ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดวงใจเทพธิดาเครื่องหอม

    ลำดับตอนที่ #13 : ตอนที่ ๑๑ ถ้าเจ้าเฟยหรงอายุ ๑๗

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.ค. 59


    ชีวิตประจำวันของฟางเซียนเริ่มเข้าที่ ตื่นตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นไปเตรียมตัวรับใช้เจ้านายวัยรุ่นที่มีความหล่อเหล่าขั้นร้ายกาจแต่ตอนนี้ในสายตาฟางเซียนไม่ต่างกับเด็กวัยรุ่นทั่วไปที่ค่อนข้างมีวุฒิภาวะในระดับสูงคือไม่เกรียนหรือเกิดอาการต่อต้านผู้ปกครอง ภายใต้ใบหน้างามของเจ้านายวัยรุ่นอย่างเจ้าเฟยหรงกลับมีมุมแปลกๆอย่างเช่นขี้แกล้งซ่อนอยู่ภายใน(ที่จริงก็ไม่น่าแปลกแต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนแบบนี้ไง//ฟางเซียน) หลังจากนั้นก็ไปช่วยเตรียมอาหารโดยเดินตามหลี่จงไปและเดินตามหลี่จงที่ยกอาหารกลับมา บางทีก็สงสัยว่าคุณชายเจ้าต้องการอะไรกันแน่? เดินตามหลี่จงไปมาเป็นลูกเป็ดเนี๊ยนะ แต่ก็ช่างเถอะ หลังจากนั้นก็ยืนดูเจ้านายกินแต่บางวันคุณชายก็ไปทานอาหารเช้ากับท่านพ่อและท่านแม่ของคุณชาย หลังจากนั้นคุณชายก็จะเข้าวังไปเรียนวันเว้นวันซึ่งตรงจุดนี้เป็นเรื่องทีดีมาก วันไหนคุณชายเข้าวังเราก็ออกไปเล่น วันไหนคุณชายอยู่บ้านเราก็ตามไปอยู่ด้วย โดยสรุปเลยนะหน้าที่ของฟางเซียนคืออยู่ให้เห็นหน้าเรียกหาก็ต้องได้เจอ อยากแกล้งก็ต้องได้แกล้ง พอคุณชายนอนก็ค่อยกลับไปหาท่านพ่อ ดีที่คุณชายนอนแต่หัวค่ำเด็กดีจริงๆเลย

    วันเวลาผ่านไปกว่าสามเดือน

    ฟางเซียนกลายเป็นขวัญใจมหาชนเอ้ย!ขวัญใจของเหล่าคนรับใช้ในคฤหาสน์แห่งนี้ ไม่ว่าใครก็ต่างหลงรักและเอ็นดูและฟางเซียนก็ยังมีเพื่อนเล่นนอกคฤหาสน์มากมายที่พยามไปตีสนิทเพื่อให้ช่วยเรื่องหาของที่ต้องการ แต่ในทางกลับกันเธอกลายเป็นเหมือนเหยื่อของคุณเจ้านายที่(โคตร)รักยิ่ง

    วันนี้ท้องฟ้าขมุกขมัวเหมือนฝนจะตก เจ้าเฟยหรงไม่มีเรียนจึงทบทวนวิชาอยู่ที่เรือนของตน ส่วนหลี่จงนั้นก็คอยเดินเข้าเดินออกด้วยสีหน้าคร่ำเคร่งเหมือนไปเจอเรื่องหนักใจ ฟางเซียนที่ตอนนี้มีมุมส่วนตัวในหอสมุดก็ขะมักเขม้นบรรจงห่อห่อกระดาษสีเข้มให้สวยงามเป็นทรง อากาศเย็นพร้อมกลิ่นฝนที่พาลจะทำให้คนง่วงนอนกำลังกล่อมเจ้าเฟยหรงที่หมดใจกับการทบทวนวิชาให้เคลิ้มหลับ

    “ให้ตายเถอะ ถ้าอากาศยังชื้นแบบนี้ของที่อุตสาห์ทำมาก็เสียเร็วนะสิ” ฟางเซียนน้อยบ่นอุบอย่างอดไม่ได้ “คิดถึงเวทย์มนต์ของเฒ่าจินจังเลยน้า” พอได้บ่นต่ออีกหน่อยก็ระบายลมหายใจออกมาเบาๆ ของขวัญของท่านหญิงหลิงหลิงเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่ก็ใช้เวลากว่าสามเดือนนานกว่าที่คิดไว้ซะอีก แถมบางขึ้นตอนต้องบากหน้าไปให้เจ้านายช่วยอีกต่างหาก

    เจ้าเฟยหรงที่งัวเงียกำลังจะหลับได้ยินเสียงบ่นก็ปรือตาขึ้นมามอง “เด็กหนอน” เจ้าเฟยหรงเรียก “มานี่” พร้อมคำสั่งสั้นๆที่ฟังดูเอาแต่ใจ

    ถ้ามองในตอนนี้ในหอสมุดมีแค่เจ้าเฟยหรงและฟางเซียนดังนั้นเด็กหนอนก็คือ “เรียนคุณชายที่เคารพ ชื่อข้าน้อยนั้นออกจะเรียกง่ายและไม่เปลืองสมองมากนักในการจำ จะเป็นความกรุณาอย่างยิ่งถ้าจะเรียกด้วยชื่อข้าจริงๆ ไม่ใช่ เด็กหนอน” ฟางเซียนตอบรับเสียงเรียบ

    “ข้าง่วง”

    เอ็งง่วงแล้วมันเกี่ยวกับชื่อตรูตรงไหนฟร่ะ !  //เซ็นเซอร์ทิ้งเพราะมันฮาร์ทคอ

    ฟางเซียนน้อยหน้าหงิกแต่ก็ไม่ยอมเดินไป “นั้นไม่เกี่ยวขอรับ”

    “มานี่”

    “ถ้าเรียกชื่อให้ถูกจะไปหาขอรับ” หากตอนนี้บิดาบุญธรรมของฟางเซียนมาได้ยินคงได้มีการเขกกระโหลกกันบ้างที่กล้าตั้งแง่กับเจ้านาย

    เจ้าเฟยหรงหัวเราะออกมาเบาๆ “ไม่รู้ว่าข้าตามใจเจ้ามากไปจนเจ้ากลายเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก่อนสั่งอะไรก็ทำ”

    พอได้ยินแบบนั้นผู้เยาว์สุดในหอสมุดแห่งนี้จึงเดินไปหาเจ้านายตนก่อนจะนั่งลงด้านหน้าโต๊ะหนังสือแล้วตอบกลับไป “คนมันโดนแกล้งบ่อยๆก็ต้องมีขุ่นเคืองกันบ้างแหละ... ขอรับ”

    “ข้าเคยแกล้งอะไรเจ้ากัน”

    “เรียกชื่อผิด...ไม่ก็ ผลักตกน้ำ”

    “นั้นเจ้าทำตัวเองต่างหาก  หึหึ” เจ้าเฟยหรงเหลือบมองเด็กชายในความคิดของเขานั่งทำหน้าเคร่งอยู่อย่างนึกขัน วันนั้นเขาแค่ซ้อมวิทยายุทธ์กับหลี่จงแล้วให้เจ้าเด็กนี่มานั่งเฝ้า พอฝึกเสร็จเรียกหาจะเอาผ้ามาซับเหงื่อก็ดันไปเจอว่านอนส่องหญ้าอยู่ใกล้ๆบ่อน้ำ พอเด็กนี้หันกลับมาดันตกใจเองจนตกน้ำไป เจ้านี่มันขี้ตกใจเหมือนเด็กผู้หญิง

    ฟางเซียนคิดในใจอย่างหงุดหงิด ใครใช้ให้เดินมาข้างหลังคนอื่นแล้วไม่ใส่เสื้อข้างบนเล่าอายุก็แค่สิบหกไม่รู้ไปเอาหุ่นแบบนี้มากจากไหน พูดเลยนะผู้หญิงที่ไหนเห็นก็ต้องมีเขินไม่ก็ตกใจบ้างหละ ก็หุ่นดีซะ “หึ” ฟางเซียนส่งเสียงเหมือนไม่ยอมรับ “แล้วที่เรียกหาข้าเมื่อวันก่อนละขอรับ นั้นวันหยุดของผมนะ”

    “นี่ข้าเป็นเจ้านายเจ้านะ” เจ้าเฟยหรงเริ่มสงสัยจริงๆแล้วว่า ฟางเซียนเห็นเขาเป็นเจ้านายจริงๆหรือเปล่า

    “คนรับใช้ก็ต้องมีวันหยุดบ้าง อีกอย่างผมพึ่งแปดขวบนะ” ฟางเซียนย้ำ “ก็อยากออกไปเล่นบ้าง”

    เจ้าเฟยหรงกลับรู้สึกน้อยใจขึ้นมานิดหน่อย เขาลุกขึ้นมานั่งตัวตรงสร้างความน่าเกรงขามเพื่อคุยกับฟางเซียน “อยู่กับข้าแล้วไม่สนุกเหรอ”

    พอได้ยินคำถามฟางเซียนก็จ้องกลับไปที่เจ้านายอย่างไม่ลดละ เธอมองเพื่อพิจารณาสิ่งต่างที่ผ่านมาในสามเดือนโดยมีเจ้าเฟยหรงเป็นจุดศูนย์กลาง

    ดวงตาคมสีเข้มของเจ้าเฟยหลงจ้องกลับฟางเซียนอย่างจริงจัง สำหรับเขาฟางเซียนไม่เหมือนลูกน้องคนรับใช้หรืออะไรทั้งหมด เด็กคนนี้พิเศษสำหรับเขาและอาจจะทุกคนในคฤหาสน์นี้ ท่านพ่อชอบเด็กคนนี้มากท่านเอ็นดูในความน่ารักอีกทั้งดูมีความคิดความอ่านและความกตัญญู ท่านแม่ก็คงจะเอ็นดูเด็กคนนี้อยู่บ้างเหมือนกันเห็นได้จากเวลาท่านอาหารด้วยกันกับท่านแม่ทีไรต้องมีชื่อเด็กคนนี้โผล่มาทุกครั้งไปแม้จะเป็นในเชิงบ่น เขาแค่รู้ว่าพิเศษ “ข้ายังรอคำตอบจากเจ้าอยู่นะ” บางที่เขาอาจจะต้องการให้เด็กคนนี้มีความสุขเมื่ออยู่ข้างๆเขาก็เท่านั้นเอง

    “ก็สนุกมีความสุขดี แต่โดนแกล้งไม่สนุกนะ”

    “นั้นเรื่องสนุกของข้าเลยนะ แต่หลายๆทีเจ้าทำตัวเองทั้งนั้น ฮ่ะๆๆ” เจ้าเฟยหรงหัวเราะออกมาเพราะโล่งใจในคำตอบของฟางเซียน พอสบายใจก็เอนตัวลงไปพิงหมอนอิงอีกครั้ง “อากาศน่านอนนะ เจ้าไม่ง่วงเหรอ”

    ฟางเซียนหันกลับไปมองห่อกระดาษที่ตัวเองห่อ “ไม่ขอรับ ผมกังวลนิดหน่อยเรื่องความชื้น แถมป๋าตงก็ไม่สบายด้วยไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะออกไปข้างนอกได้ไหม” กับเจ้าเฟยหรงฟางเซียนไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบังนอกจากเรื่องเพศและชาติกำเนิด ดีไม่ดีบางทีการปรึกษาเจ้านายก็ได้อะไรดีดีกลับมา

    เจ้าเฟยหรงหลับตาลงเป็นเวลาซักพักใหญ่ๆก่อนจะตอบกลับ “จะออกไปหาลูกสนเหรอ”

    ฟางเซียนทำหน้าตาตื่นก่อนะจะตอบกลับไป “รู้ได้ไงขอรับ”

    “เห็นเมื่อวานหลี่จงพูดออกมา” อันที่จริงเป็นเขาไปถามหลี่จงเองว่าฟางเซียนไปเล่นอะไรที่ไหนมา ตอนโดนเรียกกลับมาถึงหน้าบูดขนาดนั้น “แล้วจะเอาไปทำอะไร”

    ฟางเซียนยู่หน้าอย่างใช้ความคิด “แค่อยากได้ มาเก็บไว้ก่อนขอรับ”

    เจ้าเฟยหรงเงียบไปอีกครั้ง ฟางเซียนก็ไม่ไปไหนนั่งรอโดยไม่รู้จะได้คำตอบรึเปล่า

    “พรุ่งนี้ข้าจะเก็บจากในวังมาให้” นับว่าเป็นคำตอบที่ดีสำหรับฟางเซียนเลยทีเดียว

    “ข้าจะรอขอรับ” เด็กน้อยรับคำก่อนจะกระวี๊ดกระว๊าดวิ่งกลับไปที่มุมของตัวเองอย่างเสียมรรยาทเมื่อสายลมพัดกระหน่ำเข้ามาในหอสมุดอย่างรุนแรง “อ๊ากกกก ... อย่าปลิววววว”

    รอยยิ้มเล็กน้อยแค่พองามระบายออกมาที่มุมปากของเจ้าเฟยหรงเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของคนใช้ส่วนตัว “แล้วสามเดือนที่ผ่านมานี้ มีความสุขใช่ไหมฟางเซียน”

     

    เวลาล่วงเลยไปถึงยามค่ำคืน วันนี้ถือเป็นวันที่แปลกมากในความคิดฟางเซียนเพราะตั้งแต่อยู่คฤหาสน์หลังนี้มาเคยไปไหนมาไหนก็แค่ในเมืองเคยมีโอกาสเข้าวังไปโดยพละการก็หนหนึ่งแต่ก็ไม่มีอะไรพิเศษได้แต่เห็นของสวยๆงามๆ เธอไม่เคยเห็นคฤหาสน์วุ่นวายขนาดนี้อีกทั้งใบหน้าของหลี่จงดูมีความทุกข์ขนาดนี้ท่านพ่อก็เช่นกัน แต่หากจะมองให้ดีดีวันนี้นอกจากตัวเธอกับเจ้าเฟยหรงอารมณ์ของทุกคนก็ดูขมุกขมัวไปหมดอย่างน่าแปลกใจ

    ฟางเซียนที่ได้รับอนุญาตให้กลับไปพักผ่อนก่อนได้กำลังเดินเตร่อยู่แถวระเบียงทางเดินที่มีคนงานชายหญิงเดินไปมาขวักไขว่สองมือก็ประคอมห่อกระดาษที่บรรจงห่ออย่างดีเมื่อช่วงเย็น ด้วยความที่เป็นเด็กไม่ค่อยสูงผู้ใหญ่หลายคนเลยไม่ทันได้มองเกือบจะชนอยู่หลายครั้งแต่ด้วยความสามารถที่มีมาแต่เดิมทำให้ฟางเซียนสามารถเดินผ่านผู้คนไปมาโดยไม่โดนชนจนหกล้มไป เมื่อก่อนเธอชอบเดินเล่นมือถือบ่อยๆ

    “เร็วๆเข้า” เสียงเอ็ดของหญิงคนหนึ่งดังมาเข้าหูฟางเซียนพร้อมกับความเร็วที่เพิ่มขึ้นของเหล่าคนใช้

    ความเผือกเข้าสิงเด็กน้อยอย่างอดไม่ได้ ตลอดสามเดือนอะไรที่เธออยากรู้เธอก็ถามบิดาบุญธรรมเอาไม่ก็เสี่ยวหลาน หลี่จง  หนักเข้าหน่อยก็เป็นคุณชาย กับคนอื่นในบ้านเธอก็คุยเล่นตามประสา จะมีก็แต่ฮู่หยินอวี๋หลานที่เธอใส่ความกวนลงไปนิดหนึ่งพอให้โดนหงุดหงิดเล่น

    “กองทหารของนายท่านกำลังจะมาแล้ว” น้ำเสียงร้อนรนของหนึ่งในคนใช้ที่ฟางเซียนคุ้นหน้าคุ้นตาเรียกให้เด็กน้อยเดินเข้าไปสอบถามแต่ยังไม่ถึงตัวดี ก็มีเสียงสั่งอย่างร้อนรนดังขึ้นมาอีกครั้ง

              ตอนนี้ไม่มีใครสนใจฟางเซียนเลยแม้แต่น้อย "นี่ฉันเตี้ยไปหรือมันมีเรื่องใหญ่มากกันแน่"

                  เธอตัดสินใจเดินลัดเลาะผู้คนไปทั่วระเบียงทางเดินหวังจะหาทำเลดีดีไว้ซ่อนกาย แต่เหมือนโชคจะไม่เข้าข้างท่านพ่อของนางกำลังเดินมาทางนี้แล้ว

    คิดสิฟางเซียนคิด เอาไงดี ต่อมเสือกมันพุ่งพลานอยากเสือก แต่ถ้าท่านพ่อเจอเรา โดนเก็บกลับเข้าห้องแน่นอน  คิดสิคิด เด็กน้อยถือของพะรุงพะรังคิดอย่างว้าวุ่นใจก่อนจะตกพลึกออกมาได้ว่า กลับไปตั้งหลักที่ห้องท่านชายก่อน ว่าแล้วนางก็วิ่งฉิวกลับไปยังเรือนส่วนตัวของท่านชายจัดการวางข้าวของให้เรียบร้อยประหนึ่งซ่อน ก่อนจะซ่อนกายอยู่ด้านหลังประตูรอจังหวะดีดีคนโล่งแล้วค่อยออกไป

    ทางด้านผู้คนที่ลานกว้างต่างพากันเร่งงานจนวุ่นตามหน้าที่เพื่อให้ทันสำหรับการตอนรับราชองค์การที่สุดแสนจะยิ่งใหญ่ครั้งนี้

    ...

    หลังจากเหลือบมองออกไปอยู่หลายคราก็เห็นว่าได้โอกาส ร่างเล็กก็ไม่ล่อยให้โอกาศนั้นเสียเปล่าแต่อย่างใด ฟางเซียนพุ่งตัวออกไปแฝงกายในความมืดค่อยๆคืบคล้านเข้าไปใกล้ๆลานกว้างที่มีผู้คนมากมาย ฟางเซียนชะโงกหัวขึ้นไปมองก็สบเข้ากับดวงตาคมคู่หนึ่งที่คุ้นเคย หัวใจของฟางเซียนกระตุกด้วยความกลัวที่โดนจับได้ก่อนจะรีบหดหัวกลับมา เด็กน้อยสูดลมหายใจเข้าอย่างหนาวเหน็บ

    "ฝ่าบาทมีรับสั่งลงมาให้ สกุลเจ้าและสกุลเจียง จัดงานมงคลเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสกุลขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในวัง กำหนดการคือช่วงฤดูหนาวของปีหน้า ท่านชาย...ก็จะมีอายุ17ปีบริบูรณ์ อีกทั้งท่านหญิงเจียงเหมยฮว่า ก็อายุถึงเกณฑ์ออกเรือน องค์ราชาจึงมีรับสั่งเพื่อให้เป็นเกรียติแก่สองสกุล

    น้อมรับราชโองการ” เสียงของพ่อลูกตระกูลเจ้าดังก้องไปทั่วลานกว้างที่แสนจะเงียบสงัดแห่งนี้

    เสียงเคลื่อนไหวของผู้คนกลับมาอีกครั้ง คล้ายกับผู้เชิญราชโองการกำลังจะเดินทางกลับ พวกเขาเองก็รู้จักกับอ๋องเจ้ามานานจึงถือโอกาศแสดงความยินดีก่อนจะออกเดินทางกลับวังหลวง เสียงแซงแซ่แสดงความยินดีดังไปทั่ว เหล่าหทารในสังกัดของอ๋องเจ้าต่างร่วมแสดงความยินดีแก่คุณชายรูปงามถันถ้วนหน้า ฟางเซียน ได้แต่นั่งตรึกตรองอยู่ในใจตัวเองอย่าสังเวชระคนสงสาร เรื่องสำคัญอย่างเรื่องแต่งงานคนที่เป็นคู่บ่าวสาวกลับไม่มีสิทธิ์เลือกเองแบบนี้ หากออกมาดีคือเป็นคู่ที่วาสนาสรรค์สร้าง หากออกมาไม่ดีก็คงได้แต่โทษวาสนาอีกเช่นกัน แบบนี้จะมีอะไรที่มาจากความตั้งใจที่จะมีชีวิตคู่ของบ่าวสาวบ้างละ ชีวิตแต่งงานจะมีความสุขหรือแบบนี้

    “อีกไม่นาน คงมีประกาศราชองค์การออกมาอีกหากเจ้าหญิงฉีหว่างซางเทียนพระชนม์มายุครบ 15”

    “องค์ราชาประสงค์จะให้องค์หญิงแต่งกับใครหรือ?”

    “เจ้าเฟยหรงไงละ เขาช่างเป็นชายที่โชคดีเสียจริง ภายในปีนี้คงถูกเรียกเข้ารับราชการอย่างเต็มตัวแล้วละ เรื่องความสามารถพวกเราก็ประจักษ์กันอยู่ อ๋องเจ้าคงซ่อนเขาไว้ใต้ปีกได้อีกไม่นาน”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×