คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : พริ้มเพียงหวา : ตอนที่ ๘
8
ชั่วโมงโฮมรูมที่ไม่ได้โฮมรูมนั้นช่างน่าเบื่อ
ห้องห้าอาจารย์ติดธุระก็เลยต้องทิ้งคาบนี้ เป็นเหตุให้ยี่หวา ซาน และจอมทัพ พากันอพยกมานอนเล่นที่ห้องพักในชมรม
นอนไปได้ไม่นานนัก เทคก็เปิดประตูเข้ามาจ๊ะเอ๋หลังจากอ้างกับที่ปรึกษาว่าต้องมาเตรียมตัวแข่ง
ซึ่งจริง ๆ แล้วแข่งสี่โมงครึ่งนู้น
กลายเป็นว่าห้องขนาดกลางที่มีของเขิงเต็มทุกมุมอัดแน่นไปด้วยเด็กหนุ่มหน้าตาดี
แถมยังฮอตระเบิดระเบ้อ ดีกรีไม่แพ้รุ่นพี่ปีก่อน ๆ เลยสักนิดเดียว
จอมทัพยึดโซฟาตัวยาว ทิ้งร่างกายที่ยาวไปทุกส่วนนอนเอกเขนกเต็มพื้นที่
เก้าอี้ไม้เดี่ยวข้างกันถูกจับจองโดยยี่หวา
นั่นเท่ากับว่าไม่มีพื้นที่ให้นั่งตรงไหนได้อีกนอกจากพื้นและขอบหน้าต่าง
“ไอ้เหี้ยจอม
มึงเขยิบให้คนอื่นเขานั่งมั่งดิ๊”
“มึงก็นั่งข้างล่างไปนั่นแหละ
จะขึ้นมาเบียดกูทำไมวะ”
“พื้นกระเบื้องมันเย็นมั้ยไอ้สัส”
“คำตอบคือเย็น”
“กูไม่ได้ถาม!!”
ป้าบเข้าที่หน้าขา
ไม่วายโดนหน้าขาข้างนั้นกระแทกหัว ซานลูบหัวปอย ๆ
พยายามแย่งหมอนอิงจากแขนของจอมทัพ
นอกจากนอนกินพื้นที่แล้วยังยึดของนู้นนี่ไว้หมดอีกต่างหาก
ไอ้ห่านี่จ่ายเงินสร้างห้องนี้หรือไง พอโดนเอาตีนยันก็ยอมแพ้
เลื้อยตัวลงนอนกับพื้นกระเบื้องตามเดิม
ถึงแม้วันนี้จะเป็นวันแข่งสายวันแรก
แต่ก็ไม่ได้ดูกระตือรือร้นกันเท่าไร
งานโอเบงปีนี้มีรายชื่อทีมวอลเล่ย์บอลในเครือของโรงเรียนละแวกนี้ส่งเข้ามาทั้งหมด 5
แห่งนับรวมโรงเรียนอซ เพิ่มมาหนึ่ง
ซึ่งก็เรียกความตื่นเต้นได้ไม่น้อย
“วันนี้แข่งกี่ทีม?”
“สอง มีเรากับไอโซระ”
“พวกนั้นแข่งกับใครวะ”
“รู้สึกจะชื่อเวอร์เบน่า
ทีมใหม่…กำลังดัง” เทคตอบซานขณะที่นั่งล้วงขนมกรุบกรอบอยู่บนขอบหน้าต่าง
แอบกินขนมไร้ประโยชน์ทั้งที่โค้ชห้ามนักห้ามหนา แต่ถ้าโค้ชไม่เห็น ไอ้หวาไม่ว่า
เขาก็สัญญาว่าจะทำต่อไป
ซานผงกหัวขึ้นจากพื้น
สะกิดขาของหวาที่นั่งเล่นโทรศัพท์เงียบ ๆ ขอดูตารางแข่งขัน คงเป็นมันคนเดียวล่ะมั้งที่ไม่หือไม่อือกับตารางแข่งเหมือนคนอื่นเขาเลย
โค้ชเอาตารางนี้มาให้ตั้งแต่สองวันก่อน ถ้าวันนี้ไม่มีแข่งแม่งก็ไม่รู้เรื่อง
รับแผ่นกระดาษที่คนส่งให้ทำหน้าอยากจะต่อย ก่อนจะไล่สายตาอ่านรายชื่อที่ทีมคาลันโชต้องเจอในวันนี้
“ชนะแหง
บลูเลทมันกระจอก”
“ปากดีจริงตอนอยู่นอกสนาม”
“ความจริงปะวะ
ปีที่แล้วก็แพ้เรียบ”
“เขาอาจจะฟอร์มทีมมาใหม่ก็ได้”
“มึงดูจากคุณกัปตันก่อนเลย
ว่าไงไอ้หวา…มึงลงปะ?”
ประโยคคำถามของซานไม่ต่างอะไรจากกลุ่มควันรถ
นอกจากจะน่ารำคาญแล้วยังไม่มีประโยชน์อีกต่างหาก ยี่หวาเมินซานเต็มรูปแบบ แต่ยังไงก็รู้อยู่แล้วว่ามันคงไม่ลงแน่นอน
เอาไว้เจอกับทีมไอโซระที่เป็นคู่แข่งตลอดกาลเมื่อไร
วันนั้นแหละที่จะเห็นเหงื่อของมัน
ถึงงานโอเบงปีที่แล้วเราจะเป็นแชมป์…แต่ก็ไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าปีนี้จะเป็นเหมือนปีที่แล้ว
ทีมที่คาลันโชเจอในรอบชิงคือทีมไอโซระ
จำได้เลยว่าเล่นกันเหงื่อแตกพลั่กเพราะฝ่ายนั้นก็ไม่ใช่เล่น ๆ ฝีมือสูสีกัน
เรียกได้ว่าแทบกระอักเลือด กว่าจะจบแมทช์ได้ลากไปถึงสามสิบแปดแต้ม
ถ้าคาลันโชคือหมาป่า…ไอโซระก็ไม่ต่างอะไรจากเสือจากัวร์
ยังมีทีมอื่น ๆ
ที่โด่งดังมาจากปีที่แล้ว พนันได้เลยว่าต้องฟอร์มทีมมาเป็นอย่างดี อย่างทีมคอสมอส
ถึงแม้จะเอาชนะคาลันโชไม่ได้เลยสักแมทช์ แต่ก็ไม่ง่ายเลยที่จะจบเซ็ตเร็ว ทีมบลูเลทที่ไอ้ซานล้อว่าเล่นไม่ดีก็ไม่เคยปล่อยแต้มห่างมากเกินไป
ไหนจะทีมใหม่อย่างเวอร์เบน่า ที่มีผู้เล่นฝีมือดีไปผุดดอกทีมนั้นหมดจนน่าแปลกใจ
รวมไปถึงไอโซระที่สลับกันเป็นที่หนึ่งที่สองกับทีมพวกเขาอยู่ตลอด
ไม่ปล่อยให้นำได้นาน
ไม่ว่าทีมไหนก็เหมาะที่จะเป็นตัวต่อยอดให้กับคาลันโชทั้งนั้น
“พวกไอ้มุกยังไม่มาเลย
เมื่อไรจะได้คุยเรื่องบริการ”
“มันมาก็นู้นอ่ะ…แข่งพอดี”
“ตลกละ
สรุปโค้ชไม่ว่างไปคุมจริงดิ”
จอมทัพปรือตาถาม
“เออ”
“แล้วมึงจะลงมั้ย?”
“กูลงแล้วใครคุม”
“ยาคุม”
ขายาว ๆ
ของเพื่อนสนิทผิวขาวลอยไปเตะเข้าที่หน้าท้องคนกวนตีนทันทีโดยไม่ต้องถึงมือยี่หวา จอมทัพเด้งตัวลุก
หมายจะกระทืบไอ้เพื่อนสารเลวให้ร้องจุกไม่ต่างจากเขา
ไล่กวดมันจนเปิดช่องว่างที่โซฟา สุดท้ายก็โดนมันขึ้นมานั่งเบียดด้วย
พลันเสียงของประตูบานเลื่อนก็ดังขึ้น…
“เอ่อ…”
“…ผิดห้องแล้วปะ”
ซานแทรกขึ้นมาในความเงียบ
“นายมาทำอะไร?” ตามมาด้วยเสียงของเทค
“คือเรา…จะมาซักผ้า”
มนุษย์ตัวเล็กที่สุดในห้องนี้และส่วนสูงไม่เคยเพิ่มเลยตั้งแต่ขึ้นมอสอง
เดินก้มหน้ากำมือด้วยความประหม่าจากการโดนจ้อง
ยกเว้นยี่หวาที่แหงนหน้าพิงพนักพักสายตาไปแล้ว
พอเห็นผู้มาใหม่เดินหายเข้าไปในห้องซักผ้า …ก็เหมือนเข็มนาฬิกาได้กลับมาเดินใหม่
“คือไรวะไอ้หวา?
ทำไมมึงปล่อยให้มันเดินเข้ามาง่าย ๆ”
“ว่าง ๆ เดินไปเช็คตารางทำความสะอาดบ้างก็ดี”
“ทำไม
มันมีเหี้ยไร”
“…”
ซานหันไปหาจอมทัพเมื่อยี่หวาไม่ตอบ
“กูก็ไม่รู้”
“แล้วมึงอยากรู้มั้ย”
“แล้วแต่มึง”
“กูอยาก!”
ว่าจบก็พากันเดินจูงมือออกไป
ห้องกลับมาเงียบตามที่ยี่หวาคาดหวังอีกครั้ง
นอกจากเทคแล้วที่เหลือก็เป็นสายพันธุ์พูดมากกันทั้งหมด
ขนาดไอ้มุกที่ดูใจเย็นยังพูดมากเวลาอยู่ด้วยกันเลย
ยี่หวาลืมตาขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู
ร่างสูงเอียงหน้ามองใบหน้าที่โผล่พ้นจากขอบประตูเล็กน้อยและรอให้อีกฝ่ายเอ่ยปากพูด
พริ้มอ้ำอึ้งอยู่ครู่หนึ่งเพราะใบหน้าด้านข้างของหวาสวยเสียจนเกือบลืมความเป็นตัวเอง
แต่ก็ต้องดึงสติกลับมาอย่างไว เขาไม่อยากทำให้ร่างสูงหงุดหงิด
“เราหาน้ำยาปรับผ้านุ่มไม่เจอ…”
พูดไปก็แอบมองเทคไป
เขารู้สึกสบายใจเมื่อเห็นเทค อาจจะเพราะเหตุการณ์ในครั้งนั้นที่เทคยื่นมือเข้ามาช่วย
เลยอาจจะทำให้พริ้มรู้สึกว่าปลอดภัยถ้าได้อยู่ข้าง ๆ
ทั้งหมดนี้พริ้มอาจจะรู้สึกไปเองก็ได้ เพราะหลังจากนั้นพริ้มก็ไม่เคยคุยกับเทคอีกเลย
แม้จะเป็นตอนที่เข้ามาอยู่ในชมรมนี้ได้สองวันแล้วก็ตาม
ยี่หวาพยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
เขาชอบขาของหวามาก มันเป็นสามเหลี่ยมที่กว้างและเวลาเดินก็เร็วมาก ๆ อีกด้วย
เป็นเพราะขาที่ยาวและสมส่วน เวลากระโดดมันเลยให้ไลน์ของขาที่สวยสุด ๆ
บางทีก็คิดนะว่าตัวเองชอบหวามากไปหรือเปล่า แต่เอาเข้าจริง…
พริ้มที่ไม่ชอบหวา…ก็ไม่น่าจะมีอยู่บนโลก
ครั้งก่อนพริ้มเห็นน้ำยาปรับผ้านุ่มวางคู่กับผงซักฟอกในตะกร้าข้างกันกับตัวเครื่อง
แต่วันนี้ตั้งใจมาทำตามหน้าที่…น้ำยาถุงนั้นกลับไม่อยู่แล้ว
เดินหาเองอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่ว่าหายังไงก็หาไม่เจอ สุดท้ายเลยต้องรวบรวมความกล้ายื่นหน้าออกไปถาม…แล้วก็ต้องมาจมกับความประหม่าที่อยู่กันสองต่อสองกับยี่หวาอีก
พริ้มยืนเกร็งเมื่อร่างสูงเปิดตู้เล็ก ๆ ที่อยู่สูงกว่าพริ้มหลายเท่า
แต่กลับยี่หวาแทบไม่ต้องเขย่ง
น้ำยาปรับผ้านุ่มสามสี่ถุงและผงซักฟอกปรากฏออกมาเต็มตาทันทีที่เปิดตู้นั้นออก
คนตัวสูงหยิบลงมาหนึ่งถุงแล้วยื่นให้
“ถ้าในนี้หมด…ก็บอกแล้วกัน”
“ขอบคุณนะ”
จัดการตัดปากถุงแล้วเทลงไปในช่องน้ำยาปรับผ้านุ่มด้วยความเกร็งทั่วร่างกาย
ทำอะไรก็ลำบาก ขนาดหายใจยังลำบาก สาเหตุสำคัญที่ทำให้พริ้มเป็นแบบนี้นั่นก็คือ
กัปตันทีมหน้าดุที่ยืนมองเขาไม่ยอมออกไปจากห้องนี้สักทีนี่ล่ะ …ยิ่งมีคนจ้อง
หัวสมองก็ยิ่งเดินช้า การเก็บถุงน้ำยาที่ตัดปากแล้วไม่ใช่เรื่องยาก…แต่พริ้มกลับนึกไม่ออกว่าต้องทำอะไรต่อไป
เขากลายเป็นคนโง่เพียงชั่วพริบตา…กับอีแค่วางไว้ในตะกร้าก็ยังคิดไม่ทัน
มีสติหน่อยสิพริ้ม…
“เก็บไว้ไหนหรอ”
หวาชี้ไปยังตะกร้าที่พริ้มเคยเห็นมันวางอยู่
“แผลเป็นยังไงบ้าง?”
เสียงของหวาดังขึ้นแทนเสียงของก้นถุงกระทบพื้นตะกร้า
คำถามเรียบง่ายที่เจ้าตัวไม่ได้ใส่อารมณ์หรือน้ำเสียงแสดงความเป็นห่วงเป็นใย…แต่กลับทำให้หัวใจพริ้มเต้นแรงจนต้องก้มหน้าแดง
ๆ หนี ผ้าก็อซที่แปะไว้บนหัวเข่าทั้งสองข้างกลายเป็นจุดยึดสายตาของพริ้มในทันใด
ร่างเล็กตอบกลับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงติดขัด
“ก็…ดีขึ้นบ้างแล้ว”
“วิ่งยังไงให้ล้ม?”
“…”
“รู้ไม่ใช่หรอว่าต้องซ้อม”
“ข…ขอโทษ”
“เลิกพูดคำขอโทษพร่ำเพรื่อ
มันน่ารำคาญ”
พริ้มแปลกใจนิดหน่อยที่น้ำเสียงของยี่หวาไม่ได้ติดรำคาญอย่างที่พูด
เขาไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองโดนดุ ถ้าโดนดุหรืออีกฝ่ายกำลังรำคาญ
น้ำเสียงที่ใช้จะหนักและกดต่ำกว่านี้ …ที่รู้ว่ามันต่างกันก็เพราะได้ยินบ่อย ๆ
น่ะสิ พริ้มหันกลับมาสนใจงานที่ตัวเองทำค้างไว้ต่อ แล้วก็ต้องยืนเงียบอีกครั้งเพราะเขา…
“ใช้ไม่เป็น?”
“มันไม่เหมือนกับที่บ้านน่ะ”
คนตัวเล็กได้ยินเสียงถอนหายใจเบา
ๆ จากทางด้านบน ยี่หวาคงจะเริ่มรำคาญตามที่ได้พูดไว้ก่อนหน้านั้นแล้วแน่ ๆ
ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้จนไหล่ของเราแทบจะซ้อนกัน พริ้มไม่กล้าขยับตัวเมื่อกลิ่นน้ำหอมลอยเข้าจมูกมาอ่อน
ๆ ชวนให้ใจเต้นในห้องซักผ้าที่มีกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มฟุ้งกระจาย
รูปธรรมในตัวยี่หวาก็ไม่ปรานีเขาเลย…
“นายแค่กดตรงนี้”
หูของเขาต้องแดงมากแน่
ๆ เพราะมันโดนลมหายใจของยี่หวาเข้าเต็ม ๆ แผงควบคุมบนตัวเครื่องไม่ได้ใหญ่มาก
แถมยังมีตัวของเขายืนคั่นอยู่อีก เลยทำให้ยี่หวาต้องโน้มเข้ามาใกล้กว่าเดิมถึงจะมองเห็น
กัปตันทีมอธิบายส่ง ๆ ก่อนจะจิ้มลงไปบนปุ่มโดยไม่รอให้พริ้มได้ตั้งสติ
รู้ตัวอีกทียี่หวาก็กำลังจะเดินออกจากห้องไปแล้ว
“เสร็จแล้วก็รีบออกมาซ้อม”
“อ…โอเค”
กว่าจะมากันครบก็ปาไปเกือบจะสี่โมง
เหตุเพราะสมาชิกที่อยู่ห้องแปดติดภารกิจทำเวร
พวกมันมาช้าเสมอถ้าต้องทำความสะอาดห้อง ไม่ใช่เพราะหัวหน้าเข้มงวดมาก
หรือที่ปรึกษามาคอยคุม แต่เป็นเพราะไอ้มุกมันรักความสะอาดมาก แม้แต่ฝุ่นก้อนเล็ก ๆ
ก็ห้ามเหลือทิ้งไว้ ทั้งเช็ด ทั้งขัด จนเนยกับผ้าถึงกับยกมือไหว้ ว่าถ้ามึงไม่รีบไปตอนนี้
ไอ้หวาได้ใช้มึงทำความสะอาดทั้งโรงยิมแน่
ทั้งสนามฮือฮาเมื่อเหล่านักกีฬาเดินออกมาจากห้องพัก
เสื้อแข่งสายปีนี้เป็นสีเทาตัดเส้นดำ
เบอร์ประจำตัวติดไว้เด่นหราที่หน้าและหลังเสื้อ นักเรียนที่เข้ามานั่งเล่นในสนามด้วยความบังเอิญต่างก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปด้านหลังเสื้อของยี่หวาเก็บไว้
แล้วก็ไม่ลืมที่จะเอาลงในไอจีพร้อมใส่แคปชั่นมโนว่าเป็นแฟนเสริมเข้าไปด้วย
Akirah T. เบอร์ 9
พริ้มแอบมองแผ่นหลังของยี่หวาที่มีชื่อและเลขแปะอยู่
เสื้อดีไซน์ออกมาสวยไม่ใช่น้อย ดึงความเป็นผู้ชายออกมาได้ดีกับสีเทา
แค่เห็นก็รู้สึกได้เลยว่าต้องเก่งมากแน่ ๆ
บอลลอยมากระแทกไหล่จนหลุดจากภวังค์
พริ้มส่งยิ้มขอโทษคู่ซ้อมที่ยี่หวาชี้เลือกมาให้ ผู้ชายคนนี้ชื่อ ‘ขม’ เป็นผู้ชายตัวสูงกว่าพริ้มนิดหน่อย
หน้าตาดูใจดี เวลายิ้มทีตาก็กลายเป็นเส้นตรง ขมเปลี่ยนเป็นเสื้อแข่งสายตั้งแต่แรกแล้ว
เพราะเป็นถึงตัวสำรองอันดับต้นที่ยี่หวาเล็งไว้
เห็นว่าวันนี้ก็จะได้ลงเล่นด้วยเหมือนกัน
“พริ้มมม!!”
“หวัดดีผ้า”
“กูกำลังจะไปแข่ง
ไปด้วยกันมั้ย”
“ไป…ได้หรอ?”
“ได้ดิ”
ผ้าจูงมือพริ้มไปยังกลุ่มก้อนสีเทา
พอได้ยืนข้าง ๆ กับทุกคนแล้ว พริ้มก็ดูตัวเล็กขึ้นมาทันตา ถอยออกมาอยู่หลังของผ้า หลบสายตาของเพื่อนในทีมที่พุ่งตรงมายังเขา
ซานเลิกคิ้วแปลกใจพร้อมกับคำว่าอีกแล้วหรอในรูปแบบของลมร้อน ๆ ที่พ่นออกมา
มีแต่เรื่องให้ไม่เข้าใจจนซานเสือกไม่ทัน
ไหนจะไอ้หวาที่เอาเบ๊ไอ้เท็ดเข้าชมรมกลางคัน แถมยังไม่บอกพวกเขาก่อนอีกต่างหาก
ก่อนหน้านั้นก็เดินตัวปลิวเข้าห้องพักนักกีฬาได้อย่างง่ายดายโดยที่ไอ้หวาไม่ปริปากดุสักคำ
ตอนนี้ก็อีก… ไอ้ผ้าเดินจูงมือเหมือนสนิทกันตั้งแต่ชาติที่แล้ว
ขนาดไอ้เนยแม่งยังไม่เคยจูงเลย
“กูอยากพาเพื่อนไปด้วย”
“ใครอนุญาต”
“เอ้า
ไหนมึงบอกให้ช่วยกันหาคนบริการไง”
“ไม่ใช่คนนี้”
ผ้าเท้าเอวเอาเรื่องเมื่อยี่หวายืนกรานว่าไม่ให้ไป
“ตัวสำรองต้องเตรียมลงเล่น
เหลือกู ไอ้เนย มีไอ้เทคบ้างประปราย แต่มึงก็รู้ว่าพวกกูไม่ทำแน่ ๆ แล้วนี่ก็เพื่อนกู
ไว้ใจได้…เอาไปด้วย”
“เอ่อ…ผ้า
ไม่เป็นไร เราไม่ไปก็ได้”
หวาครุ่นคิดกับตัวเองเงียบ
ๆ และพบว่าจริงของมัน เขาต้องคุมทีม คงไม่มีเวลาบริการจุกจิกให้ ตาต้องมองสนาม
มือจับปากกาก็ต้องเขียน ถึงพวกมันจะไม่ได้แข่งแล้วต้องนั่งเฉย ๆ อยู่ข้างสนาม
แต่เชื่อเถอะว่ามันจะนั่งเฉย ๆ ได้เป็นอย่างดีแน่ ๆ ถ้าจะมอบงานแบบนี้ให้พวกมันทำ
แมทช์นี้เขากะจะให้ตัวสำรองลงเล่นบ้างตามคำสั่งโค้ชที่ไม่ว่างไปคุมเองในวันนี้
มีเด่น ๆ อยู่สามตัวที่พอจะเป็นรุ่นต่อไปหลังพวกเขาจบได้ ก็เลยจะให้ลงเล่นจนหมด
สลับกับผลัดเปลี่ยนเอาพวกตัวจริงลงไปแก้เกม
เพราะมุกยังไม่เคยเล่นกับตัวสำรองจริงจัง
“ชื่อพริ้มใช่มั้ย?”
“ช…ใช่”
จู่ ๆ
เทคก็ถามขึ้น
“นายอยากไปมั้ยล่ะ?”
“…”
“แต่ไปแล้วต้องทำงานนะ”
80%
(ต่อ)
โรงเรียนเอกชนของทีมไอโซระอยู่ห่างจากโรงเรียนอซกว่าสิบกิโล
ถูกใช้เป็นสนามในรอบการแข่งสาย รถบัสของชมรมพามาจอดที่ข้างโรงยิม มันใหญ่โต…กว้างขวาง…สมกับค่าเทอมเสียจริง
งานโอเบงก็เคยจัดที่นี่ แล้วทำไว้ดีมากจนอยากจะให้จัดที่นี่ตลอดไป
เพราะแบบนั้นเลยเผลอสร้างความกดดันให้กับโรงเรียนในเครือที่ต้องจัดงานต่อในปีถัดไปอย่างไม่รู้ตัว
พริ้มออกแรงยกถังคูลเลอร์ที่มีน้ำแข็งกับน้ำขวดแช่อยู่ข้างใน
มันค่อนข้างหนัก… หนักเกินกว่าที่มนุษย์ตัวเล็กอย่างพริ้มจะยกให้มันลอยได้
ยี่หวาอนุญาตให้พริ้มมาด้วยได้
แต่การมาของเขาต้องทำประโยชน์ตามที่ยี่หวาย้ำเตือนคนในทีมบ่อย ๆ เขาต้องบริการน้ำ
ผ้าเย็น และอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับความต้องการของนักกีฬา ซึ่งงานนี้พริ้มมั่นใจมาก
เขาจะเป็นแขนและขาให้ทุกคนเอง
“ยกไหวมั้ย?”
“อ่า…เทค”
“นายไปเอาบอลแล้วกัน
อันนี้ฉันถือเอง”
“…จะดีหรอ”
“แล้วนายยกมันได้มั้ยล่ะ”
เทคพูดไว้แค่นั้นก่อนจะยืดตัวขึ้นพร้อมคูลเลอร์ขนาดกลางที่ลอยเหนือพื้น
ยกมันได้ง่ายดาย ไม่เหมือนกับพริ้มที่ออกทั้งแรง ทั้งเสียงก็ไม่ขยับ ย้ายตัวเองไปหาตาข่ายที่เก็บลูกวอลเล่ย์หลายสิบลูก
ลากมันลงมาจากรถโดยมีคนอื่น ๆ รออยู่ พริ้มทำหน้าไม่ถูก
ได้แต่หันหน้าหนีเพราะเขาไม่ชินที่เห็นคนรอ ผ้ายื่นมือออกมาช่วยรับ
เป็นจังหวะเดียวกับที่ซานส่ายหัว
“ดูท่าจะไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไรนะ”
“เอาน่า
มึงก็ไม่ได้คิดจะช่วยนี่”
เทคสวนซานทันที
นอกจากจะไม่ช่วยอะไรสักอย่างแล้วยังพูดจาไม่ดีกับคนที่เขาช่วยเต็มที่
เห็นทีเขาต้องจัดการนิสัยเสีย ๆ ของไอ้ซานมันสักหน่อยแล้ว
เราพากันเข้ามานั่งในสนาม เพราะนี่ยังไม่ใช่เวลาเลิกเรียน
เลยมีนักเรียนของที่นี่เข้ามาดูกันเต็มไปหมด นักเรียนของโรงเรียนเราเองก็มา
โรงเรียนของทีมอื่น ๆ ก็มาด้วยเช่นกัน
แมทช์นี้แข่งทั้งหมดสองทีม
ทีมคาลันโชเจอกับทีมบลูเลท
ส่วนเจ้าของสนามอย่างไอโซระเจอกับทีมดาวรุ่งที่ชื่อเวอร์เบน่า แมทช์ของทีมไอโซระเหมือนจะแข่งไปก่อนหน้านั้นไม่นาน
เพราะเพิ่งเห็นพวกมันเดินออกมาจากสนามเมื่อกี้นี่เอง
ยี่หวาเดินแตกแถวไปคุยกับเพื่อนในทีมนั้น ถึงแม้เราจะเป็นคู่แข่งกันในสนาม
แต่นอกสนามเราเป็นเพื่อนกัน
“ไง”
“อ้าว
กัปตันทีมคาลันโชเดินมาทักถึงที่ รู้สึกแมทช์หน้าก็น่าจะชนะแฮะ”
“ฝันไปเถอะ”
“เจอกับบลูเลทใช่ปะ
พวกนั้นฟอร์มดีกว่าปีก่อนอยู่นะ”
“แล้วทีมใหม่เป็นยังไงบ้าง”
ยี่หวาลองเชิงถาม
และเพื่อนของเขาที่เป็นกัปตันทีมเหมือนกันก็ตอบออกมาอย่างไม่ปิดบัง หมอนี่ชื่อ ‘ศูนย์’ มีขี้แมลงวันเล็ก ๆ
ที่ใต้ตาข้างขวา หน้าตาเจ้าเล่ห์และชอบมัดผมเวลาแข่ง
ตอนแรกก็แอบสงสัยว่าทำไมโรงเรียนมันให้ไว้ผมยาวได้ แต่พอคิดไปคิดมา…ก็คิดออกว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องเอามาใส่ใจ
“เก่งดี มีคนหนึ่งดีกรีทีมชาติ
มือตบตำแหน่งเดียวกับมึง บล็อกแน่นชิบหาย กูตีติดบล็อกแม่งไปสามสี่รอบได้” ศูนย์สะบัดข้อมือตัวเอง
“คนไหน?”
“เบอร์หก ตัวสูง
ๆ หัวสีทอง”
“ขอบใจ”
ยี่หวากำลังจะหมุนตัว
“เดี๋ยว
ทำไมมึงใส่กางเกงวอร์มกับเสื้อแข่งวะ”
“กูไม่ได้ลง
กูมาเป็นโค้ช”
“จริงดิ?
กะว่าจะมาส่องมึงสักหน่อย อดเลย”
ร่างสูงเดินกลับเข้ามาที่สนามพลางจดยิก
ๆ ลงสมุด ยี่หวาพกแว่นส่วนตัวมาใส่แทนคอนแทคเลนส์ที่จะใช้เฉพาะเวลาลงสนามเท่านั้น ถ้าไม่ได้ลงเล่นเหมือนวันนี้
เขาก็จะเลือกใส่แว่นเพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าเขาจะมองเห็นได้โดยไม่ต้องเสียเวลาหยอดตา
และดวงตาของยี่หวาที่อยู่ภายใต้แว่นสีเงินก็เป็นฉนวนจุดสีบนหน้าของพริ้มได้เป็นอย่างดี
พริ้มผงกหน้าขึ้น
ๆ ลง ๆ เอาผ้าเย็นใส่คูลเลอร์ที ตาก็ลอบมองยี่หวาที
คนตัวสูงในลุคใส่แว่นดูน่าเกรงขามราวกับเป็นโค้ชตัวจริงเสียงจริง
ไม่ได้หมายความว่าหวาหน้าแก่นะ แต่แค่ดูโตและมีรังสีความเป็นผู้นำมากขึ้นเฉย ๆ …ซึ่งนั่นดีต่อตาของพริ้มมาก
เขาอยากเป็นมนุษย์ล่องหนที่จะได้มองยี่หวาอย่างสบายใจ
ไม่ต้องมีใครมาส่งสายตาล้อเลียนพฤติกรรมเขา…เหมือนอย่างตอนนี้
“มองบ่อยจังเลยอ่ะ”
“อะ…อะไร”
“มึงอ่ะพริ้ม
มอง…” ผ้าเม้มปากพลางเหล่ตาไปทาง…ยี่หวา
“เปล่านะ ก็แค่…”
“แค่?”
ผ้ายื่นหน้าเข้ามาใกล้
ไล่ต้อนเพื่อนตัวเล็กให้หลังติดกำแพง
“อย่าเอาหน้ามาใกล้นักสิ”
“ฮ่า ๆ
ดูง่ายจริง ๆ”
แกล้งมดตัวน้อยจนพอใจแล้วก็เดินหนีไป
กลายเป็นว่าเก้าอี้ข้างสนามของทีมคาลันโชเหลือเพียงแค่เขาที่กำลังเอาผ้าเย็นแช่กับยี่หวาที่กำลังจดอะไรสักอย่างลงกระดาษอยู่สองคน
ระยะทางห่างกันแค่เพียงแค่เก้าอี้หนึ่งตัว ยี่หวาดูนิ่งกว่าตอนอยู่ที่ชมรมเยอะเลย
หรือเพราะต้องเป็นคนคุมทีมด้วยล่ะมั้ง ก็เลยต้องมีสมาธิมากกว่าเดิม
ในคูลเลอร์สีน้ำเงินเข้มมีน้ำเปล่าทั้งหมดหนึ่งโหล
ผ้าเย็นสิบแผ่น สปอนเซอร์ แล้วก็ลูกอม เอ๊ะ…ลูกอมหรอ?
“ของไอ้ซาน”
มุกเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ตัวข้าง
ๆ แล้วคลายความสงสัยของพริ้ม
“อ๋อ…”
“ลัคกี้ไอเทม
กินแล้วตาแตก”
“จริงหรอ”
“ลองดูปะล่ะ?”
“ไม่เอาดีกว่า”
ใครจะกล้ายุ่งของของคนอื่นกัน
แล้วยิ่งซานที่ดูท่าจะไม่ชอบพริ้มที่เป็นตัวพริ้มและพริ้มที่เป็นมาสคอต ก็ยิ่งไม่กล้าเฉียดใกล้เข้าไปใหญ่
เพราะไม่ว่าเราจะหวังดีมากแค่ไหน แต่คนที่เขาไม่ชอบ ยังไงเขาก็ไม่เปิดใจให้เราหรอก
กรรมการเป่านกหวีดเคลียร์สนามเพื่อเริ่มการแข่งขัน
เรียกโค้ชของแต่ละทีมเข้าไปเพื่อส่งใบรายชื่อนักกีฬา ช่องกัปตีนทีม ช่องตัวสำรอง
และช่องของโค้ช ทั้งสามช่องล้วนเป็นชื่อเดียวกันนั่นก็คือ นายอคิราห์ ธาราเดชากุล
แปลกใจนิดหน่อยที่คนคนเดียวควบทั้งสามตำแหน่ง แต่ก็มองผ่านไปเพราะไม่มีอะไรผิดกติกา
การแข่งขันเริ่มแล้วเมื่อผู้ประกาศเริ่มพูดชื่อนักกีฬาทีละคน
และคนคนนั้นก็เดินลงสนามด้วยท่าประจำตัว เสียงกรี๊ดของทีมคาลันโชดังกว่ามาก เพราะใคร
ๆ ก็อยากเห็นทีมนี้แข่ง แต่สิ่งที่ฮือฮาที่สุดก็คงไม่พ้นโค้ชหน้าเด็ก…ที่ทุกคนรู้จักกันในนามกัปตันยี่หวา
แต่วันนี้กลับยืนในตำแหน่งโค้ชเสียได้ แถมยังใส่แว่นอีกต่าง ถามเลยว่าใครได้กำไร…ก็เด็กนักเรียนของที่นี่ไง
ทีมคาลันโชกอดคอกันเป็นวงกลม
ก่อนจะตะโกนเรียกขวัญกำลังใจด้วยคำที่ใช้มาตลอดว่า
WE ARE ONE !!
เซ็ตแรกเริ่มไปได้ด้วยดีและเป็นอย่างที่ซานคิดไว้
พวกบลูเลทฟอร์มดีก็จริงแต่ก็ยังสู้พวกเขาไม่ได้ ขนาดเอาไอ้เนย ไอ้เทค ไอ้ผ้า
ออกไปนั่งเล่นข้างนอกตลอดทั้งเซ็ตก็ยังทำแต้มได้สบาย ๆ ไม่ใช่แค่พวกนั้นไม่เก่ง
แต่เป็นเพราะพวกเราเองก็ซ้อมทุกวันจนเก่งขึ้นเหมือนกัน
ดังนั้นเซ็ตแรกนี้เลยปิดเกมได้แบบสบายบรื้อ
เมื่อจบเซ็ตใดเซ็ตหนึ่ง
ทั้งทีมก็ต้องย้ายไปยังที่นั่งของสนามอีกฝั่ง สลับไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะจบแมทช์
พริ้มแจกจ่ายน้ำให้ทุกคนทันทีที่ลากคูลเลอร์มาได้สำเร็จ
เทคลอบหัวเราะที่พริ้มทำท่าเหมือนไม่อยากให้เขาช่วย รู้สึกได้เลยว่าผู้ชายคนนี้ดื้อเงียบ
เพราะไม่ว่าตัวเองจะตกอยู่ในที่นั่งลำบากแค่ไหนก็ไม่เคยร้องขอใครให้เข้าไปช่วย
“เล่นดีแล้ว
แต่อย่าประมาท”
“ครับโค้ช!!”
“ใครโค้ชมึง”
“อ้าว”
โดนตอกด้วยหน้านิ่ง
ๆ ของไอ้หวาแล้วก็ไปไม่ถูก
“พริ้ม
กูขอผ้าเย็นหน่อย”
“แปปหนึ่งนะ”
“ขอผ้าแห้งมาซับเหงื่อด้วยดิ”
“ผ้าแห้งหรอ…ไม่มีอ่ะ”
จอมทัพแอบขำในใจ
มันจะไปมีได้ยังไงในเมื่อผ้าเย็นเนี่ยแหละที่เอาไว้ซับ
“งั้นเอาเสื้อมึงซับเหงื่อกูแทนได้ปะ”
“เอ่อ…ได้สิ”
“เฮ้ย! กูล้อเล่น”
แล้วก็หันไปหัวเราะกับคนอื่นเพราะพริ้มเดินเข้ามาหาจริง
ๆ คนตัวเล็กเกาหัวแก้เก้อ พออยู่ในสนามแล้วเลือดสูบฉีดได้ดีมาก ทุกคนหลุดเรียกชื่อเขา
แถมยังแทนตัวเองด้วยคำสนิทสนมเสียจนพริ้มตามไม่ทัน
อย่างจอมทัพที่รู้ว่าพริ้มเข้าชมรมมาก็แทบไม่คุยด้วยเลย
แตกต่างกับตอนที่พริ้มใส่ชุดมาสคอตมาก ๆ เมื่อไรที่เดินออกมาจากห้องพัก
จอมทัพคือคนแรกที่เดินเข้ามาจูงแขนเขาไปเล่นด้วย
“ถึงฝ่ายนั้นจะทำแต้มเสียเองบ่อย
บอลรุกก็ไม่หนัก แต่เกมบล็อกเขาทำได้ดีมาก ขม…มึงเปลี่ยนมาเล่นบอลเร็วบ้าง
ฝั่งนั้นเขาดูเกมมึงออกหมดแล้ว อย่าให้เขารู้ว่ามึงถนัดอะไร”
“ครับ”
“ซานเสิร์ฟเสียไปสองลูก
รู้หรือยังว่าเป็นเพราะอะไร?”
“กูยืนผิดฝั่ง”
“เออ
รู้แล้วก็เปลี่ยนซะ”
เสียงของหวาชัดเจนและหนักแน่น
คอยแนะนำคนในทีมด้วยความจริงใจอย่างเต็มที่ คนที่อยู่นอกสนามจะเห็นภาพรวมของเกมว่าควรเล่นยังไง
แก้ปัญหาที่จุดไหน แล้วใครต้องปรับปรุง
ซึ่งยี่หวาเลือกที่จะบอกทุกคนโดยไม่แคร์ว่าถ้าถูกตำหนิแล้วจะรู้สึกเฟลหรือไม่ แต่เพราะมันสำคัญต่อตัวเองและชัยชนะของทีม
การฟังเพื่อยอมรับและเปลี่ยนมัน…คือสิ่งที่ยี่หวาหวังว่ามันจะเกิดขึ้น
“โอเค
เกมนี้ไม่ยาก อย่าให้ทีมนั้นได้เซ็ต ไม่งั้นเราจะเหนื่อย”
“ได้เลย”
“เล่นเหมือนที่ซ้อม
ห้ามประมาทล่ะ”
“สู้โว้ย!”
พริ้มยื่นน้ำให้หวา
ในตอนที่นักกีฬาเดินลงสนามไปเช็คตำแหน่ง ร่างสูงเปิดฝาแล้วยกมันดื่ม เสียงอึก ๆ
กับน้ำที่หายไปเกือบครึ่งขวดทำให้รอยยิ้มของพริ้มผุดขึ้นจาง ๆ
อย่างน้อยยี่หวาก็รับขวดน้ำจากเขา… โค้ชเฉพาะกิจคืนขวดน้ำแล้วเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตัวแรก
จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาชี้นิ้วเรียกเขาให้เข้ามานั่งที่เก้าอี้…ตัวถัดไป
นั่งได้หรอ…?
ถึงแม้จะทำเหมือนไม่เห็น…แต่เขาก็มองอยู่ตลอด
ใบหน้าขาวที่เผยแต่มุมข้างเพราะเอาแต่ทำตัวให้ยุ่ง เอาผ้าเย็นแช่
เช็คขวดน้ำไม่ให้สลับกันกิน ไหนจะคอยเดินไปนวดไหล่ให้ไอ้ผ้าที่ชอบเรียกเด็กบริการให้ไปเล่นด้วย
แววตาของยี่หวาเปลี่ยนไปยามที่ได้มองอีกฝ่ายตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเวรห้องหรือเวรในชมรม
ถึงจะยุ่งมากแค่ไหนก็ไม่เคยทิ้งขว้างงานตัวเองเลยในแต่ละวัน
ในจุดนั้นนั่นแหละที่เริ่มทำให้ยี่หวารู้สึกว่าคิดถูกที่พามา
“พักบ้างก็ได้”
พริ้มยิ้มกับตัวเองน้อย
ๆ ที่ทำให้อีกคนพอใจได้
“เราอยากมีประโยชน์…”
“…”
“เหมือนที่ยี่หวาบอกให้มี”
แม้ใบหน้าจะหมกหมุ่นอยู่กับการจดบันทึก…
แต่รอยยิ้มที่มุมปากกลับว่างเสียจนขยับไม่หยุด
100%
#พริ้มเพียงหวา
8/9/18
เราปูเรื่องมานานมากจริง ๆ จนอาจจะทำให้หลายคนเบื่อ แต่ไม่ปูก็ไม่ได้อีกนั่นแหละนะ5555
เอาใจช่วยน้องปูพริ้มด้วยน้า ว่าจะเปลี่ยนความคิดยี่หวาได้มากแค่ไหน อย่างน้อยตอนนี้ก็ได้ไปอีกหนึ่ง ชื่อทีมทุกทีม มาจากชื่อดอกไม้ทั้งหมด ถ้าอยากรู้ว่าเป็นดอกอะไรบ้าง ลองเสิร์ชดูนะคะ สวยทุกชนิด
ปล. ฝากเรื่องการใช้คำเพื่อเม้นท์ฟิคนิดนึงนะคะ ถ้าต้องการให้เราปรับปรุง บอกได้เลย ด้วยคำดี ๆ ที่แสดงถึงความจริงใจ ถ้าคำไหนที่พอเป็นคุณอ่านแล้วมันรู้สึกไม่ดี ยังไงรบกวนเลี่ยงที่จะใช้นะคะ เราใจบาง
ถ้าชอบก็อย่าลืม กดเลิฟ กดแชร์ กดเม้นท์ ติดแท็กให้น้องพริ้มทีนะค้าบ
ขอบคุณมากค่าที่อ่านพริ้มเพียงหวา นายอคิราห์เป็นของฉัน
ความคิดเห็น