คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [2] I'M NOT GOOD JONGIN
แสงไฟจากตึกสูงระฟ้า ป้ายโฆษณา และจอแอลซีดีขนาดใหญ่ที่กำลังฉายทีเซอร์หนังสยองขวัญเกี่ยวกับเหตุการณ์ฆาตกรรมหมู่ลึกลับในเกาะร้าง คยองซูจ้องมองภาพที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆขณะที่รถจอดรอสัญญาณไฟ ถึงแม้ว่าภาพที่ฉายปรากฏบนจอแอลซีดีนั้นจะดูน่าอะอิดสะเอียนจนแทบอยากจะอาเจียนออกมา แต่เขาก็ยังคงทำฟอร์มทำเป็นมองต่อไป เพราะคยองซูนั้นมีตัวเลือกไม่มากนักขณะอยู่บนรถคันนี้
ทางแรกคือแกล้งทำเป็นหลับแต่คงไม่เนียนเท่าไหร่เพราะท้องมันร้องโครกครากอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจึงเหลือเพียงทางเลือกที่สอง คือแสร้งทำเป็นเหม่อมองสองข้างทาง ภาพม่านฝนบางเบาที่ถูกพ่นมาจากท้องฟ้ากรุงโซลราวกับฉีดละอองสเปรย์ หรือผู้คนกับร่มหลากสีกำลังเคลื่อนที่ไปมาเหมือนเยลลี่เละๆเดินได้ ถึงแม้จะน่าเบื่อไปหน่อย แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าต้องทนมองสายตาที่แสนน่ารังเกียจของคนที่นั่งอยู่ข้างหน้า
ส่วนจงอินเองก็รู้สึกอึดอัดเช่นกัน คยองซูไม่ยอมพูดกับเขาตลอดทาง ดวงตากลมโตที่เคยจ้องมองเขาเป็นประกายราวกับไข่มุกนั้นตอนนี้ดูเซื่องซึมและหม่นหมอง ทุกครั้งที่เห็นสายตาของคยองซูสะท้อนอยู่บนกระจก เขารู้สึกเหมือนสายตานั้นกำลังตัดพ้อว่าทุกสิ่งที่เขาทำนั้น…มันผิด
การทำลายความบริสุทธิ์ของแบคฮยอนนั้นเป็นตัวอย่างหนึ่งที่จงอินแสดงออกว่า เขารักคยองซูแค่ไหน ใครก็ตามที่เข้ามายุ่งกับคนของเขา จงอินไม่มีทางปล่อยให้มันยิ้มร่าแล้วชิงของรักของเขาไปต่อหน้าต่อตาอย่างเด็ดขาด ถึงแม้จงอินจะรู้ดีว่าสิ่งที่เขาให้ชานยอลทำกับแบคฮยอนมันไม่ถูกต้อง แต่คนที่ควรสำนึกตัวว่าผิดยิ่งกว่าใครคือคยองซูของเขา คยองซูผิดเองที่ทำให้เขารู้จักคำว่ารัก …สิ่งล้ำค่าแสนพิเศษขนาดนั้นน่ะ จงอินไม่มีทางปล่อยมันไปเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือหัวใจ
...คยองซูต้องเป็นของเขาเท่านั้น
โครกกก ครากกก
เสียงท้องร้องที่ดังมาจากเบาะหลัง ทำให้จงอินอมยิ้มแล้วพึมพำกับตัวเองว่า ‘น่ารัก’
“คยองซูคงหิวแย่เลย” ถึงแม้จงอินจะโกรธเรื่องที่คนตัวเล็กเคยทำอะไรทำบางอย่างลับหลังเขา แต่นั่นก็ไม่อาจทำให้เขารักคยองซูน้อยลง คยองซูเหมือนสมบัติล้ำค่าของเขา เขาจะเก็บคยองซูไว้อยู่กับเขาตลอดไป ไม่ว่าคยองซูจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม
สายตาของจงอินกวาดมองร้านอาหารริมข้างทาง เป็นเพราะสายฝนที่โปรยลงมาตั้งแต่ช่วงหัวค่ำจนตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยจนถึงตีสองแล้วก็ยังไม่ยอมหยุดตกและมีท่าทีว่าจะตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ร้านรวงสองข้างทางปิดลงทั้งหมด แม้แต่ภัตตาคารหรูๆก็ไม่มีทางเปิดให้บริการในเวลาแบบนี้แน่
ขณะนั้นเองสายตาของจงอินก็เหลือบไปเห็นร้านขายบะหมี่เก่าๆที่อยู่ตรงมุมถนน สำหรับบางคนถ้าสังเกตไม่ดีหรือไม่เคยมาแวะเข้ามาร้านนี้ ก็อาจจะทึกทักไปเองว่าร้านนี้คือร้านขายของเก่าหรือโรงเตี๊ยมแถวๆย่านสลัม แต่สำหรับคิมจงอิน เพราะเขาเคยมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะตัดสินใจเลือกเข้าร้านนี้ถึงแม้จะไม่ตรงกับรสนิยมของเขาก็ตาม มือหนาบังคับพวงมาลัยโค้งรถไปจอดริมฟุตบาทตรงหน้าร้าน
…ร้านบะหมี่เน่าๆกับซุปเปอร์คาร์ ช่างเหมาะสมกันเหลือเกิน จงอินคิดอย่างติดตลกพลางส่ายหัวเบาๆ
บรรยากาศภายในร้านคุกรุ่นและอบอวนไปด้วยไอความร้อนที่ลอยมาจากปากหม้อแสตนเลตขนาดใหญ่ นิ้วเรียวของคยองซูลากไปมาบนกระจกฝ้าที่มีไอน้ำเกาะกุมเป็นรูปดวงอาทิตย์กับก้อนเมฆฆ่าเวลา แม้จะรู้สึกอึดอัดไม่น้อยที่จงอินเอาแต่จ้องมองการกระทำของเขาตรงไม่วางตา แต่เขาก็คิดว่ามันคงจะดีกว่านั่งมองปลายเท้าตัวเองเงียบๆ แบบนั้นล่ะหัวของเขาคงระเบิดคาเก้าอี้ผุๆนี้แน่
จนกระทั่งความหอมจากน้ำซุปลอยมาแตะจมูกทั้งสองคน จงอินจึงยอมละความสนใจจากคยองซู
เขาต้องขอบคุณฮีโร่อย่างบะหมี่ใช่ไหม?
คยองซูส่ายหัวกับความคิดไร้สาระ ก่อนจะยกน้ำชาขึ้นมาจิบ
“บะหมี่เนื้อร้อนๆสองชามได้แล้ว” ลุงเจ้าของร้านร่างท้วมพูดอย่างอารมณ์ดีแล้ววางบะหมี่ชามโตลงกับโต๊ะริมหน้าต่างที่คยองซูและจงอินนั่ง ก่อนที่จะลากเก้าอี้มานั่งข้างๆหวังจะชวนจับเข่าสนทนายามดึกด้วย
“มากินกันซะดึกเชียวนะพ่อหนุ่ม ไปทำอะไรที่ไหนมาล่ะ?”
…เสือก จงอินลอบด่าในใจแต่ริมฝีปากหนานั้นกลับระบายยิ้มอ่อนโยนให้
“ไปดูหนังมาน่ะครับ”
“อ๋อ ท่าทางจะสนุก ดูเรื่องอะไรน่ะ” คยองซูส่ายหัวเบาๆก่อนที่จะก้มทานบะหมี่ในชามต่อ ส่วนจงอินก็ทานบะหมี่อย่างเงียบๆเช่นกัน ขณะเดียวกันคุณลุงก็เริ่มสังเกตว่ามีถึงความผิดปกติระหว่างเด็กหนุ่มทั้งสองคน คนหนึ่งยิ้มแย้มแต่ก็แอบแฝงบางอย่างที่เยือกเย็น ขณะที่เด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งกลับเซื่องซึมราวกับคนสิ้นหวัง ตาหยีของลุงร่างท้วมบังเอิญสังเกตเห็นรอยช้ำบนข้อมือของคยองซู เขาขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิดก่อนค่อยๆยกมืออวบโบกเป็นเชิงว่า ‘โอเค ฉันไม่อยากรู้แล้วจ้าๆ’
“เอ่อ ลุงอยู่หลังร้านนะมีอะไรก็ตะโกนเรียกได้”
…เด็กผู้ชายสมัยนี้เล่นกันแรงจริงๆ…
ร่างท้วมๆคิดในใจก่อนจะค่อยๆลากเก้าอี้เก็บเอาไว้ที่เดิมแล้วเดินแหวกมู่ลี่ลายดาราเอวีชาวญี่ปุ่นหายไปพร้อมกับเสียงหัวเราะกังวาน ทิ้งให้จงอินมองตามด้วยสายตาฉงน
“คยองซูกินเยอะๆนะ” จงอินหันมาคีบเนื้อหมูชิ้นใหญ่ในชามของตนให้กับร่างเล็กตรงหน้า
“…….” คยองซูก้มมองชิ้นเนื้อที่อยู่บนชามของตนเองนิ่ง เขาค่อยๆลดตะเกียบลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับคนร่างสูง
“เมื่อไหร่นายจะปล่อยฉันไป …หมดสัญญาแล้วไม่ใช่หรอ” คำพูดของคยองซูทำให้จงอินผงะเล็กน้อย แต่สักพักริมฝีปากหนาก็ส่งรอยยิ้มละมุนให้
“ยังจำได้ไหมคยองซู ตอนที่เราเจอกันครั้งแรกน่ะ นายเคยพาฉันมากินบะหมี่ที่ร้านโสโครกนี้ ตอนนั้นเป็นเพราะฉันอยากเข้าไปอยู่ในโลกของนายจึงยอมฝืนกินบะหมี่ถูกๆพวกนี้ แต่พอวันหนึ่งที่ฉันต้องการให้นายเรียนรู้จักโลกของฉันบ้าง นายก็เอาแต่คิดจะหนีฉันไป”
“……” มือเล็กกำตะเกียบในมือแน่น
“ดังนั้นกินเยอะๆล่ะ”
จงอินเอื้อมมือไปลูบไล้แก้มขาวเนียนของร่างเล็ก แล้วระบายยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน
…รอยยิ้มที่คยองซูคิดว่ามันน่ารังเกียจที่สุด…
“…คืนนี้ที่รักจะได้ไม่สลบไปแบบคราวก่อนไง”
ความคิดเห็น