แสงสว่างหดหายตามกาลเวลา บ่งบอกว่าบัดนี้ พระจันทร์ได้ขึ้นมาสารต่อหน้าที่ แทนดวงอาทิตย์เรียบร้อยแล้ว หลายคนเฝ้ารอช่วงเวลาหนึ่ง มันเป็นเวลาที่สมาชิกคนสำคัญทุกคน ในครอบครัวจะมาอยู่พร้อมหน้า รับประทานอาหารร่วมกันอย่างมีความสุข มันเป็นบรรยากาศอันแสนอบอุ่น ที่หลายครอบครัวปรารถนาอยากให้มันเป็นแบบนี้ตลอดไป...
เช่นเดียวกันกับครอบครัวนี้ แต่ช่างน่าเสียดายที่มันไม่อาจเป็นไปอย่างที่พวกเขาหวังไว้ เพราะนี่อาจเป็นมื้อสุดท้าย ก่อนที่ชีวิตพวกเขาจะเปลี่ยนไป..
สายลมอ่อนๆพัดผ่านเป็นระยะๆ ณ สถานที่ห่างไกลจากตัวเมืองไม่มากนัก ลึกลงไปในซอยกว่าสามร้อยเมตร ที่นี่ดูเป็นกองขยะมากกว่าจะเรียกว่าสถานที่ และมันคงไม่ใช่เรื่องแปลก หากผู้คนที่ผ่านเข้ามาแล้วพูดว่า “ขาดการพัฒนาชัดๆ!” นอกจากเศษพลาสติกตามข้างถนนแล้ว บนผนังกำแพงตลอดสองข้างทาง ยังถูกตกแต่งไปด้วยผลงานจิตรกรรมฝาผนัง รูปภาพจากสีสเปรย์ บ้างก็เขียนเป็นตัวหนังสือที่อ่านไม่ออก หากลองมองดีๆสถานที่แห่งนี้ เหมือนพิพิธภัณฑ์ภาพในพัทยาไม่มีผิด แต่อาจแตกต่างกันตรงที่ สถานที่โชว์ผลงานบังเอิญมีถนนผ่ากลาง ไม่มีหลังคา ไม่มียามเฝ้าหน้าประตู ไม่มีพนักงานทำความสะอาด และที่สำคัญ “ไม่มีแสงไฟ” มันไม่มีหลอดไฟเลยด้วยซ้ำ!! มันมืดมากและเงียบจนน่ากลัว ผิดกับเวลาลุกขึ้นมาฉี่ตอนดึกคนเดียวหลายเท่า แน่นอนคงไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่แน่หากไม่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นเสียก่อน..
“พ่อครับบ!!”
เสียงเด็กหนุ่มตะโกนร้องเรียกผู้เป็นพ่อ ด้วยความดีใจเป็นที่สุด หลังเปิดประตูหน้าบ้าน และดูเหมือนน้ำเสียงนั้นจะดีใจมากขึ้น เมื่อผู้เป็นพ่อหิ้วของฝากมากมายติดมือมาด้วย
“นี่ของลูก”
“โหวว! ขอบคุณนะครับบ! ผมรักพ่อที่สุดเลย”
“พ่อก็รักลูกนะ” เด็กหนุ่มยิ้มร่า
“กลับมาแล้วหรอคุณ เป็นไงบ้าง”
เสียงหญิงสาวผู้เป็นภรรยา ถามสามีที่รักของตนด้วยความห่วงใย ขณะที่กำลังวางถ้วยแกงจืดลงบนโต๊ะอาหาร
"เหนื่อยสุดๆไปเลยหละ “ศิริพรรณ” ที่รัก ฮ่าๆๆ"
"นี่คุณ! บอกกี่ครั้งแล้ว ว่าอย่าเรียกชื่อจริง!"
"โธ่ที่รัก รักหรอกถึงหยอกเล่นผมขอโทษ ฮ่าๆๆๆ"
"เห้อ คุณเนี่ยน้า..ทำฉันเขินได้ตลอด คุณ “ธีรพงศ์”คริๆ"
หญิงสาวบิดตัวไปมาทำเป็นเขิน พร้อมกับเอื้อมมือไปรับกระเป๋าในมือสามี ก่อนที่จะทำหน้าที่ภรรยาที่ดี ด้วยการสื่อรักผ่านการสัมผัสริมฝีปากอย่างที่เคยทำเป็นประจำ…<3 ซึ่งแน่นอนว่าชายหนุ่มก็เช่นกัน
"เห้ยยย! ให้ตายเถอะครับ! นี่มัน...รวมชุดการ์ดยูกิเด็ค E-HERO นี่นาาาา!!"
เสียงเด็กหนุ่มดังขึ้นอีกครั้ง เหมือนกำลังตกใจกับสิ่งของบางอย่างถึงขีดสุด และมันก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่หญิงสาวคู่นี้ได้สติ หลังจากตกอยู่ในภวังค์แห่งรักเป็นนานปี..
"โอ้!!ให้ตายยเถอะพ่อครับบ! ร่างฟิวชั่นของ บับเบิลแมนกับเบิร์ดเลดี้! พ่อซื้อให้ผมจริงๆหรอ!?"
เด็กหนุ่มเหมือนจะยังควบคุมความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ จนแยกแยะไม่ออกระหว่างความจริงกับความฝัน
"ใช่แน่นอน มันเป็นของลูก“ภานุ”"
"จริงหรอครับ!! ขอบคุณครับบพ่ออ ผมรักพ่อที่สุดเลยย"
"พ่อก็รักลูก ฮ่าๆๆๆ!!"
สองพ่อลูกมองหน้าแล้วยิ้มให้กัน ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
"อแห้ม!!"
เสียงกระแอมของใครบางคน ซึ่งไม่บอกก็คงรู้ดี ว่าเป็นของหญิงสาวผู้เป็นแม่ของลูก และภรรยาของพ่อนั่นเอง เธอแอบมองการกระทำของสองพ่อลูกอยู่นานแล้ว
"แล้วแม่หละไม่มีใครรักเลยอ่ออ...."
น้ำเสียงที่อ่อนหนุ่มแผ่วเบา ในความน้อยใจกลับแฝงไปด้วยความน่ารัก เหมือนเด็กสาวที่กำลังออดออ้อนผู้เป็นพ่อ ตอนขอขี่หลัง ชายหนุ่มดูหน้าเสีย เมื่อเห็นภรรยาของตนคอตกเหมือนลูกหมา
“โธ่ที่รักของผม โอ๋ๆๆ..อย่างอนเลยนะ ตลอดชีวิตนี้ ก็มีแค่คุณกับลูกเท่านั้นหละ นอกเหนือจากนั้นผมคงรักใครไม่ได้อีกแล้ว ผมรักคุณนะ”..
รอยยิ้มแห่งชัยชนะปรากฏบนใบหน้าของหญิงสาวอีกครั้ง แต่ดูเหมือนเธอจะยังไม่พอใจเท่าที่ควร
"ชิ!"
เสียงชิชะของเธอบ่งบอกให้ชายหนุ่มรู้ว่า เธอยังไม่ยอมใจอ่อน
“แม่ครับบบ ผมก็รักแม่นะ”
“ภานุ”ที่นั่งดูอยู่ห่างๆ พอเห็นแม่ของตนมีอาการน้อยใจ ก็ไม่รีรอที่จะเข้าร่วมศึกครั้งนี้ ภานุวิ่งเข้าสวมกอดแม่ของตนด้วยรอยยิ้ม แต่แทนที่หญิงสาวจะมีอาการงอนไม่ยอมแพ้เหมือนครั้งแรก เธอกลับกอดภานุแน่น พลางลูบหัวเด็กหนุ่มเล่นอย่างเอ็นดู
“แม่ก็รักลูก”
ทั้งสองแสดงความรักระหว่างสองแม่ลูกอย่างอบอุ่น
“แล้วพ่อละ?...”
“ธีรพงศ์”ที่เห็นภรรยาของตนยิ้มอย่างนั้น ก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมา
“โธ่ที่รัก ฉันก็รักคุณเหมือนกันค่ะ ฮ่าๆๆ”
หญิงสาวหัวเราะพลาง หันไปยิ้มให้ชายหนุ่มที่กำลังงอนไม่ต่างจากลูกหมา
"จริงอย่างที่คุณว่า เราก็มีกันอยู่แค่นี้ฉันคงรักใครไม่ได้อีกแล้ว ครอบครัวของเรา มีคุณ มีฉัน แล้วก็ลูกของเราภานุ แม้ว่าต่อจากนี้ไปจะต้องเจอกับอะไรก็ตาม พวกเราจะผ่านมันไป และจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไป.."
น้ำเสียงของหญิงสาวดูสลดลงอย่างเห็นชัด ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้ม ตอนนี้เหลือเพียงความกังวล ธีรพงศ์เห็นสีหน้าภรรยาที่ดูจมปลักอย่างใจหาย ก็ไม่รีรออะไรที่จะเข้าไปโอบภรรยาไว้
“ต่อให้จากนี้ไปเราจะต้องเจอกับปัญหาอะไร ผมจะปกป้องคุณและลูกของเราเอง ผมจะไม่ทิ้งคุณและลูกของเราไปไหน..”
ชายหนุ่มพูดพลางเอื้อมมือไปโอบลูกของตนอีกคน ที่ยืนกอดขาภรรยาอยู่อย่างนั้น.. บัดนี้ทั้งสองอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่ม ทั้งสามยืนกอดกันอยู่อย่างนั้น เหมือนว่าพวกเขาจะไม่มีวันพรากจากกันไปไหน...
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!..
เสียงเคาะประตูหน้าบ้านดังขึ้นติดกันสามครั้ง บ่งบอกว่ามีแขกนิรนามมายืนรออยู่หน้าบ้าน เป็นเหตุให้การแสดงความรักระหว่าง พ่อ แม่ ลูก ต้องหยุดลงแค่นั้น..
“เดี๋ยวผมไปดูเอง”
ธีรพงศ์หันมายิ้มให้สองแม่ลูกอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังเดินไปเปิดประตูหน้าบ้าน
“คุณค่ะ..”
แต่แล้วเสียงที่คุ้นหูของภรรยา ก็ทำให้ชายหนุ่มต้องหันหน้ากลับไป
“ฉันรักคุณนะ”
หญิงสาวบอกรักสามีของตนเหมือนต้องการจะย้ำให้อีกฝ่ายมั่นใจ ชายหนุ่มรู้ดีและยิ้มให้ภรรยาของตนอีกครั้ง เป็นการบอกให้เธอรู้ว่าผมก็รักคุณ ก่อนที่จะหันหน้ากลับและเดินต่อไปยังประตู..
“ระวังตัวด้วยนะ...”
หญิงสาวพูดออกไปด้วยใจที่ยังไม่วายเป็นห่วง ทั้งๆที่ไม่น่ามีอะไรเกิดขึ้น “แค่เดินไปเปิดประตูเองนี่นา..” เธอพร่ำกับตัวเองเหมือนต้องการให้ตัวเองคลายกังวลลงบ้าง...
“จ้าาาาา” ชายหนุ่มตะโกนบอกด้วยน้ำเสียงแห่งความสุข หลังจากเดินไปถึงประตูบ้านพอดี..
“แอด..!!”
“ใครครับ…..”
เสียงเสียดสีของขอบประตูดังขึ้น พร้อมกับประตูที่เปิดออก ก่อนที่จะพบกับแขกที่มาเยือนยามวิกาล… สีหน้าของชายหนุ่มที่เคยถูกตกแต่งไปด้วยรอยยิ้ม ถูกเปลี่ยนไปในทันที เขาดูอึ้งชนิดที่ว่าพูดอะไรไม่ออก เหมือนกับคนไม่ได้เจอเพื่อนเก่ามานากว่า 30 ปี แต่ในความอึ้งนั้น กลับไม่มีร่องรอยและท่าทีที่ควรดีใจอยู่เลย เขาดูเหมือนคนสติแตกเลยด้วยซ้ำ..นั่นเพราะว่า แขกตรงหน้าไม่เป็นมิตรกับเขาเท่าไหร่นัก ถ้าดูจากปืนสั้นสีดำมันวาวที่จ่อหน้าเขาอยู่ตอนนี้...
“ก!..แก! ต้องการอะไร!”
น้ำเสียงของชายหนุ่มสั่นคลอนเหมือนคนที่หวาดกลัวถึงขีดสุด
กรี๊ดดดดด!!!
แต่ยังไม่ทันที่จะมีคำตอบใดๆเกิดขึ้น เสียงที่ฟังดูคุ้นหูที่สุดก็ดังขึ้นเสียก่อน แน่นอน มันคือเสียงภรรยาของเขานั่นเอง
"แกทำอะไรกับพวกเขา!!"
ชายหนุ่มตะคอกถามแขกผู้หวังร้ายตรงหน้าด้วยความโกรธแค้นถึงขีดสุด
“หุบปาก!”
ประโยคสั้นๆแต่ความหมายชัดเจน ในน้ำเสียงเยือกเย็นสุดๆ ทำเอาชายหนุ่มผงะ
“แกไม่มีสิทธิ์ถามอะไรทั้งสิ้น! และฉันจะไม่พูดอีกเป็นครั้งที่สอง! เพราะเมื่อถึงเวลานั้น..แกอาจไม่ได้เจอหน้าลูกเมียแกอีกไปตลอดชีวิต! หวังว่าแกคงเข้าใจ”
ชายหนุ่มทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับชะตากรรม น้ำตาแห่งความเจ็บปวดของเขา เริ่มปรากฏบนหน้าและไหลออกมาอย่างท้วมท้น พร้อมกับเสียงพร่ำแห่งความโกรธแค้นในจิตสำนึก
“ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ ทำไมกัน..”
....................
“ปล่อยฉันนะ!! พวกแกต้องการอะไร!!”
ภานุที่เข้าไปหลบอยู่ในตู้เก็บของตามคำสั่งแม่ รับรู้ถึงเหตุการณ์ทุกอย่าง ผ่านเสียงการสนทนาที่ดังขึ้น เขานั่งกอดเข่าตัวคุดคู้อยู่ในช่องแคบๆ ตัวสั่นระริกเหมือนลูกแมวที่ตกอยู่ในความกลัวถึงขีดสุด..
ปัง!!! กรี๊ดดด!!!
เสียงปืนที่ดังมาจากหน้าบ้าน พร้อมกับเสียงกรีดร้องของหญิงสาว ทำเอาภานุสะดุ้ง เขาตกอยู่ในสภาพที่ขวัญเสียสุดๆ ภานุกัดฟันตัวเองเพื่อข่มความเจ็บปวดในใจ น้ำตาที่เดิมไหลอยู่แล้วกลับไหลออกมามากขึ้นกว่าเก่าหลายเท่า
แกทำอะไรเขา!!!
หญิงสาวที่ตกอยู่ในอาการเดียวกันกับภานุ น้ำตาของเขาไหลอาบแก้มทั้งสอง บ่งบอกถึงความเจ็บปวดแสนสาหัส
อ๊ากกกกกก!!!
เสียงกรีดร้องของไอโจรชั่วดังก้องบ้าน เมื่อโดนหญิงสาวในคราบน้ำตากัดเข้าที่แขนเต็มแรง จนเลือดเปรอะแขน ก่อนที่เธอจะหลุดจากพันธนาการของมันแล้ววิ่งออกมา โดยหวังเพียงว่า จะได้เห็นหน้าสามีของเธอที่ยังมีชีวิตอยู่อีกครั้ง..
ปัง!!..
เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับร่างของหญิงสาวที่หยุดนิ่ง ก่อนจะล้มตัวลงกระแทกพื้นดัง “ปึก!”
"ตายยซะไอบัดซบ..."
..................
หลายๆคน..ในหนึ่งช่วงกาลเวลา พบเจอเรื่องราวที่แตกต่างกัน บ้างมีความสุข บ้างมีความทุกข์ปะปนกันไป ไม่มีใครล่วงรู้ว่า ช่วงเวลาต่อไปของชีวิตจะต้องพบเจอกับเรื่องราวแบบไหน อาจเป็นเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิต และในขณะดียวกันมันอาจเป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตด้วยเช่นกัน...
“ในขณะที่บางคนกำลังหลับฝันดี กลับมีอีกคนที่ต้องหลับอย่างฝันร้าย…”
“ในขณะที่บางคนตื่นมาพร้อมกับเช้าวันใหม่อย่างสดใส กลับมีอีกคนที่ตื่นมาพร้อมกับความปวดร้าวถึงขีดสุด…”
“ในขณะที่หลายๆคนตื่นมาพบกับคนสำคัญที่สุดในชีวิตมากมาย แต่มีอีกคนที่ตื่นมาพร้อมกับชีวิตที่ไม่เหลือใคร...”
แต่สิ่งนึงที่ไม่มีใครล่วงรู้ และไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นความจริงที่ยิ่งกว่าความฝัน ในตู้เก็บของแคบๆ มีร่างร่างหนึ่งนอนคุดคู้อยู่ในนั้น แน่นอนเขาคือเด็กหนุ่ม ที่เพิ่งผ่านพ้นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตไปไม่นานนัก หลังจากไอโจรชั่วฆ่าพ่อแม่ของเขา และขนเอาทรัพสินมีค่าทั้งหมดของบ้านไป.. เหลือไว้เพียงของสิ่งหนึ่งที่พ่อเขาให้ไว้ก่อนตาย ซึ่งเด็กหนุ่มกอดมันไว้แน่น แม้ว่าร่างกายจะไม่รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก็ตาม เขานอนสลบอยู่ในนั้น กล่องสีดำที่ด้านในเคยใส่การ์ดยูกิไว้มากมาย ดูครั้งแรกมันอาจจะดูเป็นกล่องธรรมดาๆ หากแต่ตอนนี้การ์ดในกล่องมากมายกำลังส่องแสงสีทองออกมา.. จริงอยู่ไม่มีใครล่วงรู้ได้ว่า อนาคตต่อไปจะต้องเจอกับอะไร แต่ก็ไม่มีใครคิดเหมือนกันว่า อนาคตต่อไปจะต้องพบกับเรื่องที่เหนือจินตนาการ ใครจะรู้วันนึงคุณตื่นมาจะพบกับสับปะหลาดอยู่หน้าบ้านก็เป็นไปได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเวลา....
...............
ที่นี่ที่ไหนกัน? ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ไง?... อ่อจริงสินะ เราก็คงถูกไอโจรชั่วพวกนั้นฆ่าตายไปแล้วนี่นา.. ฮ่าๆ น่าขำจริง! ถ้าอย่างงั้นที่นี่ก็คงเป็น..นรกหรอ? ไม่ใช่ๆๆ! ไม่เห็นมีต้นงิ๊วเหมือนที่แม่บอกเลย.. สวรรค์สินะ? แต่แปลกแหะมันสว่างเกินไป มันจ้ามากจนฉันมองไม่เห็นอะไรแล้ว แสบตาชมัด!
“ภานุ..”
นั่นเสียงใครหนะ! แม่หรอครับ?!!
“ภานุ”
ใช่จริงๆด้วยย.. แม่อยู่ที่ไหนหนะ แล้วพ่อหละ? ผมจะไปหาแม่เดี๋ยวนี้หละ
“กลับไปซะ”
แม่พูดอะไรหนะ?.. ฮ่าๆๆ จะให้ผมกลับไปไหน ผมว่าแม่คงยังไม่เชื่อใช่ไหม ที่เราตายไปแล้วแต่กลับได้มาเจอกันอีก ผมก็ไม่อยากเชื่อหรอกนะ แต่จะว่าไปที่นี่ก็ไม่เลวนะ มองไปทางไหนก็มีแต่ความว่างปล่าว มันถูกสีขาวจับจองพื้นที่ทั้งหมดเลย แต่มันจะดีกว่านี้นะ ถ้ามันไม่สว่างเกินไป แม่ว่าไหม?
“อืมมันดีมากเลยหละ..”
พ่อออ!! นั่นเสียงพ่อจริงๆด้วย! นี่พ่อกับแม่จะเล่นอะไรเนี่ย ออกมาเถอะครับ ผมคิดถึงใจจะขาดแล้ว..
เด็กหนุ่มทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“ลูกจะอยู่ที่นี่ไม่ได้”
“ทำไมหละครับ? ก็ในเมื่อเราตายไปแล้ว..”
“ไม่.. ลูกยังไม่ตาย”
“...”
ภานุนิ่งไปเหมือนยังไม่เชื่อในคำตอบที่ได้ยิน
“พ่อจะอำผมเล่นใช่ไหม..ฮ่าๆๆ?!”
“ลูกจะอยู่ที่นี่ไม่ได้”
เสียงหญิงสาวดังขึ้นอีกครั้ง เด็กหนุ่มถึงกับผงะ เพราะครั้งนี้ภานุรู้สึกได้ว่า มันอยู่ใกล้มากและเขาไม่ได้คิดไปเอง เมื่อเห็นร่างร่างนึงกำลังเดินเข้ามาหาเขา เรือนร่างที่สง่างาม ทุกย่างก้าวการเดินของเธอ มองครั้งแรกแต่สามารถสัมผัสได้ ถึงความเป็นกุลสตรีที่แท้จริง ซึ่งภานุรู้จักเธอดี..แม่ของเขานั่นเอง
“แม่...”
หญิงสาวหยุดลงตรงหน้า และยิ้มให้เขาเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ ตอนไปรับเขากลับจากโรงเรียน เช่นเดียวกันกับภานุ ที่ทุกครั้งจะวิ่งไปหาอ้อมอกของเธอผู้เป็นแม่ ซึ่งแน่นอนครั้งนี้ก็เช่นกัน .. ภานุกอดแม่ไว้แน่นเหมือนลูกที่พรากจากแม่มานานปี เขาสัมผัสได้ถึงไออุ่นที่แผ่ซ่านออกมาจากอ้อมอกแม่ อดีตและความทรงจำวัยเด็กมากมายผุดขึ้นมาในหัวของภานุซึ่งทำให้เขาปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่าน้ำตาของเขากำลังไหลออกมาอีกครั้ง..
“ผมรักแม่นะ”
“แม่ก็รักลูก และจะรักตลอดไป..”
“พ่อก็เช่นกัน”
ภานุได้ยินเสียงของผู้เป็นพ่ออีกครั้งก็ตอนที่ เขาสัมผัสได้ถึงอ้อมอกอันแข็งแกร่งที่โอบเขาไว้เสียแล้ว
พ่อครับ.... แม่ครับ....เราจะไม่จากกันไปไหน ใช่ไหมครับ
“แน่นอน เราจะไม่มีวันทิ้งลูกไปไหนถึงแม้วันใดที่ลูกตื่นมา แล้วไม่เห็นใครแต่จงจำไว้ว่า พ่อกับแม่จะอยู่ในใจลูกเสมอ”
ทั้งสามกอดกันแน่นอีกครั้ง เหมือนวันสุดท้ายก่อนที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป
“ภานุ”
“ครับพ่อ”
บัดนี้ทั้งสามผละออกจากกันแล้ว เพราะดูเหมือนผู้เป็นพ่อจะมีเรื่องสำคัญกว่า ที่ต้องการพูดกับลูกชายเป็นครั้งสุดท้าย..
“ลูกไม่ใช่คนธรรมดา”
“พ่อหมายความว่ายังไงครับ?”
“ลูกยังจำของสิ่งสุดท้ายที่พ่อให้ไว้กับลูกได้ไหม?”
“พ่อหมายถึงกล่องชุดการ์ดยูกิที่ผมปรารถนามาทั้งชีวิตนั่นหรอครับ?”
“ใช่.. ลูกจงรักษามันไว้ให้ดี พ่อรู้มันอาจจะเป็นเรื่องยากหากพ่อจะอธิบายทุกอย่างให้ลูกเข้าใจ แต่สักวันลูกจะเข้าใจทุกอย่างด้วยตัวลูกเอง..”
ชายหนุ่มยิ้มให้ภานุอย่างอบอุ่น ขณะที่เริ่มเกิดความผิดปกติกับตัวของเขา เศษละอองสีฟ้ามากมายลอยออกมาจากตัวชายหนุ่ม และลอยสูงขึ้นไปในอากาศก่อนจะสลายหายไป ภรรยาของเขาก็เช่นกัน ยิ่งละอองสีฟ้าเหล่านั้นลอยออกมาจากตัวพวกเขามากเท่าไหร่ ร่างกายของพวกเขาก็ดูจางลงทุกที..
“พ่อกับแม่เป็นอะไร? ทำไมถึงเป็นแบบนี้!”
ภานุที่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับบุพการีทั้งสองจึงถามออกไปด้วยความตกใจ
“เวลาของเราหมดแล้ว..ร่างกายจึงสูญสลายเป็นธรรมดา”
“หมายความว่าไงครับบ!! ไม่จริงน่า”
ภานุที่กลัวจะสูญเสียพ่อและแม่ของตนไปอีก พูดออกไปอย่างคนยอมรับความจริงไม่ได้..
“ลาก่อนภานุ..”
พวกเขาบอกลาเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะจับมือกันไว้แน่น พร้อมกับร่างกายที่ค่อยๆจางหายไปทุกขณะ.. เป็นอีกครั้งที่เห็นน้ำตาของเด็กหนุ่มไหลอาบแก้มทั้งสอง เขาทำได้เพียงก้มหน้าข่มความเจ็บปวดอีกครั้ง โดยไม่อาจรับความจริงได้ แต่จิตใต้สำนึกบางอย่างสั่งให้เขาหยุดร้องให้ได้ ถึงแม้จะเป็นเรื่องยากที่สุดในชีวิต เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตาบุพการีทั้งสองอีกครั้ง เขาปาดน้ำตาแล้วฝืนยิ้มทั้งยืน โดยมีจุดประสงค์เดียวคือ ไม่ต้องการให้คนที่เขารักมากที่สุดในชีวิตทั้งสอง เห็นความอ่อนแอในตัวเขาอีก ถึงแม้จะเป็นครั้งสุดท้ายแต่เขาก็ทำดีที่สุดแล้ว..
“ลาก่อนครับ...”
เด็กหนุ่มบอกลาพวกเขาเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมกับร่างทั้งสองที่กลายเป็นละอองสีฟ้าลอยสลายหายไปในอากาศ.. ภานุที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าร่างกายหนักอื้อ สายตาที่เคยมองเห็นฉากสีขาวรอบตัวตอนนี้กลับรู้สึกพร่ามัว ดวงตาหรี่ลงเรื่อยๆเหมือนคนที่ร่างกายเหนื่อยล้าเต็มทน เซไปเซมา ก่อนจะล้มลงไปกระแทกกับพื้นดัง “ปึก!!”
“...บัดนี้เขามองไม่เห็นอะไรอีกแล้ว....”
กลับมาที่เดิม ห้องเดิม ในตู้เก็บของที่เด็กหนุ่มเคยนอนนิ่งอยู่ตรงนั้น ที่ที่เด็กหนุ่มยังคงนอนกอดกล่องสีดำไว้แน่น แต่น่าแปลกใจที่ตอนนี้มันไม่ได้ส่องแสงเหมือนครั้งแรก ภาพในความฝันที่เหมือนจริงที่สุดที่เกิดขึ้นในหัวเด็กหนุ่มผู้นี้ จบลงพร้อมกับการ์ดสีทองในกล่องที่เคยส่องแสง บัดนี้ทุกอย่างกลับเป็นปกติอีกครั้ง...
http://image.dek-d.com/15/1223891/14643469
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น