การใช้ชีวิตที่เหลือกับโรค SLE
วันที่หมอบอกว่า "คุณเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง " หรือ SLE วันนี้เป็นวันที่ 10 มีนาคม 2542 ( วันเกิดดิฉันพอดี ) ของขวัญที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนคือ โรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาด ตอนนั้นพูดไม่ออก ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักอะไรเกี่ยวกับ SLE เลยแต่ในใจกลับหดหู่ ตอนนั้นอาการที่ทำให้ต้องไปตรวจคือ เหนื่อยง่าย มือบวม หน้าบวม มีต่อมน้ำเหลืองโตที่รักแร้ .. ออกจากรพ.มาก็ไม่รู้จะไปไหนเพราะสมองโล่งไปหมด กว่าจะทำใจได้ก็ร่วมเดือน ช่วงเดือนนั้นชีวิตไม่มีอะไรเปลี่ยนมากนัก จนกระทั่ง..ถึงวันที่ขาเริ่มโตขึ้น มือบวม มีต่อมน้ำเหลืองโตที่คอ และฝ่าเท้า เริ่มเดินไม่ถนัด เหนื่อยง่ายมาก ลิ้นไม่รับรสและอุณหภูมิ ตอนนั้นหมอแผนปัจจุบันบอกว่าดิฉันคงอยู่ได้ไม่เกิน 2 ปี .. ดิฉันหดหู่ใจมากค่ะ แต่ก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เพราะรู้แต่ว่าชีวิตนี้ยังไม่ได้ทำอะไรให้แม่แบบเป็นชิ้นเป็นอัน ยังไม่ได้ใช้ความสามารถของตนเองตอบแทนสังคมเลย หลังจากนั้นดิฉันต้องหัดเดินใหม่ ถ้ากินแล้วอาเจียนดิฉันจะยิ่งกินเข้าไปอีก ดื่มน้ำเยอะๆ และสวดมนต์นั่งสมาธิ จากวันนั้นถึงวันนี้ 8 ปีแล้วค่ะ แม้จะไม่สามารถทำอะไรได้ 100 % เหมือนคนปกติทั่วไป แต่ก็ใกล้เคียงกับคนปกติ .... ที่เล่ามาทั้งหมดเพราะอยากฝากบอกคนที่เป็นโรคนี้ หรือมีคนรู้จักเป็นโรคนี้คุณต้องให้กำลังใจเขามาก ๆ ขอให้เน้นย้ำว่าสามารถหายได้ ขอให้มีกำลังใจที่จะต่อสู้ แม้โรคนี้บทจะทรุดก็ทรุดแบบดื้อ ๆ เลย แต่ไม่ได้หมายความว่าควบคุมดูแลไม่ได้ คุณต้องสังเกตุตัวเองถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น หาหมอเป็นประจำ แน่นอนที่สุดว่าคนที่เป็นโรคนี้แล้วมักเสียชีวิตฉับพลัน แต่หลายคนก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างปกติสุข เหมือนดิฉันหรือเหมือนดาราอีกหลายๆ ท่านที่เป็นโรคนี้เหมือนกัน สิ่งเดียวที่ทำได้คือทำใจให้สงบ เมื่อไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้ คุณต้องลุกขึ้นสู้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ..ขอเป็นกำลังใจให้ หากคุณหรือใครที่เป็นโรคนี้อยากคุยกันหรือแลกเปลี่ยนความคิดกัน..ยินดีเสมอ ค่ะ..
ความคิดเห็น