คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ ๙ เด็กที่ดีต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่ไม่งั้นจะโดนดุ
ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มผู้มีใบหน้างดงามที่มองแล้วชวนให้หลงใหลดีดตัวลงจากกำแพงมายังพื้นดินภายในคฤหาสน์ตระกูลเจ้า คบไฟมากมายกระจายตัวเป็นระยะให้ความสว่างและเพื่อความปลอดภัยในยามค่ำคืน ตอนนี้อาณาจักรฉีอันยังอยู่ในช่วงใบไม้ผลิแต่อากาศก็ยังคงเย็น
ฟางเซียนที่ถูกอุ้มอยู่นั่งหน้านิ่งตาปรือด้วยความง่วงที่กำลังจู่โจมแบบติดตริติคอล ท่อนแขนเล็กก็โอบอุ้มกาน้ำชาที่ขโมยมาพร้อมคล้องตะกร้าดอกเก็กฮวย เธอห้าวอ้าปากออกมาเสียกว้าง
อากาศเย็นที่ชวนให้ไปซุกตัวอยู่ในผ้าห่มหนาแล้วหลับอย่างเป็นสุขกำลังเชิญชวนให้ฟางเซียนหลับทั้งที่ยังถูกอุ้ม แต่ด้วยความเป็นผู้หญิงในตัวที่พึ่งตื่นขึ้นมาหลังจากไปป่วนคนอื่นเขาเสียทั่วก็กำลังสั่งให้เธอไม่พยามอิงแอบหรือใกล้ชิดกับเจ้านายจำเป็นอย่างเจ้าเฟยหรงมากเกินไป
ร่างสูงกระโดดวูบหนึ่งพาตัวเองเล็กเด็กชายในอ้อมแขนเข้าไปยังระเบียงทางเดินที่ทำจากไม้แต่ไม่สวยเท่าระเบียงทางเดินในวังเพื่อเดินไปส่งร่างเล็กที่เขาไปลักพาตัวมาจากผู้ปกครองของเด็กคนนี้เมื่อตอนเย็น แสงไฟที่ตกกระทบใบหน้ากลมที่กำลังฝืนตัวเองไม่ให้หลับทำให้เฟยหรงตัดสินใจเดินให้ไวขึ้นเพื่อพาเด็กน้อยไปส่งให้ถึงที่
หมู่อาคารที่พักขนาดเล็กสองสามหลังปรากฏให้เห็น ในคฤหาสน์ตระกูลเจ้านั้นแบ่งออกเป็นชั้นนอกกับชั้นใน ด้านหน้าจะมีประตูใหญ่ที่สุดตั้งอยู่เมื่อเดินเข้ามาจะเจอกับลานกว้างขนาดใหญ่ปูด้วยหินอย่างดีมีต้นไม้ประดับประดาให้ความร่มรื่น อีกด้านของลานกว้างคือเรือนรับรองขนาดใหญ่ที่สร้างไว้เพื่อรับรองแขก รอบๆลานกว้างและเรือนรับรองจะมีกำแพงล้อมรอบคนในคฤหาสน์เรียกส่วนนี้ว่าส่วนนอก จากตัวเรือนรับรองจะมีระเบียงทางเดินทอดยาวเชื่อมต่อไปยังที่พักหรือเรือนแต่ละหลังอยู่ด้านหลังกำแพง โดยในคฤหาสน์นี้มีเรือนที่พักใหญ่ของอ๋องเจ้ากับฮู่หยินอยู่ทางด้านขวา ด้านซ้ายจะมีสวนขนาดใหญ่ที่สร้างมาเพื่อให้ความสงบพักผ่อนและบดบังหมู่อาคารของคนรับใช้ในคฤหาสน์ที่กระจุกตัวรวมกันอยู่แต่ไม่ได้อึดอัด ส่วนท้ายทั้งหมดนั้นเคยเป็นพื้นที่ไว้สำหรับฝึกฝนวรยุทธของอ๋องเจ้าตอนนี้กลายเป็นส่วนของคุณชายเจ้าเฟยหรงไปเรียบร้อยแล้วพร้อมเรือนที่พักขนาดกลางไว้เป็นส่วนตัว
แสงคบไฟที่สาดส่องทำให้เจ้าเฟยหรงมองเห็นพ่อบ้านฟู่มายืนรอใครบางคนพร้อมผ้าห่มหนาขนาดเล็กแต่พอที่จะคลุมตัวเด็กน้อยได้อย่างมิดชิด เมื่อพ่อบ้านฟู่เห็นคุณชายของตนเดินมาพร้อมลูกชายบุญธรรมในอ้อมแขนเขาก็เดินเข้าไปทำความเคารพก่อนจะอ้าแขนพร้อมกางผ้าห่มเป็นสัญญาณว่า ‘ส่งลูกชายข้ามาได้แล้ว’
เฟยหรงเองก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะรั้งเด็กน้อยไว้ ฟางเซียนเองก็ทำท่าจะเข้าไปหาฟู่หลงซินตั้งแต่ตาปรือๆของเขามองเห็นพ่อบุญธรรม เฟยหรงส่งเด็กน้อยในชุดดำที่หอบข้าวของสองสามสิ่งให้กับฟู่หลงซิน ฟางเซียนถลาเข้าไปกอดคอฟู่หลงซินทั้งๆที่ยังคลองตะกร้าไว้แต่มืออีกข้างของนางก็ยังไม่ปล่อยกาน้ำชา พ่อบ้านฟู่ใช้ผ้าห่มหอตัวฟางเซียนพร้อมกาน้ำชาในแขนเด็กน้อยก่อนจะเอ่ยลาคุณชายเจ้าเพื่อขอตัวไปพักผ่อน
เฟยหรงพยักหน้ารับพ่อบ้านฟู่ก็หันหลังเดินกลับเข้าไปยังที่พักพร้อมบุตรบุญธรรม เขายืนมองฟางเซียนที่ขยับตัวเองให้เอาหัวมาซบไหล่ของฟู่หลงซินแล้วหลับไปจากทางด้านหลังของพ่อบ้านฟู่ มือเรียวของเฟยหรงยกขึ้นมาทาบบนไหล่ด้านเดียวกับที่ฟางเซียนเอาหัวซบฟู่หลงซินพร้อมความรู้สึกแปลกที่เกิดขึ้นกับเขา ‘ทำไมเขาถึงไม่หลับบนไหล่ข้าทั้งๆที่ง่วงมากขนาดนั้น’
จนกระทั่งฟู่หลงซินเดินเข้าไปยังที่พักแล้วปิดประตูเฟยหรงจึงเดินออกมาจากที่พักของเหล่าคนใช้ ภาพของเด็กน้อยที่หลับอย่างเป็นสุขบนไหล่ของฟู่หลงซินกำลังทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนขัดใจและน้อยใจ เขาส่ายหน้าให้กับตัวเองที่ปล่อยให้เกิดความคิดและอารมณ์แบบนี้ขึ้นมา “ก็แค่เด็กผู้ชาย เฟยหรง”
ฟางเซียนที่นอนหลับสบายนิ่วหน้าให้กับแสงอ่อนๆกำลังส่องมาแยงตา เธอสะบัดผ้าห่มมาคลุมโปงก่อนจะหลับอีกครั้งอย่างเป็นสุข นี่สิแดดอุ่นๆอากาศเย็นๆพร้อมผ้าห่มหน้าๆเป็นสุขที่สุด แดดอุ่นๆ แดด...
“เช้าแล้ว!!” ฟางเซียนเด้งตัวขึ้นมา “แบบนี้ไปทำงานสายแน่ๆ” เธอสะบัดผ้าห่มหนาออกจากตัวก่อนจะรีบร้อนลงจากที่นอนแต่พอจะก้าวขาลงมารองเท้าสีดำเล็กๆที่วางอยู่ข้างเตียงทำให้เธอเอะใจ ‘เราจะไปทำงานที่ไหนกัน’ ดวงตากลมโตที่เปรอะเปื้อนไปด้วยขี้ตามองไปรอบอย่างนึกสงสัยเพราะหลังจากที่เธอถูกท่านพ่ออุ้มเธอก็หลับไปเลย ฟางเซียนสอดส่ายสายตามองหาฟู่หลงซินไปทั่วห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบๆมีเครื่องเรือนไม่กี่ชิ้นและกาน้ำชา
“หนอนน้อย” ฟางเซียนถลาพุ่งตัวลงจากเตียงไปยังกาน้ำชาบนโต๊ะไม้ที่ไม่มีผ้าปูให้สวยงามความสูงของโต๊ะนั้นอยู่ในดับอกของเธอเลยทีเดียว เธอเขย่งเท้าเล็กน้อยเพื่อเอื้อมไปหยิบกาน้ำชามาเปิดดู ลวดลายสวยงามบนตัวกาทำให้กาน้ำชาใส่หนอนของเธอดูสูงค่า แน่สิไปขโมยมาจากวังหลวงนี่
ทันทีที่หยิบมาได้เธอก็เปิดดูด้านใน “ฟู่” ฟางเซียนเบาปากอย่างโล่งอกก่อนจะใช้มือเสยผมสั้นๆที่ปรกหน้าปรกตาของเธอ อากาศตอนนี้ก็ยังคงเย็นสบายชวนให้ปีนขึ้นเตียงกลับไปนอนอีกครั้ง ฟางเซียนมองปริมาณใบไม้ในกาน้ำชาที่หมดลงแล้วตัดสินใจจะไปเดินหาตะกร้าใส่ดอกเก็กฮวยที่ท่านหญิงหลิงหลิงอุตสาห์เก็บมาให้
เดินวนอยู่ห้องได้รอบสองรอบก็ยังไม่เจอเด็กน้อยเริ่มมีความคิดที่จะออกจากห้องแห่งนี้ “ทั้งๆที่ไม่อยากจะก้าวออกไปเลยแท้ๆ ท่านพ่อเอาตะกร้าไว้ไหนกันนะ” เธอบ่น น้ำก็ยังไม่ได้อาบฟันฟางก็ยังไม่ได้แปรงหน้าก็ยังไม่ได้ล้างผู้หญิงอย่างเธอจะกล้าออกไปเจอหน้าคนอื่นได้อย่างไร
ฟางเซียนที่กำลังปลงตกเพราะในห้องนี้ไม่มีอะไรที่จะทำให้เธอสามารถล้างหน้าแปรงฟันได้เลยแม้แต่น้อยแถมหนอนก็ต้องกินดอกเก็กฮวย พลันสายตาก็มองไปเห็นหน้าต่างที่ปิดอยู่ ความหวังผุดขึ้นมาในใจ อย่างน้อยก็เด็ดใบไม้ให้มันกินไปก่อนแล้วกัน เธอจัดการลากเก้าอี้แล้วปีนขึ้นไปเปิดหน้าต่าง โชคดีที่ข้างๆหน้าต่างมีไม้เลื้อยเธอจึงเด็ดใบของมันมาดม ก่อนจะเด็ดเพิ่มเติมอีกเพื่อเอาไปให้หนอนในกาน้ำชาแล้วจัดการปิดหน้าต่าง
ปัง! เสียงกระทบไม่เบาของไม้เรียกสายตาของคนใช้ชายคนหนึ่งที่กำลังเดินกลับมาเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังจากออกไปส่งอ๋องเจ้าที่วังหลวงตั้งแต่เช้ามืด
“ห้องพ่อบ้านฟู่นี่หนา เวลานี่น่าจะไม่มีใครอยู่แล้วหรือจะเป็นขโมย” คนใช้ชายที่ได้ยินเสียงเอะใจและคิดว่าเป็นขโมยเข้าไปขโมยของในห้องพ่อบ้านฟู่ “ข้าควรจะเข้าไปดูดีไหม” เขาถามตัวเองก่อนความอยากรู้และผดุงคุณธรรมจะชนะไป “จะปล่อยให้มันขโมยของไปไม่ได้”
คนใช้ชายค่อยๆก้าวเข้าไปใกล้ยังที่พักของพ่อบ้านฟู่อย่างเงียบงัน เพราะความเงียบทำให้เขาได้ยินเสียงวีดหวิวของสายลมอยู่ข้างหู เมื่อเข้าไปใกล้หน้าต่างของที่พักพ่อบ้านฟู่เขาก็ได้ยินเสียงเล็กๆที่กำลังพูดอยู่คนเดียว “เด็กกำลังพูดคนเดียว” ชายคนใช้จัดการค่อยแง้มหน้าต่างจากทางด้านนอกเบาๆ
“เจ้าหนอนตะกละ ข้าเด็ดมาให้เต็มมือเจ้าเขมือบเสียหมด” ฟางเซียนบ่นขณะปีนขึ้นมาเก็บใบไม้อีก เธอเปิดหน้าต่างออกเต็มแรง ด้วยความที่หน้าต่างเป็นแบบผลักออกด้านข้างสองด้านเพื่อเปิด ชายคนใช้ที่กำลังจะแง้มหน้าต่างจึงโดนฟาดไปเต็มรัก
“โอ๊ยยยย” เสียงโอดโอยของผู้ชายเรียกให้ฟางเซียนก้มลงไปมอง
“เจ้าขโมยเจ้ากล้าเปิดหน้าต่างฟาดหน้าข้า”
“ไหนขโมย” ฟางเซียนที่ได้ยินคำว่าขโมยก็ชะโงกหน้ามองหาแต่ก็ไม่เห็นใคร เธอหันหลังกลับไปมองกาน้ำชาก่อนจะเด็ดใบไม้กลับไปอีกกำ “แค่กำเดียวไม่พอแน่ๆ” เธอจัดการดึงเถาไม้เลื้อยขึ้นทั้งหมดแล้วสาวขึ้นมาที่หน้าต่างก่อนจะสะบัดเศษดินออกจนไปโดนชายรับใช้ที่นั่งกุมหน้าอยู่ที่พื้น ก่อนจะปิดหน้าต่างลงอีกครั้ง
ชายรับใช้ที่ถูกเมินลุกขึ้นมาอย่างเอาเรื่องเขาเข้าไปใกล้หน้าต่างก่อนจะเอามือแง้มมันออกมา
ฟางเซียนผลักหน้าต่างออกมาอีกครั้ง
“โอ๊ยยยย รอบสองแล้วนะเจ้าตัวดี”
“อะไร ข้าแค่จะออกมาถามว่าเจ้าเป็นใครเท่านั้นเองเห็นมาด่อมๆมองๆอยู่นั้นแหละ”ฟางเซียนถามทั้งๆที่ยืนอยู่บนเก้าอี้เพื่อให้ความสูงของตัวเองพ้นหน้าต่าง
“เจ้านั้นแหละเป็นใครออกมาจากห้องพ่อบ้านฟู่เดี๋ยวนี้” เขาตะคอกเสียงดัง
ฟางเซียนตกใจจนเกือบหงายหลังเธอรีบย่อตัวลงนั่งบนเก้าอี้ดีดี หัวใจของเธอหล่นไปอยู่ตาตุ่ม
“ข้าบอกให้เจ้าออกมาไม่ได้ยินเหรอไง” ชายคนรับใช้ยื่นแขนเข้าไปหมายจะลากฟางเซียนที่กำลังตกใจออกมา
ฟู่หลงซินที่เสร็จงานในช่วงเช้ากำลังเดินกลับมายังที่พักเพราะเป็นห่วงเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในห้องพัก เสียงตะโกนของผู้ชายกับเสียงร้องของเด็กแววมาเข้าหูเขาทำให้เขาร้อนใจจนต้องออกวิ่ง ‘ฟางเซียน’ เมื่อวิ่งไปจนเกือบถึงที่พักเขาก็เห็นว่าชายคนรับใช้ที่มีหน้าที่เป็นสารถีให้อ๋องเจ้ากำลังฉุดฟางเซียนผ่านทางหน้าต่าง เด็กน้อยก็ไม่ยอมเอาตัวเองดันกับขอบหน้าต่างไม่ให้อีกฝั่งสามารถลากเธอออกไปได้ท่อนแขนเล็กๆขึ้นสีแดงเป็นปื้นอย่างน่ากลัว
ฟู่หลงซินที่เห็นเข้าก็เกิดโมโหอย่างหนักตะโกนออกไปเสียงดัง “ปล่อยมือเดี๋ยวนี้” ชายคนรับใช้ที่ได้ยินก็ตกใจปล่อยมือ
“อ๊ายยย” ฟางเซียนร้องก่อนจะหงายหลังลงไป
“ฟางเซียน” พ่อบ้านฟู่รีบวิ่งไปเปิดประตูแล้วเข้าไปดูอาการลูกชายบุญธรรม สภาพหงายท้องอยู่ที่พื้นของฟางเซียนทำให้เข้าปรี่เข้าไปพยุงเด็กน้อยขึ้นมา “หัวฟาดไหม”
“ไม่ครับ” ฟางเซียนตอบก่อนจะจับแขนข้างที่โดนฉุดจนแดงอย่างเจ็บปวด
ฟู่หลงซินรีบย่อตัวลงมาถลกแขนเสื้อเด็กน้อยขึ้นจนเห็นร้อยแดงเป็นปื้นและรอยมือขนาดใหญ่ของผู้ที่ฉุดบนผิวขาวนวลของฟางเซียน “เจ็บไหม” เขาถามเสียงเบาด้วยความเป็นห่วงจับใจ
ฟางเซียนพยักหน้า แค่พยักหน้าให้ชายคนรับใช้ก็รู้สึกเหมือนคนชะตาขาดเพราะความเครียดและแรงกดดันมากมายแผ่มาจากทางพ่อบ้านฟู่อย่างมากมายมหาศาล
“พะ...พ่อ..พ่อบ้านฟู่”น้ำเสียงของชายคนรับใช้สั่นด้วยความกลัว
พ่อบ้านฟู่อุ้มฟางเซียนขึ้นก่อนจะมาทำหน้าดุใสชายคนรับใช้ที่อยู่นอกที่พักจนเขาขาอ่อนทรุดลงไปกองกับพื้น ฟางเซียนในอ้อมแขนหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความปวดจากท่อนแขน “ไว้ข้าจะกลับมาคิดบัญชีกับเจ้า” ฟู่หลงซินทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินอุ้มฟางเซียนออกไปจากส่วนที่พักของคนงานด้วยความเร็ว
ฟางเซียนเงยหน้าขึ้นมามองพ่อบุญธรรมที่กำลังแปลงร่างเป็นยักษ์หน้าดุก่อนจะพูดปลอบใจ “ข้าไม่เจ็บมากเหรอกท่านพ่อ” ถึงจะได้ยินแบบนั้นพ่อบ้านฟู่ก็ไม่ลดความเร็วลงเขาเดินผ่านเหล่าคนรับใช้ชายหญิงที่โค้งคำนับอย่างไม่สนใจดิ่งไปที่ เรือนใหญ่ของอ๋องเจ้า ใบหน้าทะมืนของพ่อบ้านฟู่กำลังทำให้เหล่าคนรับใช้หวาดกลัว
ภายในเรือนใหญ่ส่วนที่ที่นั่งรับแขกมีหญิงวัยกลางคนกำลังนั่งปักผ้าอยู่อย่างสงบและเรียบร้อย นางช่างงดงามเหมือนภาพวาดอย่างดีงดงามแบบหญิงวัยกลางคนไม่ใช่หญิงสาวแรกรุ่น ด้านข้างมีหญิงรับใช้สามสี่คนนั่งคอยปรนนิบัติบางก็กำลังปักผ้าด้วยเหมือนกัน
สวนโอ่อ่าและอากาศเย็นสบายของเรือนใหญ่ไม่ได้ทำให้อารมณ์ของพ่อบ้านฟู่เย็นลง “คารวะพระชายาอวี๋หลาน” พระชายาอวี๋หลานที่กำลังปักผ้าด้วยความสงบสะดุ้งสุดตัวเมื่ออยู่ดีดีพ่อบ้านฟู่ก็มาปรากฏตัวอยู่หน้าเรือนพร้อมด้วยเด็กหนึ่งคนในอ้อมแขน
พระชายาอวี๋หลานลูบอกเรียกขวัญตัวเองสองสามทีก่อนจะพูดออกมา “พ่อบ้านฟู่ข้าบอกว่าให้เรียกข้าว่าฮู่หยินเจ้าก็ไม่ฟัง” น้ำเสียงนิ่งและจังหวะการพูดที่ชวนให้ฟังแล้วสงบใจของพระชายาอวี๋หลานก็ไม่สามารถทำให้อารมณ์ของพ่อบ้านฟู่เย็นลง
“เรียนพระชายา ข้าอยากจะขอตัวเสี่ยวหลานซักครู่ใหญ่ๆท่านจะมีปัญหาอะไรไหม”
พระชายาอวี๋หลานถามกลับเสียงเย็นนางวางมือจากการปักผ้าเหล่าหญิงรับใช้ก็เช่นกัน “เจ้ากำลังข่มขู่ข้าพ่อบ้านฟู่”
พ่อบ้านฟู่เงียบ
พระชายาอวี๋หลานถอนหายใจในความดึงดันของพ่อบ้านฟู่ อันที่จริงนางไม่มีปัญหาที่ให้ตัวเสี่ยวหลานไปแค่ไม่ชอบใจที่พ่อบ้านฟู่มาพูดจาข่มขู่แบบนี้ หากเป็นท่านใหญ่ตระกูลใหญ่คนอื่นเขาคงถูกลงโทษไปนานแล้ว “เสี่ยวหลานเจ้าไปเถอะ แล้วนั้นพ่อบ้านฟู่ท่านนำใครมาด้วย”
“บุตรชายบุญธรรมของข้าเองพระชายา” คำตอบของพ่อบ้านฟู่เรียกให้พระชายาอวี๋หลานพินิจเด็กน้อยที่พ่อบ้านฟู่อุ้มเอาไว้อย่างถี่ถ้วน เสี่ยวหลานย่อกายคำนับพระชายาก่อนจะเดินไปหาพ่อบ้านฟู่ด้านนอก
“ท่านลุง มีอะไรหรือเจ้าค่ะ” เสี่ยวหลานในวัย 19 ถามลุงแท้ๆของตัวอย่างด้วยความสงสัย
“เจ้ามียาทาแก้ฝกช้ำอยู่หรือไม่” ฟู่หลงซินเข้าเรื่อง
เสี่ยวหลานนิ่งไปซักพักก่อนจะพยักหน้าออกมา “มีเจ้าค่ะ ทำไมหรือเจ้าค่ะ”
ฟางเซียนมองพ่อบุญธรรมกับหญิงสาวที่ดูดีสะอาดตาไม่สวยงามแต่ก็ชวนมองคุยกัน เธอกำลังนึกถึงพี่สาวอีกคนที่ท่านพ่อเคยพูดถึง “ท่านพ่อนี่คือพี่สาวที่ท่านบอกข้าอย่างนั้นหรือครับ”
เสี่ยวหลานแสดงสีหน้าแปลกใจออกมาเมื่อได้ยินฟางเซียนเรียกลุงของตนว่าพ่อ
ฟู่หลงซินได้ยินแบบนั้นจึงแนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน “อืม ฟางเซียนนี่ ฟู่เสี่ยวหลาน เสี่ยวหลานนี่ลูกชายบุญธรรมข้า ฟู่หลงฟางเซียน”
“ลูกชายหรือท่านลุงทำไมชื่อช่างไพเราะเหมือนของผู้หญิงยิ่ง” เสี่ยวหลานตั้งข้อสังเกต
ฟางเซียนยิ้ม “ชื่อท่านพี่ก็ไพเราะเช่นกันครับ” เธอรีบหยอดคำหวานก่อนเลย ใบหน้าของเสี่ยวหลานแลดูจะเก้อเขินเล็กน้อย
“เสี่ยวหลานพาฟางเซียนไปทายาได้ไหม”
“ทายาตรงไหนที่ช้ำอย่างนั้นหรือท่านลุง”
ฟู่หลงซินจัดการถลกแขนเสื้อของฟางเซียนขึ้นเสี่ยวหลานที่ได้เห็นใกล้ๆก็หวีดร้องออกมาเบาๆเพราะแขนของเด็กน้อยตอนนี้เขียวช้ำอย่างน่ากลัว เธกยกมือไปแตะเบาๆที่แขนฟางเซียนก่อนจะรีบเอาออกเพราะเสียงโอดโอยของฟางเซียน
“ท่าทางจะเจ็บมาก”
“ฝากดูเจ้านี่ทีเสี่ยวหลาน พาไปอาบน้ำอาบท่าหาอะไรกินด้วยข้าจะไปจัดการตัวการ” ฟู่หลงซินปล่อยฟางเซียนลงยืนก่อนจะเดินกลับไปทางเก่าเพื่อคิดบัญชีกับคนที่ทำให้ฟางเซียนเจ็บตัวแบบนี้
ฟางเซียนมองฟู่หลงซินที่เดินไปด้วยสายตาละห้อยก่อนจะตะโกนออกมา “ท่านพ่อหยิบกาน้ำชาบนโต๊ะมาให้ข้าด้วยได้ไหมครับ” ฟู่หลงซินไม่ได้ตอบรับกลับมาเพราะเดินไปไกลแล้ว
“เจ้าไปกับข้าก่อนแล้วกัน ถ้าจะทายา” เสี่ยวหลานพูดขึ้นก่อนจะนิ่งไปเมื่อนึกขึ้นได้ เธอเดินกลับไปหาพระชายาอวี๋หลานที่ลงมือปักผ้าอีกรอบ “พระชายาเพคะ”
“ฮู่หยิน”
“ฮู่หยินเจ้าค่ะ ข้าอยากจะขอนำเด็กคนนี้เข้าไปส่วนของคนรับใช้หลังเรือนใหญ่เจ้าค่ะ” นอกจากส่วนของคนรับใช้ที่รวมกันแล้ว เสี่ยวหลานกับคนรับใช้อีกสองคนเองก็พักอยู่บนเรือนใหญ่เพื่อดูแลพระชายาอวี๋หลานตลอดเวลา
พระชายาเหลือบมองฟางเซียนที่ยืนเก้ๆกังๆอยู่คนเดียว ก่อนจะพยักหน้า “เสร็จแล้วพาเด็กคนนี้มาหาข้าด้วย”
“เจ้าค่ะ” เมื่อได้รับอนุญาตเสี่ยวหลานก็จัดการไปพาตัวฟางเซียนเดินเข้าไปในเรือนใหญ่เพื่ออาบน้ำและทายา
ตอนนี้ก็ช่วงสายๆของวันแล้ว พระชายาอวี๋หลานเงยหน้ามองแสงแดดด้านนอกก่อนจะหันกลับมาสนใจการปักผ้าต่อให้เสร็จ นางตั้งใจจะปักให้อ๋องเจ้าผู้เป็นสามีที่รักยิ่ง
เวลาผ่านไปซักพักเล็กๆ ร่างสูงโปร่งของเจ้าเฟยหรงก็กำลังเดินเข้ามายังเรือนใหญ่แห่งนี้ วันนี้เขาสวมชุดลำลองสองชั้นทำจากผ้าเนื้อดีสีฟ้าอ่อนขับให้ผิวขาวๆของเขายิ่งดูขาวมากขึ้นไปอีก ใบหน้างามพร้อมสายตามุ่งมั่นของเฟยหรงจับจ้องมาที่มารดาของตนด้วยความเคารพรัก เขาปล่อยผมสีดำสนิทที่ยาวไปถึงกลางหลังให้สยายล้อมรอบใบหน้า
“เฟยหรง” พระชายาอวี๋หลานยิ้มแก้มปริวางมือจากฝีมือที่กำลังทำ นางลุกขึ้นยืนแล้วรีบเดินไปหาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่กำลังเดินมา “ลมอะไรหอบเจ้ามาหาแม่ได้”
“ท่านแม่พูดเหมือนข้าเป็นลูกอกตัญญูละเลยมารดาไปได้” เฟยหรงประคองมารดาที่เดินมารับตนอย่างทะนุถนอมให้ไปนั่งด้านในด้วยกัน
พระชายาอวี๋หลานหัวเราะเบาๆเมื่อได้ยิน สองแม่ลูกต่างก็พากันคุยเรื่องสัพเพแหระทั่วไปเหล่าหญิงรับใช้ของพระชายาต่างก็นั่งนิ่งรออย่างเรียบร้อย สายตาของพวกนางเองก็อดที่จะเหลือบมองคุณชายเจ้าไม่ได้
ฟางเซียนกำลังยืน ใบ้กินอยู่หน้าอ่างอาบน้ำใบใหญ่ที่พอเธอลงไปปุ๊ป ระดับน้ำมิดจมูกแน่นอน พี่เสี่ยวหลานยืนยันจะอาบน้ำให้เธอเพราะเห็นว่าแขนช้ำไปเป็นแถบ ถึงจะยืนยันว่าอาบเองได้พี่เสี่ยวหลานก็ยังดึงดันจะอาบให้ด้วยน้ำเสียงและท่าทีใจเย็น งานนี้ต้องงัดไม้ตาย
“พี่เสี่ยวหลาน ข้าขออาบเองได้ไหม ข้าไม่สะดวกใจมากๆที่จะให้ท่านอาบน้ำให้ข้า ที่บ้านข้าเขาถือเรื่องนี้มากร่างกายของข้าจะให้ภรรยาข้าเห็นได้คนเดียวเท่านั้น” ฟางเซียนที่ทนไม่ได้ที่จะต้องถูกคนอื่นอาบน้ำให้ก็จัดการใช้มุกนี้โกหกไปอย่างเนียนๆ
“ทำไมข้าไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้ เจ้ามาจากที่ไหนฟางเซียน”
“หุบเขาอาถรรพ์พี่เสี่ยวหลาน ให้ข้าอาบเองเถอะนะขอรับ หรือพี่เสี่ยวหลานอยากจะเป็นภรรยาข้า”
เสี่ยวหลานจัดการเขกกบาลฟางเซียนไปอย่างหมันเขี้ยว “ตัวก็เล็กแค่นี้เจ้าอายุกี่ขวบกัน ดูพูดจาเข้า”
ฟางเซียนส่งเสียงโอดโอยอย่างสำออย ก่อนจะทำหน้าละห้อยขอความเห็นใจ “น๊า”
เสี่ยวหลานเห็นแบบนั้นก็อดใจอ่อนไม่ได้ “ก็ได้ ถ้าเจ็บมากก็เรียกข้า” ที่นางตั้งใจจะอาบให้ก็เพราะเห็นห่วง
“ค่า เอ้ย ขอรับคุณพี่สุดสวย” ฟางเซียนตอบรับ เธอยืนมองเสี่ยวหลานเดินออกไปจากห้องอาบน้ำเล็กๆห้องนี้ที่มีอ่างน้ำขนาดใหญ่กว่าตัวเธอ เมื่อเสี่ยวหลานออกไปเสร็จฟางเซียนก็เดินไปสำรวจทุกซอกทุกมุมให้ปลอดภัยดีพอดีจะอาบน้ำได้ ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สวมอยู่ให้กลายเป็นผ้าผู้ผมแล้วจัดการผูกผ้าเข้าคาดศีรษะไม่ให้เส้นผมปรกหน้าปรกตา เธอชะโงกตัวไปในอ่างแล้วพละออกมาหาเก้าอี้ตัวเล็กๆเพื่อปีนเข้าไป
เสียงกระแทกของวัตถุกับน้ำบ่งบอกว่าร่างเล็กของฟางเซียนหล่นลงไปในอ่างเรียบร้อยแล้ว เธอยืนเขย่งเพื่อให้จมูกปากพ้นเหนือน้ำก่อนจะใช้มือข้างที่ไม่ได้โดนฉุดถูตัวให้สะอาด น้ำอุ่นๆทำให้เธอผ่อนคลายจนอยากจะแช่นานนาน แต่พี่เสี่ยวหลานรออยู่ เธอมุดหน้าลงไปในน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา
ครั้งพอจะออกจากอ่างปัญหาก็เกิด... จะออกยังไงวะ ??? ทีตอนเข้ามาเข้าได้ที่ตอนจะออกดันลืมคิดหาวิธีไป ทำไงดี ฟางเซียนที่แช่น้ำอยู่ในอ่านหมุนตัวไปมาหาตัวช่วยอยู่นาน
ผ้าที่ผูกผมนี่ไงหละได้การละ ฟางเซียนผ่อนคลายอารมณ์ว้าวุ่นก่อนจะกำหนดจิตให้ผ้าสีดำปักลายมังกรกลายเป็นกองผ้าสีดำขนาดย่อมๆพอให้เธอปีนออกมาจากอ่างอาบน้ำได้
ซ่า... เสียงล้นของน้ำดังขึ้นเมื่อฟางเซียนพาตัวเองมาพาดเหนือขอบอ่านได้สำเร็จแต่ขอบอกเลยภาพนี้ไม่ได้น่าดูซักนิด ‘ฉันอยากจะร้องไห้จริงๆ’ ทันทีที่ปลายเท้าพ้นจากกองผ้าผ้าเหล่านั้นที่กองอยู่ใต้อ่างก็สลายหายกลับเป็นผ้าผูกผมเหมือนเดิม งานนี้เรียกได้ว่าต้องกระโดดลงแล้ว ฟางเซียนไถลตัวลงมาก่อนจะร่วงดังแอ๊ค
“ฟางเซียนเจ้าเป็นอะไรรึเปล่าข้าจะเข้าไปแล้วนะ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นฟางเซียนก็ไม่มีเวลาโอดโอยให้เสียเรื่อง “อ่า..แป๊ปนะพี่.. ไม่มีอะไรจะออกไปเดี๋ยวนี้ละครับ” เธอดีดตัวขึ้น โขยกแขยกไปคว้าผ้าที่เสี่ยวหลานให้มาคลุมตัวทันเวลาที่เสี่ยวหลานที่เปิดประตูเข้ามาพอดี
“มา มาแต่งตัวกันดีกว่า” เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยเสี่ยวหลานก็พาฟางเซียนออกมาแต่งตัว เธอไปเอาชุดของเด็กชายมาจากฟู่หลงซินที่เดินกลับมาพอดี เสี่ยวหลานช่วงฟางเซียนพลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เด็กน้อยยืนยันจะใส่เองก่อนเมื่อเสร็จก็ให้เสี่ยวหลานตรวจความเรียบร้อย เสี่ยวหลานแก้วิธีการผูกผ้าคาดเอวให้ฟางเซียนที่ผูกได้หมิ่นเหม่ชวนให้หลุดก่อนจะใช้ผ้าแห้งมาเช็ดผมให้ ชุดเด็กชายสีอ่อนทำให้ผิวพรรณของฟางเซียนดูเด่นขึ้นมา ดีที่ชุดนี้เป็นชุดแขนยาวมันจึงปกปิดรอยช้ำไว้ได้ ฟางเซียนจัดการเปลี่ยนผ้าปักลายมังกรเป็นผ้าพันอยู่ที่แขนข้างที่ไม่เจ็บใต้แขนเสื้อ
กลิ่นหอมเจือจางลอยมาติดจมูกฟางเซียน “พี่เสี่ยวหลานท่านใช้เครื่องหอมหรือ”
“เจ้ารู้” เสี่ยวหลานที่พึ่งเริ่มใช้เครื่องหอมบ้างตกใจระคนเขินอาย
“ถึงจะจางมาก แต่ข้าว่าข้ารู้นะ ท่านจะอายทำไม”
เสี่ยวหลานมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยแต่ก็เล่าออกมา “พอดีชายที่ข้าชอบเขาชอบหญิงสาวงดงามที่มีกลิ่นกายหอม แต่ข้าไม่เคยใช้เครื่องหอมมาก่อนเลย เลยรู้สึกเขินอายเล็กน้อยหากจะใช้กลัวเขาดูออก”
“ใครเหรอ??” สกิลความเผือกกำลังทำงาน
เสี่ยวหลานหน้าแดงก่ำ “เจ้ายังเด็กจะรู้ไปทำไมกัน”
“น่าน่า ถ้าข้ารู้ ข้าอาจจะช่วยได้นะ โอ๊ยเบามือหน่อย” เสี่ยวหลานที่ได้ยินก็หมันเขี้ยวฟางเซียนเต็มกำลังจึงเช็ดหัวเด็กน้อยแรงจนหัวโยน “ฮ่ะๆๆ ใครกันพี่เสี่ยวหลาน”
เสี่ยวหลานทั้งเขินและอายจึงได้แต่บ่นแก้เก้อ “เจ้าเด็กแก่แดด”
“คอ ข้า จะ หลุด แหล่ว” ฟางเซียนร้องบอก
เสี่ยวหลานรู้สึกตัวก่อนจะขอโทษขอโพย “ขอโทษนะ ฟางเซียน เจ้าไม่น่าล้อข้าเลย”
“คราบๆ ไม่ล้อก็ได้คราบ อยากปรึกษาก็บอกข้านะครับผม”
เสี่ยวหลานยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะเดินไปหยิบหวีมาหวีผมให้ฟางเซียนอย่างเบามือ ฟางเซียนที่ถูกจับอาบน้ำและสวมชุดใหม่จนตอนนี้เธอดูเหมือนเด็กชายทั่วไปติดแต่ดวงตาจะกลมโตมากไปหน่อยผิวพรรณเนียนละเอียดขาวอมชมพูอ่อนๆ ริมฝีปากหนาสีชมพูระเรื่อขยับไปมาไม่หยุด จมูกโตของฟางเซียนในตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นเครื่องหน้าชิ้นเดียวที่ทำให้เธอไม่ได้ดูน่ารักหมดจดแต่เธอก็ไม่สนใจ ผมสีดำสั้นของฟางเซียนถูกเลยไปด้านหลังจนหมดให้รูปลักษณ์เหมือนเด็กน้อยที่ถูกจับแต่งเป็นมาเฟียแต่ใส่ชุดเหมือนจอมยุทธ
โคตรหล่อ ชมตัวเองแป๊ป ฟางเซียนหมุนตัวไปมาอยู่หน้ากระจกบานเล็กที่เสี่ยวหลานพาไปให้ส่อง เหมือนพวกเด็กที่ขึ้นตามปกนิตยาสารเลยอะ หล่อน่ารักอะหือ โตไปสวยแน่นอนฟันธง
“พี่เสี่ยวหลานข้าหล่อไหม” ฟางเซียนถามเพิ่มความมั่นใจ
“มาทายาก่อน เจ้าเด็กแก่แดด” เสี่ยวหลานตัดบท
ฟางเซียนหน้ายู่ลงก่อนจะเดินมาให้เสี่ยวหลานทายาแต่โดยดี เด็กน้อยปีนขึ้นไปนั่งบนเตียง ห้องนี้เป็นห้องของพี่เสี่ยวหลานที่ดูจะมีเครื่องเรือนมากกว่าของท่านพ่อและดูอบอุ่นกว่า เสี่ยวหลานจัดการหยิบตลับขี้ผึ้งขึ้นมาฟางเซียนก็ถลกแขนเสื้ออย่างรู้งาน ก่อนเสี่ยวหลานจะป้ายขี้ผึ้งลงไปอย่างเบามือ แม้จะรู้สึกปวดแต่คราวนี้ฟางเซียนก็ไม่ได้โอดโอยอะไรให้มากความ เธอกัดฟันทน ดูเหมือนรอยเขียวจะน่ากลัวขึ้นจากการหล่นของเธอในห้องอาบน้ำเมื่อกี้
“เสร็จแล้ว ฟางเซียนเจ้าต้องมาให้ข้าทายาบ่อยๆจนกว่าจะหายนะเข้าใจไหม” เสี่ยวหลานย้ำเพราะดูท่าทางลุงของเธอจะห่วงฟางเซียนมาก
“วางใจได้เลยข้าจะมาให้พี่เสี่ยวหลานเห็นหน้าทุกวันเลย” ฟางเซียนส่งยิ้มให้ก่อนจะลงจากเตียงมายืนรอเสี่ยวหลานเก็บของ
เสี่ยวหลานเดินกลับมาหลังจากเก็บของพร้อมกาน้ำชาใบหนึ่ง “เอานี้ของเจ้าท่านลุงเอามาให้”
ฟางเซียนรีบรับกาน้ำชามาเปิดดู “หนอนน้อยย ข้าลืมเจ้าไปเลย พี่เสี่ยวหลานท่านเห็นตะกร้าที่มีดอกเก็กฮวยเยอะๆไหม”
เสี่ยวหลานคิดอยู่ซักพักก็นึกได้ “ที่ห้องเครื่อง”
“อ๋า ข้าต้องรีบไปเอาก่อนจะโดนแย่งไป” ฟางเซียนตั้งท่าจะวิ่งออกไป เสี่ยวหลานจึงคว้าแขนเอาข้างที่กำลังระบบอย่างที่สุด “โอ๊ยยย”
“ขอโทษเจ้า” เสี่ยวหลานรีบปล่อยมือออก “ค่อยๆเดินเถอะ เดี๋ยวข้าจะพาไป”
ทั้งสองเดินออกมาจากห้องพักของเสี่ยวหลานในเรือนใหญ่ฟางเซียนหอบกาน้ำชาออกมาด้วย
“ไปเข้าเฝ้าพระชายาก่อนนะฟางเซียน” เสี่ยวหลานบอกฟางเซียนที่กำลังเงยหน้ามองซ้ายมองขวาชมความงดงามของเรือนใหญ่แห่งนี้
ทั้งสองเดินออกไปยังส่วนรับรองที่พระชายาอวี๋หลานกำลังคุยอยู่กับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างเฟยหรง ทันทีที่เห็นร่างของเฟยหรงร่างเล็กก็หยุดเดินฉับพลัน ดวงตาของเธอนิ่งสนิทดูไร้อารมณ์ขึ้นมาทันที ‘เจอกันครั้งแรกก็มีเรื่อง รอบนี้ควรจะเจอดีไหมเนี๊ย’ แต่เสี่ยวหลานที่เดินนำก็ไม่ได้หยุดตาม
“อ้าว เสี่ยวหลาน เจ้ามาก็ดีแล้วช่วยไปเอาชุดที่ข้าเคยซื้อมาไว้ให้เฟยหรงมาให้ข้าที” ทันทีที่พระชายาอวี๋หลานเห็นเสี่ยวหลานก็มีเรื่องจะใช้งานทันที
“เพคะ” เสี่ยวหลานผละออกไปแล้วทิ้งสายตาลุแก่โทษให้แก่ฟางเซียนที่ถูกทิ้งเคว้ง ไม่รู้เพราะว่าเธอตัวเล็ก หรือว่าไม่มีใครสนใจจะมองเธอเลยไม่ได้รับการสนใจ ซึ่งมันก็ดี เธอมองหาทางออกทางอื่นนอกจากทางที่เฟยหรงกำลังนั่งอยู่ และมันไม่มี ฟางเซียนไม่กล้าขยับไปไหนท่านพ่อของเธอก็ไม่อยู่
........ สองแม่ลูกยังคงสนทนาอย่างมีความสุข
.... พวกเขายังคงมีความสุข เสี่ยวหลานกลับมาซักทีเถอะข้าขอร้องงง
.. เอาไงเอากัน
ฟางเซียนที่ทนยืนนิ่งไม่ไหวอีกแล้ว เธอก้าวขาจะเดินถอยหลังกลับไปตั้งหลักก่อน
“ฟางเซียน” น้ำเสียงที่คุ้นเคยได้ยินทีไรมีเรื่องทุกที
“...” ทุกคนหยุดการพูดคุย
“ฟู่หลง ฟางเซียน”
“...” ทุกคนมองหน้ากันไปมายกเว้นเฟยหรง
“เจ้าจะเดินมาดีดี หรือให้ข้าลากมา”
ฟางเซียนเบะปากลง “เฮอะ ข้าเป็นคนนะไม่ใช่กระสอบเอะอะก็แบกเอะอะก็ลาก ประทานโทษเถอะคุณชายย อุ๊ย!” ฟางเซียนหยุดบ่นเมื่อเห็นสายตาเขียวปัดของพระชายาที่มองมาอย่างดุดัน อะไรฟร่ะ!
“เฟยหรง เจ้ารู้จักเด็กคนนี้ได้อย่างไร แล้วเจ้า กิริยามรรยาทใช้ไม่ได้เป็นเด็กเป็นเล็กทำไมไม่หัดเชื่อฟังผู้ใหญ่เป็นคนใช้ก็ต้องเชื่อฟังเจ้านาย” น้ำเสียงของพระชายาดุฟางเซียนอย่างชัดเจน
ทำไมต้องโดนดุด้วยอะ เห็นไหมบอกแล้วเจอกันทีไรมีเรื่องทุกที เฟยหรง ฉันจะแบนนายเอาไว้เลย “ขอรับ” เธอตอบเสียงอ่อยแต่ก็ไม่เดินเข้าไป ตอนนี้สายตาทุกคู่มองมาที่เธอยกเว้นเฟยหรงที่หันหลังให้
“เดินมานี่” เฟยหรงสั่งโดยที่ไม่หันมามอง
ฟางเซียนจำใจเดินไปอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเดินไปด้านหน้าพระชายา คุณชายเจ้า เธอก็จัดการค่อยๆย่อตัวลงนั่งท่าเทพธิดาโดยไม่ใช้แขนข้างที่เจ็บช่วยแล้ววางกาน้ำชาไว้บนตัก
ฟางเซียนจิกตาไปมองเฟยหรงก่อนจะต้องรีบหันกลับมา นี่จะยิ้มทำไมเห้ย มีความสุขที่ได้รังแกเด็กหรือไง เธอเลือกที่จะมองไปยังพระชายายังจะดีกว่าเฟยหรงซะอีก
“ฟู่หลงฟางเซียน ลูกของพ่อบ้านฟู่ขอรับท่านแม่ เด็กคนนี้ต่อเป็นจะเป็นคนใช้ข้างตัวลูก”
ไอคนแบบนายนี่มันอารัยยยยยยยยยยยยกัน!!!
ฟางเซียนตาโตอ้าปากค้าง เฟยหรงที่มองอยู่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขและสะใจที่ได้เอาคืนบ้าง
“ปฏิเส..”
ยังไม่ทันที่จะได้พูดจบเจ้าเฟยหรงก็แทรก “เจ้าไม่มีสิทธิ์”
ซึ้งค่ะซึ้ง ซึ้งสุดใจเลย ขอใช้แฮชแทค #ซ๊อคกว่านี่มีอีกไหม
“แล้วต่อไปนี่เจ้าต้องไปพักที่เรือนข้า” เฟยหรงพูดเนิบนาบอย่างนุ่มนวลจนฟางเซียนตัวสั่น
นั้นพี่ท่านจัดมาให้ด้วย ท่านพ่อเจ้าขารีบมาช่วยก่อนที่ลูกพ่อจะได้เตะปากคน
“เห็นทีข้าจะยอมให้ลูกชายข้าไปอยู่กับท่านไม่ได้คุณชาย” ฟู่หลงซินที่เดินเข้ามาพูดขึ้นอย่างนิ่มนวล พระชายาอวี๋หลานที่ไม่เห็นด้วยก็รีบสมทบ
“เจ้าอย่าแยกเด็กคนนี้ออกจากพ่อบ้านฟู่เลยเฟยหรง เจ้าเองก็มีคนรับใกล้ชิดแล้วยังจะอยากได้เพิ่มอีกหรือ”
ขอบพระคุณท่านพ่อและคุณหญิงป้ามากครับผม ฟางเซียนยิ้มออกมาอย่างยินดี
เจ้าเฟยหรงนั่งหลับตานิ่งก่อนจะพูดออกมาอย่างแน่วแน่ “ข้าตัดสินใจแล้วข้าจะให้เขามารับใช้ข้า แต่ ข้าจะปล่อยให้เขาอยู่กับพ่อบ้านฟู่เหมือนเดิม”
“ขอบคุณคุณชายเจ้า”พ่อบ้านฟู่ถอนหายใจอย่างน้อยฟางเซียนก็ยังอยู่กับเขา
“พระชายาเพคะ เสี่ยวหลานได้ชุดมาแล้วเพคะ” เสี่ยวหลานที่หายไปนานกลับมาพร้อมห่อผ้าขนาดใหญ่ในมือ
ขอให้ข้าได้ใช้ชีวิตแบบเด็กแปดขวบเถอะ ฟางเซียนกรีดร้องในใจ
สองแม่แม่ลูกก็กลับไปสนทนากันอย่างเปี่ยมสุข ก่อนพระชายาจะหันมาไล่ฟางเซียนออกไปหาพ่อบ้านฟู่ที่มายืนกดดัน
ฟางเซียนรีบคำนับแล้ววิ่งออกไปกอดที่พึ่งเดียวที่เธอมีพร้อมกาน้ำชา
เฟยหรงที่ลอบมองยิ้มบางอย่างมีแผนการ ‘สวมเสื้อผ้าทำผมแบบนี้ค่อยดูเหมือนเด็กผู้ชายขึ้นมาหน่อย น่ารักดี’ ความคิดสุดท้ายที่แล่นเข้ามาทำเอาลมหายใจสะดุดก่อนจะหันกลับมาสนใจในสิ่งที่มารดาเตรียมไว้ แต่เสียงเจื้อยแจ้วของฟางเซียนที่ดังเข้ามาแม้ว่าจะโดนฟู่หลงซินอุ้มออกไปแล้วทำให้เขาต้องหันกลับไปมองอีกรอบ ภาพที่ฟางเซียนถูกฟู่หลงซินหอมแก้มแล้วเด็กน้อยหัวเราะร่ามันทำให้เขาปวดหนึบในใจและเมื่อแขนเสื้อข้างหนึ่งของฟางเซียนร่นลงมาจากการยกแขนขึ้น รอยช้ำเขียวน่ากลัวก็ปรากฏให้เห็น
“เฟยหรง เฟยหรงลูก” พระชายาอวี๋หลานเรียกลูกชายที่กำลังมองออกไปข้างนอกอย่างลังเล เพราะตอนนี้ใบหน้าของเฟยหรงนั้นมองดูน่ากลัว สาวใช้หลายคนก็มีท่าทีอึดอัดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
___________________________________________________________________________________________________________
ยังไม่ได้ edit แต่อย่างใดนะคะ
มาตอบคอมเม้นกันเถอะ เย้ >_<
>>>> ขอบคุณมากเลยค่า เฟยหรงรักเหมยฮว่ารึเปล่าต้องมาหาคำตอบไปพร้อมกันค่ะ ส่วนความรักระหว่างเฟยหรงกับฟางเซียนเนี๊ยย พูดยากจริงๆคะ ดูจากตอนแรกที่เจอกันแล้วมีแต่เรื่องฮ่ะๆๆ
น่าสงสารเฟยหลงกับจิ้นเค่อ
สุ้ๆน่ะค่ะ
>>>> จิ้นเค่อพยามเมพแต่เมพไม่ขึ้น 5555
>>>> ยินดีมากเลยคะ :))))
>>>> ตอนนี้ฟางเซียนตัวเล็กกว่านะค่ะกินได้ เกี่ยวไหมไม่รู้ 5555
>>>> มามาหายๆตามช่วงว่างงาน (ส่วนใหญ่ไม่ว่างแต่อยากมาปั่นแง) ยังไงก็ช่วยติดตามด้วยนะคะ
>>>> ข่มไม่อยู่เลยจริงๆ กับฟางเซียน นี่เฟยหรงยังไม่เอาจริงนะคะเห็นว่ายังเป็นเด็ก ต้องครอบสปอย์ไหมเนี๊ย 5555
>>>> ไปลี่ถูซู นักแสดงชื่อว่า หลีอี้เฟิงคร่า !! ไรท์ตอบถูกเรื่องใช่ไหม แนะนำให้ไปติดตามค่ะมีแฟนเฟจ (ไม่ได้ค่านายหน้านะจุฟๆ)
อยากจิบอกด้วยความฟินว่า ศิษย์พี่ศิษย์น้องและท่านอาจารย์มีละครร่วมกันอีกแร้นนนนน!!!
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ <3
>>>> สนใจที่อยู่ท่านเทพสายลมไหมคะ 55555
>>>> ขอบคุณค่า ระดับรัชทายาทและผองเพื่อนแล้วต้องคัดหน้าตาค่ะ #ผิด
>>>> ฮ่าาาา มาตามพี่หญิงกลับบ้านได้เพื่อนใหม่แทนเลย หลิงหลิง เป็นแค่ท่านหญิงนะค่ะ
>>>> เป็นคำชมที่ยินดีรับไว้อย่างยิ่งเลยคะ :D
ดูจะเข่ากับฟางเซียนได้ดี
>>>> ไรท์ก็ว่าอย่างนั้นค่ะ
_______________________________________________________________________________
แปะรูปใครดีหนอ
เอาเป็นเสี่ยวหลานแล้วกันเน้อ
>>>> เรื่องแผนการนี่มันต้องมีบ้างคะ แต่ไรท์เองก็ไม่ได้คิดไว้ขนาดลึกลับซับซ้อน หรือมันซับซ้อน? ส่วนตัวร้ายชนะนี่บอกตามตรงไรท์ก็ไม่ค่อยอินนะคะ 555 ชอบแบบต่างคนต่างมีเหตุผลของตัวเองมากกว่า ส่วนดราม่านี่คิดว่าตัวเองไม่ถนัดอาจจะมีไม่เยอะคะ แต่ถ้าถนัดเมื่อไหร่อาจจะมีหนักๆมาให้ชมกันก็ได้นะคะ (เรื่องนี้เป็นเรื่องย๊าวยาวเรื่องแรกเรียกได้ว่าพยามพัฒนาไปพร้อมคอมเม้นที่มีให้กันเลยทีเดียว)