ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [นิยายแปลจีน] Killing The Same Person Every Time

    ลำดับตอนที่ #2 : C.2

    • อัปเดตล่าสุด 27 มิ.ย. 62





    ปู๋ไป่ รู้สึกถึงแรงผลักดันที่อยู่ข้างหลังเขา ในพริบตาเขาออกจากมิติของเหล่าต้า

     

    ด้านหน้าปู๋ไป่คือฝูงชนที่มองไม่เห็นจุดจบ พวกเขาทั้งหมดต่างถืออาวุธวิเศษและร่วมมือกันสร้างม่านพลังส่องไปในทิศทางเดียวกัน ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ก้าวข้ามผ่านชั้นของฝูงชนและจ้องมองคนที่ยืนอยู่ตรงกลางวงล้อมด้วยความโกรธแค้นชิงชัง

     

    เสื้อผ้าสีดำและผมสีหมึก ทุกที่ในร่างกายของเขาเป็นเหมือนรูปสลักน้ำแข็งวิจิตรงดงามและละเอียดอ่อนอย่างที่ไม่มีใครเทียบ ความเย็นชาในดวงตาของเขายังสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนแม้จะอยู่ท่ามกลางฝูงชนกลุ่มใหญ่

     

    "เขาคือใคร?"

     

    “ตัวร้าย ที่คุณต้องฆ่าในเวลานี้ ”  เหล่าต้าตอบกลับ

     

    ปู๋ไป่ตกอยู่ในภวังค์ มองไปที่ศัตรูที่อยู่ตรงหน้าเขาและไม่รู้จะพูดอะไรในช่วงเวลานี้ เขาไม่สามารถพูดได้ว่าเขาคิดว่าตัวร้ายผู้นี้นั้นดูดีเกินกว่าที่จะทนได้ นอกจากนี้เขายังเข้าใจว่าเหล่าต้ามีปัญหา ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการสร้างความยากลำบากใจให้กับเพื่อนคนเดียวของเขา

     

    "ทำไมเจ้าถึงต้องฆ่าครอบครัวของข้า ฉีโม่หลาน?" ตัวเอกชายในชุดสีขาวยืนอยู่ด้านหน้าของกองทัพฝูงชนด้วยความชอบธรรมและชี้ดาบไปที่คนตรงหน้าผู้นั้น

     

    "ถ้าเจ้าต้องการฆ่า ก็แค่ลงมือฆ่า เจ้าต้องการเหตุผลอะไร? ฉีโม่หลานพูดลอยๆด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาและในคำพูดเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่แทบไม่เห็นใครในสายตา

     

    "มารตนนี้โหดร้ายยิ่งนัก ข้าจะช่วยอย่างเต็มที่ที่สุดเพื่อกำจัดภัยพิบัตินี้ให้เซียวเย่" ลุงวัยกลางคนกล่าวกับตัวเอกชาย

     

    “เขาจะตายในไม่ช้า” เหล่าต้าพูดกับปู๋ไป่ "โปรดจำไว้ว่าคนที่ไม่มีความสามารถและเย่อหยิ่งเช่นนี้มักตายเร็วกว่าคนอื่น"

     

    "ฉันมีความสามารถอะไรบ้าง?" ปู๋ไป่ถาม

     

    เหล่าต้าก้มหน้าลงและไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง

     

    “ไม่มี”

     

    "ถ้าอย่างนั้น ฉันจะทำอะไรเพื่อฆ่าตัวร้าย?"

     

     "น่าจะเป็น ... โชค ... มันไม่สำคัญ! เนื่องจากคุณอยู่ในระหว่างการทำภารกิจครั้งแรก ฉันจะให้สิทธิ์คุณตายได้หลายครั้ง"

     

    "คุณถูกฆ่าตายกี่ครั้งแล้ว?" ทันใดนั้นปู๋ไป่ก็สูญเสียความหวัง แต่เขาก็ยังไม่สามารถวิ่งถอยกลับได้บางทีอาจเป็นเพราะเพื่อนคนแรกที่แสนพิเศษคนนี้ของเขา

     

    "สนใจการโจมตีครั้งแรกของคนร้าย" หลังจากคำพูดของเหล่าต้าดังขึ้น โดยไม่มีการเตือน ปู๋ไป่ก็พ่นเลือดออกมาเต็มปากเต็มคำและล้มลงทันที ความตายครั้งแรกนั้นเร็วเกินไป ปู๋ไปจึงไม่รู้สึกเจ็บปวดมากอย่างไรก็ตามมันไม่ได้ดีมากนัก แม้ว่าเขาจะกลับสู่สภาวะของวิญญาณเลือดก็ยังคงติดอยู่ที่ปลายลิ้นของเขาด้วยความขมขื่นและฝาดลึก

     

    "ฉันตายแล้ว ”

     

    "ฉันรู้ ”

     

    ความอ้างว้างไร้ที่สิ้นสุด หนึ่งวิญญาณ หนึ่งระบบกำจัดคนร้าย เงียบจนไม่มีเสียงหายใจ.......

     

    "คุณจะฟื้นคืนชีพตอนนี้หรือไม่"

     

    “รอก่อน ฉันต้องการเวลาพักฟื้น”

     

    เมื่อมองไปในทิศทางของตัวเอกชายเสื้อผ้าสีขาวก็เต็มไปด้วยเลือด ปู๋ไป่ไม่รู้ว่ามันเป็นคนอื่นหรือของเขาเอง แม้ว่าเขาจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เขาก็ยังคงยืนอย่างมั่นคงโดยมีดาบเป็นเป็นช่วยหลัก

     

    เขาสูญเสียพลังในการต่อสู้ และตอนนี้สิ่งเดียวที่ประคับประคองเขาไว้คือความศรัทธาที่เรียกว่า ความเกลียดชัง

     

    อย่างไรก็ตามฉีโม่หลานเพียงมองดูตัวเอกชายแบบผ่านๆ ราวกับว่าประหลาดใจในการไม่ย่อท้อที่จะมีลมหายใจอยู่ต่อไปของเขา หลังจากนั้นก็วางกลศึกครั้งใหญ่

     

    ตัวเอกชายเปิดดวงตาที่แดงก่ำขึ้นและมองดูแสงที่พุ่งเข้ามาหาเขาโดยไม่สั่นคลอน ในช่วงเวลาแห่งความเป็นตาย เขารู้สึกได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งพุ่งพล่านในร่างกายของเขา

     

    ถ้าไม่เช่นนั้นแล้วเขาก็ไม่อาจยืนหยัดในที่นี่ได้ แต่นั่นก็ถึงขีดจำกัด ความแข็งแกร่งนั้นไม่เพียงพอต่อต้านการโจมตีครั้งต่อไป เขายังอ่อนแอเกินไป

     

    อย่างไรก็ตามความเจ็บปวดรุนแรงที่คาดหวังไม่ได้มาถึง สิ่งที่เขาได้รับเป็นเพียงร่างที่บอบบางอบอุ่นที่เต็มไปด้วยเลือดที่สาดกระเซ็นทั่วใบหน้า

     

    เขายื่นมือออกไปเช็ดเลือดจากใบหน้าอีกฝ่าย เผยให้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย นี้เป็นคนที่เขาเฝ้าคะนึงหาทุกวัน นี้เป็นหนึ่งในคนที่เขารักมากที่สุดในชีวิตของเขา นี้เป็นคนของเขาต้องการที่จะป้องกันไม่ว่าจากอะไรก็ตาม “ปู๋ไป่!” ตัวเอกชายโอบกอดร่างที่ไร้วิญญาณไว้ในอ้อมแขนและร้องไห้อย่างขมขื่น

     

    "แล้วฉันเป็นใคร?" ปู๋ไป่ค่อนข้างสับสน ใครก็ตามที่เห็นคนแปลกหน้าปกป้องร่างที่ไร้ชีวิตไว้ในอ้อมแขนของเขา เขาคนนั้นก็คงรู้สึกไม่สบายใจ

     

    “คู่รักในวัยเด็ก คนรักอะไรแบบนั้น ”

     

    “แล้วคนรักดั้งเดิมของเขาล่ะ?

     

    "เป็นคุณไง" สายตาที่เหล่าต้าใช้มองโฮสต์ของเขา เหมือนกับการมองคนปัญญาอ่อน

     

    "นี่คืออัตลักษณ์ที่โลกใบเล็กสุ่มเลือกให้สำหรับคุณ จากนี้ไปคุณเป็นเขาเข้าใจไหม?"

     

    ปู๋ไป่ไม่เข้าใจจริงๆ แต่เขารู้ดีว่าในฐานะคนรักอย่างน้อยเขาก็ควรจะรักและปกป้องคนผู้นี้

     

    แท้จริงแล้วฉีโม่หลานรู้สึกประหลาดใจมากกับการปรากฏตัวของปู๋ไป่ ท้ายที่สุดแล้วเขารับรู้ได้ว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่บริเวณใกล้เคียงนี้ ยกเว้นคนโง่ที่บ้าคลั่ง ดังนั้นคนผู้นี้จึง....... น่าสนใจ

     

    ปู๋ไป่เฝ้ามองดูตัวเอกชายโอบอุ้มร่างขอเขาและร้องไห้อยู่ตลอดเวลา ความโศกเศร้านั้นชัดเจนมากจนทำให้เขารู้สึกเปียกชื้นเป็นจุดๆ

    "ตัวเอกชายต้องรักเขาคนนั้นมากแน่ๆ "

     

    เหล่าต้าเคาะหน้าผากของปู๋ไป่

     

    "รักคุณมากต่างหาก และได้เวลากลับไปแล้ว"

     

    ปู๋ไป่ลืมตาแล้วมองไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเขาด้วยความรักลึกซึ้ง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนราวกับน้ำ: "เซียวเย่ ข้าไม่ได้เป็นอะไร"

     

    “มันจะไม่เป็นอะไรได้อย่างไร?” เซียวเย่ยังคงร้องไห้เหมือนเด็กที่สูญเสียของสำคัญไปทั้งหมด ทันใดนั้นเขารู้สึกถึงลมหายใจของชายผู้อันเป็นที่รัก เขาตกตะลึงในจุดนั้นและไม่ตอบสนองอยู่ครู่หนึ่ง

     

    "ข้ากลับมาแล้ว" ปู๋ไป่ยกแขนขึ้นคล้องคอเซียวเย่และจูบริมฝีปากของเขาเบาๆ เพื่อเตือนให้เขานึกถึงสิ่งนี้ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาร้องไห้รุนแรงขึ้น

     

    "ข้าเกือบจะสูญเสียเจ้าไป" เซียวเย่ไม่ได้ถามว่าทำไมคนตายไปแล้วถึงกลับมาอยู่เคียงข้างเขาหรือทำไมคนที่ถูกขับไล่ออกจากเขาไปแล้วจึงได้มาปรากฏตัวขัดขวางการโจมตีแทนเขา ในเวลานี้เขาแค่ต้องการทำรังอย่างเงียบๆ ในอ้อมแขนของคนผู้นี้ ไม่ว่าจะเป็นความตายหรืออะไรที่โหดร้ายมากกว่าเขาก็ไม่สนใจแล้ว

     

    "เจ้าจะเกิดใหม่อีกครั้งหรือไม่?" ฉีโม่หลานดูเหมือนว่าจะสนใจบางสิ่งบางอย่าง ยามเขามองไปที่ปู๋ไป่จึงเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่เกินปกติ โดยทั่วไปแล้วนี่ไม่ใช่สิ่งที่ดี

     

    แต่ตอนนี้ตราบใดที่เขาสามารถช่วยตัวเอกชายได้ ปู๋ไป่รู้สึกว่าเขาไม่มีอะไรจะเสียเพราะนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจของเขา

     

    "ใช่" ทันใดนั้นปู๋ไป่ก็สกัดจุดเคลื่อนไหวของเซียวเย่ และจงใจละเลยสายตาของคนผู้นั้นที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความไม่เข้าใจ เพื่อที่ปู๋ไป่จะได้เข้าหาฉีโม่หล่าน

     

    "ปล่อยเขาไป ข้าสัญญากับเจ้า ทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ" ดวงตาของปู๋ไป่มั่นคงมาก ฉีโม่หลานไม่ได้เห็นดวงตาที่สุกใสเช่นนี้มาเป็นเวลานาน เนื่องจากเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งมีเพียงคนอยู่สองชนิดที่กล้าเผชิญหน้ากับเขา ผู้ที่เขาสามารถเอาชนะได้และผู้ที่ไม่อาจเอาชนะเขาได้ ผู้ที่กลัวคำเยินยอและผู้ที่เย่อหยิ่ง

     

    เป็นเวลายาวนานที่ไม่มีใครมองเขาโดยตรงเช่นนี้ และความผิดปกติของเขาทำให้เกิดความรู้สึกตื่นเต้นจนอธิบายไม่ได้ เขาต้องการคนผู้นี้ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ยากที่จะปล่อยให้สิ่งที่ไม่มีนัยสำคัญนั้นดำรงอยู่ต่อไป

     

    "เจ้าคิดว่ามีบางสิ่งบางอย่างของเจ้าที่มีค่าต่อการขอร้อง นอกเหนือจากตัวเจ้าเอง?" ปู๋ไป่กัดที่ริมฝีปากจนได้เลือด แต่ยังคงพยักหน้าอย่างมั่นคง เขามองกลับไปในทิศทางที่มีตัวเอกชายก่อนที่เขาจะจากไป โดยที่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร


    ปู๋ไป่รู้ว่าเขาไม่อาจกลับมาที่นี่ได้อีกแล้ว ดังนั้นเขาหวังว่าเซียวเย่จะมีชีวิตที่ดี ได้สิ่งที่เขาต้องการ ไม่ใช่คนที่สามารถชี้ดาบบนท้องฟ้า เขาแค่ต้องการเห็นเด็กน้อยไร้เดียงสาในวัยเด็กของเขาอีกครั้ง และอยากให้เซียวเย่ใช้ดาบด้วยหัวใจของเขาเท่านั้น ดาบทุกเล่มที่มีความปรารถนาดีและความอบอุ่น

     

    "ไม่เต็มใจเหรอ?" ฉีโม่หลานถาม “ข้าช่วยฆ่าเจ้าดีหรือไม่?"

     

    “ข้าจะไปกับเขาทุกที เขามีชีวิตอยู่ข้าอยู่ เขาตายข้าตาย” ปู๋ไป่พูดอย่างชัดเจน ในขณะที่มีดาบเจียนเฟิงเปื้อนเลือดพาดอยู่บนลำคอของเขา ราวกับว่าเขาสามารถเลือดสาดกระเซ็นที่จุดนั้นได้ทันทีตราบใดที่มีประโยคที่ไม่เหมาะสม

     

    ดาบถูกปลดออกไปโดยฉีโม่หลานและคราบเลือดเล็กๆ ก็ถูกเช็ดออกด้วยนิ้วมือของเขา แม้ว่าผิวจะยังมีเลือดติดคงเหลือเล็กๆน้อยๆ เขาก็ไม่ได้สนใจมันอีก

     

    "ปกป้องสิ่งของของข้า อย่าทำลายมัน" เขาอุ้มปู๋ไป่ขึ้นแล้วพูดว่า "ถ้าเจ้าไม่อยู่ที่นี่ ข้าก็ไม่อาจพูดรับรองได้ว่าจะไม่มีการฆ่าเซียวเย่ ข้าจะพูดสิ่งที่ทำได้เท่านั้น"

     

    บางทีการที่ต้องตายต่อเนื่องกันถึงสองครั้งก็อาจจะเหนื่อยเกินไป หรือเป็นเพราะอ้อมกอดนั้นอ่อนโยนเกินไป เพียงไม่นานปู๋ไป่ก็หลับไปในเวลาพลบค่ำ การนอนหลับโดยปราศจากความฝันนั้นเป็นความมืดที่ไร้ขอบเขตเช่นเดียวกับฉากที่ทำให้สับสนในความทรงจำ ซึ่งนั่นทำให้เขาหลั่งน้ำตาไม่มีเหตุผล

     

    "เหล่าต้า!" ปู๋ไป่พยายามตะโกนเรียกระบบ แต่ไม่มีเสียงที่คุ้นเคยตอบรับกลับมานอกจากความว่างเปล่าอันรายล้อมไปด้วยความมืดมิด

     

    เขาเอื้อมมือไปด้านข้างถึงแม้ว่าจะไม่มีอะไรอยู่รอบตัว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถวาดโครงร่างที่เลือนลางจากความทรงจำของเขาได้จาการสัมผัสกับอุณหภูมิที่เย็นเล็กน้อย

     

    "อย่าแสร้งทำเป็นนอนหลับ หากเมื่อเจ้าไม่เมา" ปลอกนิ้วมือของฉีโม่หลานลากผ่านดวงตาของปู๋ไป่และตัดเปิดขึ้นมาในความมืด เผยให้ปู๋ไป่ได้เห็นแสงสว่างเจิดจ้าและใบหน้าที่ชั่วร้ายของเขา

     

    โดยที่ปู๋ไป่ไม่รู้ตัว เขาเว้นระยะห่างและดวงตาเต็มไปด้วยความระมัดระวัง

     

    มันดูเป็นเรื่องตลกสำหรับฉีโม่หลาน แต่มันช่วยไม่ได้ที่ปู๋ไป่จะรักษาระยะห่าง แม้ว่าฉีโม่หลานเองจะยังอยู่ในตำแหน่งเดิมและกล่าวกับเขาว่า "เจ้าคิดว่าเจ้ายังสามารถวิ่งหนีไปได้? หรือเจ้ากล้าวิ่งหนี?

     

    เมื่อนึกถึงคนผู้นั้นปู๋ไป่ก็แสดงออกถึงความมืดมน เขาค่อยขยับไปทางฉีโม่หลานโดยระหว่างทางก็บิดนิ้วมือจนซีดขาว

     

    ปู๋ไป่มองฉีโม่หลานและพยายามขจัดความกลัวออกไปจากใจ เขาพยายามเผชิญหน้ากับชายผู้นี้อย่างไม่ยอมแพ้ เขาไม่สามารถหันหลังกลับได้ในเมื่อเขามีคนผู้หนึ่งที่ต้องปกป้อง

     

    "เจ้าต้องการให้ข้าทำอะไร?" เสียงนั้นอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ ราวกับหยกที่ผ่านการขัดเงาอย่างดี สดใสและสะอาด

     

    ในการเปลี่ยนแปลงนี้ฉีโม่หลายยอมรับว่าเขาถูกดึงดูดความสนใจและช่วยไม่ได้ที่จะดึงอีกคนกลับมา ยามที่มือเขาสัมผัสผิวก็นุ่มลื่นน่าสนใจยิ่งกว่าที่จินตนาการไว้

     

    แม้ว่าฉีโม่หลานจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหนในความความจริงเขาก็ยังมีความผิดปกติซ่อนอยู่ แต่เขาก็เป็นคนที่มีคุณธรรมและหลักการมากพอแม้ว่าจะเติบโตขึ้นมาอย่างบิดเบี้ยว ฉีโม่หลานไม่เคยมีเจตนาจะแยกคู่สามีภรรยาหรือแม้แต่ความคิดเล็กๆน้อยๆกับคนผู้นี้ อาจกล่าวได้ว่าคนผู้นี้มีเสน่ห์อ่อนโยน สง่างามเกินกว่าคาดคิด และฉีโม่หลานไม่เคยชอบสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้แบบนี้เสมอ

     

    มือและหัวใจของปู๋ไปเต็มไปด้วยเลือดจากการรอยขีดข่วน หากเขาเคยเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ในอดีต เขาอาจต้องตายในเส้นทางที่ถูกต้อง แต่ตอนนี้เขาไม่กล้า ชีวิตของเขาไม่ใช่ของเขาเอง

     

    ปู๋ไป่หลับตาด้วยความอดทนและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะกักเก็บน้ำตาไว้ในดวงตา เขาเป็นคนไม่ต้องการให้คนอื่นๆเห็นด้านที่น่าอัปยศอดสูและเปราะบางของเขา นับประสาอะไรกับการแสดงความอ่อนแอต่อศัตรู

     

    “ลืมตาของเจ้า แล้วมองมาที่ข้า ” ฉีโม่หลานสั่ง

     

    ปู๋ไป่ทำเช่นนั้นแต่เขาไม่ได้ต้องการถูกแทงด้วยดาบ เลือดทำให้ตาพร่ามัวและสิ่งสุดท้ายที่เขามองเห็นคือคนผู้นั้นแย้มยิ้มขณะที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด ก่อนที่ดาบจะถูกดึงออกจากร่างกายของเขา

     

    ไม่ว่าจะเลือกอะไร สุดท้ายมันจะเป็นหนทางสู่ความตาย




    หมายเหตุจากผู้แปล

    เผื่อมีบางคนส่งสัยว่าทำไม่ท่านจอมมารถึงอารมณ์แปรปวนนัก ฉีโม่หลานไม่ได้ตั้งใจค่ะคือ เขาป่วย ถ้าให้อธิบายแบบละเอียดคือ นางเป็นโรคจิตดีๆนี่เอง ไม่ใช่แบบ SM อาการของเขารุนแรงกว่ามากๆ และเขารู้ตัวด้วยว่าตัวเองป่วย จะมีประโยคหนึ่งที่เขาบอกว่าไม่ชอบอะไรที่ควบคุมไม่ได้ เพราะถ้าควบคุมไม่ได้เขาก็จะคลั่งทันที
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×