ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    #พริ้มเพียงหวา | chanbaek

    ลำดับตอนที่ #4 : พริ้มเพียงหวา : ตอนที่ ๓

    • อัปเดตล่าสุด 16 ส.ค. 61







    3

     



    เสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นเมื่อครูผู้สอนเดินออกจากห้องไป แกสั่งงานทิ้งไว้เป็นแบบฝึกหัดที่ต้องเก็บรวบรวมส่งท้ายคาบ ซึ่งในตอนนี้ พริ้มกำลังทำอยู่ทั้งหมด 7 ใบ ไม่นับรวมของตัวเองที่เสร็จไปตั้งนานแล้ว เท็ดดี้ตัวใหญ่เดินมาทิ้งก้นลงบนโต๊ะของเขา ก่อกวนในขณะที่กำลังกาคำตอบให้คนที่ 5 เหลืออีกแค่สองใบก็จะเสร็จแล้ว

     

    “ทำเร็ว ๆ ดิวะ!

    “ชักช้าจะโดนยิง!!

     

    แปะ!

     

    ไข่มุกเหนียวหนืดพุ่งออกมาจากหลอดและยึดตัวเกาะที่ข้างแก้ม พริ้มเงยหน้ามองคนทำเล็กน้อยตามประสาคนขี้กลัวที่กำลังหวาดหวั่น ปัดเม็ดดำ ๆ นั่นออกจากแก้มตัวเอง โดยที่มือข้างขวาก็ยังคงทำหน้าที่ของมันต่อไป

     

    ผ่านมาได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว แต่ชีวิตประจำวันของพริ้มก็ไม่ได้เปลี่ยนไปตามวันที่บนปฏิทินเลยสักนิด เขายังคงโดนแกล้งและกดหัวให้ต่ำลงเหมือนอย่างทุก ๆ วัน ครั้งหนึ่งเขาเคยอยากหนีแต่เท็ดดี้คงไม่ยอมให้มันง่ายขนาดนั้น เขาก็ไม่รู้ว่าเท็ดดี้ไม่ชอบเขาตรงไหน หรือแค่ทำไปเพราะมันสนุก บางทีเขาก็ไม่เข้าใจคนที่อยากได้เสียงโฮ่ร้องจากคนรอบข้างแต่ไม่เลือกวิธีการ

     

    “พริ้ม!!

     

    เสียงแหลม ๆ ที่คุ้นหูเอ่ยเรียกเสียงดังด้วยความไม่พอใจ เป็นแคทนั่นเอง เธอผลักพวกผู้ชายที่ยืนล้อมเขาอยู่ออกแล้วแทรกตัวเข้ามา ชักสีหน้าไม่สบอารมณ์เมื่อได้สบเข้ากับแววตาอ่อนแอ

     

    เห็นแล้วหงุดหงิดเป็นบ้า

     

    “จะไปได้หรือยัง?”

    “ขอโทษนะ เรายังทำไม่เสร็จเลย”

    “รู้หน้าที่นะ?”

    เราจะรีบไป”

     

    เธอไม่ได้สนใจว่าพริ้มจะต้องทำงานของคนอื่นให้เสร็จอีกสักกี่แผ่น จะต้องโดนแก๊งนักเลงหลังห้องกลั่นแกล้งอีกนานเท่าไรกว่าจะหลุดออกมาได้ เธอไม่ได้สนเพื่อนตัวเล็กท่าทางขี้แพ้นี่มาตั้งแต่แรกแล้ว มันน่ารำคาญจะตายเวลาเห็นใบหน้าหงอ ๆ ไร้ทางสู้ตั้งแต่ก้าวแรก แต่เพราะไอ้ขี้แพ้เป็นแบบนั้นแหละก็เลยใช้งานง่ายดี

     

    “ฮ่า ๆ อีแคทมันโกรธมึงแน่ ถ้ามึงไปช้า”

    “รีบ ๆ ทำเข้าสิวะไอ้ตุ่นปากเป็ด!

    “ไม่รีบไปรับใช้เจ้าหญิงให้ทัน ระวังหัวขาดนะเพคะ ฮ่า ๆ เร็วดิ๊!

     

    โต๊ะของพริ้มเหลือครึ่งเดียวเพราะเท็ดดี้นั่งกินไปเกือบครึ่งตัว เขาเร่งกากบาทลงในใบงานที่มีทั้งหมด 40 ข้อบนโต๊ะที่เหลือไม่กี่นิ้ว ใบหน้าเหวี่ยงของแคทหลอกหลอนเขาภายในหัว ถ้าไปไม่ทันมีหวังเขาโดนอีกแน่ ๆ แค่ทุกวันนี้ทำให้ตามปกติยังโดนเลย

     

    “เฮ้ย ๆ ๆ มึงกาข้อนี้ผิดปะไอ้พริ้ม!

    “อ่าขอโทษ มันลายตา”

    “ทำให้มันดี ๆ ดิ๊ ถ้ากูได้คะแนนไม่เท่ามึง มึงเละนะ”

     

    เท็ดดี้ตบเข้าที่หัวทุยของพริ้มอย่างแรงจนต้องยกมือขึ้นมากุม แก๊งของเท็ดดี้ยังคงยืนล้อมเขาไว้ไม่ห่าง เวลาผ่านไปหลายนาทีตั้งแต่แคทเดินเข้ามา เขาคิดว่าคงไปไม่ทันซื้อน้ำแน่ ๆ และแคทจะโกรธเขาอย่างแน่นอน แต่สำหรับสถานการณ์ตรงนี้ก็ยากพอกัน แคทไม่เคยลงมือกับเขาแรงเท่าเท็ดดี้ ดังนั้นถ้าให้เลือกคำตอบที่จะไม่ทำให้ตัวเขาเจ็บมากที่สุด

     

    ก็คงเลือกเท็ดดี้

     

    “ไอ้วีค แผ่นสุดท้ายของมึงปะ”

    “เออ ทำไมวะ”

    “จะเสร็จแล้วเนี่ย ข้อสุดท้าย”

    “จริงดิ ให้ไวเลยไอ้พริ้ม พวกกูหิวข้าว”

     

    หิวเหมือนกัน

     

    หลายสิบนาทีกว่างาน 7 ใบจะเสร็จครบทุกใบ มันไม่ได้มีแค่ข้อกาอย่างเดียว บางข้อก็ต้องเขียน พริ้มกลัวว่าครูจะจับลายมือได้ แต่ถ้าโดนขึ้นมาก็คงไม่มีข้อแก้ตัวใดใด ร่างเล็กส่งกระดาษทั้งหมดให้คนใดคนหนึ่งแทนเท็ดดี้ที่นั่งแกว่งขาอยู่บนโต๊ะเขา

     

    “เค ทำดีมากไอ้ตุ่น”

    “เอ่ออย่าลืมเขียนชื่อนะ”

     

    เท็ดดี้ฉุดเขาให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเหวี่ยงให้เดินออกไปจากห้อง

     

    “รีบไปรับใช้เจ้าหญิงดิวะ เดี๋ยวไม่ทันนะเว้ยยยยย”

    “ฮ่า ๆ มึงโดนแน่”

    “เอาไปส่งกันเว้ยมึง จะได้ไปแดกข้าว”

    “เกะกะ! ไปไกล ๆ ชิ่ว!

     

    เท็ดดี้ผลักเขา แล้วคนอื่น ๆ ก็ตามมากระแทกไหล่ ทำเหมือนเขาเป็นขยะไร้ค่า เตะไปก็เตะมาไม่มีใครคิดจะเอามันไปทิ้งให้ถูกที่สักคน คนตัวเล็กถอนหายใจ หยิบเอากระเป๋าสตางค์แล้วรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่โรงอาหาร ป่านนี้พวกแคทคงกินข้าวกันเสร็จหมดแล้วแน่ ๆ

     

    เป็นไปตามที่คิด

     

    พริ้มวิ่งมาหยุดอยู่ที่โต๊ะเดิมของพวกเธอ น่าจะรีบลงมาจองกันตั้งแต่ออดยังไม่ดัง กระโปรงสั้น ๆ ของแคทเคลื่อนไหวไปตามจังหวะการเดินทิ้งส้นที่มองเมื่อไรก็รู้สึกหวั่นใจทุกที เธอถือน้ำแดงมาแก้วใหญ่ เพื่อนคนอื่น ๆ ก็มีขวดน้ำวางตั้งไว้กันหมดแล้ว

     

    หัวใจของพริ้มเริ่มสั่น เขามาไม่ทันจริง ๆ

     

    “วิ่งมาหรอ?”

    “แต่วันนี้ไม่ต้องซื้อน้ำนี่”

     

    วันใหม่พูดทักพริ้มที่กำลังหอบหายใจเหนื่อยจากการวิ่งตรงดิ่งมาโรงอาหาร สาว ๆ บนโต๊ะหัวเราะเยาะสภาพโง่ ๆ ที่กลัวพวกเธอจนคอเริ่มจะหด แต่สิ่งที่พริ้มกลัวไม่ใช่เพื่อน ๆ ของแคท แต่เป็นแคทต่างหากที่พริ้มกลัว เพราะสาวเจ้าไม่พูดอะไร ทำเพียงแค่ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม

     

    แล้วยื่นแก้วนั่นให้พริ้ม

     

    “เอาไปสิ”

    !?”

    “ดูเหนื่อยนะ”

     

    เกิดคำถามขึ้นในหัวใจที่ว่างเปล่า มือทั้งสองข้างรับน้ำแก้วนั้นมาด้วยความรู้สึกดีใจที่ปนความแปลกใจไว้ด้วยกันช้า ๆ ริมฝีปากเล็กผุดยิ้มขอบคุณอย่างใสซื่อที่แคทให้น้ำแก้วนั้นกับเขา เป็นรอยยิ้มเก้ ๆ กัง ๆ จนคนให้หัวเราะในลำคอเบา ๆ ความรู้สึกน้อยใจและเสียใจที่มันเคยเกิดขึ้นเพราะพวกเธอหายไปหมด

     

    เพียงเพราะน้ำแก้วเดียว

     

    ตุ้บ!

     

    ที่หกเลอะเสื้อนักเรียนเป็นทางยาว

     

    “อีพริ้ม!! ถืออะไรของมึง!

    “มันทำเสื้อมึงเลอะด้วยอ่ะเนม”

    “จริงอ่ะ!! อีพริ้ม!!

     

    ทั้งที่เป็นคนลุกแล้วจงใจชนน้ำแดงแก้วนั้นแท้ ๆ แต่คนโวยวายดันไม่ใช่คนที่โดนเต็ม ๆ เนมหัวเสีย ตีเข้าที่ไหล่เล็กของพริ้มแรง ๆ สองสามทีจนพอใจแล้วเดินถือจานข้าวออกไป คนสุดท้ายเป็นแคทที่เหลือบมองเขาเล็กน้อย ถ้าพริ้มไม่ได้มองหน้าแคทอยู่ก็คงไม่มีทางเห็นมุมปากของเธอยิ้มเยาะมาให้แน่ ๆ

     

    คิดอะไรอยู่กันนะถึงได้รับมาง่าย ๆ แบบนั้น

     

     








     

    รถกระบะคันโตขับถอยหลังเข้าซองช้า ๆ ตามสัญญาณมือของลุงกุน ทุกคนในทีมเพิ่งรู้จักชื่อลุงแกเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วตอนแกเดินลงจากรถมา วันนี้เป็นวันนัดเอาชุดมาให้หลังจากรอราว ๆ อาทิตย์กว่า แกบอกมันต้องใช้เวลาในการซัก รีบแค่ไหนก็เอาให้ทันทีไม่ได้

     

    ลุงกุนพกลูกน้องมาสองคน คนหนึ่งนั่งอยู่บนรถ ดับเครื่องยนต์เมื่อล้อเข้าตรงเส้น ส่วนอีกคนกระโดดขึ้นหลังกระบะ หอบเอากล่องลังใบใหญ่ลงมาจากรถและซ้อนบนรถเข็นที่ลุงแกถือรอไว้อยู่ ตัวจริงทั้งเจ็ดคนรวมโค้ชอีกหนึ่ง ยืนหน้าสลอนรอต้อนรับเถ้าแก่ที่ไม่ได้หืออืออะไรกับการเข้าแถวเรียงหนึ่งของพวกเขา หนำซ้ำยังยกของเข้าห้องพักมาสคอต(ลุงกุนแกตั้งเอาเอง)ผ่านหน้าไปทันทีแบบไม่บอกไม่กล่าว

     

    “ขาขาด กล้ามขาด ปากหลุด ตาแหว่ง จุดละห้าร้อย”

    “เลอะได้ใช่มั้ยครับ?”

    “เลอะได้ บอกกันเองด้วยว่าห้ามสะเหล่ออยากรู้ว่าไส้ในคือใคร เข้าใจ๊?”

     

    ‘ไส้ใน’ หรือก็คือคนใส่ชุดมาสคอตนั่นแหละ แต่ลุงกุนแกเรียกแบบนั้น

     

    “ไส้ในมาวันนี้ ฝากดูแลด้วยก็แล้วกัน”

    “ได้ครับ”

     

    เฮียแกจดยิก ๆ ลงในสมุดฉีก สักพักก็ถุยอะไรสักอย่างออกจากปากตัวเอง ซานกับจอมทัพมองตามสิ่งที่หลุดออกจากปากลุงแต่ไม่เห็นอะไร โค้ชกวักมือเรียกยี่หวาที่กำลังจะเดินไปกินข้าวกลางวันให้กลับมาก่อน แกไม่อยากอยู่รับมือกับลุงกุนคนเดียว ผู้ชายอะไรหน้าตาน่ากลัว ไม่มีผมแต่ดันมีหนวด

     

    “ไอ่โค้ช โค้ชอ่ะ ใครโค้ช?”

    “ผมครับ” โค้ชทัดตอบเสียงแผ่ว เพราะลุงแกเรียกฮาร์ดคอเกินไป

    “นี่มันไอ้หนูที่เซ็นสัญญาใช่มะ เอ็งมาเซ็นนี่ให้ลุง”

    “ไปสิไอหวา”

     

    โค้ชผลักยี่หวาออกไปหาลุงกุนหน้าดุ เหมือนไอ้หวาไม่มีผิด เออ ส่งมันไปดวล เผื่อความดุของมันจะไปหักลบกับลุงแกได้บ้าง กัปตันทีมเซ็นสัญญาฉบับสุดท้าย ที่ไล่สายตาอ่านคร่าว ๆ ได้ประมาณว่า

     

    ‘ไส้ในจะอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ที่เซ็นยินยอมดูแลทุกประการ และไส้ในมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องความต้องการได้ทุกรูปแบบจนกว่าจะหมดสัญญา หากมีการฝ่าฝืนหรือทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่พอใจ จะยอมรับข้อเท็จจริงจากไส้ในแต่เพียงผู้เดียว’

     

    หลัง ๆ นั้นเขาอ่านไม่จบ อ่านถึงแค่คำว่า ทุกประการ แล้วก็เซ็นลงไปทันที ไม่มีเวลามาสนใจสัญญาสามสี่ฉบับจากไอ้ร้านมาสคอตบ้าบอคอแตกนี่หรอก ยี่หวายื่นกระดาษเปื่อย ๆ กลับคืนลุงกุน แกอ่านอยู่แวบหนึ่งแล้วเรียกลูกน้องของตัวเองขึ้นรถออกไป

     

    “จะไปกินข้าว”

     

    มือตบหัวเสาเอ่ยเสียงนิ่ง ๆ เมื่อโค้ชรั้งแขนของเขาเอาไว้

     

    “เอออออ ดุหรือหิว ขอคุยด้วยแปปเดียว”

    “มีอะไร”

    “มึงอย่าดุโค้ชดิวะไอ้หวา นั่นรุ่นพ่อมึงเลยนะ”

    “กูยังไม่แก่ขนาดนั้นเว้ยไอ้ซาน!

     

    ด่าไล่หลังไอ้พวกตัวแสบที่ตัวเองปลุกปั้นมากับมือ นอกจากฝีมือดีแล้วยังฝีปากดีอีกด้วย ยี่หวาเร่งรัดด้วยคิ้วขมวด กอดอกวางมาดข่มโค้ชหนุ่มที่ไม่ยอมเข้าเรื่อง เอาแต่ด่าไอ้ซานที่กวนตีนแกไม่ยอมหยุด พอหันมาเห็นสีหน้าของกัปตันทีมที่ถืออภิสิทธิ์เหนือใครในชมรม ก็ได้แต่กระแอมเรียกอายุอานามให้มาสถิตร่างตอนคุยกับมัน ตกลงเขาหรือมันเป็นโค้ชวะ?

     

    “รีบ ๆ พูด หิว”

    “แกเป็นคนดูแลมาสคอตใช่มั้ยหวา”

    ” ยี่หวาไม่ตอบคำถามที่รู้กันทั้งชมรมอยู่แล้ว

    “โทษ ผิดเอง คือโค้ชอยากให้แกไปเจรจากับไส้ใน”

    “?”

    “อันนี้สมมตินะ แกก็รู้สันดานพวกมันใช่มั้ยว่า ไม่มีทางที่จะไม่สะเหล่อ”

     

    ยี่หวาหันไปมองทางเพื่อนตัวแสบหกตัวที่โบกมือมาให้ ก่อนจะหันกลับมาพยักหน้า

     

    “พวกมันต้องทำทุกทางแน่ และแกคือคนเดียวที่จะไปขอให้ไส้ในไม่ไปฟ้องลุงกุน”

    “ไม่ต้องห่วง

     

    ยี่หวาเหยียดยิ้มเย็นยะเยือกที่มุมปาก

     

    “ผมจะทำให้มันไม่กล้าปริปากฟ้องใครแน่นอน”

    “เอ่อเยี่ยม! เยี่ยมมาก! ไปกินข้าวได้แล้วไป”

     

    โค้ชทัดตบบ่าแปะ ๆ ดันร่างหนาให้เดินไปทางเพื่อนตัวเองที่พากันนั่งยอง ๆ เล่นแมวสีสวาดประจำชมรม เป็นแมวที่ให้ยี่หวาอุ้มได้แค่คนเดียว ส่วนคนอื่น ๆ ได้แค่ลูบหัว สงสัยจะชอบคนดุ

     

    นักกีฬาวอลเล่ย์บอลตัวจริงครบทีมของโรงเรียนพากันมาที่โรงอาหาร เพราะต้องออกไปต้อนรับลุงกุนก็เลยมากินข้าวช้ากว่าปกติ การปรากฏตัวของพวกเขาเป็นที่ฮือฮาเสมอ ไม่ต่างจากหนุ่มฮอตรุ่นก่อน ๆ อย่างเช่น แก๊งพี่เก้า แก๊งไอ้พี่เพลิง ต่างก็สร้างความทรงจำที่ใจเต้นให้สาว ๆ กันมาทั้งนั้น

     

    และปีนี้ก็เป็นปีของ แก๊งยี่หวา

     

    ใคร ๆ ก็บอกว่าชื่อ ยี่หวา นั้นเหมือนผู้หญิง แต่แม่เขาไม่ได้คิดแบบนั้น แม่ไม่เคยคิดว่าชื่อนั้นต้องของผู้ชายหรือชื่อนั้นต้องเหมาะกับผู้หญิง มันก็เป็นแค่ชื่อที่ผู้หญิงคนหนึ่งอยากเรียกสายเลือดของตัวเอง ยี่หวาไม่เคยโดนล้อเรื่องชื่อ อาจจะเพราะหน้าตาดุดันก็ส่วนหนึ่ง อีกส่วนคือคนที่ได้ยินต่างก็หลงไปกับชื่อหวาน ๆ ที่โคตรไม่เข้ากับตัวสูง ๆ เลยสักนิดเดียว

     

    “อ้าว วันนี้เขามีรับสายสะพายรุ่นกันหรอวะ”

    “ไอ้เหี้ย ไปโดนเจ้านายตัวไหนเฉ่งมาเนี่ย”

    “อันนี้เกินไปหน่อยปะวะ”

     

    เสียงของ ซาน จอมทัพ และเทค กำลังวิจาร์ณปะติมากรรมน้ำแดงราดเสื้อเป็นทางยาวตั้งแต่ไหล่ซ้ายข้ามไปยังสีข้างด้านขวา พวกเขามาไม่ทันเห็นเหตุการณ์ดุเดือดก่อนหน้า เห็นแค่เบ๊ตัวเล็กกำลังเก็บจานเงียบ ๆ คนเดียวเหมือนอย่างทุกวัน ผู้คนรอบข้างต่างก็จ้องมองเด็กหนุ่มผู้โชคร้ายกันเป็นตาเดียวและมันก็จบลงที่เป็นเรื่องตลกของชาวบ้าน

     

    แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือน

    คือดวงตาคู่นั้นเปี่ยมล้มไปด้วยน้ำสีใสหาใช่ความตั้งใจเหมือนอย่างวันก่อน ๆ

     

     









     

    ตกเย็นประมาณห้าโมง เด็ก ๆ จากทุกชมรมจะใช้สนามและพื้นที่ของโรงเรียนจนเต็มไปหมด แต่ก็ยังมีนักเรียนธรรมดาที่ใช้ฟุตบาทเป็นที่เล่นแบดหรือเล่นกิจกรรมยามว่างตามความสนใจ ลูกบอลหลายสิบลูกตกกระทบลงพื้นสนามเกิดเสียงดังซ้อนทับกันทั่วบริเวณ โค้ชหนีไปงีบแล้วใช้ยี่หวาคุมเพื่อนในทีมและเด็กในชมรม ตั้งแต่ที่สอนทำตารางซ้อมหรืออะไรต่อมิอะไรให้แก่กัปตันทีมไปจนหมด โค้ชก็จะชอบหนีไปนอนแบบนี้เสมอ

     

    “งอข้อมือหน่อย”

    “ครับ!

    “มองลูกก่อนเวลาตี ไม่ใช่กระโดดไปเรื่อย เข้าใจหรือเปล่า?”

    “เข้าใจค่ะ!

     

    น้ำเสียงทุ้มต่ำพูดกับตัวสำรองของชมรมด้วยสีหน้าจริงจัง ในนาทีที่เราลงสนามจะไม่มีใครกวนตีนใครเหมือนอย่างที่ซานกับจอมทัพชอบแหย่ยี่หวาเด็ดขาด ทุกคนจะจริงจังตามตัวจริงของชมรมทำ เด็กใหม่ที่เพิ่งเข้าชมรมมาจะมีตัวจริงแบ่งกันดูแลเป็นทีม ๆ ไป สอนรวมไม่มีแยก บางวันกัปตันทีมหญิงขี้เกียจก็จะชอบมาวานให้หวาดูแลบ่อย ๆ

     

    คนในชมรมจะรู้กันว่า ซ้อมคนเดียวยังดีกว่าซ้อมกับยี่หวา เพราะไอ้ดุนั่นจะไม่ปรานีคุณแม้แต่วินาทีเดียว สั่งวิ่งคือวิ่ง ถ้าเหนื่อยจนล้มพับมันก็จะเดินไปลากคอคุณขึ้นมาให้วิ่งต่อ แต่ถ้าคุณวิ่งไม่ไหวจริง ๆ มันก็จะลากคอคุณไปจนกว่าจะครบจำนวนรอบตามที่มันสั่ง แต่สำหรับเด็กใหม่ที่ไม่เคยเจอ เชื่อเถอะว่าอยากให้ยี่หวาซ้อมให้แน่ ๆ เพราะการถูกสอนโดย กัปตันยี่หวาถือเป็นความภาคภูมิใจของทีม

     

    “กูแอบติดกล้องไว้ที่หน้าห้องพักมาสคอตดีมะ ไอ้จอมมึงว่าไง?”

    “ถ้าลุงกุนรู้ มึงจ่ายคนเดียวนะเว้ย”

    “เอ้าไอ้เวร ใครกันที่แอบเดินผ่านห้องนั้นบ่อย ๆ วะ”

    “ไอ้มุกเลย กูเปล่า เดินไปสองรอบ สาบานได้”

     

    จอมทัพตบลูกบอลเบา ๆ ส่งกลับไปให้ซานอันเดอร์ หลังจากที่สั่งให้เด็ก ๆ ในสนามซ้อมกับคู่ของตัวเองไปพลาง ๆ ก็ได้เวลาพวกเขาซ้อมกันเสียที ยี่หวาเรียกเหล่าตัวจริงทั้งเจ็ดคนมาล้อมวงเพื่อคุยเรื่องสำคัญ ในตอนนี้ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องมาสคอตตัวปัญหาที่เขาต้องทุ่มสุดตัวเพื่อปกปิด ส่วนพวกเพื่อนในทีมก็ทุ่มสุดตีนเพื่ออยากรู้

     

    “เรื่องมาสคอต ขอความร่วมมือไม่ทำให้มันยุ่งยาก”

    “เช่น?”

    “อยากรู้ว่าไส้ในคือใคร กูได้ยินนะไอ้ซาน”

    “ก็แค่อยากรู้ปะวะ”

    “แล้วไม่ต้องไปเดินเพ่นพ่านห้องนั้นด้วย โค้ชขอมา”

     

    เขาเห็นไอ้มุกเดินไปที่ห้องนั้นประมาณสามสี่รอบได้ ส่วนไอ้จอมกับไอ้ซานน้อยกว่ารอบเดียว มันรู้แหละว่าเรื่องนี้ต้องเป็นความลับ แต่ความกวนตีนและความอยากเสือกของพวกมันไม่มีลิมิตจริง ๆ ขนาดไอ้เทคเงียบ ๆ ยังเคยเกริ่นถามเขาเลยว่าเห็นไส้ในหรือยัง

     

    แต่เชื่อเถอะว่าถ้าพวกมันเกิดเห็นขึ้นมาจริง ๆ ไส้ในคนนั้นไม่มีทางกล้าฟ้องแน่

     

    “ถ้าอยากมีข้าวกินตอนเก็บตัวแบบดี ๆ ก็ช่วยลดความอยากรู้ให้มันน้อยลงกว่านี้”

    “ด่าเสือกเลยง่ายกว่า เจ็บไม่มากด้วย”

     

    จอมทัพพูดพลางหัวเราะ

     

    “เฮ้ยนั่นมัน ตัวไรวะ”

    “ไอ้เหี้ยหวา หลังมึง

     

    เจ้าของชื่อหันหน้าไปตามนิ้วของผ้า มันทำตาโต อ้าปากพะงาบ ๆ เหมือนเห็นสัตว์ประหลาดเข้าให้ และเมื่อนัยน์ตาสีสวยของยี่หวามีภาพสะท้อนของตัวอะไรบางอย่าง สภาพมันคุ้นตาเหมือนรูปในอัลบั้มที่ได้ไปเลือกมาใช้เมื่ออาทิตย์ก่อน ร่างสูงก็ถอนหายใจทันทีที่รู้ว่าความยุ่งยากได้เกิดขึ้นแล้ว

     

    “เชี่ยยยยยย ปูเหี้ยไร ติ๊งต๊องชิบหาย” เทคเดินไปจับขาปู

    “โคตรกระล๊องก๊องแก๊ง สไตล์มึงเป็นแบบนี้หรอวะไอ้หวา” เนยเตะเข้าที่ขาอ้วน ๆ ของชุด

    “ที่เขาว่า คนเก่งมักรสนิยมแปลก กูเชื่อก็วันนี้” ผ้าย่อตัวหลบฝ่ามือของหวา แล้วพุ่งไปบีบเล่นที่กล้ามปู

     

    น้องปูส้มเดินเตาะแตะมาตอนไหนไม่มีใครรู้รู้แต่ว่าตอนนี้ได้กลายเป็นจุดศูนย์รวมของสายตาคนทั้งสนามเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่สมาชิกชมรมวอลเล่ย์บอล สาว ๆ ที่มาส่องหนุ่มหล่อ ป้าภารโรง หรือแม้แต่หมาจรจัดในโรงเรียนต่างก็มองมาที่ตัวประหลาดตรงนี้ ชุดปูมันแฟนทาสติกกว่าในรูปเยอะมาก ของจริงตัวกว้างเป็นแผ่นหนา ๆ เหมือนปูแบบเป๊ะ ๆ ขาก็ป้อม ส่วนมือที่เป็นกล้ามมันไปอยู่กลางลำตัวเหมือนมนุษย์ได้ยังไง

     

    ยิ่งมองยิ่งขำ ไอ้ปูส้มนี่แม่งตัวสร้างสีสันของแท้

     

    “ท้องมันคือด้านหน้าใช่มะ ฮัลโหล ๆ เห็นปะ”

     

    มุกเดินไปเคาะเบา ๆ ตรงตำแหน่งปากสามเหลี่ยมใต้เม็ดดำ ๆ ทั้งสองข้างที่คาดว่าน่าจะเป็นลูกตา แต่ถ้าเป็นตาคนจริง ๆ จะอยู่ที่ตำแหน่งปาก เพราะมันเป็นแผ่นที่มีรูเล็ก ๆ ทั่วทั้งพื้นที่ เอาไว้หายใจและมองทางเวลาเดิน ด้านหน้าของปูเป็นสีเนื้อ ส่วนด้านหลังเป็นกระดองปู เอาไว้โชว์สีส้ม ๆ

     

    ปูตัวนี้ถูกต้มแล้วชัวร์

     

    “ตัวเบาจัง เป็นผู้หญิงปะเนี่ย”

     

    อยู่ ๆ ปูตัวนั้นก็ลอยขึ้นจากพื้น ฝีมือไอ้จอมทัพที่อยากรู้ว่าพอมีคนใส่แล้วจะหนักแค่ไหน พอเห็นว่ารอบ ๆ เริ่มวุ่นวาย ผู้คนให้ความสนใจเจ้าปูประหลาดตัวนี้มากกว่าการซ้อม ยี่หวาจึงเป่านกหวีดไล่ทุกคนให้ไปสนใจหน้าที่ตัวเอง ไม่ลืมส่งสายตาดุใส่เพื่อนร่วมทีมที่ไม่ยอมหยุดเล่น จนต้องเตะก้นไล่มันเป็นของแถม

     

    ยี่หวาค่อย ๆ สาวเท้าเข้าไปหาปูตัวนั้น

    พอเขาเริ่มเข้าใกล้...มันก็ถอยหลังหนี

     

    “จะถอยไปไหน”

     ...

    “เล่นวอลเล่ย์เป็นมั้ย?”

     (ส่ายตัว)

     

    ยี่หวาพยักหน้ารับแล้วหันกลับมาคุยกับเพื่อนในทีมต่อ

     

    “มีใครอยากสอนมั้ย?”

    “กู ๆ กูสอนเก่ง ไอ้หวามึงมองตากู!

    “กูยังไงก็ได้ แต่ถ้าไม่ใช่กู ก็ไม่ควรเป็นไอ้ซาน”

     

    ซานค้อนใส่เทคที่บังอาจมาดูถูกความเป็นครูในตัวเขา

     

    “มึงอยากทำหรอซาน?”

    “อยากมากครับกัปตัน”

    “งั้นเป็นมึง”

    “เยส!!

     

    ซานวิ่งไปหาปูส้มที่ยืนนิ่งมองพวกเขาอยู่นานสองนาน ร่างโปร่งจับเข้าที่ขาอ่อนเปลี้ยแล้วออกแรงดึงในท่าที่ไม่ได้ถนอมมันเลยสักนิดเดียว ปูตัวนั้นเดินตะแคงข้างตามมาอย่างยากลำบากจนในที่สุดมันก็ล้มตึงลงไปกับพื้น ท่ามกลางเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นเพราะความเอ็นดูร่างกายต้วมเตี้ยมของมัน

     

    “มึงลากมันมาดี ๆ ดิวะ”

    “จะให้กูจับตรงไหนล่ะ”

     

    กล้ามอวบยื่นออกมาเงียบ ๆ

     

    “เออเนอะ โทษที”

     

    ต่างคนต่างพากันซ้อมเหมือนตอนที่มาสคอตยังไม่ออกมา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแอบมองพี่ซานกับปูตัวอ้วนซ้อมด้วยกัน ซานสอนให้ปูจับมือเป็นท่าอันเดอร์บอล แต่พอก้มดูที่มือของปูก็ได้แต่ขำเพราะมันจับกันไม่ได้ สงสัยจะทำได้แค่อันเดอร์มือเดียวแล้วล่ะมั้ง

     

    “ลองอันเดอร์ดูนะ”

     

    ซานโยนบอลให้เบา ๆ ไปทางแขนขวา กล้ามอวบของมันเหวี่ยงไปข้างหน้าแต่ดันวืดหวดลมไปซะเต็มแรง ไอ้หน้ากากเล็ก ๆ คงทำให้มองยากกว่าที่ควรจะเป็น ซานหัวเราะท่าทางตลก ๆ จนท้องแข็ง กุมท้องแน่น ปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่นสนาม

     

    โคตรตลกเลยให้ตายสิโว๊ยยยย

     

    “โอ๊ย กูเจ็บท้องชิบหาย ไอ้มุก! มึงมาช่วยกูสอนมันหน่อยดิ๊”

    “ได้เลยเพื่อน” มุกเดินไปยืนข้าง ๆ กับน้องปูจ๋า คอยส่งเสียงบอกจังหวะว่าควรจะง้างมือกระทบลูกได้ตอนไหน แต่มันก็วืด วืดและก็วืด กูละสงสารคนข้างในชิบหาย แม่งต้องยากมากที่จะมองลูกบอลผ่านช่องเท่าฝ่ามือ

     

    พอสอนไม่ได้เรื่องก็แกล้งมันซะเลย มุกจับขาปูแล้วหมุนตัวมันเล่นไปมาจนปูส้มล้มลงไปอีกครั้ง มาสคอตตัวนั้นนอนแผ่บนพื้นเพราะลุกไม่ได้ ซานเห็นเลยรีบปรี่เข้าไปทิ้งตัวลงนอนขวางและพบว่ามันโคตรนุ่ม เหมือนนอนอยู่บนเตียงที่บ้าน ถึงขนาดจะเล็กกว่ามากเลยก็ตาม

     

    “ทำอะไรกัน!!

     

    กัปตันทีมดุเสียงเข้ม เล่นเอาซานกุลีกุจอลุกจากพื้นแทบไม่ทัน เช่นเดียวกับปูตัวนั้นที่พยายามลุกเท่าไรก็ลุกไม่ได้ ยี่หวาพเยิดหน้าไปทางปูขาเปลี้ย เป็นคำสั่งไร้เสียงว่าให้ไปช่วยกันประคองปูตัวนั้นขึ้นมา มือที่ใช้ตบบอลเร็วเผด็จศึกคู่ต่อสู้มานักต่อนัก ในตอนนี้ทำได้แค่ปัดฝุ่นเลอะ ๆ บนตัวมาสคอตออกจนกว่ายี่หวาจะพอใจ

     

    “บอกให้สอน ไม่ใช่ให้แกล้ง”

    “ก็สอนอยู่แล้วเมื่อกี้มันล้ม ก็เลยแกล้ง”

    “วิ่งรอบสนามห้ารอบ ไอ้มุก! มึงด้วย!

     

    ร้องโอดครวญต่อความโหดร้ายแม้กระทั่งกับเพื่อนตัวเองก็ไม่เว้น มุกกัดฟันด่าซานกรอด ๆ ทั้งที่มันไม่ได้เป็นคนนอนทับไอ้ปูส้มสักหน่อย แต่อย่าลืมว่ามึงเป็นคนหมุนตัวมันจนล้ม

     

    ยี่หวาเดินเข้าไปจับกล้ามของปูแต่เป็นแขนของคน ออกแรงดึงให้เดินตามไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่พูดอะไร เดินเหยียบเส้นบนสนามผ่านผู้คนในชมรมและหยุดลงที่มุมหนึ่งของโรงยิม ร่างสูงลอบถอนหายใจ เป็นครั้งที่สามแล้วสำหรับวันนี้ ในเมื่อให้คนอื่นสอนแล้วไม่ได้เรื่อง ก็ต้องพึ่งตัวเลือกสุดท้ายนั่นก็คือ เขา

     

    “ผมชื่อ ยี่หวา เป็นกัปตันทีม ขอโทษด้วยเรื่องเพื่อนของผมที่แกล้งคุณ”

     

    ไม่มีอะไรขยับสักอย่าง ขนาดขาอ่อนเปลี้ยด้านข้างยังไม่ขยับเลยสักแอะ ยี่หวาไม่รู้ว่าคนข้างในได้ยินมั้ย เขาเลยย่อตัวเพื่อให้หน้าตัวเองตรงกับตำแหน่งปาก เคาะเบา ๆ สองสามที และสัมผัสได้ว่าคนข้างในสะดุ้ง

     

    “ผมจะสอนคุณเอง”

    “ได้ยินหรือเปล่า?”

     

    ปูส้มโค้งตัวช้า ๆ สองทีเป็นสัญญาณว่า ได้ยิน

     

    “คราวหน้าคุณควรบอกผมก่อนที่จะใส่ชุดนั้น” ร่างสูงงุนงงเมื่อพูดจบแล้วทั้งตัวของปูก็สั่นไปมา เหมือนคนสะบัดหน้า เขาได้ยินเสียงอู้อี้จากด้านในแต่ฟังไม่รู้เรื่อง

     ไม่! ไม่เอา!

    “ไม่? หมายถึงจะไม่บอกงั้นหรอ?”

     

    มันโค้งตัวอีกครั้ง และครั้งนี้คำตอบน่าจะแปลว่า ใช่

     

    “แล้วแต่

     

    ยี่หวาไหวไหล่ เขาไม่ได้สนใจอยากรู้ว่าคนข้างในคือใคร แค่ไม่สร้างความรำคาญให้เขาก็พอ ร่างสูงตะโกนขอบอลจากจอมทัพ จากนั้นก็ค่อย ๆ เดินถอยหลังหาตำแหน่งที่จะฝึกโยนลูกให้กับปูตัวใหม่ในชมรม มือหนาทำสัญญาณเป็นเชิงว่าให้มองไปยังดวงตาทั้งสองข้างที่เห็นแค่ความว่างเปล่า

     

    เพราะสายตาของยี่หวาจะเย็นชาเสมอ

     

    “ถ้าอยากให้ช่วยอะไรก็บอก”

     

    เมื่อมองใครก็ตามที่ไม่รู้จัก

     

    “มันเป็นหน้าที่ผม”

     


    #พริ้มเพียงหวา










    พอจะจินตนาการปูส้มออกมั้ยคะ จะให้ดูเรฟที่ตัวเองวาดก็กลัวจะดูไม่ออก555555

    ดังนั้นก็ จินตนาการของใครของมันละกันนะคะ ฮ่า

    เมื่อไรยี่หวากับพริ้มจะได้คุยกันนะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×