คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : หนังสือเล่มเก่า
บว่า“คุณหนู เปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะครับชุดนี้มัน......”
“จน สถุล ไร้สกุลใช่ไหมคะ คุณพ่อบ้านพูดแบบนี้เป็นรอบที่ล้านแล้วนะคะ” หญิงสาว วัย18ปีพูดพร้อมก้มมองชุดนักเรียนเก่าๆมีรอยขาดตรงชายกระโปรง ถุงเท้าเก่าๆยืดๆพร้อมกับรองเท้านักเรียนเก่าๆ
“ก็เดี๋ยวคนอื่นเค้าจะดูถูกคุณหนูนี่ครับ มรดกที่ได้มาก็เยอะอยู่ แต่ทำไมคุณหนูถึงทำแบบนี้ละครับ”
“ก็เพราะ.....ไม่รู้สิคะแต่ถ้าไม่ทำแบบนี้หนูต้องเป็นควายแน่ๆอีกอย่างเงินที่พ่อแม่ทิ้งไว้
ให้ หนูก็ไม่อยากใช้ไห้สิ้นเปลืองด้วย” หญิงสาวพูดทำให้พ่อบ้านต้องถอนหายใจอย่าง
หนักใจ
“แต่อย่างน้อยก็น่าจะให้คนขับรถไปส่งไม่ใช่นั่งรถประจำทางไป มันอันตรายนะครับ”
“แต่หนูเคยนั่งบ่อยแล้วนะคะ เรื่องแค่นี้สบายมาก” หญิงสาวพูดพร้อมเดินไปหยิบกระเป๋าแบรนด์เนมที่ตกรุ่นไปแล้วขึ้นมาพร้อมเดินออกไปจากบ้านเงินหรอ สิ่งของแพงๆหรอ เหอะต้องการซะที่ไหนโลกใบนี้มันก็มีแต่สิ่งจอมปลอมเท่านั้นและ หญิงสาวพูดอย่างเหม่อลอยก่อนจะเดินขึ้นไปที่รถประจำทางที่เต็มไปด้วยผู้คนอัดแน่นเป็นปลากระป๋อง ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงนั่งเชิดหน้าชูตาอยู่ในรถสปอร์ต คู่ใจของเธอไปแล้วแต่ถ้าเธอทำอย่างนั้นชีวิตเธอคงเจอแค่ของจอมปลอมไปตลอดชีวิต เมื่อถึงจุดมุ่งหมายร่างบางก้าวลงจากรถประจำทางอย่างอยากลำบากและยืนมองหน้าประตูโรงเรียนสักพักเพื่อสูด ออกซิเจนเข้าปอดก่อนจะเดินเข้าไปในโรงเรียน สายตาทุกคู่ก็จ้องมองเธออย่างน่ารังเกียจเปรียบเธออย่างกับเศษขยะเสียงนินทาดังมาตลอดทาง นี่สินะความจริงที่เธอจำเป็นต้องรู้ การดูถูกเหยียดหยาม การนินทาใส่ร้ายนี่ใช่ไหมคนที่ไม่เหลือใครอย่างเธอควรได้รับอย่างน้อยเธอก็ได้เปิดโลกความจริงอีกมุมหนึ่งแล้ว ความเจ็บปวดวันนี้เธอจะไม่ลืมมันเลย หญิงสาวได้แต่กำมือแน่นข่มวามเจ็บปวดเอาไว้เธอไม่จำเป็นต้องเสียน้ำตาให้ใครเห็นในตอนนี้ ใหมพรหมเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ประจำห้องเรียนของเธอที่ตอนนี้มีแต่คำด่าทีเขียนด้วยปากกาเมจิกหลากสีเต็มไปหมด แต่เธอก็แค่มองผ่านๆก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้อย่างไม่ใส่ใจ เพราะถ้าเธออาละวาดตอนนี้มีแต่เธอจะเสียเปรียบสู้นั่งรอเฉยเพื่อแกล้งให้อีกฝ่ายแผนเสียไม่ดีกว่าหรอ หญิงสาวควงปากกาเล่นอย่างใจเย็นไม่นานสิ่งที่เธอรออยู่ก็เกิดขึ้น
“หน้าด้านนะเธอยังมีปัญญาเรียนที่นี่อีกหรือไง ได้ข่าวว่าเป็นนักเรียนทุนหรอยะแหมๆนิถ้าเป็นฉันนะฉันจะลาออกแล้วแล้วไปเรียนโรงเรียนวัดไปเลยและไม่ต้องมานั่งหน้าหนาอับอายชาวบ้านอยู่แบบนี้หรอก” แต่ทว่าสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามพูดกับได้แต่ใบหน้าเฉยๆที่ไม่แสดงอารมณ์อะไรเลยของใหมพรหมกลับมาเท่านั้นทำให้อีกฝ่ายเดือดขึ้นทันทีกระชากตัวหญิงสาวให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้แต่ทว่าใหมพรหมก็เร็วกว่าจับบิดข้อมือพร้อมถีบเข้าที่ท้องอย่างแรงจนอีกฝ่ายต้องล้มไปนอนกับพื้น
“อ้อ! ลืมบอกไปนอกจากจะหน้าหนา ตีนฉันก็หนักด้วยนะจำไว้ด้วยละ” ใหมพรหมพูด
พร้อมนั่งลงเก้าอี้อีกครั้งพร้อมกับหยิบสมุด ปากกาขึ้นมาเพื่อเตรียมเรียน ทำให้อีกฝ่ายทำได้แค่มองอย่างเคียดแค้นแต่ก็ต้องเดินกลับไปเพราะครูเข้าสอนพอดี ชั่วโมงเรียนของเธอดำเนินไปอย่างเงียบๆแต่ใหมพรมก็ยังคงนั่งเหม่อลอยสายตาจ้องมองท้องฟ้า อย่างหาคำตอบว่าร่างของพ่อแม่ของเธออยู่ส่วนใดของท้องฟ้า ความคิดก็ยังนึกถึงวันวานที่เคยมีร่วมกัน มันช่างอบอุ่นเหลือเกินมีรอยยิ้ม มีความสุขแต่ตอนนี้เธอจะหามันได้จากไหนคนที่รักเธอจริงจะมีอีกหรือแค่สิ่งที่เธอได้รับวันนี้มันก็หนักหนา ถึงแม้สีหน้าของเธอจะบ่งบอกว่าไม่เป็นไรแต่หัวใจของเธอกลับเหนื่อยเกินจะเดินต่อไปแล้ว พลันน้ำตาก็ไหลลงมาเป็นทาง หญิงสาวรีบยกมือเช็ดและเดินออกจากห้องเรียนทางประตูหลังโดยไม่มีใครสังเกตราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอพาร่างอันอ่อนแรงมานอนใต้ตนไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งใบปกคลุมยอดหญ้าทุกต้นให้พ้นจากแสงแดดรวมถึงตัวเธอด้วย ใหมพรมยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก ตาของเธอปิดสนิทเผยให้เห็นขนตาที่เรียงตัวเป็นแพสีดำเข้มที่เธอถอดแบบมาจากพ่อซึ่งมันไม่งอนงามเลยสักนิดให้บุคลิกที่เข้มขรึมเสียมากกว่า ผมสีฟ้าอ่อนแผ่กระจายลงบนยอดหญ้า ผิวของเธอขาวจัดราวกับหิมะตัดได้ดีกับสีเขียวของธรรมชาติ ซึ่งทั้งหมดนี้ตกอยู่ในสายตาของชายหนุ่มที่มีร่างกาย แข็งแรงราวกับกำแพงซึ่งเขากำลังจ้องมองใหมพรมที่นอนก่ายหน้าผากอยู่ริมฝีปากเหยียดยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากพึมพำราวกับกระซิบกับสายลม
“ไม่เจอกันนานเลยนะขอรับ”
“เรน เราต้องไปแล้วพรรคพวกรอเราอยู่ อย่าห่วงเธอนักเลย” หญิงสาวผมสีดำรูปร่าง
ปราดเปรียวที่ตอนนี้กำลังเอาขาไว้เป็นรูปตัวSกับต้นไม้ห้อยหัวลงมาเอ่ยกับคู่หูของเธอ
“อืม เธอก็ลงมาเถอะทำแบบนี้มาสามชั่วโมงแล้วเลือดลงหัวพอดี” ส่งผลให้เมเปิ้ลหญิงสาวผมดำกระโดดลงมาทันที
“ที่นี่มันร้อนชะมัด” ก่อนจะรวบผมทั้งหมดเกล้าขึ้นหัวแล้วจัดการมวยเป็นรูปจนเสร็จสรรพ
“ไม่หรอกอุณหภูมิที่ประเทศไทยอบอุ่นแต่เธอเองนั่นและอยู่ที่อุณหภูมิที่ต่ำกินไปเลยปรับตัวไม่ทัน”
“ชิ ก็นะ ไปเหอะ เราต้องไปส่งข่าวกับหัวหน้าอีก ถ่ายรูปเธอไว้แล้วใช่ไหม”
“อืม ทุกอิริยาบถเลย”พูดจบก็โชว์รูปที่ออกจากกล้องโพลาลอยด์เกือบ20ใบออกมา
"นายเว่อไปปะ ทำอย่างกับเป็นคนโรคจิต"
"ก็เธอสั่ง"
“ฉันประชด เอาเถอะขี้เกียจเถียงกับนายแล้ว”
“เค้าเรียกว่าพูดแบบมีเหตุผลต่างหาก”
“จ้าๆไอ้คนมีเหตุผล ไอ้ตรรกะซึมเข้าเซลล์เม็ดเลือด แต่ตอนนี้กลับก่อนได้ไหมฉันจะ
ละลายแล้ว"
"ปัญญาอ่อน อุณหภูมิตอนนี้ 28องศาร่างกายคนเราทนความร้อนได้ถึงอุณหภูมิ...บ
ลาๆๆๆๆๆ ”ชายหนุ่มพูดพล่ามโดยที่คนตรงหน้ากำลังหาววอดอยู่อย่างไม่สนใจ
“ไปเหอะ ก่อนที่ฉันจะสลบไปกองที่พื้น แบบว่ามึน และช่วยเก็บตรรกะของนายไปให้ห่างจากฉันสัก24ชั่วโมงได้ไหมคือเวลาฟังมันเหมือนฟังภาษาต่างด้าวอยู่มันไม่รู้เรืองและไม่เข้าจายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
“อืม” ชายหนุ่มพึมพำคาถาโบราณอยู่สักพักก่อนจะปรากฏสายลมที่ปลายนิ้วชี้ของของเขาก่อนจะจรดไปที่พื้นดิน ไม่นานสายลมก็ก่อตัวขึ้นร่างของชาย-หญิงก็หายไปในพริบตาทิ้งเหลือไว้เพียงใหมพรมที่กำลังนอนหลับอย่างกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ความคิดเห็น