คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ขอบคุณนะ
ดวงตากลมยังคงจดจ้องไปที่หน้าจอโทรศัพท์
ตัวอักษรภาษาอังกฤษนั้นยังวนเวียนอยู่ในหัวของเธอไม่จางหาย
แม้จะถูกเปิดอ่านไปนานแล้วก็ตาม ร่างบางทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างหมดแรง
ก่อนจะก่ายหน้าผากอย่างจนปัญญา
เมื่อข้อความที่ถูกส่งมานั้นสร้างความกังวลใจให้อย่างมาก
-แก้ไขปริศนาให้เรียบร้อย
แล้วทำให้เหมือนกับวันที่ก่อนจะมายังที่แห่งนี้-
-Kanomtain Part-
แม้ว่าบนกระดาษจะมีตัวอักษรถูกเขียนไว้บนนั้นเยอะแค่ไหน
แต่มันก็ไม่เข้าสมองฉันเลยสักนิด
เมื่อประโยคในข้อความที่ถูกส่งมาเมื่อตอนเที่ยงคืน ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวสมอง
จนฉันไม่สามารถที่จะสลัดมันออกไปได้ วันนี้ร่างของฉันจึงเหมือนซอมบี้กินคน
เนื่องจากอดหลับอดนอนมาทั้งคืน
ปริศนาที่ว่านั้นมันคืออะไรกัน
?
เอ่ยถามกับตัวเองอย่างสงสัย
ถึง Key
Word ในข้อความนั้น แล้วฉันจะไปตรัสรู้ได้ยังไงกันเล่า ? ให้ตายเหอะ...ฉันว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันต้องไม่ใช่ความบังเอิญใดๆ
แล้ว มันต้องมีเงื่อนงำอะไรสักอย่าง ที่นำพาฉันมายังที่แห่งนี้
“...T”
“Hey,
KT !”
“หะ-ห้ะ!?”
ฉันรีบสะบัดไปหายังต้นเสียง
คนข้างกายมองหน้าฉันด้วยการย่นคิ้วมุ่น ก่อนที่ริมฝีปากบางนั้นจะเอ่ยต่อ
“ฉันเรียกเธอหลายรอบแล้ว
เป็นอะไรรึเปล่า ?”
ปีเตอร์พูดพลางโบกมือไปมาตรงหน้าฉัน
คล้ายกำลังดึงสติของฉันให้กลับมา
เอาอีกแล้วยัยขนมเทียน...เข้าสู่โหมดคุยกับตนเองในจิตที่ไร
เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างทุกที ฉันส่ายหัวเล็กน้อย พร้อมเอ่ยตอบให้เขาคลายกังวล
“ฉันสบายดี”
พร้อมกับฉีกยิ้มไปให้แบบนางงาม
แม้สภาพหน้าตาตอนนี้จะเข้าขั้นปอบก็มิปราณ เมื่อเขาได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้าไปพลางๆ
ก่อนจะหันไปสนใจบนกระดานต่อ
“แล้ว...เมื่อวานไปไหนมารึเปล่า
?”
และคำถามที่ถูกถามออกมาโดยไม่หันหน้ามามองนั้น
ก็ทำเอาฉันกระตุกยิ้มน้อยๆ แหม่...อย่าคิดว่าฉันจำไม่ได้หรอกนะ ว่าเมื่อวานเจออะไรมาบ้าง
แม้จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่ก็ใช่ว่าจะลืมไปหรอกนะ
“ก็ไปซื้อของ
แล้วก็เจอ...”
“เจออะไร !?”
คนเก๊กขรึมวางฟอร์มในตอนแรกรีบหันขวับมาอย่างตื่นเต้น
ทำเอาฉันหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
ก็หน้าตาแตกตื่นของเขามันกระตุ้นต่อมหัวเราะได้ดีจริงๆ
พ่อกระต่ายตื่นตูม...
“Spider-Man”
ฉันพูดพลางยกมือป้องปากคล้ายไม่อยากให้คนได้ยินมากนัก
หมอนั่นแสร้งทำตาโตอย่างเหลือเชื่อ ซึ่งฉันรู้ว่าเขากำลังแสดงละคร
ไม่ได้ตื่นตกใจจริงๆ เสียหรอก
“แล้วเป็นไงมั่ง?
เขาเป็นคนดีไหม? เขาคุยอะไรกับเธอรึเปล่า?”
แต่ไอ้อาการอยากรู้อยากเห็นนี้มันก็แก้ไม่ได้จริงๆ
แฮะ โดยสายตาที่เขาส่งมานั้นคาดคั้นคำตอบฉันอยู่ไม่น้อย
เหมือนอยากจะแก้มือที่เมื่อวานฉันตอบเพียงแค่ว่า ‘ก็ใช้ได้’ อย่างงั้นแหละ
“ก็ดี”
สิ้นคำตอบ
เขาก็ย่นคิ้วอย่างสงสัย
“อะไรดี ?”
“นิสัยดี”
และทันทีที่พูดจบ
ร่างสูงกว่าก็ระบายยิ้มกว้างออกมาเสียจนตาโค้งเป็นสระอิ
ฉันสังเกตเห็นนะว่าใบหูเขาขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อย แหม่...แค่โดนชมนิดๆ หน่อยๆ
ก็ทำเหมือนตัวจะปลิวไปซะได้นะ
ใจจริงก็ไม่ได้อยากชมอะไรหมอนั่นนักหรอก
แต่ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากเขา
ฉันก็คงจะกลับถึงบ้านดึกกว่านี้แน่ๆ
เวลาล่วงเลยจนหมดสัญญาณของการเรียนการสอน
ฉันเก็บข้าวของลงกระเป๋าก่อนจะก้าวออกจากห้องโดยไม่รอช้า
โดยสถานที่ที่ฉันจะไปต่อจากนี้ไปใช่ทางกลับบ้าน
แต่กลับเป็นสวนหย่อมขนาดย่อม
ที่ฉันเคยพาเจ้าชูการ์มาเดินเล่น
สายลมเอื่อยพัดโชยมา
บรรยากาศเย็นลดกว่าตอนเช้าเล็กน้อย ฉันทิ้งตัวลงบนชิงช้าอันแสนว่างเปล่า
แสงแดดเริ่มทอแสงอ่อนลง อีกไม่นานมันคงลับฟ้าไป
เหตุผลที่ฉันเลือกที่จะยังไม่กลับบ้าน
ก็เพราะความกังวลทั้งหลายที่ถาโถมเข้ามาจนฉันคิดว่ามันมากเกินรับไหว ทั้งเรื่องเพื่อน
ข้อความแปลกๆ และความคิดถึง
การที่ฉันไม่ค่อยได้พูดถึงที่บ้าน
มันไม่ใช่ว่าฉันไม่ได้คิดถึงพวกเขา
แต่ฉัน...กำลังกลบเกลื่อนความรู้สึกตนเอง
ว่าฉัน ‘ไม่เป็นไร’
แต่แล้วพอได้ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว
แม้จะมีน้าเอมิลี่อยู่ด้วย แต่เธอก็ไม่ได้มีเวลาให้ฉันมากสักเท่าไหร่นัก
และฉันก็ไม่อยากรบกวนเธอไปมากกว่านี้อีกแล้วด้วย หากตอนนี้ฉันอยู่ที่บ้าน
เจ้าเข่งคงได้ชวนฉันโดดร่มยันเช้า คงได้ทานอาหารฝีมือม๊า ที่ชอบทำรสชาติจืดชืด
แต่ตอนนี้ฉันกลับโหยหามันทั้งที่เคยเอ่ยปากพูดว่า ‘ไม่อร่อยเลย’
และคงได้ออกไปปั่นจักรยานทุกเย็นกับป๊าที่สวนสาธารณะในหมู่บ้าน
ทุกอย่างในตอนนั้น...
มันดีจริงๆ นะ
“ฮึก...”
บ้าเอ้ยยัยขนมเทียน...
พอคิดถึงที่บ้านทีไรน้ำตาเจ้ากรรมมันก็ชอบไหลออกมาทุกที
ฉันไม่ชอบที่ตัวเองทำตัวเป็นคนอ่อนแอ แต่หากมองอีกมุม ฉันก็เป็นเพียงเด็กอายุ 15
เองนะ
ฉันไม่เข้าใจเลยสักนิด...ว่าทำไมเรื่องบ้าๆ
ต้องมาเกิดขึ้นกับฉัน
หากฉันขอให้มันเกิดขึ้นกับคนอื่น
ฉันจะดูเป็นคนเห็นแก่ตัวเกินไปไหม
?
“คิดถึงทุกคนจังเลย”
เอ่ยออกมาเบาๆ
ราวกับกลัวว่าใครจะมาได้ยิน แต่ในตอนนี้ ที่แห่งนี้ช่างเงียบสงัด
เหมือนกับสถานที่ร้างไร้ผู้คน ไม่มีแม้แต่เสียงแมลงร้อง
จะมีก็แต่เสียงลมที่ยังคงพัดโชยมา
ในตอนนี้...ฉันเพียงอยากระบาย
ให้กับใครสักคนฟัง
ก็เพียงเท่านั้นเอง...
“หะ-เห้ย!”
ฉันร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ
ชิงช้าที่ฉันนั่นมันก็เคลื่อนที่ไปข้างหน้า นั่นเป็นเพราะต้องมีใครมาแกว่งเล่นแน่ๆ
ฉันรีบปาดคราบน้ำตา ก่อนจะเตรียมหันไปหาตัวต้นเหตุ
“อย่าหันมานะ!”
แต่คำพูดตะโกนราวกับออกคำสั่งนั้นก็ทำให้ตัวฉันหยุดนิ่ง
ฉันยังคงไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาถึงไม่อยากให้ฉันหันกลับไป
แต่ที่ทำได้ก็คือการนั่งอยู่นิ่งๆ ให้ชิงช้านั้นแกว่งไปมา
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงยอมทำตามคำพูดนั้น
คงเพียงเพราะอยากรู้ว่าเขาจะทำอย่างไรต่อเท่านั้นล่ะมั้ง
?
“มีเรื่องไม่สบายใจหรอ”
เสียงทุ้มเอ่ยออกมา
ทำเอาฉันนึกแปลกใจไม่น้อย ที่เขาเลือกจะถามคำถามนี้ แต่ฉันก็ทำได้เพียง...
“อื้ม
นิดหน่อยน่ะ”
“เป็นอะไรรึเปล่า
?”
และเมื่อสิ้นคำถามนั้น
ก็พลันให้มุมปากของฉันยกยิ้มขึ้นน้อยๆ
ฉันว่าฉันจำเสียงของเขาได้ไม่ผิดแน่นอน
รวมถึงประโยคเดิม
ที่ฉันได้ยินมาตั้งแต่ตอนอยู่ที่โรงเรียน
ปีเตอร์ พาร์กเกอร์
“คิดถึงที่บ้าน
แล้วก็เหงาด้วย”
เมื่อฉันมั่นใจแน่แล้วว่าคนข้างหลังคือใคร
จึงยอมเอ่ยปากตอบตามที่ใจคิด
“ไม่มีเพื่อนหรือไง
?”
เพื่อน...งั้นหรอ
?
เขาจะยอมรับฉันเป็นเพื่อนไหมนะ
?
“ก็คง...ไม่มีนะ”
เอี๊ยดดด !
และทันทีที่สิ้นคำตอบนั้น
ชิงช้าที่กำลังเคลื่อนไหวก็หยุดตัวลง ก่อนจะปรากฏร่างของคนตัวสูง ในชุด Spider-Man
อย่างที่เห็นเมื่อวานเป๊ะๆ มานั่งอยู่ที่ชิงช้าข้างๆ
นี่ฉันเจอ Spider-Man
รอบสองแล้วหรอเนี่ย...
เจอกันง่ายกว่าดารา
นักร้องที่พบเห็นบน TV อีกแฮะ
“ทำไมคิดงั้น ?”
เขาเอ่ยออกมาพลางมองหน้าตรงไปยังพุ่มไม้
“ก็...ตอนกลางวันฉันก็กินข้าวคนเดียว
คนในห้องที่คุยกับฉัน ก็เห็นจะมีแค่คนเดียวนะ”
ฉันเอ่ยพลางเปรยหางตามองคนข้างๆ
เมื่อพูดประโยคหลังจบ ร่างสูงในชุดแดง-น้ำเงินยังคงนั่งนิ่ง
และฉันก็ไม่รู้เช่นเดียวกันว่าคนที่อยู่ภายใต้ชุดนั้น กำลังคิดอะไรอยู่
“งั้นหรอ...”
“...”
เราทั้งสองต่างพากันเงียบ
ให้มีเพียงแค่สายลมที่ช่วยขับกล่อม เสมือนกำลังบรรเทาบาดแผลในใจ
คล้ายกับมันจะบอกว่า…
เดี๋ยวมันก็ผ่านไปนะ
“ถ้าเธอไม่คิดอะไร...”
แต่แล้วเสียงทุ้มนั้นก็เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบงัน
“หื้ม ?”
ฉันหันมองคนด้านข้าง
เพื่อรอฟังคำพูดต่อไปของเขา
“ให้ฉันเป็นเพื่อนเธอได้ไหม
?”
และก็เป็นอีกครั้งที่เขาทำให้ฉันตกใจ
แต่การตกใจครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆ
มันไม่ใช่การพบเจอเรื่องราวประหลาด
แต่มันกลับ...ทำให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาเสียดื้อๆ
“หรือถ้าว่างๆ
ก็ออกมาวิ่งเล่น ปั่นจักรยาน พาหมาออกมาเดินเล่น
หรือลองทำความรู้จักกับเพื่อนบ้านก็ได้นะ บางทีเพื่อนบ้านของเธอก็อาจจะกำลังเหงาๆ
เบื่อๆ อยู่เหมือนกันก็ได้”
เสียงทุ้มพูดพลางหันมามองฉันที่ตอนนี้ภาพตรงหน้าเริ่มเบลอขึ้นเรื่อยๆ
คำพูดอันแสนอ่อนโยน ที่เหมือนกำลังปลอบประโลมฉันอยู่นั้น
มันทำให้รู้สึกดีขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ
แม้มันจะเป็นเพียงประโยคธรรมดาที่ดูไม่มีอะไรมากนัก
แต่กลับทำให้ฉันรู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไป
“ขอบคุณนะ
ฮึก...”
และก็เป็นอีกครั้งสินะ
ที่ฉันเอ่ยขอบคุณเขา
พร้อมกับพูดคำว่า
‘ปีเตอร์’ ต่อท้ายในใจ
‘You
might meet a hundred acquaintances
Just
to find a few special friend.’
มาเสิร์ฟเเล้วค่าาาา ช่วงนี้มาติดๆ กันเนื่องจากสำนึกผิดที่หายไปนานเกิ๊น เรื่องราวของพวกนางไม่ได้มีเเค่ตลกโปกฮาไปวันๆ เด้อ เเต่ยังมีเรื่องราวดราม่ามากมาย ทั้งมิตรภาพ ความรัก(ของใครไม่บอก) เเล้วก็ตอบจบ...ที่ต้องบริหารตับกันสักหน่อยนะคะ5555
ยังไงก็อย่าลืมติดตามกันต่อไป เเละคอมเม้นท์+ให้กำลังใจกันหน่อยน้า
รางวัลที่ทำให้คนเขียนหายเหนื่อย เเล้วก็มีความสุข(มาก) ก็คือพวกนี่เเหละค่ะ ฮิฮิ
ขอบคุณค่ะ ♥
ความคิดเห็น