ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    #พริ้มเพียงหวา | chanbaek

    ลำดับตอนที่ #1 : พริ้มเพียงหวา : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 14 ส.ค. 61







    บทนำ

     




    เรื่องที่บอกว่า…แกะดำ มักไม่เป็นที่ยอมรับของฝูงแกะขาว มันจะถูกรังแก กลั่นแกล้งสารพัด จนถูกเนรเทศออกจากฝูงไปในที่สุด เรื่องแบบนั้นอาจจะเป็นจริงในนิทาน

     

    แต่ในชีวิตจริง…แกะขาวก็โดนได้เหมือนกัน

     

    ครั้งหนึ่งเราทุกคนมักมีช่วงเวลาที่ยิ้มและหัวเราะได้อย่างสบายใจ แหงนมองท้องฟ้าดูเมฆลอยไปลอยมาได้อย่างไม่ต้องระวังหลัง แต่ช่วงเวลานั้นมักหมดไปอย่างรวดเร็วเมื่อเราก้าวเดินไปตามทางข้างหน้า…ทางที่ไม่รู้ว่ามีอะไรรอเปลี่ยนแปลงเราอยู่

     

    มันช่างน่ากลัว…และน่าหวาดหวั่น

     

    บ้าน คือสิ่งเดียวที่ดีที่สุดในชีวิตของหนุ่มน้อยคนนี้ ที่ที่ไม่มีเพื่อน ๆ แกะขาวคอยรังแก มีแต่แม่ที่อ่อนโยน และพ่อที่ใจดี แม้จะไม่ได้เจอกันบ่อย ๆ แต่บ้านก็เป็นที่ที่เขาอยากอยู่มากที่สุด มุมสุดโปรดคือข้างหน้าต่าง และข้างหน้าต่างคือโต๊ะคอมที่เอาไว้อ่านหนังสือการ์ตูนในวันหยุด เปิดพัดลมเบอร์หนึ่งแบบเบา ๆ ให้ลมโชยในตอนสาย ๆ ของวัน เตียงนอนแสนนุ่มที่เอาไว้หลับเพื่อลืมเหตุการณ์แย่ ๆ

     

    อย่างน้อยเขาก็มีพื้นที่รักษาตัวเอง…

     

    ริมฝีปากบางกระจับส่งยิ้มน้อย ๆ ให้ตัวเองในกระจก เรียกขวัญกำลังใจรอบที่สามสำหรับเช้านี้ ภาพสะท้อนใบหน้าขาวที่ใต้ดวงตามีรอยเข้มเล็กน้อย ผมเผ้าเรียบตรงจากการหวีหลาย ๆ ครั้ง เขารู้สึกไม่มั่นใจกับทรงผมใหม่เท่าไร มันเปิดหน้าเกินไป ทั้ง ๆ ที่แม่ก็บอกว่าน่ารักมาก ๆ หลายครั้งแล้ว …แต่เขาก็ไม่ชินอยู่ดี

     

    “ไปก่อนนะครับ ผมไปกินข้าวที่โรงเรียนนะ”

     

    เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงดังภายในบ้านที่ว่างเปล่า ทำเหมือนมีคนคอยขานรับเฉกเช่นที่ทำทุก ๆ วันนั่นคือคิดไปเองว่ามีคนอยู่ในบ้าน แม่ไปดูงานอะไรสักอย่างที่ต่างจังหวัด ส่วนพ่อทำงานที่ต่างประเทศ นาน ๆ ทีถึงจะกลับมาบ้าน พี่สาวก็อยู่หอเพราะเรียนมหาลัย มันเป็นบ้านที่ใหญ่…แต่ไม่มีใครมาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเขาโอเคดี ไม่ได้น้อยใจที่ไม่มีใครอยู่ในนี้

     

    สองขาเล็กรีบสับก้าวไปให้ถึงรถบัสโรงเรียนที่จะมารับทุก ๆ เจ็ดโมง เสียงโหวกเหวกโวยวายเชียร์เขาให้วิ่งตามรถบัสให้ทัน เพราะ ‘เท็ดดี้’ ชอบสั่งให้ลุงคนขับจอดเลยป้ายให้เขาวิ่งเล่นแบบนี้ทุกเช้า ขาของเขาวิ่งเร็วขึ้นทุกวันจากการฝึก เป็นสิ่งที่ดีสำหรับคนที่ไม่ชอบออกกำลังกายถ้าไม่โดนบังคับ

     

    “แฮ่ก! แฮ่ก ๆ ฮึก!”

     “ช้าชะมัดเลยว่ะไอ้ตุ่นปากเป็ด!!”

     

    ขาใหญ่ทำการรับน้องทันทีที่รถบัสจอดให้ขึ้นได้ เสียงหอบหายใจถี่ไม่เข้าหูเหล่าเพื่อน ๆ ที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว ชักสีหน้าไม่พอใจที่คนขับรถจอดกะทันหันจนพวกเธอเสียศูนย์ เท็ดดี้ร่างใหญ่เหมือนในการ์ตูนยืนค้ำหัวเพื่อนตัวเล็กหวังให้ร้องไห้…แต่ไม่เลย ไม่มีแม้แต่ความเสียใจอะไรใดใด มีแต่ความเหนื่อยจากการวิ่งอย่างสุดใจเพื่อให้มาถึงทันเวลา

     

    “เฮ้ย!! ไม่ได้ยินที่พูดหรอวะ!!”

     “ได้ยินสิ…แฮ่ก”

     “น่ารำคาญเป็นบ้า! ไสหัวไปไกล ๆ เลย!!”

     “โอเค”

     

    เป็นแบบนี้ทุกเช้าเหมือนการแปรงฟันตอนตื่นนอน ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น เว้นเสียแต่ว่าเท็ดดี้จะกดดันลุงคนขับว่าไม่ให้จอดได้สำเร็จ เด็กหนุ่มตัวน้อยเดินหดคอหลบพวกเพื่อนของเท็ดดี้ที่ตัวใหญ่ตัวโตกว่าเขาหลายเท่า ไม่รู้ว่าเป็นผลมาจากการกินนมเยอะ ๆ หรือเปล่า แต่สำหรับเขา…มันไม่ได้ผล

     

    เบาะแถวหลังสุด ด้านในชิดริมหน้าต่างเป็นที่ประจำที่แสนเลวร้ายของเขาเลยก็ว่าได้ มันทั้งแคบ ทั้งอึดอัด และเหม็นกลิ่นอับแบบสุด ๆ แถวหลังสุดไม่ค่อยมีคนมานั่ง เพราะมันเหวี่ยงและเสี่ยงต่อการเวียนหัว ใครว่ามันคือมุมดี…บอกเลยว่าสำหรับรถคนนี้คุณต้องคิดใหม่

     

    รถบัสค่อย ๆ ผ่อนเครื่องจอดที่ป้ายหน้าโรงเรียน อซ. ด้านล่างมีชุดนักเรียนเหมือน ๆ กันเดินเข้าโรงเรียนกันให้ควั่ก เด็กหนุ่มสะพายกระเป๋าเตรียมลงจากรถเป็นคนสุดท้าย เขาไม่กล้าลงก่อน ไม่อยากปะหน้ากับเท็ดดี้ หมอนั่นบ้าพลังและไม่ชอบตุ่นปากเป็ดเช่นเขา…

     

    ว่าแต่ตุ่นปากเป็ดหน้าตาเป็นยังไง?

     แล้ว…เขาเหมือนมันตรงไหน?

     

    “ไอ้ก้างเล็ก! เอามายี่สิบดิ๊”

     

    เท็ดดี้เดินย้อนกลับมายังเขาที่เพิ่งเดินผ่านเครื่องสแกนเข้าไป เขาโดนไถตังค์ด้วยคำว่า ‘เดี๋ยวคืน’ อีกแล้วและไม่มีประโยชน์ที่จะปฏิเสธ แย่จัง…เขาอุตส่าห์จะเก็บเงินซื้อของขวัญสำหรับวันสำคัญที่กำลังจะถึงนี้ แต่ไม่เป็นไร แลกกับการที่เท็ดดี้จะไม่โมโหเขามันก็คุ้ม

     

    “เดี๋ยวคืน”

     

    เด็กร่างใหญ่ขยิบตายียวนใส่เจ้าของกระเป๋าตังแล้วเดินจากไป ทิ้งหนุ่มน้อยตัวเล็กยืนมองแบงค์ยี่สิบปลิวออกจากกระเป๋าตังค์ไปอย่างง่ายดายในรอบที่แปดสิบห้า เท็ดดี้ไถเงินเขาบ่อยขึ้น แล้วเขาก็ปฏิเสธยากขึ้นทุกวัน แต่เขาเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เพราะเท็ดดี้ไม่ชอบเขา

     

    “พริ้ม…”

     “ว่าไงลัคกี้”

     “ฝากเก็บการบ้านเลขไปส่งหลังเข้าแถวให้ทีนะ”

     “ได้สิ”

     

    หัวหน้าห้องชื่อ ‘ลัคกี้’ เป็นหัวหน้าห้องที่ไม่เคยว่างเลยสักครั้งเวลามีงาน เขาแปลกใจเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงตกลงที่จะเป็นมัน ทั้ง ๆ ที่เธอก็ไม่เคยทำงานเองเลยสักอย่าง ไม่สั่งให้เพื่อนในกลุ่มตัวเองทำ ก็เป็นเขาที่ต้องทำ แต่เขาไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับเธอหรอก ไม่มีทางเกิดขึ้นแน่ ๆ

     

     









    วันวาเลนไทน์ของที่นี่คึกครื้นทุกปีเสมอ มีเวทีจัดงานขนาดกลาง ๆ อยู่กลางถนน พิธีกรเป็นสองส้มที่เขาเคยคุยด้วยนิดหน่อยตอนถูกหัวหน้าห้องไหว้วานให้รับหน้าที่งานสภาแทนเธอ เขาจำพวกเธอได้แม่นแม้จะหน้าเหมือนกันอย่างกับส้มจากสวน แต่จริง ๆ แล้วแต่ละคนมีจุดแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดอยู่ ส้มหวานจะหน้าหวาน โครงหน้าจะกลมกว่า เสียงก็จะบางกว่า ส่วนส้มเปรี้ยวจะดีดอยู่ตลอดเวลา ชอบพูดเร็ว ๆ ถามเองตอบเอง หน้าเรียวกว่า แล้วตาก็เฉี่ยวกว่า เอาเป็นว่า…เขาอาจจะเป็นส่วนน้อยที่แยกพวกเธอออกได้

     

    พริ้มเอากระเป๋าสะพายของตัวเองมาไว้ข้างหน้า ใช้สองแขนกอดกระเป๋าลูกนั้นไว้แน่นเพราะมีบางอย่างที่สำคัญมาก ๆ อยู่ด้านใน …เดาได้ไม่ยาก วันช็อคโกแลตของโลกก็ต้องมีช็อคโกแลตอยู่ในนั้นสิถึงจะถูก ใช่แล้ว… เขาใช้เวลาเป็นอาทิตย์กว่ามันจะกินได้ ใครบอกว่าเป็นของทำง่าย เขาไม่เชื่อเด็ดขาดถ้าหากยังไม่ได้ลองทำ สูตรก็ต้องเป๊ะ ห้ามขาด ห้ามแหว่ง คนที่บอกว่ามันคือของง่าย ๆ ก็คือคนที่ยังไม่เคยทำ

     

    “มึงได้ยินสภาคุยกันปะ ที่ว่าชมรมวอลเล่ย์ต้องมีมาสคอต”

     “…”

     “จริง แต่เห็นบอกว่าเป็นงานเปิด ก็เลยอยากทำอะไรที่มีจุดเด่นนิดหน่อย”

     

    เสียงผู้ชายสองคนคุยกันแต่อีกคนหนึ่งได้ยินไม่ค่อยชัด เขาคิดว่าเสียงนั้นมาจากข้างหน้าเพราะมีนักเรียนหญิงยืนกันเพียบเลย ช่วงเย็นของงานถือเป็นช่วงให้ของขวัญกับคนที่แอบชอบ แอบปลื้ม หรืออะไรก็ตามที่อยู่ในสายตาเรา

     

    แล้ว…คนคนนั้นที่เขาชอบก็เป็นอะไรที่อยู่ในสายตาใครหลาย ๆ คน

     

    “กูไม่กล้าให้อ่ะ! ถ้าเผลอสบตาเข้าแล้วกูล้ม มึงต้องวิ่งไปลากกูออกมาด้วยนะ”

     “ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้มั้ง ทีตอนให้พี่เก้ายังวิ่งสี่คูณร้อยไปหาได้เลย”

     “ก็นั่นมันพี่เก้า! กูให้เพราะปลื้ม แต่นี่เพราะชอบ! มึงรู้ใช่มั้ยว่ามันไม่เหมือนกัน!!”

     “รู้ย่ะ จะตะโกนหาอะไร”

     

    เพื่อนสาวปิดหูพลางถู ๆ ที่ถูกไอ้บ้าตื่นตูมตะโกนใส่เสียงดังลั่น

     

    “ไม่ต้องตื่นเต้นมากหรอก พี่เขาจะรับหรือเปล่ายังไม่รู้เลย”

     “พูดอะไรของมึง เขาก็รับทุกคน ไม่เห็นหรือไง”

     “เห็น… แต่รับแล้วจะกินมั้ยก็อีกเรื่อง เขารับของมึงไปให้เพื่อนเขาหรือเปล่าก็อีกเรื่องเหมือนกัน”

     “โห…อีแฟน ทำไมปากร้ายอย่างนี้วะ”

     “ก็แค่ไม่อยากให้เพ้อฝันเกินไป อย่าลืมว่าเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่เก้า นิสัยก็คงไม่ต่างกัน” เพื่อนสนิทกรอกตาพลางมองไปยังกลุ่มผู้ชายตัวสูง ๆ ที่โผล่พ้นกลุ่มนักเรียนหญิงจากระยะไกล ดูก็รู้ว่าฮอตขนาดไหน ไม่งั้นไอ้เพื่อนบ้านี่คงไม่ต้องต่อแถวเลยออกมาจากหน้าอาคารแน่นอน

     

    นึกย้อนไปสมัยที่ตัวเองเข้าร่วมทีมแฟนคลับพี่เก้า ตอนนั้นสนุกมาก มีเจ๊สายรุ้งเป็นแกนนำทัพ คอยบงการเหล่าแอดมินโซเชี่ยลของพี่เก้าด้วยความตั้งใจและอินเกิน ตอนนี้เจ๊แกไปเรียนมหาลัยแล้ว เห็นว่าตามพี่เก้าไป แต่คนละคณะ พอพี่เก้าเรียนจบ หนุ่มฮอตคนใหม่ก็งอกขึ้นมา เอาซะทุกคนอึ้ง เพราะไม่มีใครรู้ว่าพี่เก้ามีลูกพี่ลูกน้องอยู่ในโรงเรียนนี้

     

    มีบางส่วนที่รู้ แต่เป็นส่วนน้อย พี่เก้าไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับใครนอกจากเพื่อนตัวเอง อีกอย่างรุ่นน้องกับรุ่นพี่ก็ยากที่จะเจอกัน พวกเขาสองคนก็ไม่ค่อยคุยกันด้วย …เหมือนความลับที่เรียกได้ไม่เต็มปาก คงเป็นวันจบล่ะมั้งที่เป็นครั้งแรกที่สองคนนั้นคุยกัน ยืนถ่ายรูปด้วยกัน

     

    และวันนั้นก็เป็นวันที่เราทุกคนมองเห็นนามสกุลยาวเหยียดที่เหมือนกันทุกตัวอักษร

     

    จากตอนแรกที่ฮอตอยู่แล้วเพราะเป็นกัปตันทีมวอลเล่ย์บอลชายของโรงเรียน ทีมชายที่นี่โด่งดังเรื่องฝีมือ และเคยได้รับเหรียญทองจากการแข่งระดับจังหวัดมาสองปีซ้อน เห็นว่าปีนี้ก็จะคว้ามาให้ได้ก่อนที่ตัวเองจะจบไป แล้วก็ยังมีงานโรงเรียนใหญ่ที่จะเปิดให้คนนอกเข้ามาได้ เป็นงานที่ปีนี้เราได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพการแข่งขัน การใช้สถานที่แข่งกีฬารอบชิง ถ้าทำได้ดีอย่างที่หวังไว้ ก็ถือว่าเป็นการเรียนจบที่สมบูรณ์แบบ

     

    “เกะกะ มายืนทำอะไรตรงนี้!”

     “เอ่อ…”

     “อย่าบอกนะ…”

     

    พริ้มถอยหลังไปสองสามก้าวแล้วหมุนตัวเดินหนี ผู้หญิงคนนั้นอยู่ห้องเดียวกับเขา อย่างที่เห็นว่าเขาไม่ใช่ที่รักของคนในห้องเท่าไร ท่าท่างเงอะงะคงไปขัดใจใครหลายคน แต่ให้เขาทำยังไงล่ะ…ถ้ามองด้วยสายตาที่เหมือนเจอแมลงแบบนั้น ใครเขาจะมีเสียงเปล่งออกมากันบ้างล่ะ…

     

    เด็กหนุ่มเดินหนีมาไกลจากที่เดิม ชะเง้อคอมองด้านในว่าผ่านไปแล้วกี่คน มันจะถึงตาเขาตอนไหน เขาอยากเป็นหนึ่งคนที่ยื่นให้กับมือ ไม่อยากเอาไปวางกอง ๆ แอบซ่อนไว้ไม่ให้โดนโยนทิ้งเหมือนปีก่อน ๆ อีกแล้ว ดวงตาเล็กเบิกกว้าง มองกลุ่มชายหญิงที่รุมล้อมอะไรสักอย่างอยู่พักหนึ่ง

     

    จนในที่สุด…โอกาสก็มาถึงเขา

     

    “ได้เยอะชะมัด เกินหน้าเกินตาไปหน่อยมั้งกัปตัน”

     “กูขอสักสิบกล่องได้ปะวะ จะเอาไปโม้กับแม่”

     “แห้งแล้งถึงขนาดต้องโกหกเลยหรอวะ”


     เสียงหัวเราะดังรัวจนไม่ทันสังเกตว่ามีใครคนหนึ่งที่รวบรวมความกล้าแล้วเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงนี้

     

    “หือ? ใครวะ”

     “ผู้ชายว่ะ หน้าคุ้นชิบหาย… อ๋อ! ใช่ไอ้ตุ่นที่ไอ้เหี้ยเท็ดพูดถึงปะ”

     

    คนตัวเล็กหดคอพลางก้าวหนีเพื่อนตัวสูงสองคนที่เขารู้จักเป็นอย่างดี คนหนึ่งชื่อ ‘จอมทัพ’ กับอีกคนชื่อ ‘ซาน’ เป็นเพื่อนสนิทกับกัปตันทีมวอลเล่ย์ ที่ทั้งสองคนก็อยู่ในทีมเช่นเดียวกัน

     

    “เอ่อ… ถ้าหมายถึงตุ่นปากเป็ด ก็…ใช่”

     “นั่นไง ว่าแล้วเชียว แล้วนี่…”

     “อย่าบอกนะว่ามึงเอาช็อคโกแลตมาให้ไอ้กัปมันอ่ะ”

     

    ซานพูดเสียงดังแล้วกลั้วหัวเราะราวกับเป็นเรื่องที่ตลกยิ่งกว่าเจ๊น้ำขายเสื้อไลฟ์สด …ทำเอาพริ้มไปไม่เป็น เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าที่ตัวเองทำ…มันเป็นเรื่องที่ควรทำมั้ย เขาเห็นผู้ชายคนอื่นยังเอาให้ได้ หรือเพราะมันเป็นเขา…ก็เลยไม่ควร ยิ่งคิด…ใบหน้าก็ยิ่งต่ำลง ต่ำลงจนสิ่งที่อยู่ในสายตาไม่ใช่ใบหน้าของ ‘ยี่หวา’

     

    แต่เป็นรองเท้าผ้าใบของซานและจอมทัพ

     

    “เฮ้ยยี่หวา! ไอ้ตุ่นนี่มันเบ๊ไอ้เท็ดนะเว๊ย มึงจะรับเองหรือจะให้กูรับ”

     “ถ้ากูเป็นไอ้หวา กูจะไม่รับว่ะ ฮ่าๆๆๆๆ”

     

    ช็อคโกแลตรูปวงกลมที่ถูกห่อด้วยกระดาษสีส้ม แต่งลายเป็นลูกวอลเล่ย์บอลที่ไม่ค่อยเหมือนเท่าไร แต่ก็พอมองออก โบว์จากริบบิ้นห้อยโตงเตงทำท่าจะหลุดอยู่รอมร่อสั่นไหวไปมาด้วยความไม่มั่นใจ ยี่หวายืนอยู่หลังเพื่อนทั้งสอง ด้วยสายตาแบบไหนเขาก็ไม่อาจรู้ได้

     

    รู้แค่ว่า…เขาไม่อยากให้แล้ว

     

    “ไอ้เหี้ย เป็นลายลูกวอลเล่ย์ด้วยว่ะ ยี๋…หยะแหยง ฮ่าๆๆ”

    “เอ้าไอ้หวา รับบอลหน่อยยยย”

     

    จอมทัพกับซานแยกตัวออกจากกัน เผยให้เห็นใบหน้าเรียบเฉยที่ติดดุอยู่ตลอดเวลา ดวงตาเล็กสบได้เพียงวินาทีเดียว จากนั้นก็กดลงต่ำไปที่พื้นดังเดิม มือทั้งสองข้างถูกแช่แข็งในท่ายื่นให้ แต่น้ำแข็งที่เคลือบเขาไว้กลับสั่งให้มือสั่นได้และสั่นแรงขึ้นเมื่อร่างสูงเดินเข้ามาใกล้

     

    เส้นผมสีม่วงสวยพลิ้วไหวเบา ๆ ก่อนจะหายออกจากสายตาของเขาไปทุกสิ่ง

     

    ไม่มีใครยืนอยู่ตรงนี้แล้ว…และไม่มีแม้แต่คำพูดสักคำ พริ้มสูดหายใจเข้าลึก ๆ ที่ตัวเองหลุดพ้นจากสถานการณ์น่าอึดอัดและน่าอายออกมาได้ เขาคิดไว้แล้วว่ายี่หวาคงไม่รับ แต่ก็อยากลองให้กับมือตัวเองดูสักครั้ง เพราะข่าวลือที่ว่าเขาเป็นสตอล์คเกอร์คอยตามร่างสูงคงทำให้เจ้าตัวไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย

     

    พริ้มกระชับสายกระเป๋าก่อนจะหยุดยืนที่หน้าถังขยะ ล้วงเอาช็อคโกแลตน่าขยะแขยงที่ซานตั้งให้ขึ้นมาถือไว้ระดับสายตา จ้องรายละเอียดของกระดาษสีน้ำเงินที่แปะบนกระดาษสีส้มให้เป็นลายลูกวอลเล่ย์เงียบ ๆ สักพักใหญ่ ๆ ก่อนจะตัดสินใจ…

     

    ตุ้บ!

     

    โยนมันทิ้งลงในถังขยะ…

     

     

    #พริ้มเพียงหวา

    9/8/18









    สวัสดีค่ะ เบียเอง........

    5555555555555555555555555

    เรื่องนี้เกิดในโรงเรียน อซ เดียวกับพวกหนูเจ้ยนะคะ ถ้าได้อ่านในสเปเจ้ยอาจจะผ่าน ๆ ตามาว่าในวันวาเลนไทน์มีลูกพี่ลูกน้องของเก้าขึ้นไปเล่นเป็นมือเบสร่วมกับเก้ามือกีตาร์และเพลิงมือกลอง แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากผ่านไป 1 ปี ก็คือพวกเก้าจบไปแล้ว ยี่หวาที่ตอนนั้นอยู่มอห้าก็ขึ้นมอหกค่ะ (มียัยสองส้มด้วย พิธีกรวันวาเลนไทน์ตลอดกาล)

    โลเคชั่นและกฏเกณฑ์โรงเรียนจะอิง ๆ ของเกาหลีนิดนึงนะคะ ไม่ใช่เครื่องแบบรัฐร้อยเปอร์ อยากให้เด็ก ๆ ใส่ขายาวมากกว่าขาสั้น55555555 พวกเรื่องสีผมก็ยังเป็น parallel เหมือนเดิม เพราะเรื่องนี้ยี่หวาเป็นชานยอลในหัวม่วง คูลและดุ 

    ส่วนใครที่เข้ามาอ่านเพราะหวังว่าจะได้เจอพี่เก้ากับพี่เจ้ย ก็ขอแอบบอกเบา ๆ ว่าได้เจอแน่ ๆ เรื่องนี้ก็จะแต่งเป็นสองช่วงคือ มัธยมกับมหาลัย ไม่เกิน 20 ตอนหรือเกินแต่ก็ไม่มากไปกว่านี้แน่นอน พวกกิจกรรมและการเรียนไม่อิงของจริงนะคะ อิงจากเราเป็นหลัก อยากแต่งไรแต่ง ดังนั้นไม่อยากให้ซีเรียสมากนะคะ

    ทอร์คยาวนิดนึงเพราะเป็นตอนแรกเนอะ เรากลับมาแต่งเด็กดีแล้ว ดังนั้นขอความร่วมมือ ถ้าอยากสนับสนุนเรื่องนี้ให้ไปต่อจนจบ รบกวนคอมเม้นท์หรือติดแท็ก แทนการกดใจทุกครั้งหลังอ่านเสร็จแทนนะคะ สลับกันก็ได้ คือไม่อยากให้กดใจจนเป็นนิสัย เพราะสิ่งที่ต้องการที่สุดคือข้อความเกี่ยวกับเรื่อง เราอยากรู้ว่าทุกคนอ่านแล้วรู้สึกอะไรบ้างเหมือนกับที่เราแต่งเพราะอยากให้ทุกคนรู้สึกสนุกไปด้วยกัน ดังนั้นการคอมเม้นท์และหรือติดแท็กดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหน ๆ ก็ตาม

    ขอบคุณมากนะคะที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้ เกาะไหล่กันรอที่เรื่องนี้เลยค่ะ รัก ๆ แฟนฟิคทุกคนจากใจ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×