คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ตอนที่ ๑๑ ถ้าเจ้าเฟยหรงอายุ ๑๗
ชีวิตประจำวันของฟางเซียนเริ่มเข้าที่ ตื่นตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นไปเตรียมตัวรับใช้เจ้านายวัยรุ่นที่มีความหล่อเหล่าขั้นร้ายกาจแต่ตอนนี้ในสายตาฟางเซียนไม่ต่างกับเด็กวัยรุ่นทั่วไปที่ค่อนข้างมีวุฒิภาวะในระดับสูงคือไม่เกรียนหรือเกิดอาการต่อต้านผู้ปกครอง
ภายใต้ใบหน้างามของเจ้านายวัยรุ่นอย่างเจ้าเฟยหรงกลับมีมุมแปลกๆอย่างเช่นขี้แกล้งซ่อนอยู่ภายใน(ที่จริงก็ไม่น่าแปลกแต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนแบบนี้ไง//ฟางเซียน)
หลังจากนั้นก็ไปช่วยเตรียมอาหารโดยเดินตามหลี่จงไปและเดินตามหลี่จงที่ยกอาหารกลับมา
บางทีก็สงสัยว่าคุณชายเจ้าต้องการอะไรกันแน่? เดินตามหลี่จงไปมาเป็นลูกเป็ดเนี๊ยนะ
แต่ก็ช่างเถอะ หลังจากนั้นก็ยืนดูเจ้านายกินแต่บางวันคุณชายก็ไปทานอาหารเช้ากับท่านพ่อและท่านแม่ของคุณชาย
หลังจากนั้นคุณชายก็จะเข้าวังไปเรียนวันเว้นวันซึ่งตรงจุดนี้เป็นเรื่องทีดีมาก
วันไหนคุณชายเข้าวังเราก็ออกไปเล่น วันไหนคุณชายอยู่บ้านเราก็ตามไปอยู่ด้วย
โดยสรุปเลยนะหน้าที่ของฟางเซียนคืออยู่ให้เห็นหน้าเรียกหาก็ต้องได้เจอ
อยากแกล้งก็ต้องได้แกล้ง พอคุณชายนอนก็ค่อยกลับไปหาท่านพ่อ
ดีที่คุณชายนอนแต่หัวค่ำเด็กดีจริงๆเลย
วันเวลาผ่านไปกว่าสามเดือน
ฟางเซียนกลายเป็นขวัญใจมหาชนเอ้ย!ขวัญใจของเหล่าคนรับใช้ในคฤหาสน์แห่งนี้
ไม่ว่าใครก็ต่างหลงรักและเอ็นดูและฟางเซียนก็ยังมีเพื่อนเล่นนอกคฤหาสน์มากมายที่พยามไปตีสนิทเพื่อให้ช่วยเรื่องหาของที่ต้องการ
แต่ในทางกลับกันเธอกลายเป็นเหมือนเหยื่อของคุณเจ้านายที่(โคตร)รักยิ่ง
วันนี้ท้องฟ้าขมุกขมัวเหมือนฝนจะตก เจ้าเฟยหรงไม่มีเรียนจึงทบทวนวิชาอยู่ที่เรือนของตน
ส่วนหลี่จงนั้นก็คอยเดินเข้าเดินออกด้วยสีหน้าคร่ำเคร่งเหมือนไปเจอเรื่องหนักใจ
ฟางเซียนที่ตอนนี้มีมุมส่วนตัวในหอสมุดก็ขะมักเขม้นบรรจงห่อห่อกระดาษสีเข้มให้สวยงามเป็นทรง
อากาศเย็นพร้อมกลิ่นฝนที่พาลจะทำให้คนง่วงนอนกำลังกล่อมเจ้าเฟยหรงที่หมดใจกับการทบทวนวิชาให้เคลิ้มหลับ
“ให้ตายเถอะ
ถ้าอากาศยังชื้นแบบนี้ของที่อุตสาห์ทำมาก็เสียเร็วนะสิ”
ฟางเซียนน้อยบ่นอุบอย่างอดไม่ได้ “คิดถึงเวทย์มนต์ของเฒ่าจินจังเลยน้า”
พอได้บ่นต่ออีกหน่อยก็ระบายลมหายใจออกมาเบาๆ ของขวัญของท่านหญิงหลิงหลิงเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่ก็ใช้เวลากว่าสามเดือนนานกว่าที่คิดไว้ซะอีก แถมบางขึ้นตอนต้องบากหน้าไปให้เจ้านายช่วยอีกต่างหาก
เจ้าเฟยหรงที่งัวเงียกำลังจะหลับได้ยินเสียงบ่นก็ปรือตาขึ้นมามอง
“เด็กหนอน” เจ้าเฟยหรงเรียก “มานี่” พร้อมคำสั่งสั้นๆที่ฟังดูเอาแต่ใจ
ถ้ามองในตอนนี้ในหอสมุดมีแค่เจ้าเฟยหรงและฟางเซียนดังนั้นเด็กหนอนก็คือ
“เรียนคุณชายที่เคารพ ชื่อข้าน้อยนั้นออกจะเรียกง่ายและไม่เปลืองสมองมากนักในการจำ
จะเป็นความกรุณาอย่างยิ่งถ้าจะเรียกด้วยชื่อข้าจริงๆ ไม่ใช่ เด็กหนอน”
ฟางเซียนตอบรับเสียงเรียบ
“ข้าง่วง”
เอ็งง่วงแล้วมันเกี่ยวกับชื่อตรูตรงไหนฟร่ะ
! //เซ็นเซอร์ทิ้งเพราะมันฮาร์ทคอ
ฟางเซียนน้อยหน้าหงิกแต่ก็ไม่ยอมเดินไป
“นั้นไม่เกี่ยวขอรับ”
“มานี่”
“ถ้าเรียกชื่อให้ถูกจะไปหาขอรับ”
หากตอนนี้บิดาบุญธรรมของฟางเซียนมาได้ยินคงได้มีการเขกกระโหลกกันบ้างที่กล้าตั้งแง่กับเจ้านาย
เจ้าเฟยหรงหัวเราะออกมาเบาๆ “ไม่รู้ว่าข้าตามใจเจ้ามากไปจนเจ้ากลายเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
แต่ก่อนสั่งอะไรก็ทำ”
พอได้ยินแบบนั้นผู้เยาว์สุดในหอสมุดแห่งนี้จึงเดินไปหาเจ้านายตนก่อนจะนั่งลงด้านหน้าโต๊ะหนังสือแล้วตอบกลับไป
“คนมันโดนแกล้งบ่อยๆก็ต้องมีขุ่นเคืองกันบ้างแหละ... ขอรับ”
“ข้าเคยแกล้งอะไรเจ้ากัน”
“เรียกชื่อผิด...ไม่ก็ ผลักตกน้ำ”
“นั้นเจ้าทำตัวเองต่างหาก หึหึ” เจ้าเฟยหรงเหลือบมองเด็กชายในความคิดของเขานั่งทำหน้าเคร่งอยู่อย่างนึกขัน
วันนั้นเขาแค่ซ้อมวิทยายุทธ์กับหลี่จงแล้วให้เจ้าเด็กนี่มานั่งเฝ้า
พอฝึกเสร็จเรียกหาจะเอาผ้ามาซับเหงื่อก็ดันไปเจอว่านอนส่องหญ้าอยู่ใกล้ๆบ่อน้ำ
พอเด็กนี้หันกลับมาดันตกใจเองจนตกน้ำไป เจ้านี่มันขี้ตกใจเหมือนเด็กผู้หญิง
ฟางเซียนคิดในใจอย่างหงุดหงิด
ใครใช้ให้เดินมาข้างหลังคนอื่นแล้วไม่ใส่เสื้อข้างบนเล่าอายุก็แค่สิบหกไม่รู้ไปเอาหุ่นแบบนี้มากจากไหน
พูดเลยนะผู้หญิงที่ไหนเห็นก็ต้องมีเขินไม่ก็ตกใจบ้างหละ ก็หุ่นดีซะ “หึ”
ฟางเซียนส่งเสียงเหมือนไม่ยอมรับ “แล้วที่เรียกหาข้าเมื่อวันก่อนละขอรับ
นั้นวันหยุดของผมนะ”
“นี่ข้าเป็นเจ้านายเจ้านะ”
เจ้าเฟยหรงเริ่มสงสัยจริงๆแล้วว่า ฟางเซียนเห็นเขาเป็นเจ้านายจริงๆหรือเปล่า
“คนรับใช้ก็ต้องมีวันหยุดบ้าง อีกอย่างผมพึ่งแปดขวบนะ”
ฟางเซียนย้ำ “ก็อยากออกไปเล่นบ้าง”
เจ้าเฟยหรงกลับรู้สึกน้อยใจขึ้นมานิดหน่อย
เขาลุกขึ้นมานั่งตัวตรงสร้างความน่าเกรงขามเพื่อคุยกับฟางเซียน “อยู่กับข้าแล้วไม่สนุกเหรอ”
พอได้ยินคำถามฟางเซียนก็จ้องกลับไปที่เจ้านายอย่างไม่ลดละ
เธอมองเพื่อพิจารณาสิ่งต่างที่ผ่านมาในสามเดือนโดยมีเจ้าเฟยหรงเป็นจุดศูนย์กลาง
ดวงตาคมสีเข้มของเจ้าเฟยหลงจ้องกลับฟางเซียนอย่างจริงจัง
สำหรับเขาฟางเซียนไม่เหมือนลูกน้องคนรับใช้หรืออะไรทั้งหมด
เด็กคนนี้พิเศษสำหรับเขาและอาจจะทุกคนในคฤหาสน์นี้
ท่านพ่อชอบเด็กคนนี้มากท่านเอ็นดูในความน่ารักอีกทั้งดูมีความคิดความอ่านและความกตัญญู
ท่านแม่ก็คงจะเอ็นดูเด็กคนนี้อยู่บ้างเหมือนกันเห็นได้จากเวลาท่านอาหารด้วยกันกับท่านแม่ทีไรต้องมีชื่อเด็กคนนี้โผล่มาทุกครั้งไปแม้จะเป็นในเชิงบ่น เขาแค่รู้ว่าพิเศษ “ข้ายังรอคำตอบจากเจ้าอยู่นะ” บางที่เขาอาจจะต้องการให้เด็กคนนี้มีความสุขเมื่ออยู่ข้างๆเขาก็เท่านั้นเอง
“ก็สนุกมีความสุขดี แต่โดนแกล้งไม่สนุกนะ”
“นั้นเรื่องสนุกของข้าเลยนะ
แต่หลายๆทีเจ้าทำตัวเองทั้งนั้น ฮ่ะๆๆ”
เจ้าเฟยหรงหัวเราะออกมาเพราะโล่งใจในคำตอบของฟางเซียน
พอสบายใจก็เอนตัวลงไปพิงหมอนอิงอีกครั้ง “อากาศน่านอนนะ เจ้าไม่ง่วงเหรอ”
ฟางเซียนหันกลับไปมองห่อกระดาษที่ตัวเองห่อ “ไม่ขอรับ
ผมกังวลนิดหน่อยเรื่องความชื้น
แถมป๋าตงก็ไม่สบายด้วยไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะออกไปข้างนอกได้ไหม”
กับเจ้าเฟยหรงฟางเซียนไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบังนอกจากเรื่องเพศและชาติกำเนิด
ดีไม่ดีบางทีการปรึกษาเจ้านายก็ได้อะไรดีดีกลับมา
เจ้าเฟยหรงหลับตาลงเป็นเวลาซักพักใหญ่ๆก่อนจะตอบกลับ
“จะออกไปหาลูกสนเหรอ”
ฟางเซียนทำหน้าตาตื่นก่อนะจะตอบกลับไป
“รู้ได้ไงขอรับ”
“เห็นเมื่อวานหลี่จงพูดออกมา”
อันที่จริงเป็นเขาไปถามหลี่จงเองว่าฟางเซียนไปเล่นอะไรที่ไหนมา
ตอนโดนเรียกกลับมาถึงหน้าบูดขนาดนั้น “แล้วจะเอาไปทำอะไร”
ฟางเซียนยู่หน้าอย่างใช้ความคิด “แค่อยากได้
มาเก็บไว้ก่อนขอรับ”
เจ้าเฟยหรงเงียบไปอีกครั้ง
ฟางเซียนก็ไม่ไปไหนนั่งรอโดยไม่รู้จะได้คำตอบรึเปล่า
“พรุ่งนี้ข้าจะเก็บจากในวังมาให้”
นับว่าเป็นคำตอบที่ดีสำหรับฟางเซียนเลยทีเดียว
“ข้าจะรอขอรับ” เด็กน้อยรับคำก่อนจะกระวี๊ดกระว๊าดวิ่งกลับไปที่มุมของตัวเองอย่างเสียมรรยาทเมื่อสายลมพัดกระหน่ำเข้ามาในหอสมุดอย่างรุนแรง
“อ๊ากกกก ... อย่าปลิววววว”
รอยยิ้มเล็กน้อยแค่พองามระบายออกมาที่มุมปากของเจ้าเฟยหรงเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของคนใช้ส่วนตัว
“แล้วสามเดือนที่ผ่านมานี้ มีความสุขใช่ไหมฟางเซียน”
เวลาล่วงเลยไปถึงยามค่ำคืน
วันนี้ถือเป็นวันที่แปลกมากในความคิดฟางเซียนเพราะตั้งแต่อยู่คฤหาสน์หลังนี้มาเคยไปไหนมาไหนก็แค่ในเมืองเคยมีโอกาสเข้าวังไปโดยพละการก็หนหนึ่งแต่ก็ไม่มีอะไรพิเศษได้แต่เห็นของสวยๆงามๆ
เธอไม่เคยเห็นคฤหาสน์วุ่นวายขนาดนี้อีกทั้งใบหน้าของหลี่จงดูมีความทุกข์ขนาดนี้ท่านพ่อก็เช่นกัน
แต่หากจะมองให้ดีดีวันนี้นอกจากตัวเธอกับเจ้าเฟยหรงอารมณ์ของทุกคนก็ดูขมุกขมัวไปหมดอย่างน่าแปลกใจ
ฟางเซียนที่ได้รับอนุญาตให้กลับไปพักผ่อนก่อนได้กำลังเดินเตร่อยู่แถวระเบียงทางเดินที่มีคนงานชายหญิงเดินไปมาขวักไขว่สองมือก็ประคอมห่อกระดาษที่บรรจงห่ออย่างดีเมื่อช่วงเย็น
ด้วยความที่เป็นเด็กไม่ค่อยสูงผู้ใหญ่หลายคนเลยไม่ทันได้มองเกือบจะชนอยู่หลายครั้งแต่ด้วยความสามารถที่มีมาแต่เดิมทำให้ฟางเซียนสามารถเดินผ่านผู้คนไปมาโดยไม่โดนชนจนหกล้มไป
เมื่อก่อนเธอชอบเดินเล่นมือถือบ่อยๆ
“เร็วๆเข้า”
เสียงเอ็ดของหญิงคนหนึ่งดังมาเข้าหูฟางเซียนพร้อมกับความเร็วที่เพิ่มขึ้นของเหล่าคนใช้
ความเผือกเข้าสิงเด็กน้อยอย่างอดไม่ได้
ตลอดสามเดือนอะไรที่เธออยากรู้เธอก็ถามบิดาบุญธรรมเอาไม่ก็เสี่ยวหลาน หลี่จง หนักเข้าหน่อยก็เป็นคุณชาย
กับคนอื่นในบ้านเธอก็คุยเล่นตามประสา จะมีก็แต่ฮู่หยินอวี๋หลานที่เธอใส่ความกวนลงไปนิดหนึ่งพอให้โดนหงุดหงิดเล่น
“กองทหารของนายท่านกำลังจะมาแล้ว”
น้ำเสียงร้อนรนของหนึ่งในคนใช้ที่ฟางเซียนคุ้นหน้าคุ้นตาเรียกให้เด็กน้อยเดินเข้าไปสอบถามแต่ยังไม่ถึงตัวดี
ก็มีเสียงสั่งอย่างร้อนรนดังขึ้นมาอีกครั้ง
เธอตัดสินใจเดินลัดเลาะผู้คนไปทั่วระเบียงทางเดินหวังจะหาทำเลดีดีไว้ซ่อนกาย
แต่เหมือนโชคจะไม่เข้าข้างท่านพ่อของนางกำลังเดินมาทางนี้แล้ว
คิดสิฟางเซียนคิด เอาไงดี ต่อมเสือกมันพุ่งพลานอยากเสือก
แต่ถ้าท่านพ่อเจอเรา โดนเก็บกลับเข้าห้องแน่นอน
คิดสิคิด
เด็กน้อยถือของพะรุงพะรังคิดอย่างว้าวุ่นใจก่อนจะตกพลึกออกมาได้ว่า
กลับไปตั้งหลักที่ห้องท่านชายก่อน
ว่าแล้วนางก็วิ่งฉิวกลับไปยังเรือนส่วนตัวของท่านชายจัดการวางข้าวของให้เรียบร้อยประหนึ่งซ่อน
ก่อนจะซ่อนกายอยู่ด้านหลังประตูรอจังหวะดีดีคนโล่งแล้วค่อยออกไป
ทางด้านผู้คนที่ลานกว้างต่างพากันเร่งงานจนวุ่นตามหน้าที่เพื่อให้ทันสำหรับการตอนรับราชองค์การที่สุดแสนจะยิ่งใหญ่ครั้งนี้
...
หลังจากเหลือบมองออกไปอยู่หลายคราก็เห็นว่าได้โอกาส
ร่างเล็กก็ไม่ล่อยให้โอกาศนั้นเสียเปล่าแต่อย่างใด
ฟางเซียนพุ่งตัวออกไปแฝงกายในความมืดค่อยๆคืบคล้านเข้าไปใกล้ๆลานกว้างที่มีผู้คนมากมาย
ฟางเซียนชะโงกหัวขึ้นไปมองก็สบเข้ากับดวงตาคมคู่หนึ่งที่คุ้นเคย
หัวใจของฟางเซียนกระตุกด้วยความกลัวที่โดนจับได้ก่อนจะรีบหดหัวกลับมา
เด็กน้อยสูดลมหายใจเข้าอย่างหนาวเหน็บ
"ฝ่าบาทมีรับสั่งลงมาให้ สกุลเจ้าและสกุลเจียง
จัดงานมงคลเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสกุลขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในวัง
กำหนดการคือช่วงฤดูหนาวของปีหน้า ท่านชาย...ก็จะมีอายุ17ปีบริบูรณ์
อีกทั้งท่านหญิงเจียงเหมยฮว่า ก็อายุถึงเกณฑ์ออกเรือน องค์ราชาจึงมีรับสั่งเพื่อให้เป็นเกรียติแก่สองสกุล
“น้อมรับราชโองการ”
เสียงของพ่อลูกตระกูลเจ้าดังก้องไปทั่วลานกว้างที่แสนจะเงียบสงัดแห่งนี้
เสียงเคลื่อนไหวของผู้คนกลับมาอีกครั้ง
คล้ายกับผู้เชิญราชโองการกำลังจะเดินทางกลับ
พวกเขาเองก็รู้จักกับอ๋องเจ้ามานานจึงถือโอกาศแสดงความยินดีก่อนจะออกเดินทางกลับวังหลวง
เสียงแซงแซ่แสดงความยินดีดังไปทั่ว
เหล่าหทารในสังกัดของอ๋องเจ้าต่างร่วมแสดงความยินดีแก่คุณชายรูปงามถันถ้วนหน้า ฟางเซียน
ได้แต่นั่งตรึกตรองอยู่ในใจตัวเองอย่าสังเวชระคนสงสาร
เรื่องสำคัญอย่างเรื่องแต่งงานคนที่เป็นคู่บ่าวสาวกลับไม่มีสิทธิ์เลือกเองแบบนี้
หากออกมาดีคือเป็นคู่ที่วาสนาสรรค์สร้าง
หากออกมาไม่ดีก็คงได้แต่โทษวาสนาอีกเช่นกัน
แบบนี้จะมีอะไรที่มาจากความตั้งใจที่จะมีชีวิตคู่ของบ่าวสาวบ้างละ
ชีวิตแต่งงานจะมีความสุขหรือแบบนี้
“อีกไม่นาน
คงมีประกาศราชองค์การออกมาอีกหากเจ้าหญิงฉีหว่างซางเทียนพระชนม์มายุครบ 15”
“องค์ราชาประสงค์จะให้องค์หญิงแต่งกับใครหรือ?”
“เจ้าเฟยหรงไงละ
เขาช่างเป็นชายที่โชคดีเสียจริง
ภายในปีนี้คงถูกเรียกเข้ารับราชการอย่างเต็มตัวแล้วละ
เรื่องความสามารถพวกเราก็ประจักษ์กันอยู่ อ๋องเจ้าคงซ่อนเขาไว้ใต้ปีกได้อีกไม่นาน”
ความคิดเห็น