คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ ๖ มารผ้าไหมและฟู่หลงซิน
เห้อ” เสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายดังขึ้นมากลางป่าใหญ่
เรือนร่างบอบบางของมารผ้าไหมกำลังกระโดดข้ามต้นไม้ไปยังสถานที่หนึ่งที่นางถูกไหว้วานมาด้วยวิชาตัวเบา มารผ้าไหมเคลื่อนที่ด้วยความเร็วจนตาคนธรรมดาสามัญที่ไม่มีวรยุทธเห็นเป็นเส้นสีม่วงเคลื่อนที่อยู่เหนือยอดต้นไม้
หุบเขาแดนสนธยาหุบเขาอาถรรพ์ที่มนุษย์ธรรมดายันผู้มีวรยุทธเกร่งกล้าไม่กล้าย่างกรายเข้าไป มันมีตำนานว่าในนั้นมีเทพสถิตอยู่มาตั้งแต่โบราณกาล บางตำนานก็ว่ามีมังกรที่แสนดุร้ายอาศัยอยู่และจับมนุษย์และสัตว์กินเป็นอาหาร ทุกทุกปีจะต้องมีคนกล้าลองดีเข้าไปในเขตหุบเขาแดนสนธยาที่มีพื้นที่กว้างขวางกินอาณาเขตภูเขานับสิบลูกแล้วก็ไม่ได้กลับมา
“ข้ามาทำบ้าอะไรตรงนี้ ให้ตายเถอะ เหมือนฆ่าตัวตายชัดๆ” มารผ้าไหมพูดอย่างหนักใจ เมื่อสองสามวันก่อนมีชายแปลกหน้าไม่รู้ที่มาที่ไปกล้ามายื่นข้อเสนอที่น่าสนใจอย่างมากให้กับนาง เขาไหว้วานไปนำของสิ่งหนึ่งออกมาจากหุบเขาแดนสนธยาเพื่อแลกกลับตำราเคล็ดวิชาร่างเซียนที่หายไปจากยุทธภพ หุบเขาอาถรรพ์กับตำราเคล็ดวิชาในตำนาน เมื่อนำสองสิ่งนี้มาคิดดูดีดีแล้วมันก็สร้างความลำบากใจอย่างมากให้กับมารผ้าไหมแต่นางเลือกที่จะทำ นี่อาจเป็นเรื่องโง่มากที่สุดในชีวิตนางก็ได้ นางอาจจะไม่มีชีวิตรอดกลับไปเอาเคล็ดวิชาบ้าบอนั้น “ดีที่ให้ฟู่หลงซินเฝ้าชายแปลกหน้าเอาไว้”
วิธีในการตามหาของที่ชายแปลกหน้าบอกมาก็คือ ให้ตั้งจิตเพื่อสื่อถึงเทพธิดาเครื่องหอมเอาไว้แล้วเคลื่อนตัวไปตามสัญชาติญาณที่ออกมาจากจิตใจ มารผ้าไหมไม่รู้จักเทพธิดาเครื่องหอม นางคิดว่าเทพธิดาเครื่องหอมนั้นคือชื่อยาสมุนไพรหรือเครื่องหอมชั้นเลิศที่มีคุณสมบัติอย่างดีจนถูกขนานามว่า เทพธิดา ด้วยความที่นางอยู่สายมารเรื่องข่าวสารและราคาข้าวของในตลาดมืดนั้นนางย่อมมีอยู่บ้าง ในตลาดมืดของที่มีราคาสูงขนาดซื้อเมืองทั้งเมืองได้คือหัวใจเทพธิดาเครื่องหอมที่สามารถนำไปทำเป็นยาอายุวัฒนะได้ ชายแปลกหน้าต้องการเทพธิดาเครื่องหอมและมันมีความเป็นไปได้ว่าเขาอาจต้องการปรุงยาอายุวัฒนะ “นี่อาจเป็นการแลกเปลี่ยนที่โง่มาก ตำราเคล็ดวิชาร่างเซียนกับเงินที่มากมายขนาดซื้อเมืองได้ทั้งเมือง ข้าควรจะต้องคิดให้ดีเมื่อได้เทพธิดาเครื่องหอมมา”
ใบหน้าธรรมดาแต่ออกแนวร้ายด้วยเครื่องสำอางอย่างดีของมารผ้าไหม ฉายแววยินดีออกมาก่อนจะดีดฝีเท้าเร็งความเร็วขึ้นไปอีก “ขอให้สิ่งที่ข้าภาวนาได้ผลด้วยเถอะ เทพธิดาเครื่องหอม” เพราะนางได้คิดแผนการอย่างดีเอาไว้แล้ว
เมื่อถึงช่วงเวลาเย็นแสงสีส้มแดงไล้อาบไปทั่วหุบเขา ป่าที่หนาทืบเริ่มปลอดโปร่งกลายเป็นทุ่งหญ้า มารผ้าไหมหยุดฝีเท้ากระโดดลงจากยอดไม้สู่พื้นดิน นางก้าวเดินไปยืนเบื้องหน้าแผ่นหินขนาดใหญ่ที่สลักเป็นอักษรโบราณเกินกว่านางจะอ่านออกได้ แผ่นหินสลักตั้งตระหง่านอยู่อย่างโดดเดี่ยวเพื่อแสดงการกันอาณาเขต
เมื่อมองเลยแผ่นป้ายหินไปก็เป็นดงดอกไม้ขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่ที่หนาทืบเว้นไว้แต่ทางเข้าที่ติดกับแผ่นหินสลักที่พอให้คนกลุ่มเล็กสามารถเดินเข้าไปได้อย่างสบาย มารผ้าไหมตัดสินใจก้าวเดินเข้าไปในดงดอกไม้ด้านหลังแผนหินสลัก
เพล้ง !!
เสียงแตกกระจายของอะไรบางอย่างที่ดังสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วหุบเขาแห่งนี้เร่งให้มารผ้าไหมตื่นตัว นางตั้งท่าอยู่ในท่าเตรียมพร้อมจะสู้เพื่อป้องกันการโจมตีที่ไม่คาดคิด ผ้าไหมสีม่วงทอแบบพิเศษอย่างดีถูกดึงให้ตึงด้วยมือทั้งสองข้าง ในใจของนางก็ภาวนาในสิ่งที่ชายแปลกหน้าบอก ภาวนาถึงเทพธิดาเครื่องหอม
มารผ้าไหมค่อยๆก้าวอย่างเชื่องช้าและมั่นคง สายตาสอดส่องไปทั่วบริเวณอย่างระแวดระวังภัย นางพยามหายใจให้เบาที่สุดสร้างเสียงให้น้อยที่สุด แต่ละย่างก้าวเต็มไปด้วยความกดดัน ยิ่งเดินลึกเข้าไปในดงดอกไม้กลิ่นหอมอ่อนของดอกไม้หลายๆชนิดกลับช่วยให้เธอผ่อนคลายอารมณ์ลงจากภาวะตึงเครียดและละความสนใจจากการระมัดระวังตัว
ถ้านี้เป็นกับดักมันคงเป็นกับดักชั้นดีที่ทำให้ผู้ที่หลงมาขาดความระมัดระวังและพลาดท่าเสียที เม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาเต็มใบหน้าของมารผ้าไหมเพราะนางกำลังต่อสู้กับกลิ่นหอมอ่อนๆที่กำลังทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายในสถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นตามมา
อาภรณ์เรียบหรูสีม่วงเข้มตัดกับสีสันอ่อนๆของดอกไม้ในดง มันทำให้ใครก็ตามสามารถสังเกตมารผ้าไหมได้อย่างง่ายดาย นางเองก็เข้าใจถึงจุดจุดนี้ที่กำลังเป็นปัญหา ‘ข้าต้องรีบแล้ว หากจะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่’
ด้วยภาวะกดดันที่ถูกสร้างขึ้นจากตัวเองล้วนๆทำให้มารผ้าไหมรีบเร่งลงมือ นางพุ่งตัวเข้าไปในเขตต้นไม้ใหญ่อย่างรวดเร็วด้วยความร้อนใจและสวดภาวนาในใจไปพร้อมกัน เพียงพริบตาเดียวนางก็มาโผล่ยังหน้าปากถ้ำแห่งหนึ่ง
มารผ้าไหมไม่รอช้าดีดตัวเข้าไปในถ้ำอย่างรวดเร็ว นางทะลุผ่านทางเดินหินยังม่านเถาวัลย์ ทันทีพี่พุ่งตัวทะลุผ่านม่านเถาวัลย์ นางก็ได้เห็นร่างของเด็กน้อยในชุดสีดำที่นอนอยู่ท่ามกลางพื้นหญ้าสีเขียวและแสงแดดสีส้ม
“นี่คือปลายทางที่ข้าภาวนาเช่นนั้นหรือ เทพธิดาเครื่องหอม ไม่ใช่สมุนไพรหรือเครื่องหอมใดใดทั้งนั้น” มารผ้าไหมรู้สึกตะลึงและปลื้มปิติอย่างมาก “เป็นเทพธิดาจริงๆ ฮ่ะ ฮ่ะๆๆๆๆ” นางรู้สึกมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าเด็กคนนี้ต้องเป็นเทพธิดาที่นางกำลังตามหา จะมีเด็กที่ไหนมาอาศัยอยู่กลางป่ากลางเขาเพียงคนเดียวได้
เสียงหัวเราะของมารผ้าไหมดังก้องไปทั่วถ้ำแห่งนี้ “เด็กคนนี้คือโชคลาภสำหรับข้า เงินทองมากมาย อีกทั้งเคล็ดวิชาร่างเซียน ต่อไปในไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาต่อกรกับข้าได้”
มารผ้าไหมรีบรุดเข้าไปอุ้มเด็กน้อยที่อยู่ในอาภรณ์สีดำสนิทปักลวดลายเป็นมังกรขนาดเท้าฝ่ามืออยู่ที่ชายเสื้อ เมื่ออุ้มได้ที่แล้วก็ทะยานตัวออกจากถ้ำไปโดยไม่รอช้า
สภาพแวดล้อมนอกถ้ำกำลังเลวร้ายลงอย่างไม่น่าเชื่อ ทันทีที่ออกมามารผ้าไหมก็ได้เห็นพายุขนาดใหญ่กำลังก่อตัว เศษใบไม้ปลิวว่อนอีกทั้งฝุ่นผงมากมายจนทำให้ท้องฟ้าในยามเย็นกลายเป็นสีน้ำตาลไป
ใบหน้าของมารผ้าไหมเคร่งเครียดขึ้นพายุแรงขนาดนี้ต่อให้ทุ่มกำลังภายในทั้งหมดใช้วิชาตัวเบาก็ยังหนีไม่พ้น พ่วงด้วยเด็กอีกหนึ่งคนยังไงก็ไม่ทัน สายตาของมารผ้าไหมแข็งกร้าวขึ้นอย่างผู้ไม่แพ้ เพื่ออนาคตที่ดีขึ้นแค่พายุมันสู้อะไรไม่ได้กับมรสุมชีวิตที่ผ่านมาของนางเลย
มารผ้าไหมไม่ทิ้งเวลาให้เสียเปล่า ทะยานตัวออกจากหุบเขาชั้นในอย่างรวดเร็ว นางไม่นึกห่วงเด็กที่อุ้มมาเลยแม้แต่น้อย พายุกำลังทวีความรุนแรงขึ้นเสียงหวีดหวิวของลมก็ยิ่งดังขึ้น
ในภาวะเช่นนี้มารผ้าไหมได้แต่ทุ่มกำลังสุดตัว นางมุ่งน้าไปหาพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินเพื่อเคลื่อนที่เป็นทางตรง นางคิดจะหลุดพ้นจากหุบเขาแดนสนธยาไม่ทางใดก็ทางหนึ่งขอแค่หลุดไปได้นางก็สามารถกลับไปฉีอันเพื่อพบกับคนแปลกหน้านั้นได้ มารผ้าไหมไม่หันหลังกลับมามองที่พายุเลยแม้แต่น้อยหากเสียเวลามองกลับหลังอาจจะเป็นนางพี่จะต้องพลาดท่าให้กับภัยธรรมชาติ
ทาด้านนั้นเฒ่าจินที่ถูกปลุกขึ้นมาด้วยพายุลูกใหญ่ก็รีบเร่งเดินไปยังถ้ำของฟางเซียนเพื่อตรวจดูให้แน่ใจว่านางยังอยู่ โดยก่อนหน้านี้เขาเดินไปดูยังส่วนของเทพสายลมและเทพธิดาบุปผาสวรรค์เรียบร้อยแล้วตามลำดับความสำคัญและความอาวุโส
ทันทีที่เข้าไปภายในถ้ำเฒ่าจินก็รู้สึกใจหายวาบ ฟางเซียนหายไปแล้ว เขาหลับตาสูดดมกลิ่นที่ลอยปะปนอยู่ในอากาศจนได้คำตอบ 'มนุษย์อย่างนั้นสินะ เช่นนั้นก็ได้เวลาไปปลุกหงเต๋อแล้ว‘ เฒ่าจิตเดินออกจากถ้ำไปยังดงดอกไม้ที่เสียหายจากพายุที่กำลังพัดกระหน่ำไปทั่วหุบเขาชั้นในและขยายใหญ่สร้างความเสียหายให้พื้นที่ชั้นนอก เขาร่ายมนต์คาถาปัดเป่าพายุที่เกิดจากผลกระทบจากข่ายเวทย์ที่แตกลงของเทพสายลมทิ้ง เพราะพลังของเทพที่อ่อนแอเขาจึงปัดเป่าพายุไปได้ 'มนตราอาคมทั้งหมดทั้งมวลที่เทพสายลมสร้างขึ้น สลายหายไปหมดแล้ว'
เฒ่าจินออกเดินไปยังที่อยู่ของหงเต๋ออย่างใจเย็น เพราะเขาต้องใช้สมาธิในการตามหามังกรดำตัวนี้อย่างมากเพราะตอนนี้สิ่งอำนวยความสะดวกอย่างมนตราที่เทพสายลมเคยลงไว้ได้สลายไปหมดแล้ว
เสียงของพายุหายไปแต่มารผ้าไหมก็ยังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วระดับเดิมจนข้ามผ่านภูเขามาได้หลายลูก เด็กน้อยที่นางอุ้มมาเริ่มออกอาการไม่สบายตัวเหมือนจะตื่น นางจัดการสกัดจุดสลบเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะตามมาอีกทั้งตอนนี้นางยังไม่พร้อมที่จะพูดหรือตอบคำถามใดใดทั้งสิ้น
สิ่งที่มารผ้าไหมคิดไว้อยู่ในใจตอนนี้คือนางจะสลับเทพธิดาเครื่องหอมกับตลับยาหอมที่ยัดๆไปด้วยสมุนไพรแล้วจะโกหกชายแปลกหน้านั้นว่านี่คือเทพธิดาเครื่องหอมที่ปรุงโดยเทพแห่งหุบเขาแดนสนธยา เรื่องภายในหุบเขานั้นน้อยคนนักที่จะรู้ซึ้งอย่างถ่องแท้นางจึงสามารถที่จะปั้นเรื่องโกหกขึ้นมาได้ ส่วนเด็กคนนี้นางจะควักหัวใจไปขายในตลาดมืดเองแต่ต้องหาตัวคนซื้อที่ไว้ใจได้เสียก่อน แบบนี้ก็ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง
อีกไม่นานนางมารผ้าไหมก็จะออกจากหุบเขาได้ ตอนนี้แสงเหลือน้อยเต็มที่ บรรยากาศกลับกลายเป็นวังเวงและหม่นหมอง เสียงคำรามที่ดังมาจากที่ไกลๆยิ่งทำให้หุบเขาแห่งนี้ไม่ควรแก่การพักผ่อน มารผ้าไหมไม่ผ่อนแรง การเคลื่อนไหวของนางเป็นเวลานานขนาดนี้นั้นนับว่าเป็นยอดฝีมือชั้นสูง ยากนักจะมีใครเทียบชั้นได้ หากจะมีคงไม่มีใครทุ่มกำลังจนไวกว่าฝีเท้าม้าและเคลื่อนที่ได้นานด้วยวิชาตัวเบาข้ามวันได้เหมือนนาง
....
..
.
เสียงของคนทะเลาะกันไปมาดังมาเข้าหูของฟางเซียน มันเป็นเสียงของชายหญิงคู่หนึ่งถึงเสียงจะไม่ได้ดังมากมายแต่กลับฟังดูน่ากลัว เสียงกระแทกของข้าวของเรียกให้ฟางเซียนมีสติและเปิดเปลือกตาขึ้นมาดู เธอนอนจ้องเพดานไม้เนื้อแข็งสีเข้มอย่างล่องลอย ดวงตากลมกระพริบถี่ๆเรียกสติตัวเองให้แจ่มแจ้งแล้วใช้เวลาซักพักก่อนจะลุกขึ้นมานั่ง ผ้าห่มบางเบาหล่นไปอยู่บนตัก ฟางเซียนก้มลงมองผ้าห่มก่อนจะเลื่อนไปยังลายปักรูปมังกรสีทองบนผ้าเนื้อดีสีดำสนิทที่เธอสวมอยู่ “หงหยูว”
ทันทีที่นึกถึงเรื่องของหงหยูวได้เธอก็รีบลงจากเตียงที่นอน เสียงสะบัดผ้าของฟางเซียนเรียกสายตาสองคู่ของชายหญิงที่กำลังทะเลาะกันอยู่ให้มามองที่เธอ
ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าเคร่งขรึมกับหญิงวัยกลางคนที่มีใบหน้าฉุนเฉียวปนโมโหร้ายทำให้ฟางเซียนตกใจกลัวจนกระถดตัวกลับไปบนเตียง
นี้ฉันไปทำอะไรพวกเขาไว้กันถึงได้จ้องกันขนาดนี้ แล้วที่นี่ที่ไหน
ครั้นพอคิดอยากจะถามก็ไม่กล้าถามในสิ่งที่สงสัยได้แต่เม้มปากมองผู้ใหญ่สองคนตรงหน้าอย่างกล้าๆกลัวๆ ผู้ชายวัยกลางคนเห็นเด็กน้อยมีท่าทีหวาดกลัวก็หมายจะเข้าไปพูดจาปลอบใจก่อนจะมาสะสางกับมารผ้าไหม
ทันทีที่ฟู่หลงซินก้าวเดินมาหาฟางเซียนที่เตียงมารผ้าไหมที่นั่งอยู่บนโต๊ะกลมกลางห้องก็ถลามากั้นกลางเอาไว้ นางกำลังรักษาประโยชน์ของตัวเองที่ฟู่หลงซินกำลังใช้คุณธรรมมากล่าวอ้างให้นางล้มเลิกความคิด
“เจ้าถอยออกไปซะ”
“ข้าจะคุยกับเด็กน้อยนั้น เจ้านั้นแหละถอยไป มารผ้าไหม”
“เขาเป็นของข้า ข้านำเขามาได้ เขาต้องเป็นของข้า เข้าใจไหม ฟู่หลงซิน ข้าจะควักหัวใจเขาออกมา” น้ำเสียงกึ่งตะโกนของมารผ้าไหมทำให้ฟางเซียนที่อยู่บนเตียงได้ยินแล้วสะดุ้งวาบ
“ข้าไม่ได้มาช่วยเจ้าเพื่อที่จะเห็นเด็กน้อยคนหนึ่งถูกฆ่าเหรอกนะ มารผ้าไหม ในเมื่อเจ้าได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วเจ้าควรพอใจ” ฟู่หลงซินพยามใช้เหตุผลเข้าสู้
“แต่ถ้าข้าได้เงินทองมากมาย การจะถล่มพรรครุ่งอรุณแห่งซางก็เป็นเรื่องง่าย”
“มารผ้าไหมนี่เจ้า ยังคิดแค้นอยู่อีกหรืออย่างไร”
“ใช่ เจ้ารู้แล้วก็หลบไปซะ ฟู่หลงซิน เด็กคนนี้ต้องเป็นของข้า”
“การฆ่าเด็กคนนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะช่วยให้เจ้าสมปรารถนา ที่สำคัญเจ้ารู้ได้ไงเด็กคนนี้คือเทพธิดาเครื่องหอม”
เหตุผลของฟู่หลงซินทำเอามารผ้าไหมหยุดคิด ฟางเซียนที่ฟังอยู่ก็เช่นกัน
หงหยูวบอกว่า มังกรดำเท่านั้นที่รู้ว่าเทพธิดาเครื่องหอมคือใครและมังกรดำตนนั้นต้องเป็นเขา หงหยูว นี่เขากำลังผูกขาดเรื่องข้าหรอไง แล้วตอนนี้เขาไปอยู่ที่ไหนกันแน่ ตอนนี้ฉันมีคำถามที่ผุดขึ้นมามากมายเหมือนดอกเห็ดจะถามคุณนะหงหยูว
“ยังไงก็ดูเหมือนเด็กมนุษย์ทั่วไป ใบหน้าเขาก็ไม่ได้งดงามเหมือนเทพ ดูซิกลมขนาดนี้ จมูกก็ใหญ่ ปากก็หนา จะมีดีก็แค่ดวงตาที่สวย ผิวพรรณก็ขาวดีแต่เจ้าหญิงในรั้วในวังยังจะดูเหมือนเทพซะกว่า” ฟู่หลงซินพยามอธิบายเปรียบเทียบ ถามเขายังสำทับอีกว่า “ดูไปดูมาเหมือนเด็กผู้ชาย”
เจ็บกระดองใจ โคตรเจ็บใจ ทำไมรู้สึกโคตรเจ็บใจขนาดนี้ โอ้!เหมือนเด็กผู้ชายนี่ฉันรับไม่ได้จริงๆ
ฟางเซียนทำท่าจะอ้าปากพูดอะไรซักอย่างก็ถูกสายตาดุของฟู่หลงซินปรามจนต้องหุบปาก
นี่เราจะไปกลัวเขาทำไมกัน ฟางเซียนคิดอย่างสับสนในตัวเอง อยากพูดก็อยากพูดแต่กลัวโดนดุก็กลัวจนได้แต่นั่งทำหน้าหงอยฟังการโต้เถียงต่อไปพร้อมกับปลอบใจตัวเองเบาๆ “เป็นคนดีเรียบร้อยนะฟางเซียนผู้ใหญ่จะได้รักจะได้หลง”
“แต่ว่าฟู่หลงซินเรื่องเงินนั้นมันจำเป็น”
“ไม่จำเป็น มารผ้าไหม แค่วิชาร่างเซียนของเจ้าก็สามารถที่จะฆ่าหัวหน้าพรรครุ่งอรุณแห่งซ่างได้อย่างราบคาบ แค่เพียงเจ้าฆ่าหัวหน้าพรรคเท่านั้นมันก็ถือว่าเป็นการแก้แค้นแล้ว”
“แต่พรรคมันละฟู่หลงซิน ความแค้นนี้ยากนักจะให้อภัย” ใบหน้าของมารผ้าไหมดูเศร้าหมองนางลดท่าทีแข็งกร้าวลง
“เรื่องเด็กคนนี้ข้าขอ มารผ้าไหม เจ้าแค่ไปฝึกวิชาร่างเซียนให้สำเร็จแล้วไปจัดการมันซะ ความแค้นของพวกเรา ก็จะจบลง”
ฟางเซียนรอฟังคำตอบจากมารผ้าไหมในชุดที่ดูหรูหราสีม่วงอย่างลุ้นละทึก ยิ่งเมื่อกี้ได้ยินว่าจะเอาหัวใจไปด้วยเธอยิ่งลุ้นให้มารผ้าไหมใจอ่อนให้ชายอีกคน ฟู่หลงซินก็เช่นกัน
“ก็ได้ เพราะข้าเห็นแก่ท่านนะ ฟู่หลงซิน” มารผ้าไหมยอมใจอ่อน คำตอบของนางเรียกรอยยิ้มให้ปรากฏบนใบหน้าเคร่งครึมของฟู่หลงซิน ฟู่หลงซินเดินเข้ามาตบบ่าสองสามครั้งอย่างให้กำลังใจ
“เจ้ารีบไปฝึกเถอะ ก่อนพวกนั้นที่ได้ของปลอมจากเจ้าไปจะหวนกลับมา”
มารผ้าไหมพยักหน้าก่อนจะกระโดดออกจากหน้าต่างไป
“เห้ย !! นั่นหน้าต่างงงงง” ฟางเซียนรีบตะโกนบอกอย่างร้อนใจถึงจะโล่งใจที่ไม่ต้องโดนควักหัวใจแล้วก็ตามที
ฟู่หลงซินเดินเข้ามาพร้อมเก้าอี้ เขาวางเก้าอี้ลงข้างเตียงก่อนจะพูดว่า “แค่ชั้นสองนางไม่เป็นอะไรเหรอก”
ดวงตาของฟางเซียนโตขึ้นอย่างตกใจ ชั้นสอง คนกระโดดจากชั้นสองไม่เป็นอะไร ตาลุงนี้ประสาทกลับแล้วรึเปล่า “ขาไม่หักหรอไงโดดลงไปแบบนั้น ไม่ไปดูเขาหน่อยเหรอ”
“เจ้านี่เป็นเด็กจิตใจอ่อนโยนจริงๆนะ” ฟู่หลงซินพูดอย่างชื่นชมฟางเซียนก็ยิ่งประหลาดใจ
ใช่เรื่องไหมลุง คนกระโดดจากชั้นสองกับจิตใจอ่อนโยน ฟางเซียนเอามือกุมขมับอย่างอ่อนใจ นี่ลุงไม่คิดจะไปดูคนที่กระโดดหน้าต่างเลยหรอไง
“ปวดหัวหรือไง” ฟู่หลงซินถาม ฟางเซียนส่ายหน้า ‘จะให้บอกไหมหละว่าปวดหัวกับตรรกะลุงอะ’
ฟู่หลงซินมองออกไปทางหน้าต่างชั่วครู่แล้วก็หันกลับมามองฟางเซียนที่ยังคงนั่งอยู่บนเตียง เด็กคนนี้ดูเหมือนจะเป็นเด็กผู้หญิงแต่ใบหน้าก็ไม่ได้งดงามแถมยังกลมตาสวยแต่จมูกใหญ่และริมฝีปากหน้า ใบหน้าดูเหมือนจะเป็นคนเฉยเมย รูปร่างไม่อ้วนและไม่ผอมมาก ดูเหมือนเด็กแปดขวบ ยิ่งเส้นผมที่สั้นและยุ่งเหยิงยิ่งทำให้ดูเหมือนเด็กชายมากขึ้น “เจ้าเป็นเด็กผู้ชายใช่ไหม”
ฟางเซียนรีบเปิดปากจะพูดค้านแต่ในใจก็นึกได้ว่า เทพธิดา ธิดาคือผู้หญิงหากบอกว่าเป็นหญิงแล้วเวลามีคนมาตามหาหัวใจเทพธิดาอีกเธอจะซวยอีกรอบ “ผู้ชายฮะลุง ผู้ชาย”
“อืม” ฟู่หลงส่งเสียงตอบรับ ทำให้ฟางเซียนผ่อนลมหายใจออกมา ดีที่เขาเชื่อเรา
“งั้นเจ้ามีชื่อไหม”
“ฟางเซียน”
“ฟางเซียน ชื่อเจ้าดูเป็นชื่อผู้หญิงนะ” ฟู่หลงซินตั้งข้อสงสัย
“ตั้งแก้เคล็ดนะฮะ แบบว่าพี่สาวบอกว่าตั้งชื่อเหมือนผู้ชายแล้วจะตายไว” ฟางเซียนรีบกุเรื่องอธิบาย ตั้งแต่ตื่นขึ้นมารอบนี้ก็มีคนจะฆ่าเอาหัวใจซะแล้ว
“พ่อแม่พี่สาวเจ้าละ”
คำถามของฟู่หลงซินเรียกให้สมองฟางเซียนทำงานอย่างหนัก จะบอกเขาว่าอะไรดี พ่อแม่ไม่รู้แต่มีแน่ๆ พี่สาวนี่เทพธิดาบุปผาสวรรค์ อ๊า!! เอาเป็นว่าบอกว่าอยู่ในหุบเขาแล้วกัน “ในหุบเขาแดนสนธยาฮะ”
“หุบเขา ในหุบเขานั้นมีคนอาศัยอยู่ด้วยหรือไง ข้าไม่เคยได้ยิน”
“อาจจะเป็นใกล้ไงฮะลุง มันใกล้มากๆจนจะรวมก็ได้ไม่รวมก็ได้” ฟางเซียนแถสุดฤทธิ์ เชื่อหนูเถอะได้โปรด เลิกถามซักทีหนูนี่มีคำถามอีกเป็นกระบุงจะถามลุงเลยนะ
“แล้ว” ยังไม่ทันที่ฟู่หลงซินจะถามอีกคำถามฟางเซียนก็ขัดขึ้นมา
“เดี๋ยวก่อน ผมขอถาม ที่นี่ที่ไหน”
ถึงจะรู้สึกขัดใจบ้างแต่ฟู่หลงซินก็ยอมตอบโดยดี “เขตเมืองหลวงอาณาจักรฉีอัน”
“แล้วมันไกลจากหุขเขาแดนสนธยามากไหม”
“มาก”
“แล้วข้าจะกลับไปได้อย่างไร”
“ข้าไม่คิดว่าเจ้าควรกลับนะ ฟางเซียน”
“แล้วข้าจะหามังกรดำที่ชื่อหงหยูวเจอได้ที่ไหน” ทันทีที่ได้ยินคำถามนี้ฟู่หลงซินก็รู้สึกตกใจ
“มังกรดำ มังกรดำมีจริงๆหรือ”
“ข้าเคยเจอ แล้วตอนนี้ข้าอยากเจอเขา”
“ถ้ามังกรดำมีจริงคงไม่ลงมาอยู่ในเมืองแบบนี้หรอกเจ้า เอาละเจ้าลืมเรื่องเก่าๆไปได้เลย หากตอนนี้ใครจะเดินทางไปยังหุบเขาแดนสนธยาคงได้ถูกจัดตามองและสะกดรอยตามแน่ๆ อีกซักพักข่าวที่ว่ามารผ้าไหมได้เทพธิดาเครื่องหอมมาคงแพร่ไปไกล”
ฟางเซียนใช้มือชี้ที่ตนเองอย่างสงสัย เทพธิดาเครื่องหอมนี่หมายถึงเธอหรอ
“ไม่ใช่เจ้าแต่เป็นเครื่องหอมที่มารผ้าไหมทำเองแบบ ใส่อะไรก็ใส่ไป”
อ๋อ มั่วๆนี่อง ฟางเซียนพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ข้าจะรับเจ้าเป็นลูกบุญธรรม”
“หือ?? ผม”
“เจ้าเลิกแทนตัวประหลาดๆแบบนั้นเสียทีฟางเซียน ใช่ข้าจะรับเจ้าเป็นบุตรบุญธรรม ต่อไปนี้เจ้าจงใช้ชื่อว่า ฟู่หลงฟางเซียนแล้วกัน” ฟู่หลงซินปิดท้ายด้วยรอยยิ้มแล้วลูบหัวเด็กน้อยที่กำลังงง
“แล้วจะให้แทนตัวว่าอะไรอ่ะฮะ แล้วสกุลนี่สกุลฟู่หลงอย่างนั้นเหรอ”
“แทนตัวว่าข้า ส่วนที่ลงท้ายเวลาใช้กับเจ้านายให้ใช้ว่าขอรับ เรื่องสกุลข้านั้นเป็นคนสกุลฟู่ ชื่อหลงซิน แต่ว่าหากเจ้าใช้ชื่อว่า ฟู่หลงฟางเซียน จะเพราะกว่า”
ชื่อแบบนี้บ่งบอกสุดๆว่าเป็นผู้หญิง ฟางเซียนมองคนที่กำลังลูบหัวตัวเองอย่างจนใจ ชื่อนี้ก็ชื่อนี้ เพราะดี
“ก็ได้ ข้าตกลงเป็นลูกท่าน ไม่ใช่เพราะว่าชื่อเพราะเหรอกนะ”
“ฮ่ะๆๆๆ เจ้านี่น๊า มะ ซ้อมเรียกกันก่อน เอ.. ก่อนอื่นข้าต้องจัดการกับเสื้อผ้าเจ้าเสียก่อน เนื้อดีขนาดนี้ ลายปักก็งดงาม แต่รูปแบบเสื้อผ้าเจ้าไม่เหมือนของชาวฉีอันเลยนะ” เสื้อผ้าของชาวฉีอันนั้นจะเป็นแบบพาดทับไปมาและผูกเข้าด้วยกัน แต่ชุดของฟางเซียนนั้นเป็นชุดที่มีแถบกระดุมด้านหน้าตัวเม็ดกระดุมเป็นปมผ้าที่ผูกขึ้นอย่างดี เสื้อคอกลมกว้าง แขนเสื้อยาว ชายเสื้อยาวครึ่งน่องแถบเอวมีผ้าสีดำหน้ากว้างไม่มากผูกเอาไว้กางเกงทรงกระบอกคลุมเข่าสีดำส่วนรองเท้าเป็นรองเท้าสวมสีดำสนิท
บางทีก่อนที่จะพาเข้าคฤหาสน์ข้าควรไปหาเสื้อผ้าเด็กผู้ชายให้เขาเสียก่อน คิดได้ดังนั้นฟู่หลงซินจึงลุกขึ้นยืนและยื่นมือไปหาฟางเซียน “เรากลับบ้านกันเถอะ”
ฟางเซียนอึกอักอย่างคนไม่เคยชินเท่าไหร่ อยู่ดีดีให้เรียกชายแปลกหน้าที่ตอนนี้กลายมาเป็นพ่อบุญธรรมฉบับสายฟ้าแลบว่าพ่อเฉยๆ ก็เอ่อ เขินนะ “ครับพ่อ”
“เจ้านี่ใช้คำแปลกๆ นั้นเป็นสิ่งที่แถวบ้านเจ้าพูดงั้นหรือ”
“คล้ายๆ ขอรับ แต่ครับ จะสั้นกว่า สุภาพแล้วก็ฟังดูดี” เป็นเด็กผู้ชาย ฟางเซียนต่อในสิ่งที่ตัวเองคิดในใจโดยไม่พูดออกไป เธอวางมือลงบนมือของฟู่หลงซินก่อนจะกระโดดลงจากเตียง
เมื่อได้ยืนข้างๆกันความสูงของฟู่หลงซินนั้นมากกว่าเยอะมากทำให้ฟางเซียนแปลกใจจนต้องพูดออกมาก “ข้าว่า เมื่อก่อนข้าสูงกว่านี้นะ”
ฟู่หลงซินคิดว่าเด็กน้อยเพ้อเจ้อจึงไม่ได้ฟังอะไรมาพาเดินออกไปจากห้องและโรงเตี้ยมแห่งนี้
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แถมๆรูปท่านพ่อจ้า
ฟู่หลงซินนน
ช่วงนี้อาจจะหายหน้าหายตาไปหน่อยนะทุกคน
ติดพรีโปสเตอร์โปรเจคจบ TAT ปั่นอยู่ แล้วต้องเดินงานโปรเจคแล้วด้วยย
เราจะพยามลงให้ต่อเนื่องอย่างเต็มที่นะคะ
ที่มาอัพดึกๆนี้คือทำงานแล้วค่อยมาต่อ >_<
ใครที่เรียนอยู่ก็ตั้งใจนะค่ะสู้ๆๆๆๆๆๆ
ความคิดเห็น