คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ ๒ ห้องฉุกเฉิน
ขอโทษค่าที่หายตัวไปซักพักเล็กๆ
พอดีกลับบ้านแล้วไม่อยากเอาโน๊ตบุ๊คไปด้วย :}
เลยไม่ได้ลงต่อเนื่องเลย ขอโทษนะคะ
ขอบคุณทุกคอมเม้นจ้า :) น่ารักที่สุดเลยยยยยย <3 *ทำท่าแจกหัวใจ*
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แกร๊ก ! เสียงของกระจกข้างของรถสองคันที่เฉี่ยวชนกันหลุดออกมา
“เกดดด” นคราคำรามออกมาเมื่อเห็นศีรษะของเกศราฟาดเข้ากับกระจกรถอย่างแรง รถคันที่ขับมาเฉี่ยวชนก็ไม่ชะลอความเร็วลงคล้ายกับไม่สะทกสะท้านกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“...เอ้ย” ชายเจ้าของรถกระบะที่เข้ามาชนรถของพวกนคราสบถอย่างหายคายด้วยความโมโห“แมร่งชนคนแล้วไม่หยุดรถเลยแบบนี้นี่มันยิ่งกว่าตัวเงินตัวทองอีก”เขาจัดการวิ่งกลับเข้าไปในรถเพื่อใช้วิทยุสื่อสารภายในรถติดต่อคนที่เขารู้จักให้ดักจับ รถเก๋งสีดำที่พึ่งเฉี่ยวชนเกศราไปหมาดๆ
นครากับดาววดีรีบวิ่งเขามาดูเกศราที่นอนสลบอยู่ข้างรถ นครารีบทรุดลงนั่งแล้วยกศีรษะของเกศราขึ้นมาวางไว้บนตักตัวเองอย่านิ่มนวลและเบามือที่สุด บาดแผลตามตัวมีไม่มากที่เห็นจะหนักที่สุดก็คงเป็นศีรษะที่กระแทกกับกระจกรถ ภายใต้หน้ากากที่ดูเหมือนคนใจเย็นและตั้งสติได้กลับมีความหวาดหวั่นอย่างรุนแรงซ่อนอยู่ภายใน เขากำลังกลัวหัวใจเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่งแต่มือกลับเย็นเฉียบเหมือนจุมอยู่ในน้ำแข็งเสียอย่างนั่น
“น้องเกด น้องเกด น้องเกดคะ บอสทำไมเกดเงียบไปละ”ดาววดีเรียกเกศราด้วยน้ำเสียงสั่นเทาเธอตกใจจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวใบหน้าสวยตอนนี้ชื้นไปด้วยเหงื่อและน้ำตาที่ไหลออกมาโดยที่เจ้าตัวยังไม่รู้ตัว
“บอส ผมโทรเรียกรถพยาบาลแล้ว”คนขับรถบอก
“คุณ คิดว่าไงผมควรรอรถพยาบาลไหม” นคราถามความเห็นชองเจ้าของรถกระบะอย่างอับจนหนทางตอนนี้สมองเขาตื้อไปหมด ยิ่งมองใบหน้าซีดเซียวของเกศราหัวใจเขาก็โหวงแหวงเพราะกลัวจะสูญเสียลูกน้องไป เจ้าของรถกระบะก็เดินเข้ามาใกล้ๆเพื่อตรวจดูอาการบาดเจ็บอีกที
“นี่!!” ดาววดีส่งเสียงทักทวงทั้งๆที่ยังสะอื้นไห้อยู่
“ผมเคยอยู่กู้ภัย แต่ที่ชนพวกคุณนั่นผมหลับในจริงๆเรื่องนั้นต้องขอโทษด้วย”เขาพูดขอโทษออกมาด้วยใจจริง “ผมว่ารอรถพยาบาลดีกว่าอีกซักพักก็มาแล้ว ผมขอไฟหน่อย” ด้วยไฟบนถนนช่วงหัวค่ำแบบนี้มันไม่พอกับการจะมองหาบาดแผลของผู้เคราะห์ร้ายได้เขาจึงขอไฟเพิ่ม
ดาววดีรีบคว้าโทรศัพท์มือถือที่ติดตัวมาเปิดโหมดไฟฉายส่องไปที่ใบหน้าของเกศรา
“เลือดออกเยอะเหมือนกัน”
“ใช่ เต็มมือผมเลย” บอสบอก เขาเองก็เริ่มใจเสียเพราะปริมาณเลือดที่ไหนออกมาจากบาดแผลบนศีรษะ
“โหนกแก้มก็โดนกระแทกด้วย หน้าบวมไปครึ่งหนึ่งเลยแบบนี้ถึงตัวจะเป็นอะไรไม่มากแต่หัวถูกกระแทกหนักอย่างงี้ผมกลัวเรื่อง การกระทบกระเทือนที่สมอง”คนขับรถกระบะพูดอย่างหนักใจ “ขอให้ไม่กระทบอะไรมากเลย”
“ดาววดี โทรแจ้งบริษัทให้ติดต่อญาติเกศราด้วย”
“ค่ะบอส”
ไม่นานหลังจากนคราสั่งดาววดีรถพยาบาลก็มาถึง ร่างของผู้บาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยมีนคราตามขึ้นรถไป
“คุณดาวนั่งรถตามมาแล้วกัน”เขาสั่งทิ้งท้ายไว้ก่อนรถพยาบาลจะเคลื่อนออกไปยังโรงพยาบาลใหญ่ในพัทยา
ดาววดีกุมมือถือมือสั่น จนคนข้างๆสังเกตได้
“นี่คุณ โทรบอกเถอะ ได้เบอร์ญาติเขามาแล้วไม่ใช่เหรอไม่ว่าช้าหรือเร็วคุณก็ต้องบอกญาติเขาอยู่ดี”คนขับรถกระบะแนะนำอย่างใจเย็น
ดาววดีกัดริมฝีปากเพื่อระบายความเครียด ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา “นั้นสินะ” เธอหันไปมองคนที่ให้คำแนะนำอย่างขอบคุณก่อนจะกดเบอร์บ้านของเกศราที่ได้มาจากบริษัท
“สวัสดีค่ะนั้นบ้านของเกศรารึเปล่าคะ...... ค่ะ...คือเกศราถูกรถชนตอนนี้อยู่โรงพยาบาลที่พัทยาคะ ศีรษะถูกกระแทกอย่างแรง......มีรถมาเฉียวชนน่ะคะ....ได้คะ...ค่ะ...ค่ะ” บทสนทนาของดาววดีกับบ้านของเกศราจบลงน้ำตาใสใสของเธอก็ไหลลงมาอีกครั้ง
“แม่ของน้องเกดเป็นลม”
“แล้วใครเป็นคนคุยกับคุณละ”
“พ่อน้องเขา...ตอนนี้ฉันต้องตั้งสติดีดีสินะ ไม่งั้นบอกทางมาโรงพยาบาลไม่ถูกแน่ๆ”
“เอ่ออ... คุณดาวครับ”คนขับรถเอ่ยเรียกก่อนจะพูดสิ่งที่ตัวเองกังวลออกมา “ผมไม่รู้ทางไปโรงพยาบาลนะครับ”
“เดี๋ยวผมนำให้ รถที่ชนก็ไม่ได้หนักหนาอะไร เรื่องประกันเอาไว้ทีหลังแล้วกัน”คนขับรถกระบะออกตัวอย่างใจดี
“งั้นไปกันเถอะค่ะ”
โรงพยาบาลในตัวเมืองพัทยา
ตลอดการเดินทางบนรถฉุกฉินนคราได้แต่มองลูกน้องของตัวเองอย่างหดหู่มือของเกศราในมือเขาเย็นเฉียบ ความเย็นที่ส่งผ่านมายังมือทำให้เขาวิตกกังวลมากขึ้น ใบหน้าของเกศราข้างที่ถูกกระแทกเริ่มบวมช้ำอย่างน่ากลัว เทียบกับการฟังสิ่งที่แพทย์ฉุกเฉินบนรถประเมินแล้วมันดูไม่น่ากลัวเลย
กะโหลกศีรษะแตกครับแผลค่อนข้างใหญ่ อาการอยู่ในขั้นโคม่า ยิ่งเลือดไหลไม่หยุดแบบนี้อันตราถึงชีวิตเลยทีเดียว คุณพอจะทราบกรุ๊ปเลือดไหม อาจจะต้องมีการผ่าตัดด่วน
หลังลงจากรถพยาบาลเขาก็ภาวนาให้ดาววดีมาถึงไวไว นคราเดินไปนั่งอยู่ตรงที่นั่งหน้าห้องฉุกเฉิน เขาถอดเสื้อสูทที่เปราะเปื้อนไปด้วยเลือดของเกศราออกแล้วพาดมันไว้ตรงพนักเก้าอี้ บรรยากาศเงียบสงบระคนความหดหู่หน้าห้องฉุกเฉินนี้บวกกับความเครียดทำให้เขาเริ่มนั่งไม่ติด
โดยปกติแล้วห้องฉุกเฉินนั้นรองรับคนไข้หรือผู้ที่เจ็บป่วยนอกเวลาทำการของโรงพยาบาลเช่นในเวลาค่ำคืน แพทย์ในห้องฉุกเฉินส่วนใหญ่จะมาสารถวินิจฉัยโรคเบื้องต้นได้และเวชศาสตร์ฉุกเฉินด้วยเช่นกัน เช่นตอนนี้ก็มีญาติผู้ป่วยหลายคนมารอฟังข่าวญาติตัวเองที่อยู่ในห้องฉุกเฉิน บางคงก็มาด้วยเรื่องอุบัติเหตุแบบเขาบางคนก็มาด้วยอาการผิดปกติของร่างกายในแบบต่างๆกัน
นครามองคราบเลือดแห้งกรังที่มือก่อนจะกำมือแน่น เขาไม่รู้ว่าทำไมหรืออะไรดลใจให้เกศรามาผลักตัวเขาออกจนตัวเองต้องได้รับบาดเจ็บหนักแบบนี่
“คุณเกศราเพราะอะไรกันแน่คุณถึงทำแบบนี้” นคราพึมพำด้วยความหม่นหมอง ถ้านับตามความจริงนี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาและเธอได้รู้จักกันในฐานะลูกน้องและเจ้าของบริษัท
“ญาติคุณเกศราเชิญข้างในห้องฉุกเฉินด่วนค่ะ” เสียงประกาศของพยาบาลสาวในเครื่องแบบสีขาวดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“ผมครับ!!” นคราออกตัวก่อนจะเดินเข้าไปหานางพยาบาล
เมื่อญาติคนไข้มาแล้วนพยาบาลก็นำตัวเข้าไปยังห้องฉุกเฉินส่วนที่ปลอดเชื้อสำหรับคนไข้ที่อาการหนักหรือต้องผ่าตัดด่วน ตรงหน้าห้องมีคุณหมอวัยกลางคนกับคุณหมอหนุ่มและสาวสองสามคนที่น่าจะเป็นนักศึกษาแพทย์
คุณหมอวัยกลางคนเรียกนคราเข้าไปคุยก่อนจะเริ่มคุยเขาก็สั่งอะไรบางอย่างกับนางพยาบาล ก่อนจะหันมาคุยกับนคราที่คาดว่าจะเป็นญาติคนไข้หนึ่งเดียวตอนนี้
“สวัสดีครับ”คุณหมอวัยกลางคนพูดด้วยน้ำเสียงเคร่ง “เข้าเรื่องเลยนะครับ อาการคนไข้สาหัสมาก กะโหลกเปิดมีเลือดคั่งในสมอง และสมองบวมจากการกระแทก แนวทางการรักษาคือต้องผ่าตัดและนำเลือดส่วนเกินที่คั่งในสมองออก และพยามรักษากะโหลกส่วนที่แตก แต่ดูจากความดันเลือดการเต้นของหัวใจและชีพจร โอกาสที่จะรอดต่ำมาก”
คุณหมอวัยกลางคนมองใบหน้าที่ซีดลงของญาติคนไข้อย่างเข้าใจ เข้าผ่านเรื่องแบบนี้มามากบางครั้งก็มีปาฏิหาริย์บางครั้งก็ไม่มี แต่ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวคนไข้เองด้วยว่าสู้หรือเปล่า
“เธอหยุดหายใจไปรอบหนึ่ง เราสามารถดึงเธอกลับมาได้ ยิ่งความดันต่ำลงเธออาจจะซ๊อค”คุณหมอบอกรายละเอียดที่ผ่านมาในห้องฉุกเฉินเพิ่ม
“ถ้าเธอหยุดหายใจไปอีกคุณหมอจะดึงเธอกลับมาใช่ไหม”ชายหนุ่มถามเสียงเบา
“ผมจะทำหน้าที่ของผมให้เต็มที่ แต่คุณก็ต้องเผื่อใจไว้”คุณหมอให้คำแนะนำ
“คุณหมอคะ สิ่งนี้หลุดออกมาจากมือคนไข้ค่ะ”นางพยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมของในมือ เธอยื่นถุงหอมสีม่วงให้หมอ “น่าจะกำมันเอาไว้ตลอดทางที่มาโรงพยาบาลเลยค่ะ” เธอพูดเพิ่มเติมก่อนจะเดินออกไป
“อะ ของที่อยู่ในมือคนไข้”คุณหมอ ยื่นถุงหอมให้กับนคราก่อนจะเดินไปตบบ่าสองสามทีเพื่อให้กำลังใจ “ผมต้องขอตัวก่อน ยังมีเด็กที่รอการรักษาจากผมอยู่ แต่คุณไม่ต้องห่วงจะมีแพทย์ประจำห้องดูแลอย่างใกล้ชิดจนกว่าจะพ้นโคม่า”
“ขอบคุณครับ” นครายกมือไหว้คุณหมอก่อนจะมองเข้าไปในห้องปลอดเชื้อ ตลอดเวลาที่คุยกับคุณหมอเขาพยามที่จะไม่มองไปทางนั้น แต่ตอนนี้เขาคงต้องมองก่อนที่อาการของเธอจะแย่ลงไปกว่านี้
สายท่อน้ำเกลือ ถุงเลือด เครื่องวัดชีพจรหรือสัญญาณชีพต่างๆ ระโยงรยางค์เต็มตัวของเกศราใบหน้าของเธอถูกพันด้วยผ้าพันแผลเกือบครึ่ง ที่ศีรษะก็เช่นกัน ผมของเธอถูกโกนออกเพื่อให้เห็นบาดแผลที่แตก เขาพอจะอุ่นใจขึ้นมาบ้างเมื่อเห็นเธอยังหายใจถึงแม้จะต้องใช้เครื่องช่วยหายใจก็ตาม
เมื่ออยู่ในห้องนี้ต่อไปเขาก็ทำอะไรไม่ได้ นคราจึงตัดสินใจเดินออกจากห้องพยาบาล
“บอส..”
“บอสค่ะ บอสสส...”
“บอสสส... บอสกลับมาก่อน บอส เดี๋ยว บอสรอเกดด้วย” เกศราพยามส่งเสียงเรียกเจ้านายของตนแต่เขาก็ไม่ได้ยิน
ตั้งแต่รู้ตัวเกศราก็ยืนอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยหนักที่มีผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่ ใช่เธอยืนอยู่ข้างๆร่างของตัวเองแต่เธอไม่กล้าที่จะมองไปยังร่างตัวเอง ตอนนี้เธอก็ได้แต่มองแผ่นหลังของเจ้านายที่เดินออกไปโดยที่ไม่สามารถตามไปได้
“เกด เกด”มีเสียงเหมือนเป็นเสียงของชายแก่เรียกเธอ เสียงนี้มันคุ้นหูจนน้ำตาพาลจะไหล
“กง นั้นกงรึเปล่า กง.....กง....กงช่วยเกดด้วย เกดยังไม่อยากตายยยย” เกศราร้องไห้ให้กับสิ่งที่ตัวเองกลัว “เกดยังไม่ได้เลี้ยงพ่อกับแม่เลย เกดยังไม่ได้เห็นต้นเตยเรียนจบเลยด้วย”
“เกดเอ๋ย” เสียงของอากงของเธอดังขึ้นจากทางด้านหลัง
เกศราหมุนตัวกลับไป ก่อนจะโถมตัวเข้าหาอ้อมกอดของอากงที่เธอรักยิ่งทั้งน้ำตา “กง เกดคิดถึงกงนะ แต่เกดยังไม่อยากตาย แต่ถ้าเกดได้ไปอยู่กับกง ก็ขอเกดคิดอีกที”
“ไฮ้!! อาเกดนี่น่า อากงก็คิดถึงเกดนา แต่เกดต้องไปอีกที่หนึ่ง เขาเรียกตัวเกดมานานแล้วนา” นายจุ่มมองหลานสาวของตัวเองด้วยความรักและความคิดถึง ตั้งแต่เขาตายไปเขาก็รู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นบาดแผลใหญ่ในความทรงจำของเกศรา ที่เขารู้เพราะว่าทุกคืนหลังจากเขาตายเกศราร้องไห้ตลอดเป็นเวลาเกือบปี และหลังจากนั้นพอนึกถึงเขาเธอก็มักจะร้องไห้ทุกที
“อากงใจร้าย ตอนกงจะไปกงก็ไม่รอเกด ตอนนี้จะให้เกดไปไหนอีก ไม่เอาๆ”เกศราซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของชายชรา เธอกอดเขาแน่นเหมือนว่าถ้าเธอปล่อยเขาไปเขาจะหายไปอีกครั้ง “กงไม่รอเกดเรียนจบม.หกก่อน อีกไม่กี่วันเอง ใจคอกงจะคุยกับเกดแค่ทางโทรศัพท์ใช่ไหม แค่กงรออีกวันเกดก็ไปหากงที่โรงพยาบาลได้แล้ว”
“กงกลัวเกดไม่มีสมาธิเลยบอกพ่อเกดไม่ให้บอก”
“กงใจร้าย” ถึงปากจะว่าแต่เกศราก็ยังไม่ยอมคลายอ้อมกอดอีกอยู่ดี
“มา มา มา เดี๋ยวกงต้องพาเกดไปส่งอีกที่ช้ากว่านี่ไม่ได้แล้ว” นายจุ่มคลายอ้อมกอดของหลานสาวก่อนจะจูงมือลากเธอไปยังที่ที่เธอควรอยู่เหมือนตอนที่เกศรายังเด็กๆแล้วเขาก็ต้องลากเธอไปไหนมาไหนด้วยเพราะกลัวจะหลง ตอนเด็กๆนั้นเกศราติดปู่หรืออากงของเธอมาก
“เดี๋ยวว กงแล้วแบบนี้ทิ้งร่างไปไม่เท่ากับเกดตายแล้วเหรอ”
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ไปเร็ว” กงของเกศราเร่งก่อนจะพาหลานหายวับไปจากห้องฉุกเฉิน
“!!!!!!!!!!!! เห้ย คนไข้ซ๊อค” หมอหนุ่มที่อยู่โยงเฝ้าเกศราอุทานขึ้นมาอย่างตกใจ ไม่นานแพทย์และพยาบาลหลายคนต่างก็มาพยามจะช่วยกันยื้อชีวิตของคนไข้กันอย่างสุดความสามารถ
หลังจากเกศราถูกอากงกึ่งลากกึ่งจูงมาเธอก็มาโผล่ในสถานที่แปลกๆที่ให้บรรยากาศหม่นหมอง หดหู่ เศร้าและอาลัยปะปนกันไป ที่นี้เต็มไปด้วยสีดำและสีแดงของเปลวไฟ ไอความร้อนมากมายคล้ายจะหลอมละลายเธอทิ้งแล้วสร้างใหม่คล้ายกับเหล็ก เกศรามองไปยังอากงที่ยังจูงมือเธออยู่แล้วมองเลื่อนไปยังพื้นที่เธอกำลังเดิน ทางเดินที่เป็นเหมือนหินสีดำแต่กลับเรื่องสีแดงเข้มออกมาและความร้อนที่ซึมผ่านรองเท้า... ไม่ได้ซึม นี่ลวกเท้าโดยตรงเลย
“กง รองเท้าเกดไปไหน”
นายจุ่มมองหลานสาวที่คล้ายจะย้อนวัยไปเหมือนเมื่อสมัยตอนเด็กอย่างเอ็นดู ก็อาเกดตอนเด็กๆน่ารักจะตายไป
“กงก็ไม่รู้ แต่คงไม่จำเป็นแล้วละ เอานี่ โดดลงไปในหลุมนี้เลย”
“หลุม?” เกศราชะโงกตัวผ่านแขนอากงมองหลุมที่อากงเธอว่า “นี่มันเหมือนตกลงไปในห้วงอาวกาศเลยนะกง” ในหลุมที่อากงเธอว่ามันช่างดำมืดแต่กลับมีแสงสว่างคล้ายๆดวงดาวอยู่บางจุด
“เอาน่าจะลงเถอะ”
“แต่กง ถ้าเกดลงไปแล้วกงละ อ๊ะ!! กงยายแก่คนนั้นมาทำไมอะ”
“ไหนไหนไหน” กงของเกศราชะเง้อมองหาตามทางที่เกศราชี้ก่อนจะต้องตาเบิกกว้างแล้วอุทานออกมา “ไอหย๋า อาคุณยายคนนี้วิ่งไวเหมือนไม่แก่เลย”
“เฮอะอย่ามาดูถูกกันนะ ก่อนที่ทุกคนจะลงหลุมนี้ไปได้ต้องดื่มน้ำแกงลบความทรงจำก่อน” ยายแก่ที่ทำหน้าที่ลบความทรงจำของทุกสิ่งที่จะต้องไปเกิดใหม่ วิ่งมาจากจุดเกิดปกติด้วยความไวแสง
“ก็เขาบอกว่ารีบๆ แถมให้ผ่านทางเลยแบบนี้ก็เลยคิดว่าไม่ต้องก็ได้มั่ง”
“ไม่ได้ๆ” ยายแก่ไม่ยอมแถมยกถ้วยน้ำแกงที่เอามาตอนไหนไม่รู้จะมากรอกปากเกศรา
“ไฮ้ นั้นหลานข้านา จะมากรอกปากแบบนี้ได้ไง อาเกด โดดเลย ทำตามที่กงบอก”
เกศราที่เป็นตัวกลางยืนงงระหว่างคนสองคนที่กำลังทะเลาะกัน ซึ่งคนหนึ่งเป็นปู่ที่รักยิ่งส่วนอีกคนเป็นยายแก่ที่มาพร้อมน้ำแกงที่แกบอกว่าสามารถลบความทรงจำได้
“โอ้อาเกดนี่ชักช้าจริง” นายจุ่มบ่นออกมาก่อนจะผลักหลานรักลงไปในหลุม
“ช๊ะช่ะช่า คิดจะหนีเหรอ เอาไปปปป ~~~~~” ยายแก่เจ้าของน้ำแกงลบความทรงจำสาดน้ำแกงตามเกศราลงไป ด้วยความแม่นและฝีมือตามที่แกบอกว่าอย่ามาดูถูก น้ำแกงบางส่วนที่ถูกสาดก็เข้าปากเกศราที่กำลังอ้ากว้างเพื่อจะกรี๊ดออกมา
“กะ... อึก! กรี๊ดดดดดดดดด” แต่ก่อนจะได้กรี๊ดเธอก็ต้องกลืนน้ำแกงที่กระเด็นเข้าปากไปก่อน
“หวังว่าน้ำแกงจะไม่ได้ผลเหรอกนะ”
“ได้ผลชัวร์ข้าเคี่ยวเองกับมือ”
“ก็ฝั่งนู้นเขาบอกว่า ให้พาไปเฉยๆไม่เห็นสั่งยุ๊บยิบ เหมือนรายอื่นๆเลย”
“อ้าวเหรอ”
“ก็บอกไปแล้วไม่ฟัง ถ้าฝั่งนู้นเขาเอาไปลบความทรงจำอีกรอบจะไม่ซ้ำซ้อนกันหรือไง”
“ช่างมันเถอะ”
“...”
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แถมรูปท้ายเรื่อง
พาคุณบอสมาให้ทุกคนสวัสดีคะ :]
(ノ´д`)
"อย่าดุน้องเกดมากนะคะบอสสขา ฮ่ะๆๆ"
ความคิดเห็น