คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : ทะเลเหงา
ฟังเพลง | ธุรกิจออนไลน์ | งานออนไลน์ | รายได้เสริม
ทะเลเหงา
หลังจากวันนั้นที่ฟิลลิปต์พาฉันไปซื้อของเพื่อเตรียมไปทะเลนั้น พวกเราจึงได้ผลสรุปออกมาว่าเราจะไปทะเลกันทั้งหมด6คน โดยเราจะจับกันเป็นคู่ๆไปมี เนยกับเบนซิล บราซิลกับฟอร์เซีย(ฉันกำลังสงสัยอยู่คะว่าใช่ยัยคนนี้หรือเปล่าที่นัดฉันไปตบตอนนั้นหรือเปล่า เพราะชื่อมันเหมือนกันนี่หว่า) และ สุดท้ายฉันกับฟิลลิปต์ ซึ่งเฟอร์เซียก็ตกอยู่ในฐานะเดียวกับฉันที่ต้องมีกรรมการคุมกฏควบคุมพฤติกรรรม แต่ติดที่ว่าเฟอ์เซียโชคดีหน่อยที่ได้บราซิลผู้จิตใจดีไป ซึ่งแตกต่างกับฉัน ที่ได้ฟิลลิปต์ผู้เฉยชาและดุเหมือนหมาบางแก้วมานั่นเอง แต่ถ้าให้พูดถึงนิสัยของฟิลลิปต์ เท่าที่อยู่ด้วยกันมาละก็ เขาออกจะเป็นคนเงียบๆและชอบนั่งคิดอะไรคนเดียวมากกว่า ยิ้มน้อย มันก็ออกจะเย็นชานะ สำหรับคนที่ไม่สนิทกับเขาจริงๆ มันก็เหมือนฉันตอนที่เจอกับฟิลลิปต์ครั้งแรกนี่และ แต่ยังไง หมอนั่นก็โหดจริงๆไม่สิหมอนั่นออกแนวเฉียบขาดมากกว่า เอ๊ะแล้วฉันจะมาคิดเรื่องของอีตาบ้านั่นทำไมกัน ฉันมองไปที่เนยที่มานั่งรอในห้องของฉันเพื่อที่จะรอพวกของฟิลลิปต์มารับไปที่โรงเรียนเพื่อไปเคลียล์+เช็ค เอกสารในห้องกรรมการคุมกฎ เพื่อไห้แน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจึงเดินทางไปทะเลกันในระหว่างที่ฉันและเนยกำลังนั่งเหม่อ+หลับ กันอยู่นั้น ไอโฟนสีขาวของฉันก็สั่นขึ้นมาทำให้ฉันสะดุ้งทันทีแล้วรับมันขึ้นมากดรับสาย
“พวกฉันมาถึงกันล้ว มีของกันเยอะไหมจะได้ขึ้นไปช่วยถือ”
“อ่า ก็ออกเยอะนิดหน่อยตามถาษาผู้หญิงนะ แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉนถือกันไปเอง” ฉันพูดพร้อมมองกระเป๋าทั้ง4ใบของตัวเอง มันถูกแยกอกเป็น กระเป๋าเสือผ้า1ใบใหญ่ ชุดว่ายน้ำ+ของใช้ส่วนตัว1ใบ ใบนี้ประมาณกลางๆ และกระป๋าใบเล็กสำหรับใส่ครีมบำรุงผิว1ใบ
“ไม่ต้อง เธอเอามันมาวางไว้ข้างนอกห้องและแล้วปิดประตูห้องอะไรไห้เรียบร้อยซะ เดี๋ยวพวกฉันหาที่จอดเร็วแปบ แล้วจะตามขึ้นไป”ฉันกับเนยทำตามที่ฟิลลิปต์บอกพร้อมออกมายืนรอกันข้างนอกไม่นานพวกฟิลลิปต์ก็ขึ้นมาพร้อมกับผู้หญิงผมสีฟ้าน้ำทะเลที่คาดว่าน่าจะย้อมมาตัดกับตาสีเขียวมรกตเข้มของเธอที่เป็นของแท้แม่ไห้ ผิวของเธอขาวออกไปทางขาวซีดชนิดที่หิมะยังต้องอาย ปากที่อวบอิ่มที่ทาลิปสติกสีแดงเข้มนั้นรับกับจมูกที่โด่งเชิดๆทำไห้เธอผู้นี้ออกแนวหยิ่งๆไปด้วย ทำไห้เธอคนนี้สวยเหมือนน้ำแข็งเลยทีเดียว
“มีแค่นี้ใช่ไหม”ฟิลลิปต์ถามเสียงราบเหมือนคนที่นอนไม่เต็มอิ่ม อ้อแน่สิก็นี่มันพึ่งจะตี4นี่น่า ที่เราต้องไปกันตั้งแต่เช้าเพราะว่าการเดินทางไปทะเลนั้นต้องใช้เวลาและอีกอย่างเราเลือกเดินทางด้วยรถตู้เนื่องจากการขึ้นเครื่องบินมันเป็นการเปลืองงบของกรรมการมากเกินไป ส่วนที่พักเราจะไปพักที่บ้านพักต่างอากาศของบราซิล ซึ่งทางบ้านของเบนนั้นเป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรมขนาดใหญ่ ซึ่งมีหลายแบบไห้เลือกมีเป็นห้องแบบบโรงแรม และบ้านพักต่างอากาศ เราจึงเลือกบ้านพักต่างอากาศเพราะมันสะดวกมากกว่าไม่นานพวกเราก็ขึ้นรถตู้เพื่อไปที่โรงเรียน พวกฟิลลิปต์และเนยบอกว่าไห้ฉันกับฟอร์เซียนอนรอกันอยู่บนรถเพราะเข้าไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ แป่ว หลังจากที่พวกนั้นลงไปความอึดอัดในรถระหว่างฉันกับเฟอร์เซียก่อตัวขึ้นทันทีไม่นานฟอร์เซียก็เอ่ยฟากถามฉันก่อน
“นี่จัสมินใช่ไหม เธออ่ะ ฉันฟอร์เซียจำได้ไหม คนที่โทรไปหาตอนที่นัดเธอมาตบไง” คำพูดนั้นทำไห้ฉันอึ้งเล็กน้อยคนอะไรพูดตรงยิ่งกว่าไม้บรรทัด
“อ่าเธอนั้นเองถามจริงๆนะเธอทำแบบนี้ทำไม” ฉันหันหน้าเข้าไปหาฟอร์เซียเพื่อจะได้คุยกันแบบหันหน้า
“ฉันต้องขอโทษด้วยแต่มันป็นทางสุดท้ายที่ฉันจะได้เข้า ร.ร นี้”ฟอร์เซียพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าลงเล็กน้อยพร้อมก้มมองอะไรบางอย่างในกระเป๋าตังค์ตัวเองฉันเห็นแบบนั้นถึงกับต้องถอนหายใจออกมา
“เอาเหอะ ฉันไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยจะอยู่ที่นี่หรือที่ไหนฉันก็ไม่มีใครสนใจอยู่แล้ว แล้วเธอละที่ร.ร นี้มันมีอะไรไห้เธอมางั้นหรอ” ฉันถามและมองหน้าฟอร์เซียแบบต้องการคำตอบ
“มีสิ บราซิลไง ฉันกับเขา เราเคยเป็นแฟนกัน แต่มันก็มีเหตุผลบางอย่างที่ทำไห้เราต้องเลิกกันนะเ ขาเลยย้ายมาอยู่ร.รนี้ และฉันก็ย้ายตามมาซึ่งมันก็สายไป เพราะไม่สามารถรับเด็กเพิ่มได้อีกนอกจากฉันจะใช้วิธีนี้ มันอาจจะดูเห็นแก่ตัวไปหน่อยแต่ก็ขอโทษนะ ยังไงเธอคงช่วยทำไห้เขากลับมารักฉันได้ไหม”ฟอร์เซียส่งสายตาประมานว่าขอร้องมาให้ฉันจนฉันอดสงสารไม่ได้
“ฉันจะช่วยเท่าที่ช่วยได้ละกันนะ เอาเป็นว่าเธอมีอะไรไม่สบายใจก็มาบอกฉันได้เลย เพราะฉันจะเป็นเพื่อนเธอเอง” คำพูดที่พูดออกไปทำไห้ฉันอึ้งกับตัวเองเล็กน้อย เพื่อนหรอ นี่ฉันพูดออกไปได้ไงกัน ฉันคิดจะมีเพื่อนกับคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ ทางฟอ์เซียก็อึ้งเหมือนกัน แต่เธอก็ตอบกลับมา
“เอาสิ ฉันเองก็อยากจะมีเพื่อนเหมือนกัน”ราวกับเธอทั้งสองมีบางอย่างในชีวิตที่คล้ายคลึงกัน ถ้าเทียบกันแล้วฟอร์เซียก็เหมือนเป็นน้ำแข็งที่เย็นยะเยือกละก็จัสมินก็คงเป็นกองไฟที่พร้อมจะแผดเผาได้ทุกอย่าง หลังจากนั้นทั้งคู่ก็แลกเบอร์โทรศัพท์แล้วก็คุยกันในหลายๆเรื่องจนรู้ตัวอีกทีพวกฟิลลิปต์ก็ขึ้นกันมาบนรถตู้แล้วพวกเราก็มุ่งหน้าไปทะเลทันที แต่ในขณะที่ทุกคงมีความสุข+ตื้นเต้นในการไปทะเลนั้นแต่ฟิลลิปต์กับขมวดคิ้วหากันแน่นราวกับคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจแต่พูดออกมาไม่ได้เท่านั้นเอง
.........................................................................................................................................................
เกือบเที่ยงเราก็เดินทางมาถึงที่บ้านพักต่างอากาศที่ทะเลแต่เราก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลยเพราะฝนดันตก เราเลยออกอาการเซ็งเล็กน้อยทุกคนแยกย้ายกันไปธุระส่วนตัวจนถึงตอน1ทุ่ม เนยกับเบนซิลนั่งดูหนังผีฝรั่งกันจากช่องเคเบิ้ล โดยเนยทำแซนวิซ +ป็อบคอนมาไห้เพื่อรองท้องเพราะตอนนี้เราไม่สามารถไปหาซื้ออะไรกินกันได้เลย ฉันเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างซึ่งอีกฝั่งหนึงจะเป็นห้องกระจกทำมาเพื่อสำหรับคนที่อยากดูดาวซึ่งมีเตียงขนาดเล็กๆ กับหมอน2ใบใหญ่บวกกับผ้านวมซึ่งมันก็ชวนน่านอนทีเดียว ในห้องนั้นมีฟิลลิปต์ที่นั่งอบู่บนโต๊ะไม้ขนาดเล็ก เขากำลังทำเอกสารที่ขนมาจากห้องกรรมการคุมกฎด้วยสีหน้าเคร่งเครียด อ่าไห้ตายสิเขาจะหิวอะไรไหมน้า ฉันคิดในใจ เราทุกคนอาบน้ำกันหมดเรียบร้อยฉันอยู่ในเสื้อนอนสีแดงเป็นแบบเสื้อกับกางเกง ฉันหลีกเลี่ยงการใส่กระโปรงเพราะอากาศหนาวจากฝนที่ตกลงมานั่นเอง ฉันเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อไปเอาแซนวิซแฮมชีสที่เนยทำพร้อมกับอุ่นนมอุ่นๆสักเหยือกหนึงพร้อมใส่ถาดแล้วก็ไม่ลืมที่หยิบแก้วไปด้วย เพื่อเอาไปไห้ฟิลลิปต์ในห้องนั้น ฉันเคาะประตูเพื่อเป็นการขออณุญาตในการที่จะเข้าไปในห้องนั้น ร่างสูงในชุดนอนสีดำก็ออกมาเปิดประตูด้วยสีหน้าเคร่งเครียดแต่เมื่อเขาเห็นฉันก็ทำหน้าออกแปลกใจเล็กน้อย
“ฉันเอาอาหารมาไห้ เห็นนายยังไม่ได้กินอะไร นี่ขอเข้าไปในห้องด้วยสิ ฉันไม่มีเพื่อนเลยอะ “ ฟิลลิปต์มองด้วยสีหน้างงเล็กน้อยแต่เขาก็หายงงทันที เมื่อเห็นว่าเนย+เบนซิลกำลังดูหนังกันอย่างสนุก ส่วน2คนที่เหลือนั้นก็ขึ้นไปนอนกันหมดแล้ว ไม่นานฟิลลิปต์ก็พยักหน้า เป็นเชิงอณุญาติ ฉันวางถาดอาหารลงแล้วเทนมลงในแก้วเพื่อไห้ฟิลลิปต์ดื่ม
“อ่ะนี่ กินซะหน่อย” ฉันยื่นมันไปหาเขา ไม่นานนมแก้วนั้นก็หมดไปโดยการกระดกรวดเดียวหมดของฟิลลิปต์
“แซนวิซนั่นนะ เธอเอาไปกินเถอะ ฉันอิ่มแล้ว เธอก็ยังไม่ได้กินอะไรไม่ใช่หรือไง กินซะสิ” คำพูดนั้นทำไห้ฉันต้องหยิบแซนวิซขึ้นมากินทันที ฉันชะโงกหน้าไปมองเอกสารที่เขากำลังทำอยู่มันคือเอกสารที่เธอกับเขาช่วยกันทำตอนนั้นี่ ก็มันเสร็จแล้วไม่ใช่หรอ
“รายงานมีปัญหาหรอถึงต้องมาทำใหม่”ฉันถามขณะที่ปากก็เคี้ยวแซนวิซตุ้ยๆ
“มันหายไปจากไฟล์งาน บิลใบนั้นก็ด้วยแต่พอดีฉันทำสำรองไว้ ที่นี้ก็เหลือแค่พิมพ์รายงานไหม่ก็เท่านั้นเองแต่ที่ฉันเครียดก็คือ ของมันจะหายไปได้ยังไง ในเมื่อฉันก็เก็บเอาไว้ดีแล้วแต่ก็ชังมันเถอะ” พูดจบเขาก็นั่งพิมพ์รายงานต่อไป
“มีอะไรไห้ฉันช่วยหรือเปล่า ฉันไม่มีอะไรทำเลยอ่ะ”
“ไม่มี ถ้าเธอเบื่อก็ไปนอนรอบนเตียงก็แล้วกันแล้วถ้าเสร็จงานเมื่อไหรเดี๋ยวฉันปลุกเธอไปนอนบนห้องเอง” ไม่นานฉันก็จัดการเอาตัวเองม้วนตัวเป็นดักแด้อยู่ในผ้าห่มซึ่งทำไห้ฟิลลิปต์ยิ้มออกมาเล็กน้อย
“อะไรเล่า ก็มันหนาวนินา”
“แล้วฉันไปว่าอะไรเธอละ ยัยบ๊อง”
..........................................................................................................................................................Part:fillip
กว่างานจะเสร็นก็ล่อไปเกือบตี1 ผมยอมรับเลยว่าผมเหนื่อยจริงๆกับการที่ต้องตื่นมาตี4 โดยปกติแล้วผมไม่ใช่คนตื่นเช้าอะไรหรอกแต่เพราะวันนี้เรามีเดินทางไกลผมเลยต้องตื่นขึ้นมา แต่เรื่องก็ยังไม่จบเมื่อผมไปเช็คเอกสารรายงานการใช้งบของโรงเรียนแล้วพบว่ามีเอกสารบางส่วนหายไปแล้วเป็นเอกสารสำคัญต่อโรงเรียนเป็นอย่างมาก นั่นก็คือการยักยอกเงิน ไอ้ตัวผมก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เท่าไหร ถ้าไม่ใช่ว่าในใบเอกสารที่หลงเหลืออยู่นั้นมีคำว่า แล้วเจอกัน เขียนเอาไว้ หรือว่าสิ่งที่ผมกำลังหลบมาตลอดมันกำลังมาหาผมแล้ว ผมกุมจมูกตัวเองแล้วนวดมันช้าๆเพื่อไห้ความเครียดบรรเทาลง ยังไงก็ขออย่าไห้เป็นตอนนี้เลย ผมมองไปที่จัสมินผู้หญิงที่ก้าวเข้ามาในชีวิตผม เธอทำไห้ผมมีความสุขมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้สิผมว่าอยู่กับเธอแบบนี้แล้วผมสบายใจ มันทำไห้ผมเลิกระแวงหลายสิ่งหลายอย่างรอบตัวดูปลอดภัย ซึ่งมันนานมากแล้วกับความรู้สึกแบบนี้ ถ้าอดีตพวกนั้นจะกลับมาเล่นงานผมอีกครั้งก็ขอไห้ผมได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่กับเธอไห้เต็มที่ ก่อนที่ผมจะกลับไปเป็นคนเดิม คนที่เลว สายตาที่ไม่เคยสนใจสิ่งใดบนโลกใบนี้แล้วถ้าวันนั้นมาถึง จัสมินก็คงยอมรับผมไม่ได้เช่นกัน ผมตัดสินใจเลิกคิดเรื่องต่างๆแล้วเดินไปปลุกจัสมินแต่ผลที่ได้คือเธอหลับเป็นตายผ้าห่มที่ม้วนก็คลายออก ไห้ตายสิผมก็ง่วงเต็มที่เหมือนกันผมเลยตัดสินใจลงนอนที่พื้นและแอบดึงผ้าห่มจากจัสมินมาห่มบ้าง ร่างบางมีท่าทีไม่พอใจเล็กน้อยไม่นานเธอก็หลับต่อ เออไห้ตายสิบจะหลับก็หลับเป็นตาย จะเหลือเวลาอีกนานเท่าไหรกันที่ผมจะได้อยู่กับเธอ ผมปิดเปลือกตาที่หนักอึ้ง จากความเหนื่อยล้ามาทั้งวันอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่นาน ความมืดก็เข้ามากลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง
..........................................................................................................................................................
แสงอาทิตย์ท่สาดส่องลอดออกมาจากผ้าม่าน เสียงเครื่องปรับอากาศที่ทำงานอย่างต่อเนื่องปลุกไห้ฉันตื่นขึ้นมา แต่สิ่งที่ทำไห้ฉันตกใจจนแทบกรี๊ดก็คือ ฉันกำลังนอนอยู่บนตัวของฟิลลิปต์ และที่สำคัญเธอกำลังกอดเขาอยู่ นี่อย่าบอกนะว่าเธอนอนตกเตียง เธออายสุดๆ โชคดีที่ฟิลลิปต์ยังไม่ตื่นเลยไม่เห็นอาการอายของเธอ จัสมินค่อยๆลุกออกจากห้องอย่างช้าๆ ก่อนจะไปอาบน้ำแต่งตัว ส่วนฟิลลิปต์ที่นอนอยู่ในห้องก็ยิ้มออกมา มีเหรอเขาจะไม่ตื่น อันที่จริงเขาตื่นตั้งนานแล้วแต่ก็ไม่สามารถไปไหนด้วยด้วยอ้อมแขนเล็กของเธอกอดเค้าไว้จนไม่กล้าลุกไปไหนเพราะกลัวเธอตื่นแล้วกรี๊ดลั่นบ้าน ชายหนุ่มยิ้มกว้างอีกครั้งหนึง
“ถ้าเป็นแบบนี้ทุกวันก็ดีสิเรา” ไม่นานเขาก็ยันตัวเองขึ้นจากพื้นแล้วตัดสินใจ-ขึ้นไปนอนบนเตียงนอนต่อ เพราะว่าเขายังนอนไม่เต็มที่เลยนี่นา
ความคิดเห็น