คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ ๘ วันรวมตัวของพรรคพวกองค์ชายอวิ๋นหลง
บรรยากาศข้างบนในยามเย็นย่ำค่ำนี่มันดีจริงๆ ดีจนอยากจะกรีดร้องออกมาอีกซักสองสามยก เสียดายที่ว่าตอนนี้เหนื่อยและหิวมาก
ฟางเซียนไม่รู้ว่าจะสาธยายเหตุการณ์ตอนนี้อย่างไร หลังจากถูกแบกพาดบ่าขออนุญาตไม่ใช่คำว่าอุ้มเพราะผู้กระทำไม่ได้มีความอ่อนโยนใดใดให้กับผู้ถูกกระทำที่อายุน้อยกว่าตัวเองเกือบครึ่งแต่อย่างใด หลังจากถูกแบกมาเธอก็โวยวายจนเหนื่อย ตอนนี้ก็ได้แต่มองภาพแสงไฟจากบ้านช่องและตามถนนจากที่สูงเพราะผู้แบกกำลังใช้วิชาตัวเบากระโดดข้ามบ้านแต่ละหลังอย่างรวดเร็ว ตอนนี้แสงอาทิตย์หมดไปแล้วอากาศก็เริ่มเย็นลง
ถ้าจะถามรู้สึกดีไหมที่ถูกชายหนุ่มผู้งดงามและหล่อเหล่าแบกขึ้นบ่า ตอนนี้เธอขอตอบว่าไม่
“คุณชายเจ้า ข้าหิว” ฟางเซียนส่งเสียงขอความเห็นใจครั้งแรก
“คุณชายเจ้า ข้าเมื่อย” ส่งเสียงขอความเห็นใจครั้งที่สองคุณชายเจ้าก็ยังเงียบ
ฟางเซียนกรอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย ตอนนี้เธอชักจะพะอึดพะอมแล้วสิ “ข้าอยากอ้วก”
ไหล่ของเจ้าเฟยหรงเกร็งขึ้นเมื่อได้ยิน “อดทนไว้เลย ข้าจะวางเจ้าลงเดี๋ยวนี้” ดูเหมือนเขาจะกลัวว่าคนบนบ่าจะอ้วกใส่เขา
“อ๊อค สบายใจได้คุณชายข้าไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่ตื่น อุ๊บ! ถ้าอ้วกออกมาคงมีแต่น้ำย่อย”ฟางเซียนเพียรพยามอธิบายให้ผู้แบกตนอยู่สบายใจ
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้”เจ้าเฟยหรงดุเสียงเข้ม
“ได้ๆๆ อ๊อค!!” เจ้าเฟยหรงเพิ่มแรงแขนที่ล๊อคฟางเซียนไว้บนบ่า “จะอ้ว..”
“หยุดพูดไม่งั้นข้าจะโยนเจ้าลงไป” คราวนี้เจ้าเฟยหรงคลายแรงลงทำให้ร่างที่เคยถูกแบกอย่างมั่นคงเริ่มหมื่นเหม่
มือเล็กๆรีบหาที่เกาะให้ตัวเองเส้นผมนั้นแหละดี เธอคว้าหมับเข้าที่เส้นผมสีดำสนิทที่รวบเป็นหางม้า
เจ้าเฟยหรงที่ถูกดึงผมโอดโอย “โอ๊ยเจ้า ดึงผมข้า..ปล่อย”
“...” ฟางเซียนที่ถูกสั่งห้ามพูดไม่ปล่อยมือแถมยังมัดเส้นผมกับมือตัวเองให้เน้นหนา ‘จะโยนฉันลงกลางทางงั้นเหรอ หึ เตรียมตัวผมร่วงได้เลย’
เจ้าเฟยหรงกระชับสิ่งที่อยู่บนบ่าให้แน่นเหมือนเดิม ฟางเซียนเลยปล่อยผมของเขาให้เป็นอิสระจากมือของเธอ
‘ธรรมดาก็ดูหงอยเหมือนจะเชื่อฟังดี แต่พอหงุดหงิดก็โหดขึ้นมาเลย’ นี่คือสิ่งที่เจ้าเฟยหรงคิดกับฟางเซียน
ฟางเซียนที่อยู่บนบ่ายิ้มอย่างมีชัยก่อนจะเบ้หน้าเพราะความพะอืดพะอมที่มาจุกอยู่แถวคอ เจ้าเฟยหรงที่ได้ยินเสียงคล้ายจะอ้วกแต่ก็กลั้นอันไว้ของฟางเซียนก็รีบก้าวกระโดดจากหลังคาลงสู่พื้นดินแล้วรีบปล่อยเด็กน้อยลงจากบ่า
เสียงวี้ดว้ายของหญิงสาวดังขึ้นจากรอบๆ ก่อนจะตามด้วยเสียงอ้วกของฟางเซียนจากข้างพุ่มไม้ เจ้าเฟยหรงสะบัดเสื้อผ้าให้เข้าที่อย่างโล่งใจที่ตัดสินใจลงพื้นทันก่อนฟางเซียนจะอ้วกใส่เขา แสงจากดวงจันทร์และโคมไฟที่ปักอยู่เป็นระยะรอบๆทำให้เขามองพื้นที่รอบตัว
หลังจากที่อ้วกน้ำย่อยออกมาความพะอืดพะอมก็หายไป ฟางเซียนก็ร้องขอน้ำด้วยน้ำเสียงแหบแห้งจากอาการแสบคอ “ขอน้ำหน่อย”
“เจ้าคนนั้น นำน้ำที่อยู่ในมือมานี่ซิ”เจ้าเฟยหรงสั่งหญิงสาวคนหนึ่งในขบวนที่กำลังเดินอยู่ในระเบียงทางเดินที่ทำมาจากไม้ขัดเงาอย่างดีที่ประดับประดาไปด้วยไม้ดอกให้งดงามและสดชื่น
เมื่อได้ยินดังนั้นขบวนของหญิงสาวที่กำลังถืออ่างล้างหน้าและคนโทใส่น้ำพร้อมผ้าเอาไว้สำหรับซับน้ำก็ต้องเดินออกมาตามคำสั่งพร้อมโคมไฟนำทาง พวกนางรู้ดีคนที่กำลังสั่งนั้นเป็นลูกหลานใคร
ฟางเซียนเดินโซเซออกมาจากกองพุ่มไม้ที่ตัวเองไปอ้วกใส่แล้วเดินไปหาเจ้าเฟยหรงที่กำลังยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางสวนพุ่มไม้และดอกไม้ที่ถูกจัดอย่างดี บรรยากาศร่มรื้นท่ามกลางแสงจันทร์ของสวนแห่งนี้เริ่มทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น เธอชักรู้สึกผิดต่อต้นไม้ที่ไปอ้วกใส่แล้วสิ
เจ้าเฟยหรงใช้หางตามองเด็กที่ตัวเองแบกมาจากหน้าบ้านอย่างครุ่นคิด เมื่อเห็นคนที่กำลังมองเดินมาอยู่ข้างๆตัวเองเขาก็ละสายตาไปมองยังขบวนหญิงสาวที่กำลังเดินเข้ามาหา
เมื่อจะใช้ชายแขนเสื้อมาเช็ดปากตามนิสัย สีดำของเสื้อผ้าที่สะท้อนกับแสงจันทร์และแสงจากโคมไฟก็ทำให้ฟางเซียนตระหนักได้ถึงใครบางคนและความสำคัญของสิ่งที่ตัวเองสวมจนต้องลดแขนลงไป นัยน์ตากลมคู่สวยก็หม่นหมองลงเพราะความหนักใจและนึกถึงใครบางคน ‘ฉันจะหาหงหยูวเจอได้ที่ไหน ขนาดพ่อบุญธรรมยังไม่เชื่อเรื่องมังกรดำเลย’
“คารวะคุณชายเจ้า” เสียงประสานกันอย่างพร้อมเพรียงและฟังดูหวานหูดึงสติของฟางเซียนออกจากความคิดของตัวเอง
หญิงสาวหน้าตาสวยสดงดงามในเสื้อผ้าแบบเดียวกันสีหวานใบหน้าประดับประดาด้วยเครื่องสำอางอย่างดียิ่งทำให้พวกนางดูสวยมากขึ้นไปอีก ทรงผมก็มัดเป็นมวยประดับด้วยปิ่นแบบเดียวกัน ทำให้ดูแล้วทุกคนดูจะเหมือนกันไปหมด พวกนางยืนเรียงแถวย่อตัวคำนับคุณชายเจ้าอย่างชดช้อยและงดงาม สายตาของทุกนางมองเจ้าเฟยหรงอย่างชื่นชมจนปิดไม่มิด
“พวกท่านสวยจังเลย” ฟางเซียนมองและพูดอย่างชื่นชมเรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากกลุ่มหญิงสาวผู้งดงามได้ เธอมองกลุ่มหญิงสาวสลับกับคุณชายเจ้าและบรรยากาศรอบๆแล้ววกมามองตัวเอง “ส่วนข้านี่ตัวประหลาดชัดๆ”
“เอาน้ำในคนโทที่พวกเจ้าถือมาให้เด็กคนนี้ล้างปากที” คำสั่งของคุณชายเจ้าทำให้เหล่าสาวสวยแสดงสีหน้ากังวลใจ
“เจ้าคะ” แต่กระนั้นพวกนางก็ตกลงแล้วเดินยกคนโทมาใกล้ๆฟางเซียนให้เธอได้รองน้ำล้างปาก
ฟางเซียนมองใบหน้าที่แสดงความกังวลของหญิงสาวที่ยกคนโทเข้ามาใกล้อย่างรู้สึกลำบากใจ “นิดหน่อยก็พอนะพี่สาว ข้าเกรงใจท่านเหลือเกิน” เธอรองน้ำที่รินลงมาพอแค่เต็มฝ่ามือแล้วจัดการล้างปาก ก่อนจะรองน้ำอีกหนึ่งฝ่ามือแล้วจัดการกรอกใส่ปากกรั้วแล้ววิ่งไปบ้วนทิ้งริมพุ่มไม้ ก่อนจะกลับมายิ้มแป้นแล้นขอบคุณ “ขอบคุณท่านมากพี่สาวสุดสวย”
เจ้าเฟยหรงที่มองอยู่ก็ให้ความสนใจในตัวฟางเซียนมากขึ้น นอกจากจะโหดเวลาหงุดหงิดแล้ว ยังชอบประจบ
“พวกเจ้าเป็นนางกำนัลตำหนักไหน ข้าจะส่งของมาขอบคุณถูก” เจ้าเฟยหรงพูดด้วยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลสมกับเป็นคุณชาย
เหล่านางกำนัลที่ได้ยินก็ออกอาการเขินอาย “ขอบคุณคุณชายเจ้า พวกข้าเป็นนางกำนัลตำหนักพิรุณเหนือ”
“เข้าใจแล้ว พวกเจ้าไปทำงานเถอะ ข้าขอตัว”
“เจ้าค่ะ” เหล่านางกำนัลย่อตัวคำนับอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปเป็นขบวนก่อนจะไปพวกนางยังใจดีให้โคมไฟไว้กับคุณชายเจ้าอันหนึ่ง
ฟางเซียนมองตามกลุ่มนางกำนัลอย่างชื่นชมในความงดงามและจิตใจดี ก่อนจะเริ่มมองบรรยากาศของสวนแห่งนี้ท่ามกลางแสงจันทร์อย่างเต็มที่
“ตามข้ามา” เสียงของเจ้าเฟยหรงขัดความสุขของฟางเซียนที่จะชมสวนไปจนหมด
“คุณชายจะรีบไปไหน สวนนี้สวยจะตายขอข้ามองรายละเอียดซักประเดี๋ยวไม่ได้เหรอ” ฟางเซียนอิดออด
“จะตามข้ามาหรือจะถูกทิ้งไว้ในวังหลวงในตอนกลางคืน” เจ้าเฟยหรงพูดจบแล้วก็ออกเดินจากสวนสวยไปยังระเบียงทางเดิน
“วังหลวงงงงงงง” ฟางเซียนตะโกนอย่างตกใจ “ท่านลักพาตัวข้าเข้าวังมาทำไม” แต่เธอก็รีบวิ่งตามไปเพราะกลัวหลง
“ข้าไม่ได้ลักพาตัวเจ้า เลิกโวยวายแล้วเดินตามมาดีดี ก่อนจะถูกทหารเห็นตัวแล้วจับไปเข้าคุก”
แหม่ยังจะกล้าพูดว่าไม่ได้ลักพาตัว
“ข้าจะบอกพวกเขาว่าท่านลักพาตัวข้ามา”
“ไม่มีใครช่วยเจ้าเหรอก”
“ข้าจะฟ้องพ่อ”
“หึ”
“ถ้าข้าไม่กลับไป ท่านพ่อจะต้องมาตามหาข้า”
“อะไรทำให้เจ้ามั่นใจว่า พ่อบ้านตระกูลข้าต้องออกมาตามหาเด็กอย่างเจ้า”
“ข้า” เสียงของฟางเซียนขาดหาย นั้นสินะอะไรกันที่ทำให้เธอมั่นใจว่าถ้าเธอหลงทางอยู่ในวังหลวงแห่งนี้แล้วฟู่หลงซินจะออกตามหาเธอ
เจ้าเฟยหรงที่ทิ้งระเบิดความคิดให้กับฟางเซียนก็ยังก้าวเดินอย่างมั่นคงโดยไม่สนใจผู้ที่เดินตามมาเลยว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน
ตลอดทางที่เดินผ่านฟางเซียนจมอยู่ในความคิดของตนเอง สายตาก็จดจ้องไปยังแผ่นหลังของเจ้าเฟยหรงเพื่อป้อกันการหลงทางที่อาจเกิดขึ้นได้ แม้จะรู้สึกโกรธและขุ่นมัวในตัวของเจ้าเฟยหรงมากก็ตาม ตอนนี้เธอมองว่าเจ้าเฟยหรงใจร้าย ถึงเขาจะหาน้ำมาให้เธอล้างปาก แต่ก็ยังมีคำพูดที่ทำให้เธอรู้สึกไม่ดีด้วย
ภาพของชายหนุ่มรูปงามที่ใครๆต่างพากันรู้จักมีเด็กกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามทำให้คนที่พบเห็นรู้สึกฉงนว่าเด็กที่เดินตามเป็นใครถึงอยู่ในชุดสีดำทั้งตัวที่ดูประหลาด แต่ก็ไม่มีใครกล้าขัดหรือเข้าไปถามเพราะทุกคนในวังหลวงต่างรู้ดีว่าวันนี้เป็นวันรวมตัวของเหล่าพระสหายขององค์ชายรัชทายาท องค์ชายอวิ๋นหลง
จนกระทั่งหลุดออกมาจากส่วนที่เป็นตำหนักต่างๆที่มีระเบียงทางเดินเชื่อมถึงกันก็เป็นสวนโล่งโปร่งขนาดใหญ่ที่ถูกแสงจันทร์สาดส่องจนเป็นประกาย แสงจากโคมไฟจากระเบียงทางเดินที่ล้อมรอบส่วนแห่งนี้ทำให้มองแล้วรู้ว่าสวนแห่งนี้กว้างใหญ่แค่ไหน แถมยังมีสระขุดขนาดใหญ่ที่น้ำใสเป็นประกายสะท้อนแสงจันทร์เหมือนทะเลสาบสีเงิน กลางสระน้ำมีศาลาขนาดกลางที่ทำจากไม้ยกสูงจากพื้นน้ำอย่างดีประดับตกแต่งด้วยโคมไฟเรืองรองในยามค่ำคืนรอบๆศาลานั้นถูกม่านไม้ไผ่ปิดกั้นไว้ไม่ให้คนภายนอกมองเห็นได้
หนึ่งเด็กหนุ่มหนึ่งเด็กน้อยก้าวเดินเข้าไปยังทางเชื่อมที่ทำให้เดินจากฝั่งไปยังศาลาได้ ทางเดินเป็นทางเดินทำจากไม้สีกลืนไปกับพื้นน้ำไม่มีราวกั้นด้านข้างทำให้ดูอันตรายหากจะเดินในยามค่ำคืนแบบนี้
“รออยู่ที่นี่” เจ้าเฟยหรงสั่ง “จนกว่าจะมีคำสั่งจากข้า”
“นี่คุณชาย ท่านพาข้ามาทิ้งขว้างเหรอไงกันหะ อากาศมันก็เย็น ข้าวข้าก็ไม่ได้กิน แถมต้องมาตากน้ำค้างรอท่านแบบนี้มันใช่เรื่องเหรอ” ฟางเซียนเถียง
เจ้าเฟยหรงหันมาเผชิญหน้ากับฟางเซียน “เจ้าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาไม่มีสิทธิ์บ่น” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความถือดีและข่มขู่
“ข้าไม่ใช้คนใช้ท่านนะ”
“ถ้าเจ้าเข้ามาอยู่กับตระกูลเจ้าข้าก็มีสิทธิ์ใช้เจ้า.... ให้ไปทำอะไรก็ได้”
ฟางเซียนรู้สึกกลัวในตัวชายคนนี้ขึ้นมาอีกครั้งสีหน้าและแววตาของเจ้าเฟยหรงไม่มีคำว่าเล่นๆเลย ตอนนี้เธอรู้สึกแย่กับชายคนนี้มากๆจนอึดอัด ดวงตาของเขาเหมือนจะสะกดให้เธอยอมจำนนและทำตามที่เขาสั่งอย่างเคร่งครัด ความสูงของเขาที่แทบจะข่มตัวเธอจนมิดยิ่งทำให้เธอรู้สึกต่ำต้อย
ฟางเซียนหายใจแรงอย่างอึดอัดใจโกรธหงุดหงิดและขุ่นมัวมือน้อยๆของเธอกำชายเสื้อของตัวเองที่ปักเป็นรูปมังกรแน่น “ได้ แต่เมื่อไหร่ข้าไม่ได้อยู่กับตระกูลเจ้าต่อให้ท่านเป็นพระราชาหรือเทพยะดาจากที่ไหน ก็ไม่มีสิทธิ์ สั่ง ข้า” เธอสะบัดหน้าเดินไปให้ห่างจากเจ้าเฟยหรง
“กิริยามรรยาทเหมือนผู้หญิง” เขาเปรยออกมา
ฟางเซียนชะงักอยู่กับที่ก่อนจะหันกลับมาตะโกนใส่ “แล้วมันหนักหัวเหรอไง รู้ไว้ซะ ข้าจะโตมา แล้ว สวย กว่า ท่าน คอยดู คิดว่าผู้ชายสวยจะมีแค่ท่านคนเดียวหรือไง”
“เจ้า!! บังอาจมาก” เจ้าเฟยหรงแค้นเสียงลอดไรฟัน เพราะฟางเซียนบอกว่าเขาเป็นผู้ชายที่สวยและกล้าด่าเขา
“แล้วก็อย่ามาทำเป็นลืมข้าไว้ที่นี่ด้วย ในเมื่อบอกให้รอก็ต้องมารับ อย่าทำตัวเป็นผู้ชายสับปลับ”
เจ้าเฟยหรงที่ได้ยินก็ยิ่งโมโหอยากจะเข้าไปจับฟางเซียนมาตีเสียให้เข็ดที่ทำให้เขาโมโหขนาดนี้ เด็กคนนี้คิดว่าเขาเป็นคำสับปลับหรืออย่างไรกัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เลือกที่จะทะยานตัวไปยังศาลากลางน้ำแล้วหายเข้าไปด้านในตัวศาลา
ฟางเซียนที่มองอย่างหงุดหงิดก็สบถออกมา “เออดี เอาโคมไฟไปด้วย ผู้ชายประสาอะไรวะกับเด็กยังทะเลาะด้วยได้ คนเป็นเจ้าเป็นนายนี่เอะอะก็สั่งๆๆ หรืออย่างไงกัน ถ้าไม่เห็นแก่พ่อบุญธรรมนะ”
เธอเดินออกมาจากพื้นที่โล่งที่มีต้นหญ้านิ่มๆปกคลุมบริเวณขอบฝั่งสระมาหาพุ่มไม้ที่มีดอกไม้สวยสดออกดอกในช่วงค่ำก่อนจะซุกตัวเพื่อหลบน้ำค้างแล้วนั่งลงมองพระจันทร์ดวงโตกลางท้องฟ้าอย่าครุ่นคิด
ถ้าเกิดเราหนีไปจากที่นี่ละ ไปอยู่ตัวคนเดียวหรือกลับหุบเขาแดนสนธยาไปเลยจะดีกว่าไหม แต่ท่านพ่อบุญธรรมเขาอุตสาห์ช่วยเราจากผู้หญิงคนนั้นและบอกว่าจะปกป้องเรา แต่เราก็โกหกเขาว่าเราเป็นผู้ชาย ฉันไม่รู้จริงๆว่าตอนนี้สำหรับตัวเองแล้วทางเดินไหนดีที่สุด
“จันทร์เจ้าเอ๋ย ฉันควรทำอย่างไรดีกับชีวิตต่อจากนี้ไป”
ฟางเซียนหลับตาลงปล่อยจิตใจไปกับบรรยากาศ เธอรับรู้ได้ถึงพลังสายหนึ่งที่คุ้นเคยที่ไหลเวียนอยู่รอบตัว และสัมผัสที่เหมือนกับตอนนั้น ตอนที่จิตที่หลงเหลือของหงหยูวมาสอนเธอใช้พลัง ‘ผ่อนคลายและรวบรวม’ เธอรวมรวมสายพลังไว้ที่ฝ่ามือขวา
ทันที่ลืมตาฟางเซียนก็รู้สึกหนาววูบไปทั้งตัว “เห้ย! เสื้อผ้าหาย” เธออุทานอย่างตกใจก่อนจะมองซ้ายขวาแล้วมุดเข้าไปในพุ่มไม้ เธอมองมือขวาของเธอที่มีสายผ้าสีดำเนื้อเดียวกับเสื้อผ้าที่ใส่เมื่อครู่นี้ชายตรงปลายมีรูปมังกรปักอยู่ ฟางเซียนทำตาโตเพราะตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว
“หนึ่งส่วนจากทั้งหมดรวมอยู่บนผ้าสีดำพวกนี้ พระเจ้า! หนึ่งส่วนจริงๆน้อยมากก นี้ฉันได้แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นแบบไหนก็ได้ตามต้องการหรือไง ไม่ได้การละตอนนี้เปลี่ยนกลับก่อน”
เมื่อหลับตาอีกครั้งเสื้อผ้าชุดเดิมก็กลับมาทำให้เธอพ้นจากสะภาพล่อนจ้อนไปได้ ฟางเซียนลืมตามมามองเสื้อผ้าตัวเองอย่างพินิจพิเคราะห์
“ที่ใช้พลังได้แต่นี้เพราะเป็นมนุษย์สินะ แต่แบบนี้ก็ดี จะได้เปลี่ยนเสื้อผ้าสะดวกหน่อยอยากได้แบบไหนก็สั่งได้ดังใจ ฮ่ะๆๆๆ” เธอมองให้เรื่องนี้เป็นเรื่องดีสำหรับตัวเธอแทนที่จะมานั่งน้อยใจ
ฟางเซียนคลานตัวออกมาจากพุ่มไม้ก่อนจะกระถดตัวกลับเข้าไปอีกรอบเพราะเสียงโช้งเช้งที่ฟังดูเหมือนจะเป็นเสียงดาบหรือกระบี่ เธอหมอบตัวต่ำติดพื้นชะโงกหน้าออกมานอกพุ่มไม้มองเหตุการณ์รอบๆ
เสียงกระทบกันของม่านไม้ไผ่เรียกให้ดวงตากลมโตหันไปมองยังศาลากลางน้ำ ฟางเซียนมองเห็นหญิงสาวอายุน้อยที่ความงดงามนั้นสามารถมองเห็นได้จากที่ไกลไกลนั่งอยู่ภายในศาลาตอนที่ม่านไม้ไผ่สะบัดขึ้นไปด้านบน “สวยมาก สวยกว่าพวกพี่สาวเมื่อกี้อีก”
เสียงกระเด็นของน้ำเรียกให้เธอเบนสายตาไปมองสายเงาสองสายกำลังฟาดฟันกันอยู่เหนือพื้นน้ำ ทุกครั้งที่ร่วงมาถึงผิวน้ำพวกเขาต่างเตะผิวน้ำแล้วทะยานตัวขึ้นไปเพื่อฟาดฟันกันอีก
“โคตรวิทยายุทธดีดตัวจากน้ำนี่พวกเขาใช้ทฤษฏีวิทยาศาสตร์อะไรกัน” ถึงจะไม่เห็นว่าสองคนนั้นเป็นใครแต่ท่วงท่าในการต่อสู้ก็ดูสวยงามและดูดัน เหมือนรำดาบรำกระบี่คู่มากกว่าจะเป็นฆ่าฟัน ฟางเซียนที่แอบดูเพลินๆเป็นเวลาซักพักก็เริ่มเบื่อ ถึงจะดูสวยเหมือนร่ายรำกลางฟ้าให้ดูน่าอัศจรรย์ใจแต่ตอนนี้มีบางสิ่งดึงดูดใจเธอมากกว่า
“หนอนน้อย หนอนน้อยยุกยิก” ใช่หนอน ฟางเซียนมองเห็นหนอนตรงพุ่มไม้ที่กำลังออกดอกสวยสดงดงามไม่ไกลจากเธอเท่าไหร่ ความยินดีวิ่งเข้าสู่หัวใจอย่างสุดจะห้ามปราม “หนอนผีเสื้อกลางคืน ส่วนผสมอย่างดีสำหรับเครื่องหอมเจ็ดทิวา หึหึ ถ้าข้าเอาไปเลี้ยงให้กินดอกจวี๋ฮวานะ นี่ฉันจะไปเรียกชื่อจีนทำไมฟร่ะ มันต้องเรียกว่าดอกเก็กฮวย วันนี้ช่างดีอะไรแบบนี้ จะเอาอะไรใส่หนอนน้อยดี” ดูเหมือนความคิดเรื่องการทำเครื่องหอมจะทำให้ความหงุดหงิดโมโหและเศร้าหมองของเธอก่อนหน้านี้มลายหายไปหมด
เธอคลานออกจากพุ่มไม้มองไปรอบๆ โดยไม่สนใจสองคนที่กำลังประทะกันอยู่ ก็พวกเขาเป็นใครก็ไม่รู้เธอจะไปสนใจทำไม สู้ไปหาอะไรมาใส่หนอนกลับไปดีกว่า ฟางเซียนนึกขึ้นได้ว่าในศาลาที่เห็นผู้หญิงสวยเมื่อกี้น่าจะมีเครื่องชาอยู่
“หากากาน้ำชามาใส่ดีกว่า อิอิ” เสียงหัวเราะเล็กของฟางเซียนฟังดูน่ากลัวเล็กน้อย เธอไม่สนใจคำสั่งของเจ้าเฟยหรงวิ่งไปยังขอบฝั่งที่มีทางเชื่อมกับศาลากลางน้ำอย่างรวดเร็ว
เจ้าเฟยหรงที่กำลังประทะเพลงกระบี่อยู่กับอวี๋จิ้นเค่อองค์รักษ์ประจำตัวองค์ชายรัชทายาทอย่างสนุกสนานก็เหลือบไปเห็นฟู่หลงฟางเซียนที่กำลังวิ่งอยู่บ่นทางเชื่อมเหนือน้ำ จิ้นเค่อเองก็คงเห็นเช่นกัน จากเพลงดาบที่งดงามเริ่มกลายเป็นการประลองยุทธ์อย่างแท้จริงเจ้าเฟยหรงพยามโจมตีจิ้นเค่ออย่างรวดเร็วเพื่อให้องค์รักษ์หนุ่มไม่มีเวลาไปขวางฟางเซียน เพราะหากจิ้นเค่อหลุดไปได้สิ่งแรกที่เขาต้องทำเพื่อพิทักษ์องค์ชายรัชทายาทคือฆ่าผู้บุกรุกเสีย
“เจ้าขวาข้าทำไม เฟยหรง” จิ้นเค่อถามอย่างไม่เข้าใจในท่าทีของสหายขององค์รัชทายาท
“เด็กคนนั้นเป็นคนของข้าเอง”
“แล้วทำไมเจ้าถึง”
“หากเจ้าไม่ฆ่าเขา ข้าจะหยุดมือ”
“มันเป็นหน้าที่”
เจ้าเฟยหรงจ้องไปยังองค์รักษ์หนุ่มอย่างแน่วแน่ “เชื่อข้าจิ้นเค่อ เด็กคนนี้ไว้ใจได้” เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงออกตัวแทนฟางเซียน การจะปล่อยให้คนใช้ของตัวเองถูกฆ่าตายเพราะทำผิดกฎนั้นก็ไม่ได้แปลกอะไรสำหรับตระกูลขุนนางใหญ่ที่ต้องเคร่งครัดในกฎยิ่งในวังหลวงแห่งนี้ แต่สำหรับเด็กคนนี้เขาคงปล่อยให้ตายไม่ได้ “ข้าพามันมาให้กันท่านหญิงหลิงหลิง”
เมื่อได้ยินแบบนั้นจิ้นเค่อก็หยุดมือแล้วกลับไปยืนบนทางเชื่อมที่ทำจากไม้ถึงจะคิดอย่างอื่นอยู่แต่เขาก็ยังอดชื่อชมเจ้าเฟยหรงที่ยังสามารถยืนอยู่บนผิวน้ำได้
ทางด้านฟางเซียนที่วิ่งไปยังศาลาอย่างมีความสุขโดนไม่สนใจสองหนุ่มที่ต้องเปลี่ยนจากการสู้กันเพื่อความรื่นเริงให้เป็นการลงมือจริงจัง เธอสะบัดม่านที่ปิดขวางออกก่อนจะเห็นแสงวิบวับของคมดาบที่เหวี่ยงมาในระดับเลยหัวไปเยอะ ใบหน้าเกลื่อนยิ้มของฟางเซียนก็ยังคงไม่หายไป สายตาเธอกวาดไปทั่วโต๊ะกลางศาลา คมดาบถูกเหวียงกลับมาเมื่อเห็นตัวผู้บุกรุก ฟางเซียนดีดตัวขึ้นบนอากาศตีลังกากลับหลังเธอไม่มองใครก็ตามที่อยู่ในศาลาแห่งนี้เลย เสียงกรี๊ดของหญิงสาวก็ไม่สามารถหยุดยั้งเธอได้ หนอนผีเสื้อกลางคืนสำคัญกว่า ฟางเซียนกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะอย่างสบายๆ เธอคว้าเอากาน้ำชา ก่อนจะเทน้ำชาข้างในออกระหว่างนั้นคมดาบก็ยังฟาดฟันมาเธอกลิ้งหลบลงจากโต๊ะเหมือนมีตาหลัง เสียงข้าวของแตกกระจายเรียกให้สองหนุ่มที่อยู่ข้างนอกรีบเข้ามา
ฟางเซียนเหลือบไปเห็นใบหน้าซีดของหญิงสาวที่งามสะคราญเปรียบเหมือนเทพธิดานางฟ้าแต่น้อยกว่าเทพธิดาบุปผาสววรค์ “ไฮ!” เธอทักทายออกไป “โอเคน้ำชาหมดละ บ๊ายบาย” เธอบอกลาหญิงสาวก่อนจะหันกลับไปหาหนึ่งชายหนุ่มที่อยู่ในศาลาและใช้ดาบพยามจะฆ่าเธอ “บัยส์” เธอโบกมือให้ก่อนจะพุ่งตัวลงพื้นใช้หลังสไลด์ออกไปจากศาลาแห่งนี้
เมื่อหลุดออกมาได้เธอก็ถูกจับตัวยกขึ้นจนลอย อ่าเป็นเจ้าเฟยหรงนี่เอง
“เจ้า ทำ อะ ไร” เขาเน้นแต่ละคำด้วยเสียงเข้ม
“ก็ ไป เอา ไอ นี่ ไง” เธอตอบเขาอย่างยิ้มแย้ม
เจ้าเฟยหรงรู้สึกหมันไส้ใบหน้าแป้นแล้นของเด็กน้อยนัก เขาโยนฟางเซียนส่งไปให้จิ้นเค่ออย่างไม่ใยดี จิ้นเค่อที่กำลังจะเข้ามาจับตัวฟางเซียนกลับถูกร่างที่เล็กกว่าเกือบครึ่งทุ่มลงน้ำอย่างไม่ใยดีเหมือนกัน “เสียเวลาจริง”
เจ้าเฟยหรงรู้สึกตกใจและเหมือนถูกหยามปนกันไป ใบหน้างามดูดุดันอย่างน่ากลัว
“อย่ามาตีหน้าเคร่ง ตอนนี้ท่านสำคัญน้อยกว่าหนอนผีเสื้อกลางคืน” ฟางเซียนวิ่งออกไป เจ้าเฟยหรงนิ่งค้าง
จิ้นเค่อทะยานตัวขึ้นมาจากน้ำแล้ววิ่งไล่เด็กน้อยไป ฟางเซียนเองก็วิ่งไปหยุดตรงพุ่มไม่อย่างลิงโลดค่อยๆย่องเข้าไปหยิบหนอนพร้อมใบไม้นิดหน่อยมาใส่กาน้ำชา
“เจ้า เจ้า เจ้า..” ที่วิ่งตามมาจิ้นเค่อรู้สึกเหมือนจะพูดไม่ออกที่เห็นเด็กคนนี้วิ่งเข้าไปขโมยกาน้ำชามาใส่หนอน
ฟางเซียนลุกขึ้นยืนหันมาทางชายที่วิ่งตามมาทั้งๆที่ตัวเปียกน้ำก่อนจะถามว่า “ที่นี่มีดอกเก็กฮวยไหม”
จิ้นเค่อมือสั่นเขารู้สึกแบบนี้เป็นครั้งแรก ถูกคู่ต่อสู้หรือศตรูเมินแถมยังเห็นเขาเป็นแผนที่ตามหาของอีก
“อยู่ที่นี่ไม่ใช่หรือไง แค่นี้ก็ไม่รู้จะไปทำอะไรกิน” ฟางเซียนบ่น
เจ้าจะบ้าหรือไงวังหลวงกว้างขนาดไหนสวนไหนปลูกอะไรใครจะไปจำกันข้าเป็นองค์รักษ์ไม่ใช่คนสวน จิ้นเค่อ กรีดร้องในใจ
“ไร้ประโยชน์จริงๆ” ฟางเซียนอุบอิบก่อนจะเดินไปหาคนที่ลักพาตัวเธอมาที่วังหลวงแบบนี่
“...” จิ้นเค่อโดนน๊อคไปอีกคน
องค์ชายรัชทายาทสงสัยในตัวผู้บุกรุกสุดแสนจะประหลาดที่เข้ามาเพื่อขโมยกาน้ำชาอีกทั้งหลบดาบเขาได้ทุกครั้งเดินออกมาจากศาลาพร้อมประคองหญิงสาวที่งามสะคราญออกมาด้วย
เขาต้องแปลกใจอีกครั้งเมื่อเห็นเจ้าเฟยหรงยื่นนิ่งอยู่ตรงทางเดิน “เฟยหรง เฟยหรง” เมื่อได้เรียกชื่อไปสองครั้งเจ้าเฟยหรงก็ส่งเสียงตอบกลับมา
“อืม”
องค์ชายรัชทายาทถามสหายสนิทอย่างเป็นห่วง “เป็นไงบ้าง”
“เจ้านั้น บอกว่าข้าสำคัญน้อยกว่าหนอนผีเสื้อกลางคืน”
“ก็ใช่นะสิ” เสียงเล็กของฟางเซียนเรียกสายตาทุกคู่ให้มองไปยังเธอ “พวกท่านรู้ไหม ที่นี่มีดอกเก็กฮวยไหม” เธอถามด้วยใบหน้าใสซื่อ
“เอ่อ..”องค์ชายรัชทายาทตอบไม่ได้
“หากเป็นดอกเก็กฮวยที่ตำหนักของพระสนมจางน่าจะมีอยู่นะจ๊ะ”น้ำเสียงเบาหวิวแต่ฟังดูใจดีของหญิงสาวหนึ่งเดียวในนี้ตอบคำถามเธอ
ฟางเซียนทำตาโตก่อนจะยิ้มแล้วโค้งตัวขอบคุณ “ท่านนี่ฉลาดมากเลยสวยด้วย” ชมตบท้ายเสร็จสรรพเธอก็เดินออกไปโดยไม่รู้ว่าตำหนักสนมจางอยู่ทางไหน
เจ้าหาว่าพวกข้าโง่หรือไง องค์ชายรัชทายาทกับเจ้าเฟยหรงต่างคิดเหมือนกัน หญิงสาวหนึ่งเดียวก็ได้แต่หัวเราะเบาๆอย่างนิ่มนวล
แล้วไม่กลัวหลงหรือไงกัน เจ้าเฟยหรงคิดก่อนจะต้องรีบไปพาตัวเด็กน้อยกลับมา “เจ้าจะไปไหนฟางเซียน” เมื่อไปถึงตัวเขาจัดการล๊อคคอแล้วลากกลับมา
“ปล่อยข้านะ” ฟางเซียนดิ้นแต่ไม่แรงมากเพราะเธอกลัวว่าหนอนในกาจะสะเทือน “โอ๊ยไม่ต้องลากแรงสิ เดี๋ยวหนอนช้ำ”
ถึงจะแปลกใจกับคำพูดของเด็กแต่เจ้าเฟยหรงก็ไม่หยุดเดินแถมลากฟางเซียนเดินตามองค์ชายรัชทายาทกับหญิงสาวอีกคนเข้าไปยังศาลา
“จิ้นเค่อกลับมาได้แล้ว” องค์ชายรัชทายาทเรียกองค์รักษ์ที่หายไปนาน
ไม่นานทั้งหมดก็กลับเข้ามาอยู่ในศาลาที่โต๊ะพังไปแทบเพราะโดนฟันฟางเซียนถูกจับให้นั่งโดยมีเจ้าเฟยหรงเป็นผู้คุมขนาบข้างด้วยจิ้นเค่อใบหน้าของสองหนุ่มดูดุดันและแผ่รังสีอันตรายออกมา ตอนนี้มันไม่สามารถทำอะไรฟางเซียนที่กำลังโอ๋เอ๋หนอนน้อยได้
องค์ชายรัชทายาทมองทั้งสามคนอย่างขบขันก่อนจะหันไปช่วยท่านหญิงเหมยฮวาเก็บข้าวของที่ตกหล่น จิ้นเค่อที่ทนเห็นองค์ชายของตนเองมานั่งเก็บของแบบนี้ไม่ได้ก็ลงไปช่วยต่างจากเฟยหรงที่ยังคงนั่งทำหน้าดุอยู่
“ให้ข้าช่วยไหม”ฟางเซียนเสนอตัวทั้งๆที่ยังกอดกาน้ำชาไว้แน่น
“ไม่ต้อง”เฟยหรงกับจิ้นเค่อตอบกลับทันควัน
“จ๊ะ จ๊ะ จ๊ะ ถือว่าเสนอตัวแล้วนะแต่ไม่ยอมให้ทำกันมาโทษข้าทีหลังไม่ได้นะ”เด็กน้อยยักไหล่
เจ้าเฟยหรงรู้สึกละเหี่ยใจกับฟางเซียนทำไมเมื่อกี้เหมือนจะโกรธเขาอยู่แต่ตอนนี้กลับสนใจแต่กาน้ำชาไม่หลงเหลืออารมณ์โกรธที่มีอยู่และเหมือนจะไม่กลัวเขากับจิ้นเค่อด้วย องค์ชายรัชทายาทก็ไม่กลัวช่างเป็นเด็กที่ใจกล้าดีเหลือเกิน
เมื่อเก็บกวาดกันเสร็จก็ได้เวลาสอบสวนนักโทษเด็กโดยองค์ชายรัชทายาทโดยมีผู้คุมสองคือเฟยหรงกับจิ้นเค่อแถมด้วยอาหารตาเอาไว้ให้มองเพลินๆแบบท่านหญิงเหมยฮวา
องค์ชายรัชทายาทนั่งหลังตรงจ้องมาที่ฟางเซียนโดยแฝงไปด้วยความรู้สึกกดดันหมายจะให้เหยื่อรู้สึกกดดันจนแสดงอาการกลัวพระองค์ออกมา
“นอนนิ่งๆนะหนอนน้อย ใจเย็นๆนะจะไปหาดอกเก็กฮวยให้กินนะ”
ใบหน้าหล่อเหล่าขององค์ชายรัชทายาทยิ่งทวีความดุดันสายตาของพระองค์ดูแข็งกร้าวมากขึ้นยิ่งเมื่อเห็นเหยื่อไม่มีท่าทีตอบสนอง
“อิอิอิ” แถมเหยื่อยังหัวเราะตบท้าย
“เด็กนี่ท่าจะบ้า”จิ้นเค่อซุบซิบกับเฟยหรง
“เจ้าชื่ออะไร”องค์ชายรัชทายาทถาม
“ฟู่หลงฟางเซียน” เธอตอบทันควัน
“มาจากที่ไหน”
“หุบเขาแดนสนธยา” รอบนี้เธอก็ตอบทันควันโดยไม่ทันได้คิดเพราะจดจ่ออยู่กับการจะเอาหนอนไปเลี้ยงยังไง “อุ๊ป!” ฟางเซียนเอามือปิดปากเมื่อพลังเผลอพูดออกไป
เมื่อไดยินคำตอบแบบนั้นองค์ชายรัชทายาทและทุกคนในที่นี้ก็เริ่มให้ความสนใจ “หุบเขาแดนสนธยา หุบเขาอาถรรพ์นั้นนะเหรอ”
“ลืมๆมันไปเถอะ ถือว่าข้าไม่ได้พูดละกัน” เธอบอกปัด “ว่าแต่ดอกเก็กฮวยหละไปเก็บให้ข้ารึยัง” เธอถามกลับ
“ใครเขาจะไปเก็บให้เจ้ากัน” จิ้นเค่อโวยวาย
ฟางเซียนเอียงคออย่างใสซื่อ “งั้นเหรอ จะอยู่ไปทำไมหละ ออกไปรอที่เดิมดีกว่า” ว่าแล้วก็จะเดินออกไป ก็แหงหละถ้าอยู่ต่อไปถูกถามจนหมดเปลือกแน่
แต่พอเธอจะลุกเท่านั้นก็มีคนมากดให้นั่งลงเหมือนเดิม อ่า เฟยหรงอีกแล้ว นายคนนี้ตลอดเลย นี่ถึงจะหล่อมากกกกแค่ไหนแต่ทำแบบนี้บ่อยๆใบหน้าหล่อๆของเจ้าก็ไม่ได้ช่วยให้ไม่โดนโกรธได้เหรอกนะ
“เจ้าเข้ามาที่นี่ทำไม”
“มาเอากา”
“ไปทำอะไร”
“ใส่หนอนผีเสื้อกลางคืน” คำตอบของฟางเซียนเรียกสีหน้าคลางแคลงใจจากองค์ชายรัชทายาทกับเฟยหรงได้อย่างดี
“เรื่องนี้จริงขอรับองค์ชาย”จิ้นเค่อรายงานเพราะเขาเห็นเด็กคนนี้เอาหนอนใส่กาน้ำชากับตา
ในเมื่อจิ้นเค่อยืนยันแบบนี้องค์ชายก็เชื่อเพราะจิ้นเค่อเป็นสนิทที่ไว้ใจได้
“เจ้าเข้าวังหลวงมาได้อย่างไร”
“เขาพามา/ข้าพามาเอง” ฟางเซียนโบยให้เฟยหรง เฟยหรงก็พูดขึ้นพร้อมกันก่อนจะบอกเหตุผลต่อ “ข้าตั้งใจจะให้เด็กคนนี้มากันท่านหญิงหลิงหลิงจากพวกเรา” เฟยหรงอธิบายแต่สายตาก็จับจ้องไปยังใบหน้างามของท่านหญิงเหยฮวาที่ยิ้มตอบกลับอย่างนึกขอบคุณ
“เข้าใจแล้ว”องค์ชายรัชทายาทเข้าใจตามที่พูดเพราะท่านหญิงหลิงหลิงเป็นน้องสาวคนละแม่ท่านหญิงเหมยฮวาที่จ้องจะมาตามราวีท่านหญิงเหมยฮวาอยู่ตลอดเวลาขนาดมีเขาซึ่งเป็นองค์ชายรัชทายาทอยู่นางยังไม่เว้น
“ท่านเป็นใคร”ฟางเซียนถามทะลุปล่องขึ้นมา เธอนั่งมองชายหนุ่มที่มีเรือนผมสีเงินเรืองรองหนึ่งเดียวในศาลานี้อย่างสงสัย ตอนแรกก็ไม่สงสัยเหรอกแต่พอเห็นสีผมของทุกคนรวมตัวเองแล้วเลยแปลกใจ “ทำไมถึงผมหงอกหมดหัวแบบนี้”
“เจ้ากล้าลบหลู่องค์ชายรัชทายาท” จิ้นเค่อตะโกนอย่างดุดันชักกระบี่ขึ้นมาพาดที่ลำคอของฟางเซียน
ฟางเซียนสูดลมหายใจเข้าอย่างหนาวเหน็บความเย็นของกระบี่ที่พาดอยู่ที่คอเธอสามารถสัมผัสได้ เธอเม้มริมผีฝากเข้าหากัน “ที่ถามก็ไม่รู้ปะ ถ้ารู้จะถามทำไม” แม้อยากจะด่าต่อแต่เธอก็ไม่ทำ
“เจ้าช่างเป็นเด็กที่ไร้มรรยาทสิ้นดี” จิ้นเค่อว่าเข้าให้แต่ฟางเซียนก็ไม่สะทกสะท้าน
“ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงมีเส้นผมสีเงินแบบนี้” องค์ชายรัชทายาทผ่อนลมหายใจก่อนจะตอบออกมาเขาโบกมือเบาๆ จิ้นเค่อจึงละดาบออกจากคอเด็กน้อย
เสียงวิ่งตึงตังของคนจำนวนหนึ่งเรียกให้ทุกคนรู้สึกตัวว่าท่านหญิงหลิงหลิงมาแล้ว
“องค์ชายเพคะ”น้ำเสียงใสติดจะหงุดหงิดของท่านหญิงหลิงหลิงเรียกผู้ที่มียศใหญ่สุดอย่างไม่เกรงกลัว “ทำไมพาท่านพี่ข้ามาที่นี่แล้วไม่บอกข้ากันแบบนี่ใช้ได้ที่ไหนกันเพคะ” ร่างเล็กบอบบางอยู่ในชุดงดงามเหมือนดอกไม้สีส้มเหลืองใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างดีดูสดใส เส้นผมสีดำขลับถูกมัดรวบเป็นมวยครึ่งหนึ่งประดับด้วยเครื่องประดับทำจากทองอย่างดีจนดูแล้วหนักหัว ต่างจากท่านหญิงเหมยฮว่าที่ปักเครื่องประดับน้อยชิ้น
เฟยหรงหันไปมองฟางเซียน ฟางเซียนหันไปมองท่าหญิงหลิงหลิง องค์ชายรัชทายาทหันไปมองท่านหญิงเหมยฮวาที่นั่งเงียบ ท่านหญิงเหมยฮวาหันไปมองเฟยหรง ส่วนจิ้นเค่อนั้นก็มองไปยังท่านหญิงหลิงหลิง จากนั้นในศาลาก็เกิดสูญญากาศขึ้น
เฟยหรงเขย่าไหล่ฟางเซียนก่อนจะพะเยิดหน้าไปทางท่านหญิงหลิงหลิง
นี่คืองานของข้าสินะ “ขอของตอบแทนเป็นดอกเก็กฮวย” ฟางเซียนเปรยเบาๆ
“จะเอาไปหมดวังข้าก็ไม่ว่าขอแค่เจ้ากันนางออกไปได้” องค์ชายรัชทายาทรับปาก
“หึหึ” ฟางเซียนลุกขึ้นยืนก่อนจะไปหยุดอยู่ตรงหน้าท่านหญิงหลิงหลิง “นี่ๆ ท่านหญิง ท่านหญิงปล่อยให้พวกเขาอยู่ในศาลานี้กันต่อไปดีกว่า เราไปหาอะไรทำกันเถอะ” ฟางเซียนเดินหน้าด้านไปชวนท่านหญิงออกไปข้างนอกอย่างเฉยเมย ตอนนี้ใบหน้าของฟางเซียนไม่มีรอยยิ้มแป้นแล้นเหมือนเมื่อกี้ดวงตากลมโตก็ไม่ได้ทอประกายเหมือนเคย
“เจ้าเป็นใคร จะมาชวนข้าออกไปข้างนอก” ท่านหญิงหลิงหลิงถามอย่างถือดี
“ก็คนที่ถูกไหว้วานให้มากันท่านไง”
ทุกคนในศาลาตะลึงในความตรงไปตรงมาของฟางเซียน
“ทำไมกัน” ท่านหญิงหลิงหลิงรู้สึกเสียใจ
“คือที่พวกเราทำแบบนี้ก็เพราะ..”องค์ชายรัชทายาทสวมบทพี่ชายใจดีรีบเข้ามาจะปลอบท่านหญิงหลิงหลิงที่แสดงสีหน้าเศร้าออกมาคล้ายจะร้องไห้
“โอ๊ยอย่าไปใส่ใจคนพวกนี้ท่านหญิง ที่เขากันท่านออกมาก็เพราะพวกเขามีลับลมคมในกัน” ทุกคนเริ่มแสดงสีหน้ากระอักกระอ้วน “งั้นเราไปมีลับลมคนในบ้างดีไหม จะได้กันพวกเขาออกจากเราไง” ฟางเซียนเสนออย่างรื่นเริง “ทีพวกเขายังมีได้เราก็มีบ้างพวกเขาจะได้ไม่สบายใจเวลาไม่รู้ว่าเราทำอะไรกันไง”
เฟยหรงที่ได้ยินรู้สึกปวดหัวเหมือนฟางเซียนกำลังทำให้เรื่องยุ่งยากขึ้น ถึงฟางเซียนจะกันท่านหญิงหลิงหลิงออกไปได้การที่ไม่รู้ว่าท่านหญิงไปอยู่ที่ไหนหรือทำอะไรอยู่ก็น่ากังวลใจเหมือนกันเพราะท่านหญิงเองก็แสบไม่ใช่ย่อยจากการก่อกวนพวกเขาจะกลายเป็นการก่อกวนคนอื่น
“แล้วเจ้าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันละข้าดูไม่ออกเลย”ท่านหญิงหลิงหลิงถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูน่ารักขึ้น นี่ถือว่าฟางเซียนทำสำเร็จแล้วใช่ไหม
“ผู้ชายท่านหญิง อันที่จริงข้าคิดว่าจะโตขึ้นมาแล้วสวยกว่าคุณชายเจ้า” ฟางเซียนยังคงคอนเส็ปเดิม
ท่านหญิงหลิงหลิงหัวเราะออกมายิ่งเห็นสีหน้าหงุดหงิดของเจ้าเฟยหรงนางยิ่งชอบใจ “ได้ข้าจะไปกับเจ้า” ตอนนี้นางหมดใจที่จะทำตามคำสั่งของท่านแม่แล้วสู้ไปกับเด็กคนนี้ที่ดูท่าทางจะอ่อนกว่าสองสามปีจะดีกว่า
ท่านหญิงหลิงหลิงเดินไปคว้าแขนฟางเซียนแล้วเดินออกไปจากศาลาผ่านหน้าทุกคนในศาลาออกไปโดยไม่ลา
“เด็กนั้นทำได้จริงๆด้วยแหะ แต่ทำไมข้าสังหรณ์ใจว่าแบบเก่ามันดีกว่ากันก็ไม่รู้” จิ้นเค่อพูดก่อนจะหันไปถามเฟยหรง “เด็กคนนี้มาอยู่บ้านเจ้ากี่วันแล้ว”
“อันที่จริงฟางเซียนยังไม่ได้เหยียบบ้านข้าเลย ข้าลักพาตัวนางมาจากพ่อบ้านฟู่” คำตอบของเฟยหรงทำให้ท่านหญิงเหมยฮวาครุ่นคิด องค์ชายรัชทายาทก็ได้แต่บอกให้ทุกคนใจเย็นและมองโลกในแง่ดีเข้าไว้ถึงลางสังหรณ์ของตัวเองจะบอกเหมือนที่จิ้นเค่อพูดออกมา
เฟยหรงไม่ใช่คนที่จะถูกใจหรือลักพาตัวใครแบบนี้ ฟางเซียนเป็นเด็กผู้ชาย หรือเฟยหรงชอบเด็กผู้ชายกัน ท่านหญิงเหมยฮวาคิดไปก็หนักใจไปเพราะนางหลงรักเฟยหรงมานาน
“ปล่อยเรื่องท่านหญิงหลิงหลิงไปเถอะ เรามาว่ากันเรื่องการสร้างสุสานของพระบิดาดีกว่า เฟยหรง จิ้นเค่อ เหมยฮวา”
“พะยะค่ะ” หลังจากนั้นในศาลากลางน้ำก็เหมือนถูกปิดกั้นจากคนภายนอกจากแท้จริงเพราะมีบุรุษในชุดดำมากมายลักลอบตรวจสอบผู้ดักฟังจากด้านนอกอยู่รอบๆสระน้ำอย่างเข้มงวด
“นี่ท่านหญิงข้าสงสัยมากว่าทำไมพวกเขาต้องมารวมตัวกันด้วย” ฟางเซียนที่ตัวเล็กกว่าท่านหญิงหลิงหลิงถามอย่างสงสัย
“ข้าก็ไม่รู้นะ แต่ข้าต้องตามท่านพี่ออกมาเท่านั้นเองไม่ว่าท่านพี่จะไปไหนข้าก็ต้องตาม แต่พอถึงช่วงวันหนึ่งในรอบเดือนองค์ชายอวิ๋นหลง”
“องค์ชายอวิ๋นหลงใครกัน” ฟางเซียนพูดขัด
“ก็องค์ชายรัชทายาทไง”
“อ๋อ”
“องค์ชายอวิ๋นหลงมักจะนัดรวมพระสหายรวมถึงพี่น้องที่สนิทกัน จะมีหลักๆคือองค์ชายฉีอวิ๋นหลง เจ้าเฟยหรง อวี๋จิ้นเค่อ เจียงเหมยฮวา องค์ชายรองฉีฮุ่ยจง และ หลี่ชงเลี่ยน” ท่านหญิงหลิงหลิงอธิบายอย่างเป็นกันเอง
“ข้าว่าข้าไม่เจออีกสองคนนะท่าหญิง”
“พวกเขาคงไม่ว่างมั้ง” ท่าหญิงหลิงหลิงวิเคราะห์ออกมา
“ท่านก็ดูเป็นกันเองดีทำไมพวกเขาต้องกันท่านออกมาด้วยละ”
“สงสัยพอข้าชอบเข้าไปขัดจังหวะพวกเขาอีกต้องพาพี่หญิงกลับตามคำสั่งมารดาพวกเขาที่เป็นเพื่อนกันคงไม่ชอบข้าเท่าไหร่”
“งั้นเหรอ งั้นเราไปหาอะไรทำดีกว่า คนที่ท่านหญิงพามาก็เยอะอยู่ข้าว่าข้ามีอะไรดีดีให้ทำได้ผลตอบแทนด้วยนะท่านหญิง” ฟางเซียนเสนอด้วยสายตาวิบวับ
“อะไรละ”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีสนใจเธอก็จัดการเปิดกาน้ำชาที่ติดมืออยู่ตลอดให้ดู
“อะไรของเจ้ากัน นี่ข้าขอโคมไฟอันหนึ่ง” ท่านหญิงหลิงหลิงหันไปขอโคมไฟกันผู้ติดตาม “หนอนสีดำ”
“ไม่ไม่ มันสีเข้มเฉยๆ”
“น่าเกลียดออก” ท่านหญิงเบ้หน้าออกมา
ฟางเซียนส่ายหน้าเบาๆ “ท่านนี่ไม่รู้อะไร เจ้านี่ถ้าเลี้ยงดีดีสามารถเอาไปทำเครื่องหอมได้นะ”
“เครื่องหอม?” ท่านหญิงหลิงหลิงนิ่วหน้าอย่างไม่แน่ใจเมื่อได้เห็นรอยยิ้มส่อแววพิกลของฟางเซียน
“เครื่องหอมนี้เป็นชนิดผงใส่ไว้กับห่อเครื่องหอมอะไรก็ได้ผสมเข้าไปนิดหน่อยจะสามารถให้กลิ่นหอมอ่อนชื่นใจแต่กลิ่นมันจะแพร่ไปในรัศมีไกลพอดูอยู่เรียกว่าเครื่องหอมเจ็ดทิวา ถ้าท่านช่วยข้าเก็บดอกเก็กฮวยมา ข้ารับรองจะทำให้ท่านหนึ่งห่อ”
“หนึ่งห่อเองหรือ”
“ข้าได้หนอนมาแค่ตัวเดียวเองนะหนอนหนึ่งตัวทำได้ไม่ถึงห่อเลยด้วยซ้ำนะท่านหญิง” ข้อมูลมากมายเกี่ยวกับเครื่องหอมนั้นเหมือนฝั่งอยู่ในหัวเธออยู่แล้ว “เพราะฝีมือข้าข้าจะทำให้ท่านไว้ลองใช้”
ท่านหญิงหลิงหลิงคลางแคลงใจว่าเด็กน้อยตัวแค่นี้จะทำได้อย่างไรแต่ก็ยอมไปหาดอกเก็กฮวยให้ฟางเซียนตลอดทางทั้งสองก็มีเรื่องราวแลกเปลี่ยนกันมากมายส่วนใหญ่จะเป็นฟางเซียนที่รับมากกว่า
เจ้าเฟยหรงที่เดินออกมาจากศาลากลางน้ำด้วยความหนักใจจากเรื่องที่ได้ปรึกษาหารือกันหลังจากการหารือจบลงได้แต่มองพระจันทร์อยู่อย่างนั้นจนได้ยินเสียงหวานเรียกชื่อตนเองจากทางด้านหลัง
“เฟยหรงเรื่องในวันนี้พวกเราต้องฝ่าฟันไปด้วยกันนะ” ท่านหญิงเหมยฮว่าจับมือของเฟยหรงขึ้นมาเพื่อให้กำลังใจและหวังว่าชายคนนี้จะรับรู้ความในใจเธอเสียที
ความเย็นเฉียบจากมือบางทำให้เฟยหรงต้องถอดเสื้อนอกออกมาคลุมไหล่บางของท่านหญิงเหมยฮวาเรียกร้อยยิ้มอ่อนหวานพิมพ์ใจ เฟยหรงก็ยิ้มให้นางเช่นกัน
องค์ชายรัชทายาทยังคงอยู่กับจิ้นเค่อด้านใน ฟางเซียนกับท่านหญิงหลิงหลิงก็หายไปกันไม่กลับมายุ่งกับพวกเขาจนตอนนี้เป็นเวลาดึกมากแล้ว
‘ข้าหิว’ เสียงของฟางเซียนดังขึ้นมาในหัวของเฟยหรง ทำเอาเขาต้องปล่อยมือจากมือบางและขอตัวไปตามหาเด็กของตน เขาทะยานตัวขึ้นมาตามหลังคาเพื่อตามหาฟางเซียนในวังที่กว้างใหญ่แห่งนี้
ท่านหญิงเหมยฮวามองการกระทำที่หุนหันพลันแล่นของเฟยหรงอย่างไม่เข้าใจแต่ก็เดินกลับเข้าไปในศาลาอย่างเงียบเหงา
เฟยหรงที่กำลังตามหาฟางเซียนอยู่จากด้านบนหลังคาก็สังเกตได้ถึงกลุ่มของโคมไฟสองสามอันที่อยู่ในสวน ต่างจากโคมไฟอื่นที่เคลื่อนไหวอย่างเป็นขบวนของนางกำนัล เขากระโดดลงจากหลังคามาหลบอยู่ใต้เงาไม้ ภาพตรงหน้าเขาทำให้เขาต้องยิ้มออกมาบางๆเมื่อได้เห็นฟางเซียนกำลังกินขนมอยู่บนพื้นหญ้าโดยมีท่านหญิงหลิงหลิงนั่งทานเป็นเพื่อนทั้งสองคุยกันอย่างออกรสในเรื่องที่ตนเองสนใจ
“ท่านหญิงรู้ไหมพวกเลือดสัตว์ก็ใช้ได้นะ”
เลือดสัตว์? เฟยหรงทวนอย่างแปลกใจ
“แล้วเราต้องทำอย่างไร”
“อันที่จริงข้าไม่นิยมการฆ่าเอาเลือดนะแต่ต้องขอก่อน เลือดพวกค้างคาวจะมีกลิ่นคาวอยู่ใช้ไหมเราต้องใช้ใบปริมาณนิดเดียวมาผสมรวมกับพวกดอกไม้ที่ทำเป็นน้ำมันแล้ว แต่พวกหนอนแบบนี้บดละเอียดอย่างเดียวจ้า ข้าเองก็ไม่นิยมนะแต่ถ้าได้เจอกันก็ถือว่าถึงฆาตแล้วละ ต้องบดให้ละเอียดเป็นน้ำเหลวๆเลย” ยิ่งได้ยินวิธีการทำท่านหญิงหลิงหลิงยิ่งสนใจผิดกับเฟยหรงที่เริ่มรู้สึกคลื่นเหียนพิกล
“แล้วถ้าไม่ละเอียดละ”
“เสียของสุดๆเลย ข้าเลยชอบจะให้เฒ่าจินทำให้ข้ามากกว่าเขานะฝีมือดีแบบทีเดียวแผละ แบะ เป็นน้ำไม่มีเศษซากมากกวนใจข้าเลย เลยได้ของอย่างดีมาตลอดแต่คราวนี้ต้องทำเองคิดว่าคงจะไม่ดีเท่า”
“เจ้าทำมานานแล้วเหรอ”
“นาน”
เฟยหรงตัดสินใจพาตัวฟางเซียนกลับเพราะทนเห็นหญิงงามกับเด็กมาคุยเรื่องการฆ่าหนอนไม่ได้ “ได้เวลากลับแล้วฟางเซียน”
“อ่า โอเค ไปกันข้าเองก็ง่วงแล้ว” ฟางเซียนลุกขึ้นปัดมือก่อนจะเดินหอบกาน้ำชาไปหาเฟยหรง “บ๊ายบายท่านหญิงหลิงหลิง เอ้ย ลาก่อนท่านหญิงหลิงหลิงไว้เจอกันนะถ้ามีโอกาศข้าจะหาทางเอาของไปให้ท่านให้ได้”
เฟยหรงทำท่าจะมาจับฟางเซียนฟาดบ่า
“หยุดก่อน อุ้มท่าอื่นได้ไหมข้ากลัวการ่วง”
“ฟางเซียนตระกร้า” ท่านหญิงหลิงหลิงเอ่ยเตือนพร้อมส่งตะกร้าที่เต็มไปด้วยดอกเก็กฮวยอยู่
เฟยหรงมองก่อนจะถามเสียงเย็น “เจ้าเด็ดมาหมดวังเลยหรือไง”
“อือ อุ้มได้แล้ว” ฟางเซียนพยักหน้า
“เจ้านี่มันจริงๆเลย” เฟยหรงปลงก่อนจะอุ้มฟางเซียนขึ้นมาเหมือนอุ้มเด็กแล้วทะยานข้ามหลังคาไป
ท่านหญิงหลิงหลิงมองตามก่อนจะเดินไปทางศาลากลางน้ำเพื่อนำตัวพี่หญิงกลับบ้านพร้อมด้วยเหล่าคนติดตามถึงจะไม่ได้ทำามคำสั่งของมารดาอย่างเคร่งครัดแต่เธอก็ได้รู้จักคนแปลกๆที่น่าสนใจเพิ่มมาอีกคน
______________________________________________________________________________________________________
ยังไม่ได้ edit หรือเช็คคำผิดนะค่ะ
ตอบคำถามสำคัญของคุณ cherryme (@cherryme) (จากตอนที่ 9)
ที่มารผ้าไหมเข้าไปง่ายๆได้ก็เพราะมนต์ทุกอย่างที่เคยมีในหุบเขามันคลายแล้วค่ะ
จากคำบอกเล่าของเทพสายลมที่ว่าพลังของท่านกำลังเสื่อม
มารผ้าไหมเลยใช้จิตสื่อหาสิ่งของที่ต้องการตามคำบอกค่ะ แต่ใครกันนะที่บอก??? ต้องติดามค่า
ส่วนช่วงเวลานี่ยังไม่แน่นอนต้องรอท่านหมอตัวปัญหามาบอกนะคะ :)
>>>> ขอบคุณมากๆเลยค่า
รอๆค่า
>>>> ขอบคุณที่มารอนะคะ :)
วันอะไรนะ
>>>> วันรวมตัวของพรรคพวกองค์ชายอวิ๋นหลงค่ะ ชื่อตรงๆเลยไม่อ้อมค้อม
แต่อย่าหายนานก็พอ 555
รออ่านอยู่ว่าใครจะรู้ความลับเป็นคนแรกว่าฟางเซียนเป็นผู้หญิงค่ะ
>>>> ขอบพระคุณมากค่า
>>>> ฟู่หลงซินเป็นคนที่น่ารักมากจริงๆคะ ยิ่งได้แต่งยิ่งเริ่มรู้สึกผิดต่อเขา 555
________________________________________________________________________________
ได้เวลามาแปะรูปตัวละครต่อกันแล้วคร้า
เริ่มที่เจ้าชายรัชทายาทผู้ยิ่งใหญ่ที่มักจะทนเห็นท่านหญิงหลิงหลิงร้องไห้ไม่ได้ ถึงอยากจะไล่ไปก็เถอะนะ
ฉีอวิ๋นหลง
โอ้ อวี๋จิ้นเค่อผู้หล่อเหล่าและสติแตกง่ายเมื่อได้เจอฟางเซียน เขาเป็นองค์รักษ์ฝีมือดีนะค่ะทุกคน
เวลาโหดน่ากลัวมัก (ฟางเซียน: เหรอ ???)
ท่านหญิงเจียงหลิงหลิงผู้ไม่อ่อนโยนนุ่มนิ่มแต่จิตใจดี แต่เธอมักจะถูกมองว่าขี้วีนเสมอๆเลย (เพราะแอบมีคนสปอย์เบาๆอยู่ห่างๆ)
ท่านหญิงเจียงเหมยฮวาผู้งดงามอ่อนหวานและอ่อนโยนจ้า
ฟินนาเร่คะ ทุกท่าน มาเจอ คุณชายเจ้าเฟยหรงกันดีกว่า อัยยะ!
เสียใจนิดหน่อยที่ในรูปไม่ได้ไว้ผมยาวววอย่างที่ตั้งใจไว้
สำหรับคุณชายเจ้าเฟยหรงนี้ไรท์ขอนำรูปของเฉินเหวยถิงมาเป็นแบบนะคะเพื่อความฟินส่วนตัว 555
ใครเห็นแล้วเอะหล่อจังเล่นละครเรื่องอะไรน๊า ไปตามดูได้จากเรื่อง มหัศจรรย์กระบี่เจ้าพิภพค่ะ
ถามว่าได้ค่าโฆษณาไหม ตอบเลยว่าไม่ค่าาา ชอบล้วนๆเลย
แล้วหลับในหุบเขาไปกี่ปี?
ตามที่เทพสายลมปิดหุบเขาสนธยาแล้วนางมารผ้าไหมเข้าไปได้ยังไง
ไหนบอกว่าห้องของเทพธิดาเครื่องหอมเข้าไปไม่ได้ถ้าไม่มีคนนำทาง
ทางเข้าเป็นวงกตนิ?
เรางงมากๆ