คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ภาพบาดตา การกระทำบาดใจ
Cccccccccccccccccccccccccc
ฉันตื่นขึ้นมาจากการประสบอุบัติเหตุครั้งใหญ่ของชีวิตแต่มันช่างแปลกไม่เคยมีใครมาเยี่ยมฉันเลย
แม้แต่พ่อของตัวเอง ฉันพึ่งรู้สึกตัวได้เมื่อ10นาทีก่อนตอนนี้เป็นเวลา6โมงเช้า มันเป็นเวลาที่ทำให้ฉันได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า เป็นวิวที่สวยที่สุดสำหรับคนที่อยู่ในเมืองอย่างเราจะหาดูได้ มันเป็นแสงที่สามารถให้ความอบอุ่นในท่ามกลางความหนาวเย็นยะเยือกของเวลาเช้า ฉันสูดหายใจลึกๆเข้าปอดรับอากาศบริสุทธิ์ในยามที่ผู้คนทั้งเมืองซึ่งส่วนใหญ่ยังหลับกันอยู่ ผู้สูงอายุก็จะตื่นมาตักบาตรและยังเห็นบางคนมาวิ่งออกกำลังกาย กี่ปีแล้วแม้เวลาผ่านไปเท่าไหร วิถีการดำรงชีวิตของคนเราก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากมองวิวที่ระเบียงอยู่นานลมตอนเช้าก็พัดมากระทบที่หน้าอย่างแผ่วเบาเป็นสัญญาน ของการดำรงชีวิตในวันใหม่ เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ฉันรู้ว่าฉันยังมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความเหงาและความมืดของจิตใจ ไม่นานนักฉันก็เดินกลับเข้ามาในห้องแล้วเดินไปในห้องน้ำเพื่อลางหน้าล้างตา ความเงียบในห้องน้ำพอที่จะทำให้ฉันได้ยินเสียงการจัดจาน อยู่ข้างนอก ว้าวดีใจจังในที่สุดพี่ชายของฉันก็มาสักทีด้วยความดีใจทำให้ฉันรีบลากสายน้ำเกลืออกมาจากห้องน้ำแล้วกอดพี่ชายตัวเองจากด้านหลังโดยไม่ได้สังเกตสีผมเลยว่าคนที่ตนนั้นกอดอยู่เป็นสีดำไม่ใช่สีบล์อนทองเข้มอย่างที่ควจะเป็น
“นึกว่าจะไม่มาซะแล้วจัสมินคิดถึงพี่มากรู้ไหม”ฉันพูดพร้อมกอดแรงขึ้น
“ฉันไม่ใช่...”ร่างสูงพูดพร้อมหันหลังกลับมาทำให้หญิงสาวปล่อยอ้อมกอดแล้วถอยหลังออกอย่างรวดเร็ว
“นายจะมาทำไม ออกไปจากห้องเดี๋ยวนี้”ฉันตวาดลั่นท่ามกลางภาพที่ติดอยู่ภายในจิตใจก่อนที่ฉันจะโดนรถชน
“ใจเย็นก่อนสิ”ชายหนุ่มพูดอย่างอ่อนแรงเขารู้ตัวและสำนึกผิดในสิ่งที่เขาทำเพราะฉนั้นมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เธอควรจะโกรธเขา
“บอกให้ออกไป” ฉันตวาดลั่นห้อง
“มีเหตุผลหน่อยได้ไหม จะโกรธฉันก็ได้ แต่ฉันจะไม่ไปไหน ฉันไปตอนนี้ใครจะเฝ้าเธอละ”
“อย่ามาตอแหลฉันดูแลตัวเองได้ เพราะฉนั้นออกไปได้แล้วเพราะหน้านายตอนนี้ฉันรังเกียจมาก”ฉันพูดพร้อมมองฟิลลิปต์ตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ในเมื่อเธอไม่มีเหตุผลฉันก็จะไม่มีเหตุผลเหมือนกัน”ฟิลลิปต์พูดพร้อมไปที่ถ้วยโจกและจานอาหารต่างแล้ววางลงที่ทานข้าวของผู้ป่วยก่อนจะลากมันมาที่เตียงของฉัน
“ได้อยากอยู่นักใช่ไหม งั้นนายก็อยู่ไป ฉันจะออกไปเอง”ฉันพูดพ้อมจะก้าวออกจากห้องแต่ร่างสูงก็เอื้อมมือมากอดไว้ที่รอบเอว ส่วนอีกข้างก็จับปลายคางของฉันเชิดขึ้น
“ขอร้องละจะให้ฉันทำยังไงเธอถึงจะหายโกรธ ฉันจะยอมทำให้ทุกอย่าง ใครจะโกรธจะเกลียดฉัน ฉันไม่ว่า แต่เธออย่าเป็นหนึ่งในนั้นได้ไหม ฉันคงรับไม่ได้”คำพูดของฟิลลิปต์ทำให้ฉันต้องก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย
“นี่ถ้านายยังกอดฉันอยู่แบบบนี้ฉันจะกินโจ๊กได้ไงเล่า รีบปล่อยเลย ฉันหายใจไม่ออก”ฉันพูดแล้วรีบเดินออกมา
“ค่อยๆเดินสิ ลืมไปแล้วหรอว่ามีสายน้ำเกลือติดตัวอยู่”ฟิลลิปต์พูดพร้อมลากเสาน้ำเกลือตามมา
“ก็ใครใช้ให้นายมาพูดจาแบบนั้นกันเล่า”
“โอเคไปกินข้าวเถอะ” ฟิลลิปต์พูดพร้อมพาฉันมาที่เตียงแล้วจะป้อนอาหารให้
“ฉันกินเองได้” ฉันพูดขึ้นแล้วมองฟิลลิปต์ที่กำลังจะตักโจ๊กเข้าปากของฉัน
“เธอถนัดมือขวาแต่มันโดนเจาะสายน้ำเกลืออยู่ แล้วมันจะไปกินได้ไง”
“ฉันยังมีมือซ้ายอยู่กินเองได้ วางช้อนเลยฉันกินเองได้”
“อย่าเรื่องมากน่า บอกจะป้อนก็ป้อนสิ ดื้ออยู่ได้ เอ้าอ้าปากเร็ว อา ....อ้ำ ค่อยๆเคี้ยวนะ”
“ฉันโตแล้วนะ” ฉนพูดพร้อมเคี้ยวโจ๊กในปาก
“อร่อยไหม”
“งั้นๆและ”ฉันพูดโกหกออกไปทั้งๆที่ความจริงมันอร่อยมาก
“อย่ามาโม้”ฟิลลิปต์พูดพร้อมเอื้อมมือมาบีบจมูกฉันส่ายไปส่ายมา
“อย่ามาทำร้ายผู้ป่วยสิ แล้วจะป้อนไหมเนี่ยข้าวเนี่ย”
“ป้อนสิ เร็วสิอ้าปาก อา อ้ำ”แล้วโจ๊กก็ผ่านไปเกือบหมดชามตามด้วยมะละกอที่ถูกฝานเป็นชิ้นโดยมีฟิลลิปต์คอยเอาช้อนส้อมจิ้มป้อนอยู่ไม่ห่าง ทั้งคู่พากันป้อนอาหารโดยไม่รู้ตัวเลยว่าต่างฝ่ายต่างยิ้มไม่หยุดโดยไม่รู้เลยว่ามีพยาบาลคนหนึ่งที่จะเอายาหลังอาหารมาให้คอยมองพฤติกรรมของพวกเค้าโดยไม่กล้าขัดจังหวะ
“เอ่อ ขอโทษนะคะ นี่ยาหลังอาหารคะ”พยาบาลพูดแล้วรีบวิ่งออกมา จนทำให้คู่หวานที่อยู่ในห้องรู้ตัวแล้วเบือนหน้าออกจากกันด้วยความเขินอาย
“อิ่มแล้ว จะกินยา”
“เอ่อ แปบนึงนะ”ชายหนุ่มพูดก่อนจะเดินไปหยิบยามาให้หญิงสาวมาวางไว้ที่มือของเธอหลังจากนั้นเธอก็จัดการกินยาจนหมด
“ดูทีวีไหม”ชายหนุ่มถาม
“อืมเปิดสิ จะดูหนัง”หญิงสาวพูดพร้อมรับรีโมทมาพร้อมเปิดไปดูหนังช่องโปรดซึ่งเป็นหนังต่างชาติที่จะเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นและดูอย่างตั้งใจ
“ดูด้วยหรอ ฉันก็ดูนะ บางครั้งก็ชอบคลี่คลายคดีว่าใครเป็นฆาตกร”
“ฉันก็เหมือนกัน ลองมาแข่งกันดูสักตั้งไหมละ”หญิงสาวยืนคำท้า
“อย่ามาท้า ถ้าแพ้แล้วจะเสียใจ”
“กลัวมากเลย ถ้าใครแพ้ต้องเต้นรำบำตูดกล้าไหมละ”
“เหอะ รับคำท้า”ภาพที่ทั้งคู่ทำกิจกรรมต่างๆด้วยกันไม่ใช่แค่พยาบาลคนเดียวที่เห็นแต่เป็น”ฟาโรห์”ชายหนุ่มผมสีควันบุหรี่ที่ในมือถือดอกทานตะวันจากรอยยิ้มที่เคยประดับไว้บนหน้าก็เปลี่ยนเป็นริมฝีปากที่เม้มเข้าหากัน ที่ยืนดูมองพฤติกรรมต่างๆต้งแต่ต้น ก่อนที่จะเดินจากไปด้วยหัวใจที่ปวดร้าว
100เปอ ร์เซ็นต์
Cccccccccccccccccccccccccc
ความคิดเห็น