ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดวงใจเทพธิดาเครื่องหอม

    ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ ๑๐ ฟาเซียนโดนคุณชายเรียกท่านพ่อก็เครียดไปตามระเบียบ

    • อัปเดตล่าสุด 13 พ.ค. 58


    ฟางเซียนน้อยในอ้อมแขนพ่อบ้านฟู่ซบไหล่บิดาบุญธรรมอย่างมีความสุขครึ่งหนึ่งอีกครึ่งหนึ่งก็พะวงไปถึงหน้าที่การงานที่พึ่งได้รับมอบหมายหมาดๆ ดูเอาเถอะตัวเธอก็เล็กแค่นี้แขนก็เจ็บแถมยังต้องไปรับใช้เด็กผู้ชายตัวโตๆอีก สำออยบอกท่านพ่อว่าเจ็บหนักแล้วไม่ไปทำงานจะดีไหม?

    “ฟางเซียน” เสียงเรียกของฟู่หลงซินดึงสติฟางเซียนที่กำลังล่องลอยหาทางโดดงานรับใช้เจ้าเฟยหรงให้กลับมา

    “ถึงห้องพักแล้วนิท่านพ่อ แล้วตะกร้าดอกเก็กฮวยข้าละ” เมื่อสติกลับมาเธอก็จัดเข้าถามหลักๆให้ก่อนเลย

    ฟู่หลงซินยิ้มให้บางๆ ก่อนจะชี้ให้ฟางเซียนมองไปยังชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูท่าทางแข็งแรงกำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นกลางแดด “เรื่องดอกเก็กฮวยไว้ทีหลังเถิด นั้นป๋าตง เขาชื่อป๋าตง”

    “ป๋าตง? แล้วเขาไปนั่งทำอะไรอยู่กลางแดดแบบนั้นละ”

    “บทลงโทษ ... โทษฐานที่ทำให้เจ้าเจ็บตัว”

    ฟางเซียนที่ได้ยินก็หันกลับมาทำตาโตใส่พ่อบุญธรรม “แต่เขาคิดว่าข้าเป็นขโมยนะ อันที่จริง เขาก็แค่ไม่รู้”

    “ป๋าตงบอกพ่อแล้ว แต่รอยช้ำที่แขนเจ้าพ่อให้อภัยไม่ได้” ฟู่หลงซินพูดเสียงเข้ม “นั้นเจ้ายิ้มอะไรฟางเซียน”

    ฟางเซียนที่ดีใจยิ้มจนตาหยี “ก็ท่านพ่อเป็นห่วงข้า” ความรู้สึกที่มีใครซักคนเป็นห่วงเรามันดีจริงๆนะ

    ฟู่หลงซินกดศีรษะเล็กลงบนบ่าของตัวเองด้วยความรัก “ข้าตั้งใจไว้แล้วจะเป็นพ่อที่ดีให้กับเจ้า ดังนั้นการดูแลเอาใจใส่และสั่งสอนก็ถือเป็นหน้าที่ของข้าเช่นกัน เจ้าก็ต้องเชื่อฟังพ่อด้วยนะฟางเซียน”

    “ครับผม...แล้วท่านพ่อจะลงโทษป๋าตงไปอีกนานเท่าไหร่ครับ”

    “นานจนกว่าแขนเจ้าจะหาย”

    จนกว่าแขนจะหาย..ก็หลายวันเลยอะสิ แบบนี้ป๋าตงไม่ต้องนั่งคุกเข่าข้ามวันข้ามคืนเลยเหรอ

    “ข้าจะให้เขาช่วยงานเจ้าทุกอย่าง และคอบประกบเจ้าอยู่ตลอดเวลา”

    “ท่านพ่อ... ข้าไม่เอาได้ไหม” ข้ารู้สึกตะขิดตะขวงใจตรงคำว่าประกบเป็นที่สุด

    “ไม่ได้ หากคุณชายจะออกไปข้างนอกเจ้าก็ต้องตามไป ข้าต้องทำให้แน่ใจว่าเจ้าจะกลับมาที่คฤหาสน์ถูก” ฟู่หลงซินอธิบาย “และข้าได้กำชับป๋าตงเป็นอย่างดีแล้ว” น้ำเสียงกดต่ำจนน่าขนลุกของพ่อบ้านฟู่ทำเอา ป๋าตงที่ถูกทำโทษอยู่ไกลๆกับฟางเซียนที่ถูกอุ้มอยู่ใกล้ๆหน้าซีดไปตามๆกัน

    “ขอรับ”

    “หวังว่าคุณชายของท่านพ่อคงจะไม่นึกคึกจะออกไปข้างนอกตอนนี้เหรอกนะ” ฟางเซียนบ่นเสียงเบา

    ฟู่หลงซินเดินอุ้มฟางเซียนเข้าไปในห้องพักก่อนจะสั่งให้ป๋าตงเดินตามเข้ามา เขาวางเด็กน้อยลงบนเก้าอี้กลมตัวหนึ่งก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้างๆ

    “เจ้าสองคนรู้จักกันไว้เสีย สนิทสนมกันได้ยิ่งดี อีกอย่าง ป๋าตง ข้าฝากฝังลูกชายข้าไว้กับเจ้าดังนั้นทำหน้าที่ให้ดี”

    “แต่ข้ามีหน้าที่ไปรับไปส่งท่านอ๋องอยู่แล้วนิขอรับ”

    “ข้าบอกแล้วว่ามันเป็นบทลงโทษของเจ้า”

    ฟางเซียนเห็นสีหน้าอึดอัดคับข้องใจของป๋าตงก็อดที่จะพูดปลอบใจออกมาไม่ได้ “เอาน่าป๋าตง ข้าเป็นเด็กดี” แต่ถึงจะพูดออกไปแบบนั้นสีหน้าของป๋าตงก็ไม่ได้ดูดีขึ้นมาแต่อย่างใด

    ฟู่หลงซินเลิกสนใจเรื่องการลงโทษของป๋าตงแล้วหันมาสนใจเรื่องอาหารการกินของบุตรชายบุญธรรม เขาจัดการสั่งงานแรกให้ป๋าตงให้ไปนำอาหารมาให้ฟางเซียนได้ทานพร้อมยังกำชับเรื่องของตะกร้าดอกเก็กฮวยทำเอาใบหน้ากลมเล็กของฟางเซียนยิ้มแฉ่งอย่างดีใจ

    เมื่ออาหารมาถึงฟางเซียนก็จัดการให้มันลงไปนอนเล่นอยู่ในกระเพาะจนท้องป่อง หลังจากนั้นก็ไปจัดการนำดอกเก็กฮวยไปให้หนอนผีเสือกลางคืนได้กิน แผนการทำเครื่องหอมเริ่มต้นแล้วหลังจากนี้ก็เป็นการตามหาส่วนผสมอื่นๆ เมื่อคิดได้ดังนั้นฟางเซียนก็เดินเข้าไปหาบิดาบุญธรรมเพื่อถามหาแหล่งที่อยู่ของสิ่งที่ต้องหา

    “ข้าสามารถบอกที่อยู่แก่เจ้าได้แต่.. ถ้าจะไปเก็บมาเจ้าต้องพาป๋าตงไปด้วย พ่อเป็นห่วง”

    “ได้เลยครับ ข้าจะทำตามอย่างเคร่งครัดจะไม่ให้ท่านพ่อต้องเป็นห่วงมากเกินไป” เสียงใสของฟางเซียนให้คำมันสัญญากับฟู่หลงซินแต่กับป๋าตงตอนนี้เขารู้สึกเหมือนคนที่กำลังมีงานเข้า

    “ป๋าตง ช่วยข้าจำสถานที่ด้วยนะ” ฟางเซียนเดินเข้ามาหาป๋าตงที่ยังคงนั่งอยู่ตรงโต๊ะกลมหลังจากนำอาหารมาให้

    ป๋าตงเหลือบมองไปยังฟู่หลงซินก่อนจะลอบถอนหายใจออกมา “ได้ ขอรับ”

    แรงตบเบาๆที่ไหล่ของป๋าตงทำเอาเขารู้สึกเหมือนชีวิตต่อจากนี้คงจะไม่สงบสุขเหมือนเดิมอีกต่อไป ยิ่งมองใบหน้าของผู้ที่ออกแรงตบบ่าเพื่อให้กำลังใจที่ยิ้มระรื้นเขายิ่งรู้สึกระทดใจ ข้าไม่น่าไปดึงแขนเด็กคนนี้เลยให้ตายสิ

     

    ฟู่หลงซิน ป๋าตง ฟางเซียน ยังคงวนเวียนอยู่ในบริเวณของที่พักคนรับใช้จนบ่ายคล้อยป๋าตงจึงขอตัวออกไปเตรียมตัวเพื่อไปรับอ๋องเจ้ากลับจากวังหลวงซึ่งกินเวลานาน หลังจากนั้นไม่นานก็มีใครซักคนที่ฟางเซียนไม่รู้จักเข้ามาหาฟู่หลงซิน

    “พ่อบ้านฟู่ พ่อบ้านฟู่” น้ำเสียงร้อนร้นของหญิงร่างท้วมเรียกสายตาสองพ่อลูกให้ไปมองไปที่นาง “เสี่ยวหลานฝากข้ามาบอกท่านว่า คุณชายเจ้าเรียกหาลูกชายท่าน ท่านแอบไปมีลูกชายเสียตอนไหน อุ๊! ตายจริงเด็กหน้าตาน่าเอ็นดูคนนี้ใครกัน”

    “ใจเย็นๆก่อนหลงเหลย นี่ฟางเซียน ลูกชายบุญธรรมข้าเอง”ฟู่หลงซินแนะนำฟางเซียนให้กับหญิงร่างท้วมหลงเหลยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ฟางเซียนกระโดดลงมาจากเก้าอี้ที่กำลังนั่งเพื่อทำการโค้งศีรษะคารวะผู้หลักผู้ใหญ่อย่างเป็นทางการ

    เมื่อรู้ว่าใครคือลูกชายของพ่อบ้านฟู่ที่เสี่ยวหลานกล่าวถึงก็อดที่จะเชยชมพร้อมสำรวจร่างกายของเด็กน้อยไปด้วย “เรียกข้าว่าป้าหลงเหลยก็ได้นะ หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูนะเจ้านะ ตายจริงดูผอมไปนะ พ่อบ้านฟู่ท่านหาอะไรดีดีให้ลูกเจ้าทานหน่อยสิจะได้ดูมีเนื้อมีหนังมากกว่านี้หน่อย”

    ฟางเซียนยิ้มรับแบบแกนๆ ยิ่งเห็นรอยยิ้มแบบฉบับคุณป้าใจดีบนหน้าท่านป้าหลงเหลยข้าไม่อยากไปลดความอ้วนตอนโตนะคราบบบ

    หลังจากจับฟางเซียนหมุนไปหมุนมาจนพอใจหลงเหลยก็เข้าประเด็นหลัก “ไปพ่อหนูน้อยไปหาคุณชายเจ้ากับข้าก่อน ข้าจะพาเขาไปให้เสี่ยวหลานเองพ่อบ้านฟู่”

    “ไม่ลำบากเจ้าดีกว่าหลงเหลย วันนี้ข้าก็ไม่ได้ทำการทำงานอะไรมากอย่างที่ควรจะกระทำ ข้าจะนำฟางเซียนไปเอง เจ้าก็ไปทำงานเถอะ”

    “ตามใจท่านเถอะ ไปหาข้าที่ห้องครัวได้ตลอดนะ พ่อหนูน้อย” หลงเหลยบอกลาก่อนจะพาร่างท้วมของตัวเองออกไปจากห้องของพ่อบ้านฟู่

    ฟางเซียนเงยหน้ามองบิดาบุญธรรมของตัวเองอย่างซื่อๆก่อนจะถามคำถามออกไป “ท่านป้าหลงเหลย จำชื่อข้าไม่ได้ใช่ไหมท่าพ่อ”

    ฟู่หลงซินยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “อย่าใส่ใจเลยฟางเซียน หลงเหลยก็เป็นของนางแบบนี้กว่าจะจำชื่อเสี่ยวหลานได้ก็ใช้เวลาสามสี่ปี กับชื่อเต็มๆของพ่อตอนนี้พ่อก็คิดว่านางจำไม่ได้เหรอก... ไปหาคุณชายเจ้ากันก่อนดีกว่า อย่าปล่อยให้เจ้านายรอนาน” พูดจบฟู่หลงซินก็ยืนขึ้นก่อนจะยื่นมือไปให้ฟางเซียนจับ

    ฟางเซียนมองมือของพ่อบุญธรรมก่อนจะวางมือลงบนฝ่ามือใหญ่ที่อบอุ่นสำหรับเธอก่อนจะยิ้มให้อย่างสดใส “เพื่อท่านพ่อเหรอกข้าจะยอมรับใช้คุณชายให้ดี”

    ฟู่หลงซินยิ้มตอบใบหน้ากร้านของฟู่หลงซินดูกังวลอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ฟางเซียนยังเด็กอยู่อีกอย่างเรื่องขนบธรรมเนียมต่างๆก็ยังไม่ได้เรียนรู้ยิ่งคุณชายเรียกใช้งานทั้งๆที่ยังไม่มีความรู้เรื่องการดูแลเจ้านายแบบนี้ฟางเซียนอาจจะพลาดเอาได้ คฤหาสน์ตระกูลเจ้าได้ชื่อเรื่องความเป็นธรรมแก่คนรับใช้แต่บทลงโทษของผู้ทำงานไม่ดีหรือผ่าฝืนกฎก็มีอยู่เหมือนกัน พ่อคนหมาดๆอย่างฟู่หลงซินก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆก่อนจะพาเด็กน้อยที่กุมมืออยู่ไปเริ่มงานที่ได้รับมอบหมาย

    ทั้งสองพ่อลูกบุญธรรมมุ่งหน้าออกจากส่วนที่พักคนใช้ไปยังส่วนที่พักของคุณชายเจ้าที่แยกออกมาจากส่วนท่านอ๋องและพระชายา ระหว่างทางก็ได้พบกับเสี่ยวหลานที่มาดักรออยู่ เสี่ยวหลานรีบอธิบายการดูแลเจ้านายให้ฟางเซียนฟังอย่างรีบเร่งโดยมีฟู่หลงซินยืนให้คำอธิบายเพิ่มเติมอยู่ข้างๆ ฟางเซียนเองก็สลัดมาดขี้เล่นยืนฟังอย่างตั้งใจสมองน้อยๆในตอนนี้กำลังจดจำหลักการทำงานและหน้าที่ของเธออยู่ สายตานิ่งสงบของฟางเซียนที่มองตรงไปยังผู้พูดอย่างเสี่ยวหลานพร้อมกับการพยักหน้าน้อยๆแม้จะดูไม่ค่อยนอบน้อมแต่ก็ทำให้ฟู่หลงซินว่าใจว่าฟางเซียนจะทำงานได้ เจ้าเป็นเด็กฉลาดฟางเซียนข้ารู้สึกได้ฟู่หลงซินคิดอย่างเบาใจ

    “ได้เวลาแล้วนะฟางเซียน คนแรกที่เจ้าต้องเจอคือ หลี่จง เป็นองค์รักของคุณชายเจ้า ท่านหลี่จงเป็นบุรุษที่มีความสามารถมากมายอีกทั้งยังหล่อเหลา กิริยามรรยาทงดงาม วรยุทธเป็นเลิศ..”เสี่ยวหลานสาธยาคุณงามความดีของผู้ชายที่ชื่อหลี่จงให้ฟางเซียนฟังอย่างชื่นชม

    ฟางเซียนหลี่ตาลงอย่างมีเล่ห์นัย ชอบเขาก็บอกมาเหอะพี่เสี่ยวหลานอธิบายชื่อชมมาซะเยอะเลย

    เสี่ยวหลานที่เห็นลุงตัวเองกับฟางเซียนมองมาอย่างอบอุ่น(เหรอ)ก็เกิดอาการเก้อเขินจนหน้าแดงอย่างควบคุมไม่อยู่ “อะ... เอาเป็นว่า... อย่างไปรบกวนงานท่านหลี่จงมากหละฟางเซียน”

    เดี๋ยวนะเจ๊เสี่ยวหลานพูดแบบนี้กวนเจ้านายได้ไม่ผิดใช่ปะ แต่ห้ามกวนท่านหลี่จง คือ ท่านหลี่จงของเจ๊ดีกว่าคุณชายเจ้าอีกเหรอฟางเซียนคิดแต่ไม่กล้าพูดออกไป ก็แหงหละเรื่องจริงยังไงเจ้านายก็สำคัญกว่า ที่คิดๆนี้แค่คิดเผื่อได้ล้อพี่เสี่ยวหลานเอง

    “พ่อบ้านฟู่” น้ำเสียงผู้ชายที่ฟังดูอบอุ่นดังขึ้นจากทางเดินที่เดินมาจากเรือนของคุณชายเจ้า “ข้ามารับตัวคนรับใช้ใหม่แล้วขอรับ” น้ำเสียงนอบน้อมบ่งบอกได้ว่าพ่อบ้านฟู่ยังใหญ่สุดในหมู่คนรับใช้ในคฤหาสน์หลังนี้

    “ฝากด้วยนะ”ฟู่หลงซินพูดยิ้มๆ

    “ดูแลฟางเซียนด้วยนะเจ้าคะ ท่านหลี่จง” เสี่ยวหลานพูดเสียงหวานพร้อมสีหน้าเป็นหวงฟางเซียนสุดชีวิต(แต่สายตาไม่คลาดจากท่านหลี่จงของนาง)และพยามจะรักษามาดสาวใช้ที่ดีไปในเวลาเดียวกัน

    “ข้าจะดูแลให้ พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงไปหลังจากคุณชายเข้านอนข้าจะไปส่งฟางเซียนที่ห้องท่านเองพ่อบ้านฟู่”

    “ลำบากท่านแล้ว ถ้าไม่ติดว่าคุณชายกำหนดคนเข้าออกเรือนของท่านข้าคงไปรับได้”

    “มิเป็นไรขอรับ ข้าขอตัวก่อนไว้เจอกันนะขอรับพ่อบ้านฟู่ เสี่ยวหลาน”

    “อืม/เจ้าค่ะ”  

    ฟางเซียนกรอกตาก่อนจะเดินตามหลี่จงที่ดูอายุน่าจะประมาณ 23 หรือเท่าเธอก่อนที่เธอจะโดนรถชน

    รถชน

    เธอโดนรถชน.... เธออายุ 23

    ภาพความทรงจำแล่นเข้ามาในหัวสมองแสงของไฟหน้ารถยนต์สาดมาหาเธอก่อนทุกอย่างจะมืดไป... นี่มันอะไรกัน

    หลี่จงเดินนำหน้าจนถึงประตูหอหนังสือส่วนตัวของคุณชายที่คุณชายมักจะมาอ่านหนังสือในเวลาว่างจากการเรียน หลี่จงหันไปมองเด็กน้อยที่เดินตามหลังมาก่อนจะตกใจเพราะใบหน้าของเด็กน้อยดูขาวซีดและมีเหงื่อฝุดเต็มหน้า

    “นี่เจ้า” หลี่จงเรียกฟางเซียนเบาๆ

    “ค่ะ??” ฟางเซียนสะดุ้งตอบโดยอัตโนมัติ ดวงตากลมโตมีแววหวาดหวั่นฉายอยู่ภายใน

    หลี่จงเห็นดังนั้นจึงคิดเข้าข้างตัวเองไปว่าเด็กน้อยคงกลัว “คุณชายเจ้าไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น ท่านใจดี แต่เข้มงวด” และขี้แกล้ง หลี่จงต่อเพิ่มเติมในใจ

    ฟางเซียนที่กำลังสับสนได้ยินแบบนั้นก็สะบัดศีรษะก่อนจะตอบรับไป “ขอรับ”

    “พร้อมแล้วนะ”

    “ขอรับ”

    “คุณชายเจ้าขอครับคนรับใช้คนใหม่ที่ท่านให้ข้าไปรับมามาถึงแล้วขอรับ”

    หลังจากเสียงของหลี่จงก็ใช้เวลาซักพักก่อนคนในหอสมุดจะตอบกลับมา “เข้ามาได้”

    หลี่จงเปิดประตูก่อนจะก้าวนำเข้าไป ภาพชั้นหนังสือแบบโบราณปรากฏแก่สายตาฟางเซียน จำนวนสมุดหนังสือที่ทำมาจากกระดาษและไม้ไผ่บนนั้นทำเอาเธอคิดว่าเจ้าของห้องคนรักการอ่านน่าดู อีกทั้งบรรยากาศโปรงโล่งสบาย หน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดโล่งให้เห็นบรรยากาศด้านนอก ภาพเขียนพู่กันดูงดงามแบบแปลกๆในความคิดฟางเซียน ตัวอักษรมากมายที่ดูเป็นอักขระภาษาจีนและเธออ่านมันออก

    ฟางเซียนเดินตามหลี่จงไปจนถึงมุมด้านหนึ่งที่ยกพื้นขึ้นมามีโต๊ะสี่เหลี่ยมยาวและสมุดหนังสือมากมายกองบนนั้นด้านหลังคือเจ้าของโต๊ะหนังสือที่กำลังง่วงอ่านหนังสืออย่างจริงจังเส้นผมสีดำขลับยาวสายอย่างน่าอิจฉาบนหมอนอิงมากมายหลานใบที่ช่วยให้นั่งสบายขึ้น เจ้าของโต๊ะเงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะส่งสายตาบอกให้หลี่จงไปทำงานอื่นที่มอบหมายไว้ให้ก่อนจะมองมายังฟางเซียนที่ยืนนิ่งๆแต่สายตาส่อดส่ายไม่หยุด

    “เจ้านะ ระหว่างที่ข้ากำลังอ่านหนังสือก็ไปหาหนังสือมาอ่านซักเล่มสิ ถ้าอ่านไม่ออกข้าจะช่วยสอนให้” เจ้าเฟยหลงพูดเสียงนิ่ง

    “อ่านออกขอรับ”

    คำตอบของฟางเซียนทำเอาเจ้าเฟยหลงแปลกใจเพราะในหมู่ลูกขุนนางที่เล่าเรียนในวังหลวงกว่าจะอ่านออกแตกฉานก็เกือบสิบขวบปี ความมั่นใจและน้ำเสียงคงที่ของฟางเซียนทำให้เจ้าเฟยหลงไม่คิดว่าเด็กอย่างฟางเซียนจะโกหก

    “งั้นข้าจะดูเจ้าแล้วกัน หากอ่านไม่ออกก็มาถามข้า” เจ้าเฟยหลงไม่ได้ซักไซ้อะไรมากและก็ให้อิศระในการอ่านกับฟางเซียน

    “แล้วงานรับใช้ท่านหละ”

    “เอาไว้หลังจากข้าอ่านหนังสือเสร็จ”

    “ตามนั้นขอรับ” ฟางเวียนยักไหล่ให้คนที่กลับไปง่วนอ่านหนังสืออีกครั้ง เมื่อเช้ายังมาแกล้งเธออยู่เลยตอนนี้ใจดีให้อ่านหนังสือซะงั้น “แปลกคนดี”

    “ข้าได้ยินนะ”

    ฟางเซียนยิ้มแผละก่อนจะเดินไปดูตามชั้นหนังสือ “อย่าซนจนหนังสือร่วงลงมาละ” เจ้าเฟยหลงส่งเสียไล่ตามหลังมา เด็กน้อยแบบฟางเซียนก็ฟังพอแค่เจ็บใจ เห็นเป็นเด็กแบบนี้แต่ไม่ได้มือไม้อยู่ไม่สุกซนนู้นซนนี่ซะหน่อย

    ตำรามากมายหลายแขนกแยกไว้เป็นหมวดหมู่ หอหนังสือนี้ขนาดใหญ่ประมาณหนึ่งพอให้เล่นซ่อนแอบได้แบบสบายใจ อีกฝั่งหนึ่งของห้องเป็นโต๊ะยาวเหมือนจะเตรียมไว้สำหรับประชุม ฟางเซียนเดินมองหนังสือไปมาแต่ไม่คิดจะอ่านเพราะความคิดก่อนหน้านี่ยังคงติดอยู่ในหัว ร่างเล็กป้อมของฟางเซียนเลยเดินไปที่หน้าต่างก่อนจะจัดการหาเก้าอี้มาวางแล้วปีนขึ้นไปเกาะดูวิวด้านนอกให้จิตใจสงบ

    เราถูกรถชนตาย แล้วรถแบบนั้นมันคืออะไรตั้งแต่จำความได้ก็ไม่เคยจะเจอซักตอนเดียว แล้วเราไปโดนชนได้ไง แถมยังมั่นใจว่าตัวเองอายุ 23 เราไม่ใช่เด็กแล้วทำไมเรายังเป็นเด็กละ แล้วหงหยูวไปไหนกันแน่ ตอนนี้มีคำถามมากมายเหลือเกิน เราต้องโตกว่านี้มีความสามารถมากกว่านี้จะได้ออกไปหาหงหยูวได้โดยไม่ต้องพึ่งใคร ฟางเซียนเอ๋ย พออายุ 15 เจ้าต้องออกตามหาหงหยูวนะรู้ไหม หงหยูวนั้นเป็นมังกรดำอาศัยอยู่ในหุบเขาอาถรรพ์ดังนั้นเราต้องกลับไปเริ่มต้นจากที่ๆเราควรเริ่มไม่ใช่ในเมืองแบบนี้ฟางเซียนมองท้องฟ้าและเริ่มกำหนดเป้าหมายต่อไปในชีวิต จิตใจทั้งหมดจมอยู่กับความคิดจนไม่ได้สัมผัสถึงใครคนหนึ่งที่มายืนข้างๆ

    “เจ้ากำลังมองอะไร”

    “ห๊ะ !!” ฟางเซียนสะดุ้งโหยงจนเผลอเอาแขนข้างที่เจ็บท้าวหน้าต่างรับน้ำหนังตัวเอง “โอ๊ย”

    เจ้าเฟยหรงที่เดินมาข้างๆฟางเซียนถามเสียงเครียด “นั้นเจ้าไปโดนอะไรมา”

    ฟางเซียนหน้ายู่เมื่อเห็นใบหน้างามของเจ้านายวัยรุ่นดูเคร่งเครียดและดุ “อุบัติเหตุขอรับ นิดหน่อยเอง”

    “แล้วไปโดนอะไรมา”

    “....” ฟางเซียนเงียบไปอย่างนึกคำตอบดีดี “ข้าหกล้มขอรับกระแทกนิดหน่อย”

    “นึกว่าป๋าตงทำเสียอีก” เจ้าเฟยหลงเปรยขึ้นมาเสียงเบา “จะได้ไปลงโทษให้เสียหน่อย”

    ฟางเซียนที่ได้สินก็เหวอไปถึงจะโกรธป๋าตงแต่ป๋าตงก็โดนท่านพ่อลงโทษไปแล้ว “คุณชายขอรับไม่มีอะไรจริงๆแค่นี้เอง”

    “ทายาแล้วหรือยัง” เจ้าเฟยหลงเปลี่ยนเรื่องทันที

    ฟางเซียนที่เริ่มกังวลแทบป๋าตงก็ได้แต่ตอบเสียงเบา “พี่เสี่ยวหลานใส่ให้แล้วขอรับ” ถึงเธอจะโกรธแต่ก็ไม่ได้อยากหางานให้ป๋าตงจนโดนคุณชายเจ้าโกรธเหรอกนะ

    “งั้นก็ดีไป” พูดจบเจ้าเฟยหลงก็เดินกลับไปที่โต๊ะหนังสือก่อนจะเริ่มอ่านอีกครั้ง

    ฟางเซียนที่เจอโหมดเอาใจใส่ของเจ้าเฟยหลงเข้าไปก็เริ่มระแวง อะไรของเขานะ... อยู่ดีดีใจดีเป็นห่วงด้วย รู้สึกแปลกจริงๆ


    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ห่างหายไปนานเลยใช่ไหมคะทุกคน ; _ ;
    สารภาพผิดอย่างยิ่งๆทำโปรเจคจบแถวต้องพรีเซนต์

    คือกินพลังชีวิตมหาศาลมากจริงๆคะ พอพรีเซนต์เสร็จยังโดนแก้ต่อผมหงอกงี้เต็มหัวความเครียดจากการห่วงว่าปีนี้จะไม่จบทำเอาน้ำตาไหลเลยคะ


    T_____T  


    แต่พอมาเปิดนิยายดู ดีใจมากเลยที่ทุกคนยังตามกันอยู่ ขอบคุณมากๆนะค่ะ ถึงจะกลับมาแต่งต่อแล้วดูกร่อยๆไปบ้าง
    ขอเวลาปรับหัวสมองให้มาโล้ดแล่นกับนิยายซักพักซักตอนสองตอน 555
    จะกลับมาลงทุกสัปดาห์หรือมากกว่านั้นคะ

    ขอบคุณที่ยังติดตามกันนะค่ะ *กอดแรงๆ*

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×