ใครกันที่เจ็บ? - ใครกันที่เจ็บ? นิยาย ใครกันที่เจ็บ? : Dek-D.com - Writer

    ใครกันที่เจ็บ?

    กาญจนา สาวมหาลัยผู้ไม่ประสีประสาความรัก เมื่อเขาได้พบ ชญานนท์ วิศวกรหนุ่ม เธอจึงพลาดพลั้งให้ไปทั้งหัวใจ อะไรจะเกิดขึ้นถ้าเขามองเธอเป็นเพียงทางผ่าน!!!

    ผู้เข้าชมรวม

    329

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    329

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  6 ต.ค. 52 / 03:10 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    /> /> /> กาญจนาเข้ากรุงเทพมา เพื่อศึกษาต่อ

    แต่แล้วชีวิตที่ดำเนินมาก็เริ่มไขว้เขว...

    เมื่อเริ่มมีเรื่องราวของความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง

    เรื่องสั้นเศร้าๆ สำหรับเตือนสติหนุ่ม สาว วัยมหาลัยอยู่ตรงนี้แล้ว

    ^^

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ใครเจ็บ?

                  คมมีดสะท้อนแสงวาววับเมื่อต้องกับแสงนีออน ใบมีดยาวเกือบหนึ่งฟุตดูใหม่เอี่ยมไร้ที่ติแตกต่างจากหญิงสาวผู้ถือมันอย่างสิ้นเชิง

                  ไร้สติ ดวงตาเหม่อลอย ผมเพ้าฝูรุงรัง ดวงตาบอบช้ำบ่งบอกถึงความเสียใจที่เกิดขึ้นอย่างยาวนานเนื้อตัวเสื้อผ้าขาดวิ่นเหมือนคนบ้าที่ไม่จำเป็นต้องใส่ใจดูแลตัวเอง คมมีดเคลื่อนตัวเข้าหาข้อมือเล็กๆสีขาวซีดของเธออย่างช้าๆ เธอหลับตาลงพร้อมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น

                  ปิ๊บ ปิ๊บ ปิ๊บ      

                  หญิงสาวสะดุ้งเฮือก เธอวางมีดลงก่อนที่จะวิ่งเข้าไปรับโทรศัพท์อย่างมีความหวัง รอบตัวเธอเต็มไปด้วยอุปกรณ์สำหรับคร่าชีวิตของตัวเอง ทั้งเชือกที่ถูกมัดปม ยานอนหลับอีกสองกระปุก น้ำยาล้างห้องน้ำ รวมทั้งมีดคมวับที่เธอเพิ่งวางเอาไว้

                  “พี่นนท์ พี่นนท์ใช่ไหมคะ” หญิงสาวเอ่ย เสียงสั่นเครือ

                  “นนท์บ้าอะไรของแกยัยกาญ ทำไมเธอไม่มาเรียน เธอจะถูกตัด มส.แล้วนะ” ปลายสายกระแทกเสียงกลับมา กาญจนาน้ำตาไหล เมื่อรู้ว่าสายที่โทรเข้ามา ไม่ใช่คนที่เธอคาดหวังไว้ แต่เป็นทสวรรณ เพื่อนร่วมสาขาของเธอเอง

                  “แกอยู่หอหรือเปล่าเนี่ย  เฮ้ย นี่แกร้องไห้เหรอวะ เป็นอะไรรึเปล่า”

                  กาญจนารู้สึกว่าตัวเองต้องใช้พลังอย่างมาก ในการสะกดกลั้นน้ำตา มันไหลทุกครั้งที่คิดถึงเขาคนนั้น คนที่เพิ่งจากเธอไป

                  “วรรณ พี่นนท์เขาเลิกกับฉันแล้ว” กาญจนาตอบกลับไป หลังจากที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้พักหนึ่ง “เขาเลิกกับฉันแล้ว เมื่อวานซืน”

                  “เรื่องมันเป็นไงมาไงวะเนี่ย อย่าเพิ่งร้องไห้ดิวะ เล่าให้ฟังก่อน” ปลายสายโวยวาย เมื่อรู้ว่ากาญจนาเริ่มร้องไห้อีกครั้ง

                  กาญจนานั่งนิ่งๆ ปล่อยให้น้ำตาไหล เรื่องราวที่ผ่านมาถูกเรียบเรียงและเล่าผ่านโทรศัพท์มือถือเครื่องน้อยๆของเธอ

       

      หลายเดือนก่อน

                  กาญจนานั่งอยู่คนเดียวในหอตัวเอง เธอเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนไกลบ้านเพราะคิดว่า ความเป็นอยู่ในกรุงคงจะไม่ลำบากลำบนเท่าในชนบทที่เธอกำลังอาศัยอยู่ แต่นั่นคงเป็นความคิดที่ผิดมหันต์เมื่อเธอพบว่า ค่าใช้จ่าย ค่ากินอยู่ในเมืองมันแพงเหลือเกิน อีกทั้งในเมืองกรุงแห่งนี้ ก็ไม่มีใครที่เธอรู้จัก ไม่มีใครที่เธอจะสามารถคุยเล่นได้เหมือนชนบทแถวบ้าน

                  ที่โรงเรียนเก่า กาญจนาเฝ้าแวะเวียนเข้าไปหาอาจารย์แนะแนวของโรงเรียนแทบไม่เว้นวัน คอยสอบถามว่าเมื่อใดทุนของมหาวิทยาลัยเอกชนที่เธออยากได้จะมา เพราะถ้าได้ทุนนี้แล้ว จะทำให้เธอไม่ต้องเสียค่าเทอมแพงๆ เป็นการแบ่งเบาภาระให้กับพ่อและแม่ของเธอ

                  แต่แล้วความผิดหวังก็ต้องมาเยือน เมื่อเธอได้รู้ความจริงที่ว่า อาจารย์คนนั้นล็อกทุนไว้ให้กับนักเรียนคนโปรดของตัวเอง หนำซ้ำบ้านของนักเรียนคนนั้นมีเงินทอง มีฐานะ ตรงข้ามกับเธอที่เรียนเก่งกว่าทำผลงานให้โรงเรียนหลายๆอย่าง บ้านมีฐานะปานกลาง แต่ไม่ได้รับความยุติธรรมในการพิจารณาทุน

                  สุดท้ายแล้ว นักเรียนคนนั้นก็สละทุน ไปเลือกเรียนมหาวิทยาลัยอื่นแทน กาญจนาได้แต่ร้องไห้รำพันด้วยความเสียดายโอกาส ตอนนั้นเธอคิดว่า เธอคงจะไม่ได้เรียนต่อแล้ว โชคดีที่เพื่อนของเธอที่ไปสมัครก่อน นำข่าวกลับมาบอกว่าที่มหาวิทยาลัยก็มีทุนสำหรับนักศึกษาเรียนดี กาญจนาจึงนำเอกสาร และผลงานการทำงานในโรงเรียนไปสมัครทันที

                  ขณะสัมภาษณ์ กาญจนาเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้กับกรรมการสัมภาษณ์ฟัง และอดกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ทำให้คณะกรรมการเห็นใจ และรับปากว่าจะพยายามเดินเรื่องของเธอให้

                  สุดท้ายเธอก็ได้รับทุน และได้ลงมาเรียนในกรุงเทพอย่างที่หวังไว้

                  แรกๆ ความรู้สึกเหงาก็เข้ามาเยี่ยมเยียนกาญจนา แต่นานๆเข้าก็เริ่มปรับตัวได้ และเริ่มใช้ชีวิตออกห่างจากครอบครัว เธอเริ่มทำงานพิเศษ เก็บเงินบางก้อนบางส่วนไว้ใช้ เพื่อลดภาระที่ครอบครัวจะต้องส่งเงินมาให้เธอทุกเดือน บางครั้งเธอก็รู้สึกท้อ แต่เธอก็ปลอบใจตัวเองว่า เมื่อเธอเป็นคนเลือกทางเดินเองแล้ว เธอก็ต้องทำชีวิตของตัวเองให้ดีที่สุด

                  พ่อและแม่ของกาญจนาไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ กับการให้ลูกตัวเองเข้ามาอยู่ในเมืองกรุง กลัวว่าลูกตัวเองจะหลงแสง สี เสียง ไปจนหมดอนาคต แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ก็ยังส่งเสียเงินค่าใช้จ่ายให้กาญจนาไม่ขาด กาญจนาจึงให้คำมั่นกับพ่อและแม่ของตัวเอง

                  “หนูจะเอาปริญญามาให้ได้ พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงหนูหรอก”

                  นาฬิกาบนผนังห้องบ่งบอกเวลาว่าตอนนี้เกือบห้าโมงเย็นแล้ว กาญจนาคิดว่าควรจะหาอะไรมาเติมเต็มใส่ท้อง ที่กำลังร้องครวญครางด้วยความหิว

                  “อ้าว หนูกาญ วันนี้จะทานอะไรดีจ๊ะ” แม่ค้าเจ้าประจำของกาญจนาทัก เมื่อเธอลงมาถึงด้านหน้าแมนชั่น กาญจนามักจะเลือกทานที่ร้านนี้เป็นประจำ เพราะแม่ค้าทำอาหารพื้นบ้านได้อย่างถูกใจ

                  “จ๊ะป้า วันนี้เอาเหมือนเดิมนะ”

                  หลังสยบเสียงครวญของท้อง กาญจนาคิดว่าจะไปนอนพักที่ห้อง บังเอิญเจอกับเพื่อนที่เรียนอยู่คณะเดียวกันอยู่ในร้านอินเตอร์เน็ตด้านล่างของห้องพัก เธอจึงเข้าไปทักทาย

                  “ทำอะไรอยู่เหรอ แนน” กาญจนานั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ

                  “อ้าว กาญ พอดีเราว่างๆก็เลยเล่นแชทหาเพื่อนคุยแก้เหงาน่ะ”

                  “แชทเหรอ มันคืออะไรอ่ะ?” กาญจนาถาม เพราะไม่เคยได้ยิน ที่จริงเธอก็พอจะมีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์บ้าง แต่ก็งูๆปลาๆ ใช้เป็นแต่โปรแกรมพิมพ์งานก็เท่านั้น

                  “แชทก็คือการที่เราเข้าอินเตอร์เน็ตไปหาเพื่อนคุยบนอินเตอร์เน็ตเหมือนกันไง บนนั้นนะ จะมีคนเป็นร้อยเป็นพันคนที่จะรอคุยอยู่กับเรา แค่เราคลิกไม่กี่ทีก็คุยกับคนอื่นๆได้แล้ว” แนนอธิบายพอให้กาญจนาเข้าใจ พอดีกับที่กาญจนากำลังเหงา เธอจึงขอให้แนนช่วยสอนเธอ

                  “คลิกตรงนี้ แล้วก็ตรงนี้” แนนค่อยๆสอนช้าๆ กาญจนาทำตามได้อย่างเข้าใจ สักพักหนึ่งเธอก็เข้าใจหมดทุกอย่าง และนั่งแชทอย่างสบายใจ

                  มีผู้คนเป็นร้อยเป็นพันอย่างที่แนนว่า กาญจนาได้คุยกับสปานิกหนุ่ม หญิงสาวแม่บ้าน นักเรียนมัทยม โดยที่เธอไม่ต้องไปพบหา ทุกคนต่างมีเรื่องมาเล่า มีเรื่องมาสนทนาให้เธอได้ฟัง แต่มีคนๆหนึ่งที่เธอคุยด้วยแล้วรู้สึกถูกใจ

                  ชายคนนั้นใช้ชื่อว่า นนท์เขาบอกว่าเป็นวิศวกรอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง เขาถามสารทุกข์สุขดิบของเธอ ซึ่งเธอก็บอกทุกเรื่องราว ตอนนี้เธอเหงา อยู่คนเดียวแล้วหดหู่ นนท์ก็ปลอบ แล้วพยายามชวนคุยเรื่องอื่นๆ หลังจากที่เธอสนทนามาได้พอสมควร เธอจึงบอกลานนท์ และได้ให้เบอร์ตามที่ชายหนุ่มขอเอาไว้

                  กาญจนาเงยหน้ามองนาฬิกา เวลานี้เกือบตีสองซึ่งปกติเธอคงหลับไปแล้ว นี่เธอนั่งแชทอยู่นานโขเลยทีเดียว เธอจึงรีบกลับไปที่ห้อง นึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้มีเรียนเช้า จะไปสายคงไม่เข้าที

                  ปิดประตูห้องปั๊บ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น

                  “ฮัลโหลค่ะ” กาญจนาพูดกรอกสายไปพลางคิดว่า ใครนะ โทรมาเวลาแบบนี้

                  “ขอโทษนะครับ ผมรบกวนคุณหรือเปล่า” ปลายสายเป็นเสียงชายหนุ่มตอบกลับมา

                  “ไม่ทราบว่า นี่ใครเหรอคะ คือดิฉันจะเข้านอนแล้ว”

                  “ผมนนท์เองครับ ที่คุยด้วยเมื่อสักครู่นี้ไง”

                  กาญจนาแปลกใจเล็กน้อย แต่เธอก็คุยด้วย

                  “ค่ะ จำได้ ดิฉันชื่อกาญนะคะ มาจากชื่อจริงว่า กาญจนา ”

                  “บังเอิญจังครับ ชื่อผมก็มาจากชื่อจริงว่า ชญานนท์ เหมือนกัน เราคงเป็นคู่กันมั้งครับ”

                  กาญจนารู้สึกว่าตัวเองหน้าแดงผ่าว เมื่อเธอถูกหยอดคำหวานจากชายแปลกหน้าที่เพิ่งจะรู้จักกัน สาวต่างจังหวีดหน้าตาบ้านๆอย่างเธอ ไม่เคยถูกหยอดคำหวานแบบนี้มาก่อน

                  “ปากหวานแบบนี้กับทุกคนหรือเปล่าคะ?”

                  “ผมไม่มีเคยใครสักหน่อย เพิ่งจะปากหวานกับกาญนี่ล่ะครับ”

                  รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้ากาญจนาอีกครั้ง เมื่อเธอถูกหยอดคำหวานใส่

                  “ขอให้มันจริงอย่างที่พูดแล้วกันนะคะ”

                  ดวงจันทร์ส่องสว่างท่ามกลางราตรี คนสองคนสนทนากันผ่านโทรศัพท์มือถือเครื่องน้อยอย่างไม่รู้เวลา กาญจนารู้สึกมีความสุขกับการได้พูดคุยกับใครสักคน ได้ระบายความอึดอัดที่อยู่ในใจ เสมือนคุยกับเพื่อนสนิทที่รู้ใจกันมานานนับสิบปี...

                  หลังจากนั้นทุกคืน กาญจนาจะรีบกลับมาที่หอพักของตัวเอง เพื่อรอรับโทรศัพท์ของชญานนท์ หากวันใดที่ไม่ได้คุย เธอจะรู้สึกกระสับกระส่ายเหมือนกับขาดอะไรไปบางอย่าง แต่ด้วยความเป็นลูกผู้หญิง เธอจึงไม่กล้าที่จะเป็นฝ่ายโทรไปหาฝ่ายชายก่อน

                  นานวันเข้า กาญจนารู้สึกสนิทใจจึงอยากพบกับชญานนท์ เธอจึงขอนัดเขาออกมาที่ร้านอาหารแถวๆหอพักของเธอเอง ซึ่งเขาก็ไม่ปฏิเสธ วันที่พบกันวันแรก ชญานนท์ขับรถยี่ห้อหรูมาที่ร้าน พร้อมกับดอกไม้ช่องาม

      ชญานนท์หน้าตาหล่อเหลา ใบหน้าขาวเรียว แววตามีเค้าของชายเจ้าชู้ ร่างกายสมส่วนไม่ผอมเก้งก้าง หรือล่ำกำยำแต่อย่างใด ผมสีดำสนิทตัดกับเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เขาสวมใส่ กาญจนาเห็นแล้วหัวใจเธอแทบหลอมละลาย

      อาหารมื้อนั้น กาญจนาแทบไม่ได้ทาน เธอทำอะไรก็รู้สึกเคอะเขินไปหมด

      “ไม่ทานเหรอ น่าอร่อยทั้งนั้นเลยนะครับ”

      “ไม่ล่ะคะ ดิฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย” กาญจนาปฏิเสธไป เพื่อปิดบังความเขิน

      “นี่กาญ ผมมีอะไรมาให้คุณนอกจากดอกไม้ด้วยนะ”

      “อะไรเหรอคะ” กาญจนาถามด้วยความสนใจใคร่รู้ ชญานนท์ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะหยิบตลับกำมะหยี่สีดำออกมาใส่มือกาญจนา

      “อุ๊ย...นี่มัน...จี้ทองนี่คะ กาญรับไว้ไม่ได้หรอก” กาญจนารีบปฏิเสธ เมื่อเห็นสิ่งของที่มีมูลค่าสูงอยู่ภายใน เธอส่งกลับคืนใส่มือของชญานนท์

      “ผมรักคุณนะครับ”

      ได้ยินคำนี้เท่านั้น กาญจนาก็ร้อนผ่าว หน้าแดงอย่างควบคุมไม่ได้ มือของเธอถูกชญานนท์กุมเอาไว้ทั้งสองข้าง ก่อนที่เขาจะค่อยๆก้มลงจูบที่หลังมือเบาๆ

      จากนั้นมา ความสัมพันธ์ระหว่ากาญจนากับชญานนท์ก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ชญานนท์มาส่งกาญจนาทุกเช้า และจะมารับอีกครั้งในเวลาเลิกเรียน ทุกๆวันหยุดก็จะพาเธอไปเดินเที่ยวในห้างสรรพสินค้าดังๆ ซื้อเสื้อผ้า ซื้อของใช้ให้ทั้งที่บางครั้งเธอไม่ได้ร้องขอ พาเธอไปทานอาหารหรูๆที่เธอไม่เคยได้ทาน บางครั้งก็แบ่งเงินติดกระเป๋าไว้ให้กาญจนาใช้ เธอจึงเลิกทำงานพิเศษ

      จนกระทั่งวันหนึ่ง ชญานนท์พาเธอไปเที่ยวที่บ้านของเขา เธอรู้สึกตกใจที่เห็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่มีผู้อาศัยอยู่เพียงคนเดียว ชญานนท์รินน้ำผลไม้ให้เธอดื่ม ก่อนที่จะโอบกอดเธออย่างนิ่มนวล ก้มหน้าลงซุกไซร้ที่ซอกคอเบาๆ เธอเข้าใจถึงความต้องการของเขา วันนั้นเอง เธอก็ยินยอมยกความสาวของเธอให้กับชญานนท์ไปอย่างเต็มใจ

      หลังจากวันนั้น ชญานนท์ก็เริ่มมารับส่งเธอน้อยลง อ้างว่าติดงานที่ต่างจังหวัดบ้าง อยู่บริษัทบ้าง โทรศัพท์ที่เคยโทรหาเธอทุกคืนเริ่มลดน้อยลง จนกระทั่งเงียบหายไป

      ความเสียใจเข้าเกาะกุม น้ำตาเริ่มรินไหล เธอกลับเป็นฝ่ายโทรหาชญานนท์ ติดบ้าง ไม่ติดบ้าง บางครั้งก็ฝากข้อความไว้

      วันหยุดที่ผ่านมา กาญจนาไปเที่ยวห้างสรรพสินค้าที่เคยไปกับชญานนท์ เธอเดินเที่ยวด้วยความหดหู่ ก่อนที่จะไปหยุดพักที่ร้านไอศกรีมชื่อดัง

      หัวใจของเธอแทบสลาย เมื่อเห็นชญานนท์ควงคู่มากับหญิงสาวแปลกหน้า เข้ามาในร้านไอศกรีม น้ำตาของเธอหลั่งรินออกมาอย่างไม่ขาดสาย ความเสียใจประดังเข้ามาในหัวใจเธออีกครั้ง เธอได้แต่นั่งมองเขาอยู่ห่างๆ ที่คอของหญิงสาวแปลกหน้าก็มีจี้แบบเดียวกันกับของเธอ

      ภาพชายหญิงหัวเราะคิกคัก สวีทหวานกันอย่างมีความสุขต่อหน้ากาญจนา ทำให้เธอยิ่งรู้สึกเสียใจ และแค้นใจ เธอตัดสินใจลุกขึ้น ตรงดิ่งไปที่โต๊ะของชายหญิงคู่นั้น

      “มากับคนใหม่แล้วจะเอาคนเก่าไปไว้ที่ไหน” กาญจนาส่งเสียงดัง ชญานนท์ตกใจที่เห็นเธออยู่ตรงหน้า

      “นี่คุณ!! เบาเสียงลงหน่อย คนเยอะแยะ” ชญานนท์ปรามกาญจนา

      “ทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้ คุณได้ฉันแล้วคุณก็ทิ้งหรือไง”

      “นี่คุณพูดบ้าอะไร ต่อหน้าคนเยอะแยะ คุณเกรงใจผมบ้างสิ” ชญานนท์เริ่มขึ้นเสียงใส่กาญจนา เมื่อเห็นว่าเธอควบคุมอารมณ์ไม่อยู่

      “ไหนคุณบอกว่าคุณรักฉัน คุณบอกว่าคุณรักฉันคนเดียว แล้วนังนี่มันอะไร” กาญจนาชี้หน้าของของหญิงสาวแปลกหน้า จนชญานนท์ต้องปัดมือเธอลง

      “ผมคิดว่าเราจบกันด้วยดีแล้วซะอีก ทำไมคุณตามตื้อผมไม่เลิกซะที”

      “จบกันด้วยดีงั้นเหรอ ตรงไหนที่คุณว่าจบกันด้วยดี คุณขาดการติดต่อ เลิกมารับมาส่งฉัน หายหน้าหายตาไป แล้วก็โผล่มากับผู้หญิงคนใหม่นี่เรียกว่าจบกันด้วยดีงั้นเหรอ!!” กาญจนาพูดทั้งน้ำตา

                  “กาญจนา มันจะมากไปแล้วนะ”

                  “นี่มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ”

      “ดี เมื่อคุณไม่ไว้หน้าผม ต่อจากนี้ผมถือว่าเราไม่เคยรู้จักกัน คุณเลิกตามตอแยผมได้แล้ว ไม่อย่างนั้นผมจะเรียก รปภ.”

      กาญจนานิ่งอึ้ง ตกตะลึงกับคำพูดของชญานนท์ คำพูดที่ออกมาจากปากของคนที่เธอรักมากที่สุด

      “คุณเอาของๆคุณคืนไป” กาญจนากล่าวทั้งน้ำตา พลางดึงจี้รอบคอของเธอวางไว้บนโต๊ะ ชญานนท์มองเธอด้วยความโกรธ กาญจนาไม่พูดพล่ามอีก เธอรีบวิ่งออกจากร้าน มือปาดน้ำตาแห่งความเสียใจ เธอไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้อีกแล้ว เธอสูญเสียทุกอย่าง ทั้งความรัก ความสาวที่เธอเก็บรอมมา

      เพื่อล้างความอัปยศครั้งนี้ คงมีแต่ความตายเท่านั้นที่พอจะทำได้...

       

      “เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละวรรณ” กาญจนาซับน้ำตาอีกครั้ง กระดาษชำระถูกวางกองอยู่ข้างๆ

      “นี่แกยังไม่ได้ทำอะไรกับตัวเองใช่ไหม แกไม่ท้องใช่มั้ย แกอย่าคิดสั้นเชียวนะ”

      “ทำไมล่ะ ชีวิตฉันไม่มีอะไรเหลือแล้ว ฉันจะอยู่ไปทำไม ผู้ชายที่ฉันรัก ฉันยังรักษาเขาไว้ไม่ได้ แม้แต่จะฆ่าตัวตาย ฉันยังทำไม่ได้เลย”

      “แกลองคิดดูให้มันดีๆนะ การที่แกทำแบบนี้มันจะมีประโยชน์อะไร แกตายไปแล้วไอ้พี่นนท์ของแกเขาจะมาสนใจเหรอ เขาจะมาเดือดร้อนอะไรด้วย เขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับแกแล้วด้วยซ้ำ ที่แกกำลังจะทำ ก็แค่คิดจะเรียกร้องความสนใจจากเขา อยากให้เขากลับมาสนใจแกอีก แต่แกลองคิดดู ถ้าเขาไม่สนใจล่ะ การกระทำของแกมันจะมีประโยชน์อะไร คนที่เสียใจมันก็ตัวแกเอง ที่มานั่งจมปลักอยู่กับน้ำตา ในขณะที่ไอ้นนท์อะไรนั่น ไปสนุกกับคนอื่นๆ”

      กาญจนานิ่งเงียบ คิดตามที่วรรณกำลังพูด น้ำตาแห้งกรังไปจนหมดแล้ว

      “แกมาที่กรุงเทพ แกมาทำอะไร? อย่าลืมเป้าหมายที่แท้จริงสิ ถ้าแกตายไป ความเสียใจมันไม่ได้จบลงที่แกคนเดียว แต่มันจะถูกส่งต่อไปหาคนข้างหลังแก คนที่เขารักแกจริงๆ คนที่เค้าดูแลแกมาตลอดชีวิต”

      “ฉันต้องไปเรียนแล้ว แกเอาที่ฉันพูดไปคิดดูให้ดีๆแล้วกัน”

      วรรณ วางสายไป ความรู้สึกเสียใจมลายหายไปหมดสิ้น กาญจนาค่อยๆลุกขึ้นอย่างมั่นคง คราบน้ำตาจางหายไปหมดจากใบหน้า มีแต่รอยยิ้มเข้ามาเติมเต็มเมื่อเธอมองไปที่รูปพ่อและแม่ตัวเองบนหัวเตียง เธอเก็บเชือก น้ำยาล้างห้องน้ำ มีด และยานอนหลับเข้าที่ของมัน หยิบไม้กวาดมาปัดกวาดห้อง คำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อและแม่ดังแว่วสะท้อนกลับมาในหัวอีกครั้ง...

      “หนูจะเอาปริญญามาให้ได้ พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงหนูหรอก”

       

      ………………………………………………………………………

      ถามอีกที ใครเจ็บที่สุด ถ้านางเอกตายไป?

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×