[SF] First Aid (BJIN) - [SF] First Aid (BJIN) นิยาย [SF] First Aid (BJIN) : Dek-D.com - Writer

    [SF] First Aid (BJIN)

    โดย iimm

    First Aid? ปฐมพยาบาลเบื้องต้นข้างสนามบาสอ่ะนะ? ผมไม่เป็นอะไรหรอก ไม่ต้องมีก็ได้

    ผู้เข้าชมรวม

    2,260

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    2.25K

    ความคิดเห็น


    20

    คนติดตาม


    50
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  1 ก.ย. 57 / 21:09 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

               

       

      B.I x Jinhwan




                   ท่ามกลางเสียงเชียร์การแข่งขันกีฬาน้องใหม่ของมหาลัย รายการแข่งถัดไปเป็นการแข่งบาสเกตบอลน้องใหม่ระหว่างคณะศิลปศาสตร์เอกดนตรีของผม กับคณะมนุษยศาสตร์ แหม่.. เจอของง่ายๆแบบนี้ ก็คงเหมือนลงสนามไปยืดเส้นยืดสายแค่นั้นแหละครับ เหงื่อยังไม่ทันหยดเลยมั้ง

       

      “เห้ย วันนี้แพทย์ปีไหนมาเป็น First Aid ให้วะ?”  เสียงรุ่นพี่ฟันเหยินที่ตอนนี้กำลังนวดไหล่ผมตะโกนข้ามฝั่งถามไปยังเพื่อนที่ประจำอยู่โต๊ะอำนวยการ

       

      “แพทย์ปีสาม เดี๋ยวก็คงมาและ”

       

      “โอเคมึง ขอบคุณมากกกก”

       

       

      เดี๋ยวก่อนนะ.. ผมไม่เข้าใจว่าแพทย์เกี่ยวอะไรด้วยอ่ะ?  วันนี้ไม่มีโปรแกรมแข่งซะหน่อย แล้วไอ้เฟิร์สๆอะไรนี่มันคือยังไง คิมฮันบินฟังไม่รู้เรื่องเลยครับ คุยอะไรกันวะ

       


      “บ็อบบี้ฮยอง หมอเกี่ยวอะไรด้วยอ่ะ?”  ตอนนี้โค้ชของทีมหรือคิมบ็อบบี้หยุดนวดไหล่คลายเส้นให้ผม แล้วลงมานั่งข้างๆผมแทน

       

      “มา First Aid ไงมึง”

       

      “อะไรนะ”  อะไรเอดๆวะ

       

      First Aid ไงงงงง มึงไม่รู้จักรึไงวะ ปฐมพยาบาลขั้นต้นอ่ะ เวลามหาลัยจัดแข่งกีฬา ต้องมีนักศึกษาแพทย์มาดูแลความปลอดภัยให้นักกีฬาทุกครั้ง”

       

      “อ่อ...”

       

      “เออลืมไป มึงเด็กปีหนึ่งนี่หว่า”

       

      “แหะๆ ^^” แต่เกมส์นี้ไม่ต้องอาศัย First Aid หรอกมั้งพี่ แข่งกับคณะมนุษฯ สบายๆ ไม่น่าจะได้เจ็บตัวอะไร” พูดพลางยักไหล่ แสดงความมั่นใจให้โค้ชของทีมได้เห็น

       

       

      “มันไม่หรอกแน่ว่ะ”

       



      “ทำไมอ่ะพี่? ทีมเราเจ๋งจะตาย” ผมขมวดคิ้วหากัน ชักสีหน้าไม่พอใจเล็กๆ  เห้ยยย.. บ็อบบี้ฮยองจะไม่แน่ใจอะไรวะ นี่มั่นใจสุดๆว่าจะชนะนะ ซ้อมมาก็เยอะ ฝีมือก็ดี นัดนี้ชนะชัวร์อ่ะ พูดเลย

       

       

      “แพทย์ First Aid ที่ยืนอยู่ข้างสนาม...”

       


      “...”

       



      “อาจจะทำให้มึงเจ็บขาขึ้นมาซะเฉยๆก็ได้...”

       

       

       

       

       

      ฮะ?

      พูดอีกทีซิ

      คนบ้าอะไรอยู่ดีๆแล้วอยากเจ็บแข้งเจ็บขาวะ

      ประสาท.

       

       

       

       

       

       

       

                   ปี๊ดดดดดดดดดดดดดด!!

      เสียงนกหวีดดังขึ้นเพื่อหยุดการแข่งขันชั่วคราว  กลางสนามมีนักกีฬาบาดเจ็บเนื่องจากการปะทะกันเมื่อสักครู่ แล้วก็เป็นหน้าที่ของนักศึกษาแพทย์ฝ่าย First Aid แบบพวกผมที่ต้องคอยดูแลในส่วนนี้

       

       


      “น้องลุกเองไหวมั้ย..?”

       


      “ไม่ครับ”

       


      “ลุกไม่ได้เลยเหรอ? เราต้องออกจากตรงนี้นะ การแข่งขันจะได้ดำเนินต่อ”

       


      “พี่พยุงผมได้มั้ยอ่ะ?”  ให้ตายดิ สูงขนาดนี้ จะพยุงออกไปยังไงวะเนี่ย

       


      “งั้นรอแป๊บนึงนะ นายสูงอ่ะ เดี๋ยวพี่ไปเรียกเพื่อ-...”

       

      “เร็วดิพี่ เขาจะแข่งกันแล้วเนี่ย”  คนอายุน้อยกว่ายื่นแขนขึ้นมาทั้งสองข้างแล้วโบกไปมา เร่งเร้าให้ไปพยุงอยู่อย่างงั้น



      เอาวะ ลองดูก็ได้.. ผมเอื้อมมือไปคว้าแขนแกร่งมาพาดบ่า มืออีกข้างโอบเอวของคนเจ็บไว้อย่างช่วยไม่ได้.. ก็มันเอื้อมไม่ถึงไหล่ของน้องนี่ จะสูงอะไรขนาดนั้นเล่า..

       

       

       

      “พี่ตัวเล็กจัง”   อ้าว.. เด็กนี่วอนซะแล้ว เดี๋ยวเหอะ เดี๋ยวฟาดข้อเท้าให้บวมกว่าเดิมเลย

       

      “....”

       

      “ทำไมหน้าบูดงั้นง่ะ ฮ่าฮ่า  ไม่ชอบเหรอ?”

       

      “อือ”

       

      “น่ารักจะตาย”  มือที่กำลังนวดข้อเท้าให้อยู่ถึงกับชะงัก เมื่อกี้มันพูดว่า....

       

      “ว่าไงนะ?”

       



      “น่ารัก...”   

       


      “ใคร”  ..... อยากจะตบปากตัวเองสิบที พลั้งปากถามออกไปได้ไง คำถามบ้าบออะไรวะ จริงๆไม่ได้จะไปอยากรู้ด้วยซะหน่อย

       

      .

       

      .

       


      “...นี่ไง”  

       

      “...”

       

       

      “น่ารัก”    แรงบีบเบาๆเกิดขึ้นที่ปลายจมูกแบบไม่ทันได้ตั้งตัว โดยฝีมือของคนเจ็บตรงหน้าที่ตอนนี้นั่งยิ้มกว้างแบบไม่มีเหตุผล

       

       

       

       

       

      ให้ตายดิ..

      นี่ทักทายคนแปลกหน้าด้วยวิธีนี้รึไง?

       

       

       

       

      -     -           -           -           -           -           -           -           -      

       



      “พี่จินฮวานนนนน!  ผมกำลังจะปิดประตูรถ แต่เสียงเรียกชื่อผมดังลั่นจนทำให้ผมต้องค้างประตูไว้อย่างนั้น  อีกและ.. เด็กบ้านี่อีกและ  หน้าตาทะเล้นแบบนี้ ผมจำได้ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน

       


      “...?”

       


      “ใช่มั้ย.. ใช่ชื่อนี้รึเปล่า?” 

       


      “เอ่อ...”         มันไปรู้มาจากไหนวะ

       

      “คิม-จิน-ฮวาน  ใช่มั้ยล่ะ”   โอ้โห.. ชัดถ้อยชัดคำเชียว

       

      “เออใช่  แล้วยังไง? ..เอามือออกจากประตูรถพี่ได้ละ จะปิดประตู”  ผมพยายามดึงประตูรถให้ปิดลง แต่ก็สู้แรงยื้อของอีกคนไม่ไหวอยู่ดี

       


      “บอกมาก่อนดิ ผมชื่ออะไร? แล้วผมจะปล่อย”

       


      “ฮันบิน”

       


      “เห้ยพี่รู้ได้ไงอ่ะ!!??

       

      “ยุ่งน่า.. เอามือออกได้ยัง นี่รีบไปอ่านหนังสือโว้ย”

       

      “ก็ได้”

       

      ...........ปากบอกว่า ก็ได้แต่ไม่ยอมปล่อยมือออก นี่จะให้เข้าใจว่ายังไงวะ ทำไมเป็นคนวุ่นวายขนาดนี้เนี่ยยยยย

       



      “นี่.. มีอะไรก็รีบๆพูดเหอะ” ผมรู้ว่าน้ำเสียงออกจะติดหงุดหงิดนิดหน่อย แล้วจริงๆผมก็ไม่ได้รีบไปไหนหรอก แค่รู้สึกไม่อยากอยู่กับเด็กนี่สองคนนานๆแค่นั้นเอง

       



      “ให้ผมรีบพูดเหรอ?”

       

      “...”

       

      “ตอนแรกกะจะให้มันนานกว่านี้ซักหน่อย...”

       

      “...”

       

      “...แต่พี่รีบใช่ป่ะ?”

       

      “...”

       

      “ก็ได้งั้น....”

       

      “...”

       




       

      “ผมชอบพี่นะ”

       

      .

       

      .

       

      ประตูรถถูกปิดลงด้วยฝีมือคนตัวสูงทันทีหลังจากจบประโยคสั้นๆประโยคนั้น.. รถเคลื่อนออกไปอย่างไร้จุดหมายอยู่นานสองนาน สุดท้ายคิดไม่ออกแล้วว่าจะไปไหน จนต้องได้กลับคอนโดก่อนเวลาอันควรหลายชั่วโมง...   ผมทิ้งตัวลงบนเตียงพลางนึกย้อนไปถึงบทสนทนานั้น

       

      ผมชอบพี่นะ  ...เห๊อะ  มาบอกชอบอยู่ลานจอดรถเนี่ยนะ?

       

       

       

      คิมฮันบิน

      นายรู้จักคำว่าโรแมนติกมั้ย?

       

       

       

       

       

       

       




                “เลิกจ้องพี่ แล้วกลับไปอ่านหนังสือของตัวเองได้แล้ว” สายตาคาดโทษจากคนตัวเล็กที่สุดในห้องนี้ส่งมาถึงผม มันไม่ได้น่ากลัวสักนิด ผมตลกมากกว่า

       

      “อ่านจบแล้ว”

       

      “เหรอ? งั้นเล่าให้ฟังหน่อย ว่าอ่านไรไปมั่ง” พี่จินฮวานผละออกจากหนังสือแล้วหันมาสนใจผมแทนแล้วครับ คิคิ

       

      “พูดไปพี่ก็ไม่รู้เรื่องหรอก”

       

      “ให้มันได้อย่างงี้นะ ฮันบิน”  มือเล็กๆนั่นจับปากกามาเขกหัวผมทีนึง ก่อนที่จะก้มหน้าลงไปสนใจหนังสือต่อ

       

      “ดึกแล้วอ่ะ พี่ไม่ต้องกลับหรอก นอนห้องผมนี่แหละ”  ได้ผล...  พี่จินฮวานยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมอีกรอบ

       

      “พูดอะไรน่ะ”

       

      “ให้พูดซ้ำป่ะล่ะ? มันดึกแล้วววววววว พี่มานอนห้องผมมมมมม”

       

      “หุบปากไป  ไม่มีทาง”

       

      “ทำไมอ่ะ ทั้งที่ยอมมาอ่านหนังสือด้วยทุกวันแบบนี้อ่ะนะ”

       

      “ประหยัดแอร์ที่ห้องเฉยๆหรอก”

       

      “....”

       

      “นายก็จะได้ตั้งใจอ่านด้วย”

       


      “เหรอ.. แล้วทำไมพี่ต้องมานั่งเฝ้าผมด้วยอ่ะ?”

       

      “ก็เพราะพี่ห่ว-..... เอ่อ....”  ผมหรี่ตาจับผิดคนตรงหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย พูดสิครับ.. พูด...

       

      “...?”

       

      “นี่ฮันบิน”

       

      “....”

       

      “นายชอบพี่ พี่รู้...”   ก็รู้อยู่แล้วยังจะ...

       

      “รู้อยู่แล้วพี่ยังมาทำแบบนี้อีกนะ ยอมไปกินข้าวกับผม ยอมมาอ่านหนังสือห้องผม.. พี่ให้ความหวังผมขนาดนี้แล้วนะ ถ้าพี่มาหักอกกัน ผมไม่ยอมจริงๆด้วยเหอะ”

       

      “นี่ฟังก่อนได้ป่ะ”

       

      “ก็จริงนี่..  ผมหวงพี่จะแย่ แต่มันก็หวงมากไม่ได้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราเป็นอะไรกัน”

       

      “นายพูดมากแบบนี้ทุกวันเลยป่ะ”

       

      “ผมนิสัยไม่ดีใช่มั้ยล่ะ”  ไม่รู้ว่าตอนนี้ผมทำหน้ายังไงออกไป รู้แต่ผมหงุดหงิดมากๆ ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด ผมเลยตัดสินใจฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ไม่อยากจะสบตาคนตัวเล็กใจร้ายอีกต่อไปละ

       

      .

       

      .

       

       

      “คิมฮันบิน..”  คนน่ารักแต่ใจร้ายสะกิดเบาๆที่หัวไหล่

       

      “....”

       

      “ขี้งอนนะเราอ่ะ”  ... รู้สึกได้ถึงมือนิ่มๆของพี่จินฮวานกำลังขยี้ผมบนหัวของผมอยู่... จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นลูบเบาๆอย่างสม่ำเสมอ

       

      “....”

       

      “นายบอกว่าพี่ใจร้ายใช่ป่ะ.. ที่พี่ทำแบบนี้”

       

      “....”

       

      “นายเองก็ใจร้ายนะ  รู้ตัวไหม?”

       

      “....”

       

      “มาทำให้รักทำไมวะ....  ใครใช้ให้อดทนตามตื๊อขนาดนี้”

       

      “...”

       

      “นี่เลิกรักไม่ได้ละด้วย เห็นป่ะ นายโคตรใจร้ายเลย”

       

      .


      .



       

      “ถ้าพี่ไม่หยุดพูด ผมจูบจริงๆด้วย”  

       

      “เอาหน้าออกไปเลยนะ!” พี่จินฮวานเอามือผลักหน้าผมให้ออกไปห่างๆจนสุดความยาวแขน

       

       

       

       

      ฮ่ะฮ่ะ

      คนอะไรวะ น่ารักจนไม่อยากจะละสายตาเลย.

       

       

       

       - - - - - - - - - - - - 

       

       

       

      “จินฮวาน ไอ้เด็กนั่นเป็นใครวะ เห็นมาหามึงทุกวันเลย” เพื่อนที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันถามขึ้น พลางใช้สายตาพยักพเยิดไปที่ฮันบินที่กำลังเดินมาหาผม

       

      “แฟนกูมั้ง” ตอบไปอย่างไม่ใส่ใจอะไรมาก พลางเก็บของลงกระเป๋าเตรียมออกไปหาอะไรทานกับฮันบิน

       

      “ตลกป่ะมึง สรุปยังไง?”  

       

      “มึงอยากรู้ ก็ถามมันเองดิ กูไม่ได้อยากรู้นี่ ฮ่าฮ่า”

       

      “มึงเล่นแบบนี้ใช่ป่ะจินฮวาน ด้ายยยยยยยยยยย”

       

      พอดีกับที่ฮันบินเดินมาถึงโต๊ะที่พวกเราเหล่านศพ. นั่งอยู่ เพื่อนปากดีไม่รอช้า โพล่งคำถามออกไปไม่ทันให้น้องได้ตั้งตัวเลย

       

      “น้องๆ  น้องเป็นแฟนไอ้เตี้ยนี่หรอ”  ตามคาดเลย ฮันบินทำหน้าตกอกตกใจ กับคำถามอะไรก็ไม่รู้ของเพื่อนผม แถมในประโยคนั่นยังมาว่าผมเตี้ยอีกนะ ไอ้เพื่อนเวรนี่อยากตายเหรอวะ

       

      “เอ่อ... ไงดีอ่ะ เป็นมั้งครับ”  เด็กดีของพี่ ตอบได้น่ารักมาก ฮ่าฮ่าฮ่า

       

      “อะไรวะสองคนนี้ ตอบแม่-งเหมือนกันเลย คือที่กูถามอ่ะ ไม่ใช่อะไรหรอก.....”

       


      “...”

       

      “มีรุ่นพี่มาชอบมึงไงจินฮวาน แล้วก็มีรุ่นน้องโรงเรียนกูชอบเด็กของมึง ถ้าพวกมึงไม่ได้เป็นแฟนกันก็ดี  กูจะได้ไปบอก-....”

       

       

      ฮันบินแฟนกู / พี่จินแฟนผม!!” 

       

       

      “หึ.. ก็แค่เนี้ย”

       

      (- -///    )  :  (  \\\ - -)

       

       

      “ไม่ต้องมายืนเขินกันอยู่ตรงนี้  ที่กูบอกว่ามีคนมาชอบพวกมึง กูล้อเล่น ฮ่าฮ่า”

       


      “ไอ้เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”

       

      “ฮู่วววววว จินฮวานหนวกหูว่ะ จะไปไหนก็ไป๊ กูหมั่นไส้ ชิ่วววว”

       

       

       

      เอออออออ ไม่อยู่หรอกกกกก ไม่อยู่ให้มึงแกล้งหรอกกกก เพื่อนเวรรรรรรร

       

       

       

      และไอ้คนที่จับมืออยู่นี่ก็อีกคน...


      จะพูดพร้อมกันให้มันเขินทำบ้าอะไรวะ.


      -//////////-

       

       

      END.

       

       

       


      Special:

       

      “ฮันบิน มึงจะลงแข่งกีฬามหาลัยรึป่าว?”  โค้ชของทีมบาสประจำคณะถามขึ้นระหว่างทางเดินไปโรงยิม

       

      “ลงดิพี่”

       

      “มึงอย่าเจ็บขาเหมือนตอนกีฬาน้องใหม่นะโว้ย ฟิตๆหน่อย” บ็อบบี้ฮยองตบไหล่ผมปุๆ

       

      “จะพยายามนะฮยอง ..เออว่าแต่ใคร First Aid ให้อ่ะงานนี้?”

       

      “หมอปีห้า”

       

      “โอเค งั้นขาไม่เจ็บชัวร์”

       

      “ดีมาก”

      .

       

       

      .

       

       

      ถ้าหมอปีสามก็ว่าไปอย่าง...

       

       

       END.

       

      หมอปีสามแล้วทำไมเหรอฮันบินนนนน เจอหน้าละเจ็บขาเลยเหรออออ 55555555555

      วันนี้การบ้านเสร็จเร็วนิดนึง เลยมาอัพให้อ่านเล่นๆกันจ้า ^_^

      ตอนนี้เป็นตอนอดีตช่วงฮันบินปีเผื่อมีคนอยากรู้ว่าสองคนนี้จีบกันยังไง ฮี่ฮี่ฮี่ -///////-

      ใครอ่านละไม่เข้าใจ งงๆ เค้าขอโทษเน่อ

       ขอบคุณทุกคนเลยยย ที่เข้ามาอ่านนะคะ ^_^ ขอบคุณทุกคอมเม้นด้วยยย เยิฟมากๆเลยอ่ะ -3-

       

      ส่วนTwitter เชิญที่แท็ก #ฟิคสามหมอ เช่นเคยฮะ ^^

       

      ร้ากกกกกกกกกกทุกคนนนน จุ้บบบบบบบบ :3

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×