[SF] Pain reliever - JunHyuk
ปลอบหน่อยดิ..
ผู้เข้าชมรวม
3,307
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
JUNHOE : DONGHYUK
ตุบ ตุบ ตุบ
เสียงลูกบาสดังกระทบพื้นปาร์เก้ของโรงยิมอย่างต่อเนื่อง ตามด้วยเสียงเอี๊ยดอ๊าดจากรองเท้าของทุกคนในสนาม จะว่าไปนี่ก็ไม่ใช่การแข่งขันอะไรทั้งนั้นแหละครับ พวกผมแค่มาหาอะไรทำแก้เบื่อเท่านั้นเอง
.
.
“ขอผ้าเช็ดเหงื่อหน่อย”
“หยิบเองดิ”
“เงยหน้าจากโทรศัพท์แล้วหยิบผ้ามาเช็ดให้หน่อยไม่ได้รึไง?”
“จิ๊.. เรื่องมากชะมัด ..นั่งลง” มือบางกดปิดหน้าจอโทรศัพท์แล้ววางมันลงข้างๆ ผมค่อยๆลดตัวลงนั่ง จากนั้นผ้าขนหนูผืนเล็กก็ถูกมือของอีกคนหยิบขึ้นมาพับทบกันหลายๆชั้น แล้วค่อยๆบรรจงซับเหงื่อตามใบหน้ารวมไปถึงซอกคอของผมด้วย มีแว๊บนึงที่ผมก้มหน้าลงไปหวังจะเอาจมูกชนกับจมูกรั้นๆ แต่หมอตัวแสบก็หดคอหนีพร้อมทั้งหัวเราะคิกคัก แล้วเอาผ้าขนหนูนั่นคลุมหัวผมไว้
ฮ่าๆ เล่นอะไรวะนี่ย
ผมยิ้มกว้างใต้ผ้าขนหนูผืนบางแบบห้ามตัวเองไม่อยู่
แต่น่าเสียดายที่อีกคนไม่ได้เห็นมัน.
เกมการเล่นรอบใหม่กำลังจะเริ่ม ..เวลาผ่านไปก็มีคนเข้ามาขอร่วมเล่นด้วยมากขึ้น ทั้งคนที่ผมรู้จักและไม่รู้จักเยอะแยะไปหมด บาสเกตบอลเปิดเกมด้วยการที่ทั้งสองฝ่ายต้องกระโดดแย่งลูกบาสเข้าฝ่ายตัวเองให้ได้ ซึ่งในเกมนี้ผมได้รับหน้าที่นั้น
เออว่าแต่.. ฝ่ายตรงข้ามที่จะมาแย่งลูกบาสกับผมนี่ใครวะ?
ไม่ถูกชะตาเอาซะเลย.
.
.
“แฟนเหรอ?”
“ฮะ?”
“ข้างสนามนั่นแฟนเหรอ?” คนที่ไม่รู้จักกันนี่ถามคำถามส่วนตัวขนาดนี้เลยเหรอวะ
“แล้วยุ่งอะไรด้วย..” ผมรู้ว่าสายตาที่ผมมองกลับไปมันไม่เป็นมิตรเลยสักนิด ถ้าเป็นคนอื่นที่รู้จักผมดีคงกลัวจนหลบตาไปแล้ว
“ป่าวว่ะ.. ถ้าไม่ใช่ก็จะได้จีบ.. แต่ถ้าใช่..”
“....”
“..ก็จะได้แย่ง”
ปี๊ด!
เสียงสัญญาณนกหวีดดังขึ้นตัดบทสนทนาที่ไม่สบอารมณ์นั่น ผมกระโดดตัวขึ้นสูงสุดคว้าเอาลูกบอลมาได้สำเร็จ เกมครั้งนี้ดำเนินไปอย่างดุเดือดเกินความจำเป็นทั้งที่มันไม่ใช่การแข่งขันใดๆ สาเหตุอาจจะมาจากอารมณ์ร้อนๆของผม บวกกับอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมกับเขาปะทะกันจนเจ็บตัวกันอยู่บ่อยครั้ง
“เจ็บมากมั้ยมึง ลุกไหวป่ะ?” เพื่อนคณะถามขึ้นขณะที่กำลังยื่นมือเข้ามาดึงตัวผมให้ลุกขึ้น เพราะผมเสียหลักล้มตอนที่โดนคนแปลกหน้านั่นกระแทกเข้าที่สีข้างลำตัวอย่างจัง พอหันไปมองก็เห็นแต่สายตาเหยียดๆส่งกลับมาให้ หนำซ้ำมันยังเดินไปถามอะไรบางอย่างจากตัวเล็กของผมด้วย ..มองจากตรงนี้ก็เห็นแค่ว่าคิมดงฮยอกทำหน้างงๆแล้วชี้ไปกระติกน้ำข้างสนาม.. จะหาน้ำกินแค่นี้หาเองไม่เป็นรึไงวะ ไปยุ่งอะไรกับแฟนกู?
“ให้จบเกมก่อนเถอะ...”
“มึงว่าไงนะ?”
“อ๋อ ไม่มีไร.. แต่เกมนี้ออกแรงหน่อยได้มั้ยวะ กูไม่อยากแพ้” ผมลุกขึ้นยืนตามแรงดึงของเพื่อน แล้วเดินกลับเข้าสนามต่อ ช่วงเวลาครึ่งหลังของเกมบรรยากาศสนุกขึ้นมาก ข้างๆสนามมีคนมาดูเยอะกว่าทุกวันอาจจะเป็นเพราะคิวท์บอยคณะแพทย์อย่างคิมดงฮยอกนั่งอยู่ด้วยก็ได้ ผมเลยไม่แน่ใจว่าคนพวกนั้นมาดูบาส หรือมาดูคนของผมกันแน่..
คะแนนทีมผมนำห่างออกไปเพียงสองแต้ม นั่นหมายความว่าอีกฝ่ายชู๊ตอีกแค่ลูกเดียวก็ตามทัน ลูกกลมๆสีส้มลอยเด้งไปมาในสนาม เกมเดินเร็วจนแทบจับตามองไม่ทันเพราะเวลาเหลือน้อยเต็มที ได้โปรด.. อย่าแพ้เลย จะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง อย่าแพ้เด็ดขาด
.
.
“เห้ยยยยยยย!!! คนนั้นน่ะ หลบ!!!!!!!!!!!!” ลูกบาสลอยคว้างไปในอากาศ ตามแนวที่เพื่อนผมชี้บอกให้คนข้างสนามนั่นก้มหัวลง คนๆนั้นปลอดภัยจากการโดนลูกบาสกระแทกหน้าได้แน่ถ้าหันมาสนใจเพื่อนผมสักนิด.. เว้นเสียแต่ว่าเขาคนนั้นกำลังสนใจมือถือของตัวเองอยู่ ไม่แม้แต่จะเปรยตามองสิ่งรอบตัวสักนิด..
คิมดงฮยอก
ฉันไม่ควรพานายมาเจ็บตัวแบบนี้เลยจริงๆ.
แรงกระแทกอย่างจังเข้าบริเวณใบหน้าเมื่อสักครู่ ทำให้ผมปล่อยมือจากโทรศัพท์แบบอัตโนมัติ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันกระแทกพื้นแตกไปแล้วรึเปล่า แต่ตอนนี้รู้สึกชาไปหมดทั้งหน้า ยกมือขึ้นมาคลำๆดูเลยรู้ว่านอกจากเจ็บมากๆแล้วยังจะมีเลือดไหลออกมาจากจมูกอีกด้วย คิ้วขมวดพร้อมด้วยเปลือกตาที่หลับแน่นไว้บ่งบอกระดับความเจ็บปวดได้เป็นอย่างดี
“โทษที.. ไม่นึกว่าจะโยนแรงขนาดนี้ มันลอยมาไกลไปหน่อย นายเจ็บมากไหม?” รู้สึกได้ถึงมือใหญ่ของใครบางคนกำลังโอบไหล่ผมไว้แน่น พร้อมทั้งพยายามแกะมือผมออกเพื่อจะสำรวจใบหน้าของผม
“ใครน่ะ....” พยายามเบี่ยงตัวหลบออกจากเกาะกุมนั่นทั้งที่ยังหลับตาแน่นอยู่เพราะได้ยินฝีเท้าหนักๆของอีกคนกำลังวิ่งตรงมาทางนี้
ฉันไม่ชอบอยู่ในอ้อมกอดคนอื่น
กูจุนฮเว
นายช่วยวิ่งเร็วกว่านี้ได้ไหม..
“ไว้ค่อยรู้จักกัน ตอนนี้เดี๋ยวพานายไปโรงพยาบาลก่อนดีกว่า..”
“เอามือออกจากไหล่ฉันเถอะนะ..”
“นายเจ็บขนาดนี้จะปล่อยได้ไงอ่ะ”
“ปล่อยเถอะ...”
“ไม่”
“เชื่อกันเถอะ ถ้านายไม่อยากเจ็บตัว...”
“เจ็บตัวอะไร-..”
“กูนับหนึ่งถึงสาม ถ้ามึงไม่ปล่อยดงฮยอก... กูเล่นมึงแน่ ออกไป!!!!!!!” เสียงคำรามก้องไปทั่วสนามจากคนที่ก้าวร้าวที่สุดในตอนนี้.. ทุกอย่างเงียบกริบไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหว ขนาดจะหายใจยังดูลำบากเลย กูจุนฮเวเวลาโมโหร้ายมันน่ากลัวยิ่งกว่าอะไรซะอีก เห้อ... ก็บอกแล้วไงว่าให้ปล่อย.. เป็นเรื่องจนได้สิน่า นี่เจ็บตัวคนเดียวมันไม่พอรึไงวะ อย่ามาทะเลาะกันตรงนี้นะเว้ย
“ถ้ากูไม่ปล่อย แล้วมึงจะทำไมวะ?”
......นี่ไอ้คนที่โอบไหล่ผมอยู่มันโง่หรือโง่กันแน่วะ มันไม่คุ้มเลยที่ไปยั่วโมโหจุนฮเวแบบนั้น ไม่คุ้มเลยจริงๆ.. ได้แต่คิดอยู่ในใจเพราะไม่ทันไรก็เหมือนมีแรงกระชากคนข้างตัวออกไปอย่างรวดเร็ว มือนั่นปล่อยจากไหล่ผมแล้ว ผมพยายามจะดันเปลือกตาขึ้นมองเหตุการณ์บ้าๆตรงหน้าแต่มันก็ลืมตาไม่ขึ้นจริงๆนะ แถมเลือดจากจมูกก็ยังไหลไม่หยุดอีกต่างหาก ไปทะเลาะกันวันอื่นได้มั้ยวะ นี่เจ็บจะตายอยู่แล้ว
พลั่ก!
ได้ยินเสียงเหมือนหลังใครบางคนกระแทกพื้น ให้ตายเถอะไม่อยากเดาเลยว่าเป็นของใคร จะใครมันก็แย่ทั้งนั้นในตอนนี้ นี่หันมาสนใจผมก่อนไม่ได้รึไง
“จุนฮเวหยุดทำอะไรบ้าๆนั่น แล้วพากลับห้องเถอะ..” ทันทีจะจบประโยคขอร้องของผม ก็เหมือนการกระทำทั้งหมดหยุดชะงักลงทันที สัมผัสข้างตัวที่คุ้นเคยกลับมาอีกครั้ง ผ้าขนหนูที่ถูกใช้เช็ดเหงื่อให้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้ใช้ห่อหุ้มน้ำแข็งที่เดาเอาว่าคงมาจากระติกข้างสนาม
“ขอโทษ..” คำขอโทษแผ่วเบาดังอยู่ข้างหู มือใหญ่นั่นประคองใบหน้าผมพร้อมกดผ้าห่อน้ำแข็งลงมาเบาๆบริเวณจมูกเพื่อห้ามเลือด
ขอบคุณที่อย่างน้อยการมีแฟนเป็นหมอก็ทำให้นายมีทักษะในการดูแลคนอื่นบ้าง.
พอกลับมาถึงห้องอีกคนก็เอาแต่บอกให้นอนเฉยๆ นี่ผมไม่ได้เป็นง่อยนะ แขนขาก็ยังใช้ได้อยู่ อีกอย่างตอนนี้ก็ลืมตาได้แล้ว น้ำแข็งที่ประคบอยู่ตลอดเวลานอกจากจะห้ามเลือดได้เป็นอย่างดี ยังสามารถลดอาการบวมได้อีกด้วย แต่ถึงอย่างงั้นหน้าตาผมตอนนี้ก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แย่ชะมัด
“ตอนนั้นนายไม่น่าห้ามเลย... ไอ้บ้านั่นมันโยนลูกบาสใส่นายจนต้องมาเจ็บแบบนี้ คิดว่าทนดูได้เฉยๆรึไง” จุนฮเวบ่นอุบอิบพลางหย่อนตัวลงข้างเตียง พร้อมกับเอาเจลเย็นมาวางบริเวณจมูกแทนผ้าห่อน้ำแข็งผืนเดิม
“โห.. ถ้าไม่ห้าม คนที่นอนซมตรงนี้คงเป็นนายมากกว่า”
“ดูถูกจังเลยนะ”
“อย่าหาเรื่องคนอื่นไปทั่วสิ ขี้เกียจมาทำแผลให้แล้ว เบื่ออออออออ”
“เออวันนี้ก็นอนเฉยๆไป จะทำแผลให้เอง”
“เห้ยยยยยยย ไม่ต้องเลย เดี๋ยวได้เจ็บหนักกว่าเดิม”
“ไว้ใจกันบ้างได้มั้ยเล่า.. ใครจะมือหนักกับแฟนตัวเองวะ คิดบ้างดิ เห็นแบบนี้ก็ห่วงเป็นนะ”
“......”
“ขอโทษที่ดูแลไม่ดี ขอโทษที่ทำให้เจ็บตัวแบบนี้”
“.....”
“ขอโทษที่ยอมปล่อยให้นายอยู่ในอ้อมกอดคนอื่น”
“.....”
“ต่อไปนี้ไม่ยอมให้เหตุการณ์บ้าๆนั่นเกิดขึ้นอีก”
“นายไม่ได้ทำอะ-...”
“รักนะ... หวงมากด้วย”
"....."
อยู่ดีๆคำว่ารักก็หลุดออกมาจากปากผู้ชายแข็งกร้าวตรงหน้า อาจจะรู้สึกไปเองก็ได้ว่าหัวใจหยุดเต้นไปหนึ่งจังหวะ.. สายตาคมนั่นน่ากลัวเสมอเวลาอยู่กับคนอื่นที่ไม่รู้จัก แต่มันกลับดึงดูดมากจริงๆเวลาอยู่กับผม..
เจลเย็นถูกดึงออกไปแล้ว.. ตอนนี้จุนฮเวกำลังแกะพลาสเตอร์ธรรมดาๆไร้ลวดลาย แปะลงบนหัวคิ้วด้านขวาที่มีรอยขูดอยู่เล็กน้อย
มือเบาเหมือนที่คุยไว้จริงๆ
ผมเชื่อแล้ว.
“เจ็บมั้ย.. ?”
“เจ็บ” ...โกหกคำโตเลยทีเดียว
“นี่เบามือสุดๆแล้วนะ..”
“ก็ยังเจ็บอยู่อ่ะ”
“แล้วให้ทำไงล่ะครับ.. หื้ม?” มือใหญ่เอื้อมมาจับท้ายทอยแล้วดันให้เข้าไปซบตรงอกแกร่งนั่นเบาๆพลางลูบหัวไปด้วย ...ผมกอดตอบแล้วลอบยิ้มกับความน่ารักของใครบางคน
“จุนฮเวอ่า... ปลอบหน่อย...”
“หื้ม? ก็ปลอบอยู่นี่ไง ไม่งอแงนะ..”
“ลูบหัวแบบนี้มันไม่ใช่ซะหน่อย นี่เรียกปลอบแบบพี่จินฮวานต่างหาก ฉันไม่ใช่น้องนายนะ..”
“..แล้ว?”
.
.
“จะเอาปลอบแบบกูจุนฮเว...”
ผมรู้ว่าอะไรที่ดูจะเบาว่าการที่ผมใช้มือกดลงบนแผลเล็กๆนั่นของดงฮยอก ...ผมจัดการจรดริมฝีปากลงบนแผลนั่นอีกครั้งหลังจากที่อีกคนอ้อนจะเอาการปลอบแบบ.. เอ่อ.. ปลอบแบบจุนฮเว ไม่รู้ว่าศัพท์คำนี้ถูกบัญญัติขึ้นตอนไหน แต่ช่างมันเถอะ เพราะในเมื่อผมสามารถเข้าใจได้ แค่นั้นก็คงเพียงพอแล้ว และดงฮยอกดูมีความสุขกว่าตอนที่ผมใช้มือกดๆแผลนั่นหลายเท่า
ก็แน่สิ..
แบบนี้มันไม่เจ็บสักนิด.
ผมไล้ริมฝีปากไปเรื่อยๆตามบริเวณแผลที่ช้ำ.. กดจูบลงเบาๆเพราะกลัวอีกคนจะเจ็บ สุดท้ายก็หยุดการปลอบแบบจุนฮเว ลงที่ริมฝีปากบางนั้นเนิ่นนาน.. ผละออกมาอีกทีก็พบกว่าอีกคนหน้าแดงไปถึงไหนต่อไหนเป็นที่เรียบร้อย
“นอนนะคนเก่ง...” พูดพลางกดไหล่บางให้นอนลง พร้อมเอาผ้าห่มมาคลุมให้ ฝ่ามือก็ยังทำหน้าที่ปลอบอีกคนด้วยการลูบหัวอยู่ตลอด ถึงแม้ว่าดงฮยอกจะบอกว่านั่นคือการปลอบแบบพี่จินฮวานก็เถอะ
“..กอด” สองแขนเล็กชูขั้นมานอกผ้าห่ม หลับตาพริ้มรอให้ผมเข้าไปกอด.. พอไม่สบายหน่อยแล้วก็ทำตัวเป็นเด็กแบบนี้ทุกที ดงฮยอกตัวแสบหายไปไหนก็ไม่รู้ครับ
ผมดันตัวเข้าไปกอดคนตัวเล็กไว้ ขยับตัวเล็กน้อยให้ดงฮยอกนอนสบายในอ้อมกอดอุ่นๆ มือบางนั่นอ้อมมาโอบเอวผมไว้แน่น แต่บางทีมันแน่นจน..
“โอ้ยย..” ...สีข้างกระแทกเมื่อตอนเย็นมัน.. เชี่ย.. เจ็บชิบหาย
“โอ๊ะ.. ขอโทษ นายเป็นอะไร??” คิมดงฮยอกดูตกใจกับปฏิกิริยาของผมในตอนนี้เป็นอย่างมาก ถึงขั้นลุกพรวดพราดขึ้นมาขึ้นมาแล้วเปิดโคมไฟหัวเตียงอย่างรวดเร็ว
“วันนี้ล้มกระแทกไปหลายครั้ง เพราะคนนั้น.. ที่เข้ามาจีบนายนั่นแหละ ปะทะกันแรงตั้งแต่ในสนามแล้ว”
“เจ็บตรงไหนบ้าง ทายารึยัง?” ให้เดาคือตอนนี้คิมดงฮยอกคงลืมไปแล้วว่าตัวเองก็เจ็บไม่แพ้กัน
“ยัง...”
“งั้นรอนี่แป๊บนึงนะ” หมอเดินหายออกไปจากห้องนอนสักพักนึงก็กลับมาพร้อมยาหลอดสีฟ้าๆ แก้พกช้ำสำหรับผิวกาย
คนตัวเล็กเลิกเสื้อยืดผมขึ้นไปเกือบครึ่ง แล้วทายาลงบนบริเวณที่ช้ำนั่นเบาๆ มันทำให้ผมรู้ว่าจริงๆแล้วบนตัวผมมันช้ำมากกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก เพราะอีกคนสั่งให้พลิกหน้าพลิกหลังอยู่ตลอดเวลา
“เสร็จละ คราวหลังก็ระวังๆหน่อย” ดงฮยอกเอามือหมุนปิดหลอดยา แล้ววางยานั่นไว้ใกล้ๆหัวเตียง
“อย่าเพิ่ง....” คว้ามือเล็กนั่นไว้ก่อนที่อีกคนจะดึงเสื้อผมกลับลงมาในสภาพปกติ
“อะไร?”
“อย่าเพิ่งดึงลงนะ”
“หื้ม?”
“ปลอบหน่อยดิ....”
“....”
.
.
“ปลอบแบบดงฮยอก”
ปลอบกันไป ปลอบกันมา
เห้อ...
สุดท้ายก็ไม่ได้นอน.
END.
ดงฮยอกปลอบยังไงเราไม่รู้ ไม่ต้องมาถามเรานะ ไปถามเน่โน่นเลยยยยยยย -,,-
ส่วนเด็กใหม่น้องชานอู น้องต้องฝึกอีกเรื่อยๆ เปิดใจให้น้องกันเนอะ J
อีกสองคนที่ไม่ได้ไปต่อ ก็ให้ติดตามผลงานต่อไปนะ คุณภาพมากแน่ๆ เชื่อในตัวจินฮยองกับฮงซอกด้วย!! ^^
ขอบคุณสำหรับการรอคอย คอมเม้นที่อบอุ่นอยู่เสมอ สำหรับ #ฟิดสามหมอ นะคะ
รักมากอ่ะจริงๆ T^T
** คอมเม้นท์ในเด็กดี ไม่ค่อยขึ้นเลย เค้าอ่านได้บ้าง ไม่ได้บ้าง TT____TT
หากรีดเดอร์มีทวิตเตอร์เราขอเชิญที่ #ฟิคสามหมอ เลยนะคะ ^_^ สะดวกรวดเร็ว กิกิ
ผลงานอื่นๆ ของ iimm ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ iimm
ความคิดเห็น