คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ ๔ เทพธิดาบุปผาสวรรค์
ฮ่ะๆๆๆ มรณะอีกคราเจ้าจึงจะได้กลับเด็กน้อย แต่สำหรับเจ้าคงยาก ใช่ยาก มันยากมากเลยนะที่จะให้คนที่พึ่งกลับมามีชีวิตอีกครั้งพยามที่จะทำให้ตัวเองตายอีกรอบ แต่ถ้ายังจมอยู่ในความเหงาไปนานๆมันก็ไม่แน่ เกศรานั่งคอตกอยู่ในดงดอกไม้งาม ความเศร้าหมองเกาะกุมหัวใจจนหม่นหมอง แต่ไม่นึกอยากจะตายเท่าไหร่นัก ‘สำหรับโลกนี้แล้วฉันคืออะไร’ คำถามสำคัญผุดขึ้นมาเพื่อให้ตัวเองได้หาคำตอบและหาจุดประสงค์ของการดำเนินชีวิตต่อไป
ตลอดมาตั้งแต่เล็กจนโตการที่ได้นับถือพระพุทธศาสนาทำให้รู้ว่าการฆ่าตัวตายนั้นเป็นบาปหนา แต่มันต้องมีสักครั้งที่จิตใจอ่อนแอเสียจนไม่อยากจะมีลมหายใจอยู่บนโลกนี้ ผู้ที่อ่อนแอจะแพ้พ่าย ผู้ที่เข้มแข็ง มีสติ มีคนคอยให้กำลังใจ จะก้าวผ่านมันไปได้ ถึงการที่ตอนนี้ฉันไม่มีใครเคียงข้างต้องมานั่งอยู่คนเดียวในโลกนี้ โลกใบใหม่ที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยแต่จำไม่ได้ แถมยังจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใครมาจากที่ไหนรู้แต่ว่าไม่ใช่ที่นี่ มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันเศร้าขนาดต้องปลิดชีพตัวเองเพื่อหนีความจริงตรงหน้านี้
หลังจากชายคนนั้นเดินจากไป ชายคนที่บอกว่าตัวเองคือมังกรดำ ชายคนที่บอกว่าตัวเองชื่อหงหยูว ฉันก็ไม่รู้จะเอาอย่างไรกับตัวเองดี นั่งร้องไห้มาก็นานพอดูเพราะกลัวตอนที่เขาเดินและหายไป
“พระอาทิตย์จะตกแล้ว”
แสงสีส้มหม่นของดวงอาทิตย์ในยามเย็นสาดไปทั่วเขตแดนในหุบเขาแดนสนธยาสร้างบรรยากาศอึมครึมและหม่นหมองเหมือนดินแดนที่ถูกความเขียวขจีทิ้งร้าง ภูเขาใหญ่หลายลูกรายรอบแม้จะมีหิมะปกคลุมก็หนีไม่พ้นแสงอาทิตย์สมกับชื่อ หุบเขาแดนสนธยา
“เราคงต้องหาที่นอนก่อนไม่งั้นจะแย่เอาได้”ร่างเล็กของเกศราดันตัวลุกขึ้นจากดงดอกไม้งามก่อนจะมองไปรอบๆตัวอย่างพิจารณา ภาพจากในมุมของเธอทุกอย่างดูใหญ่โตกว่าที่เคยสร้างความรู้สึกสับสนให้กับเจ้าตัวไม่น้อย ใบหน้ากลมที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาจากการร้องไห้ดูเคร่งเครียดเพิ่มขึ้นแล้วก็ปล่อยผ่านไป
“ไปทางไหนดี ทางไหนดี” เกศราพึมพำในหัวไปถึงเรื่องสัตว์ร้ายต่างๆนานา “ไม่มีเหรอกมั้ง ไม่น่ามีที่นี่ดูสงบจะตาย ออกเดินดีกว่า เราคุ้นๆว่าถ้าเดินไปเรื่อยๆจะมีถ้ำนะ” เกศราในร่างใหม่เวอร์ชั่นใหม่ยังคงมีทักษะการพูดคนเดียวติดตัวอยู่เหมือนเคย
เด็กหญิงชาวมนุษย์หมาดๆที่พึ่งเกิดได้เมื่อไม่ถึงสิบชั่วโมงที่แล้วออกตัวเดินเข้าไปในดงต้นไม้ใหญ่ แสงสีส้มเริ่มเลือนหายไปตามองศาการตกของพระอาทิตย์ผ่านภูเขามากมาย ไอเย็นเริ่มคืบคลาน เขตต้นไม้ใหญ่มืดลงอย่างรวดเร็ว
เกศราที่เริ่มมองทางไม่เห็นเกาะต้นไม้ต้นหนึ่งเพื่อหยุดพักถึงจะออกเดินมาได้ไม่นานและยังไม่ได้เหนื่อยอะไรเธอเงยหน้ามองด้านบนลอดช่องว่างระหว่างใบไม้หนาเน้น “แสงอาทิตย์ยังอยู่แต่ทำไมตรงนี้มืดอย่างกับกลางคืน” ท้องฟ้าและก้องเมฆสีส้มที่ลอยอยู่บนฟ้าช่างแตกต่างกับความมืดในตอนนี้เหลือเกิน
เด็กหญิงเริ่มออกเดินอีกครั้งโดยอาศัยสัญชาตญาณและก้าวเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ มือไม้ก็สัมผัสกับต้นไม้ใหญ่เพื่อลดอุบัติเหตุที่จะเกิดจากการกระแทกเพราะมองไม่เห็นทาง สองเท้าเปลือยเปล่าเปื้อนไปด้วยขี้ดินและใบไม้แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักเพราะการหาที่พักนั้นสำคัญกว่า
“แสงง!!” เกศราอุทานอย่างดีใจเมื่อได้เห็นแสงเรื่องสีฟ้าอ่อนจากระยะไกล เธอเร่งฝีเท้าเคลื่อนตัวให้ไวขึ้น
ทันทีที่โผล่พ้นจากเขตต้นไม้ใหญ่สายตาของเกศราก็ได้ใช้งานอีกครั้งพื้นดินกลายเป็นสีฟ้าอ่อน มันไม่ใช่สีของพื้นดินแต่เป็นแสงของต้นหญ้าตนเล็กๆที่ขึ้นกระจายอยู่โดนรอบเหมือนพรมเรืองแสงได้ ตอนนี้ท้องฟ้ากลายเป็นสีดำสนิทเหมือนคืนนี้เป็นคืนเดือนมืด
“สวยสุดยอด” เธอก้มมองพื้นใต้เท้าที่เปื้อนไปด้วยเศษใบไม้เศษดินของตัวเองอย่างตื่นเต้น “ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยอยากให้ต้นเตยมาเห็นด้วยจัง” เกศราหลุดพูดชื่อคนสำคัญคนหนึ่งในชีวิตของเธออกมา “ต้นเตย ต้นเตย... ใครกัน” เธอพึมพำและพยามนึกให้ออกเหมือนครั้งแรกที่เธอพยามจะนึกนามสกุลของตัวเองแต่ก็ล้มเหลว “จำไม่ได้เลย ไม่เป็นไร ต่อไปเราต้องจำได้แน่ๆ แค่รู้ว่าสำคัญเราต้องจำได้แน่ๆ พ่อกับแม่ด้วย ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่เราต้องมีแน่นอน ฉันจะไม่เชื่อที่ปู่คนนั้นพูด” การให้กำลังใจตัวเองเป็นสิ่งสำคัญตอนนี้เกศราก็ทำมันเพื่อตัวเธอเอง
พอหมดความสนใจจากพรมหญ้าเรืองแสงเกศราก็หันมองหาที่ที่พอจะให้ตัวเองได้พักได้ ไอเย็นเริ่มมากขึ้นจนรวมตัวกันเป็นหมอกขาวลอยระพื้นหญ้า “หูยยย เย็นเท้ารีบเดิน รีบเดิน” เธอย้ำกับตัวเอง ก่อนสายตาจะไปเห็นปากถ้ำขนาดใหญ่
เกศราวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าถ้ำที่รอบๆปากถ้ำนั้นถูกสลักเป็นลวดลายของดอกไม้และเถาวัลย์ นัยน์ตากลมโตเบิกกว้างอย่างยินดี ความรู้สึกของเธอบอกว่าที่นี่สามารถพักนอนหลับได้ เกศราในร่างเด็กหญิงวิ่งเข้าไปในถ้ำทันที ตามทางเดินหินที่ดูเหมือนจะเย็นกลับไม่เย็นมากคล้ายจะอุ่นอยู่เล็กน้อย กลิ่นหอมที่คุ้นเคยห้อมล้อมสถานที่แห่งนี้
“ม่านเถาวัลย์ โคตรสวยยยยยยยยยย !!” เกศราที่กรี๊ดกร๊าดพวกของน่ารักๆกระจุกกระจิกอยู่แต่เดิมชื่อชมความงามของเถาวัลย์ที่มีใบไม้และดอกไม้ตูมประดับอย่างพร่ำเพ้อ “สวยจนไม่กล้าแตะอะ โคตรชอบบบบ แบบ ฟรุ้งฟริ้งสุดๆ ใครตกแต่งนี่โคตรรสนิยมดีเลยอะ”
เด็กหญิงห้าวออกมาอย่างง่วงงุน เธอยิ้มแผละให้กับเถาวัลย์สุดสวยก่อนจะค่อยๆคลานเข้าไป ‘ไม่อยากจะแตะให้มันพังเลยจริงๆนะ’
ด้วยคืนนี้เป็นคืนเดือนมืดแสงจันทร์จึงไม่มี ความนิ่มของพื้นที่สัมผัส เสียงน้ำไหล ความคุ้นเคยที่อุ่นใจกับสถานที่นี้ ทำให้เกศราคลานไปตรงมุมที่คุ้นเคยก่อนจะทิ้งตัวหลับตาลงก่อนจะเข้าสู่ห่วงนิทราอย่างรวดเร็ว
ดอกไม้งามสีชมพูอ่อนผุดขึ้นมาสาดแสงนวลตาอยู่ข้างๆร่างของเกศรา มันส่งกลิ่นหอมเย็นแตกต่างจากกลิ่นหอมที่มีอยู่เดิมก่อนจะสลายกลายเป็นหญิงสาวผู้นิ่มนวลและงดงามหมดจด ร่างระหงในชุดสีส้มอ่อนคาดเอวด้วยผ้าสีแดงเพื่อให้ตัดกับเสื้อตัวในสีชมพู เส้นผมสีดำสนิททิ้งตัวสลวยละช่วงเอวที่คอด ศีรษะประดับด้วยปิ่นทองอย่างงามประดับด้วยเพชรพลอยสีหวานเม็ดเล็กๆเป็นรูปดอกไม้ดอกเล็กหลายดอก ใบหน้างามแย้มยิ้มอย่างนิ่มนวลและอ่อนหวาน ดวงตาคู่สวยทอประกายอบอุ่นเมื่อมองเด็กน้อยตรงหน้า นางลดตัวนั่งข้างๆเด็กน้อยของเธอที่เคยเป็นน้องน้อยคอยวิ่งตามทุกครั้งที่นางจะไปไหน
“เซียนเอ๋อ ถึงจะไว้ไปสำหรับเจ้า หากมันจะทำให้พวกที่หวังในหัวใจเจ้าหาเจ้าไม่เจอข้าก็จะช่วย” น้ำเสียงหวานบอกถึงเจตจำนงของตัวเอง “พลังของมังกรดำนั้นมากมายเพียงใดข้ารู้ดี แต่กับปีศาจนั้นมันแตกต่าง เทพอย่างเราไม่ถนัดนักเรื่องการต่อสู้และฆ่าฟัน จิตสำนึกของเราจะรั้งการกระทำเมื่อมันขัดต่อเหตุแห่งการกำเนิด เทพไม่ได้เกิดมาเพื่อฆ่าหรือพิพากษาใคร พวกเราได้แค่ดู และอาจเสียเปรียบ พลังของมังกรนั้นยากแท้หยั่งถึงทั้งมังกรดำแลมังกรฟ้า แต่สิ่งที่พวกเขามีคือจิตสำนึกที่ดีรักสงบและเข้าใจความรุนแรงของพลังตัวเอง ตอนนี้พลังมังกรดำของหงหยูวเป็นของเจ้า พลังเทพของเจ้าจะถูกเก็บกดในร่างของมนุษย์ ฟางเซียน อารมณ์ของมนุษย์นั้นมากมาย จงอย่าปล่อยให้หัวใจตัวเอง มืดดำ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะพ่ายแพ้ต่อความโหดร้ายของโลกข้างล่างนั้น” น้ำเสียงหวานของเทพธิดาบุปผาสวรรค์ขับกล่อมฟางเซียนน้อยของนางด้วยเรื่องราวที่ตัวเองตั้งใจจะเตือนและให้ฟางเซียนได้รับรู้ มือเรียวสวยปัดผมที่ปรกหน้าเด็กน้อยอย่างเบามือ
“ฟางเซียน ข้าอวยพรให้เจ้าเข้มแข็ง” เทพธิดาบุปผาสวรรค์รู้ดีว่าไม่อาจรั้งตัวเด็กน้อยไว้ที่นี่ได้นานนักต่อให้เธอใช้พลังทั้งหมดก็ตามที โชคชะตากำลังจะเดินไปโดยไม่มีใครรู้อนาคต เพราะอนาคตเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน
เกศรากำลังยืนงงอยู่บนหน้าผาแห่งหนึ่ง ม่านหมอกสีขาวใต้หน้าผาปิดบังความลึกและความสูงของห้าผานี่ไปหมดสิ้น ท้องฟ้าเต็มไปด้วยก้อนเมฆขาว ไม่มีลม ไม่มีเสียงสัตว์ และเธอหันหลังกลับไม่ได้
“มีใครอยู่ไหม ที่นี่ที่ไหน” น้ำเสียงเล็กๆของเด็กหญิงที่เป็นของเกศราตะโกนถามอย่างไม่เข้าใจในเหตุการณ์ปัจจุบัน “ตอบด้วยยยยยยยยย มีใครอยู่บ้างงง”
“ข้าอยู่นี่” น้ำเสียงเข้มที่ให้ความรู้สึกว่าพึ่งจะได้ยินมาดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“คุณ!!” เสียงนี่เป็นของปู่ที่บอกว่าตัวเองมังกรแถมยังแปลงกายซะหล่อเหล่าต่อหน้าเธอ
“เจ้าไม่สามารถหันมาไม่ได้ฟางเซียน ข้ามาที่นี่ เพื่อสอนในสิ่งที่เจ้าต้องรู้ และข้าเป็นเพียงความทรงจำตกค้างที่ยังคงอยู่กับพลังที่ร่างจริงส่งให้เจ้า”
“แล้วตอนนี้คุณอยู่ไหน รู้ไหมไม่ต้องพาฉันไปไหนก็ได้ แต่ฉันรู้สึกไม่ดีเลยที่ต้องอยู่คนเดียว” น้ำเสียงของเกศราหงอยลงถ้าขอให้พาเธอกลับตอนนี้เธอก็นึกไม่ออกอยู่ดีว่าจะกลับไปที่ไหนดี
“...” เขาไม่ตอบเธอ เวลาทิ้งช่วงผ่านไปเป็นเวลานานมาก จะเธอกลัวว่าเขาจะทิ้งไปอีกครั้ง
“ยังอยู่รึเปล่า”
“อืม”
“อะไรทำให้มันใจว่าข้าเป็นเทพธิดาที่ท่านต้องการ”
“...” เขาไม่ตอบเธอกลับอีกครั้ง เกศราเริ่มไม่เข้าใจในการกระทำของคนที่อยู่ด้านหลังเขาไม่ยอมตอบคำถามเธอ เธอนึกทวนในสิ่งที่เขาพูดเมื่อสักครู่
“คุณจะสอนอะไร”
“ข้าจะสอนการใช้พลังเบื้องต้นให้กับเจ้า”
“พลัง?”
“พลังมังกรดำในตัวเจ้า ฟางเซียน” น้ำเสียงของเขาดูนิ่งและสงบ “หลักการเบื้องต้นคือคลายและรวบรวม”
“คลาย คลายอะไร” เกศราถามอย่างไม่เข้าใจ
“พลังในตัวเจ้านั้นสามารถใช้ได้แค่หนึ่งส่วนจากทั้งหมดเพราะเจ้าเป็นมนุษย์ ร่างกายที่แตกต่างกันไม่สามารถรองรับพลังที่ต่างกันได้มากนัก”
“เดี๋ยววว ตอบคำถามก่อนสิ คลายอะไร” เสียงเล็กๆเริ่มโวยวาย ‘ให้ความรู้สึกเหมือนคุยกับ A.I. เกมเลยอะ’
“จงอย่าอาจหาญไปต่อกรกับคนเป็นพัน”
“เห้ยยยย!! ฟังกันบ้าง คลายอะไร คุณพูดไม่เคลียเลยนะ แล้วใครจะไปสู้กับคนเป็นพัน บ้ารึเปล่า คิดสิคิ๊ดดดด”
“ใช้พลังที่ข้ามอบให้อย่างระมัดระวัง” เขายังคงพูดไปเรื่อยเหมือนโปรแกรมที่ถูกเขียนขึ้น มันเหมือนกับการที่เราเริ่มบทสนทนากับ NPC ในเกมแล้วมันจะไปเรื่อยๆจนกว่าจะจบ เกศราเบะปาก เธอไม่คิดว่าจะมาเจออะไรแบบนี้
“แบบนี้ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าคุณอยู่ไหน พลังนี่ไม่เห็นดีเลย เหมือนแค่ทิ้งจดหมายแบบพูดได้เอาไว้เฉยๆ” เด็กน้อยกำลังรู้สึกน้อยใจ ฉับพลันเธอก็รู้สึกเหมือนถูกสวมกอดจากด้านหลัง “แค่ปลอบใจกันเหรอไงแบบนี้”
ลายลมมากมายพัดพาเอาไอสีดำล่องลอยสู่ท้องฟ้าสีขาว พร้อมสร้างความรู้สึกห่วงหาในหัวใจของเกศรา ถึงทุกอย่างจะไวและไม่ทันได้ตังตัว แต่เจ้าของพลังนี่คือคนเดียวที่เธอรู้จักชื่อและคิดถึง ตอนนี้เธอเริ่มอยากจะรู้เหตุผลที่เขาขโมยจูบแรกของเธอแล้ว ว่าทำไม
“แบบนี้ก็เหมือนตามผู้ชาย ไม่แบบนี้ไม่ถูก เราแค่ต้องตามหาเขาเพื่อไขข้อข้องใจเฉยๆ” ว่าทำไมเธอถึงคิดถึงเขาทั้งที่ได้พบกันไม่นาน
เกศราหลับตาลงทิ้งให้จิตใจดำดิ่งไปกับความรู้สึกที่พึ่งเกิดขึ้น ก่อนจะไล่เรียงเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่เธอเริ่มลืมตา
ฉันได้พบกับหงหยูว มังกรดำที่แปลงกายเป็นชายแก่หรือเป็นชายแก่ที่แปลงร่างเป็นเด็กหนุ่ม และเขาก็ทิ้งฉันไปทิ้งให้ฉันร้องไห้เพราะความกลัว บ้าจริง โอเคแล้วก็เดินเข้าตรงที่มีต้นไม้หนาเน้น เดินๆวิ่งๆจนมาเจอหญ้าเรืองแสงสีฟ้าแล้วก็เจอถ้ำเจอเถาวัลย์สวยๆ คลานเข้ามาแล้วก็นอน
สรุปเรื่องพวกนี้คือฝันไปอย่างนั้นเหรอ ความรู้สึกของการถูกกอดจากด้านยังคงค้างอยู่บนร่างกาย “เป็นความฝันที่ประหลาดดีแท้” ฉันควรตื่นสินะ
อีกครั้งที่ได้สัมผัสถึงแสงที่แยงตาทำให้ใบหน้าเล็กของคนหลับดูยู่ลงแต่ครั้งนี้ดูจะดีกว่าครั้งก่อนพ่วงด้วยกลิ่นหอมเย็นชวนให้เคลิ้มหลับอีกรอบโดยไม่สนใจแสงที่มันแยงตา
สัมผัสบางเบาบนหน้าผากรั้งคนตั้งใจจะหลับอีกรอบ“ใจคอเจ้าจะไม่ลุกขึ้นมาทักทายข้าเลยหรือไง เซียนเอ๋อน้อย” น้ำเสียงหวานพูดช้าๆเพื่อให้ผู้ฟังที่กำลังจะตื่นเข้าใจได้ง่าย
มีคนเรียกเธอด้วยชื่อนี้อีกแล้ว ใครซักคนที่เรียกเธอด้วยชื่อนี้เสมอ “ท่านพี่”
“เจ้าจำข้าได้” เทพธิดาบุปผาสวรรค์พูดด้วยน้ำเสียงดีใจอย่างสุดๆ นางดีใจมากที่น้องน้อยของนางจำนางได้
เกศราลืมตาตื่นอย่างเต็มที่ ท้องฟ้าสดใสและแสงแดดคือสิ่งแรกที่เธอเห็น เมื่อมองไปข้างตัวเธอก็พบกับหญิงสาวที่งดงามกำลังยิ้มหวานให้ เธอยิ้มตอบ หญิงสาวผู้นั้นจึงยื่นมือมาลูบศีรษะเธอ
“ฉันแค่...คุ้นเคยกับการเรียกคุณแบบนี้ ไม่เป็นการรบกวนใช่ไหม... ค่ะ”เกศราบอกสิ่งที่ตัวเองรู้สึกด้วยความสัจจริงภาพความทรงจำของเธอมักจะเป็นคำว่าคุ้นเคยมากกว่าจำได้
ใบหน้างามหมองลงเล็กน้อยก่อนจะยิ้มกลับมาเช่นเดิม “ไม่เลย เจ้าเรียกข้าได้แบบนี้เสมอเซียนเอ๋อ”
อ่า แบบนี้ฉันต้องเป็น ฟางเซียนจริงๆแล้วสินะ แพ้รอยยิ้มคนสวยชะมัด
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สงสารหงหยูวดีไหม กล่อมจนตาย(เพราะเวลาไม่พอ)... ก็แพ้รอบยิ้มหญิงงาม
หงหยูว :
แถมรูปท่านพี่เทพธิดาบุปผาสวรรค์
ความคิดเห็น