ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ░ 4,000,000 WON ░ 「CHANBAEK&kaido」

    ลำดับตอนที่ #1 : [1] I'M NOT BAD CHANYEOL

    • อัปเดตล่าสุด 28 มี.ค. 56


    CRY .q

     

     




































       実行しないでください。


















     

    ยังไงนายก็หนีฉันไม่พ้นหรอก










     

    “…ฮึ” เสียงครางแผ่วเบาเล็กลอดออกจากลำคอของร่างบางตรงหน้าทำให้ชานยอลลอบยิ้มในใจ  ริมฝีปากหนาของเขาค่อยๆเลื่อนออกอย่างเชื่องช้า ก่อนจะก้มลงประทับรอยคิสมาร์กบนลำคอขาวเนียนของคนร่างเล็กซ้ำไปซ้ำมา

     




     

    แบคฮยอนที่ถูกมอมเมาด้วยฤทธิ์ยายกมือเรียวสวยขึ้นมาปิดปากของตนเองเพื่อข่มอารมณ์ที่กำลังจะปะทุขึ้นอีกครั้ง มืออีกข้างวางทาบบนแผงอกกว้างที่โผล่ออกมาจากเสื้อกล้ามสีดำสนิท ตอนนี้ยอมรับจริงๆว่าสติของเขาถูกย้อมไปด้วยสีขาวโพลน หากไม่หาที่ยึดดีๆเอาไว้ อีกไม่นานคงมีหวังล่วงลงไปกองบนซีเมนต์เย็นๆนี้แน่ ดังนั้นแบคฮยอนจึงตัดสินใจละมือที่ปิดปากตัวเองไว้มาคล้องลำคอของคนตรงหน้า แม้ว่าการกระทำนั่นจะเหมือนเป็นการเชิญชวนก็ตาม

     





     

                “พะ พอแล้ว…” ใบหน้าสวยแหงนขึ้นอย่างข่มอารมณ์ แต่นั่นก็กลับเป็นโอกาสให้ชานยอลรุกเร้ายิ่งกว่าเดิม มือหนาวางทาบลงกับสะโพกกลมมนเพื่อล็อกการขัดขืน จมูกโด่งสวยไล้ลงตามส่วนโค้งเว้าของร่างกายอย่างชำนาญ จนแบคฮยอนอดไม่ได้ที่จะยกมือปิดปากสะกดกั้นเสียงของตนเองที่ดังขึ้นกว่าเมื่อกี้อีกครั้ง







                “บยอนแบคฮยอน มีดีแค่นี้เหรอคำดูถูกเหยียดหยามของชานยอล ทำให้แบคฮยอนรู้สึกเหมือนถูกน้ำเย็นสาดใส่หน้า ร่างสูงผุดลุกขึ้นยืนแล้วจ้องเข้าไปในดวงตาเรียวเล็กที่ชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตา ก่อนจะผลักร่างเล็กของแบคฮยอนชนกับกำแพงอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดที่แล่นมาจากสะโพกและศีรษะทำให้แบคฮยอนไม่มีเรี่ยวแรงที่จะพยุงตนเองให้ยืนขึ้นได้

     
     

             เพล้ง!!!!







             เพราะบนดาดฟ้าในตอนนี้มีลมกรรโชกแรงมาก แก้วทรงสูงที่มีของเหลวข้นสีดอกอัญชันจึงถูกพลัดตกลงมาแตกข้างๆเท้าของเขา ชานยอลมองเหล้าบลูฌาคส์ที่ไหลย้อนไปทิศทางเดียวกับลม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองกลุ่มเมฆฝน 



             ไม่ทันที่เขาจะย้ายร่างบางเข้าไปจัดการในโรงรถต่อ ฝนห่าใหญ่ก็สาดเทลงมาทันที

     

     

             จะผิดไหม ถ้าเขาอนุญาตให้ร่างบางนี้นอนนิ่งปล่อยให้สายฝนที่ค่อยๆพรำลงมาต่อไป

             เผื่อบางทีมันจะช่วยชำระความเจ็บปวดทั้งร่างกายและภายในจิตใจของเหยื่อของเขาได้บ้าง

     
     

             
             ชานยอลปัดผมหน้าม้าของตนเองขึ้น ก่อนจะเดินไปหยิบกระติกน้ำแข็งเทใส่ใบหน้าของแบคฮยอนอย่างใจเย็น

     
     

     

    สติของร่างเล็กถูกเรียกกลับมาอีกครั้ง ร่างกายสีซีดสั่นเทาด้วยความเหน็บหนาว มือที่แทบไร้ความรู้สึกทั้งสองยกขึ้นวางทาบหน้าอกของตนเอง

     




     

    “จงอิน” อาจจะเป็นเพราะสติของเขาถูกทำลายไปตั้งแต่รับค็อกเทลสีน้ำเงินแก้วนั่นแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโชคร้ายหรือโชคดีของแบคฮยอนที่ไม่สามารถมองเห็นคนที่กำลังฆ่าเขาทั้งเป็นในคืนนี้ แต่อาจจะเป็นโชคดีก็ได้เพราะเขาก็ไม่อยากจดจำมันเท่าไหร่นัก และไม่อยากรับรู้ด้วยว่าผู้ชายผมปิดครึ่งหน้าคนนี้อาจจะเป็นคนใกล้ตัวของเขาเอง



     
     

    การโดนลอบทำร้ายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยๆในชีวิตของคนโชคร้ายอย่างแบคฮยอน แต่เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่รู้สึกชินสักที ทั้งที่จิตใจมันน่าจะด้านชาไปตั้งนานแล้ว

     

     

    หรือเพราะครั้งนี้มันเกินไปจริงๆ


     


     

    จงอินเหรอ?” ริมฝีปากบางเอ่ยขึ้นอีกครั้ง 

     

     

     

    พอได้ยินแบคฮยอนเรียกหาบุคคลที่สาม ชานยอลก็ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหัวเบาๆ

     

    ขายาวลากเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ



     

              “ทนอีกนิดนะชานยอลก้มตัวลงลูบไล้กลีบปากที่บวมเจ่อของคนตรงหน้าอย่างแผ่วเบา สายฝนที่เริ่มทำท่าว่าจะตกกระหน่ำลงมาอย่างหนักนั้นคงพัดพาไอเย็นมาด้วย ทำให้อุณหภูมิบนตึกระฟ้าค่อนข้างจะเย็นจัด จึงไม่แปลกถ้าหากริมฝีปากและร่างกายของแบคฮยอนจะเปลี่ยนเป็นสีซีดขาวราวกับกระดาษ




              “ฉันผิดอะไรชานยอลไม่ตอบคำถามของร่างบาง เขาเพียงวางมือลงบนกลุ่มผมที่เปียกลู่ของแบคฮยอนอย่างเบามือ ก่อนที่เรียวนิ้วยาวจะเกี่ยวเส้นผมแล้วดึงขึ้น



              “เขาบอกว่าผิดที่คนอย่างนายมันทำตัวน่าขยะแขยงน่ะชานยอลกดเสียงต่ำลงข้างหูแบคฮยอนก่อนจะสะบัดข้อมือทิ้งศีรษะเล็กของแบคฮยอนลงกระแทกกับพื้น








    ไม่

              เสียงหวานที่เริ่มจะแหบพร่าเล็ดลอดออกจากริมฝีปากบางเป็นครั้งสุดท้ายก่อนสติจะดับวูบลง

     





































     

                ยิ่งเห็นเจ้านั่นนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดทรมาน

              ยิ่งเห็นมันนอนแน่นิ่งราวกับซากศพ

               
               
              ใครบางคนที่อยู่ในซุปเปอร์คาร์คันหรูยิ่งส่งเสียงหัวเราะดังขึ้นราวกับมันเป็นเรื่องสนุก

     

     

    แต่ผิดกลับอีกคนที่กำลังพยายามกลั้นเสียงสะอื้นของตนเอง ใบหน้าเล็กค่อยๆฝังลงบนฝ่ามืออย่างปวดร้าว

     

     

              ใช่ บนดาดฟ้านี้ ไม่ได้มีแค่ 2 คน ตัวละครไม่ได้มีเพียงชานยอล และ แบคฮยอน เท่านั้น

     

              หากแต่มีผู้กำกับ และ ผู้ชมอีกสองคนที่ซ่อนอยู่ในโรงรถ

             


             รวมทั้งหมดก็เป็น
    4 คนตามบทที่วางไว้
     

             ชายที่อยู่ในชุดสูทราคาแพงขยำกระดาษทิ้งอย่างอารมณ์ดี หลังจากละครเรื่องนี้ได้ปิดฉากลงแล้ว

     

     





     






     

    ชานยอลซบหน้าลงกับคอนโซลรถอย่างอ่อนล้าทันทีที่เข้ามานั่งในรถหรู ภาพแสงไฟจากหน้ารถสาดกระทบไปยังร่างบางที่นอนนิ่งกลางสายฝน ทำให้จงอินที่เฝ้ามองอยู่ในรถตั้งแต่แรกนั้นยกมุมปากขึ้นอย่างพอใจอีกครั้ง มือหนาหยิบเสื้อโค้ทหนามาคลุมร่างที่เปียกปอนของชานยอล ก่อนจะเอื้อมมือไปสัมผัสกลุ่มผมสีคาราเมลเปียกชื้น




    ทำได้ยอดเยี่ยมทีเดียวล่ะ


    “เออ เอามือออกไป จงอินเพิ่มแรงกดมากขึ้นกว่าเดิม จนชานยอลต้องยกมือขึ้นปัดมันออกไปจากศีรษะของเขาด้วยความรำคาญ


              “แล้วที่ตกลงกันไว้?

     4,000,000 วอนน้อยไปหรือเปล่า?” จงอินหัวเราะ บัตรเครดิตไม่จำกัดวงเงินถูกทิ้งลงบนตักของชานยอลราวกับเป็นของไร้ค่า

     
     

    “โบนัสพิเศษสำหรับผลงานชิ้นโบแดง” ริมฝีปากหนาเอ่ยพลางปรายตามองกระจกที่สะท้อนภาพของชายหนุ่มร่างเล็กคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลัง




    เมื่อชายเจ้าของนัยน์ตากลมโตเผลอสบตากับจงอินในกระจก เขาจึงรีบเบือนหน้าหนีทันที เพื่อไม่ให้คนที่จ้องมองเขาอยู่สังเกตเห็นน้ำตา 


             …เขาไม่อยากเป็นคนที่อ่อนแอในสายตาของผู้ชายคนนั้น






    ลองมาคิดดูอีกที ฉันว่าทำแบบนี้มันก็เกินไปจริงๆว่ะ”


    หืม ว่าไงนะ” จงอินขมวดคิ้วแล้วหันกลับมาจ้องชานยอลที่ยังคงซบหน้าอยู่ในท่าเดิมด้วยแววตาที่แข็งกร้าว

    ต้องการเงินอีกหรือไง

    “เปล่า”


    เหรอ ฉันคิดว่าโฮสต์อย่างแกมันได้เท่าไหร่ก็ไม่เคยพอซะอีก” ริมฝีปากหนาก้มกระซบลงข้างหูของชานยอลอย่างยียวน


              คนที่ถูกคำพูดเสียดสีเงยหน้าขึ้นมองจงอินตาด้วยสายตาที่เย็นชาทันที


    ทำธุรกิจกับฉัน ก็น่าจะรู้อยู่แล้วนี่ชานยอลเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าที่วางอยู่หน้ารถแล้วผลักประตูรถออกไป คิ้วหนาขมวดเป็นปมด้วยความแปลกใจในการกระทำของชานยอล ก่อนจะหัวเราะลั่นเมื่อได้ยินคำทิ้งท้ายที่แสนจะประชดประชันของเพื่อนรัก

     

    ธุรกิจ? ทั้งที่เกลียดอาชีพโฮสต์นัก แล้วทำมันทำไม ไม่เข้าใจจริงๆ

     



     

    อ้อ ลืมไป ชานยอลมันเป็นโรคติดเซ็กซ์


     



    ฉันนึกไม่ถึงเลยว่ะ ว่าคนเลวๆอย่างแกจะอ่อนโยนกับเหยื่อแบบนี้ หนุ่มผิวสีแทนส่งสายตาล้อเลียนให้ชานยอล



    ร่างสูงเพียงยิ้มเฝื่อนๆ ก่อนจะโบกมือเป็นเชิงลา แต่พอเดินจากไปไม่กี่ก้าว ก็ถอยหลังกลับมายืนนิ่งอยู่ข้างกระจกรถคันหรูที่คยองซูเอาหน้าผากซบอยู่ แสงไฟสลัวในรถทำให้ชานยอลเห็นข้อมือเรียวสวยนั้นถูกล็อกด้วยกุญแจมือ นัยน์ตาของเขาฉายแววรู้สึกผิดวูบหนึ่ง เมื่อคยองซูช้อนตามองเขาอย่างเลื่อนลอยราวกับคนไร้สติ นิ้วเรียวยาวของชานยอลลากลงบนกระจกที่ปกคลุมไปด้วยไอเย็นสีขาวมัวเป็นตัวอักษรแทนคำพูด

     
     

     ขอโทษนะ 








    น้ำตาของคยองซูหยดลงบนข้อมือที่มีรอยช้ำเลือด
             
              ไม่ทันที่จะบอกว่า
    เขาไม่มีวันที่จะให้อภัยในสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้   ชายร่างสูงก็หายไปเสียแล้ว

     

     

     

    คยองซูจึงได้แต่ขยับปากพูดคำว่า เลว ก่อนที่จะส่งสายตาแข็งกร้าวไปให้บุคคลที่จ้องเขานิ่งในกระจกด้านหน้า

     











     











     

    ชานยอลปรายตามองรถสปอร์ตที่ขับผ่านเขาไปอย่างรวดเร็วแล้วหายลับลงไปทางหมุนวนของตึก เขาถอนหายใจแล้วก้มหน้ามองสิ่งของในมืออย่างสับสน

     

    นี่เป็นสิ่งตอบแทนสำหรับการทำงานของเขา เขารับมันหลังจากได้สร้างความสกปรกให้เด็กหนุ่มคนหนึ่ง

    บัตรเครดิตไม่จำกัดวงเงิน เซ็นโดยนาม Kai K. 



              ถึงแม้ว่าเงินจะไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นเท่าไหร่นักในระยะนี้ แต่เมื่อทำการตกลงซื้อขายแล้ว เขาก็ต้องทำตามหน้าที่

     

    คิมจงอินอาจไม่ใช่ลูกค้าที่ปกติและไม่ใช่เพื่อนสนิทที่มีนิสัยดีเท่าไหร่สำหรับเขา เขาไม่เคยรับงานที่ต้องสั่งสอนใคร อาชีพของเขาคือโฮสต์ มีหน้าที่ทำให้ลูกค้ามีความสุข แล้วตักตวงผลประโยชน์จากความเสน่หาเหล่านั้น






    แต่สิ่งที่ทำกับแบคฮยอนเมื่อกี้


    มันคือการทำลาย ไม่ใช่การสั่งสอน

    และเขาก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดอะไร




    เพราะถึงไม่ใช่เขา คิมจงอินก็หาคนอื่นมาทำแทนเขาอยู่ดี

     





     

              ชานยอลหันกลับไปมองร่างที่นอนนิ่งอยู่บนพื้น ห่างจากเขาเพียงไม่กี่ก้าว

    ในความมืดมิดของลานจอดรถบนดาดฟ้า มีแสงเบาบางจากดวงจันทร์สาดส่องกระทบร่างซีดขาวราวกับไม่ใช่ผิวหนังมนุษย์ จนเขาชักจะหวั่นใจ



    จะตายมั้ยเนี่ย


              ปาร์คชานยอลถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย ก่อนจะวางมือที่เย็นเฉียบของเขาบนพวงแก้มสีขาวซีดของแบคฮยอน ความร้อนรุ่มราวกับเปลวไฟที่ส่งผ่านมายังฝ่ามือทำให้คนตัวสูงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ไม่ช้าชานยอลตัดสินใจช้อนร่างบางของแบคฮยอนขึ้นมาแนบกับแผงอก แล้วพาร่างนั้นตรงไปยังรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ของเขาที่จอดอยู่ใกล้ๆ





    มือหนาจับลำแขนเล็กพาดกับเอวแกร่งของเขา ก่อนที่จะสตาร์ทฮายาบุสะคู่ใจ เสียงกระหึ่มดังของตัวเครื่องทำให้ร่างสูงแอบวิตกเล็กน้อยว่าจะทำให้แบคฮยอนตกใจตื่น แต่พอนึกขึ้นได้ว่าร่างเล็กหมดสติไปนานแล้ว เขาก็ส่ายหัวให้กับความคิดงี่เง่าของตัวเอง พลางหันไปมองใบหน้าเล็กที่ซบอยู่กับแผ่นหลังเปียกชื้นของเขา

     

     

    ฉันนึกไม่ถึงเลยว่ะ ว่าคนเลวๆอย่างแกจะอ่อนโยนกับเหยื่อแบบนี้

     

     

    ชานยอลขมวดคิ้ว ก่อนจะก้มลงมองใบหน้าหวานของตัวเองในกระจกรถแล้วหัวเราะเบาๆ

    ก็เหมาะสมกับหน้าตาของฉันดีออก





    ที่จริงเขาก็แค่ไม่อยากติดคุกด้วยข้อหาฆ่าข่มขืนผู้ชายต่างหากล่ะ!

     

     



    จากนั้นรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ก็ทะยานลงไปตามทางลาดหมุนวนจนกระทั่งลงมาสู่ชั้นล่างของโรงแรมหรู การ์ดที่เฝ้าอยู่ตรงปากทางโค้งตัวให้กับแขกตามหน้าที่ ก่อนจะยื่นมือไปรับบัตร V.I.P. พร้อมทิปนิดหน่อยที่ชานยอลยื่นให้














              “คุณจุนมยอนฝากบอกว่าให้ไปทำงานที่คลับด้วยครับ ลูกค้าคนสำคัญจะมาคืนนี้









    __________________________________________

    ฮิ้ว จับโมดิฟายใหม่หมดเลย #ตบโต๊ะรัวๆ
    ภาษาอึนได้อีก แต่งเอง อ่านเอง หน่วงเอง เครียดเอง โฮ่ย อยากแต่งฟิคสนุกๆได้บ้างorz



    ขอบคุณทุกคนที่หลงผิดเข้ามาอ่านเรื่องนี้ค่ะ ฮ่าๆ




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×