ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดวงใจเทพธิดาเครื่องหอม

    ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่ ๑๒ คุณชายเจ้ากับคู่หมั้นคู่หมาย

    • อัปเดตล่าสุด 2 ส.ค. 59


    เสียงซุบซิบในวันนั้นยังคงค้างคาในใจฟางเซียนอย่างไม่รู้คลาย...


    อันตัวฉัน ฟู่หลงฟางเซียน อดีตเทพธิดาเครื่องหอมผู้มีหัวใจที่สามารถทำให้ผู้คน มาร เทพ หรือปีศาจเป็นอมตะ อดีตโปรแกรมเมอร์สาวที่โดนรถเฉี่ยวชนจนตาย ตอนนี้นั้นกลับกลายเป็นเด็กสาวในคราบเด็กชายและยังเป็นลูกไล่รองมือรองเท้าเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง อ่าถึงจะหน้าตาดีประหนึ่งไอดอลก็แหมทั้งดูสูง(เพราะความสูง) สง่าและดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเด็กวัยเดียวกัน มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากนักหากเทียบกับชีวิตก่อนหน้านี้

    และ...ตอนนี้ชีวิตเริ่มส่อแววบัดซบเมื่อประกาศหมั้นหมายของคุณชายอันเป็นที่รักยิ่งถูกประกาศออกมา ฉันก็ถูกกระเด็นจากการเป็นคนรับใช้ส่วนตัวของคุณชายโดยเหตุผลที่ว่าคือ “ข้าคงไม่มีเวลาอยู่เล่นกับเจ้าอีกต่อไป” เจ้าเฟยหรง นะเจ้าเฟยหรง รู้ไหมคนที่ได้ยินมันหน้าชานะ ฉันไม่ได้ต้องการเพื่อนเล่นเว้ย บอกกันดีดีก็ได้แบบ ข้าคงไม่สะดวกให้เจ้ามาดูแลหรืออะไรแบบนี้ หงุดหงิดจริง  

    ส่วนที่ค่อนข้างจะทำให้ฉันค่อนข้างจะแปลกใจมากที่สุดคือตัวคุณชายเหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าต้องแต่งงาน ต้องมีคู่หมั้น เรื่องแบบนี้ฉันไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ถึงตอนที่ฉันเองอายุเท่ากับคุณชายจะเคยละเมอเพ้อพกว่าจะแต่งงานให้กับตัวละครในนิยาย สาบานได้ตอนนั้นจริงจังมากขนาดฝันติดต่อกันหลายคืน ยอมใจตัวเองเลย

    หลังจากถูกทิ้ง เอ้ย! ถูกย้ายงานกลายเป็นเด็กว่างงาน ท่านพ่อบุญธรรมเห็นใจหรือทนเห็นฉันว่างงานไม่ได้ก็ไม่รู้เลยส่งฉันไปคลุกอยู่กับห้องเครื่องหรือก็คือครัวนั้นเอง ไม่รู้ท่านพ่อบุญธรรมเล็งเห็นความตะกะเห็นแก่กินในตัวฉันตอนไหนอีกเหมือนกัน

    ฟู่หลงฟางเซียนคนนี้ขอเปิดตัวพร้อมหน้าที่ใหม่ไฉไลกว่าเดิมคือเด็ดผัก..หยิบข้าวของ..ล้างจาน รวม ๆ ทำไปก็ดีอยู่ คิดในแง่ดีน่ะนะ แต่ก็อดเซงไม่ได้ทำงานไปเหอะทำๆไปพอตกบ่ายก็แอบหนีออกไปเที่ยวดีกว่า

    คิดได้ดังนั้นฟางเซียนในวัยแปดขวบก็ลากตะกร้าใส่ผักไปล้างด้านนอกห้องครัวที่เป็นลานดินเอาไว้ล้านจานชามและผักหรือเนื้อสัตว์ คนงานหลายคนขะมักขะเม้นตระเตรียมอาหารเที่ยงให้พระชายาและเหล่าคนงานด้วยกันเอง คุณชายเจ้าและอ๋องเจ้าวันนี้ต่างเข้าไปในวังตั้งแต่เช้าตรู่

    นี่ก็ผ่านมาหลายสัปดาห์หลังจากประกาศเรื่องการหมั้นหมาย เจ้ยเฟยหรงนั้นเหมือนกับหายไปจากชีวิตของฉันทีเดียว หากจะบอกว่าไม่คิดถึงก็คงเป็นการโกหกแต่การคิดถึงนั้นมันก็ไม่ได้มากมายนักเหมือนคนที่เคยสนิทแล้วก็ห่างกันไปเท่านั้นเอง

    “เซียนเอ๋อ” น้ำเสียงอ่อนโยนของสตรีดังขึ้นด้านหลัง

    ฟางเซียนที่กำลังล้างผักอย่างเกียจคร้านถึงกับสะดุ้ง “เจ้าขาพี่เสี่ยวหลาน” เธอตอบกลับเสียงอ่อนเสียงหวาน

    “เด็กผู้ชายที่ไหนเขาพูดเสียงอ่อนเสียงหวานแบบเจ้ากัน เข้มแข็งหน่อยสิเซียนเอ๋อ”เสี่ยวหลานเดินมานั่งข้างๆฟางเซียนที่มอมแมมจากการล้ างผักโดนไม่แยแสถึงโอกาศที่ชายกระโปรงจะเปรอะเปื้อนน้ำจากการล้างผัก “ท่านอาฝากข้ามาถามว่าวันนี้เจ้าจะแอบหนีไปไหน”

    “นอกเมืองขอรับ”

    เมื่อได้ยินคำตอบจากเด็กน้อยที่กำลังล้างผักแบบขอไปทีเสี่ยวหลานถึงกับเอามือทาบอกด้วยความตกใจ “นี่เจ้าตัวแค่นี้อาจหาญออกไปนอกเมืองเลยหรือไง ไม่ได้นะ ระยะทางก็ช่างไกลเจ้าเดินไม่ไหวเหรอก”

    ฟางเซียนน้อยวางแผนไว้แล้วว่านางจะต้องแอบหนีออกไปหาของในป่านอกเมื่อให้ได้ ถึงคฤหาสน์ของอ๋องเจ้าจะใหญ่โตมากมายขนาดไหนมันก็เทียบไม่ได้กับสิ่งที่อยู่ในป่า

    “อย่าไปเลยเซียนเอ๋อ เล่นอยู่แต่ในเมืองเถิดถือว่าข้าขอ ออกไปนอกเมืองนั้นมันอันตรายเกินไปจริง ๆ นะเจ้า” เสี่ยวหลานพยามหวานล้อม นางลอบมองใบหน้ากลมเกลี้ยงน่ารักก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาเมื่อเห็นว่าเจ้าของใบหน้ากลมเกลี้ยงทำหน้าบิดเบี้ยวเหมือนขัดใจ

    เพราะหลายเดือนที่อยู่ด้วยกันมาเวลาฟางเซียนโดนสั่งห้ามแล้วทำหน้าเหมือนขัดใจแสดงว่าเด็กคนนี้จะฟังเรา แต่ถ้าทำหน้านิ่งคือเด็กคนนี้จะทำอย่างที่ตัวเองตั้งใจ ดังนั้นเพื่อเป็นการปลอบหัวใจดวงน้อย ๆ ที่ถูกขัดใจเสี่ยวหลานจึงลูบหัวเบาสองสามทีพร้อมคำสัญญาที่ว่าสัปดาห์หน้าจะพาฟางเซียนไปเดินชมงานกราบไหว้เทพประจำเมือง

    “เมืองนี้มีเทพด้วยเหรอพี่เสี่ยวหลาน” ฟางเซียนหันมาถามอย่างสงสัยใคร่รู้

    “มีจ๊ะเป็นเทพอารักษ์เมืองหลวงแห่งนี้ อยู่ในวัดทวีสุขใกล้กับวังหลวง”

    ใบหน้ากลมส่งรอยยิ้มแบบมีความนัยให้เสี่ยวหลาน ฮี่ๆๆๆๆ นับว่าเป็นโอกาสอันดีในการจับคู่ชู้ชื่น ไปชวนองครักษ์ประจำตัวคุณชายไปด้วยดีกว่า พี่เสี่ยวหลานจะได้มีความสุข

    ก่อนพี่เสี่ยวหลานจะจากไปนางก็ลูบหัวฟางเซียนอีกทีอย่างเอ็นดู เจ้านะเป็นที่รักของท่านพ่อและข้านะเซียนเอ๋อร์ฟางเซียนได้ยินประโยคนี้มาหลายครั้งแล้วและทุก ๆ ครั้งที่ได้ยินก็มีแต่ความอิ่มเอมใจ

    หลังจากเสี่ยวหลานเดินกลับไปหาพระชายา ฟางเซียนก็เสร็จสิ้นจากการล้างผักเด็กน้อยเอาแขนเสื้อปาดเส้นผมที่ทิ่มใบหน้าออกอย่างหงุดหงิด เส้นผมที่เริ่มยาวกลายเป็นสิ่งที่น่ารำคาญจนอยากจะไปคว้าขอมมีคมมาหันทิ้งเสีย

    ร่างเล็กยกตะกร้าที่ใหญ่ใส่ผักที่ถูกล้างแล้วขึ้นมาแล้วเดินเอาไปคืนกับแม่ครัวที่สั่งให้มาล้างอย่างทุลักทุเล ถึงจะเป็นตะกร้าผักแต่ก็มีน้ำหนักมากทำเอาหวิดจะล้มอยู่หลายรอบ  

    ฟางเซียนน้อยวางตะกร้าลงพับกับพื้นก่อนจะยืนบิดตัวไปมาเพื่อไล่ความเมื่อยตามร่างกาย ในหัวก็วนคิดถึงแผนการในวันนี้ที่ต้องล้มเลิกไป แต่ยังไม่ทันจะได้คิดแผนใหม่หูก็ได้ยินใครสักคนที่เดินเข้ามาสั่งการบางอย่างกับเหล่าคนครัว

    "คุณชายจะพาคุณหนูเจียงทั้งสองมาเยี่ยมพระชายาในช่วงบ่ายวันนี้เตรียมขนมไว้ด้วยพวกนะเจ้า" น้ำเสียงสั่งการที่คุ้น ๆ ทำให้ร่างเล็กตบมือแปะอย่างดีใจ

    ล้วนเป็นคนรับใช้ของพระชายานี่เอง นางพูดถึงคุณหนูทั้งสองแบบนี้ท่านหญิงหลิงหลิงก็มาด้วยสินะ นับเป็นโอกาศอันดีที่จะเอาของให้ หากพลาดโอกาสนี้อาจจะต้องฝากคุณชายเอาไปให้ ไม่ ฉันจะไม่แบกหน้าไปขอให้คุณชายช่วยเหรอก นี่แหละโอกาสดีจะปล่อยผ่านไม่ได้

    ไวเท่าความคิดฟางเซียนก็วิ่งหายออกไปจากห้องเครื่อง ก่อนจะมีเสียงโวยวายตามหลังมา

    “เห้ย!! ฟางเซียน ไปไหนแล้วข้ายังใช้งานเจ้าไม่เสร็จเลย ไวจริง ๆ เด็กคนนี้”

    แม้แดดจะแรงเท่าไหร่ฟางเซียนที่มีเป้าหมายในใจก็ออกวิ่งอย่างมุ่งมันไปยังที่พักของตน ร่างเล็ก ๆ วิ่งหลบเหล่าคนสวนที่กำลังจัดแต่งต้นไม้ หากเทียบระยะทางระหว่างที่พักกับห้องเครื่องก็นับว่าไม่ไกลเท่าไหร่นั้นเพราะอยู่เกือบจะติดส่วนที่อยู่ของคนงานคนใช้ทั้งหลาย แค่เดินไปชั่วครู่เดียวก็ถึง แต่ตอนกำลังจะเดินไปสายตาอันเฉียบคมก็พลันเหลือบไปเป็นร่างที่คุ้นตาของพ่อบุญธรรม

    ถ้าโผล่หน้าไปตอนนี้ โดนดุเรื่องที่หนีออกมาจากห้องเครื่องแน่ ๆ โธ่เอ้ยก็มัวแต่รีบร้อนใจจนลืมไปเลยจะออกไปเล่นได้ก็ต่อเมื่อห้องครัวทำอาหารกลางวันเสร็จ นี่มันยังไม่เที่ยงและอาหารกลางวันพึ่งเริ่มทำเพราะพึ่งล้างผักเสร็จ ชิบหายแล้ว ชิบหายแล้ว วิ่งอ้อมมันเอาแล้วกัน

    เพราะการโดดงานมันเลยกลายเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมต้องมาวิ่งผ่านสวนผ่านคนที่กำลังตกแต่งต้นไม้ ตรงทางอ้อมที่ฟางเซียนเลือกวิ่งนั้นมีทางเดินที่ปูแผ่นหินอย่างดีอยู่ด้านข้างซ้ายมือส่วนทางด้านขวามือคือสระน้ำขนาดกว้างขุดอย่างดีมีดอกบัวสีชมพูอ่อนชูช่อให้เห็นอยู่บางตา

    ชุดเด็กชายที่ฟางเซียนสวมใส่นั้นเป็นสีเขียวหม่นๆคล้ายถูกย้อมจากใบไม้และเก่าเลยทำให้ดูกลืนไปกับหญ้าบนพื้นและต้นไม้พุ่มที่ใบเขียวชอุ่ม บวกกับความรีบร้อนและไม่ระวังฟางเซียนน้อยก็โดนหนึ่งในคนงานที่กำลังถอยหลังออกมาดูผลงานตัวเองชนเข้าให้

    ร่างเล็กกลิ้งล้มพร้อมเสียงโอดโอย “โอ๊ยนี่คุณ ชนมาได้ไงมันเจ็บนะ”

    “ข้าขอโทษ ข้าไม่ทันได้มอง เจ้าจะรีบวิ่งไปไหนกันเล่า มาข้าช่วย” ชายคนที่ช่วยฟางเซียนนั้นเป็นคนงานที่คุ้นหน้าคุ้นตาเคยเห็นหน้ากันหลายทีตอนพักไม่ก็ตอนเกาะท่านพ่อบุญธรรมไปเดินรอบบ้าน เขาเสนอความช่วยเหลือให้แก่ฟางเซียนที่กลิ้งไปเกือบจะตกลงไปในสระ

    ร่างเล็กสะบัดหัวไปมาสองสามทีก่อนจะยื่นมือไปข้างหน้าตามสัญชาติญาณและถูกฉุดให้ลุกขึ้นยืน “ไม่เป็นไร เรารีบเอง ขอโทษคุณด้วยเหมือนกัน ไปก่อนนะ”

    “เดินระวัง ๆ ด้วยละ”

    “ได้ ๆ ๆ ๆ  อ๊ากกก” เดินไปไม่ทันจะถึงสามก้าวฟางเซียนก็พลาดท่าตกลงไปในสระ

    ตู้ม!! เสียงกระแทกของน้ำเรียกความสนใจของคนทั้งหมดที่อยู่ใกล้เคียง ชายคนที่ชนฟางเซียนโวยวายอย่างตกใจ เพราะในเมืองหลวงน้อยคนนักจะว่ายน้ำเป็นและเขาก็ว่ายน้ำไม่เป็น

    “มีเด็กตกน้ำ มีเด็กตกน้ำ ช่วยด้วย”

    “ข้าว่ายน้ำไม่เป็น ใครว่ายเป็นลงไปช่วยเร็วเข้า”

    เสียงโวกแหวกโวยวายเริ่มดังมากขึ้นเมื่อไม่เห็นเด็กที่ตกลงไปโผล่หน้าขึ้นมา ตอนนี้มีคนหนึ่งวิ่งไปตามพ่อบ้านฟู่แล้ว คนงานชายที่เข้ามาสมทบและว่ายน้ำเป็นก็เริ่มตั้งท่าจะกระโดดลงไปช่วยแต่ยังไม่รู้ตำแหน่งของฟางเซียนที่จมน้ำ

    “ฟูว์ ” เสียงพ่นน้ำพร้อมร่างเล็กที่ทะลึ่งพรวดขึ้นมาทำให้ผู้คนตรงนั้นถอนหายใจอย่างโล่งอก

    เด็กนี่มันว่ายน้ำเป็น

    ฟางเซียนที่ตีขาพยุงตัวในน้ำใช้มือข้างหนึ่งปาดหยดน้ำออกจากใบหน้าก่อนจะเห็นเหตุการณ์ที่ค่อนข้างจะโกลาหลตรงหน้า “พวกนายมามุงอะไรกัน”

    สิ้นเสียงฟางเซียนหลายคนคล้ายมีแถบดำคาดบนใบหน้า และความคิดออกมาในทางเดียวกันคือ ก็เพราะเจ้าไม่ใช่เหรอไง

    ฟางเซียนที่ยังคงลอยตัวอยู่ในน้ำก็มองหาทางขึ้นจากสระน้ำแบบขุดนี่ เธอค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ขอบสระที่มีหญ้าปกคลุมและมีคนหลายคนพร้อมจะฉุดเธอขึ้นมาจากสระ

    “ฟางเซียน” เสียงตะโกนเจือความกังวงของฟู่หลงซินลอยมากระทบหูเจ้าของชื่อ

    ตัวตากลมโตเบิกกว้างอย่างหวาดกลัวก่อนเท้าเล็ก ๆ จะดีดตัวเองออกจากขอบสระเพราะกลัวความผิด

    “มานี่เจ้าตัวเล็ก จะออกไปอีกทำไม” คนที่รอฉุดฟางเซียนขึ้นจากสระบ่นออกมาในใจก็คิดอย่างไม่เข้าใจ เจ้าเด็กนี่มันประหลาดอยากจะหนาวตายในน้ำหรือไงกัน

    “ไม่...ไม่ ๆ ขึ้นไปตอนนี้โดนท่านพ่อลงโทษแน่” น้ำเสียงสั่นๆของฟางเซียนทำเอาฟู่หลงซินมือกระตุก

    ใบหน้าของชายกลางคนยิ้มเหมือนคนที่กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุก “จะขึ้นตอนไหนเจ้าก็หนีพ่อไม่พ้น” เขาไม่คิดว่าการเลี้ยงเด็กซักคนมันจะทำให้เขารู้สึกอับจนหนทางได้ขนาดนี้ ฟางเซียนเจ้าเอาหัวไหนคิดกันว่าการลอยอยู่ในน้ำนั้นจะทำให้หนีพ่อได้

    ใบหน้ากลมที่เริ่มซีดเพราะความเย็นของน้ำบิดเบี้ยวคล้ายจะร้องไห้ ริมฝีปากบางเริ่มซีดจางแต่เจ้าตัวก็ยังดื้อดึง แต่ก็จริงยังไงก็ต้องขึ้นอยู่ดี ฟางเซียนที่กำลังจะยอมแพ้ว่ายเข้าไปที่ขอบสระกลับต้องตกใจเมื่อตัวเองถูกฉุดขึ้นจากน้ำโดยการหิ้วคอเสื้อ

    เมื่อพยามช่วงชิงจังหวะมองว่าใครเป็นคนฉุดเธอขึ้นจากน้ำก็ต้องตกใจอีกละลอก “ท่านพ่อ” เป็นท่านพ่อที่ฉุดเธอขึ้นมาจากน้ำ เมื่อมองไปที่ปลายเท้าก็เห็นแผ่นน้ำทิ้งตัวอยู่เบื่องล่างพร้อมดอกบัวและสายลมที่กระทบตัว “วิชาตัวเบา”

    อ๊ากกกกกกกก... ฟางเซียนกรี๊ดร้องในใจ เมื่อรู้ตัวว่าโดนใช้วิชาตัวเบาหิ้วขึ้นมาจากน้ำ

    “พ้อออออออออ เอาผมลง หวาดเสียวเอาผมลง” ฟางเซียนที่เกิดอาการกลัวความสูงโวยวาย

    “ถึงแล้ว” ฟู่หลงซินเคลื่อนที่ลงพื้นอีกฝั่งของสระอย่างนุ่มนวลและว่างลูกชายบุญธรรมให้ยืนอยู่ข้างตน เท้าของเขานั้นแตะน้ำเพียงครั้งเดียวคือตอนที่ฉุดฟางเซียนขึ้นจากน้ำ มันเป็นตัวบ่งบอกได้ว่าทักษะวิชาตัวเบาของฟู่หลงซินอยู่ในระดับดีมาก

    ในความคิดฟางเซียนมันเหมือนว่าผ่านไปนานแต่ที่จริงเพียงแค่ชั่วพริบตาไม่ถึงสิบวิด้วยซ้ำ เธอได้แต่ยืนเอ๋อ ๆ กับประสบการณ์ใหม่เกี่ยวกับการใช้วิชาตัวเบา เธอหันกลับไปมองฝั่งที่เธอตกลงไปในสระก่อยจะหันมามองพ่อบุญธรรมตัวเองแล้วก็หันไปมองฝั่งที่เธอตกลงมาอีกรอบ

    “พ่อคงไม่กักบริเวณผมใช่ไหม”

    “แน่นนอน”

    “เย้”

    “เจ้าจะโดนกักบริเวณจนกว่าพ่อจะอนุญาติ”

    “แล้วเรื่องงาน”

    “ทำตามปกติป๋าตงกับคนครัวจะเป็นคนตรวจสอบว่าเจ้าอยู่ในสายตาพวกเขา”

    มันช่างบัดซบจริงๆเลย “พ่อ มันเป็นอุบัติเหตุนะ”

    “ถ้าเจ้าไม่โดดงาน เจ้าจะไม่ตกน้ำ”

    “ผมแค่จะไปเอาของมาให้ท่านหญิงหลิงหลิง”

     

    “ให้ข้า ทำไมหรือ”

     ทันทีที่ได้ยินเสียงหวานใส สายตาของสองพ่อลูกก็มองไปทางเจ้าของเสียง ดวงตาสองคู่เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อพวกเขาได้เห็นสตรีที่งดงามทั้งสองและหนึ่งหนุ่มที่มีความงามผสมไปกับความหล่อเหลา

    “ท่านหญิง!!! ฟู่หลงซินออกอาการคล้ายคนตกใจก่อนจะซ่อนเอาไว้แล้วกล่าวทักทายคุณหนูเจียงทั้งสองและคุณชายของเขาอย่างสุภาพ “ยินดีต้อนรับท่านหญิงผู้งดงามทั้งสอง ยินดีต้อนรับกลับคฤหาสน์ขอรับคุณชาย และขออภัยในความโกลาหลที่เกิดขึ้นด้วย”

    “ฟางเซียนเจ้ามีอะไรจะให้ข้าเหรอ” ท่านหญิงหลิงหลิงที่วันนี้มาในธีมเจ้าหญิงดิสนี่ ไม่ใช่ นางมาในธีมสีชุดชมพูอ่อนมีลวดลายของดอกไม้ทำให้ยามเคลื่อนไหวเหมือนมีดอกไม้เล็ก ๆ โปรยปรายตามชายกระโปรงและชายแขนเสื้อ เส้นผมสีดำสนิทถูกมัดตรึงเป็นมวยทั้งสองข้างพร้อมผูกผ้ามัดผมสีชมพูแซมด้วยดอกไม้สีชมพูเล็ก ๆ

    ท่านหญิงหลิงหลิงเดินเข้ามาหาฟางเซียนที่อยู่ในสภาพลูกหมาตกน้ำอย่างไม่รังเกียจ แถมใบหน้าก็แสดงอาการดีใจอย่างปิดไม่มิด

    ฟางเซียนที่กำลังจะเปิดปากตอบอย่างกระตือรือร้นก็พลังรู้สึกถึงสายตาพิฆาตจากสองทาง หนึ่งคือท่านพ่อ และอีกหนึ่งคือเจ้าเฟยหรง “แหะๆๆ” เธอเลยเลือกที่จะหัวเราะกลบเกลื่อนอย่างโง่งม

    โถ่ คุณชายยืนอยู่กับหญิงงามล่มเมืองแล้วช่วยทำหน้าทำตาให้ดีดีหน่อยไม่ต้องจ้องเหมือนจะฆ่ากันขนาดนี้ก็ได้ รู้ว่าหล่อดูดีสาวไหนเห็นก็แทบสยบ ต่อทำหน้าตาหน้าเกลียดขนาดไหนก็ยังดูดี ฉันสยองรู้ไหม รู้สึกเหมือนโดนคาดโทษยังไงก็ไม่รู้ แค่ท่านพ่อคนเดียวก็พอแล้ว

    ถึงในหัวจนบ่นต่าง ๆ นานา ปากก็หาทางรอด “ยินดีต้อนรับกลับขอรับคุณชาย คุณชายกับท่านหญิงเหมยฮวาช่างเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยกเลยนะขอรับ เป็นบุญตาของผมจริง ๆ” ต้องรีบประจบแล้วชิงหนีซะ

    คำที่เธอกล่าวออกมาไม่ได้เกินจริงเลยความหล่อดูดีของคุณชายนั้นดูเหมือนวันนี้มันจะมากขึ้นกว่าครั้งสุดท้ายที่เธอได้เจอเ ขาดูโตขึ้นเป็นผู้ชายมากขึ้นและนิ่งขึ้น... ลักษณะการยืนอย่างมั่นคงและมั่นใจแสดงให้เห็นถึงความมันใจในตัวเองของเขาใบหน้าคมที่โครงหน้าเริ่มชัดอีกทั้งได้ความหน้าหวานมาจากพระชายาหลายส่วนยิ่งทำให้ดูชวนฝัน ดวงตาคู่สวยที่กำลังจ้องเขม็งก็ยังดูดีแต่ก็น่ากลัวพอรวมกับริมฝีปากที่นิ่งสนิทไม่มีรอยยิ้มใดใด ท่านหญิงเหมยฮวานั้นยังคงดูอ่อนหวานนุ่มนวลใบหน้าเล็กซับสีเลือดอย่างสุขภาพดี ดวงตาสีดำมีประกายหวาน ขนตาหนางอนยาว จมูกโด่งน้อย ๆ แต่พองาม ริมฝีปากสีเชอรรี่วาววับระบายรอยยิ้มที่น่ามอง อีกทั้งผิวขาวเนียนละเอียด ทุกสิ่งทุกอย่างมันช่างชวนให้หลงใหล ประกอบกับชุดสีฟ้าอ่อนไม่ปักลายแต่เน้นที่ทรวดทรงของผู้ใส่ก็ยิ่งทำให้เหมือนนางฟ้านางสวรรค์

    พอคนทั้งคู่มายืนข้างกันจะไม่ให้บอกว่ากิ่งทองใบหยกแล้วจะให้บอกว่าเป็นผีเน่ากะโลงผุเร๊อะ มันก็หยาบไปจริงไหม

    “อยู่ดีดี ผมก็คิดออกว่าต้องไปเปลี่ยนเสื้อ ขอตัวก่อนนะขอรับ แอ๊ฟ!

     มือเล็ก ๆ ของท่านหญิงหลิงหลิงคว้าเข้าที่คอเสื้อของฟางเซียนที่กำลังหันหลังกลับ ทำเอาคนอายุน้อยสุดถึงกับส่งเสียงประหลาดออกมา “บอกข้ามาก่อนว่าจะเอาอะไรมาให้”

    ... ฮืออ ทำไมท่านหญิงโหดงี้ อ่า ท่านพ่อช่วยด้วย ผมรู้ท่านพ่อรักผม ช่วยให้ท่านหญิงปล่อยมือจากคอเสื้อผมที

    ด้วยความที่ไม่อยากมีเรื่องฟางเซียนก็ได้แต่ส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปหาฟู่หลงซินแต่ดูเหมือนจะไม่มีการตอบกลับ

    ใจร้าย TvT 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×