ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    #พริ้มเพียงหวา | chanbaek

    ลำดับตอนที่ #9 : พริ้มเพียงหวา : ตอนที่ ๘

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ย. 61







    8

     



    ชั่วโมงโฮมรูมที่ไม่ได้โฮมรูมนั้นช่างน่าเบื่อ ห้องห้าอาจารย์ติดธุระก็เลยต้องทิ้งคาบนี้ เป็นเหตุให้ยี่หวา ซาน และจอมทัพ พากันอพยกมานอนเล่นที่ห้องพักในชมรม นอนไปได้ไม่นานนัก เทคก็เปิดประตูเข้ามาจ๊ะเอ๋หลังจากอ้างกับที่ปรึกษาว่าต้องมาเตรียมตัวแข่ง ซึ่งจริง ๆ แล้วแข่งสี่โมงครึ่งนู้น

     

    กลายเป็นว่าห้องขนาดกลางที่มีของเขิงเต็มทุกมุมอัดแน่นไปด้วยเด็กหนุ่มหน้าตาดี แถมยังฮอตระเบิดระเบ้อ ดีกรีไม่แพ้รุ่นพี่ปีก่อน ๆ เลยสักนิดเดียว จอมทัพยึดโซฟาตัวยาว ทิ้งร่างกายที่ยาวไปทุกส่วนนอนเอกเขนกเต็มพื้นที่ เก้าอี้ไม้เดี่ยวข้างกันถูกจับจองโดยยี่หวา นั่นเท่ากับว่าไม่มีพื้นที่ให้นั่งตรงไหนได้อีกนอกจากพื้นและขอบหน้าต่าง

     

    “ไอ้เหี้ยจอม มึงเขยิบให้คนอื่นเขานั่งมั่งดิ๊”

    “มึงก็นั่งข้างล่างไปนั่นแหละ จะขึ้นมาเบียดกูทำไมวะ”

    “พื้นกระเบื้องมันเย็นมั้ยไอ้สัส”

    “คำตอบคือเย็น”

    “กูไม่ได้ถาม!!”

     

    ป้าบเข้าที่หน้าขา ไม่วายโดนหน้าขาข้างนั้นกระแทกหัว ซานลูบหัวปอย ๆ พยายามแย่งหมอนอิงจากแขนของจอมทัพ นอกจากนอนกินพื้นที่แล้วยังยึดของนู้นนี่ไว้หมดอีกต่างหาก ไอ้ห่านี่จ่ายเงินสร้างห้องนี้หรือไง พอโดนเอาตีนยันก็ยอมแพ้ เลื้อยตัวลงนอนกับพื้นกระเบื้องตามเดิม

     

    ถึงแม้วันนี้จะเป็นวันแข่งสายวันแรก แต่ก็ไม่ได้ดูกระตือรือร้นกันเท่าไร งานโอเบงปีนี้มีรายชื่อทีมวอลเล่ย์บอลในเครือของโรงเรียนละแวกนี้ส่งเข้ามาทั้งหมด 5 แห่งนับรวมโรงเรียนอซ เพิ่มมาหนึ่ง ซึ่งก็เรียกความตื่นเต้นได้ไม่น้อย

     

    “วันนี้แข่งกี่ทีม?”

    “สอง มีเรากับไอโซระ”

    “พวกนั้นแข่งกับใครวะ”

    “รู้สึกจะชื่อเวอร์เบน่า ทีมใหม่…กำลังดัง” เทคตอบซานขณะที่นั่งล้วงขนมกรุบกรอบอยู่บนขอบหน้าต่าง แอบกินขนมไร้ประโยชน์ทั้งที่โค้ชห้ามนักห้ามหนา แต่ถ้าโค้ชไม่เห็น ไอ้หวาไม่ว่า เขาก็สัญญาว่าจะทำต่อไป

     

    ซานผงกหัวขึ้นจากพื้น สะกิดขาของหวาที่นั่งเล่นโทรศัพท์เงียบ ๆ ขอดูตารางแข่งขัน คงเป็นมันคนเดียวล่ะมั้งที่ไม่หือไม่อือกับตารางแข่งเหมือนคนอื่นเขาเลย โค้ชเอาตารางนี้มาให้ตั้งแต่สองวันก่อน ถ้าวันนี้ไม่มีแข่งแม่งก็ไม่รู้เรื่อง รับแผ่นกระดาษที่คนส่งให้ทำหน้าอยากจะต่อย ก่อนจะไล่สายตาอ่านรายชื่อที่ทีมคาลันโชต้องเจอในวันนี้

     

    “ชนะแหง บลูเลทมันกระจอก”

    “ปากดีจริงตอนอยู่นอกสนาม”

    “ความจริงปะวะ ปีที่แล้วก็แพ้เรียบ”

    “เขาอาจจะฟอร์มทีมมาใหม่ก็ได้”

    “มึงดูจากคุณกัปตันก่อนเลย ว่าไงไอ้หวา…มึงลงปะ?”

     

    ประโยคคำถามของซานไม่ต่างอะไรจากกลุ่มควันรถ นอกจากจะน่ารำคาญแล้วยังไม่มีประโยชน์อีกต่างหาก ยี่หวาเมินซานเต็มรูปแบบ แต่ยังไงก็รู้อยู่แล้วว่ามันคงไม่ลงแน่นอน เอาไว้เจอกับทีมไอโซระที่เป็นคู่แข่งตลอดกาลเมื่อไร วันนั้นแหละที่จะเห็นเหงื่อของมัน

     

    ถึงงานโอเบงปีที่แล้วเราจะเป็นแชมป์…แต่ก็ไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าปีนี้จะเป็นเหมือนปีที่แล้ว ทีมที่คาลันโชเจอในรอบชิงคือทีมไอโซระ จำได้เลยว่าเล่นกันเหงื่อแตกพลั่กเพราะฝ่ายนั้นก็ไม่ใช่เล่น ๆ ฝีมือสูสีกัน เรียกได้ว่าแทบกระอักเลือด กว่าจะจบแมทช์ได้ลากไปถึงสามสิบแปดแต้ม

     

    ถ้าคาลันโชคือหมาป่า…ไอโซระก็ไม่ต่างอะไรจากเสือจากัวร์

     

    ยังมีทีมอื่น ๆ ที่โด่งดังมาจากปีที่แล้ว พนันได้เลยว่าต้องฟอร์มทีมมาเป็นอย่างดี อย่างทีมคอสมอส ถึงแม้จะเอาชนะคาลันโชไม่ได้เลยสักแมทช์ แต่ก็ไม่ง่ายเลยที่จะจบเซ็ตเร็ว ทีมบลูเลทที่ไอ้ซานล้อว่าเล่นไม่ดีก็ไม่เคยปล่อยแต้มห่างมากเกินไป ไหนจะทีมใหม่อย่างเวอร์เบน่า ที่มีผู้เล่นฝีมือดีไปผุดดอกทีมนั้นหมดจนน่าแปลกใจ รวมไปถึงไอโซระที่สลับกันเป็นที่หนึ่งที่สองกับทีมพวกเขาอยู่ตลอด ไม่ปล่อยให้นำได้นาน

     

    ไม่ว่าทีมไหนก็เหมาะที่จะเป็นตัวต่อยอดให้กับคาลันโชทั้งนั้น

     

    “พวกไอ้มุกยังไม่มาเลย เมื่อไรจะได้คุยเรื่องบริการ”

    “มันมาก็นู้นอ่ะ…แข่งพอดี”

    “ตลกละ สรุปโค้ชไม่ว่างไปคุมจริงดิ”

     

    จอมทัพปรือตาถาม

     

    “เออ”

    “แล้วมึงจะลงมั้ย?”

    “กูลงแล้วใครคุม”

    “ยาคุม”

     

    ขายาว ๆ ของเพื่อนสนิทผิวขาวลอยไปเตะเข้าที่หน้าท้องคนกวนตีนทันทีโดยไม่ต้องถึงมือยี่หวา จอมทัพเด้งตัวลุก หมายจะกระทืบไอ้เพื่อนสารเลวให้ร้องจุกไม่ต่างจากเขา ไล่กวดมันจนเปิดช่องว่างที่โซฟา สุดท้ายก็โดนมันขึ้นมานั่งเบียดด้วย

     

    พลันเสียงของประตูบานเลื่อนก็ดังขึ้น…

     

    “เอ่อ…”

    “…ผิดห้องแล้วปะ” ซานแทรกขึ้นมาในความเงียบ

    “นายมาทำอะไร?” ตามมาด้วยเสียงของเทค

    “คือเรา…จะมาซักผ้า”

     

    มนุษย์ตัวเล็กที่สุดในห้องนี้และส่วนสูงไม่เคยเพิ่มเลยตั้งแต่ขึ้นมอสอง เดินก้มหน้ากำมือด้วยความประหม่าจากการโดนจ้อง ยกเว้นยี่หวาที่แหงนหน้าพิงพนักพักสายตาไปแล้ว พอเห็นผู้มาใหม่เดินหายเข้าไปในห้องซักผ้า …ก็เหมือนเข็มนาฬิกาได้กลับมาเดินใหม่

     

    “คือไรวะไอ้หวา? ทำไมมึงปล่อยให้มันเดินเข้ามาง่าย ๆ”

    “ว่าง ๆ เดินไปเช็คตารางทำความสะอาดบ้างก็ดี”

    “ทำไม มันมีเหี้ยไร”

    “…”

     

    ซานหันไปหาจอมทัพเมื่อยี่หวาไม่ตอบ

     

    “กูก็ไม่รู้”

    “แล้วมึงอยากรู้มั้ย”

    “แล้วแต่มึง”

    “กูอยาก!”

     

    ว่าจบก็พากันเดินจูงมือออกไป ห้องกลับมาเงียบตามที่ยี่หวาคาดหวังอีกครั้ง นอกจากเทคแล้วที่เหลือก็เป็นสายพันธุ์พูดมากกันทั้งหมด ขนาดไอ้มุกที่ดูใจเย็นยังพูดมากเวลาอยู่ด้วยกันเลย

     

    ยี่หวาลืมตาขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู ร่างสูงเอียงหน้ามองใบหน้าที่โผล่พ้นจากขอบประตูเล็กน้อยและรอให้อีกฝ่ายเอ่ยปากพูด พริ้มอ้ำอึ้งอยู่ครู่หนึ่งเพราะใบหน้าด้านข้างของหวาสวยเสียจนเกือบลืมความเป็นตัวเอง แต่ก็ต้องดึงสติกลับมาอย่างไว เขาไม่อยากทำให้ร่างสูงหงุดหงิด

     

    “เราหาน้ำยาปรับผ้านุ่มไม่เจอ…”

     

    พูดไปก็แอบมองเทคไป เขารู้สึกสบายใจเมื่อเห็นเทค อาจจะเพราะเหตุการณ์ในครั้งนั้นที่เทคยื่นมือเข้ามาช่วย เลยอาจจะทำให้พริ้มรู้สึกว่าปลอดภัยถ้าได้อยู่ข้าง ๆ ทั้งหมดนี้พริ้มอาจจะรู้สึกไปเองก็ได้ เพราะหลังจากนั้นพริ้มก็ไม่เคยคุยกับเทคอีกเลย แม้จะเป็นตอนที่เข้ามาอยู่ในชมรมนี้ได้สองวันแล้วก็ตาม

     

    ยี่หวาพยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เขาชอบขาของหวามาก มันเป็นสามเหลี่ยมที่กว้างและเวลาเดินก็เร็วมาก ๆ อีกด้วย เป็นเพราะขาที่ยาวและสมส่วน เวลากระโดดมันเลยให้ไลน์ของขาที่สวยสุด ๆ บางทีก็คิดนะว่าตัวเองชอบหวามากไปหรือเปล่า แต่เอาเข้าจริง…

     

    พริ้มที่ไม่ชอบหวา…ก็ไม่น่าจะมีอยู่บนโลก

     

    ครั้งก่อนพริ้มเห็นน้ำยาปรับผ้านุ่มวางคู่กับผงซักฟอกในตะกร้าข้างกันกับตัวเครื่อง แต่วันนี้ตั้งใจมาทำตามหน้าที่…น้ำยาถุงนั้นกลับไม่อยู่แล้ว เดินหาเองอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่ว่าหายังไงก็หาไม่เจอ สุดท้ายเลยต้องรวบรวมความกล้ายื่นหน้าออกไปถาม…แล้วก็ต้องมาจมกับความประหม่าที่อยู่กันสองต่อสองกับยี่หวาอีก พริ้มยืนเกร็งเมื่อร่างสูงเปิดตู้เล็ก ๆ ที่อยู่สูงกว่าพริ้มหลายเท่า แต่กลับยี่หวาแทบไม่ต้องเขย่ง น้ำยาปรับผ้านุ่มสามสี่ถุงและผงซักฟอกปรากฏออกมาเต็มตาทันทีที่เปิดตู้นั้นออก

     

    คนตัวสูงหยิบลงมาหนึ่งถุงแล้วยื่นให้

     

    “ถ้าในนี้หมด…ก็บอกแล้วกัน”

    “ขอบคุณนะ”

     

    จัดการตัดปากถุงแล้วเทลงไปในช่องน้ำยาปรับผ้านุ่มด้วยความเกร็งทั่วร่างกาย ทำอะไรก็ลำบาก ขนาดหายใจยังลำบาก สาเหตุสำคัญที่ทำให้พริ้มเป็นแบบนี้นั่นก็คือ กัปตันทีมหน้าดุที่ยืนมองเขาไม่ยอมออกไปจากห้องนี้สักทีนี่ล่ะ …ยิ่งมีคนจ้อง หัวสมองก็ยิ่งเดินช้า การเก็บถุงน้ำยาที่ตัดปากแล้วไม่ใช่เรื่องยาก…แต่พริ้มกลับนึกไม่ออกว่าต้องทำอะไรต่อไป เขากลายเป็นคนโง่เพียงชั่วพริบตา…กับอีแค่วางไว้ในตะกร้าก็ยังคิดไม่ทัน

     

    มีสติหน่อยสิพริ้ม…

     

    “เก็บไว้ไหนหรอ”

     

    หวาชี้ไปยังตะกร้าที่พริ้มเคยเห็นมันวางอยู่

     

    “แผลเป็นยังไงบ้าง?”

     

    เสียงของหวาดังขึ้นแทนเสียงของก้นถุงกระทบพื้นตะกร้า คำถามเรียบง่ายที่เจ้าตัวไม่ได้ใส่อารมณ์หรือน้ำเสียงแสดงความเป็นห่วงเป็นใย…แต่กลับทำให้หัวใจพริ้มเต้นแรงจนต้องก้มหน้าแดง ๆ หนี ผ้าก็อซที่แปะไว้บนหัวเข่าทั้งสองข้างกลายเป็นจุดยึดสายตาของพริ้มในทันใด ร่างเล็กตอบกลับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงติดขัด

     

    “ก็…ดีขึ้นบ้างแล้ว”

    “วิ่งยังไงให้ล้ม?”

    “…”

    “รู้ไม่ใช่หรอว่าต้องซ้อม”

    “ข…ขอโทษ”

    “เลิกพูดคำขอโทษพร่ำเพรื่อ มันน่ารำคาญ”

     

    พริ้มแปลกใจนิดหน่อยที่น้ำเสียงของยี่หวาไม่ได้ติดรำคาญอย่างที่พูด เขาไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองโดนดุ ถ้าโดนดุหรืออีกฝ่ายกำลังรำคาญ น้ำเสียงที่ใช้จะหนักและกดต่ำกว่านี้ …ที่รู้ว่ามันต่างกันก็เพราะได้ยินบ่อย ๆ น่ะสิ พริ้มหันกลับมาสนใจงานที่ตัวเองทำค้างไว้ต่อ แล้วก็ต้องยืนเงียบอีกครั้งเพราะเขา…

     

    “ใช้ไม่เป็น?”

    “มันไม่เหมือนกับที่บ้านน่ะ”

     

    คนตัวเล็กได้ยินเสียงถอนหายใจเบา ๆ จากทางด้านบน ยี่หวาคงจะเริ่มรำคาญตามที่ได้พูดไว้ก่อนหน้านั้นแล้วแน่ ๆ ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้จนไหล่ของเราแทบจะซ้อนกัน พริ้มไม่กล้าขยับตัวเมื่อกลิ่นน้ำหอมลอยเข้าจมูกมาอ่อน ๆ ชวนให้ใจเต้นในห้องซักผ้าที่มีกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มฟุ้งกระจาย

     

    รูปธรรมในตัวยี่หวาก็ไม่ปรานีเขาเลย…

     

    “นายแค่กดตรงนี้”

     

    หูของเขาต้องแดงมากแน่ ๆ เพราะมันโดนลมหายใจของยี่หวาเข้าเต็ม ๆ แผงควบคุมบนตัวเครื่องไม่ได้ใหญ่มาก แถมยังมีตัวของเขายืนคั่นอยู่อีก เลยทำให้ยี่หวาต้องโน้มเข้ามาใกล้กว่าเดิมถึงจะมองเห็น กัปตันทีมอธิบายส่ง ๆ ก่อนจะจิ้มลงไปบนปุ่มโดยไม่รอให้พริ้มได้ตั้งสติ รู้ตัวอีกทียี่หวาก็กำลังจะเดินออกจากห้องไปแล้ว

     

    “เสร็จแล้วก็รีบออกมาซ้อม”

    “อ…โอเค”

     

     









    กว่าจะมากันครบก็ปาไปเกือบจะสี่โมง เหตุเพราะสมาชิกที่อยู่ห้องแปดติดภารกิจทำเวร พวกมันมาช้าเสมอถ้าต้องทำความสะอาดห้อง ไม่ใช่เพราะหัวหน้าเข้มงวดมาก หรือที่ปรึกษามาคอยคุม แต่เป็นเพราะไอ้มุกมันรักความสะอาดมาก แม้แต่ฝุ่นก้อนเล็ก ๆ ก็ห้ามเหลือทิ้งไว้ ทั้งเช็ด ทั้งขัด จนเนยกับผ้าถึงกับยกมือไหว้ ว่าถ้ามึงไม่รีบไปตอนนี้ ไอ้หวาได้ใช้มึงทำความสะอาดทั้งโรงยิมแน่

     

    ทั้งสนามฮือฮาเมื่อเหล่านักกีฬาเดินออกมาจากห้องพัก เสื้อแข่งสายปีนี้เป็นสีเทาตัดเส้นดำ เบอร์ประจำตัวติดไว้เด่นหราที่หน้าและหลังเสื้อ นักเรียนที่เข้ามานั่งเล่นในสนามด้วยความบังเอิญต่างก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปด้านหลังเสื้อของยี่หวาเก็บไว้ แล้วก็ไม่ลืมที่จะเอาลงในไอจีพร้อมใส่แคปชั่นมโนว่าเป็นแฟนเสริมเข้าไปด้วย

     

    Akirah T. เบอร์ 9

     

    พริ้มแอบมองแผ่นหลังของยี่หวาที่มีชื่อและเลขแปะอยู่ เสื้อดีไซน์ออกมาสวยไม่ใช่น้อย ดึงความเป็นผู้ชายออกมาได้ดีกับสีเทา แค่เห็นก็รู้สึกได้เลยว่าต้องเก่งมากแน่ ๆ

     

    บอลลอยมากระแทกไหล่จนหลุดจากภวังค์ พริ้มส่งยิ้มขอโทษคู่ซ้อมที่ยี่หวาชี้เลือกมาให้ ผู้ชายคนนี้ชื่อ ขม เป็นผู้ชายตัวสูงกว่าพริ้มนิดหน่อย หน้าตาดูใจดี เวลายิ้มทีตาก็กลายเป็นเส้นตรง ขมเปลี่ยนเป็นเสื้อแข่งสายตั้งแต่แรกแล้ว เพราะเป็นถึงตัวสำรองอันดับต้นที่ยี่หวาเล็งไว้ เห็นว่าวันนี้ก็จะได้ลงเล่นด้วยเหมือนกัน

     

    “พริ้มมม!!

    “หวัดดีผ้า”

    “กูกำลังจะไปแข่ง ไปด้วยกันมั้ย”

    “ไป…ได้หรอ?”

    “ได้ดิ”

     

    ผ้าจูงมือพริ้มไปยังกลุ่มก้อนสีเทา พอได้ยืนข้าง ๆ กับทุกคนแล้ว พริ้มก็ดูตัวเล็กขึ้นมาทันตา ถอยออกมาอยู่หลังของผ้า หลบสายตาของเพื่อนในทีมที่พุ่งตรงมายังเขา ซานเลิกคิ้วแปลกใจพร้อมกับคำว่าอีกแล้วหรอในรูปแบบของลมร้อน ๆ ที่พ่นออกมา

     

    มีแต่เรื่องให้ไม่เข้าใจจนซานเสือกไม่ทัน ไหนจะไอ้หวาที่เอาเบ๊ไอ้เท็ดเข้าชมรมกลางคัน แถมยังไม่บอกพวกเขาก่อนอีกต่างหาก ก่อนหน้านั้นก็เดินตัวปลิวเข้าห้องพักนักกีฬาได้อย่างง่ายดายโดยที่ไอ้หวาไม่ปริปากดุสักคำ ตอนนี้ก็อีก… ไอ้ผ้าเดินจูงมือเหมือนสนิทกันตั้งแต่ชาติที่แล้ว ขนาดไอ้เนยแม่งยังไม่เคยจูงเลย

     

    “กูอยากพาเพื่อนไปด้วย”

    “ใครอนุญาต”

    “เอ้า ไหนมึงบอกให้ช่วยกันหาคนบริการไง”

    “ไม่ใช่คนนี้”

     

    ผ้าเท้าเอวเอาเรื่องเมื่อยี่หวายืนกรานว่าไม่ให้ไป

     

    “ตัวสำรองต้องเตรียมลงเล่น เหลือกู ไอ้เนย มีไอ้เทคบ้างประปราย แต่มึงก็รู้ว่าพวกกูไม่ทำแน่ ๆ แล้วนี่ก็เพื่อนกู ไว้ใจได้…เอาไปด้วย”

    “เอ่อ…ผ้า ไม่เป็นไร เราไม่ไปก็ได้”

     

    หวาครุ่นคิดกับตัวเองเงียบ ๆ และพบว่าจริงของมัน เขาต้องคุมทีม คงไม่มีเวลาบริการจุกจิกให้ ตาต้องมองสนาม มือจับปากกาก็ต้องเขียน ถึงพวกมันจะไม่ได้แข่งแล้วต้องนั่งเฉย ๆ อยู่ข้างสนาม แต่เชื่อเถอะว่ามันจะนั่งเฉย ๆ ได้เป็นอย่างดีแน่ ๆ ถ้าจะมอบงานแบบนี้ให้พวกมันทำ แมทช์นี้เขากะจะให้ตัวสำรองลงเล่นบ้างตามคำสั่งโค้ชที่ไม่ว่างไปคุมเองในวันนี้ มีเด่น ๆ อยู่สามตัวที่พอจะเป็นรุ่นต่อไปหลังพวกเขาจบได้ ก็เลยจะให้ลงเล่นจนหมด สลับกับผลัดเปลี่ยนเอาพวกตัวจริงลงไปแก้เกม เพราะมุกยังไม่เคยเล่นกับตัวสำรองจริงจัง

     

    “ชื่อพริ้มใช่มั้ย?”

    “ช…ใช่”

     

    จู่ ๆ เทคก็ถามขึ้น

     

    “นายอยากไปมั้ยล่ะ?”

    “…”

    “แต่ไปแล้วต้องทำงานนะ”



    80%








    (ต่อ)


    โรงเรียนเอกชนของทีมไอโซระอยู่ห่างจากโรงเรียนอซกว่าสิบกิโล ถูกใช้เป็นสนามในรอบการแข่งสาย รถบัสของชมรมพามาจอดที่ข้างโรงยิม มันใหญ่โต…กว้างขวาง…สมกับค่าเทอมเสียจริง งานโอเบงก็เคยจัดที่นี่ แล้วทำไว้ดีมากจนอยากจะให้จัดที่นี่ตลอดไป เพราะแบบนั้นเลยเผลอสร้างความกดดันให้กับโรงเรียนในเครือที่ต้องจัดงานต่อในปีถัดไปอย่างไม่รู้ตัว

     

    พริ้มออกแรงยกถังคูลเลอร์ที่มีน้ำแข็งกับน้ำขวดแช่อยู่ข้างใน มันค่อนข้างหนัก… หนักเกินกว่าที่มนุษย์ตัวเล็กอย่างพริ้มจะยกให้มันลอยได้ ยี่หวาอนุญาตให้พริ้มมาด้วยได้ แต่การมาของเขาต้องทำประโยชน์ตามที่ยี่หวาย้ำเตือนคนในทีมบ่อย ๆ เขาต้องบริการน้ำ ผ้าเย็น และอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับความต้องการของนักกีฬา ซึ่งงานนี้พริ้มมั่นใจมาก เขาจะเป็นแขนและขาให้ทุกคนเอง

     

    “ยกไหวมั้ย?”

    “อ่า…เทค”

    “นายไปเอาบอลแล้วกัน อันนี้ฉันถือเอง”

    “…จะดีหรอ”

    “แล้วนายยกมันได้มั้ยล่ะ”

     

    เทคพูดไว้แค่นั้นก่อนจะยืดตัวขึ้นพร้อมคูลเลอร์ขนาดกลางที่ลอยเหนือพื้น ยกมันได้ง่ายดาย ไม่เหมือนกับพริ้มที่ออกทั้งแรง ทั้งเสียงก็ไม่ขยับ ย้ายตัวเองไปหาตาข่ายที่เก็บลูกวอลเล่ย์หลายสิบลูก ลากมันลงมาจากรถโดยมีคนอื่น ๆ รออยู่ พริ้มทำหน้าไม่ถูก ได้แต่หันหน้าหนีเพราะเขาไม่ชินที่เห็นคนรอ ผ้ายื่นมือออกมาช่วยรับ เป็นจังหวะเดียวกับที่ซานส่ายหัว

     

    “ดูท่าจะไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไรนะ”

    “เอาน่า มึงก็ไม่ได้คิดจะช่วยนี่”

     

    เทคสวนซานทันที นอกจากจะไม่ช่วยอะไรสักอย่างแล้วยังพูดจาไม่ดีกับคนที่เขาช่วยเต็มที่ เห็นทีเขาต้องจัดการนิสัยเสีย ๆ ของไอ้ซานมันสักหน่อยแล้ว เราพากันเข้ามานั่งในสนาม เพราะนี่ยังไม่ใช่เวลาเลิกเรียน เลยมีนักเรียนของที่นี่เข้ามาดูกันเต็มไปหมด นักเรียนของโรงเรียนเราเองก็มา โรงเรียนของทีมอื่น ๆ ก็มาด้วยเช่นกัน

     

    แมทช์นี้แข่งทั้งหมดสองทีม ทีมคาลันโชเจอกับทีมบลูเลท ส่วนเจ้าของสนามอย่างไอโซระเจอกับทีมดาวรุ่งที่ชื่อเวอร์เบน่า แมทช์ของทีมไอโซระเหมือนจะแข่งไปก่อนหน้านั้นไม่นาน เพราะเพิ่งเห็นพวกมันเดินออกมาจากสนามเมื่อกี้นี่เอง ยี่หวาเดินแตกแถวไปคุยกับเพื่อนในทีมนั้น ถึงแม้เราจะเป็นคู่แข่งกันในสนาม แต่นอกสนามเราเป็นเพื่อนกัน

     

    “ไง”

    “อ้าว กัปตันทีมคาลันโชเดินมาทักถึงที่ รู้สึกแมทช์หน้าก็น่าจะชนะแฮะ”

    “ฝันไปเถอะ”

    “เจอกับบลูเลทใช่ปะ พวกนั้นฟอร์มดีกว่าปีก่อนอยู่นะ”

    “แล้วทีมใหม่เป็นยังไงบ้าง”

     

    ยี่หวาลองเชิงถาม และเพื่อนของเขาที่เป็นกัปตันทีมเหมือนกันก็ตอบออกมาอย่างไม่ปิดบัง หมอนี่ชื่อ ศูนย์ มีขี้แมลงวันเล็ก ๆ ที่ใต้ตาข้างขวา หน้าตาเจ้าเล่ห์และชอบมัดผมเวลาแข่ง ตอนแรกก็แอบสงสัยว่าทำไมโรงเรียนมันให้ไว้ผมยาวได้ แต่พอคิดไปคิดมา…ก็คิดออกว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องเอามาใส่ใจ

     

    “เก่งดี มีคนหนึ่งดีกรีทีมชาติ มือตบตำแหน่งเดียวกับมึง บล็อกแน่นชิบหาย กูตีติดบล็อกแม่งไปสามสี่รอบได้” ศูนย์สะบัดข้อมือตัวเอง

    “คนไหน?”

    “เบอร์หก ตัวสูง ๆ หัวสีทอง”

    “ขอบใจ”

     

    ยี่หวากำลังจะหมุนตัว

     

    “เดี๋ยว ทำไมมึงใส่กางเกงวอร์มกับเสื้อแข่งวะ”

    “กูไม่ได้ลง กูมาเป็นโค้ช”

    “จริงดิ? กะว่าจะมาส่องมึงสักหน่อย อดเลย”

     

    ร่างสูงเดินกลับเข้ามาที่สนามพลางจดยิก ๆ ลงสมุด ยี่หวาพกแว่นส่วนตัวมาใส่แทนคอนแทคเลนส์ที่จะใช้เฉพาะเวลาลงสนามเท่านั้น ถ้าไม่ได้ลงเล่นเหมือนวันนี้ เขาก็จะเลือกใส่แว่นเพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าเขาจะมองเห็นได้โดยไม่ต้องเสียเวลาหยอดตา

     

    และดวงตาของยี่หวาที่อยู่ภายใต้แว่นสีเงินก็เป็นฉนวนจุดสีบนหน้าของพริ้มได้เป็นอย่างดี

     

    พริ้มผงกหน้าขึ้น ๆ ลง ๆ เอาผ้าเย็นใส่คูลเลอร์ที ตาก็ลอบมองยี่หวาที คนตัวสูงในลุคใส่แว่นดูน่าเกรงขามราวกับเป็นโค้ชตัวจริงเสียงจริง ไม่ได้หมายความว่าหวาหน้าแก่นะ แต่แค่ดูโตและมีรังสีความเป็นผู้นำมากขึ้นเฉย ๆ …ซึ่งนั่นดีต่อตาของพริ้มมาก เขาอยากเป็นมนุษย์ล่องหนที่จะได้มองยี่หวาอย่างสบายใจ ไม่ต้องมีใครมาส่งสายตาล้อเลียนพฤติกรรมเขา…เหมือนอย่างตอนนี้

     

    “มองบ่อยจังเลยอ่ะ”

    “อะ…อะไร”

    “มึงอ่ะพริ้ม มอง…” ผ้าเม้มปากพลางเหล่ตาไปทาง…ยี่หวา

    “เปล่านะ ก็แค่…”

    “แค่?”

     

    ผ้ายื่นหน้าเข้ามาใกล้ ไล่ต้อนเพื่อนตัวเล็กให้หลังติดกำแพง

     

    “อย่าเอาหน้ามาใกล้นักสิ”

    “ฮ่า ๆ ดูง่ายจริง ๆ”

     

    แกล้งมดตัวน้อยจนพอใจแล้วก็เดินหนีไป กลายเป็นว่าเก้าอี้ข้างสนามของทีมคาลันโชเหลือเพียงแค่เขาที่กำลังเอาผ้าเย็นแช่กับยี่หวาที่กำลังจดอะไรสักอย่างลงกระดาษอยู่สองคน ระยะทางห่างกันแค่เพียงแค่เก้าอี้หนึ่งตัว ยี่หวาดูนิ่งกว่าตอนอยู่ที่ชมรมเยอะเลย หรือเพราะต้องเป็นคนคุมทีมด้วยล่ะมั้ง ก็เลยต้องมีสมาธิมากกว่าเดิม

     

    ในคูลเลอร์สีน้ำเงินเข้มมีน้ำเปล่าทั้งหมดหนึ่งโหล ผ้าเย็นสิบแผ่น สปอนเซอร์ แล้วก็ลูกอม เอ๊ะ…ลูกอมหรอ?

     

    “ของไอ้ซาน”

     

    มุกเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ตัวข้าง ๆ แล้วคลายความสงสัยของพริ้ม

     

    “อ๋อ…”

    “ลัคกี้ไอเทม กินแล้วตาแตก”

    “จริงหรอ”

    “ลองดูปะล่ะ?”

    “ไม่เอาดีกว่า”

     

    ใครจะกล้ายุ่งของของคนอื่นกัน แล้วยิ่งซานที่ดูท่าจะไม่ชอบพริ้มที่เป็นตัวพริ้มและพริ้มที่เป็นมาสคอต ก็ยิ่งไม่กล้าเฉียดใกล้เข้าไปใหญ่ เพราะไม่ว่าเราจะหวังดีมากแค่ไหน แต่คนที่เขาไม่ชอบ ยังไงเขาก็ไม่เปิดใจให้เราหรอก

     

    กรรมการเป่านกหวีดเคลียร์สนามเพื่อเริ่มการแข่งขัน เรียกโค้ชของแต่ละทีมเข้าไปเพื่อส่งใบรายชื่อนักกีฬา ช่องกัปตีนทีม ช่องตัวสำรอง และช่องของโค้ช ทั้งสามช่องล้วนเป็นชื่อเดียวกันนั่นก็คือ นายอคิราห์ ธาราเดชากุล แปลกใจนิดหน่อยที่คนคนเดียวควบทั้งสามตำแหน่ง แต่ก็มองผ่านไปเพราะไม่มีอะไรผิดกติกา

     

    การแข่งขันเริ่มแล้วเมื่อผู้ประกาศเริ่มพูดชื่อนักกีฬาทีละคน และคนคนนั้นก็เดินลงสนามด้วยท่าประจำตัว เสียงกรี๊ดของทีมคาลันโชดังกว่ามาก เพราะใคร ๆ ก็อยากเห็นทีมนี้แข่ง แต่สิ่งที่ฮือฮาที่สุดก็คงไม่พ้นโค้ชหน้าเด็ก…ที่ทุกคนรู้จักกันในนามกัปตันยี่หวา แต่วันนี้กลับยืนในตำแหน่งโค้ชเสียได้ แถมยังใส่แว่นอีกต่าง ถามเลยว่าใครได้กำไร…ก็เด็กนักเรียนของที่นี่ไง

     

    ทีมคาลันโชกอดคอกันเป็นวงกลม ก่อนจะตะโกนเรียกขวัญกำลังใจด้วยคำที่ใช้มาตลอดว่า

    WE ARE ONE !!

     

    เซ็ตแรกเริ่มไปได้ด้วยดีและเป็นอย่างที่ซานคิดไว้ พวกบลูเลทฟอร์มดีก็จริงแต่ก็ยังสู้พวกเขาไม่ได้ ขนาดเอาไอ้เนย ไอ้เทค ไอ้ผ้า ออกไปนั่งเล่นข้างนอกตลอดทั้งเซ็ตก็ยังทำแต้มได้สบาย ๆ ไม่ใช่แค่พวกนั้นไม่เก่ง แต่เป็นเพราะพวกเราเองก็ซ้อมทุกวันจนเก่งขึ้นเหมือนกัน ดังนั้นเซ็ตแรกนี้เลยปิดเกมได้แบบสบายบรื้อ

     

    เมื่อจบเซ็ตใดเซ็ตหนึ่ง ทั้งทีมก็ต้องย้ายไปยังที่นั่งของสนามอีกฝั่ง สลับไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะจบแมทช์ พริ้มแจกจ่ายน้ำให้ทุกคนทันทีที่ลากคูลเลอร์มาได้สำเร็จ เทคลอบหัวเราะที่พริ้มทำท่าเหมือนไม่อยากให้เขาช่วย รู้สึกได้เลยว่าผู้ชายคนนี้ดื้อเงียบ เพราะไม่ว่าตัวเองจะตกอยู่ในที่นั่งลำบากแค่ไหนก็ไม่เคยร้องขอใครให้เข้าไปช่วย

     

    “เล่นดีแล้ว แต่อย่าประมาท”

    “ครับโค้ช!!

    “ใครโค้ชมึง”

    “อ้าว”

     

    โดนตอกด้วยหน้านิ่ง ๆ ของไอ้หวาแล้วก็ไปไม่ถูก

     

    “พริ้ม กูขอผ้าเย็นหน่อย”

    “แปปหนึ่งนะ”

    “ขอผ้าแห้งมาซับเหงื่อด้วยดิ”

    “ผ้าแห้งหรอ…ไม่มีอ่ะ”

     

    จอมทัพแอบขำในใจ มันจะไปมีได้ยังไงในเมื่อผ้าเย็นเนี่ยแหละที่เอาไว้ซับ

     

    “งั้นเอาเสื้อมึงซับเหงื่อกูแทนได้ปะ”

    “เอ่อ…ได้สิ”

    “เฮ้ย! กูล้อเล่น”

     

    แล้วก็หันไปหัวเราะกับคนอื่นเพราะพริ้มเดินเข้ามาหาจริง ๆ คนตัวเล็กเกาหัวแก้เก้อ พออยู่ในสนามแล้วเลือดสูบฉีดได้ดีมาก ทุกคนหลุดเรียกชื่อเขา แถมยังแทนตัวเองด้วยคำสนิทสนมเสียจนพริ้มตามไม่ทัน อย่างจอมทัพที่รู้ว่าพริ้มเข้าชมรมมาก็แทบไม่คุยด้วยเลย แตกต่างกับตอนที่พริ้มใส่ชุดมาสคอตมาก ๆ เมื่อไรที่เดินออกมาจากห้องพัก จอมทัพคือคนแรกที่เดินเข้ามาจูงแขนเขาไปเล่นด้วย

     

    “ถึงฝ่ายนั้นจะทำแต้มเสียเองบ่อย บอลรุกก็ไม่หนัก แต่เกมบล็อกเขาทำได้ดีมาก ขม…มึงเปลี่ยนมาเล่นบอลเร็วบ้าง ฝั่งนั้นเขาดูเกมมึงออกหมดแล้ว อย่าให้เขารู้ว่ามึงถนัดอะไร”

    “ครับ”

    “ซานเสิร์ฟเสียไปสองลูก รู้หรือยังว่าเป็นเพราะอะไร?”

    “กูยืนผิดฝั่ง”

    “เออ รู้แล้วก็เปลี่ยนซะ”

     

    เสียงของหวาชัดเจนและหนักแน่น คอยแนะนำคนในทีมด้วยความจริงใจอย่างเต็มที่ คนที่อยู่นอกสนามจะเห็นภาพรวมของเกมว่าควรเล่นยังไง แก้ปัญหาที่จุดไหน แล้วใครต้องปรับปรุง ซึ่งยี่หวาเลือกที่จะบอกทุกคนโดยไม่แคร์ว่าถ้าถูกตำหนิแล้วจะรู้สึกเฟลหรือไม่ แต่เพราะมันสำคัญต่อตัวเองและชัยชนะของทีม

     

    การฟังเพื่อยอมรับและเปลี่ยนมัน…คือสิ่งที่ยี่หวาหวังว่ามันจะเกิดขึ้น

     

    “โอเค เกมนี้ไม่ยาก อย่าให้ทีมนั้นได้เซ็ต ไม่งั้นเราจะเหนื่อย”

    “ได้เลย”

    “เล่นเหมือนที่ซ้อม ห้ามประมาทล่ะ”

    “สู้โว้ย!

     

    พริ้มยื่นน้ำให้หวา ในตอนที่นักกีฬาเดินลงสนามไปเช็คตำแหน่ง ร่างสูงเปิดฝาแล้วยกมันดื่ม เสียงอึก ๆ กับน้ำที่หายไปเกือบครึ่งขวดทำให้รอยยิ้มของพริ้มผุดขึ้นจาง ๆ อย่างน้อยยี่หวาก็รับขวดน้ำจากเขา… โค้ชเฉพาะกิจคืนขวดน้ำแล้วเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตัวแรก จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาชี้นิ้วเรียกเขาให้เข้ามานั่งที่เก้าอี้…ตัวถัดไป

     

    นั่งได้หรอ…?

     

    ถึงแม้จะทำเหมือนไม่เห็น…แต่เขาก็มองอยู่ตลอด ใบหน้าขาวที่เผยแต่มุมข้างเพราะเอาแต่ทำตัวให้ยุ่ง เอาผ้าเย็นแช่ เช็คขวดน้ำไม่ให้สลับกันกิน ไหนจะคอยเดินไปนวดไหล่ให้ไอ้ผ้าที่ชอบเรียกเด็กบริการให้ไปเล่นด้วย แววตาของยี่หวาเปลี่ยนไปยามที่ได้มองอีกฝ่ายตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเวรห้องหรือเวรในชมรม ถึงจะยุ่งมากแค่ไหนก็ไม่เคยทิ้งขว้างงานตัวเองเลยในแต่ละวัน

     

    ในจุดนั้นนั่นแหละที่เริ่มทำให้ยี่หวารู้สึกว่าคิดถูกที่พามา

     

    “พักบ้างก็ได้”

     

    พริ้มยิ้มกับตัวเองน้อย ๆ ที่ทำให้อีกคนพอใจได้

     

    “เราอยากมีประโยชน์…”

    “…”

    “เหมือนที่ยี่หวาบอกให้มี”

     

    แม้ใบหน้าจะหมกหมุ่นอยู่กับการจดบันทึก…

    แต่รอยยิ้มที่มุมปากกลับว่างเสียจนขยับไม่หยุด



    100%

    #พริ้มเพียงหวา

    8/9/18









    เราปูเรื่องมานานมากจริง ๆ จนอาจจะทำให้หลายคนเบื่อ แต่ไม่ปูก็ไม่ได้อีกนั่นแหละนะ5555

    เอาใจช่วยน้องปูพริ้มด้วยน้า ว่าจะเปลี่ยนความคิดยี่หวาได้มากแค่ไหน อย่างน้อยตอนนี้ก็ได้ไปอีกหนึ่ง ชื่อทีมทุกทีม มาจากชื่อดอกไม้ทั้งหมด ถ้าอยากรู้ว่าเป็นดอกอะไรบ้าง ลองเสิร์ชดูนะคะ สวยทุกชนิด

    ปล. ฝากเรื่องการใช้คำเพื่อเม้นท์ฟิคนิดนึงนะคะ ถ้าต้องการให้เราปรับปรุง บอกได้เลย ด้วยคำดี ๆ ที่แสดงถึงความจริงใจ ถ้าคำไหนที่พอเป็นคุณอ่านแล้วมันรู้สึกไม่ดี ยังไงรบกวนเลี่ยงที่จะใช้นะคะ เราใจบาง

    ถ้าชอบก็อย่าลืม กดเลิฟ กดแชร์ กดเม้นท์ ติดแท็กให้น้องพริ้มทีนะค้าบ 

    ขอบคุณมากค่าที่อ่านพริ้มเพียงหวา นายอคิราห์เป็นของฉัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×