คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เริ่มต้นเรื่องราว
เช้าวันนี้ช่างแสนสดใสที่ประเทศญี่ปุ่นในวันนี้เหมือนจะเยาะเย้ยชะตากรรมของฉันจริงๆ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่คู่รักเดินไปเดินมาในรอบรั้วมหาลัยแห่งนี้ หน้านี้เป็นหน้าหนาว อากาศที่แสนจะเย็นเฉียบและแห้งแล้งนี้กำลังทำร้ายฉันอย่างน่าหดหู่ ให้ตายเถอะ ฉันได้แต่เดินไวไวพลางซุกมือในเสื้อโค้ดตัวหนาอย่างเร่งรีบเพื่อจะผ่านแอเรียสีชมพูนี้ไป ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยคบใครเป็นตัวเป็นตนพอที่จะได้จูงมือถือแขน แต่ก็เอาเถอะ 20 กว่าปีผ่านมานี้ถึงจะไม่มีแฟนแต่ฉันก็ไม่เคยเสียดายเวลา เพราะอะไรนั้นเหรอ หึหึ คนอย่างมินตรา ในเมื่ออยากจะทำอะไรแล้วฉันก็จะพยามให้ถึงที่สุด ที่สุดอย่างไรนั้นเหรอ จะเล่าคร่าวๆนะ ฉันจบมัธยมปลายสาย ศิลป์-คำนวณ จากประเทศไทยด้วยเกรดเฉลี่ยที่ บิดามารดามองแล้วละเหี่ยใจ 3.31 (แต่ตัวฉันเองมองว่ามันเยอะมากแล้ว) และเข้าสอบตรงในคณะICT ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศไทยติด ฉันเองเป็นคนที่ไม่ชอบภาษาอังกฤษมาก แต่ดั๊นติดคณะอินเตอร์ และฉันเองเป็นคนที่เกลียดฟิสิกส์มากมายมหาศาล แต่ก็ยังเข้าคณะที่จบได้วุฒิ วิทยาศาสตร์บัณฑิตย์ ซึ่งต้องผ่านวิชาฟิสิกส์ แต่บอกไว้เลยนะฉันแอดมิดชั่นกลางไม่ติดเหรอกคะแนนต่ำไป (;w;) เอาหละมาถึงช่วงชีวิตมหาลัย การเรียนเป็นภาษาอังกฤษนั้นยากมากมายแถมเป็นวิชาคอมอีก ฉันแถบจะกินพาราเช้ากลางวันเย็นทุกๆวันเลยทีเดียว แต่ก็ผ่านมาถึงปีสามได้ด้วยเกรดเฉลี่ย 2.21 น่าหดหู่เนอะ แต่ก็ขัดขวางความฝันที่จะไปประเทศญี่ปุ่นของฉันไม่ได้เหรอก เดิมทีตอนแรกฉันกะจะเก็บตังไปเองนะ แต่ในเมื่อทางคณะมีโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนมาถึงที่ ไม่กระโดดคว้าไว้ก็แย่แล้ว ฉันจึงทุ่มสุดตัว ทั้งๆที่เกรดไม่ผ่านเกณฑ์คิดดูละกันมันต้องทุ่มขนาดไหนทั้งความรู้ความสามารถ และการฝึกภาษา เอาแบบสุดตัวกันเลยทีเดียว อะ!ถึงห้องเรียนแล้ว
ห้องสีขาวกว้างขนาดบรรจุนักศึกษาได้ประมาณร้อยกว่าคน โต๊ะเล็กเชอร์ ที่ตั้งลดหลั่นกันมาเป็นขึ้นบันได เพื่อให้ผู้ที่นั่งด้านหน้านั้นไม่บังคนที่นั่งข้างหลัง นอกหน้าต่างมีปุยละอองหิมะลอยละล่องตามกระแสลม บ้างก็เกาะอยู่ที่ริมหน้าต่าง ในทางกลับกันในห้องเล็กเชอร์นี้กลับมีอากาศอบอุ่นจากเครื่องทำความร้อนที่ติดตั้งไว้ในอาคาร มินตราเดินไปที่กระดานอันใหญ่ที่เหล่าคณาจารย์ ทั้งหลายจะใช้มันบรรเลงสรรพวิชาความรู้ให้แก่ผู้ที่สนใจ ความใหญ่ของมันทำเอาเธอตะลึงงั้น จนอยากจะถ่ายรูป แต่ก็นั้นแหละ วันนี้เป็นวันแรกของเธอและเธอก็ยังไม่มีเพื่อนที่นี้เลย
หญิงสาวร่างระหงส์ในเสื้อโค้ดตัวใหญ่ เจ้าของผมดำยาวระบั้นท้ายเดินช้าๆกินบรรยากาศระหว่างหาที่นั่งที่โดนใจตัวเอง ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่ใช่เวลาเข้าเรียนแต่ก็มีนักศึกษาเริ่มมาจับจองที่นั่งไว้บ้างแล้ว เธอค่อยๆเดินพลางใช้มือไล้โต๊ะแต่ละตัวที่เธอเดินผ่าน คล้ายจะจับสัมผัสถึงความขลังของของแต่ละชิ้นของที่นี้ ผิวของเธอถึงมันจะไม่ได้ขาวปานหิมะหรือขาวอย่างคนทั่วไปแต่เธอก็ไม่เคยคิดจะทำตัวเองให้ผิวขาวเหมือนค่านิยมที่ประเทศบ้านเกิด เพราะผิวสีแทนของเธอได้มาจากการท่องเที่ยวไปกับพ่อแม่เมื่อยามเด็ก และความทอมบอยในตัวของเธอเอง ดวงตาหวานซึ้งนั้นเธอได้มาจากแม่เต็มๆ เพื่อนสนิทมักจะบอกกับเธอว่า “นัยน์ตาดำขลับของแกมันทำให้แกดูน่ารัก และมันก็ทำให้คนอื่นเดาใจแกยากด้วย” ดูเหมือนเธอจะเจอที่นั่งแล้วตรงริมหน้าต่างบวกกับแสงแดดอ่อนๆ น่านอน เอ้ย! น่านั่งเสียจริง ริมฝีปากอิ่มที่เคลือบด้วย ลิปกลอสอย่างหน้าคลี่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี ก่อนเจ้าตัวจะจัดแจงข้าวของสำหรับการเรียน
“อยากดูรีบอร์นจัง” มินตรา หรือ จะเรียกสั้นๆว่า มิน นั่งถอนหายใจเบา ‘โอ๊ยยยย อยากดูๆๆๆ ช่วงนี้กำลังติด น่าจะมีwifi นะ แต่ก็ไม่มีรหัสอยู่ดีอะ นอนฝันรอครูก่อนได้ไหมอะ มาถึงญี่ปุ่นทั้งที่ ยังไม่มีเวลาไปท่องโลกการ์ตูนเลยน๊า’
//ท่องโลกการ์ตูนที่มิน หมายถึง คือ ท่องไปในชั้นหนังสือหาหนังสือการ์ตูนที่ตัวเองอยากอ่านแล้วจมไปกับมัน เอาให้หนังสือทับตายไปเลย เป็นเรื่องรีบอร์นจะดีมาก เพราะ ทรัพยากรผู้ชายเยอะ =.,=//
หลังจากไถหัวตัวเองกับโต๊ะไม่นานเธอก็หลับไป
.......
....
..
.
.
“หึหึหึ การวิจัยของฉันต้องสมบูรณ์ จะขาดก็แค่ตัวอย่างทดลองของจริง ถ้าได้มันมาหละก็การเก็บของมูลของฉันมันจะต้องเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเจ้าเครื่องนั้น หึหึ เจ้าพวกอัลโกบาเลโน่ที่เหลือจะสู้ฉันไม่ได้ 55555 แต่ก่อนอื่นต้องหาเจ้าตัวอย่างทดลองก่อน” นักวิทยาศาสตร์ตัวน้อย ที่เคยจิ๋ว กำลังพึมพำกับเจ้า super computer อย่างบ้าคลั่ง แถมยังส่งเสียที่ชวนให้คนฟังเสียสติออกมาอยู่เนื่องๆ
“55555 ออุอุอุ และฉันจะต้องเป็นผู้ใหญ่ก่อนเจ้าพวกบ้านั้น ”
แสงอ่อนๆจากหน้าจอคอมหลายตัวสาดไปที่เด็กชายเจ้าของผมสีเขียวขี้ระเกะระกะอย่างไม่เป็นทรง ผู้มีดวงตาปรกติจะเฉยชาอยู่หลังแว่น แต่วันนี้มันกลับลุกโชนด้วยเปลวไฟแห่งวิทยาการ พร้อมสะแยะ เอ้ย รอยยิ้มที่ชวนสยอง (me: แผ่นก่อนหละ)
“Across Dimensions” เวลเด้ขยับแว่นอย่างมีชั้นเชิง
“($@%*$&%$()+%@)($%$*%&$*”
เสียงแซ่งแซ่ ของหลายๆบทสนทนาดังขึ้นเมื่อใกล้จะเข้าเรียนเช่นการทักทายคนข้างๆ หรือหาเพื่อนใหม่ แต่สาวสวย? ของเรากลับหลับเสียอย่างงั้น
“หือ ” มินผงกหัวขึ้นมารับรู้โลกภายนอก(ตัวเอง) จากเสียงที่มารบกวน ก่อนจะต้อง “หย๋า เริ่ม คลาสแล้ว ” ตั้งสติเพื่อตั้งใจเรียนให้สมกับที่ได้มาเรียน
เวลาได้ล่วงเลยผ่านมาถึงยามเย็น ด้วยหน้านี้เป็นหน้าหนาว พระอาทิตย์จึงไม่สามารถอยู่ทอแสงให้ความอบอุ่นได้นาน ปริมาณของหิมะเริ่มทวีความรุนแรงประกอบกับกระแสสม สภาพอากาศที่กำลังเลวร้ายลงทำให้ร่างบางต้องรีบเดิน(อีกแล้ว) เพื่อจะกลับที่พักทามกลางถนนที่มีคนพลุกพล่านและเดินกันปานจะวิ่งแข่งกัน
คิดถึงพระอาทิตย์ที่สุด ตอนอยู่บ้านหละแดดจ้าจนตากผ้าห้านาทีแห้ง แต่ที่นี้ดันเป็นห้าโมงก็เหมือนสองทุ่ม ไม่มีอะไรพอดีเลยจริงๆ มินคิดอย่างหงุดหงิด สองมือของเธอหอบหนังสือและกระเป๋าสะพายอีกหนึ่งใบทำให้มันดูทุลักทุเลพอควร
แต่แล้วก็เหมือนทุกอย่างค่อยๆช้าลง....
“อะไรกัน..มันเกิดอะไรขึ้น!!!”มินบ่นอย่างแปลกใจกับการเคลื่อนไหวรอบข้างที่มันช้าลงจนเกือบจะสโลว์โมชั่น “ทั้งๆที่เมื่อกี้เดินไวปานจะขวิดกันตาย” มินค่อยๆเดินซิกแซ๊กแซงคนนู้นคนนี้อย่างสบายๆ ก่อนจะเหลือบตาไปเห็นร้านๆหนึ่งที่เต็มไปด้วยหนังสือกองระเกะระกะ เมือนทุกอย่างหยุดนิ่งสมองไม่สามารถสั่งการใดใดได้ ดวงตาคู่สวยของเธอเอาแต่จับจ้องไปที่ร้านนั้น ขาสองข้างของเธอเองกำลังพาร่างกายเดินไปยังร้านแห่งนั้นโดยที่เจ้าตัวไม่รู้สึกตัว เหมือนมีแรงดึงดูดซึ่งกันและกัน
ต๊อก ... ทันทีที่เสียงส้นรองเท้าของมินหยุดลงที่หน้าร้านหนังสือ ทุกๆอย่างก็กลับมาเคลื่อนไหวอย่างปรกติ
“ปรี๊นนน....!!!! ..... (*$%@$&(*%)(@%+@$” เสียงรถ เสียงคนคุยโทรศัพท์ เสียงของผู้คนค่อยๆกลับมาอีกครั้ง
“ร้านนี้... เอะ! ทุกอย่างกลับมาไวเหมือนเมื่อกี้??” มินอุทานอย่างแปลกใจก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้า ก่อนจะพูดเบาๆเหมือนคนกำลังเพ้อ ”เมฆ ละอองฝน(เกร็ดหิมะที่ละลาย) สายลม หมอก ” มือข้างหนึ่งละจากของที่ถือไว้ค่อยๆ เอื่อมไปสัมผัสบรรยากาศตรงหน้า หิมะปุยน้อยๆ ลอยละลองมาหล่นบนมือเรียวก่อนที่จะละลายกลายเป็นน้ำเพราะความร้อนจากตัวเธอ
ครึ้นนนนน.............เปรี้ยง !!!!!!!! สายฟ้าแสนจะอันตราย ฟาดลงมาอย่างเฉียบพลันเพื่อจะเตือนให้ผู้คนรีบกลับบ้านก่อนที่อากาศจะเลวร้ายกว่านี้
“สายฟ้า ....เหมือนกับธาตุในเรื่องรีบอร์นเลย อะไรจะโผล่มาพร้อมกันขนาดนี้จะเหลือก็แต่อรุณ” มินกระชับของในมือกับกระเป๋าอย่างหวาดผวาในใจลึกๆ
“ฉันคงไม่ได้กำลังนอนหลับฝันอยู่ใช่ไหม??? กรี๊ดดดดด !!” มินกรี๊ดดออกมาเมื่อสภาพรอบข้างสว่างจ้าเหมือนต้องแดดยามเช้า
“อ....รุณ” พระอาทิตย์สาดแสงจ้าอยู่บนท้องฟ้าที่แสนสงบ “นภา..”
มินรู้สึกแข่งขาอ่อนเหมือนคนโดนผีหลอกขึ้นมาเสียอย่างงั้น
“ฉัน...คงไม่ได้ถูกล๊อตเตอร์ลี่รางวัลที่หนึ่งเหรอกใช่ไหม...เหอๆๆๆ” มินทรุดตัวลงนั่งกับพื้นก่อนจะหัวเราะเยาะตัวเองแห้งๆอย่างอ่อนแรง
วี๊!!!! อยู่ดีดีก็มีเจ้าเครื่องยนต์ประหลาด ยื่นออกมาจากกองหนังสือ เป็นลักษณ์เป็นจานแบนๆวงกลมสีขาว
“หน้าตาคุ้นๆ.......นะ.....ว๊ายยยยยยยยยยยยยยยย!! ” ยังไม่ทันที่มินจะได้ระลึกความจำว่าเจ้าเครื่องที่แสนคุ้นหน้าคุ้นตานี่คืออะไร สายลมรุนแรงก็ดูดเธอเข้าไปหาเจ้าเครื่องนั้น
“อย่าให้รู้นะว่าใครเป็นคน ทามมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!!!” หญิงสาวตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด พร้อมทั้งพยามทรงตัวต้านแรงลมจากเจ้าเครื่องนั้นพลางใช้สองมือรวบผมและปัดผมที่ปรกหน้า (ห่วงสวย) หลังจากเปลี่ยนความแปลกใจระคนกลัว เป็นความโกรธเกรี้ยวที่พร้อมจะเฉ่งใครก็ตามที่มาทำผมเธอยุ่งเหยิง
อย่าให้เจอหน้านะ แม่จะบ่นให้หูชาเป็นแถบเลย!!!
"ฮัจชิ้ว... เห้ย!!!!" เวลเด้ตัวน้อยฮัจชิ้วออกมาจนหัวโยกไปโดนปุ่ม 'ยกเลิก'
"แบบนี้มันนอกเหนือที่คาดการไว้" เพราะการไปโดนปุ่มยกเลิกกลางคันทำให้เจ้าคนสติเฟื่องผมสีเขียว ออกอากาศคลั่งใส่ super computer
'ไม่นะตัวทดลองของผมมมมมมมมมมมมมมมมม !!!! '
//อีกอย่างผมไม่ได้สติเฟื่อง:เวลเด้
//จ๊ะ ^_^; :me
ความคิดเห็น