ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF EXO] Forget me not

    ลำดับตอนที่ #2 : Forget me not #2

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.ค. 56


     
    เสียง ฝีเท้าที่คุ้นเคยกับเสียงรองเท้าผ้าใบเสียดสีพื้นทำให้ร่างโปร่งบางเงยหน้า ขึ้นมองหลังคิดทบทวนอดีตอยู่สักพัก ชายหนุ่มวิ่งหอบมาหา เขาส่งยิ้มให้พร้อมความรู้สึกโล่งใจที่ไม่ต้องรอนานและคราวนี้เขาจะไม่ใช่ เด็กหลง


     
    “ลู่หาน รอนานไหม” คริสพ่นลมหายใจแรง เขาก็โล่งใจเหมือนกันที่หาคนรักเจอ อันที่จริง ลู่หานก็ยืนอยู่ไม่ไกลจากเกททางออก “ขอโทษนะ ฉันรอพยาบาลมาตรวจไข้แม่ ก็เลยมาช้า”
    “ไม่เป็นไร” ลู่หานส่ายหน้า เพราะเครื่องลงช้า กว่าจะรอโหลดกระเป๋า รอตรวจพาสปอร์ต เขาเลยรอไม่นาน

     
    ทั้ง คู่เดินจับมือกันไปที่รถ คริสเพิ่งได้ใบขับขี่ เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วง และฝีมือขับรถก็ถือว่าไม่เลว คริสลากกระเป๋าของลู่หาน ไม่ได้ว่าอะไร แม้มันจะเล็กไปหน่อยจนเหมือนไม่ได้เตรียมของมาสำหรับอยู่ยาว เพราะหลายอย่างสามารถใช้ของที่บ้านเขาได้


     
     
    เด็กหนุ่มขึ้นนั่งที่ข้าง คนขับ คริสเคยเล่าให้ฟังว่าแม่อยากจะซื้อรถยี่ห้อจีน แต่ค่านำเข้าทำให้รถแพงเกินไป สุดท้ายก็เลยซื้อรถฟอร์ดของอเมริกา แม่อยู่คนเดียว ส่วนพ่อก็อยู่บ้าง ไม่อยู่บ้าง ต้องเดินทางไปทำงานที่โน่นที่นี่ สิ้นเดือนก็โอนเงินมาในบัญชี แม่เลยเลือกซื้อรถขนาดเล็ก แค่พอขับไปไหนมาไหนคนเดียว ลู่หานไม่ได้พูดอะไร แต่เหลือบมองข้างทาง ตลอดทางตั้งแต่ออกจากบริเวณสนามบิน ริมทางมีแต่พุ่มเตี้ยสีฟ้าปนสีม่วง ดอกไม้กลีบบางธรรมดา เกสรสีเหลือง จากแค่เหลือบมอง เขาเปลี่ยนเป็นหันดู มือแตะที่กระจกเหมือนอยากจะเด็ดมันไว้สักดอก

     
    “นายดูอะไร” คริสถาม เหลือบมองท่าทีของคนข้างๆ แวบหนึ่งแล้วหันมองทางต่อ
    “ฟอร์ เก็ทมีน็อท” เขาตอบทั้งที่สายตายังมองดอกไม้ริมถนน “ดอกไม้ที่พระเจ้าลืมตั้งชื่อ มันตะโกนบอกพระเจ้าว่า ‘อย่าลืมฉัน โอ้ พระเจ้า!’ แล้วพระเจ้าก็เลยบอกว่า ‘ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็ใช้ชื่อนี้แล้วกัน’ ตลกดีเนอะ”

     
    “นายนี่ สมกับเป็นหนอนหนังสือจริงๆ” คริสหัวเราะ เขารู้ดีว่างานหลักของอีกฝ่ายคือการอ่านหนังสือเป็นตั้ง รู้ว่าที่คนๆ นี้เลือกเรียนเอกภาษาจีน เพราะไม่เก่งอะไรสักอย่าง แค่พูดภาษาบ้านเกิดรู้เรื่อง เป็นคนเงียบๆ จนเหมือนเก็บตัว แต่จริงๆ แล้วขี้อาย


     
     
    ลู่หานกลับมานอนพักที่บ้านของคริส เขาแวะไปที่ห้องนอนของแม่ ทักทายเล็กน้อย แม่กินยาและหลับไปแล้ว เขาเองก็เหนื่อยเพราะนอนบนเครื่องไม่ค่อยหลับ ตื่นมาอีกทีก็หัวค่ำ คริสมาปลุกและบอกว่าให้อาบน้ำแต่งตัว เพราะจะพาออกไปกินมื้อค่ำข้างนอก เขาถามถึงแม่ แต่คริสบอกว่าช่วงเย็นจนเช้าจะมีพยาบาลพิเศษมาดูแล และคิดว่าอีกไม่กี่วัน แม่ก็น่าจะหาย

     
     
    ลู่หานเดินกอดแขนคริสมาตลอด ตั้งแต่ไปเดินชอปปิ้งเมื่อเย็น กลัวหลง ถ้าหากันไม่เจอเขาคงทำอะไรไม่ถูก แวบหนึ่งเขาคิดว่าที่แวนคูเวอร์ก็ไม่ต่างอะไรกับเซี่ยงไฮ้มาก มีอะไรหลายอย่างเหมือนกัน ตึกสูง ร้านค้า ห้างขนาดใหญ่ เพียงแค่ผู้คนไม่จอแจเท่า เขาอาจจะรักที่นี่มากกว่านี้ ถ้าทุกคนพูดภาษาจีน


     
     
    เสร็จ จากชอปปิ้งก็ไปกินมื้อค่ำ ที่ร้านแห่งหนึ่งบรรยากาศเหมือนสวนหลังบ้าน ไม่ได้โรแมนติกมากมาย แต่ก็ใช้แสงจากการจุดเทียนไว้ทั่วบริเวณ ลานตรงกลางที่ไม่มีหลังคามีเปียโนหลังใหญ่สีดำเป็นมันวาว แจกันสีขาวทรงกลมเล็กๆ วางตั้งไว้เหนือที่วางแผ่นโน้ต มีดอกไม้กลีบสีฟ้าช่อเล็กๆ เสียบไว้ ฟอร์เก็ทมีน็อท

     
     
    ชายหนุ่มในชุด ทักซิโด้เดินมานั่งลงที่เปียโน กดคีย์แรกเบาๆ และค่อยๆ เริ่มเพลงอย่างเชื่องช้า ลู่หานหันมองด้วยความสนอกสนใจ แต่ก็ไม่มีอะไรมากกว่าแค่อยากเห็นหน้านักดนตรี ชาวต่างชาติผมสีบลอนด์ ดวงตาสีเขียวเข้มจดจ่อกับสิ่งที่ทำ คริสสั่งอาหารและถามว่าอยากกินอะไรเป็นพิเศษ เขาส่ายหน้าตอบ เลือกไม่ถูก จากนั้นก็คุยกันว่าระหว่างทางที่ขึ้นเครื่องมาเป็นอย่างไร ไม่มีอะไรพิเศษ แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาที เสียงไวโอลินก็ทำให้เขาต้องหันมอง ใช่ เขาเคยชอบฟังไวโอลินเพราะใครคนหนึ่ง เขารู้สึกว่าเสียงนี้คุ้นหูมาก แต่พอหันไป เขาก็เห็นหนุ่มผมสีน้ำตาลสีไวโอลินอยู่ข้างๆ เปียโน เขาถอนหายใจพลางคิดว่า มันคงไม่บังเอิญขนาดนั้น และคนๆ นั้นเคยบอกเขาว่าอยู่ที่เมืองห่างไกลทางตะวันออก


     
     
    ลู่หานรอคริสที่รถ คริสไปเข้าห้องน้ำ หันมองรอบตัว ฟ้ามืด ทำให้แสงจากเทียนไขในร้านอาหารดูสว่าง ไฟทางสีเหลืองนวลส่องลงมาบนพื้นคอนกรีต มีเงาทอดยาวของคนสองคนอยู่ไม่ไกล เขามองตามรูปเงา เรื่อยไปจนถึงคนสองคนที่เป็นที่มาซึ่งอยู่ไม่ไกล ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนหัวใจหล่นวูบ นักไวโอลินผมสีน้ำตาลที่เล่นในร้านอาหารเมื่อครู่ เดินมากับชายหนุ่มหน้าจีนผมสีเข้มจนเกือบดำ   


     
    “เฮนรี่!” เขาตะโกนเรียกอย่างลืมตัว แล้วเจ้าของชื่อก็หันมามองด้วยสีหน้าประหลาดใจไม่ต่างกัน
    “ลู่หาน?” ชายหนุ่มเดินเข้ามาหา หรี่ตามองให้แน่ใจว่าจำคนไม่ผิด
    “เฮ นรี่ สบายดีเหรอ” ลู่หานมั่นใจว่าไม่เคยจำใครผิด ยิ่งเป็นคนที่เคยใกล้ชิด คนที่เขาคิดถึง ไม่เคยลืม “ฉันนึกว่านายอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ นายมาที่นี่ได้ยังไง”
    “ฉันเรียนจบแล้ว โหมเรียนเต็มที่ทุกเทอมก็เลยจบเร็ว แล้วก็ออกจากวงกลับมาที่แคนาดา ฉันว่า ฉันต้องถามนายมากกว่านะ ว่านายมาทำอะไรที่นี่” เฮนรี่ยิ้มกว้าง รู้สึกประหลาดใจไม่ต่างกัน
    “ฉันมาเที่ยว”
    “เก่งภาษาอังกฤษแล้วเหรอ”

     
    ลู่หานยิ้มฝืนๆ ก่อนจะส่ายหน้า เขาไม่กล้าบอกว่ามาที่นี่ทำไม และมากับใคร เหมือนว่าอยากจะลืมคนที่พาเขามาที่นี่ไปเฉยๆ

     
    “นี่เพื่อนฉัน โจซี่ เขามาเล่นดนตรีที่นี่ เราอยู่วงเดียวกัน ฉันมารับเขาไปซ้อมต่อช่วงดึก”
    ลู่หานยิ้มทักทาย ยื่นมือไปจับมือของอีกคนที่ยื่นมาก่อน
    “ถ้า นายยังอยู่อีกหลายวัน ก็มาดูการแสดงของฉันได้นะ” เฮนรี่รูดซิปเปิดซองหน้ากล่องไวโอลิน หยิบการ์ดเชิญใบหนึ่งให้ หน้าซองว่างเปล่า แต่ด้านในมีตั๋วเข้าชมคอนเสิร์ตดนตรีคลาสสิกซึ่งเขาจะร่วมโชว์ในงานนี้ ที่นั่งพิเศษบนชั้นสอง จำนวนสองใบ “ฉันรู้ว่านายคงไม่ได้มาคนเดียว แล้วเจอกัน”


     
    ลู่หานมองอีกฝ่ายเดินจากไปขึ้นรถกับเพื่อนนักดนตรี ในมือยังถือซองใส่ตั๋วเอาไว้ เขามีอะไรอีกมากมายอยากถามอยากพูด อยากขอโทษที่เคยปฏิเสธคอนเสิร์ตเมื่อ 2 ปีก่อน ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน เขายังคงครุ่นคิดถึงเรื่องเดิมๆ ถ้าย้อนเวลาได้ เขาจะติดต่อไปหาเฮนรี่ จะไม่ห่างออกมาอย่างนั้น



     
    “อะไรน่ะ” เสียงของคริสทำให้ความคิดของลู่หานหยุดลงตรงนั้น
    “ตั๋วคอนเสิร์ต” เขาเปิดซองให้เห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน
    ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูง ไม่เอ่ยอะไรแต่กำลังยิงคำถามด้วยสายตาว่าใครให้มา
    “นักดนตรีคนที่สีไวโอลินในร้านเมื่อกี้ เขามากับเพื่อนฉัน เฮนรี่ เพื่อนสมัยเรียนที่เซี่ยงไฮ้”
    “บังเอิญมากเลยนะ”
    “อืม อาทิตย์หน้าเรายังอยู่ที่นี่ ไปดูด้วยกันนะ”

     
    คริสรับตั๋วมา ทั้งคู่ขึ้นรถกลับ เขาใส่ตั๋วเอาไว้ในช่องเก็บของที่ข้างคนขับ รอให้ถึงวันที่เขียนไว้ อีก 7 วันต่อจากนี้






     
    7 วันต่อมา

     
     
    ลู่ หานนั่งเงียบๆ มาตลอดทาง ความจริงเขาพูดน้อยมาตั้งแต่เช้า เพราะในหัวคิดอะไรมากมายถึงคอนเสิร์ตตอนเย็นนี้ เขาสวมชุดสุภาพ สูทสีเทาเข้มที่โคร่งกว่าขนาดตัวเพราะยืมคริสมา ส่วนคริสก็ใส่สูทสีดำ สถานที่จัดงานเป็นฮอลล์ที่ใหญ่ที่สุดของเมือง งานนี้ก็เป็นงานใหญ่ หน้าบัตรระบุว่าที่นั่งคือที่พิเศษ เพราะฉะนั้นจะแต่งตัวธรรมดาไม่ได้


     
    คริ สกับลู่หานเดินเข้ามานั่งที่ชั้นสองของฮอลล์ ที่พิเศษอยู่ทางขวามือของเวที จากตรงนี้ จะเห็นกลุ่มเครื่องดนตรีประเภทสายของวงออเคสตร้าได้ชัดเจน ที่นั่งที่หนึ่งว่างอยู่ บนเก้าอี้ซึ่งพับปิดเพราะไม่มีคนนั่งมีช่อดอกไม้กลับสีฟ้าเป็นช่อกลมวางอยู่ ฟอร์เก็ทมีน็อท

     
     
    ลู่หานมองดูพร้อมกับความรู้สึกเจ็บแน่น เขาคิดว่านี่คือที่ที่เฮนรี่เว้นว่างเอาไว้ให้ใครคนหนึ่ง ใครที่เขาไม่รู้จัก หรืออาจจะเป็นเด็กผู้หญิงคนนั้น แต่ก็เป็นไปได้ยาก หรือเด็กคนนั้นจะอยู่ในวงด้วย เขาพยายามมองหาพิณฮาร์ป นักดนตรีที่เล่นพิณของวงเป็นผู้ชาย


     
     
    เสร็จจากเพลงเปิดเวที เป็นการแสดงของกลุ่มเครื่องเป่า ลู่หานมองตามแสงสปอตไลท์แต่ในใจกลับลอยไปที่อื่น เขาคิดถึงแต่เรื่องของคนที่เคยเรียกได้ว่าใกล้ชิดที่สุด เขานึกไม่ออกว่าตอนนั้นทำไมเขาถึงได้ห่างจากเฮนรี่ไปเฉยๆ ทั้งที่เคยสนิทกัน คิดถึงวันที่เขียนใบสอบเข้ามหาวิทยาลัย ลู่หานเลือกม.เอกชน ส่วนเฮนรี่เลือกม.อันดับต้นๆ ของจีน เขารู้สึกเศร้า แต่ก็ใจแข็งเกินกว่าจะไปอ้อนวอนอีกฝ่ายให้มาเข้าเรียนที่เดียวกัน เขารู้ดีว่าเฮนรี่เรียนเก่ง มีความสามารถ และเขาเองก็ไม่กล้าพอ ไม่พยายามมากพอที่จะถีบตัวเองให้ไปเรียนกับเฮนรี่

     
     
    ขอบตาของเขาร้อน ขึ้นมา พอคิดเรื่องเก่าๆ ก็เสียใจ เสียดาย แต่เขาไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ และถึงตอนนี้ เขาก็เพิ่งรู้ว่า ความจริงแล้ว เขาแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเฮนรี่เลย แสงไฟมืดดับลง การแสดงชุดต่อไปเป็นการแสดงของกลุ่มเครื่องสาย เบส เชลโล พิณ และไวโอลิน ม่านค่อยๆ รูดเปิด เฮนรี่ยืนอยู่ตรงกลางเวทีเพียงคนเดียว เสียงไวโอลินเนิบช้า ชายหนุ่มเดินมานั่งลงตรงเก้าอี้ข้างเวทีที่มีนักดนตรีคนอื่นนั่งล้อมวงอยู่ ลู่หานไม่ละสายตาจากคนๆ นั้นเลย น้ำใสปริ่มขอบตา ภาพเก่าๆ ในห้องซ้อมที่โรงเรียนผุดขึ้นมา เขากำมือแน่น กลั้นน้ำตาไปจนจบการแสดง


     
    “เพิ่ง รู้ว่านายชอบดนตรีแบบนี้” คริสพูดหลังจากการแสดงจบ ไฟในโรงละครเปิดสว่างให้ผู้ชมทยอยออก เขาเห็นคนข้างๆ นั่งตัวแข็ง ไม่รู้ว่าซาบซึ้งกับเพลงหรืออย่างไร
    “นั่นสินะ ฉันไม่เคยเล่าให้ฟังว่าฉันเคยอยู่ชมรมดนตรี” ลู่หานยิ้ม “ไปหาเฮนรี่ที่หลังเวทีได้ไหม ฉันอยากบอกลาเขา”
    “อืม ไปสิ”


     
     
    ทั้ง คู่เดินกลับไปที่รถ ลู่หานเตรียมช่อดอกไม้ไว้แล้วตั้งแต่เมื่อวาน กุหลาบขาวที่เขานำมาปักในแจกันสีน้ำให้ดอกกุหลาบดูดสีจนกลีบกลายเป็นสีม่วง แซมดอกประดับสีขาวเล็กๆ เข้าช่อด้วยมือตัวเอง กุหลาบสีม่วงเจ็ดดอก ขอให้เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และขอให้เจอแต่เรื่องมงคล เป็นความหมายดีๆ เท่าที่เพื่อนคนหนึ่งจะให้ได้ ตอนนี้เขาไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่านี้ เพราะเขามีคริสอยู่แล้ว


     
     
    “เฮ นรี่” ลู่หานโบกมือเรียกอีกคนที่กำลังเก็บเครื่องดนตรีในห้องแต่งตัว หน่วยรักษาความปลอดภัยเกือบจะไม่อนุญาตให้เข้ามาอยู่แล้ว แต่เขาขอเข้ามาจนได้ และให้สัญญาว่าจะใช้เวลาไม่นาน
    “ลู่หาน”
    “วันนี้นายเล่นได้ดีมากเลย” เขายิ้มและยื่นช่อดอกไม้ให้ “นี่คริส คริสมีบ้านอยู่ที่นี่ เราก็เลยมาด้วยกัน”

     
    “สวัสดี ครับ ผมเฮนรี่ เป็นเพื่อนสมัยม.ปลายของลู่หาน” ชายหนุ่มสองคนสัมผัสมือกันก่อนที่เฮนรี่จะรับช่อดอกไม้ไว้ เขามองมันอย่างพิจารณาและรู้ความหมายของมันดี
    “เขาบอกผมแล้วครับ” คริสยิ้มตอบ
    “เย็นนี้ นายว่างหรือเปล่า” ลู่หานถาม
    “ฉันมีนัดแล้ว แล้วพรุ่งนี้ฉันก็จะไปชิคาโก้ ไปงานดนตรีแจ๊ซซ์ น่าจะเกือบเดือน”
    “เดินทางปลอดภัยนะ”

     
    “ฉันไปรอข้างนอกนะ” คริสมองคนทั้งสอง เขารู้ว่าเพื่อนเก่าอาจมีอะไรบางอย่างต้องคุยกันโดยที่เขาไม่ควรสอดรู้



     
    ลู่หานมองชายหนุ่มร่างใหญ่เดินหันหลังไปออกนอกห้องแต่งตัวไปก่อนจะกลับมาคุยกับเฮนรี่ต่อ
    “เราจะไม่ได้เจอกันอีกใช่ไหม” เขาถาม ในใจรู้สึกเศร้า อะไรบางอย่างบอกเขาว่านี่อาจเป็นครั้งสุดท้าย
    “อาจจะเป็นแบบนั้น”
    “เฮนรี่ ฉัน...”
    “ขอบ ใจที่มาวันนี้ ดีใจที่ได้เจอกันอีก” เฮนรี่ไม่รู้ว่าเพื่อนกำลังจะพูดอะไร แต่เขาเองก็มีเรื่องที่อยากบอก “ฉันคงไม่กลับไปเซี่ยงไฮ้แล้ว”

     
    “ทำไม... ทำไมนายถึงจะไม่กลับไปเซี่ยงไฮ้อีก”
    “ฉันไม่มีธุระที่นั่น” เขายิ้มฝืนๆ ไม่อยากคิดถึงบางอย่างที่นั่น หากยังเก็บความทรงจำซึ่งเขาไม่อาจลืมไว้เป็นอย่างดี “ขอบใจนะ”


     
     
    ทั้งคู่พูดคุยกันอีกไม่นานก่อนจะบอกลากัน เฮนรี่เดินออกมา เขายิ้มให้คริสที่รอลู่หานอยู่หน้าห้องแต่งตัว

     
    “ฝากดูแลลู่หานด้วยนะ เขาเป็นเพื่อนที่ดีมากของฉัน”

     
    คริสค้อมตัวให้เล็กน้อย เขามองตามจนอีกคนลับตาไป หันกลับมา คนข้างๆ ตีหน้านิ่งเหมือนมีอะไรในใจแต่เขาก็ไม่คิดจะถาม

     
     
    to be continued -------------------- Forget me not #3
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×