คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่ ๑๒ คุณชายเจ้ากับคู่หมั้นคู่หมาย
เสียงซุบซิบในวันนั้นยังคงค้างคาในใจฟางเซียนอย่างไม่รู้คลาย...
อันตัวฉัน ฟู่หลงฟางเซียน
อดีตเทพธิดาเครื่องหอมผู้มีหัวใจที่สามารถทำให้ผู้คน มาร เทพ หรือปีศาจเป็นอมตะ อดีตโปรแกรมเมอร์สาวที่โดนรถเฉี่ยวชนจนตาย
ตอนนี้นั้นกลับกลายเป็นเด็กสาวในคราบเด็กชายและยังเป็นลูกไล่รองมือรองเท้าเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง
อ่าถึงจะหน้าตาดีประหนึ่งไอดอลก็แหมทั้งดูสูง(เพราะความสูง) สง่าและดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเด็กวัยเดียวกัน
มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากนักหากเทียบกับชีวิตก่อนหน้านี้
และ...ตอนนี้ชีวิตเริ่มส่อแววบัดซบเมื่อประกาศหมั้นหมายของคุณชายอันเป็นที่รักยิ่งถูกประกาศออกมา ฉันก็ถูกกระเด็นจากการเป็นคนรับใช้ส่วนตัวของคุณชายโดยเหตุผลที่ว่าคือ
“ข้าคงไม่มีเวลาอยู่เล่นกับเจ้าอีกต่อไป” เจ้าเฟยหรง นะเจ้าเฟยหรง
รู้ไหมคนที่ได้ยินมันหน้าชานะ ฉันไม่ได้ต้องการเพื่อนเล่นเว้ย บอกกันดีดีก็ได้แบบ
ข้าคงไม่สะดวกให้เจ้ามาดูแลหรืออะไรแบบนี้ หงุดหงิดจริง
ส่วนที่ค่อนข้างจะทำให้ฉันค่อนข้างจะแปลกใจมากที่สุดคือตัวคุณชายเหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าต้องแต่งงาน
ต้องมีคู่หมั้น เรื่องแบบนี้ฉันไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ถึงตอนที่ฉันเองอายุเท่ากับคุณชายจะเคยละเมอเพ้อพกว่าจะแต่งงานให้กับตัวละครในนิยาย
สาบานได้ตอนนั้นจริงจังมากขนาดฝันติดต่อกันหลายคืน ยอมใจตัวเองเลย
หลังจากถูกทิ้ง เอ้ย!
ถูกย้ายงานกลายเป็นเด็กว่างงาน ท่านพ่อบุญธรรมเห็นใจหรือทนเห็นฉันว่างงานไม่ได้ก็ไม่รู้เลยส่งฉันไปคลุกอยู่กับห้องเครื่องหรือก็คือครัวนั้นเอง
ไม่รู้ท่านพ่อบุญธรรมเล็งเห็นความตะกะเห็นแก่กินในตัวฉันตอนไหนอีกเหมือนกัน
ฟู่หลงฟางเซียนคนนี้ขอเปิดตัวพร้อมหน้าที่ใหม่ไฉไลกว่าเดิมคือเด็ดผัก..หยิบข้าวของ..ล้างจาน
รวม ๆ ทำไปก็ดีอยู่ คิดในแง่ดีน่ะนะ
แต่ก็อดเซงไม่ได้ทำงานไปเหอะทำๆไปพอตกบ่ายก็แอบหนีออกไปเที่ยวดีกว่า
คิดได้ดังนั้นฟางเซียนในวัยแปดขวบก็ลากตะกร้าใส่ผักไปล้างด้านนอกห้องครัวที่เป็นลานดินเอาไว้ล้านจานชามและผักหรือเนื้อสัตว์
คนงานหลายคนขะมักขะเม้นตระเตรียมอาหารเที่ยงให้พระชายาและเหล่าคนงานด้วยกันเอง คุณชายเจ้าและอ๋องเจ้าวันนี้ต่างเข้าไปในวังตั้งแต่เช้าตรู่
นี่ก็ผ่านมาหลายสัปดาห์หลังจากประกาศเรื่องการหมั้นหมาย
เจ้ยเฟยหรงนั้นเหมือนกับหายไปจากชีวิตของฉันทีเดียว
หากจะบอกว่าไม่คิดถึงก็คงเป็นการโกหกแต่การคิดถึงนั้นมันก็ไม่ได้มากมายนักเหมือนคนที่เคยสนิทแล้วก็ห่างกันไปเท่านั้นเอง
“เซียนเอ๋อ”
น้ำเสียงอ่อนโยนของสตรีดังขึ้นด้านหลัง
ฟางเซียนที่กำลังล้างผักอย่างเกียจคร้านถึงกับสะดุ้ง
“เจ้าขาพี่เสี่ยวหลาน” เธอตอบกลับเสียงอ่อนเสียงหวาน
“เด็กผู้ชายที่ไหนเขาพูดเสียงอ่อนเสียงหวานแบบเจ้ากัน
เข้มแข็งหน่อยสิเซียนเอ๋อ”เสี่ยวหลานเดินมานั่งข้างๆฟางเซียนที่มอมแมมจากการล้ างผักโดนไม่แยแสถึงโอกาศที่ชายกระโปรงจะเปรอะเปื้อนน้ำจากการล้างผัก
“ท่านอาฝากข้ามาถามว่าวันนี้เจ้าจะแอบหนีไปไหน”
“นอกเมืองขอรับ”
เมื่อได้ยินคำตอบจากเด็กน้อยที่กำลังล้างผักแบบขอไปทีเสี่ยวหลานถึงกับเอามือทาบอกด้วยความตกใจ “นี่เจ้าตัวแค่นี้อาจหาญออกไปนอกเมืองเลยหรือไง ไม่ได้นะ
ระยะทางก็ช่างไกลเจ้าเดินไม่ไหวเหรอก”
ฟางเซียนน้อยวางแผนไว้แล้วว่านางจะต้องแอบหนีออกไปหาของในป่านอกเมื่อให้ได้
ถึงคฤหาสน์ของอ๋องเจ้าจะใหญ่โตมากมายขนาดไหนมันก็เทียบไม่ได้กับสิ่งที่อยู่ในป่า
“อย่าไปเลยเซียนเอ๋อ
เล่นอยู่แต่ในเมืองเถิดถือว่าข้าขอ ออกไปนอกเมืองนั้นมันอันตรายเกินไปจริง ๆ
นะเจ้า” เสี่ยวหลานพยามหวานล้อม
นางลอบมองใบหน้ากลมเกลี้ยงน่ารักก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาเมื่อเห็นว่าเจ้าของใบหน้ากลมเกลี้ยงทำหน้าบิดเบี้ยวเหมือนขัดใจ
เพราะหลายเดือนที่อยู่ด้วยกันมาเวลาฟางเซียนโดนสั่งห้ามแล้วทำหน้าเหมือนขัดใจแสดงว่าเด็กคนนี้จะฟังเรา
แต่ถ้าทำหน้านิ่งคือเด็กคนนี้จะทำอย่างที่ตัวเองตั้งใจ
ดังนั้นเพื่อเป็นการปลอบหัวใจดวงน้อย ๆ ที่ถูกขัดใจเสี่ยวหลานจึงลูบหัวเบาสองสามทีพร้อมคำสัญญาที่ว่าสัปดาห์หน้าจะพาฟางเซียนไปเดินชมงานกราบไหว้เทพประจำเมือง
“เมืองนี้มีเทพด้วยเหรอพี่เสี่ยวหลาน”
ฟางเซียนหันมาถามอย่างสงสัยใคร่รู้
“มีจ๊ะเป็นเทพอารักษ์เมืองหลวงแห่งนี้
อยู่ในวัดทวีสุขใกล้กับวังหลวง”
ก่อนพี่เสี่ยวหลานจะจากไปนางก็ลูบหัวฟางเซียนอีกทีอย่างเอ็นดู
“เจ้านะเป็นที่รักของท่านพ่อและข้านะเซียนเอ๋อร์” ฟางเซียนได้ยินประโยคนี้มาหลายครั้งแล้วและทุก
ๆ ครั้งที่ได้ยินก็มีแต่ความอิ่มเอมใจ
หลังจากเสี่ยวหลานเดินกลับไปหาพระชายา
ฟางเซียนก็เสร็จสิ้นจากการล้างผักเด็กน้อยเอาแขนเสื้อปาดเส้นผมที่ทิ่มใบหน้าออกอย่างหงุดหงิด
เส้นผมที่เริ่มยาวกลายเป็นสิ่งที่น่ารำคาญจนอยากจะไปคว้าขอมมีคมมาหันทิ้งเสีย
ร่างเล็กยกตะกร้าที่ใหญ่ใส่ผักที่ถูกล้างแล้วขึ้นมาแล้วเดินเอาไปคืนกับแม่ครัวที่สั่งให้มาล้างอย่างทุลักทุเล
ถึงจะเป็นตะกร้าผักแต่ก็มีน้ำหนักมากทำเอาหวิดจะล้มอยู่หลายรอบ
ฟางเซียนน้อยวางตะกร้าลงพับกับพื้นก่อนจะยืนบิดตัวไปมาเพื่อไล่ความเมื่อยตามร่างกาย
ในหัวก็วนคิดถึงแผนการในวันนี้ที่ต้องล้มเลิกไป
แต่ยังไม่ทันจะได้คิดแผนใหม่หูก็ได้ยินใครสักคนที่เดินเข้ามาสั่งการบางอย่างกับเหล่าคนครัว
"คุณชายจะพาคุณหนูเจียงทั้งสองมาเยี่ยมพระชายาในช่วงบ่ายวันนี้เตรียมขนมไว้ด้วยพวกนะเจ้า"
น้ำเสียงสั่งการที่คุ้น ๆ ทำให้ร่างเล็กตบมือแปะอย่างดีใจ
ล้วนเป็นคนรับใช้ของพระชายานี่เอง
นางพูดถึงคุณหนูทั้งสองแบบนี้ท่านหญิงหลิงหลิงก็มาด้วยสินะ
นับเป็นโอกาศอันดีที่จะเอาของให้ หากพลาดโอกาสนี้อาจจะต้องฝากคุณชายเอาไปให้ ไม่
ฉันจะไม่แบกหน้าไปขอให้คุณชายช่วยเหรอก นี่แหละโอกาสดีจะปล่อยผ่านไม่ได้
ไวเท่าความคิดฟางเซียนก็วิ่งหายออกไปจากห้องเครื่อง
ก่อนจะมีเสียงโวยวายตามหลังมา
“เห้ย!! ฟางเซียน ไปไหนแล้วข้ายังใช้งานเจ้าไม่เสร็จเลย ไวจริง ๆ
เด็กคนนี้”
แม้แดดจะแรงเท่าไหร่ฟางเซียนที่มีเป้าหมายในใจก็ออกวิ่งอย่างมุ่งมันไปยังที่พักของตน
ร่างเล็ก ๆ วิ่งหลบเหล่าคนสวนที่กำลังจัดแต่งต้นไม้
หากเทียบระยะทางระหว่างที่พักกับห้องเครื่องก็นับว่าไม่ไกลเท่าไหร่นั้นเพราะอยู่เกือบจะติดส่วนที่อยู่ของคนงานคนใช้ทั้งหลาย
แค่เดินไปชั่วครู่เดียวก็ถึง
แต่ตอนกำลังจะเดินไปสายตาอันเฉียบคมก็พลันเหลือบไปเป็นร่างที่คุ้นตาของพ่อบุญธรรม
ถ้าโผล่หน้าไปตอนนี้
โดนดุเรื่องที่หนีออกมาจากห้องเครื่องแน่ ๆ โธ่เอ้ยก็มัวแต่รีบร้อนใจจนลืมไปเลยจะออกไปเล่นได้ก็ต่อเมื่อห้องครัวทำอาหารกลางวันเสร็จ
นี่มันยังไม่เที่ยงและอาหารกลางวันพึ่งเริ่มทำเพราะพึ่งล้างผักเสร็จ ชิบหายแล้ว
ชิบหายแล้ว วิ่งอ้อมมันเอาแล้วกัน
เพราะการโดดงานมันเลยกลายเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมต้องมาวิ่งผ่านสวนผ่านคนที่กำลังตกแต่งต้นไม้
ตรงทางอ้อมที่ฟางเซียนเลือกวิ่งนั้นมีทางเดินที่ปูแผ่นหินอย่างดีอยู่ด้านข้างซ้ายมือส่วนทางด้านขวามือคือสระน้ำขนาดกว้างขุดอย่างดีมีดอกบัวสีชมพูอ่อนชูช่อให้เห็นอยู่บางตา
ชุดเด็กชายที่ฟางเซียนสวมใส่นั้นเป็นสีเขียวหม่นๆคล้ายถูกย้อมจากใบไม้และเก่าเลยทำให้ดูกลืนไปกับหญ้าบนพื้นและต้นไม้พุ่มที่ใบเขียวชอุ่ม
บวกกับความรีบร้อนและไม่ระวังฟางเซียนน้อยก็โดนหนึ่งในคนงานที่กำลังถอยหลังออกมาดูผลงานตัวเองชนเข้าให้
ร่างเล็กกลิ้งล้มพร้อมเสียงโอดโอย
“โอ๊ยนี่คุณ ชนมาได้ไงมันเจ็บนะ”
“ข้าขอโทษ
ข้าไม่ทันได้มอง เจ้าจะรีบวิ่งไปไหนกันเล่า มาข้าช่วย”
ชายคนที่ช่วยฟางเซียนนั้นเป็นคนงานที่คุ้นหน้าคุ้นตาเคยเห็นหน้ากันหลายทีตอนพักไม่ก็ตอนเกาะท่านพ่อบุญธรรมไปเดินรอบบ้าน
เขาเสนอความช่วยเหลือให้แก่ฟางเซียนที่กลิ้งไปเกือบจะตกลงไปในสระ
ร่างเล็กสะบัดหัวไปมาสองสามทีก่อนจะยื่นมือไปข้างหน้าตามสัญชาติญาณและถูกฉุดให้ลุกขึ้นยืน
“ไม่เป็นไร เรารีบเอง ขอโทษคุณด้วยเหมือนกัน ไปก่อนนะ”
“เดินระวัง ๆ
ด้วยละ”
“ได้ ๆ ๆ ๆ อ๊ากกก”
เดินไปไม่ทันจะถึงสามก้าวฟางเซียนก็พลาดท่าตกลงไปในสระ
ตู้ม!! เสียงกระแทกของน้ำเรียกความสนใจของคนทั้งหมดที่อยู่ใกล้เคียง
ชายคนที่ชนฟางเซียนโวยวายอย่างตกใจ เพราะในเมืองหลวงน้อยคนนักจะว่ายน้ำเป็นและเขาก็ว่ายน้ำไม่เป็น
“มีเด็กตกน้ำ
มีเด็กตกน้ำ ช่วยด้วย”
“ข้าว่ายน้ำไม่เป็น
ใครว่ายเป็นลงไปช่วยเร็วเข้า”
เสียงโวกแหวกโวยวายเริ่มดังมากขึ้นเมื่อไม่เห็นเด็กที่ตกลงไปโผล่หน้าขึ้นมา
ตอนนี้มีคนหนึ่งวิ่งไปตามพ่อบ้านฟู่แล้ว คนงานชายที่เข้ามาสมทบและว่ายน้ำเป็นก็เริ่มตั้งท่าจะกระโดดลงไปช่วยแต่ยังไม่รู้ตำแหน่งของฟางเซียนที่จมน้ำ
“ฟูว์ ”
เสียงพ่นน้ำพร้อมร่างเล็กที่ทะลึ่งพรวดขึ้นมาทำให้ผู้คนตรงนั้นถอนหายใจอย่างโล่งอก
เด็กนี่มันว่ายน้ำเป็น
ฟางเซียนที่ตีขาพยุงตัวในน้ำใช้มือข้างหนึ่งปาดหยดน้ำออกจากใบหน้าก่อนจะเห็นเหตุการณ์ที่ค่อนข้างจะโกลาหลตรงหน้า
“พวกนายมามุงอะไรกัน”
สิ้นเสียงฟางเซียนหลายคนคล้ายมีแถบดำคาดบนใบหน้า
และความคิดออกมาในทางเดียวกันคือ ‘ก็เพราะเจ้าไม่ใช่เหรอไง’
ฟางเซียนที่ยังคงลอยตัวอยู่ในน้ำก็มองหาทางขึ้นจากสระน้ำแบบขุดนี่
เธอค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ขอบสระที่มีหญ้าปกคลุมและมีคนหลายคนพร้อมจะฉุดเธอขึ้นมาจากสระ
“ฟางเซียน” เสียงตะโกนเจือความกังวงของฟู่หลงซินลอยมากระทบหูเจ้าของชื่อ
ตัวตากลมโตเบิกกว้างอย่างหวาดกลัวก่อนเท้าเล็ก
ๆ จะดีดตัวเองออกจากขอบสระเพราะกลัวความผิด
“มานี่เจ้าตัวเล็ก
จะออกไปอีกทำไม” คนที่รอฉุดฟางเซียนขึ้นจากสระบ่นออกมาในใจก็คิดอย่างไม่เข้าใจ
เจ้าเด็กนี่มันประหลาดอยากจะหนาวตายในน้ำหรือไงกัน
“ไม่...ไม่ ๆ
ขึ้นไปตอนนี้โดนท่านพ่อลงโทษแน่” น้ำเสียงสั่นๆของฟางเซียนทำเอาฟู่หลงซินมือกระตุก
ใบหน้าของชายกลางคนยิ้มเหมือนคนที่กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุก
“จะขึ้นตอนไหนเจ้าก็หนีพ่อไม่พ้น”
เขาไม่คิดว่าการเลี้ยงเด็กซักคนมันจะทำให้เขารู้สึกอับจนหนทางได้ขนาดนี้ ‘ฟางเซียนเจ้าเอาหัวไหนคิดกันว่าการลอยอยู่ในน้ำนั้นจะทำให้หนีพ่อได้’
ใบหน้ากลมที่เริ่มซีดเพราะความเย็นของน้ำบิดเบี้ยวคล้ายจะร้องไห้
ริมฝีปากบางเริ่มซีดจางแต่เจ้าตัวก็ยังดื้อดึง ‘แต่ก็จริงยังไงก็ต้องขึ้นอยู่ดี’
ฟางเซียนที่กำลังจะยอมแพ้ว่ายเข้าไปที่ขอบสระกลับต้องตกใจเมื่อตัวเองถูกฉุดขึ้นจากน้ำโดยการหิ้วคอเสื้อ
เมื่อพยามช่วงชิงจังหวะมองว่าใครเป็นคนฉุดเธอขึ้นจากน้ำก็ต้องตกใจอีกละลอก
“ท่านพ่อ” เป็นท่านพ่อที่ฉุดเธอขึ้นมาจากน้ำ
เมื่อมองไปที่ปลายเท้าก็เห็นแผ่นน้ำทิ้งตัวอยู่เบื่องล่างพร้อมดอกบัวและสายลมที่กระทบตัว
“วิชาตัวเบา”
อ๊ากกกกกกกก...
ฟางเซียนกรี๊ดร้องในใจ เมื่อรู้ตัวว่าโดนใช้วิชาตัวเบาหิ้วขึ้นมาจากน้ำ
“พ้อออออออออ
เอาผมลง หวาดเสียวเอาผมลง” ฟางเซียนที่เกิดอาการกลัวความสูงโวยวาย
“ถึงแล้ว” ฟู่หลงซินเคลื่อนที่ลงพื้นอีกฝั่งของสระอย่างนุ่มนวลและว่างลูกชายบุญธรรมให้ยืนอยู่ข้างตน
เท้าของเขานั้นแตะน้ำเพียงครั้งเดียวคือตอนที่ฉุดฟางเซียนขึ้นจากน้ำ มันเป็นตัวบ่งบอกได้ว่าทักษะวิชาตัวเบาของฟู่หลงซินอยู่ในระดับดีมาก
ในความคิดฟางเซียนมันเหมือนว่าผ่านไปนานแต่ที่จริงเพียงแค่ชั่วพริบตาไม่ถึงสิบวิด้วยซ้ำ
เธอได้แต่ยืนเอ๋อ ๆ กับประสบการณ์ใหม่เกี่ยวกับการใช้วิชาตัวเบา
เธอหันกลับไปมองฝั่งที่เธอตกลงไปในสระก่อยจะหันมามองพ่อบุญธรรมตัวเองแล้วก็หันไปมองฝั่งที่เธอตกลงมาอีกรอบ
“พ่อคงไม่กักบริเวณผมใช่ไหม”
“แน่นนอน”
“เย้”
“เจ้าจะโดนกักบริเวณจนกว่าพ่อจะอนุญาติ”
“แล้วเรื่องงาน”
“ทำตามปกติป๋าตงกับคนครัวจะเป็นคนตรวจสอบว่าเจ้าอยู่ในสายตาพวกเขา”
มันช่างบัดซบจริงๆเลย
“พ่อ มันเป็นอุบัติเหตุนะ”
“ถ้าเจ้าไม่โดดงาน
เจ้าจะไม่ตกน้ำ”
“ผมแค่จะไปเอาของมาให้ท่านหญิงหลิงหลิง”
“ให้ข้า ทำไมหรือ”
ทันทีที่ได้ยินเสียงหวานใส
สายตาของสองพ่อลูกก็มองไปทางเจ้าของเสียง ดวงตาสองคู่เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อพวกเขาได้เห็นสตรีที่งดงามทั้งสองและหนึ่งหนุ่มที่มีความงามผสมไปกับความหล่อเหลา
“ท่านหญิง!!!” ฟู่หลงซินออกอาการคล้ายคนตกใจก่อนจะซ่อนเอาไว้แล้วกล่าวทักทายคุณหนูเจียงทั้งสองและคุณชายของเขาอย่างสุภาพ
“ยินดีต้อนรับท่านหญิงผู้งดงามทั้งสอง ยินดีต้อนรับกลับคฤหาสน์ขอรับคุณชาย
และขออภัยในความโกลาหลที่เกิดขึ้นด้วย”
“ฟางเซียนเจ้ามีอะไรจะให้ข้าเหรอ”
ท่านหญิงหลิงหลิงที่วันนี้มาในธีมเจ้าหญิงดิสนี่ ไม่ใช่ นางมาในธีมสีชุดชมพูอ่อนมีลวดลายของดอกไม้ทำให้ยามเคลื่อนไหวเหมือนมีดอกไม้เล็ก
ๆ โปรยปรายตามชายกระโปรงและชายแขนเสื้อ เส้นผมสีดำสนิทถูกมัดตรึงเป็นมวยทั้งสองข้างพร้อมผูกผ้ามัดผมสีชมพูแซมด้วยดอกไม้สีชมพูเล็ก
ๆ
ท่านหญิงหลิงหลิงเดินเข้ามาหาฟางเซียนที่อยู่ในสภาพลูกหมาตกน้ำอย่างไม่รังเกียจ
แถมใบหน้าก็แสดงอาการดีใจอย่างปิดไม่มิด
ฟางเซียนที่กำลังจะเปิดปากตอบอย่างกระตือรือร้นก็พลังรู้สึกถึงสายตาพิฆาตจากสองทาง
หนึ่งคือท่านพ่อ และอีกหนึ่งคือเจ้าเฟยหรง “แหะๆๆ”
เธอเลยเลือกที่จะหัวเราะกลบเกลื่อนอย่างโง่งม
โถ่ คุณชายยืนอยู่กับหญิงงามล่มเมืองแล้วช่วยทำหน้าทำตาให้ดีดีหน่อยไม่ต้องจ้องเหมือนจะฆ่ากันขนาดนี้ก็ได้
รู้ว่าหล่อดูดีสาวไหนเห็นก็แทบสยบ ต่อทำหน้าตาหน้าเกลียดขนาดไหนก็ยังดูดี ฉันสยองรู้ไหม
รู้สึกเหมือนโดนคาดโทษยังไงก็ไม่รู้ แค่ท่านพ่อคนเดียวก็พอแล้ว
ถึงในหัวจนบ่นต่าง
ๆ นานา ปากก็หาทางรอด “ยินดีต้อนรับกลับขอรับคุณชาย
คุณชายกับท่านหญิงเหมยฮวาช่างเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยกเลยนะขอรับ
เป็นบุญตาของผมจริง ๆ” ต้องรีบประจบแล้วชิงหนีซะ
คำที่เธอกล่าวออกมาไม่ได้เกินจริงเลยความหล่อดูดีของคุณชายนั้นดูเหมือนวันนี้มันจะมากขึ้นกว่าครั้งสุดท้ายที่เธอได้เจอเ
ขาดูโตขึ้นเป็นผู้ชายมากขึ้นและนิ่งขึ้น... ลักษณะการยืนอย่างมั่นคงและมั่นใจแสดงให้เห็นถึงความมันใจในตัวเองของเขาใบหน้าคมที่โครงหน้าเริ่มชัดอีกทั้งได้ความหน้าหวานมาจากพระชายาหลายส่วนยิ่งทำให้ดูชวนฝัน
ดวงตาคู่สวยที่กำลังจ้องเขม็งก็ยังดูดีแต่ก็น่ากลัวพอรวมกับริมฝีปากที่นิ่งสนิทไม่มีรอยยิ้มใดใด
ท่านหญิงเหมยฮวานั้นยังคงดูอ่อนหวานนุ่มนวลใบหน้าเล็กซับสีเลือดอย่างสุขภาพดี ดวงตาสีดำมีประกายหวาน
ขนตาหนางอนยาว จมูกโด่งน้อย ๆ แต่พองาม ริมฝีปากสีเชอรรี่วาววับระบายรอยยิ้มที่น่ามอง
อีกทั้งผิวขาวเนียนละเอียด ทุกสิ่งทุกอย่างมันช่างชวนให้หลงใหล
ประกอบกับชุดสีฟ้าอ่อนไม่ปักลายแต่เน้นที่ทรวดทรงของผู้ใส่ก็ยิ่งทำให้เหมือนนางฟ้านางสวรรค์
พอคนทั้งคู่มายืนข้างกันจะไม่ให้บอกว่ากิ่งทองใบหยกแล้วจะให้บอกว่าเป็นผีเน่ากะโลงผุเร๊อะ
มันก็หยาบไปจริงไหม
“อยู่ดีดี
ผมก็คิดออกว่าต้องไปเปลี่ยนเสื้อ ขอตัวก่อนนะขอรับ แอ๊ฟ!”
มือเล็ก ๆ ของท่านหญิงหลิงหลิงคว้าเข้าที่คอเสื้อของฟางเซียนที่กำลังหันหลังกลับ
ทำเอาคนอายุน้อยสุดถึงกับส่งเสียงประหลาดออกมา “บอกข้ามาก่อนว่าจะเอาอะไรมาให้”
... ฮืออ ทำไมท่านหญิงโหดงี้ อ่า ท่านพ่อช่วยด้วย ผมรู้ท่านพ่อรักผม ช่วยให้ท่านหญิงปล่อยมือจากคอเสื้อผมที
ด้วยความที่ไม่อยากมีเรื่องฟางเซียนก็ได้แต่ส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปหาฟู่หลงซินแต่ดูเหมือนจะไม่มีการตอบกลับ
ใจร้าย TvT
ความคิดเห็น