[SF] Thirty-Five (JunHyuk) - [SF] Thirty-Five (JunHyuk) นิยาย [SF] Thirty-Five (JunHyuk) : Dek-D.com - Writer

    [SF] Thirty-Five (JunHyuk)

    Warning: โปรดเตรียมทิชชู่ซับน้ำตา

    ผู้เข้าชมรวม

    3,160

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    3.16K

    ความคิดเห็น


    36

    คนติดตาม


    45
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 ธ.ค. 57 / 23:31 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    สำหรับนักอ่านคนใหม่ๆ ทุกเรื่องเป็น SF นะคะ ^_^

    จบในตอน ไม่จำเป็นต้องอ่านทุกตอนก็ได้จ้า

    ** แต่เพื่ออรรถรสที่ดี และถ้ามีเวลา..

    แนะนำให้ไล่อ่านตั้งแต่ตอนแรกเนาะ ฮี่ฮี่ :D
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       


      JUNHOE :: DONGHYUK

       






      “อีกสองวันจะครบรอบปีนึงแล้วนะ”


      “...”


      “อยากได้อะไรไหม?”


      “อยาก..”

       

       

       

      “อยากนอนแบบไม่โดนปลุก”

       

       

       

       

                      โชคดีที่ดงฮยอกสอบเสร็จแล้ว.. ของขวัญวันครบรอบที่อีกคนขอไว้เลยได้สมใจอยาก ร่างเล็กนอนนิ่งสนิทอยู่ในอ้อมกอดอุ่นตลอดทั้งคืน มีบ้างที่อีกคนจะพลิกตัวขยับออกไป แต่เพียงไม่นานหลังจากนั้นก็หันกลับมาซุกอยู่บนอกเหมือนเดิม..

       

       ‘ดงฮยอกน่ารัก ความรู้สึกนี้มีมาตั้งแต่ที่เริ่มชอบแรกๆจนถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกแบบนั้นอยู่.. แล้วนี่ก็ไม่รู้ว่าเผลอมองคนนอนหลับไปนานแค่ไหน.. รู้ตัวอีกมันก็ใกล้เกินไปจนมองไม่เห็นอะไรอีกแล้ว

       

      “อื้อออ....”  เสียงเล็กครางประท้วงในลำคอเมื่อริมฝีปากถูกรุกรานจนรู้สึกตัว

       

      “ขอโทษครับ.. นอนต่อนะคนดี” ผมผละออกมาอย่างเสียดายเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวเบาๆกล่อมให้อีกคนหลับต่อแล้วจึงตัดสินใจลุกออกจากเตียงเพื่อจะไปเตรียมอาหารมื้อเย็น

       

       

      เกือบไปแล้ว..

      ของขวัญที่ดงฮยอกขอไว้

      เกือบพังซะแล้ว.

       

       

       

      ซองรามยอนสองซองใหญ่ถูกแกะออก ก่อนจะหยิบเส้นลงหม้อน้ำเดือดผมก็ไม่ลืมจะอ่านวิธีทำให้ถูกต้องก่อนจะลงมือทำ ..จะพูดก็พูดเถอะว่าอยู่กับดงฮยอกมากจนลืมไปแล้วว่าต้มรามยอนให้อร่อยนี่ต้องทำยังไง ก็อีกคนเล่นดูแลดีจนผมทำอะไรเองไม่เป็นแล้วจริงๆ

      .

      .

       

      ติ๊งต่อง~  

       

      “พัสดุมาส่งครับบบ”

       

       

      เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้นพร้อมเสียงคนส่งพัสดุที่เรียกให้ออกไปรับของ ผมเลยจำเป็นต้องละออกจากหน้าเตาทำอาหารแล้วเดินไปที่ประตู  ส่องดูเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูรับพัสดุสองกล่องขนาดพอดีมือมาถือไว้ แน่นอนว่ากล่องที่มีชื่อผมมันก็ต้องเป็นพัสดุของผมแน่นอนอยู่แล้ว แต่ปัญหามันอยู่ที่...

       

       

      ทั้งสองกล่องลงชื่อ กูจุนฮเว

      และมาจากร้านเดียวกัน.

       

      .

      .

       

      “ใครมาเหรอ..?”   ผมละสายตาจากพัสดุในมือก่อนจะหันขวับไปทางต้นเสียง  คิมดงฮยอกในสภาพงัวเงีย มือเล็กนั่นขยี้ตาไปมาอยู่สองสามทีก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ๆ

       

      “อ๋อ พอดีพัสดุมาส่งน่ะ นี่งงอยู่ทำไมมีสองกล่อง จำได้ว่าสั่งไปแค่อย่างเดียว-..”

       

      พรึบ!

       

      กล่องเล็กๆทั้งสองกล่องถูกดงฮยอกแย่งออกจากมือไปทันที ตาเล็กเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นว่าหนึ่งในสองกล่องนั่นผมแกะจนเกือบจะเสร็จอยู่แล้ว พอเห็นแบบนั้นแล้วดงฮยอกรีบเอาทั้งสองกล่องนั้นซ่อนไว้ด้านหลังทันที

       

      “นายห้ามแกะนะ ของนี่ฉันสั่งมา”

       

      “เฮ้ๆๆ ฉันก็สั่งมากล่องนึง.. แล้วอีกอย่างมันเป็นชื่อ กูจุนฮเวทั้งสองกล่องด้วย”

       

      “เออก็ฉันสั่งแล้วใช้ชื่อนายไง...”

       

      “จะสั่งของให้ตัวเองแล้วมายืมชื่อคนอื่นแบบนี้ได้ไงอ่ะ?”

       

      “....ก..ก็..ความจริงก็สั่งให้นายนั่นแหละ”

       

       

      สุดท้ายความจริงก็ถูกเปิดเฉยออกมาแบบไม่ได้ตั้งใจเลยสักนิด ของจากร้านเดียวกันส่งมาพร้อมกัน.. และอีกอย่างคือผมเองก็สั่งของนั่นมาให้ดงฮยอกในวันครบรอบ ดงฮยอกเองก็สั่งมาเป็นของขวัญให้ผมในวันครบรอบเหมือนกัน... แต่อีกคนดันใช้ชื่อผมสั่งซะอย่างนั้น ทีนี้จะรู้มั้ยล่ะว่ากล่องไหนเป็นของใครกันแน่

       


      “เอางี้.. ไหนๆกล่องนั้นฉันก็แกะเกือบเสร็จละ อีกกล่องเป็นของนายละกัน”

       

      “ได้ไงอ่ะ.. ถ้าของในกล่องที่โดนแกะ เป็นของที่ฉันสั่งมาล่ะ...”

       

      “เหมือนกันแหละน่า.. ถ้าไม่ใช่ค่อยแลกกัน”

       

      “ก็ไม่เซอร์ไพรส์ดิ”

       

      “มันไม่เซอร์ไพรส์ตั้งแต่แรกแล้วครับคนดี ฮ่าๆๆ”

       

       

      ดงฮยอกยู่หน้าอย่างไม่พอใจ พลางขมวดคิ้วใช้ความคิดเล็กน้อยก่อนจะหยิบกล่องทั้งกล่องเขย่าไปมาเพื่อฟังเสียง ซึ่งนั่นก็ไม่ได้ช่วยให้คนตัวเล็กได้คำตอบเลยว่ากล่องไหนกันเป็นของที่ตัวเองสั่งมากันแน่

       


      “กูจุนฮเว...”

       

      “หื้ม?”

       

      “หิวอ่ะ”

       

       

      นั่นไงล่ะ.. รู้อยู่แล้วเชียวว่าตื่นมาต้องถามหาของกินก่อนเลย

      ช่วยไม่ได้ที่ผมเองก็ฉลาดมากที่เตรียมรามยอนไว้ให้

       



      เฮ้...  เดี๋ยวนะ

       

       

       

                      “รามยอน!!!!!!!!!!!   กูจุนฮเววิ่งพรวดพราดหายเข้าไปในห้องครัว ตอนแรกก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเดินตามเข้าไปเท่านั้นแหละ ภาพและกลิ่นไหม้ตรงหน้าตอบคำถามในใจผมได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

       

      “นี่จะเผาห้องครัวรึไง?”   ยืนกอดอกพิงเคาท์เตอร์ครัวพลางถามออกไป  อีกคนหันหน้ามาทำหน้าหงอยเหมือนสำนึกผิดแล้วเดินเข้ามาหาช้าๆ

       

      “โธ่.. ไม่ได้ตั้งใจนะ”

       

      “น่ารักไม่ถูกเรื่องเลยนายอ่ะ”

       

      “ครับ?”

       

      “เห้อ.. ออกไปหาอะไรกินข้างนอกกันเหอะ”

       

       


      ตอนแรกรายนั้นจะพาไปดินเนอร์ที่ N Seoul Tower เป็นการไถ่โทษที่ทำรามยอนไหม้.. ซึ่งผมเถียงคอขาดว่าไม่อยากไป ความจริงมันก็โรแมนติกดีอยู่หรอก แต่มันค่อนข้างจะอึดอัดเล็กน้อยที่ต้องไปนั่งกินข้าวแล้วรักษาภาพพจน์ดีๆไปพร้อมกัน

      .

      .

       

       

      “ชวนมาที่นี่ ไม่หนาวรึไง..”  พอหย่อนก้นลงนั่งบนม้านั่งยาวริมแม่น้ำก็เอ่ยปากบ่นทันที กูจุนฮเวนี่จริงๆเลย

       

      “ก็หนาว..”

       

      “แล้ว N Seoul Tower ไม่สวยตรงไหน ทำไมไม่อยากไป?”

       

      “แล้วข้างแม่น้ำฮันไม่สวยตรงไหนอ่ะ....”

       


      ถึงช่วงหัวค่ำแบบนี้อากาศจะเย็นลงมากกว่าตอนกลางวันก็เหอะ.. แต่มันก็ดีกว่าไปนั่งเกร็งๆที่ร้านอาหาหรูนั่นหลายเท่า แถมบรรยากาศข้างแม่น้ำฮันก็ไม่ได้แย่ซะหน่อย  ผมนั่งรอคำตอบจากคนตัวสูงว่าข้างแม่น้ำไม่ดีตรงไหน... แต่ดูเหมือนกูจุนฮเวจะเหนื่อยหน่ายกับการต่อล้อต่อเถียงกับผมไปซะแล้วล่ะ ตาคมนั่นมองออกไปยังแม่น้ำฮันข้างหน้าพลางยกกระป๋องเบียร์ขึ้นมาจิบแก้หนาว ลมหายใจที่กลายเป็นควันขาวเพราะสภาพอากาศถูกพ่นออกมาเป็นระยะๆ เพียงไม่นานหลังจากนั้นมือใหญ่อีกข้างที่ยังว่างอยู่ก็เอื้อมมาโอบไหล่ผมแล้วดันเข้าหาตัวเบาๆ

       


      “กินป่ะ?”  กระป๋องเบียร์เย็นๆถูกยกขึ้นมาจรดริมฝีปากผมเบาๆ ผมได้แต่จ้องมองอีกคนด้วยความไม่เข้าใจ

       

      “นายไม่ชอบให้กินนี่....”

       

      “ไม่ชอบให้กินเวลาอยู่กับคนอื่น”

       

      “....”

       

      ผมพยักหน้าตอบตกลงก่อนจะเอื้อมมือไปรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กระป๋องเย็นนั้นมา แต่อีกคนกลับชักมือออกพร้อมกระดกเบียร์เข้าไปอึกใหญ่ ก่อนจะประทับริมฝีปากลงมาแบบไม่ทันให้ตั้งตัว...

       

      แอลกอฮอลล์ที่ดูเหมือนจะเย็นในตอนแรกกกลับอุ่นขึ้นเมื่ออีกคนป้อนโดยวิธีที่แตกต่างออกไป.. แถมรสชาติจากขมมันก็กลายเป็นหวานซะอย่างงั้น  กว่าจะรู้ตัวอีกทีร่างกายก็เผลอไผลไปกับสัมผัสร้อนนั่นซะแล้ว.. มือที่ไม่รู้จะเอาวางไว้ตรงไหนก็ได้แต่กำเสื้อของอีกคนไว้แน่น และมันก็แน่นขึ้นไปอีกจนกลัวว่าอีกไม่นานเสื้อเชิ้ตนี่ได้ขาดแน่เพราะอีกคนพยายามจะส่งความหวานของเบียร์หยดสุดท้ายเข้ามาโดยใช้ลิ้นร้อนๆนั่น...

       

       


      นี่มันบ้าจริงๆเลย

      กูจุนฮเว..

      นายมันเด็กเอาแต่ใจ.

       

       

       

       

                      มือเล็กเริ่มประท้วงขออากาศหายใจโดยการทุบเบาๆลงบนหัวไหล่สองสามที ผมเลยจำเป็นต้องผละจูบออกแต่ก็ยังไม่วายเลื่อนไล้จมูกไปคลอเคลียข้างแก้มใสๆนั่น  ...ผมรู้สึกว่ายิ่งนานเข้าผมยิ่งหลงใหลไปกับการที่มีดงฮยอกอยู่ตรงนี้

       



      ให้ตายเหอะครับ

      ผมว่าผมอยู่ไม่ได้แน่ๆถ้าไม่มีเค้า.

       

       

      “ฮื้ออออออ... พอแล้ว  กูจุนฮเวนี่มันที่สาธารณะ!

       

      “ไม่มีคนซะหน่อย ใครจะมานั่งหนาวๆแบบนี้    แต่จะว่าไปเมื่อกี้ใครจูบตอบล่ะ....”

       

      “.....”

       


      “ใครน้า...”

       

      “หุบปากไปเลย มาป้อนเบียร์วิธีอะไร บ้าบอไร้สาระ”

       

      “แต่ก็กินหมดนี่...”

       

      “เงียบนะ!

       

      ฮ่าๆ เมื่อเห็นว่าอีกคนดูท่าทางจะพ่ายแพ้ผมเลยหยุดการแกล้งไว้เพียงแค่นั้น  ระดับความแดงจากหน้าถึงใบหูของดงฮยอกนั่นบอกความอบอุ่นของร่างกายอีกคนได้เป็นอย่างดี  ผมจ้องลึกลงไปในตัวตาเรียวสักพักก่อนจะล้วงมือไปหยิบกล่องเล็กในกระเป๋าเสื้อโค้ทขึ้นมาตรงหน้า

       

      “ไม่รู้ว่านี่ใช่กล่องที่ฉันสั่งมาไหม.. ดีไม่ดีกล่องนี่อาจจะเป็นของที่นายสั่งมาก็ได้”

       

      “....”

       

      “มาเปิดพร้อมกันดีไหมครับ?”

       

      “ไม่เอาอ่ะ นายเปิดก่อน”

       

      ในเมื่อคนตัวเล็กต้องการแบบนั้นผมก็ไม่ได้ขัดอะไร มือค่อยๆเปิดกล่องออกช้าๆ สิ่งที่เห็นอยุ่ด้านในมันน่าพอใจจริงๆ เพราะมันคือสิ่งที่ผมตั้งใจสั่งมาให้ดงฮยอก เพราะงั้นอีกกล่องที่อยู่ในมือเล็กนั่นก็คงเป็นของที่ดงฮยอกสั่งให้ผม

       

      แหวนสีเงินกลมเกลี้ยงถูกยกขึ้นตรงมา ตาเรียวเล็กของดงฮยอกจ้องตามไม่กระพริบแล้วสุดท้ายสายตานั่นก็ไปหยุดอยู่ที่มือตัวเองที่ถูกมือข้างหนึ่งของผมเอื้อมมาจับไว้

       



      “...ด..เดี๋ยวดิ นี่อะไรกัน..”

       

      “แหวนไง”

       

      “...แล้ว..”

       

      “สุขสันต์ครบรอบหนึ่งปีนะครับ ไม่รู้จะซื้ออะไรให้ก็เลย...”

       

      “ใส่นิ้วนั้นไม่ได้นะ.. คือมัน...”

       

      “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ก็จะขอแต่งงาน”

       

      “.....ฮะ?”

       

       


      “พูดจริงนะ..  แค่เรา.. ในตอนนี้...”

       

      “.....”

       

      .

      .

       

      .

       

      “นี่จะเงียบอีกนานมั้ยครับ..”

       

      “....”

       

      “หรือต้องให้ร้อง marry me ให้ฟังก่อนรึไง...”

       

      “บ้า...”

       

       

      A hundred and five is the number that comes to my head…

       

      “หยุดเลยนะ ใครจะไปอยู่ด้วยนานขนาดนั้น... ร้อยห้าปีอะไร ไม่เอาด้วยหรอก”

       

      “....”

       

       

      “รู้ไว้นะกูจุนฮเว...”

       

      “....”

       

      “แค่ตอนนี้... นายอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน มันก็ดีมากๆแล้ว”

       

       

      ผมได้แต่ยิ้มกว้างให้อีกคนพลางขยับแหวนวงเล็กให้เข้าไปอยู่ในตำแหน่งที่มันควรจะอยู่..  นิ้วนางข้างซ้ายตามที่ใครๆเค้าทำกัน และในตอนนี้สมองก็ประมวลผลไปเองแล้วว่าอีกคนยอมรับคำขอแต่งงานแบบไม่มีพิธีรีตองใดๆของผมเป็นที่เรียบร้อย

       

       

      “ละไหนอ่ะ... หมอมีอะไรจะให้ครับ?”

       

      “ก็เหมือนกันนั่นแหละ บังเอิญมาสั่งร้านเดียวกันทำไมล่ะ”

       

      “ฮ่าๆ ก็ไม่รู้นี่”

       

      “สีดำนะ... ไม่รู้จะชอบไหม”

       

      แหวนเรียบวงกลมสีดำด้านถูกหยิบออกมาจากกล่องช้าๆ มือเล็กของดงฮยอกพยายามบังคับมือตัวเองไม่ให้สั่นตอนยื่นมือมาจับมือผมให้สวมแหวน มันเป็นแหวนสีดำธรรมดาที่สวยชะมัด แต่มัน..

       

       

      “...แอะ.. ทำไมมันใส่ไม่ได้อ่ะ กูจุนฮเวนายอ้วนขึ้นเหรอ?”

       

      “...ป่าวนะ นี่วัดไซส์ยังไงเนี่ย มือก็จับให้อยู่ทุกวัน”

       

      “ฮือ.. ขอโทษ”   

       

      “ฮ่าๆๆ ไม่เป็นไรหรอก.. แต่คราวหลังวัดไซส์ให้ดีๆนะครับคุณหมอ ครั้งนี้พลาดไปนิด”

       

      “รู้แล้วน่า...”

       

      “ฮู่วววววว อยู่กันมาตั้งนาน”

       

      “นี่! แต่ฉันวัดไซส์กางเกงนายไม่เคยพลาดนะ!

       

       

       

      หื้ม..

      อะไรนะ?

       

      END.

       

       

       

       

      Special:


            แค่เบียร์สามสี่กระป๋องที่ช่วยกันกินก่อนกลับมาถึงห้องนั้นมันไม่ใช่ปริมาณที่เยอะเลย แต่ดูเหมือนว่าร่างกายที่ไม่ค่อยคุ้นเคยกับแอลกอฮอล์ของดงฮยอกจะตอบสนองไวกว่าผมหลายเท่า..

       

       

      “ดงฮยอก.. เมาเหรอ...” 

       

      “หื้ม? ใคร..ไม่ได้มาวววว”  ดงฮยอกปรือตาขึ้นมามอง พลางชักสีหน้าใส่เบาๆที่กล้าถามคำถามนั้นออกมา

       

      “แน่ใจนะ?”

       

      “แน่จายยยยยยยย...”

       

       

       

      “งั้นวัดไซส์กางเกงให้หน่อยดิ”

       

      “....”


       


      ::  ใครไม่สะดวก ข้ามส่วนนี้ไปได้นะคะ ^^ ส่วนคนที่อยากอ่านเชิญจิ้มลิ้งค์ได้เลยงับ -///-

      (รหัสผ่านคือเลขสองหลัก วันเกิดจุนฮเว+ดงฮยอกนะคะ  >> 
      http://kiimm.blog.fc2.com/blog-entry-2.html)


       








      “กูจุนฮเว....”   อยู่ๆเสียงอู้อี้จากคนที่ผมคิดว่าหลับไปแล้วก็ดังขึ้น

       

      “...ครับ?”

       

       



      “...เอวนายเท่าเดิมนะ  สามสิบห้า”

       

       

       

       

       

      เชื่อก็ได้ครับ..

      แต่เรามาลองวัดดูอีกซักรอบมั้ย?



      กันพลาดน่ะ.

       

       

      END.


      ไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป... 

      แต่ช่วยโดเนทไฟฉายหรือเครื่องมือส่องสว่างมาให้นี่ทีค่ะ

      รู้สึกจะดาร์กเหลือเกินน มืดมิดมองไม่เห็นทาง -..-

      กราบขอโทษเยาวชนที่หลงผิดคิดว่า #ฟิคสามหมอ ใสๆนะคะ *กราบ*

       

      That is my first NC part...

      Nothing to say, but.. pls forgive me if i did something wrong.

       

       

      ได้โปรดอย่าถือสาเราเลยนะ ._.

      หนีดีกว่าาาา  บาย -3- 

      #ฟิคสามหมอ


       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×