ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Forget me not #1
“Lu Han”
ชื่อในตั๋วเครื่องบินเขียนเอาไว้อย่าง นั้น เด็กหนุ่มก้มมองชื่อของตัวเองแล้วเงยหน้ามองซ้าย มองขวาก่อนจะพับตั๋วเก็บใส่กระเป๋ากางเกง เขาไม่ต้องใช้มันอีก เพราะตอนนี้ เดินทางมาถึงสนามบินนานาชาติแวนคูเวอร์ แคนาดา เรียบร้อยแล้ว เป็นครั้งแรกที่เดินทางออกนอกประเทศคนเดียว ทั้งที่หวั่นใจ ไม่อยากมา แต่เป็นเพราะคริส คนรักของเขาอยากให้มาให้ได้
“เถอะนะ ก็แค่มาเที่ยวช่วงปิดเทอม” คริสรบเร้าเป็นครั้งที่สามในรอบสัปดาห์
ทั้ง คู่คุยกันข้ามแดนผ่านแทงโก้ วีดิโอแชทในโทรศัพท์มือถือ คริสรีบกลับไปแคนาดาเพราะปิดเทอมก่อน และแม่ก็ไม่ค่อยสบาย ส่วนลู่หานต้องรอสอบซ่อมวิชาภาษาอังกฤษ วิชาที่เขาเกลียดที่สุด และแม้ว่าคริสจะพยายามติวเข้มให้เท่าไร สุดท้ายก็ยังสอบตกจนได้
“ไม่อยาก ไป” ลู่หานทำหน้างอ ครั้งแรกเขาน้อยใจที่คนรักไม่ยอมอยู่ติวช่วงก่อนสอบซ่อมให้ แต่หลังจากพยายามทำความเข้าใจเรื่องครอบครัว ก็อ่านหนังสือและทำรายงานเพิ่มคะแนน ก่อนจะอยู่สอบคนเดียว ทั้งที่เคยอยู่หอพักด้วยกัน ตัวติดกันเกือบจะตลอดเวลา
“ถ้านายมาถึงที่ นี่ นายจะไม่อยากกลับเซี่ยงไฮ้เลยล่ะ ที่นี่บรรยากาศดี ไปไหนก็ไม่ต้องเบียดเสียดกับฝูงคน” ชายหนุ่มยังพยายามหลอกล่อ เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายชอบบรรยากาศเงียบสงบ “ฉันจะส่งตั๋วให้พรุ่งนี้ รีบๆ มาล่ะ”
“ทำไมถึงอยากให้ไปมากขนาดนั้น”
“มาเที่ยวบ้านฉัน ฉันสัญญาว่าจะไม่บังคับให้นายเรียนภาษาอังกฤษ” คริสสัญญาหนักแน่น เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยบังคับให้ลู่หานเรียนพิเศษในช่วงปิดเทอม “ขอร้อง นะ”
“อืม ก็ได้”
ลู่ หานถอนหายใจ โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อนอกสั่นเล็กน้อย มีข้อความเข้าจากคริส บอกว่ากำลังมารับที่สนามบินให้รอหน่อยถ้าไปช้า เขามองรอบตัวอีกครั้ง ตอบข้อความไปว่ารออยู่ตรงทางออก จากนั้นก็มองหาที่นั่ง ทุกอย่างรอบตัวมีแต่ป้ายภาษายึกยือที่อ่านไม่ออก ไม่เข้าใจ เขาไม่อยากมาที่นี่ ไม่ใช่แค่เพราะสื่อสารกับใครไม่รู้เรื่อง หลีกเลี่ยงที่จะเรียนภาษาอังกฤษ แต่ประเทศนี้ทำให้เขาคิดถึงใครบางคน ใครที่ชื่อ เฮนรี่
เปิดเทอมแรกของชั้นมัธยมปลายปีสุดท้าย มีนักเรียนแลกเปลี่ยนจากแคนาดาเข้ามาอยู่ในชั้นเรียนเดียวกับลู่หาน เขาชื่อเฮนรี่ เลา เด็กหนุ่มอายุมากกว่าหนึ่งปี เข้าเรียนมหาวิทยาลัยไม่ได้เพราะเหตุผลเรื่องภาษา และต้องมาเรียนซ้ำชั้น ชั้นมัธยมปลายปีสุดท้าย พูดภาษาจีนแทบไม่ได้ เป็นคนเชื้อสายฮ่องกง เพิ่งย้ายมาอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ หน้าตาสดใส ดูเป็นมิตร ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขาทั้งคู่สนิทกันอย่างรวดเร็วในระยะเวลาไม่กี่เดือน เฮนรี่เหมาะกับชุดนักเรียนเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอย่างประหลาด
เฮนรี่เป็น ที่หนึ่งในวิชาภาษาอังกฤษเสมอ เพราะเป็นภาษาที่เขาคุ้นเคย รองจากนั้นคือดนตรี เฮนรี่มีความสามารถด้านนี้เป็นพิเศษ และยังเคยเรียนอ่านโน้ตเพลงที่เป็นภาษาอิตาเลี่ยนด้วย มีเครื่องดนตรีอยู่สองสามชิ้นที่เขาเล่นได้อย่างเชี่ยวชาญ ไวโอลิน เบส และ กีต้าร์ สองชิ้นหลังทำให้เขากลายเป็นสมาชิกของวงประจำโรงเรียน เป็นขวัญใจของเพื่อนๆ ในโรงเรียนไปจนถึงสาวๆ โรงเรียนสตรีล้วนในเขตเดียวกัน แต่เครื่องดนตรีคลาสสิกอย่างไวโอลินกลับมีมนตร์สเน่ห์อย่างประหลาดสำหรับลู่ หาน เมื่อไรก็ตามที่เฮนรี่หยิบไวโอลินขึ้นมา ลู่หานจะละสายตาไม่ได้ จนเขาต้องถามตัวเองว่าเป็นเพราะอะไร เพราะชอบเสียงไวโอลิน หรือคนที่สีไวโอลิน
“ฉันชอบฟังไวโอลิน” ลู่หานบอกเหตุผลที่ตามเฮนรี่มาห้องซ้อมดนตรีทุกวัน บางครั้งก็มาเพื่อนั่งเฉยๆ ฟังเพลง ฟังอย่างตั้งใจบ้าง ฟังไปอ่านหนังสือไปบ้าง หรือไม่ก็จะทำการบ้านไปด้วย
“ฉันจะเข้ามหาวิทยาลัย วิชาเอกดนตรี” เฮนรี่ยิ้ม นัยน์ตาเป็นประกายเมื่อพูดถึงความตั้งใจของตัวเอง “แล้วนายล่ะ”
“อะไรก็ได้ ที่ไม่ต้องเรียนภาษาอังกฤษ”
“ตลกน่ะ ไม่มีหรอก มันสำคัญมากนะ” เด็กหนุ่มจากแคนาดาหยิบโน้ตดนตรีขึ้นมาเปิด แน่นอนว่าในนั้นไม่มีภาษาจีนแม้แต่ตัวเดียว
“ขอให้มีให้น้อยที่สุดก็แล้วกัน”
เฮนรี่ส่ายหน้าก่อนจะก้มลงหยิบไวโอลินจากในกล่องขึ้นมาเช็คสายและไม้ ทดลองเสียงเล็กน้อย
“ทำไม ต้องมาเรียนดนตรีที่จีนด้วย นายน่าจะเรียนอยู่ที่แคนาดา” ลู่หานตั้งข้อสงสัย มันเป็นคำถามที่เขาไม่เคยคิดอยากถามจนวันนี้ และเขาก็รู้สึกว่าการเรียนในต่างประเทศอาจจะดีกว่า
“ฉันมาตามหาคนๆ หนึ่ง” เฮนรี่ตอบ
ลู่หานนึกอยากถามต่อว่าใคร แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป แล้วอยู่ๆ เขาก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
“ฉันจะไปซื้อน้ำ นายอยากได้อะไรไหม”
เฮนรี่ส่ายหน้าแทนคำตอบ และเริ่มซ้อมดนตรีตามปกติโดยไม่เห็นเลยว่าสายตาของอีกคนเป็นอย่างไร
ร่าง โปร่งบางเดินไปตามทางเดินใต้อาคารเรียน ลมเบาๆ พัดมา เข้าสู่เทอมที่สองแล้ว อีกไม่นานเขาต้องเลือกมหาวิทยาลัย แต่จนตอนนี้ก็ยังนึกไม่ออกว่าจะเรียนอะไร ภาษาจีนดีหรือเปล่า เรียนภาษาของตัวเองก็ไม่น่ามีอะไรยาก คนที่ชอบนั่งๆ นอนๆ อ่านหนังสืออย่างเขาไม่ควรเลือกสาขาที่มันสลับซับซ้อน เขาเดินมาจนถึงรั้วหน้าโรงเรียน เดินข้ามไปที่ร้านกาแฟ ผลักประตูกระจกเข้าไปสั่งเลมอนโซดาใส่แก้วพลาสติกและกลับออกมา ก่อนจะเดินเข้าโรงเรียนก็มีเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักสะกิดเขา กระโปรงสีแดงลายสกอต เสื้อกั๊กสีแดงทับเสื้อสีขาวแขนตุ๊กตา มาจากโรงเรียนสตรีแถวนั้น
“ขอโทษค่ะ พี่เป็นเพื่อนกับพี่เฮนรี่ใช่ไหมคะ” เด็กสาวทำท่าเขินอาย
“ครับ”
“ฝากให้พี่เฮนรี่ด้วยค่ะ” เธอยื่นถุงกระดาษลายเส้นสีขาวสลับเหลืองให้ก่อนจะรีบหันเดินจากไป
ลู่ หานรับไว้แล้วเดินกลับเข้ามา อยากเปิดออกดูแต่ก็คิดว่าคงเสียมารยาท และถ้าเขาคาดไม่ผิด มันคงเป็นจดหมายบอกรัก เพราะเฮนรี่เคยได้จดหมายแบบนี้บ่อยๆ ซึ่งเฮนรี่ก็อาจจะอ่านรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ก่อนจะเดินถึงห้องดนตรีเขาก็หาที่นั่งห่างทางเดินมาเล็กน้อย และความอยากรู้อยากเห็นเป็นฝ่ายชนะ
เขาแอบเปิดซองลายน่ารัก ข้างในมีสายไวโอลินกับจดหมายที่พับไว้เป็นรูปผีเสื้อ เขาคงพับคืนไม่ได้ ก็เลยหยิบออกมาส่องกับแสง กระดาษสีขาว เขียนด้วยหมึกสีม่วง มันซึมทะลุกระดาษ ข้อความในนั้นเป็นภาษาอังกฤษทำให้ลู่หานยิ่งหงุดหงิดกว่าเดิม เขาใส่มันกลับคืนไปและรีบก้าวเท้ายาวๆ ไปที่ห้องดนตรี
เขาแอบเปิดซองลายน่ารัก ข้างในมีสายไวโอลินกับจดหมายที่พับไว้เป็นรูปผีเสื้อ เขาคงพับคืนไม่ได้ ก็เลยหยิบออกมาส่องกับแสง กระดาษสีขาว เขียนด้วยหมึกสีม่วง มันซึมทะลุกระดาษ ข้อความในนั้นเป็นภาษาอังกฤษทำให้ลู่หานยิ่งหงุดหงิดกว่าเดิม เขาใส่มันกลับคืนไปและรีบก้าวเท้ายาวๆ ไปที่ห้องดนตรี
ลู่หานนั่งลง ตรงที่ประจำของตัวเองแถวๆ หลังห้อง วางแก้วน้ำกับซองลง แล้วหยิบหนังสือการ์ตูนที่อ่านค้างไว้เมื่อวานขึ้นมาทำทีเป็นอ่าน แต่จิตใจไม่ได้จดจ่อกับมันสักนิด เฮนรี่อยู่ในห้องซ้อมเดี่ยวกับอาจารย์ วันนี้เขาเลยเขาไปนั่งในห้องนั้นไม่ได้ และหลังจากผ่านไปสองชั่วโมง เขาก็อ่านการ์ตูนไปแค่ไม่กี่หน้าเท่านั้น ทั้งที่ความจริงเขาควรจะอ่านมันจนจบ
เสียงเปิดประตูออกจากห้องซ้อม เดี่ยวกับเด็กหนุ่มที่ถือไวโอลินกำลังเดินตรงมาทำให้คนที่แสร้งทำเป็นอ่าน หนังสือใจเต้นผิดจังหวะเพราะกลัวจะโดนจับได้ว่าไม่มีสมาธิเลย เฮนรี่นั่งลงที่พื้น วางเครื่องดนตรีประจำตัวไว้ที่หน้าตักแล้วเปิดกระเป๋านักเรียนหาสมุดเขียน โน้ตเล่มใหม่ จากนั้นก็ลุกขึ้นบิดตัวไปมาแก้เมื่อย วันนี้เป็นอีกวันอันยาวนานที่ต้องซ้อมจนแทบไม่ได้พัก ตอนนั้นเองลู่หานก็ยื่นซองลายสีเหลืองขาวให้
“มีคนฝากมาให้”
“ขอบใจนะ” เฮนรี่ไม่เปิดมันดูเลย เขาเก็บลงในกระเป๋าทันที
“ฉันกลับก่อนนะ” เด็กหนุ่มร่างบางปิดหนังสือเสียงดัง สะพายกระเป๋า ลุกยืนอย่างรวดเร็ว
“ทำไมล่ะ”
“ฉัน จะแวะร้านหนังสือ ซื้อการ์ตูนเล่มใหม่” เขาคิดคำตอบล่วงหน้าไว้แล้ว ทั้งที่ความจริงก็ไม่ได้อยากได้การ์ตูนเล่มใหม่เพราะเล่มเก่ายังอ่าน ค้างอยู่ แต่เหมือนวันนี้อารมณ์มันแปรปรวนแปลกๆ
“อืม กลับดีๆ นะ” เฮนรี่ไม่ได้รั้งเพื่อนเอาไว้ ตรงกันข้าม เขาเกรงใจทุกครั้งที่อีกคนอยู่รอจนตัวเองเลิกซ้อมดนตรีแทบทุกวัน แถมยังใจดี นั่งทำการบ้านจนเสร็จก่อนแล้วเอาให้ยืมกลับไปลอกอีกด้วย “อีกไม่ถึงชั่วโมงเดี๋ยวฉันก็กลับ วันนี้เลิกเร็ว”
ลู่หานรีบสาวเท้าออกไปโดยไม่เอ่ยอะไร แค่คำว่า “พรุ่งนี้เจอกัน” เหมือนที่เคยพูดกันยังไม่มี
ร่าง โปร่งบางกระโดดลงจากรถประจำทางที่เบียดเสียดยัดเยียดในช่วงเช้าของชั่วโมง เร่งด่วน ใกล้จะได้เวลาเข้าเรียนแล้ว อีกไม่เกินสิบห้านาที เมื่อคืนเขานอนไม่ค่อยหลับ ทั้งที่ได้รับข้อความส่งเข้ามาในโทรศัพท์มือถือว่า “ไม่บายเรอะ เจอกันพุ่งนี้ ผักผ่อนมากๆ นะ” จากเพื่อนที่สนิทที่สุดซึ่งพิมพ์ผิดๆ ถูกๆ เพราะสับสนกับภาษา ทันทีที่เปิดอ่านเขาก็ยิ้ม รู้ว่าเจ้าของข้อความคงเป็นห่วง แต่ตอนที่ใกล้จะถึงหน้าประตูโรงเรียน เด็กผู้หญิงคนเมื่อวานก็ยืนอยู่ เธอกำลังพูดคุยกับเฮนรี่ด้วยท่าทีเขินอาย เธอส่งถุงกระดาษเล็กๆ ให้เฮนรี่ และเดินจากไป จากตรงนี้ห่างไปไม่กี่ร้อยเมตร มีโรงเรียนสตรีอีกแห่ง ดูจากการแต่งตัว เธอคงเรียนโปรแกรมนานาชาติ ดังนั้นคงไม่แปลก ถ้าทั้งคู่จะคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ
“ลู่หาน” เฮนรี่โบกมือให้และเดินเข้าไปหา แต่อีกฝ่ายกลับเดินจ้ำหนี “ลู่หาน” เขาเรียกชื่ออีกครั้ง
“เร็วๆ เดี๋ยวก็สายหรอก” เจ้าตัวตอบแบบหัวเสีย ก่อนจะเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่งไปที่ห้องเรียน
ผ่าน คาบเรียนที่หนึ่ง สอง สาม สี่ ลู่หานไม่มีสมาธิเลยแม้แต่นิดเดียว ได้ยินเสียงครูแวบๆ เข้าหู แต่จำไม่ได้ว่าสอนอะไรไปบ้าง นิ้วชี้กับนิ้วโป้งหมุนควงปากกาในมือ จดบ้าง ไม่จดบ้าง เพราะสายตาเหลือบมองใครอีกคนที่นั่งถัดไปสองแถวเยื้องขึ้นด้านหน้าเล็กน้อย ทุกครั้งที่แอบชำเลืองดู เฮนรี่จะตั้งใจฟังเสมอจนเขารู้สึกว่า ไม่มีอะไรรบกวนจิตใจคนๆ นั้นเลยหรือไร หรือเพราะเฮนรี่ไม่ได้คิดอย่างที่เขาคิด เฮนรี่คงไม่รู้อะไรทั้งนั้น นอกจากการเรียน การเล่นดนตรี การสอบดนตรี เสียงออดดังบอกเวลาหมดคาบเรียน พักเที่ยงแล้ว ทุกคนรีบลุกทันทีที่ครูเดินออกจากห้อง ลู่หานเองก็รีบร้อนออกไป โดยไม่สนใจคนที่ลุกยืนขึ้นมองตามด้วยความรู้สึกว่าวันนี้เพื่อนทำตัวแปลกๆ
เฮ นรี่ซื้อแซนวิชไส้หมูอบที่โรงอาหารของโรงเรียน จากนั้นก็เดินไปที่สวนด้านข้าง ใต้ต้นไม้ในมุมสงบ ลู่หานชอบนั่งตรงนี้ และเขาก็เดาไม่ผิด คนตัวบางนอนอยู่โดยไม่สนใจว่าเสื้อผ้าจะเปื้อนดินเปื้อนหญ้า เขาเข้าไปนั่งข้างๆ วางแซนวิชให้บนหน้าอก
“ฉันไม่หิว” ลู่หานหยิบแซนวิชเอาไปวางข้างตัว ทั้งที่ท้องหิวแต่กลับไม่รู้สึกอยาก
“นายเป็นอะไรน่ะ”
“เปล่า”
“กินซะสิ บ่ายนี้มีเรียนพละนะ” เฮนรี่เอื้อมไปหยิบมันมาวางไว้ที่เดิม บนหน้าอกของคนข้างๆ
“ก็ บอกว่าไม่หิวไงเล่า!” ลู่หานตะคอกแล้วลุกขึ้นอย่างเร็ว บางทีเขาก็ไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไร และกำลังโกรธอะไร แต่มันยิ่งแปลกที่พอเขาจ้องหน้าอีกฝ่าย สีหน้านั้นไม่มีความโกรธเคืองในสิ่งที่เขาทำเลย
เฮนรี่วาดยิ้มเล็กน้อย ล้วงเข้าในกระเป๋ากางเกง คลี่ผ้าเช็ดหน้าออกมา ในนั้นมีดอกไม้กลีบสีฟ้าอ่อน เขาเด็ดมันมาจากพุ่มไม้ในโรงเรียน ครั้งแรกที่เห็นเขาประหลาดใจ เพราะเคยคิดว่าดอกไม้นี้พบได้แต่ที่อเมริกาเหนือ แต่ก็ไม่ใช่ ที่ไหนอบอุ่นมันก็อยู่ได้ทั้งนั้น
“ฟอร์เก็ทมีน็อท” เขาบอกชื่อดอกไม้กลีบสีฟ้า เกสรสีเหลือง “ดอกไม้ที่มีชื่อว่า อย่าลืมฉัน พบเห็นได้ทั่วไปในแคนาดา มันเป็นชื่อจังหวัดที่สิบก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็นนิวฟาวด์แลนด์ บ้านของฉันอยู่ที่นั่น ในเมืองเล็กๆ ที่ชื่อว่า เซนต์จอห์นส์ ฉันจากที่นั่นมาเพื่อมาตามหาเพื่อนสมัยเด็ก ฉันรู้แค่ว่าเขาอยู่ที่เซี่ยงไฮ้” เฮนรี่ถอนหายใจ
“ฉัน...”
“เย็น นี้ฉันคงไม่ได้อยู่ซ้อมไวโอลินที่โรงเรียน มีคนมาชวนฉันให้ลองไปดูการซ้อมของเซี่ยงไฮ้ ซิมโฟนี่” เขาไม่แน่ใจว่าควรพูดเรื่องนี้กับเพื่อนดีหรือไม่ ตอนแรกเขาไม่กล้าไว้ใจใครและอยากพยายามด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้เขากลับอยากให้ใครสักคนแบ่งเบา
“เด็กผู้หญิงคนนั้นน่ะเหรอ” ลู่หานเดาจากท่าทีเมื่อวานนี้ ตอนที่เฮนรี่รับซองไปเปิดดูแล้วเห็นของข้างใน ในตานั้นดูเหมือนมีอะไรบางอย่าง
“ใช่ เธอเล่นพิณฮาร์ป เป็นนักดนตรีฝึกหัดของวง เมื่อวาน เธอก็หาสายไวโอลินอย่างดีแบบที่ฉันอยากได้มาให้”
“เธอชอบนายหรือเปล่า” ลู่หานรีบยกมือขึ้นปิดปาก เขาไม่เข้าใจ รู้สึกว่าตัวเองถามอะไรไม่เข้าท่า แต่มันก็หลุดออกไปแล้ว
“ไม่หรอก เธออยากชวนฉันไปเข้าวง แล้วก็...” เฮนรี่ไม่แน่ใจว่าควรจะพูดต่อดีหรือไม่ “เธออาจจะรู้จักคนที่ฉันกำลังตามหา”
เด็ก หนุ่มได้แต่นิ่งเงียบ เขาอยากรู้ ว่าอีกฝ่ายกำลังตามหาใคร อยากรู้ว่าเขาพอจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง แต่ก็กลัว กลัวว่าจะเจ็บปวดถ้ารู้ความจริง
“ลู่หาน นายจะลืมฉันก็ได้นะ” เขาไม่มองหน้าคู่สนทนา แต่มองออกไปที่ไหนสักแห่ง ไกล... ไกลจนเหมือนเขาไม่ได้อยู่ตรงนี้
“ฉัน จะไม่ลืมนาย” ลู่หานย่อเข่าลง เอื้อมไปหยิบดอกไม้กลีบสีฟ้า เม้มริมฝีปากเข้าหากัน เขามีความในใจบางอย่าง ทั้งที่ยังไม่มั่นใจ แต่ก็อยากจะพูด “เฮนรี่ ฉันชอบนาย”
ตั้งแต่วันนั้นที่ลู่หานบอกความ ในใจ ตัวเขากับเฮนรี่ก็เหมือนไม่สนิทใจที่จะใกล้ชิดกันอีก เฮนรี่แปลกไป เริ่มซ้อมดนตรีที่โรงเรียนน้อยลง กลับเร็วกว่าเดิม จนกระทั่งเรียนจบม.ปลาย เขารู้ดีว่าเพื่อนไปอยู่ที่ไหน เรียนที่ไหน แต่ก็ไม่ได้ติดต่อไปหา เพราะไม่อยากให้ทางนั้นลำบากใจ หนึ่งปีจากนั้น เขาได้รับบัตรเชิญไปดูคอนเสิร์ตของเซี่ยงไฮ้ ซิมโฟนี่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไป เพราะเริ่มสนิทกับคริสแล้ว เลยไม่รู้จะบอกอย่างไรถ้าจะไปเจอคนที่เคยชอบ
to be continued ----------- Forget me not #2
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น