ตอนที่ 10 : เพราะเช่นนี้หรือ2
“ท่านอ๋องน้อยคืนนี้ข้าจะรีบตามไป”
“อืมระวังตัวด้วย ไปกันเจี๋ย”
ชายหนุ่มทั้งสองกับหมาหนึ่งตัว พากันเดินออกไปสู่ความมืดของเมืองหลวง ส่วนทางด้านพ่อบ้านวัยกลางคนยังคงมิได้แสดงท่าทีอันใด แต่แทนที่เขาจะกลับไปยังเรือนพัก ฝีเท้านั่นมุ่งตรงไปยังเรือนไป๋หลาน
เรือนไป๋หลาน
หรู่อี้ที่กลับจวนมาหลังจากเกิดเหตุการณ์มินาน ได้ฟังเรื่องราวคราวๆจากผู้เป็นนาย ก่อนจะช่วยจัดเก็บข้าวของที่จำเป็นลงหีบ
“หรู่อี้พรุ่งนี้เจ้าไปแจ้งร้านผ้า ให้ส่งของตามไปยังจวนอ๋องแทนที่นี้นะ รีบอาบน้ำนอนกันเถอะ ต้องออกเดินทางแต่เช้า”
นี่เป็นครั้งแรกนับจากตื่นมาในร่างนี้ ที่นางจะได้ออกไปเจอสิ่งแปลกใหม่ ดีว่าโลกเก่าเกิดมาร่ำรวยจึงได้เรียน ขี่ม้าว่ายน้ำและอีกมากมาย ‘เย้ข้าจะออกท่องยุทธภพแล้ว หุ!!’ หรู่อี้ได้แต่อมยิ้มเมื่อถูกสั่งให้ไปอาบน้ำนอน นับตั้งแต่ฟื้นมาเจ้านายของนางชอบที่จะอาบน้ำก่อนนอนทุกคืน ตามปกติแล้วจะมิค่อยมีใครทำกัน
“ฮูหยินยังมิทันได้กินอะไรเลยนะเจ้าคะ เช่นนั้นข้าไปนำโจ๊กร้อนมาให้เจ้าค่ะ”
“ก็ดีท้องข้าร้องหลายรอบแลัว หิวๆแล้วนอนมิค่อยหลับ เอามาเผื่อตัวเจ้าด้วยละจะได้กินพร้อมๆกัน ถ้วยใหญ่ๆเลยนะหรู่อี้”
“เจ้าค่ะ”
หรู่อี้เปิดประตูก่อนจะหายออกไปจากห้อง หญิงสาวตรงไปยังห้องครัว แต่ต้องชะงักเล็กน้อยเมื่อพบ พ่อบ้านเการออยู่ตรงทางเดิน
“หรู่อี้คืนนี้อย่าประมาท ข้าเป็นห่วงความปลอดภัยของฮูหยินน้อย”
“เจ้าค่ะท่านลุง แล้วท่าน?”
“ข้าจะออกไปพบท่านอ๋อง เจ้ากำลังจะทำอะไร”
“จะไปต้มโจ๊กให้ฮูหยินน้อยเจ้าค่ะ”
“รีบไปรีบมา ข้าต้องไปจัดการงานภายในจวนให้เรียบร้อยก่อน จึงจะออกไปพบท่านอ๋องน้อย”
ทั้งสองพูดคุยกันเบาๆเหมือนทักทายกันปกติ พ่อบ้านเกาก็ทำเหมือนทุกครั้ง คือออกตรวจความเรียบร้อยภายในจวน ในเวลากลางคืนอยู่เป็นนิจ หรู่อี้รีบทำความเคารพแล้วตรงไปยังห้องครัวเพื่อทำอาหารให้ผู้เป็นนาย เมื่อพ่อบ้านออกจากเรือนไปเงาร่างใครบางคนได้ปรากฏขึ้น มิใช่หนึ่งแต่เป็นสอง ทั้งคู่ได้แยกกันออกคนละทางหนึ่งตรงไปยังห้องนายหญิงของเรือน ส่วนอีกคนตรงไปยังคนที่เดินหายไปยังห้องครัว
ไป๋หลานอาบน้ำเสร็จ ด้วยอากาศที่หนาวเย็นในเวลากลางคืน นางจึงใส่ชุดคลุมอีกชั้นเพื่อความอบอุ่น แอ๊ดด!!เสียงเปิดประตูแม้จะเบาแต่ ก็ยังมีเสียงเล็ดลอดเข้ามาอยู่ดี ไป๋หลานกำลังนั่งดูของอยู่ในห้องชั้นใน ซึ่งมีฉากกั้นทำให้มองห้องชั้นนอกมิชัดเจน เพราะทั้งห้องอาศัยเพียงแสงเทียนส่องสว่าง ทำให้คนที่ยังไม่คุ้นชินอย่างหลี่ถิง มองด้านหลังฉากเป็นเพียงเงาร่าง
“หรู่อี้ทำไมเสร็จเร็วจัง หรือเจ้าลืมอะไรเอาไว้หรือ”
“….”
ไม่มีเสียงตอบจึงทำให้เจ้าของห้องลุกขึ้น เพื่อที่จะออกไปดูว่าใครอาจเป็นสาวใช้คนอื่นที่ปกติจะมิเข้าห้องนางหากไม่ได้รับอนุญาต ยังก้าวมิทันพ้นฉากกั้น ไป๋หลานกลับขยับกายมิได้เสียแล้ว ‘สะกัดจุด เป็นแบบนี้นี่เองมันมีจริงๆด้วย’ คนในชุดดำเดินวนรอบร่างบางที่ยืนนิ่งขยับตัวมิได้ ทำได้เพียงกลอกตาไปมาปากขยับได้เท่านนั้น
“เจ้าเป็นใคร ต้องการอะไร หากเป็นทรัพย์สินก็จงเอาไป”
“ฮ่าๆๆๆทรัพย์สินข้ายังมิจำเป็นต้องใช้ แต่ข้าต้องการสิ่งอื่นมากกว่า”
“งั้นหรือเอาไปสิ”
มีดสั้นรูปร่างแปลกตา ถูกดึงออกมาจากฟัก ก่อนจะนำมาทาบยังแก้มนวลไล่ลงมายังลำคอระหง ความคลั่งแค้นของคนชุดดำเหมือนถูกกระพือขึ้นอีกครั้ง เมื่อมองความงามของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ผิวเนียนละเอียดดุจผิวทารกแม้ไร้การแต่งแต้มสีสันใดๆลงไป กลิ่นกายหอมละมุนชวนหลงไหล มืออีกค้างของคนร้ายรวบเข้าที่ลำคอขาวเนียนก่อนจะค่อยเพิ่มแรงบีบทีละน้อย แค๊ก!!ๆไป๋หลายเริ่มสำลักอากาศทีละน้อย ใบหน้าแดงกร่ำดุจสีเลือด เพียงครู่มือนั้นก็คลายออกพอให้นางได้สูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการทรมานตนมากกว่าต้องการฆ่าให้ตายในครั้งเดียว
“ไม่มีใครช่วยเจ้าได้หรอก เรือนนี้แทบไม่มีสาวใช้เจ้าก็รู้ดีกว่าผู้ใดว่าท่านแม่ทัพมิชอบให้ใครอยู่ใกล้มันวุ่นวาย คืนนี้ช่างเหมาะนักที่มีเจ้าอยู่แค่สองคนกับบ่าว ที่กำลังจะตามไปรับใช้แกในนรก ข้าใจดีมากรู้หรือไม่ที่มอบสาวใช้ให้แก่เจ้า”
“พูดมากอยากทำอะไรก็ลงมือเถอะ ข้าไม่คิดจะถามสาเหตุว่าเพราะอะไรถึงคิดเอาชีวิตกัน อย่าเสียเวลาอีกเลย ข้าไม่มีทางสู้เจ้าได้อยู่แล้วนี่”
ไป๋หลานจ้องตาอีกฝ่ายมิยอมหลบเช่นกัน หากต้องตายอีกรอบก็ขอดูคนฆ่าจนวินาทีสุดท้ายก็แล้วกัน เสียงใครบางคนเปิดประตูเข้ามาอย่างรีบร้อน เป็นคนชุดดำอีกคน
“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”
“อยากรู้ไหมว่าไยข้าต้องกำจัด หญิงสาวแสนงามเช่นเจ้า”
มือบางบีบที่ปากของไป๋หลาน ความนุ่มนิ่มมิบอกก็รู้ว่าเป็นสตรีนับตั้งแต่อีกฝ่ายยังมิทันเอ่ยปาก แต่จะทำอย่างไรได้ตัวขยับมิได้ สาวใช้ตอนนี้ก็มิรู้ชะตากรรมเพราะกระบี่ของหรู่อี้ที่นางพึ่งเคยได้จับตอนพากันเก็บข้าวของ ยังคงวางอยู่บนโต๊ะมิได้นำติดตัวไปด้วย
“เพราะอะไร หากอยากบอกๆตอนนี้เลยจะได้มิเสียเวลา”
“เจ้ามันแย่งทุกอย่างไปจากข้าอย่างไรเล่า หนำซ้ำตำแหน่งที่ข้ารอคอยมันมิมีโอกาสจะได้ครอบครองหากเจ้ายังอยู่”
“เป็นเจ้า”
ไป๋หลานยิ้มเย็นเพราะการคาดเดาของนางนั้นแม่นยำยิ่งนัก เสียงนั้นแม้จะพยายามดัดแปลงแค่ไหน แต่กลิ่นกายนางมิมีวันลืมเลือน ตำแหน่งที่นางครอบครองมีเพียงอย่างเดียวคือภรรยาเอกในแม่ทัพหยางซานหลาง เพราะเช่นนี้หรือที่นางถึงต้องถูกกำจัด
“เหตุผลนี้สินะที่เจ้ามิยอมแต่งเข้ามา”
มือบางดึงผ้าปิดหน้าลงเผยให้เห็นว่าเป็นผู้ใด ริมฝีปากงามแย้มออกมิเหมือนยิ้มแต่เป็นแสยะมากกว่า ไป๋หลานรู้สึกสงสารเจ้าของร่างที่ตายไปก่อนหน้ายิ่งนัก รักใคร่งูพิษดุจพี่น้องแค่รักชอบบุรุษคนเดียวกันยังพอว่า แต่นี้ถึงกับลงมือฆ่ากันมันโหดร้ายนัก ไม่แตกต่างกับเจสซิก้าน้องสาวที่อยู่อีกโลกเลย เพียงเพราะอยากเป็นที่หนึ่งถึงกับฆ่านางทั้งเป็น
“ใช่ข้ารอที่จะเป็นหนึ่งเดียวมิเป็นรองใคร แต่เจ้ากลับรอดมาได้ตลอด ได้ยินไหมไป๋หลานข้าต้องการเป็นเอกมิใช่อนุ หากเจ้าตายไปซะวันนี้ทุกอย่างจะง่ายขึ้น”
“เจ้าคิดว่าหากมีคนสืบจนรู้ความจริงเล่า เชื่อหรือว่าคนเช่นแม่ทัพจะยอมพลีชีพเพื่อคนเช่นเจ้ากัน”
“หุบปากเขารักข้ามิใช่เจ้า หากมีการสืบสวนข้าก็อยากรู้เช่นกันว่าใครจะสืบพบอีกเดี๋ยวเจ้าก็รู้เองว่าทำไมจึงจะไม่มีคนหาคสามจริงเจอ ชิงชิงรีบลงมือข้ามิอยากอยู่ที่นี่นาน”
“เจ้าค่ะนายหญิง ท่านออกไปรอด้านนอกก่อนเถอะเจ้าค่ะ ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง”
ชิงชิงมิเคยภักดีต่อไป๋หลานอย่างที่คิดจริงๆ เป็นนางที่สังหารเจ้าของร่างและครั้งนี้ก็จะลงมืออีกครั้ง เงาร่างในชุดดำหายออกไปจากห้องทางด้านหน้าต่าง เพราะเสียงเดินตรวจเวรยามผ่านหน้าเรือนไปเมื่อครู่ จึงมิควรออกไปทางเดิม หรู่อี้ได้พาร่างที่มีบาดแผลอยู่หลายแห่ง มาจนถึงห้องของผู้เป็นนาย ภายในจวนนางมิได้ถืออาวุธเพราะเป็นเพียงสาวใช้มิใช่องครักษ์ คนร้ายใช้ยากับนางจึงค่อยลงมือสังหาร เมื่อคิดว่านางตายแล้วคนชุดดำได้รีบออกไป มันมิได้หนีนางมั่นใจเป้าหมายคือใครไม่บอกก็รู้ ‘รอข้าก่อนท่านหญิง’
เสียงต่อสู้ด้านนอกที่เจ้านายพึ่งหายออกไป ทำให้ชิงชิงรีบลงมือกระบี่แทงช่องท้องเฉียดจุดตายไปเล็กน้อย คำสั่งคือไป๋หลานต้องตายทั้งเป็น พร้อมกับร่างบางล้มลงแต่ยังมิอาจขยับกายได้ ทำได้เพียงนอนมองเท้าของอดีตสาวใช้คนสนิทเดินข้ามนางไปอย่างช้าๆ หญิงสาวทำได้เพียงมองไปยังฉากกันอันงดงาม ซึ่งตอนนี้ไฟเริ่มติดตามม่านเตียงทีละน้อย เลือดไหลเร็วยิ่งกว่าอะไรดี ไม่มีแม้แต่น้ำตาเพราะนางทำใจเอาไว้แล้วนั้นเอง ก่อนที่ชิงชิงๆจะทันได้ไปถึงหน้าต่าง ปัง!! ประตูถูกเปิดอย่างแรง หญิงสาวอีกคนที่มีเลือดแดงฉานเต็มเสื้อผ้า รวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายพุ่งไปยังอาวุธของตน แล้วเข้าปะมือกับคนร้ายในชุดดำ เสียงการต่อสู้ที่เกิดขึ้นไม่มีใครในจวนรับรู้ ด้วยเรือนไป๋หลานแยกออกมาอยู่ไกลจากส่วนอื่นของบ้าน เพื่อความสงบของแม่ทัพซานหลาง การต่อสู้ภายในห้องดุเดือดมิใช่น้อย ชิงชิงอาศัยความได้เปรียบที่ตนเองมิได้บาดเจ็บเช่นอีกฝ่ายหวังกำจัดสองนายบ่าวให้เรียบร้อยก่อนที่จะมีใครตามควันไฟมา แต่ไม่เป็นอย่างที่คิดเมื่ออาวุธอยู่ในมือของหรู่อี้ มันกลับทรงอานุภาพเกินจะบรรยาย
“นางคือชิงชิง”
มือบางกระชับกระบี่แน่นกว่าเดิมเมื่อรู้ว่าคนที่ทำร้ายเจ้านายคือผู้ใด ไฟเริ่มโหมหนักขึ้นด้านนอกเงียบเสียงไป ชิงชิงหันไปทางหน้าต่างด้วยห่วงนายหญิงของตน ฉึก!! อึ๊ก!!ชิงชิงก้มลงมองหน้าอกของตน ก่อนเลยไปยังคนที่แทงกระบี่สู่หัวใจของนาง
“จำไว้บ่าวที่ทรยศนายมิมีวันตายดี เจ้ายังไม่รู้จักข้าดีพอชิงชิง”
กระบี่ถูกดันจนสุดถึงด้ามจับ ร่างของสาวใช้ในชุดสีดำทรุดลงคุกเข่าก่อนจะล้มลงสิ้นใจในมิช้า หรู่อี้เองก็ไม่อาจยืนต่อไปได้แล้วเช่นกัน ไป๋หลานร้องไห้เป็นครั้งแรกด้วยความสงสารสาวใช้ แม้จะมิอาจมองเห็นเพราะทั้งคู่อยู่ด้านหลังของนาง แต่หญิงสาวรับรู้ได้จากเสียงล้มตึงอยู่มิไกล นอกจากเปลวไฟที่เริ่มสูงขึ้นมันไม่มีสัญญานว่าหรู่อี้จะส่งเสียงใดๆให้นางได้ยินแม้แต่น้อย หึ!!ๆ แค่ไม่ถึงเจ็ดวันก็ต้องตายอีกหน สวรรค์ช่างโหดร้ายนัก เพราะถูกสะกัดจุดทำให้ร่างกายขยับไปไหนไม่ได้ ซ้ำเวลานี้ ตัวเรือนกลับมีเพลิงโหมกระหน่ำขึ้นมากกว่าเดิม สติของไป๋หลานมิอาจประคองมันไว้ได้อีกต่อไปเพียงหลับตาลงทุกอย่างก็ดับวูบไปพร้อมการมิรับรู้สิ่งรอบกายอีก
เมื่อบรรดาบ่าวไพร่ และเหล่าทหารวิ่งมาดับไฟนั้น ตัวเรือนที่ทำจากไม้ถูกเปลวเพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็วเผาผลาญไปจนหมดสิ้นในเวลาเพียงไม่นาน หลังจากดับไฟได้แล้ว ทุกคนพบเพียงร่างที่ถูกเผาจนเกรี้ยมอยู่สองคน ภายในห้องของฮูหยินน้อยโม่ไป๋หลาน
เสียงร่ำไห้คร่ำครวญของฮูหยินหยางดังไปทั่วจวน หากนางปล่อยสะใภ้ไปพักกับพี่ชายเสีย เรื่องแบบนี้ก็คงมิเกิดขึ้น คืนนั้นในเมืองหลวงดูจะวุ่นวายอยู่ไม่น้อย โม่หยวนฟางกับถงเหยียนเจี๋ยพากันมาที่จวน พ่อบ้านเกาพยายามบุกเข้าไปในเปลวเพลิงอยู่หลายรอบ สภาพชายวัยกลางคนตอนนี้แทบดูไม่ได้เสื้อผ้ามีรอยไหม้อยู่ทั่วตัวแม้แต่เส้นผมก็มิเว้น เขาเฝ้าโทษตนเองอยู่ตลอดเวลาว่ามิคอยปกป้องผู้เป็นนายให้ดีกว่านี้ หัวหน้าพ่อบ้านหมอบอยู่หน้ากองเพลิงที่มอดดับโดยมีสองบุรุษยืนดวงตาแดงกร่ำ สองมือกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ‘พวกแกต้องชดใช้’ โม่หยวนฟางก้มลงตบไหล่ของพ่อบ้านเกาหนักๆสองสามที ก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับเจ้าของจวน ที่พากันยืนอยู่ด้านหลังพวกเขา
“เรื่องนี้ข้าจะมิหยุดไว้แค่นี้แน่ ข้าจะให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบให้ชัดเจน อยู่มาหลายปีไฟไหม้ขึ้นมาได้อย่างไรหรู่อี้มิใช้เพียงสาวใช้ธรรมดา ไม่มีทางว่าคนเช่นนางจะพาน้องสาวข้าออกมามิได้ นอกเสียจากว่าพวกนางมิมีลมหายใจให้หนีออกมาแล้วเท่านั้น”
“ท่านอ๋องพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง จะปรักปรำพวกข้าสกุลหยางหรือ”
โม่หยวนฟางไม่ตอบแม่ทัพใหญ่ เขาเดินตรงไปยังหยางซานหลาง ทั้งคู่มีสีหน้าที่แตกต่างกันยิ่งนัก แม่ทัพหนุ่มกลับนิ่งเฉยเหมือนมิรู้สึกอันใดกับการตายของภรรยา ต่างจากโม่หยวนฟางที่ทั้งเสียใจและโกธรแค้น
“คืนนี้รบกวนท่านแแม่ทัพลงนามในหนังสือหย่าให้น้องสาวข้าด้วย หลังจากสอบสวนปิดคดีเสร็จข้าจะพาร่างของนางกลับบ้าน หวังว่าคงมิลืมคำพูดเมื่อหัวค่ำ ข้าคงคิดผิดใช่หรือไม่ว่าเจ้ามิได้แตะต้องนางหยางซานหลาง”
ความหมายในคำพูดของอ๋องน้อยหากฟังดีๆจะเข้าใจในทันที ว่าหมายความเช่นไร แม่ทัพหนุ่มมองตามชายหนุ่มทั้งสองที่มีพ่อบ้านของจวนเขาเดินตามไป บอกเพียงจะไปจัดห้องรับรองแขกเท่านั้น
“ซานหลางตามพ่อมา”
“ขอรับ”
แม่ทัพหนุ่มเดินตามบิดาไปยังเรือนใหญ่ หลิวเจินเจินมองตามสองพ่อลูกด้วยสายตามิเหมือนเดิม นางคือบุตรแม่ทัพและรักความยุติธรรมเป็นที่สุด นางจะมิยอมให้สะใภ้รักตายโดยไม่ได้สืบหาความจริงเป็นอันขาด เมื่อคิดได้เช่นนั้นฮูหยินหยางหมุนตัวกลับไปยังเรือนของตน เพื่อจัดการบางอย่างให้เรียบร้อย
เช้าวันต่อมาข่าวไฟไหม้เรือนของแม่ทัพหยางซานหลาง จนเป็นเหตุให้ภรรยาของแม่ทัพฮูหยินน้อยโม่ไป๋หลานและสาวใช้คนสนิทสิ้นใจในกองเพลิง การคาดเดาเป็นไปต่างๆนานาทั้งทางดีและร้าย สองพ่อลูกสกุลหยางถูกฮ่องเต้เรียกให้เข้าเฝ้า เพราะผู้ที่ตายคือพระนัดดาในพระองค์ ความพิโรธของโอรสสวรรค์ ทำให้เมืองหลวงถูกสั่งปิดจนกว่าจะหาคนร้ายพบ และมีราชโองการให้ท่านหญิงโม่ไป๋หลานเป็นอิสระจากสกุลหยางนับแต่บัดนี้เป็นต้นไป โม่หยวนฟางที่นั่งฟังอยู่ห้องเล็กข้างบัลก์ว่าราชกิจยิ้มเหี้ยมเกรียมอย่างมิเคยเป็นมาก่อน ‘น้องรักหลับให้สบายพี่ช่วยให้เจ้าหลุดพ้นจากคนสารเลวได้แล้วนะ แค้นนี้ข้าจะต้องชำระให้สาสมหยางซานหลาง’
จวนอ๋องเจ็ด ณ เมืองชางชี
“กรี๊ดดด!! ไม่จริง ข้าไม่เชื่อลูกแม่หลานเอ๋อ ใครทำเจ้าแม่จะฆ่ามัน ฮือๆ”
เสียงร่ำไห้ของพระชายาในอ๋องเจ็ด ดังไปทั้งจวนเสียงสาวใช้ที่เคยใกล้ชิด ท่านหญิงน้อยโม่ไป๋หลานผู้บอบบางอ่อนโยน นางมีรอยยิ้มงดงามและมิถือถือตนเหนือผู้ใด ข่าวการตายที่ถูกส่งมาโดยท่านอ๋องน้อย สร้างความโศกเศร้าให้แก่ทุกคนยิ่งนัก อ๋องเจ็ดโม่เหยาขบกรามแน่นด้วยความเจ็บปวด ใครกันทำเช่นนี้กับธิดาของเขาได้ลงคอ หากเรื่องนี้คนสกุลหยางมิแจ้งมาให้กระจ่างเขาจะลงมือตามล่าคนที่ทำให้ตายกันไปข้าง
“น้องหญิงจงไปเตรียมตัวเถิด พี่จะพาเจ้าไปรับหลานเอ๋อกลับบ้าน”
...............................
มาแล้วคร้าคืนนี้เร็วขึ้นนิดหนึ่ง ถ้าไหวไรท์จะต่อให้อีกตอนแต่ถ้าหลับก่อนขอยกยอดเป็นพรุ่งนี้นะคะ ไรท์จะค่อยๆเปิดที่ละปมและเชื่อมโยงกัน ต่อจากนี้จะเดินเรื่องเร็วขึ้นทีละน้อยนะคะ เรามาลุ้นช่วยกันว่าทำไมชื่อเรื่องถึงเป็น ภรรยาข้าเจ้าช่างร้ายกาจยิ่งนัก ที่มาจะค่อยๆให้ทุกคนได้รู้คร้า ขอบคุณนะคะที่คอยเป็นกำลังใจไรท์เสมอมา หากมีคำผิดคำตกต้องขออภัยด้วยค่ะ เวลาจำกัดไรท์อาจตรวจทานไม่เรียบร้อยจะรีไรท์ทีหลังนะคร้า
แต่ใครช่วย
ไรท์จัดหนักๆๆๆๆๆๆๆๆๆ...ให้อิกวานและอิแม่ทัพรวมถึงพ่ออิแม่ทัพด่ว
แอบเซงอะ ไม่อยากให้สาวใช้นางเอกตาย นางอุทิศตนมากเว่อ จริงๆคนน่าตายควรเป็นนางเอกมากกว่าด้วยซ้ำ ได้หลายโอกาสแต่ก็ยังเล่นตัวรนหาที่ตายตลอด
อ่านหลายๆตอนมันแปลกๆ เหมือนแม่ทัพแกล้งร้ายกะนางเอก และไม่ตกใจที่รู้ว่านางเอกตาย หวังว่าพระเอกคงไม่ใช่อิแม่ทัพนะ ไม่เอา จะเอาพี่เจี๋ยยยยยย