“ความรัก” สร้างพลังชีวิต ทำให้เกิดความหวัง กระชุ่มกระชวย มองโลกสดใส หันมาเอาใจใส่ตัวเองให้ดูดี
และ อยากเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างไรก็ตาม ความรักในโลกยุคใหม่ยังอาจนำไปสู่อันตราย ที่นำไปสู่โรคภัยไข้เจ็บ การบาดเจ็บ และอาจถึงตายได้หลากหลายรูปแบบ
ต้นคิดขอถือโอกาสสะกิดเตือนคุณผู้อ่านที่คิดจะย้อมหัวใจให้เป็นสีชมพู ให้เหลียวหน้าระวังหลังสักนิดก่อนคิดรักใครแบบ “เสี่ยงๆ”
“กิ๊ก” อาหารจานด่วนของหัวใจ
เรื่องของ “กิ๊ก” คืบ คลานเข้ามาสู่ชีวิตคนไทยเมื่อไหร่ไม่มีใครบอกได้ แต่กลายเป็นประเด็นที่ถูกกล่าวขวัญถึงอย่างกว้างขวางตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมารายงานการศึกษาวิจัยเรื่อง “กิ๊ก มากกว่าเพื่อน...แต่ไมใช่แฟน” ของนิสิตคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดทำโดย น.ส.ธนพร สง่าศรี น.ส.นิศารัตน์ ตันติเมธ น.ส.มยุรี ปัทม์กชกร น.ส.วีรนุช พลรวมเงินและนายอาทิตย์ สุวรรณเกษม กล่าวไว้ว่า นิยามความรักในหมู่วัยรุ่นที่เป็นมากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟน มี
ความรู้สึกพิเศษ ผูกพันกัน คิดถึงกัน แต่ไม่ใช่แฟนกันนี้ มีคำเรียกตามแต่ละยุคแต่ละสมัยแตกต่างกันคือ ยุคแรกเรียกว่า “เด็ก” ยุคต่อมาเรียกว่า “โปร” จนถึงปัจจุบันคำที่นิยมเรียกกันมากที่สุดคือ คำว่า “กิ๊ก”ในรายงานเล่มนี้ระบุถึงความหมายของคำว่า “กิ๊ก” ในความเข้าใจของนักศึกษาไว้ 2 ความหมาย
ความหมายแรก คือ “กิ๊ก” ไม่ใช่ “ชู้” กิ๊กมีสถานะเป็นมากกว่าเพื่อน แต่ยังไม่ใช่แฟน และอาจมีเพศสัมพันธ์หรือไม่มีอะไรกันก็ได้ ส่วนชู้เป็นแฟนที่ไม่ได้เป็นแฟนอันดับหนึ่ง แต่ได้รับการยอมรับ และให้เรียกสถานะได้ว่าเป็นแฟน อาจมีเพศสัมพันธ์หรือไม่มีก็ได้
ความหมายที่สอง “กิ๊ก” คือ คนที่เราใส่ใจมากกว่าเพื่อน รู้สึกพิเศษเกินเพื่อน แต่ไม่ได้คิดกับเขาแบบแฟน คือ ไม่รู้สึกพิศวาส ไม่อยากอยู่ด้วยกันจนแก่จนเฒ่า ไม่อยากอยู่บ้านเดียวกัน แต่ถ้าเห็นหน้ากัน
ทุกวัน คุยกันนานๆ คงดีในภาพรวม คนส่วนใหญ่ให้ความหมายกับสถานภาพ “กิ๊ก” ไปในทางเดียวกันว่าเป็นคนที่มีความรู้สึกพิเศษ ผูกพันกัน คิดถึงกัน แต่ไม่ใช่แฟนกัน หรือสรุปสั้นๆ เข้าใจง่ายๆ ได้ว่า “กิ๊ก ไม่ใช่ชู ้ แต่ถ้าแฟนรู้ต้องเลิก”
อย่างไรก็ตาม มีประเด็นหนึ่งที่ไม่มีการฟันธงชัดเจน นั่นคือ การมีกิ๊กพัวพันไปถึงเรื่องเซ็กส์หรือไม่ โดยบางกลุ่มบอกว่าการมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องล้ำเส้นสำหรับกิ๊ก ขณะที่ที่บางคนบอกว่าไม่แปลกที่จะการเป็นกิ๊กจะนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์
กิ๊กกับ “เซ็กส์” ใครว่าของต้องห้าม?
ก้าวผ่านความเห็นไปสู่ความจริง ในปีเดียวกันนั้น สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับของประชาชนเรื่อง “ตัวบ่งชี้มูลเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดพฤติกรรมการนอกใจคู่รัก (การมีกิ๊ก) จากการสุ่มตัวอย่างประชากรที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,480 ตัวอย่าง พบว่า มากกว่า ร้อยละ 98 เคยนอก
ในแฟนตนเองด้วยการมีกิ๊ก และในจำนวนนี้ ร้อยละ 60 เคยทีเพศสัมพันธ์กับกิ๊กของตนเอง
ตารางที่ 1 แสดงผลสำรวจเกี่ยวกับสถานการณ์การมี “กิ๊ก” ของคนไทยในปี พ.ศ.2550
พฤติกรรมโดยภาพรวม | ร้อยละ |
ภาพรวมของการมีกิ๊กในสังคมไทย | 98 |
มีเพศสัมพันธ์กับกิ๊กของตนเอง | 60 |
เคยมีกิ๊กโดยเฉลี่ย 3 คน | 36.9 |
เคยมีกิ๊กและยังคบกันอยู่ | 40 |
ยอมรับไม่ได้หากทราบว่าคนรักของตนมีกิ๊ก | 85 |
ที่มา เอแบคโพลล์, 2550
ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ ทำไมกิ๊กถึงเป็นรูปแบบความสัมพันธ์ที่แพร่ระบาดสู่ชีวิตของคนไทยมากมายถึงเพียงนั้น
ใน การสำรวจครั้งนี้ได้ล้วงลึกไปถึงปัจจัยที่สำคัญที่ให้เกิดการนอกใจคู่รัก หรือคู่สมรส และพบว่าสาเหตุสำคัญ 3 อันดับแรก คือ ความจู้จี้ขี้บ่นของหญิงและความไม่เอาไหนของชาย ความสัมพันธ์ภายในครอบครัวที่ไม่ดี ทะเลาะเบาะแว้งกัน และ ความเหงา ขาดความรัก ความอบอุ่นภายในครอบครัว ไล่เรียงกันมาตามลำดับ
ตารางที่ 2 แสดงผลสำรวจเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้นอกใจคู่รักหรือคู่สมรส
มูลเหตุ | ร้อยละ |
บ่นของหญิง และความไม่เอาไหนของชาย | 83.3 |
ความสัมพันธ์ภายในครอบครัวที่ไม่ดี ทะเลาะเบาะแว้งกัน | 80.7 |
ความเหงา ขาดความรัก ความอบอุ่นภายในครอบครัว | 80.2 |
การมีอำนาจเงิน และอำนาจในหน้าที่การงานระดับสูง | 73.0 |
ยอมรับไม่ได้หากทราบว่าคนรักของตนมีกิ๊ก | 71.3 |
การมีฐานะทางการเงินที่ดี มีเงินเหลือใช้ | 70.4 |
ความผิดปกติทางจิตบางอย่าง เช่น ต้องการชดเชยสิ่งที่ขาดความรัก | 66.9 |
ต้องการแสวงหาความสุขทางเพศในรูปแบบใหม่ๆ กับคนใหม่ๆ | 64.4 |
คนรัก/คู่สมรส ให้ความสุขทางเพศได้ไม่เต็มที่ | 59.8 |
ต้องการพิสูจน์ว่าตนเองเป็นคนที่มีเสน่ห์ มีความสามารถ | 57.1 |
ความเครียดที่เกิดขึ้นจากการทำงาน การเรียน | 57.0 |
ที่มา เอแบคโพลล์,2550
เป็นกิ๊ก เสี่ยงตรงไหน?
มี คำเตือนถึงภัยจากนักสังคมศาสตร์ถึงการมีกิ๊กว่ามีด้วยกันหลายสถานดร.นพดล กรรณิกา แห่งเอแบคโพลล์ กล่าวว่า พฤติกรรมการนอกใจคู่รักและการมีกิ๊กอาจกลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่สำคัญที่ ทำลายสถาบันครอบครัวไทยซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของความมั่งคงของสังคม
ด้าน ดร.จิตรา ดุษฎีเมธา แห่งศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ ม.ศรีนครินทรวิโรฒ(มศว) ชี้ว่า ถ้าครอบครัวไหนรู้ความจริงว่าสามีหรือภรรยาตัวเองไปมีกิ๊ก หรือนอกใจไปมีคนอื่น เชื่อว่าไม่มีใครทำใจได้ เพราะถือเป็นการนอกใจ เมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดรู้ความจริงจึงต้องมีการคุยกัน เพื่อให้เกิดความกระจ่างท้ายที่สุดหนีไม้พ้นต้องลงท้ายด้วยการทะเลาะกัน
“การมีกิ๊กทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาได ้ คือเกิดการมั่วเพศ เกิดโรคติดต่อ สร้างความร้าวฉานเกิดขึ้นในครอบครัว
เกิดการทำร้ายร่างกายและที่สุดแล้วบางครอบครัวเกิดการหย่าร้าง ในบางครอบครัวที่ตกลงกันไม่ได้อาจนำพาไปสู่การแก้ปัญหาที่รุนแรง
มีการฆ่าอีกฝ่ายหนึ่งเกิดขึ้นจากนั้นฆ่าตัวเองตาม นำไปสู่ปัญหาอาชญากรรม”
นั่นคือคำเตือนถึงบทลงเอยของโลกสีชมพูที่ขับเคลื่อนด้วยพลังความสัมพันธ์ฉันท์ “กิ๊ก”
ขอบคุณข้อมูล สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสาร
ความคิดเห็น