คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : พริ้มเพียงหวา : ตอนที่ ๓
3
เสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นเมื่อครูผู้สอนเดินออกจากห้องไป
แกสั่งงานทิ้งไว้เป็นแบบฝึกหัดที่ต้องเก็บรวบรวมส่งท้ายคาบ ซึ่งในตอนนี้… พริ้มกำลังทำอยู่ทั้งหมด 7 ใบ ไม่นับรวมของตัวเองที่เสร็จไปตั้งนานแล้ว
เท็ดดี้ตัวใหญ่เดินมาทิ้งก้นลงบนโต๊ะของเขา ก่อกวนในขณะที่กำลังกาคำตอบให้คนที่ 5
เหลืออีกแค่สองใบก็จะเสร็จแล้ว
“ทำเร็ว ๆ ดิวะ!”
“ชักช้าจะโดน…ยิง!!”
แปะ!
ไข่มุกเหนียวหนืดพุ่งออกมาจากหลอดและยึดตัวเกาะที่ข้างแก้ม
พริ้มเงยหน้ามองคนทำเล็กน้อยตามประสาคนขี้กลัวที่กำลังหวาดหวั่น ปัดเม็ดดำ ๆ
นั่นออกจากแก้มตัวเอง โดยที่มือข้างขวาก็ยังคงทำหน้าที่ของมันต่อไป
ผ่านมาได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว
แต่ชีวิตประจำวันของพริ้มก็ไม่ได้เปลี่ยนไปตามวันที่บนปฏิทินเลยสักนิด เขายังคงโดนแกล้งและกดหัวให้ต่ำลงเหมือนอย่างทุก
ๆ วัน ครั้งหนึ่งเขาเคยอยากหนี…แต่เท็ดดี้คงไม่ยอมให้มันง่ายขนาดนั้น
เขาก็ไม่รู้ว่าเท็ดดี้ไม่ชอบเขาตรงไหน หรือแค่ทำไปเพราะมันสนุก
บางทีเขาก็ไม่เข้าใจ…คนที่อยากได้เสียงโฮ่ร้องจากคนรอบข้างแต่ไม่เลือกวิธีการ
“พริ้ม!!”
เสียงแหลม ๆ
ที่คุ้นหูเอ่ยเรียกเสียงดังด้วยความไม่พอใจ เป็นแคทนั่นเอง… เธอผลักพวกผู้ชายที่ยืนล้อมเขาอยู่ออกแล้วแทรกตัวเข้ามา
ชักสีหน้าไม่สบอารมณ์เมื่อได้สบเข้ากับแววตาอ่อนแอ
เห็นแล้วหงุดหงิดเป็นบ้า…
“จะไปได้หรือยัง?”
“ขอโทษนะ เรายังทำไม่เสร็จเลย”
“รู้หน้าที่นะ?”
“…เราจะรีบไป”
เธอไม่ได้สนใจว่าพริ้มจะต้องทำงานของคนอื่นให้เสร็จอีกสักกี่แผ่น
จะต้องโดนแก๊งนักเลงหลังห้องกลั่นแกล้งอีกนานเท่าไรกว่าจะหลุดออกมาได้
เธอไม่ได้สนเพื่อนตัวเล็กท่าทางขี้แพ้นี่มาตั้งแต่แรกแล้ว
มันน่ารำคาญจะตายเวลาเห็นใบหน้าหงอ ๆ ไร้ทางสู้ตั้งแต่ก้าวแรก แต่เพราะไอ้ขี้แพ้เป็นแบบนั้นแหละ…ก็เลยใช้งานง่ายดี
“ฮ่า ๆ อีแคทมันโกรธมึงแน่ ถ้ามึงไปช้า”
“รีบ ๆ ทำเข้าสิวะไอ้ตุ่นปากเป็ด!”
“ไม่รีบไปรับใช้เจ้าหญิงให้ทัน
ระวังหัวขาดนะเพคะ ฮ่า ๆ เร็วดิ๊!”
โต๊ะของพริ้มเหลือครึ่งเดียวเพราะเท็ดดี้นั่งกินไปเกือบครึ่งตัว
เขาเร่งกากบาทลงในใบงานที่มีทั้งหมด 40 ข้อบนโต๊ะที่เหลือไม่กี่นิ้ว
ใบหน้าเหวี่ยงของแคทหลอกหลอนเขาภายในหัว ถ้าไปไม่ทันมีหวังเขาโดนอีกแน่ ๆ
แค่ทุกวันนี้ทำให้ตามปกติยังโดนเลย
“เฮ้ย ๆ ๆ มึงกาข้อนี้ผิดปะไอ้พริ้ม!”
“อ่า…ขอโทษ
มันลายตา”
“ทำให้มันดี ๆ ดิ๊ ถ้ากูได้คะแนนไม่เท่ามึง
มึงเละนะ”
เท็ดดี้ตบเข้าที่หัวทุยของพริ้มอย่างแรงจนต้องยกมือขึ้นมากุม
แก๊งของเท็ดดี้ยังคงยืนล้อมเขาไว้ไม่ห่าง เวลาผ่านไปหลายนาทีตั้งแต่แคทเดินเข้ามา
เขาคิดว่าคงไปไม่ทันซื้อน้ำแน่ ๆ และแคทจะโกรธเขาอย่างแน่นอน
แต่สำหรับสถานการณ์ตรงนี้ก็ยากพอกัน แคทไม่เคยลงมือกับเขาแรงเท่าเท็ดดี้
ดังนั้นถ้าให้เลือกคำตอบที่จะไม่ทำให้ตัวเขาเจ็บมากที่สุด
ก็คงเลือกเท็ดดี้…
“ไอ้วีค แผ่นสุดท้ายของมึงปะ”
“เออ ทำไมวะ”
“จะเสร็จแล้วเนี่ย ข้อสุดท้าย”
“จริงดิ ให้ไวเลยไอ้พริ้ม พวกกูหิวข้าว”
หิวเหมือนกัน…
หลายสิบนาทีกว่างาน 7
ใบจะเสร็จครบทุกใบ มันไม่ได้มีแค่ข้อกาอย่างเดียว บางข้อก็ต้องเขียน
พริ้มกลัวว่าครูจะจับลายมือได้ แต่ถ้าโดนขึ้นมาก็คงไม่มีข้อแก้ตัวใดใด
ร่างเล็กส่งกระดาษทั้งหมดให้คนใดคนหนึ่งแทนเท็ดดี้ที่นั่งแกว่งขาอยู่บนโต๊ะเขา
“เค ทำดีมากไอ้ตุ่น”
“เอ่อ…อย่าลืมเขียนชื่อนะ”
เท็ดดี้ฉุดเขาให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้
แล้วเหวี่ยงให้เดินออกไปจากห้อง
“รีบไปรับใช้เจ้าหญิงดิวะ เดี๋ยวไม่ทันนะเว้ยยยยย”
“ฮ่า ๆ มึงโดนแน่”
“เอาไปส่งกันเว้ยมึง จะได้ไปแดกข้าว”
“เกะกะ!
ไปไกล ๆ ชิ่ว!”
เท็ดดี้ผลักเขา แล้วคนอื่น ๆ
ก็ตามมากระแทกไหล่ ทำเหมือนเขาเป็นขยะไร้ค่า เตะไปก็เตะมา…ไม่มีใครคิดจะเอามันไปทิ้งให้ถูกที่สักคน คนตัวเล็กถอนหายใจ
หยิบเอากระเป๋าสตางค์แล้วรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่โรงอาหาร
ป่านนี้พวกแคทคงกินข้าวกันเสร็จหมดแล้วแน่ ๆ
เป็นไปตามที่คิด…
พริ้มวิ่งมาหยุดอยู่ที่โต๊ะเดิมของพวกเธอ
น่าจะรีบลงมาจองกันตั้งแต่ออดยังไม่ดัง กระโปรงสั้น ๆ
ของแคทเคลื่อนไหวไปตามจังหวะการเดินทิ้งส้น…ที่มองเมื่อไรก็รู้สึกหวั่นใจทุกที
เธอถือน้ำแดงมาแก้วใหญ่ เพื่อนคนอื่น ๆ ก็มีขวดน้ำวางตั้งไว้กันหมดแล้ว
หัวใจของพริ้มเริ่มสั่น… เขามาไม่ทันจริง ๆ
“วิ่งมาหรอ?”
“…”
“แต่วันนี้ไม่ต้องซื้อน้ำนี่”
วันใหม่พูดทักพริ้มที่กำลังหอบหายใจเหนื่อยจากการวิ่งตรงดิ่งมาโรงอาหาร
สาว ๆ บนโต๊ะหัวเราะเยาะสภาพโง่ ๆ ที่กลัวพวกเธอจนคอเริ่มจะหด
แต่สิ่งที่พริ้มกลัวไม่ใช่เพื่อน ๆ ของแคท… แต่เป็นแคทต่างหากที่พริ้มกลัว… เพราะสาวเจ้าไม่พูดอะไร ทำเพียงแค่ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
แล้วยื่นแก้วนั่นให้พริ้ม…
“เอาไปสิ”
“!?”
“ดูเหนื่อยนะ”
เกิดคำถามขึ้นในหัวใจที่ว่างเปล่า…
มือทั้งสองข้างรับน้ำแก้วนั้นมาด้วยความรู้สึกดีใจที่ปนความแปลกใจไว้ด้วยกันช้า ๆ
ริมฝีปากเล็กผุดยิ้มขอบคุณอย่างใสซื่อที่แคทให้น้ำแก้วนั้นกับเขา เป็นรอยยิ้มเก้ ๆ
กัง ๆ จนคนให้หัวเราะในลำคอเบา ๆ
ความรู้สึกน้อยใจและเสียใจที่มันเคยเกิดขึ้นเพราะพวกเธอหายไปหมด
เพียงเพราะน้ำแก้วเดียว…
ตุ้บ!
ที่หกเลอะเสื้อนักเรียนเป็นทางยาว
“อีพริ้ม!! ถืออะไรของมึง!”
“มันทำเสื้อมึงเลอะด้วยอ่ะเนม”
“จริงอ่ะ!! อีพริ้ม!!”
ทั้งที่เป็นคนลุกแล้วจงใจชนน้ำแดงแก้วนั้นแท้
ๆ แต่คนโวยวายดันไม่ใช่คนที่โดนเต็ม ๆ เนมหัวเสีย ตีเข้าที่ไหล่เล็กของพริ้มแรง ๆ
สองสามทีจนพอใจแล้วเดินถือจานข้าวออกไป คนสุดท้ายเป็นแคทที่เหลือบมองเขาเล็กน้อย
ถ้าพริ้มไม่ได้มองหน้าแคทอยู่…ก็คงไม่มีทางเห็นมุมปากของเธอยิ้มเยาะมาให้แน่
ๆ
คิดอะไรอยู่กันนะ…ถึงได้รับมาง่าย ๆ แบบนั้น
รถกระบะคันโตขับถอยหลังเข้าซองช้า ๆ ตามสัญญาณมือของลุงกุน
ทุกคนในทีมเพิ่งรู้จักชื่อลุงแกเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วตอนแกเดินลงจากรถมา
วันนี้เป็นวันนัดเอาชุดมาให้หลังจากรอราว ๆ อาทิตย์กว่า
แกบอกมันต้องใช้เวลาในการซัก รีบแค่ไหนก็เอาให้ทันทีไม่ได้
ลุงกุนพกลูกน้องมาสองคน
คนหนึ่งนั่งอยู่บนรถ ดับเครื่องยนต์เมื่อล้อเข้าตรงเส้น
ส่วนอีกคนกระโดดขึ้นหลังกระบะ
หอบเอากล่องลังใบใหญ่ลงมาจากรถและซ้อนบนรถเข็นที่ลุงแกถือรอไว้อยู่
ตัวจริงทั้งเจ็ดคนรวมโค้ชอีกหนึ่ง ยืนหน้าสลอนรอต้อนรับเถ้าแก่ที่ไม่ได้หืออืออะไรกับการเข้าแถวเรียงหนึ่งของพวกเขา
หนำซ้ำยังยกของเข้าห้องพักมาสคอต(ลุงกุนแกตั้งเอาเอง)ผ่านหน้าไปทันทีแบบไม่บอกไม่กล่าว
“ขาขาด กล้ามขาด ปากหลุด ตาแหว่ง จุดละห้าร้อย”
“เลอะได้ใช่มั้ยครับ?”
“เลอะได้ บอกกันเองด้วยว่าห้ามสะเหล่ออยากรู้ว่าไส้ในคือใคร
เข้าใจ๊?”
‘ไส้ใน’ หรือก็คือคนใส่ชุดมาสคอตนั่นแหละ
แต่ลุงกุนแกเรียกแบบนั้น
“ไส้ในมาวันนี้ ฝากดูแลด้วยก็แล้วกัน”
“ได้ครับ”
เฮียแกจดยิก ๆ ลงในสมุดฉีก
สักพักก็ถุยอะไรสักอย่างออกจากปากตัวเอง
ซานกับจอมทัพมองตามสิ่งที่หลุดออกจากปากลุง…แต่ไม่เห็นอะไร
โค้ชกวักมือเรียกยี่หวาที่กำลังจะเดินไปกินข้าวกลางวันให้กลับมาก่อน แกไม่อยากอยู่รับมือกับลุงกุนคนเดียว
ผู้ชายอะไรหน้าตาน่ากลัว ไม่มีผมแต่ดันมีหนวด
“ไอ่…โค้ช
โค้ชอ่ะ ใครโค้ช?”
“ผม…ครับ”
โค้ชทัดตอบเสียงแผ่ว เพราะลุงแกเรียกฮาร์ดคอเกินไป
“นี่มันไอ้หนูที่เซ็นสัญญาใช่มะ
เอ็งมาเซ็นนี่ให้ลุง”
“ไปสิไอหวา”
โค้ชผลักยี่หวาออกไปหาลุงกุนหน้าดุ เหมือนไอ้หวาไม่มีผิด
เออ ส่งมันไปดวล เผื่อความดุของมันจะไปหักลบกับลุงแกได้บ้าง
กัปตันทีมเซ็นสัญญาฉบับสุดท้าย ที่ไล่สายตาอ่านคร่าว ๆ ได้ประมาณว่า
‘ไส้ในจะอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ที่เซ็นยินยอมดูแลทุกประการ
และไส้ในมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องความต้องการได้ทุกรูปแบบจนกว่าจะหมดสัญญา
หากมีการฝ่าฝืนหรือทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่พอใจ
จะยอมรับข้อเท็จจริงจากไส้ในแต่เพียงผู้เดียว’
หลัง ๆ นั้นเขาอ่านไม่จบ อ่านถึงแค่คำว่า
ทุกประการ แล้วก็เซ็นลงไปทันที
ไม่มีเวลามาสนใจสัญญาสามสี่ฉบับจากไอ้ร้านมาสคอตบ้าบอคอแตกนี่หรอก ยี่หวายื่นกระดาษเปื่อย
ๆ กลับคืนลุงกุน แกอ่านอยู่แวบหนึ่งแล้วเรียกลูกน้องของตัวเองขึ้นรถออกไป
“จะไปกินข้าว”
มือตบหัวเสาเอ่ยเสียงนิ่ง ๆ
เมื่อโค้ชรั้งแขนของเขาเอาไว้
“เอออออ ดุหรือหิว ขอคุยด้วยแปปเดียว”
“มีอะไร”
“มึงอย่าดุโค้ชดิวะไอ้หวา
นั่นรุ่นพ่อมึงเลยนะ”
“กูยังไม่แก่ขนาดนั้นเว้ยไอ้ซาน!”
ด่าไล่หลังไอ้พวกตัวแสบที่ตัวเองปลุกปั้นมากับมือ
นอกจากฝีมือดีแล้วยังฝีปากดีอีกด้วย ยี่หวาเร่งรัดด้วยคิ้วขมวด
กอดอกวางมาดข่มโค้ชหนุ่มที่ไม่ยอมเข้าเรื่อง เอาแต่ด่าไอ้ซานที่กวนตีนแกไม่ยอมหยุด
พอหันมาเห็นสีหน้าของกัปตันทีมที่ถืออภิสิทธิ์เหนือใครในชมรม
ก็ได้แต่กระแอมเรียกอายุอานามให้มาสถิตร่างตอนคุยกับมัน ตกลงเขาหรือมันเป็นโค้ชวะ?
“รีบ ๆ พูด หิว”
“แกเป็นคนดูแลมาสคอตใช่มั้ยหวา”
“…”
ยี่หวาไม่ตอบคำถามที่รู้กันทั้งชมรมอยู่แล้ว
“โทษ ผิดเอง
คือโค้ชอยากให้แกไปเจรจากับไส้ใน”
“?”
“อันนี้สมมตินะ แกก็รู้สันดานพวกมันใช่มั้ยว่า
ไม่มีทางที่จะไม่สะเหล่อ”
ยี่หวาหันไปมองทางเพื่อนตัวแสบหกตัวที่โบกมือมาให้
ก่อนจะหันกลับมาพยักหน้า
“พวกมันต้องทำทุกทางแน่ และแก…คือคนเดียวที่จะไปขอให้ไส้ในไม่ไปฟ้องลุงกุน”
“ไม่ต้องห่วง…”
ยี่หวาเหยียดยิ้มเย็นยะเยือกที่มุมปาก
“ผมจะทำให้มันไม่กล้าปริปากฟ้องใครแน่นอน”
“เอ่อ…เยี่ยม! เยี่ยมมาก! ไปกินข้าวได้แล้วไป”
โค้ชทัดตบบ่าแปะ ๆ
ดันร่างหนาให้เดินไปทางเพื่อนตัวเองที่พากันนั่งยอง ๆ เล่นแมวสีสวาดประจำชมรม
เป็นแมวที่ให้ยี่หวาอุ้มได้แค่คนเดียว ส่วนคนอื่น ๆ ได้แค่ลูบหัว สงสัยจะชอบคนดุ
นักกีฬาวอลเล่ย์บอลตัวจริงครบทีมของโรงเรียนพากันมาที่โรงอาหาร
เพราะต้องออกไปต้อนรับลุงกุนก็เลยมากินข้าวช้ากว่าปกติ
การปรากฏตัวของพวกเขาเป็นที่ฮือฮาเสมอ ไม่ต่างจากหนุ่มฮอตรุ่นก่อน ๆ อย่างเช่น
แก๊งพี่เก้า แก๊งไอ้พี่เพลิง ต่างก็สร้างความทรงจำที่ใจเต้นให้สาว ๆ กันมาทั้งนั้น
และปีนี้ก็เป็นปีของ แก๊งยี่หวา
ใคร ๆ ก็บอกว่าชื่อ ยี่หวา
นั้นเหมือนผู้หญิง แต่แม่เขาไม่ได้คิดแบบนั้น
แม่ไม่เคยคิดว่าชื่อนั้นต้องของผู้ชายหรือชื่อนั้นต้องเหมาะกับผู้หญิง
มันก็เป็นแค่ชื่อที่ผู้หญิงคนหนึ่งอยากเรียกสายเลือดของตัวเอง… ยี่หวาไม่เคยโดนล้อเรื่องชื่อ อาจจะเพราะหน้าตาดุดันก็ส่วนหนึ่ง
อีกส่วนคือคนที่ได้ยินต่างก็หลงไปกับชื่อหวาน ๆ ที่โคตรไม่เข้ากับตัวสูง ๆ
เลยสักนิดเดียว
“อ้าว
วันนี้เขามีรับสายสะพายรุ่นกันหรอวะ”
“ไอ้เหี้ย
ไปโดนเจ้านายตัวไหนเฉ่งมาเนี่ย”
“อันนี้เกินไปหน่อยปะวะ”
เสียงของ ซาน จอมทัพ และเทค
กำลังวิจาร์ณปะติมากรรมน้ำแดงราดเสื้อเป็นทางยาวตั้งแต่ไหล่ซ้ายข้ามไปยังสีข้างด้านขวา
พวกเขามาไม่ทันเห็นเหตุการณ์ดุเดือดก่อนหน้า เห็นแค่เบ๊ตัวเล็กกำลังเก็บจานเงียบ ๆ
คนเดียวเหมือนอย่างทุกวัน ผู้คนรอบข้างต่างก็จ้องมองเด็กหนุ่มผู้โชคร้ายกันเป็นตาเดียว…และมันก็จบลงที่เป็นเรื่องตลกของชาวบ้าน
…แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือน
คือดวงตาคู่นั้นเปี่ยมล้มไปด้วยน้ำสีใส…หาใช่ความตั้งใจเหมือนอย่างวันก่อน ๆ
ตกเย็นประมาณห้าโมง เด็ก ๆ
จากทุกชมรมจะใช้สนามและพื้นที่ของโรงเรียนจนเต็มไปหมด แต่ก็ยังมีนักเรียนธรรมดาที่ใช้ฟุตบาทเป็นที่เล่นแบดหรือเล่นกิจกรรมยามว่างตามความสนใจ
ลูกบอลหลายสิบลูกตกกระทบลงพื้นสนามเกิดเสียงดังซ้อนทับกันทั่วบริเวณ
โค้ชหนีไปงีบแล้วใช้ยี่หวาคุมเพื่อนในทีมและเด็กในชมรม
ตั้งแต่ที่สอนทำตารางซ้อมหรืออะไรต่อมิอะไรให้แก่กัปตันทีมไปจนหมด โค้ชก็จะชอบหนีไปนอนแบบนี้เสมอ
“งอข้อมือหน่อย”
“ครับ!”
“มองลูกก่อนเวลาตี ไม่ใช่กระโดดไปเรื่อย
เข้าใจหรือเปล่า?”
“เข้าใจค่ะ!”
น้ำเสียงทุ้มต่ำพูดกับตัวสำรองของชมรมด้วยสีหน้าจริงจัง
ในนาทีที่เราลงสนาม…จะไม่มีใครกวนตีนใครเหมือนอย่างที่ซานกับจอมทัพชอบแหย่ยี่หวาเด็ดขาด
ทุกคนจะจริงจังตามตัวจริงของชมรมทำ
เด็กใหม่ที่เพิ่งเข้าชมรมมาจะมีตัวจริงแบ่งกันดูแลเป็นทีม ๆ ไป สอนรวมไม่มีแยก
บางวันกัปตันทีมหญิงขี้เกียจก็จะชอบมาวานให้หวาดูแลบ่อย ๆ
คนในชมรมจะรู้กันว่า ซ้อมคนเดียวยังดีกว่าซ้อมกับยี่หวา
เพราะไอ้ดุนั่นจะไม่ปรานีคุณแม้แต่วินาทีเดียว สั่งวิ่งคือวิ่ง
ถ้าเหนื่อยจนล้มพับมันก็จะเดินไปลากคอคุณขึ้นมาให้วิ่งต่อ แต่ถ้าคุณวิ่งไม่ไหวจริง
ๆ มันก็จะลากคอคุณไปจนกว่าจะครบจำนวนรอบตามที่มันสั่ง
แต่สำหรับเด็กใหม่ที่ไม่เคยเจอ เชื่อเถอะว่าอยากให้ยี่หวาซ้อมให้แน่ ๆ
เพราะการถูกสอนโดย ‘กัปตันยี่หวา’ ถือเป็นความภาคภูมิใจของทีม
“กูแอบติดกล้องไว้ที่หน้าห้องพักมาสคอตดีมะ
ไอ้จอมมึงว่าไง?”
“ถ้าลุงกุนรู้ มึงจ่ายคนเดียวนะเว้ย”
“เอ้าไอ้เวร
ใครกันที่แอบเดินผ่านห้องนั้นบ่อย ๆ วะ”
“ไอ้มุกเลย กูเปล่า เดินไปสองรอบ
สาบานได้”
จอมทัพตบลูกบอลเบา ๆ ส่งกลับไปให้ซานอันเดอร์
หลังจากที่สั่งให้เด็ก ๆ ในสนามซ้อมกับคู่ของตัวเองไปพลาง ๆ
ก็ได้เวลาพวกเขาซ้อมกันเสียที
ยี่หวาเรียกเหล่าตัวจริงทั้งเจ็ดคนมาล้อมวงเพื่อคุยเรื่องสำคัญ
ในตอนนี้ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องมาสคอตตัวปัญหาที่เขาต้องทุ่มสุดตัวเพื่อปกปิด
ส่วนพวกเพื่อนในทีมก็ทุ่มสุดตีนเพื่ออยากรู้
“เรื่องมาสคอต
ขอความร่วมมือไม่ทำให้มันยุ่งยาก”
“เช่น…?”
“อยากรู้ว่าไส้ในคือใคร… กูได้ยินนะไอ้ซาน”
“ก็แค่อยากรู้ปะวะ”
“แล้วไม่ต้องไปเดินเพ่นพ่านห้องนั้นด้วย
โค้ชขอมา”
เขาเห็นไอ้มุกเดินไปที่ห้องนั้นประมาณสามสี่รอบได้
ส่วนไอ้จอมกับไอ้ซานน้อยกว่ารอบเดียว มันรู้แหละว่าเรื่องนี้ต้องเป็นความลับ
แต่ความกวนตีนและความอยากเสือกของพวกมันไม่มีลิมิตจริง ๆ ขนาดไอ้เทคเงียบ ๆ
ยังเคยเกริ่นถามเขาเลยว่าเห็นไส้ในหรือยัง
แต่เชื่อเถอะ…ว่าถ้าพวกมันเกิดเห็นขึ้นมาจริง ๆ ไส้ในคนนั้นไม่มีทางกล้าฟ้องแน่
“ถ้าอยากมีข้าวกินตอนเก็บตัวแบบดี ๆ
ก็ช่วยลดความอยากรู้ให้มันน้อยลงกว่านี้”
“ด่าเสือกเลยง่ายกว่า เจ็บไม่มากด้วย”
จอมทัพพูดพลางหัวเราะ
“เฮ้ย…นั่นมัน… ตัวไรวะ”
“ไอ้เหี้ยหวา หลังมึง…”
เจ้าของชื่อหันหน้าไปตามนิ้วของผ้า
มันทำตาโต อ้าปากพะงาบ ๆ เหมือนเห็นสัตว์ประหลาดเข้าให้ และเมื่อนัยน์ตาสีสวยของยี่หวามีภาพสะท้อนของตัวอะไรบางอย่าง
สภาพมันคุ้นตาเหมือนรูปในอัลบั้มที่ได้ไปเลือกมาใช้เมื่ออาทิตย์ก่อน
ร่างสูงก็ถอนหายใจทันทีที่รู้ว่าความยุ่งยากได้เกิดขึ้นแล้ว…
“เชี่ยยยยยย ปูเหี้ยไร ติ๊งต๊องชิบหาย”
เทคเดินไปจับขาปู
“โคตรกระล๊องก๊องแก๊ง
สไตล์มึงเป็นแบบนี้หรอวะไอ้หวา” เนยเตะเข้าที่ขาอ้วน ๆ ของชุด
“ที่เขาว่า คนเก่งมักรสนิยมแปลก
กูเชื่อก็วันนี้” ผ้าย่อตัวหลบฝ่ามือของหวา แล้วพุ่งไปบีบเล่นที่กล้ามปู
น้องปูส้มเดินเตาะแตะมาตอนไหนไม่มีใครรู้…รู้แต่ว่าตอนนี้ได้กลายเป็นจุดศูนย์รวมของสายตาคนทั้งสนามเรียบร้อยแล้ว
ตั้งแต่สมาชิกชมรมวอลเล่ย์บอล สาว ๆ ที่มาส่องหนุ่มหล่อ ป้าภารโรง
หรือแม้แต่หมาจรจัดในโรงเรียนต่างก็มองมาที่ตัวประหลาดตรงนี้
ชุดปูมันแฟนทาสติกกว่าในรูปเยอะมาก ของจริงตัวกว้างเป็นแผ่นหนา ๆ เหมือนปูแบบเป๊ะ
ๆ ขาก็ป้อม ส่วนมือที่เป็นกล้ามมันไปอยู่กลางลำตัวเหมือนมนุษย์ได้ยังไง
ยิ่งมองยิ่งขำ ไอ้ปูส้มนี่แม่ง…ตัวสร้างสีสันของแท้
“ท้องมันคือด้านหน้าใช่มะ ฮัลโหล ๆ
เห็นปะ”
มุกเดินไปเคาะเบา ๆ
ตรงตำแหน่งปากสามเหลี่ยมใต้เม็ดดำ ๆ ทั้งสองข้างที่คาดว่าน่าจะเป็นลูกตา
แต่ถ้าเป็นตาคนจริง ๆ จะอยู่ที่ตำแหน่งปาก เพราะมันเป็นแผ่นที่มีรูเล็ก ๆ
ทั่วทั้งพื้นที่ เอาไว้หายใจและมองทางเวลาเดิน ด้านหน้าของปูเป็นสีเนื้อ
ส่วนด้านหลังเป็นกระดองปู เอาไว้โชว์สีส้ม ๆ
ปูตัวนี้ถูกต้มแล้วชัวร์
“ตัวเบาจัง เป็นผู้หญิงปะเนี่ย”
อยู่ ๆ ปูตัวนั้นก็ลอยขึ้นจากพื้น
ฝีมือไอ้จอมทัพที่อยากรู้ว่าพอมีคนใส่แล้วจะหนักแค่ไหน พอเห็นว่ารอบ ๆ
เริ่มวุ่นวาย ผู้คนให้ความสนใจเจ้าปูประหลาดตัวนี้มากกว่าการซ้อม
ยี่หวาจึงเป่านกหวีดไล่ทุกคนให้ไปสนใจหน้าที่ตัวเอง ไม่ลืมส่งสายตาดุใส่เพื่อนร่วมทีมที่ไม่ยอมหยุดเล่น
จนต้องเตะก้นไล่มันเป็นของแถม
ยี่หวาค่อย ๆ สาวเท้าเข้าไปหาปูตัวนั้น
พอเขาเริ่มเข้าใกล้...มันก็ถอยหลังหนี
“จะถอยไปไหน”
...
“เล่นวอลเล่ย์เป็นมั้ย?”
(ส่ายตัว)
ยี่หวาพยักหน้ารับแล้วหันกลับมาคุยกับเพื่อนในทีมต่อ
“มีใครอยากสอนมั้ย?”
“กู
ๆ กูสอนเก่ง ไอ้หวามึงมองตากู!”
“กูยังไงก็ได้
แต่ถ้าไม่ใช่กู ก็ไม่ควรเป็นไอ้ซาน”
ซานค้อนใส่เทคที่บังอาจมาดูถูกความเป็นครูในตัวเขา
“มึงอยากทำหรอซาน?”
“อยากมากครับกัปตัน”
“งั้นเป็นมึง”
“เยส!!”
ซานวิ่งไปหาปูส้มที่ยืนนิ่งมองพวกเขาอยู่นานสองนาน
ร่างโปร่งจับเข้าที่ขาอ่อนเปลี้ยแล้วออกแรงดึงในท่าที่ไม่ได้ถนอมมันเลยสักนิดเดียว
ปูตัวนั้นเดินตะแคงข้างตามมาอย่างยากลำบากจนในที่สุดมันก็ล้มตึงลงไปกับพื้น
ท่ามกลางเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นเพราะความเอ็นดูร่างกายต้วมเตี้ยมของมัน
“มึงลากมันมาดี
ๆ ดิวะ”
“จะให้กูจับตรงไหนล่ะ”
กล้ามอวบยื่นออกมาเงียบ
ๆ
“เออเนอะ
โทษที”
ต่างคนต่างพากันซ้อมเหมือนตอนที่มาสคอตยังไม่ออกมา
แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแอบมองพี่ซานกับปูตัวอ้วนซ้อมด้วยกัน
ซานสอนให้ปูจับมือเป็นท่าอันเดอร์บอล
แต่พอก้มดูที่มือของปูก็ได้แต่ขำเพราะมันจับกันไม่ได้
สงสัยจะทำได้แค่อันเดอร์มือเดียวแล้วล่ะมั้ง
“ลองอันเดอร์ดูนะ”
ซานโยนบอลให้เบา
ๆ ไปทางแขนขวา กล้ามอวบของมันเหวี่ยงไปข้างหน้าแต่ดันวืดหวดลมไปซะเต็มแรง
ไอ้หน้ากากเล็ก ๆ คงทำให้มองยากกว่าที่ควรจะเป็น ซานหัวเราะท่าทางตลก ๆ จนท้องแข็ง
กุมท้องแน่น ปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่นสนาม
โคตรตลกเลยให้ตายสิโว๊ยยยย
“โอ๊ย
กูเจ็บท้องชิบหาย ไอ้มุก!
มึงมาช่วยกูสอนมันหน่อยดิ๊”
“ได้เลยเพื่อน”
มุกเดินไปยืนข้าง ๆ กับน้องปูจ๋า
คอยส่งเสียงบอกจังหวะว่าควรจะง้างมือกระทบลูกได้ตอนไหน แต่มันก็วืด วืดและก็วืด
กูละสงสารคนข้างในชิบหาย แม่งต้องยากมากที่จะมองลูกบอลผ่านช่องเท่าฝ่ามือ
พอสอนไม่ได้เรื่องก็แกล้งมันซะเลย
มุกจับขาปูแล้วหมุนตัวมันเล่นไปมาจนปูส้มล้มลงไปอีกครั้ง มาสคอตตัวนั้นนอนแผ่บนพื้นเพราะลุกไม่ได้
ซานเห็นเลยรีบปรี่เข้าไปทิ้งตัวลงนอนขวางและพบว่ามันโคตรนุ่ม
เหมือนนอนอยู่บนเตียงที่บ้าน ถึงขนาดจะเล็กกว่ามากเลยก็ตาม
“ทำอะไรกัน!!”
กัปตันทีมดุเสียงเข้ม
เล่นเอาซานกุลีกุจอลุกจากพื้นแทบไม่ทัน เช่นเดียวกับปูตัวนั้นที่พยายามลุกเท่าไรก็ลุกไม่ได้
ยี่หวาพเยิดหน้าไปทางปูขาเปลี้ย
เป็นคำสั่งไร้เสียงว่าให้ไปช่วยกันประคองปูตัวนั้นขึ้นมา
มือที่ใช้ตบบอลเร็วเผด็จศึกคู่ต่อสู้มานักต่อนัก ในตอนนี้ทำได้แค่ปัดฝุ่นเลอะ ๆ
บนตัวมาสคอตออกจนกว่ายี่หวาจะพอใจ
“บอกให้สอน
ไม่ใช่ให้แกล้ง”
“ก็สอนอยู่…แล้วเมื่อกี้มันล้ม ก็เลย…แกล้ง”
“วิ่งรอบสนามห้ารอบ
ไอ้มุก!
มึงด้วย!”
ร้องโอดครวญต่อความโหดร้ายแม้กระทั่งกับเพื่อนตัวเองก็ไม่เว้น
มุกกัดฟันด่าซานกรอด ๆ ทั้งที่มันไม่ได้เป็นคนนอนทับไอ้ปูส้มสักหน่อย
แต่อย่าลืมว่ามึงเป็นคนหมุนตัวมันจนล้ม
ยี่หวาเดินเข้าไปจับกล้ามของปูแต่เป็นแขนของคน
ออกแรงดึงให้เดินตามไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่พูดอะไร เดินเหยียบเส้นบนสนาม…ผ่านผู้คนในชมรม…และหยุดลงที่มุมหนึ่งของโรงยิม
ร่างสูงลอบถอนหายใจ เป็นครั้งที่สามแล้วสำหรับวันนี้ ในเมื่อให้คนอื่นสอนแล้วไม่ได้เรื่อง
ก็ต้องพึ่งตัวเลือกสุดท้ายนั่นก็คือ เขา
“ผมชื่อ
ยี่หวา เป็นกัปตันทีม ขอโทษด้วยเรื่องเพื่อนของผมที่แกล้งคุณ”
ไม่มีอะไรขยับสักอย่าง
ขนาดขาอ่อนเปลี้ยด้านข้างยังไม่ขยับเลยสักแอะ ยี่หวาไม่รู้ว่าคนข้างในได้ยินมั้ย
เขาเลยย่อตัวเพื่อให้หน้าตัวเองตรงกับตำแหน่งปาก เคาะเบา ๆ สองสามที
และสัมผัสได้ว่าคนข้างในสะดุ้ง
“ผมจะสอนคุณเอง”
“…”
“ได้ยินหรือเปล่า?”
ปูส้มโค้งตัวช้า
ๆ สองทีเป็นสัญญาณว่า ‘ได้ยิน’
“คราวหน้าคุณควรบอกผมก่อนที่จะใส่ชุดนั้น”
ร่างสูงงุนงงเมื่อพูดจบแล้วทั้งตัวของปูก็สั่นไปมา เหมือนคนสะบัดหน้า เขาได้ยินเสียงอู้อี้จากด้านใน…แต่ฟังไม่รู้เรื่อง
ไม่! ไม่เอา!
“ไม่?
หมายถึงจะไม่บอกงั้นหรอ?”
มันโค้งตัวอีกครั้ง
และครั้งนี้คำตอบน่าจะแปลว่า ‘ใช่’
“แล้วแต่…”
ยี่หวาไหวไหล่ เขาไม่ได้สนใจอยากรู้ว่าคนข้างในคือใคร แค่ไม่สร้างความรำคาญให้เขาก็พอ ร่างสูงตะโกนขอบอลจากจอมทัพ จากนั้นก็ค่อย ๆ เดินถอยหลังหาตำแหน่งที่จะฝึกโยนลูกให้กับปูตัวใหม่ในชมรม มือหนาทำสัญญาณเป็นเชิงว่าให้มองไปยังดวงตาทั้งสองข้าง…ที่เห็นแค่ความว่างเปล่า
เพราะสายตาของยี่หวาจะเย็นชาเสมอ…
“ถ้าอยากให้ช่วยอะไรก็บอก”
เมื่อมองใครก็ตามที่ไม่รู้จัก
“มันเป็นหน้าที่ผม”
#พริ้มเพียงหวา
พอจะจินตนาการปูส้มออกมั้ยคะ จะให้ดูเรฟที่ตัวเองวาดก็กลัวจะดูไม่ออก555555
ดังนั้นก็ จินตนาการของใครของมันละกันนะคะ ฮ่า…
เมื่อไรยี่หวากับพริ้มจะได้คุยกันนะ
ความคิดเห็น