คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : C.4
“เขาจริงจังหรือเปล่า?” ปู๋ไป่ถามชายชรา
เหล่าต้า "บางทีพวกที่ผิดปกติแบบนี้อาจมีงานอดิเรกที่ไม่อาจบรรยายได้
แต่มันก็เป็นโอกาสที่คุณจะได้ใกล้ชิดกับเขาและทำมัน ถ้าคุณทำไม่ได้ฉันหวังว่าคุณจะยกเลิกภารกิจ"
หากชายชราเป็นระบบตะกรันที่ไม่ดีจริงๆ ที่จะบีบวิญญาณแรกเกิดอย่างเขา ปู๋ไป่อาจยอมแพ้โดยไม่มีแรงกดดัน
หากแต่เหล่าต้าไม่ใช่แบบนั้นดังนั้นปู๋ไป่จึงต้องการทำมันอีกครั้ง
“ฉันชอบคุณที่สุด ไป่ไป่” ปู๋ไป่พูดด้วยน้ำเสียงตุ้งติ้ง
"เรียกฉันว่าเหล่าต้า" เหล่าต้าพูดขึ้นอย่างอึกอัก เพื่อปกปิดแก้มนุ่มนิ่มที่ไหม้เกรียมขึ้นอย่างกะทันหันรวมทั้งหัวใจที่สั่นไหวของชายชราผู้โง่เขลา
ปู๋ไป่ค้างศีรษะของเขาไว้บนเตียงและผมสีหมึกบางส่วนได้บดบังนัยน์ตาของเขา
เพื่อที่จะไม่ให้คนนอกมองเห็นเนื้อหาภายในนั้น
ปู๋ไป่เบียงตัวก้าวออกจากเตียงอย่างช้า ๆ ความเย็นบนพื้นดินทำให้เขาสั่นเล็กน้อย
โดยไม่คำนึงว่าเขาจะเดินไปถึงฉีโม่หลานบนพื้นหรือไม่ เพียงก้มตัวลงมาเพื่อช่วยเหลืออีกฝ่าย
ทุกรายละเอียดของการกระทำเผยให้เห็นถึงความระมัดระวัง
แท้จริงแล้วฉีโม่หลานไม่ได้บาดเจ็บที่ใด เพราะเรี่ยวแรงเพียงเล็กน้อยเช่นนี้ไม่อาจจะส่งผลกระทบใดๆ
ต่อเขา เขาเพียงแค่ชอบที่จะพึ่งพาความรู้สึกของคนผู้นี้ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าเขาเป็นหัวแก้วหัวแหวน*
(*สมบัติล้ำค่า)
ใช้เวลาเพียงไม่นานในการประคองกันมาที่เตียง ร่างของฉีโม่หลานนั้นถูกวางลงอย่างรวดเร็วโดยปู๋ไป่ซึ่งตอนนี้นั่งลงอยู่ข้างๆเขาโดยไม่เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน
ฉีโม่หลานสังเกตเห็นว่าปู๋ไป่ตัวแข็งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นปู๋ไป่ก็ทำสิ่งที่เขาไม่เคยคิด
แต่เดิมปู๋ไป่ไม่ได้สวมเสื้อผ้าหลายชั้นมากนัก แต่กระนั้นภายใต้การดึงของเขาก็ได้เผยให้เห็นผิวที่สีขาวราวกับหิมะเป็นบริเวณขนาดกว้าง
ฉากเปลือยกายอันงดงามที่อยู่ด้านหน้าฉีโม่หลานเช่นนี้ทำให้เขาค่อนข้างสับสน
"ใส่มันไว้อย่างเดิม" ฉีโม่หลานเลี่ยง
"ทำไม นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าควรทำ?" น้ำตาของปู๋ไป่ไหลออกมาทันที
"แต่ไม่ใช่ตอนนี้." สิ่งที่ข้าต้องการคือความเต็มใจของเจ้า
เขาไม่เคยภูมิใจในสิ่งที่ไม่แน่ใจ อย่างน้อย ณ ตอนนี้ก็ไม่เคยมีสิ่งใดที่เขาไม่อาจเข้าใจได้ในชีวิตของเขาและเขาเชื่อในสิ่งเดียวกันในครั้งนี้
มือคู่นี้มีไว้เพื่อฆ่า นอกจากนั้นมันยังมีความเชี่ยวชาญในเรื่องเล็กๆ
น้อยๆ เช่นการแต่งตัว ในเวลาเพียงไม่นานเสื้อผ้าของปู๋ไป่ก็ถูกจับแต่งอย่างเรียบร้อย
นอกจากนี้ฉีโม่หลานยังช่วยเขารวบผมของเขาขึ้นและเกล้ามวยให้อย่างง่าย ๆ
เวลาทั้งหมดผ่านไปอย่างช้าๆ จนกระทั่งคนผู้นั้นกดริมฝีปากทาบทับบนริมฝีปากของปู๋ไป่ราวกับต้องการหยอกล้อ
ปู๋ไป่จึงรู้สึกตัวขึ้นมาและเฝ้ามองคนที่เกิดมีคุณธรรมขึ้นมาด้วยความสับสน
"มากับข้า" ฉีโม่หลานดึงอีกคนออกไปภายนอกประตู และเป็นครั้งแรกที่ปู๋ไป่ก้าวย่างออกไปภายหลังจากที่เขามาถึงสถานที่แห่งนี้
มีเนินเขาสีเขียวเป็นฐานและมีเมฆสีขาวเป็นของตกแต่ง ต้นไม้ที่ล้อมรอบเต็มไปด้วยดอกไม้และพืชแปลกๆ
สายลมสวรรค์และหมอกแผ่ปกคลุมทั่วทั้งตำหนักประหนึ่งว่าเป็นตำหนักสวรรค์ตลอดจนบรรยากาศก็ไม่ใช่สิ่งที่สร้างขึ้นจากเวทมนต์
"นี่คือตำหนักของเจ้า?" ปู๋ไป่มองดูฉากที่ไม่สอดคล้องกับตำนานด้วยความสงสัย
"นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการ แต่ถึงอย่างนั้นยามเมื่อข้าสร้างตำหนักข้าก็คิดว่ามันควรจะเป็นแบบนี้
เช่นเดียวกับคำสาบานที่ฝังอยู่ในจิตวิญญาณ ข้าไม่อาจทนที่จะละเมิดมันได้"
เมื่อฉีโม่หลานพูดถึงสิ่งเหล่านี้รูปโฉมภายนอกของเขาก็ดูราวกับถูกทุบให้เป็นรูและเปิดเผยความอ่อนโยนทั้งหมดออกมา
"เจ้าชอบมันไหม?"
ทันใดนั้นเขาก็หันมาถามคำถาม
"ใช่" ด้วยหัวใจรัก ปู๋ไป่ไร้ความลังเลต่อการเปิดเผยนี้
"ข้ารู้ว่ามันเป็น..." คำว่า ‘เช่นนั้น’ หายไประหว่างริมฝีปากและฟัน
"เจ้าเพิ่งพูดอะไรบางอย่าง?" ปู๋ไป่เติมเต็มหน้าที่ของการเป็นสัตว์เลี้ยงชาย
โดยการเอาใจใส่ทุกคำพูดของเจ้านาย
"ไม่มีอะไร" เมื่อมองย้อนกลับมา ฉีโม่หลานก็ยังคงเป็นจอมเวทที่มีอำนาจทุกอย่างในยามที่ไม่มีสงคราม
แม้ว่าหนทางระหว่างพวกเขาจะไม่มีแล้ว ถึงอย่างนั้นช่องว่างความบาดหมางนั้นกับล้ำลึกและห่างกันหลายพันไมล์
ภายในไม่กี่วันผู้คนในวังปีศาจก็รู้ว่าจอมมารของพวกเขาได้รับชายหนุ่มผู้งดงามคนใหม่เข้ามา
ผู้คนในเผ่ามารนั้นไม่สนใจรายละเอียด เพศนั้นก็ยิ่งไม่สำคัญอย่างยิ่งในสายตาของพวกเขา
สิ่งที่พวกเขาสนใจคือตัวตนเท่านั้น ปู๋ไป่นั้นมีตำแหน่งที่สูงส่งภายในตระกูลของเซียวเย่
ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจแต่งงานกับชายคนใดได้ง่ายๆเช่นนี้หากไม่มีตระกูลอยู่เบื้องหลัง
ในเวลานั้นเรื่องนี้ทำให้ทั่วทั้งโลกซู่เจิ้นปั่นป่วน
แต่ไม่มีใครกล้าพูดถึงเรื่องนี้มากนัก ทุกวันนี้แม้ว่าข่าวลือจะแพร่ออกไปว่าเขาถูกเลี้ยงดูโดยมารอย่างไร้ค่า
ทว่าตระกูลของเขาก็ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เลย เพียงหนึ่งคำพูดที่กล่าวออกไปกับทำลายเขา
ก็ได้สยบพายุทั้งหมดให้สงบลงหมดสิ้น
แต่สิ่งนี้ไม่สามารถปัดเป่าความสงสัยของผู้คนในเผ่ามาร ปู๋ไป่ไม่อาจเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ของพวกเขาได้
ทุกๆวันจะมีมารหลายตนเฝ้าระวังปู๋ไป่อย่างลับๆรอให้เขาก้าวพลาดและลอบสังหารเขาในจุดนั้น
ด้วยเหตุนี้ทำให้เกิดปัญหามากมายสำหรับการทำภารกิจให้เสร็จของปู๋ไป่
ปู๋ไป่เป็นสัตว์เลี้ยงชายที่ถือได้ว่ามีความสามารถ
เขาไม่เคยปฏิเสธที่จะจูบหรือนอนด้วยกัน แม้แต่การเย้าแหย่ตามปกติเขาก็เพียงแย้มยิ้มเสมอ
แต่ว่าเขาก็ไม่ได้พอใจกับมัน เขาไม่ได้รักประมาณว่าไม่แม้แต่จะใส่ใจมัน นี่แหละคือความจริงที่ทำให้ฉีโม่หลานไม่พอใจ
“จอมมารอู๋เซียนมาเยือน” แม่ทัพของเผ่ามารเข้ามาแจ้งให้เขาทราบ
คิ้วของฉีโม่หลานยกขึ้น อู๋เซียนและเขามีพลังความแข็งแกร่งแทบจะเหมือนกัน
ปัญหาคือเขาไม่อาจเข้ากับอู๋เซียนได้ไม่ว่าจะเพราะความเกลียดชัง หรือเพียงแค่เพราะเขาไม่ชอบซึ่งกันและกัน
อู๋เซียนนั้นชื่นชอบหญิงสาวที่งดงามและชายหญิงที่อ่อนเยาว์ วังของเขาค่อนข้างมีชื่อเสียงในด้านการร้องรำยามค่ำคืนและเสียงจากไม้ไผ่
ฉีโม่หลานและอู๋เซียนเป็นสองคนที่มีอำนาจสูงที่สุดเหมือนๆเดียวกัน
เพียงแต่ว่าฉีโม่หลานไม่เคยมีหญิงใดอยู่เคียงข้างกาย แม้ว่าเขาจะแต่งตั้งหญิงสาวเหล่านั้นให้เป็นให้เป็นมือขวาแต่พวกนางก็ไร้ซึ่งความอ่อนโยนอย่างถ่องแท้
จากการได้สัมผัสพวกนางนั้นกล้าหาญยิ่งกว่าบุรุษและสามารถออกไปสมรภูมิรบโดยมีเพียงแค่ดาบ
ซึ่งมันแปลกประหลาดมากจริงๆ
เมื่อเจอกัน พวกเขามักจะถูกดึงดูดด้วยเสียงฟ้าร้องที่ดังสนั่นและเปลวเพลิง
อู๋เซียนเกลียดหน้ากากของฉีโม่หลานที่ดูบริสุทธิ์และสูงส่ง เช่นเดียวกับฉีโม่หล่านดูถูกการไร้ซึ่งคุณธรรมของอู๋เซียน
เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาพบเจอกัน พวกเขาจะต้องได้เห็นเลือดหลั่งรินเสียก่อนถึงจะหยุด
การมาเยือนครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่ดีอย่างแน่นอน ฉีโม่หลานมองไปที่ปู๋ไป่ด้วยความไม่แน่ใจต่อบางสิ่งบางอย่าง
ยิ่งเขายืนหยัดอยู่ได้ยาวนานเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งไม่มีโอกาสออกไปจากสายตาของฉีโม่หลานมากขึ้นเท่านั้น
แต่กระนั้นถ้าอู๋เซียนต้องการจะมา เขาก็จะไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ฉีโม่หลานคิดในใจ แทบจะทันทีเขายกปู๋ไป่ขึ้นมาวางไว้บนตักของเขา
และจัดวางให้ศีรษะของอีกฝ่ายแนบกับหน้าอกของเขาอย่างเป็นธรรมชาติ
"ฉีโม่หลาน" อู๋เซียนที่รายล้อมไปด้วยเหล่าหญิงงาม ย่างก้าวเข้ามาอย่างเชื่องช้า
“อู๋เซียน ”
ประกายไฟลอยสาดไปทุกทิศทาง
"ข้าได้ยินมาว่า เมื่อไม่นานมานี้เจ้าเพิ่งได้รับต้นกล้ามาอย่างชอบธรรม
ข้าอยากจะมาเห็นความงามที่ยอดเยี่ยมเช่นใรกันที่ทำให้เจ้าเคลื่อนไหว" อู๋เซียนโบกพัดในมือของเขาเบา
ๆ ขณะกล่าวกับฉีโม่หลาน
“อืม ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็กลับไปได้แล้ว” ดวงตาของฉีโม่หลานจับจ้องอยู่ที่พัดของอู๋เซียนเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรที่เป็นภัยและกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยดีนัก
อู๋เซียนไม่ทุกข์ร้อนและยังคงกล่าวต่อไป "ตอนนี้ข้าได้เห็นมันแล้ว
และมันไม่น่าแปลกใจเลยที่แม้แต่คนอย่างเจ้าก็จะเปลี่ยนไปชอบ ข้าต้องทำเช่นใดถึงจะได้เขาไปเป็นของข้า? ข้าอาจแลกเปลี่ยนคนของข้ากับเจ้า”
ร่างกายของปู๋ไป่สั่นเทา โดยไม่ได้รู้ตัวเขาจับยึดแขนเสื้อฉีโม่หลานแทนการปลอบโยน
เขาเงยหน้าขึ้นมองคนที่อยู่ติดกันกับเขาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยกับความมั่นคงที่อธิบายไม่ได้นี้
"ไม่แลก" การโจมตีของฉีโม่หลานแม้ว่าจะถูกขัดขวางด้วยพัดเจ๋อซ่านของจอมมารอู๋เซียน
แต่ในความสงบมันก็ยังเหลือรอยการขาดของเส้นผมของอู๋เซียน
รอยยิ้มจอมปลอมหายไปจากใบหน้าของจอมมารและแทนที่ด้วยเลือดเป็นหลักซึ่งเป็นนิสัยของมาร
"งั้นคงต้องแย่งชิงเพียงอย่างเดียว"
กฎของป่า คือสิ่งที่เผ่ามารเรียกว่าความยุติธรรม
ฉีโม่หลานแยกตัวห่างออกมาจากปู๋ไป่โดยลำพัง เพื่อโจมตีปราชญ์แห่งจอมมาร
การเคลื่อนไหวของพวกเขารวดเร็วเกินไป ปู๋ไป่จึงสามารถเห็นเพียงแค่เงาที่ง่ายๆอยู่ข้างหน้าและไม่สามารถบอกได้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ
"เหล่าต้า พวกเขาทำอะไรกัน?" ปู๋ไป่หันไปขอความช่วยเหลือจากระบบ
“มันยากที่จะมีส่วนร่วม แต่ดูเหมือนว่าฉีโม่หลานนั้นจะเหนือกว่า เพราะท้ายที่สุดแล้วฉีโม่หลานเขาก็เป็นบอสลับคนสุดท้าย”
เหล่าต้าตอบกลับมา
“เขาจะชนะ?” ปู๋ไป่ถามอย่างไร้สาระ
“ไม่แน่ การโจมตีของฉีโม่หลานเถรตรงเกินไป เห็นได้ชัดว่าเขามั่นใจในความแข็งแกร่งของเขาซึ่งแตกต่างจากจอมมารอู๋เซียนที่ดูเหมือนว่าเขาจะทำได้ดีที่สุดในทุกๆการเคลื่อนไหว
ในความเป็นจริงเขาแค่พยายามหาเวลาที่เหมาะสมในการที่เขาจะปล่อยพิษที่เตรียมไว้"
"พิษนั้นมีผลกระทบอย่างมากต่อฉีโม่หลานหรือไม่?"
"ถ้าเฉพาะมันก็ไม่มาก มันแค่เพียงหยุดเขาซักพัก"
"แล้วฉันล่ะ?”
ชายชราเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะพูดช้าๆ “ปู๋ไป่ คุณอาจจะตาย”
"ฉันรู้”
แม้ว่าเหล่าต้าจะมองไม่เห็นปู๋ไป่ แต่อย่างไรก็ตามเขาก็รู้ดีว่าปู๋ไป่กำลังยิ้ม
ซึ่งเขาได้แต่ถอนหายใจ
"ฉันจะส่งคุณไปบนนั่นแล้วกัน"
ในกลางอากาศการต่อสู้ระหว่างอู๋เซียนและฉีโม่หลานนั้นยากลำบากมากขึ้นเรื่อย
ๆ หลังจากการทดลองอยู่หลายครั้ง อู๋เซียนก็พบว่าช่วงเวลาที่ฉีโม่หลานอ่อนแอที่สุดในด้านการป้องกัน
จึงคว้าโอกาสนั้นปล่อยยาพิษที่เขาสร้างขึ้นอย่างระมัดระวัง
แสงแปลกประหลาดถูกปล่อยออกไปพร้อมกับการเคลื่อนไหวอย่างอื่น แต่กลับไม่ได้รับผลลัพธ์อย่างที่คาดหวัง
มีบางคนที่ไม่ใช่ฉีโม่หลานเข้ามาขัดขวาง
อู๋เซียนเห็นเพียงร่างสีขาวราวกับหิมะล่องลอยทั้งที่จริงตั้งแต่แรกอีกฝ่ายเข้ามาพร้อมกับฝ่ามือของฉีโม่หลาน
ใจของอู๋เซียนบิดเบี้ยว เขารู้ดีว่าโอกาสของเขาหมดไปแล้วและไม่มีเวลาให้เขาหนีไปจากฉีโม่หลานโดยคำนึงถึงพื้นที่ว่างเปล่าของเขา
การเดินทางมาครั้งนี้ไม่ได้ไร้ประโยชน์สักทีเดียว อู๋เซียนคิดด้วยความเจ็บปวด
ราวกับว่าเขาได้สัมผัสถึงสิ่งสำคัญของฉีโม่หลาน
“ปู๋ไป่...เสี่ยวไป่ อย่าหลับ ลืมตาแล้วมองมาที่ข้า” ฉีโม่หลานตะโกนด้วยความเศร้าใจ
ปากของปู๋ไป่นั้นยังมีเลือดทะลักออกมาอยู่ตลอดเวลา และสีได้เปลี่ยนจากสีแดงดั้งเดิมเป็นสีม่วงและดำในภายหลัง
ลักษณะอาการนั้นไม่ดีเลยตั้งแต่แรกเห็น ร่างกายของเขายังคงสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดซึ่งแสดงให้เห็นว่าชีวิตของปู๋ไป่ไม่อาจเผาผลาญมันทิ้งไปได้
เสียแต่ว่าตัวเขาจะใช้เวลาไม่นานในการคิดเกี่ยวกับมัน
ไม่มีเวลาลังเล เขาคว้าร่างคนของเขาขึ้นอย่างรวดเร็วและพาอีกฝ่ายเข้าไปในห้องลับที่ซึ่งเขามักไว้ใช้ฝึกฝน
มีเตียงหินอยู่กลางห้องซึ่งฉีโม่หลานวางคนของเขาไว้บนนั้น ในเวลานี้ปู๋ไป่ได้หยุดการชักกระตุกและแม้ว่าการหายใจจะค่อยๆช้าลง
แต่ว่าลมหายใจนั้นกลับกลายเป็นแผ่วเบาลงเรื่อยๆ
"อย่าได้คิดที่จะตาย" ฉีโม่หลานกล่าวกับร่างตรงหน้า เขาใช้ทักษะที่มีดูดพิษทั้งหมดจากร่างปู๋ไป่เข้าสู่ร่างกายของเขา
ตั้งแต่แรกพิษตัวนี้ไม่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับเขามากนัก ดังนั้นการดูดพิษนี้เพียงแค่ทำให้เขาอ่อนแอลงชั่วคราว
ในระยะช่วงเวลาระหว่างนี้ เช่นเดียวกันเขาต้องเข้าญาณเป็นครั้งคราวเพื่อฟักฟื้นการบาดเจ็บในร่างกายของเขา
มิฉะนั้นการถอนพิษอาจไม่รอดสำหรับคนที่อ่อนแอเกินไป
เมื่อทุกสิ่งเสร็จสิ้น ฉีโม่หลานก็ผล็อยหลับไปเพราะขาดความแข็งแกร่งทางร่างกายถัดไปจากปู๋ไป่คนที่เกี่ยวพันกันกับเขาอย่างใกล้ชิด
ปู๋ไป่รู้สึกตัวตื่นเร็วกว่าที่เขาคาดคิดไว้ เมื่อเขาตื่นขึ้นมาพร้อมกันกับที่เขาได้เห็นฉีโม่หลานหมดสติ
โดยธรรมชาติแล้วเขาจะไม่พลาดโอกาสนี้ จุดประสงค์ดั้งเดิมของการเสียสละตัวเองก็เพื่อการช่วยชีวิตคือการทำให้คนผู้นี้ไว้วางใจในตัวเขา
และผลลัพธ์นี้ถือได้ว่าเป็นผลที่ได้ในทิศทางเดียวกัน
ปู๋ไป่นำกริชแบบพกพาที่เขาสวมประดับออกมาและหันไปแทงหน้าอกคนข้างๆเขา และตามฉีโม่หลานพูด
เขาไม่มีทางออกไปจากห้องนี้ได้เลย
Clarification: By ‘sleeping
together’, it’s most likely in a
platonic way.
ความคิดเห็น