ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : หึงโหด "เทรนด์มรณะ" รักต้องฆ่าฟีเวอร์ !?
- รายละเอียด : เป็นทั้งเรื่อง “น่าสลดใจ” และ “น่าตกใจ” กับกรณีที่หนุ่มใหญ่วัย 45 ปีรายหนึ่งซึ่งมีอาชีพขับแท็กซี่ ก่อเหตุสยอง “ฆ่า 4 ศพ... แล้วผูกคอตาย !!” อันเนื่องมาจากกรณี “ชู้สาว” ซึ่งเหยื่อเป็นหญิงที่ผู้ก่อเหตุติดพันอยู่จำนวน 2 คน ลูกสาวลูกติดของ 1 ใน 2 นี้ถูกฆ่าด้วย และยิ่งไปกว่านั้นลูกชายของผู้ก่อเหตุเองก็ยังถูกผู้เป็นพ่อฆ่า
“หึงโหด-พิศวาสฆาตกรรม” เมืองไทยนับวันจะยิ่งลาม
นับวันยิ่งรุนแรงมากขึ้น...เกิดถี่ขึ้นเรื่อย ๆ จนน่ากลัว !!
ปรากฏการณ์สยองทำนองนี้ “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” เคยสะท้อน ไว้ตั้งแต่เมื่อ 2-3 ปีก่อนแล้ว ซึ่งหลังจากนั้นก็เกิดขึ้นมาตลอด หนุ่มฆ่าสาว, สาวฆ่าหนุ่ม, หนุ่มฆ่าสาวและแฟนของสาวที่ตนเองชอบ, สาวฆ่าหนุ่มและแฟนของหนุ่มที่ตนเองหลงรัก, ผัวฆ่าเมีย, เมียฆ่าผัว, ผัวฆ่าเมียและชายอื่นที่เมียตนเองไปพัวพัน, เมียฆ่าผัวและหญิงอื่นที่ผัวตนเองไปพัวพัน ฯลฯ คดีทำนองนี้ในระยะหลัง ๆ ปรากฏเป็นข่าวแทบจะรายวัน
คดีที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1 ศพ และบางกรณีมีเด็กที่ไม่รู้อีโหน่ อีเหน่ตกเป็นเหยื่อด้วย ก็มิใช่เพิ่งจะมาเกิดกับรายแท็กซี่ที่เป็นข่าวสยอง ล่าสุด ก่อนหน้านี้ก็มี อย่างเมื่อเดือน ก.ค. ปี 2548 ก็หลายคดีซ้อน ๆ ทั้งที่เป็นข่าวเล็ก-ข่าวใหญ่ ยกตัวอย่างเช่น...“หึงโหดระแวงรัก เมียจ่อยิง ตาย ยกครัว 3 ศพ” เหตุเกิดในกรุงเทพฯ แถวสาธุประดิษฐ์ เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2548 ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่า...เมียขี้หึงใช้อาวุธปืนยิงผัวที่จับได้ว่าแอบไปติดพันสาวอื่น เท่านั้นยังไม่พอ...ยังยิงลูกชายวัย 10 ขวบดับไปด้วย จากนั้นก็ยิงตัวตายตามเป็นศพที่ 3
หรืออีกคดีที่เกิดเมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2548 ที่สระบุรี “ยิงแฟน-จ่อขมับตาม รักเป็นพิษ หนุ่มซัลโวสยอง 2 ศพ” โดยรายนี้เหตุเกิดเพราะสาวเจ้าตีจากหนุ่มไปมีแฟนใหม่ ฝ่ายหนุ่มที่รักจริงหวังจะแต่งอยู่รอมร่อพยายามงอนง้ออย่างไรก็ไม่ได้รับความสนใจ แถมยังได้ฟังคำแสลงใจว่าแฟนใหม่สาวเจ้าดีกว่าตน ความเสียใจบวกความโมโหจึง “สติแตก-ขาดความ ยั้งคิด” ใช้ปืนยิงสาวดับ แล้วจ่อขมับสับไกระเบิดกระสุนใส่หัวตัวเองตายตาม
“รักเป็นพิษ-รักอำมหิต” นำไปสู่การ “ฆ่าคนที่ตนรัก”
ลามถึงคนอื่น-ลามถึง “ฆ่าเด็ก-ฆ่าลูก” เกิดไม่หยุด !!
ทั้งนี้ กับปรากฏการณ์นี้ พรชัย ตระกูลวรานนท์ อาจารย์ภาควิชา สังคมวิทยาและมนุษยวิทยา เคยให้คำอธิบายไว้ว่า...สัดส่วนของปัญหาหึงหวง จนฆ่ากันตายนั้น “ต้นเหตุเป็นเรื่องทางด้านจิตวิทยาประมาณ 70% อีก 30% เป็นเรื่องทางสังคมและเศรษฐกิจ” ซึ่งทั้ง 2 ส่วนจะมีความสัมพันธ์กันอยู่
ปัญหาทางด้านจิตวิทยา ก็เกิดจากปัญหาบุคลิกภาพของผู้ก่อเหตุ ที่อาจจะเป็นเรื่องการถูกเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ๆ หรืออื่น ๆ ส่วนด้านสังคม-เศรษฐกิจ ก็อาจเป็นเรื่องของงาน เรื่องที่ทำงาน การเงิน ที่เข้ามาร่วมกดดัน เป็นต้น
ขยายความกันอีกครั้ง ในช่วงที่ปัญหานี้ชักจะลุกลามมากขึ้นเรื่อย ๆ อ.พรชัยแจงไว้ว่า...สาเหตุหรือต้นเหตุที่แฝงอยู่ลึก ๆ ทางด้าน “จิตวิทยา” นั้น จะ “ดูออกได้ยาก” อาจจะเพราะเก็บอาการกันได้ ตรงนี้ “อันตราย”
ขณะที่ด้าน “สังคม-เศรษฐกิจ” ที่อาจเข้ามามีส่วนทำให้เกิดการฆ่าคนที่รักได้ด้วยนั้น แม้จะมีสัดส่วนน้อย แต่จะมองว่ามีสัดส่วนน้อยแล้วไม่ให้ความสำคัญ ก็คงจะไม่ได้...
เพราะด้านนี้อาจจะ “เป็นตัวกระตุ้นด้านจิตวิทยา” อีกที
“เป็นตัวจุดระเบิด” ให้เกิดโศกนาฏกรรมรัก-หึงสยอง !!
นักวิชาการด้านสังคมวิทยาและมนุษยวิทยา ชี้ไว้อีกว่า...ผู้ชายหรือผู้หญิงที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างขาดความอบอุ่น อยู่ตัวคนเดียวมาตลอด พอแต่งงานมีครอบครัว พอมีแฟน ก็จะทุ่มเทความรักให้กับแฟน ให้กับครอบครัวทุกอย่าง เมื่อเกิดปัญหาอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องเงิน ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง บวกกับเกิดความ “ระแวง-หึงหวง” ภาพทุกอย่างที่เก็บไว้ในอดีตก็จะระเบิดขึ้น “เหมือนโลกแตก”
ทำให้มืดบอดจนหาทางออกอื่นไม่ได้-ทำให้เกิดการฆ่ากัน !!
“จะเรียนสูงหรือเรียนไม่สูง...ก็ไม่เกี่ยว มีโอกาสเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ได้ทั้งนั้น !!”...อ.พรชัยกล่าวไว้ และยังทิ้งท้ายด้วยว่า...แต่กลุ่มที่มีแนวโน้มสูงที่จะแสดงอาการอย่างนี้ออกมาก็คือคนที่มีปัญหาเรื่องงาน-เรื่องเงิน
กับเรื่องเดียวกันนี้...ผู้เชี่ยวชาญกรมสุขภาพจิต ก็เคยฉายภาพผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ไว้เช่นกันว่า...ปัญหาเรื่องราวของคู่รัก คู่สามี ภรรยา ที่ “หึงหวงจนฆ่ากันตาย-ฆ่ากันตายเรื่องชู้สาว” นั้น เป็นเรื่องของ “อีคิว” หรือ “ความฉลาดทางอารมณ์” ซึ่งในช่วงที่มีปัญหาหากใครมีอีคิวมากพอก็ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้ามีน้อยก็น่าห่วง ก็อาจจะเกิดปัญหา อาจควบ คุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ อาจจะทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด จนตนเองต้องกลายเป็น “ฆาตกร”
และเมื่อลงมือทำไปแล้ว...ก็อาจ “ฆ่าตัวตาย” ตาม
“ต้องรู้จักฝึกเก็บกันความรู้สึก ต้องเอาชนะใจตัวเราเองให้ได้ ต้องชนะใจผู้ที่ทำร้ายจิตใจเรา ต้องรู้จักการให้อภัย จะเป็นสุดยอดของความสุข”...เป็นคำแนะนำเพื่อป้องกันเหตุ “หึงโหด-พิศวาสฆาตกรรม”
สะท้อนเรื่องนี้ขึ้นมาอีก...มิใช่เพื่อซ้ำเติมรายที่เกิดขึ้นแล้ว
แต่เพราะ “รักสยองต้องฆ่า” กลายเป็น “แฟชั่นมรณะ”
ใครตั้งสติไม่มั่น...อาจตามแห่แฟชั่นสยองนี้ก็ได้ ?!?!?.
http://www.pantown.com/market.php?id=8828&name=market4&area=&topic=5&action=view
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น