ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { Spider-Man } ทำไงดี! เมื่อฉันเป็น เพื่อนบ้าน สไปเดอร์แมน!

    ลำดับตอนที่ #5 : ขอบคุณนะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.97K
      705
      21 เม.ย. 62


    Can we be friends ?

    -100%-




    ดวงตากลมยังคงจดจ้องไปที่หน้าจอโทรศัพท์ ตัวอักษรภาษาอังกฤษนั้นยังวนเวียนอยู่ในหัวของเธอไม่จางหาย แม้จะถูกเปิดอ่านไปนานแล้วก็ตาม ร่างบางทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างหมดแรง ก่อนจะก่ายหน้าผากอย่างจนปัญญา เมื่อข้อความที่ถูกส่งมานั้นสร้างความกังวลใจให้อย่างมาก

     

     

    -แก้ไขปริศนาให้เรียบร้อย แล้วทำให้เหมือนกับวันที่ก่อนจะมายังที่แห่งนี้-

     

     

     

     

    -Kanomtain Part-

     

     

           แม้ว่าบนกระดาษจะมีตัวอักษรถูกเขียนไว้บนนั้นเยอะแค่ไหน แต่มันก็ไม่เข้าสมองฉันเลยสักนิด เมื่อประโยคในข้อความที่ถูกส่งมาเมื่อตอนเที่ยงคืน ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวสมอง จนฉันไม่สามารถที่จะสลัดมันออกไปได้ วันนี้ร่างของฉันจึงเหมือนซอมบี้กินคน เนื่องจากอดหลับอดนอนมาทั้งคืน

     

     

    ปริศนาที่ว่านั้นมันคืออะไรกัน ?

     

     

    เอ่ยถามกับตัวเองอย่างสงสัย ถึง Key Word ในข้อความนั้น แล้วฉันจะไปตรัสรู้ได้ยังไงกันเล่า ? ให้ตายเหอะ...ฉันว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันต้องไม่ใช่ความบังเอิญใดๆ แล้ว มันต้องมีเงื่อนงำอะไรสักอย่าง ที่นำพาฉันมายังที่แห่งนี้

     

     

    “...T

     

     

    Hey, KT !

     

     

    “หะ-ห้ะ!?

     

    ฉันรีบสะบัดไปหายังต้นเสียง คนข้างกายมองหน้าฉันด้วยการย่นคิ้วมุ่น ก่อนที่ริมฝีปากบางนั้นจะเอ่ยต่อ

     

     

    “ฉันเรียกเธอหลายรอบแล้ว เป็นอะไรรึเปล่า ?

     

    ปีเตอร์พูดพลางโบกมือไปมาตรงหน้าฉัน คล้ายกำลังดึงสติของฉันให้กลับมา เอาอีกแล้วยัยขนมเทียน...เข้าสู่โหมดคุยกับตนเองในจิตที่ไร เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างทุกที ฉันส่ายหัวเล็กน้อย พร้อมเอ่ยตอบให้เขาคลายกังวล

     

     

    “ฉันสบายดี”

     

    พร้อมกับฉีกยิ้มไปให้แบบนางงาม แม้สภาพหน้าตาตอนนี้จะเข้าขั้นปอบก็มิปราณ เมื่อเขาได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้าไปพลางๆ ก่อนจะหันไปสนใจบนกระดานต่อ

     

     

    “แล้ว...เมื่อวานไปไหนมารึเปล่า ?

     

    และคำถามที่ถูกถามออกมาโดยไม่หันหน้ามามองนั้น ก็ทำเอาฉันกระตุกยิ้มน้อยๆ แหม่...อย่าคิดว่าฉันจำไม่ได้หรอกนะ ว่าเมื่อวานเจออะไรมาบ้าง แม้จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่ก็ใช่ว่าจะลืมไปหรอกนะ

     

     

    “ก็ไปซื้อของ แล้วก็เจอ...”

     

     

    “เจออะไร !?

     

    คนเก๊กขรึมวางฟอร์มในตอนแรกรีบหันขวับมาอย่างตื่นเต้น ทำเอาฉันหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ ก็หน้าตาแตกตื่นของเขามันกระตุ้นต่อมหัวเราะได้ดีจริงๆ

    พ่อกระต่ายตื่นตูม...

     

     

    Spider-Man

     

    ฉันพูดพลางยกมือป้องปากคล้ายไม่อยากให้คนได้ยินมากนัก หมอนั่นแสร้งทำตาโตอย่างเหลือเชื่อ ซึ่งฉันรู้ว่าเขากำลังแสดงละคร ไม่ได้ตื่นตกใจจริงๆ เสียหรอก

     

     

    “แล้วเป็นไงมั่ง? เขาเป็นคนดีไหม? เขาคุยอะไรกับเธอรึเปล่า?

     

    แต่ไอ้อาการอยากรู้อยากเห็นนี้มันก็แก้ไม่ได้จริงๆ แฮะ โดยสายตาที่เขาส่งมานั้นคาดคั้นคำตอบฉันอยู่ไม่น้อย เหมือนอยากจะแก้มือที่เมื่อวานฉันตอบเพียงแค่ว่า ก็ใช้ได้อย่างงั้นแหละ

     

     

    “ก็ดี”

     

    สิ้นคำตอบ เขาก็ย่นคิ้วอย่างสงสัย

     

     

    “อะไรดี ?

     

     

    “นิสัยดี”

     

    และทันทีที่พูดจบ ร่างสูงกว่าก็ระบายยิ้มกว้างออกมาเสียจนตาโค้งเป็นสระอิ ฉันสังเกตเห็นนะว่าใบหูเขาขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อย แหม่...แค่โดนชมนิดๆ หน่อยๆ ก็ทำเหมือนตัวจะปลิวไปซะได้นะ

    ใจจริงก็ไม่ได้อยากชมอะไรหมอนั่นนักหรอก

    แต่ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากเขา ฉันก็คงจะกลับถึงบ้านดึกกว่านี้แน่ๆ

     

     

    เวลาล่วงเลยจนหมดสัญญาณของการเรียนการสอน ฉันเก็บข้าวของลงกระเป๋าก่อนจะก้าวออกจากห้องโดยไม่รอช้า โดยสถานที่ที่ฉันจะไปต่อจากนี้ไปใช่ทางกลับบ้าน

     

     

    แต่กลับเป็นสวนหย่อมขนาดย่อม ที่ฉันเคยพาเจ้าชูการ์มาเดินเล่น

     

     

    สายลมเอื่อยพัดโชยมา บรรยากาศเย็นลดกว่าตอนเช้าเล็กน้อย ฉันทิ้งตัวลงบนชิงช้าอันแสนว่างเปล่า แสงแดดเริ่มทอแสงอ่อนลง อีกไม่นานมันคงลับฟ้าไป

     

     

              เหตุผลที่ฉันเลือกที่จะยังไม่กลับบ้าน ก็เพราะความกังวลทั้งหลายที่ถาโถมเข้ามาจนฉันคิดว่ามันมากเกินรับไหว ทั้งเรื่องเพื่อน ข้อความแปลกๆ และความคิดถึง

     

     

              การที่ฉันไม่ค่อยได้พูดถึงที่บ้าน

              มันไม่ใช่ว่าฉันไม่ได้คิดถึงพวกเขา

              แต่ฉัน...กำลังกลบเกลื่อนความรู้สึกตนเอง

              ว่าฉัน ไม่เป็นไร

     

     

              แต่แล้วพอได้ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว แม้จะมีน้าเอมิลี่อยู่ด้วย แต่เธอก็ไม่ได้มีเวลาให้ฉันมากสักเท่าไหร่นัก และฉันก็ไม่อยากรบกวนเธอไปมากกว่านี้อีกแล้วด้วย หากตอนนี้ฉันอยู่ที่บ้าน เจ้าเข่งคงได้ชวนฉันโดดร่มยันเช้า คงได้ทานอาหารฝีมือม๊า ที่ชอบทำรสชาติจืดชืด แต่ตอนนี้ฉันกลับโหยหามันทั้งที่เคยเอ่ยปากพูดว่า ไม่อร่อยเลยและคงได้ออกไปปั่นจักรยานทุกเย็นกับป๊าที่สวนสาธารณะในหมู่บ้าน ทุกอย่างในตอนนั้น...

     

     

              มันดีจริงๆ นะ

     

     

    “ฮึก...”

     

    บ้าเอ้ยยัยขนมเทียน... พอคิดถึงที่บ้านทีไรน้ำตาเจ้ากรรมมันก็ชอบไหลออกมาทุกที ฉันไม่ชอบที่ตัวเองทำตัวเป็นคนอ่อนแอ แต่หากมองอีกมุม ฉันก็เป็นเพียงเด็กอายุ 15 เองนะ

    ฉันไม่เข้าใจเลยสักนิด...ว่าทำไมเรื่องบ้าๆ ต้องมาเกิดขึ้นกับฉัน

    หากฉันขอให้มันเกิดขึ้นกับคนอื่น

    ฉันจะดูเป็นคนเห็นแก่ตัวเกินไปไหม ?

     

     

    “คิดถึงทุกคนจังเลย”

     

    เอ่ยออกมาเบาๆ ราวกับกลัวว่าใครจะมาได้ยิน แต่ในตอนนี้ ที่แห่งนี้ช่างเงียบสงัด เหมือนกับสถานที่ร้างไร้ผู้คน ไม่มีแม้แต่เสียงแมลงร้อง จะมีก็แต่เสียงลมที่ยังคงพัดโชยมา

     

     

    ในตอนนี้...ฉันเพียงอยากระบาย ให้กับใครสักคนฟัง

    ก็เพียงเท่านั้นเอง...

     

     

     

     

    “หะ-เห้ย!

     

    ฉันร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ ชิงช้าที่ฉันนั่นมันก็เคลื่อนที่ไปข้างหน้า นั่นเป็นเพราะต้องมีใครมาแกว่งเล่นแน่ๆ ฉันรีบปาดคราบน้ำตา ก่อนจะเตรียมหันไปหาตัวต้นเหตุ

     

     

    “อย่าหันมานะ!

     

    แต่คำพูดตะโกนราวกับออกคำสั่งนั้นก็ทำให้ตัวฉันหยุดนิ่ง ฉันยังคงไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาถึงไม่อยากให้ฉันหันกลับไป แต่ที่ทำได้ก็คือการนั่งอยู่นิ่งๆ ให้ชิงช้านั้นแกว่งไปมา

     

     

    ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงยอมทำตามคำพูดนั้น

    คงเพียงเพราะอยากรู้ว่าเขาจะทำอย่างไรต่อเท่านั้นล่ะมั้ง ?

     

     

    “มีเรื่องไม่สบายใจหรอ”

     

    เสียงทุ้มเอ่ยออกมา ทำเอาฉันนึกแปลกใจไม่น้อย ที่เขาเลือกจะถามคำถามนี้ แต่ฉันก็ทำได้เพียง...

     

     

    “อื้ม นิดหน่อยน่ะ”

     

     

    “เป็นอะไรรึเปล่า ?

     

    และเมื่อสิ้นคำถามนั้น ก็พลันให้มุมปากของฉันยกยิ้มขึ้นน้อยๆ

     

     

              ฉันว่าฉันจำเสียงของเขาได้ไม่ผิดแน่นอน

              รวมถึงประโยคเดิม ที่ฉันได้ยินมาตั้งแต่ตอนอยู่ที่โรงเรียน

     

     

              ปีเตอร์ พาร์กเกอร์

     

     

    “คิดถึงที่บ้าน แล้วก็เหงาด้วย”

     

    เมื่อฉันมั่นใจแน่แล้วว่าคนข้างหลังคือใคร จึงยอมเอ่ยปากตอบตามที่ใจคิด

     

     

    “ไม่มีเพื่อนหรือไง ?

     

     

    เพื่อน...งั้นหรอ ?

    เขาจะยอมรับฉันเป็นเพื่อนไหมนะ ?

     

     

    “ก็คง...ไม่มีนะ”

     

     

     

     

    เอี๊ยดดด !

     

     

     

     

    และทันทีที่สิ้นคำตอบนั้น ชิงช้าที่กำลังเคลื่อนไหวก็หยุดตัวลง ก่อนจะปรากฏร่างของคนตัวสูง ในชุด Spider-Man อย่างที่เห็นเมื่อวานเป๊ะๆ มานั่งอยู่ที่ชิงช้าข้างๆ

     

     

    นี่ฉันเจอ Spider-Man รอบสองแล้วหรอเนี่ย...

    เจอกันง่ายกว่าดารา นักร้องที่พบเห็นบน TV อีกแฮะ

     

     

    “ทำไมคิดงั้น ?

     

    เขาเอ่ยออกมาพลางมองหน้าตรงไปยังพุ่มไม้

     

     

    “ก็...ตอนกลางวันฉันก็กินข้าวคนเดียว คนในห้องที่คุยกับฉัน ก็เห็นจะมีแค่คนเดียวนะ”

     

    ฉันเอ่ยพลางเปรยหางตามองคนข้างๆ เมื่อพูดประโยคหลังจบ ร่างสูงในชุดแดง-น้ำเงินยังคงนั่งนิ่ง และฉันก็ไม่รู้เช่นเดียวกันว่าคนที่อยู่ภายใต้ชุดนั้น กำลังคิดอะไรอยู่

     

     

    “งั้นหรอ...”

     

     

    “...”

     

    เราทั้งสองต่างพากันเงียบ ให้มีเพียงแค่สายลมที่ช่วยขับกล่อม เสมือนกำลังบรรเทาบาดแผลในใจ คล้ายกับมันจะบอกว่า

     

     

    เดี๋ยวมันก็ผ่านไปนะ

     

     

     

     

    “ถ้าเธอไม่คิดอะไร...”

     

    แต่แล้วเสียงทุ้มนั้นก็เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบงัน

     

     

    “หื้ม ?

     

    ฉันหันมองคนด้านข้าง เพื่อรอฟังคำพูดต่อไปของเขา

     

     

    “ให้ฉันเป็นเพื่อนเธอได้ไหม ?

     

     

              และก็เป็นอีกครั้งที่เขาทำให้ฉันตกใจ

              แต่การตกใจครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆ

              มันไม่ใช่การพบเจอเรื่องราวประหลาด

              แต่มันกลับ...ทำให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาเสียดื้อๆ

     

     

    “หรือถ้าว่างๆ ก็ออกมาวิ่งเล่น ปั่นจักรยาน พาหมาออกมาเดินเล่น หรือลองทำความรู้จักกับเพื่อนบ้านก็ได้นะ บางทีเพื่อนบ้านของเธอก็อาจจะกำลังเหงาๆ เบื่อๆ อยู่เหมือนกันก็ได้”

     

    เสียงทุ้มพูดพลางหันมามองฉันที่ตอนนี้ภาพตรงหน้าเริ่มเบลอขึ้นเรื่อยๆ คำพูดอันแสนอ่อนโยน ที่เหมือนกำลังปลอบประโลมฉันอยู่นั้น มันทำให้รู้สึกดีขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แม้มันจะเป็นเพียงประโยคธรรมดาที่ดูไม่มีอะไรมากนัก แต่กลับทำให้ฉันรู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไป

     

     

    “ขอบคุณนะ ฮึก...”

     

    และก็เป็นอีกครั้งสินะ ที่ฉันเอ่ยขอบคุณเขา

    พร้อมกับพูดคำว่า ปีเตอร์ต่อท้ายในใจ

     

     

    ‘You might meet a hundred acquaintances

    Just to find a few special friend.’





    -----

    มาเสิร์ฟเเล้วค่าาาา ช่วงนี้มาติดๆ กันเนื่องจากสำนึกผิดที่หายไปนานเกิ๊น เรื่องราวของพวกนางไม่ได้มีเเค่ตลกโปกฮาไปวันๆ เด้อ เเต่ยังมีเรื่องราวดราม่ามากมาย ทั้งมิตรภาพ ความรัก(ของใครไม่บอก) เเล้วก็ตอบจบ...ที่ต้องบริหารตับกันสักหน่อยนะคะ5555

    ยังไงก็อย่าลืมติดตามกันต่อไป เเละคอมเม้นท์+ให้กำลังใจกันหน่อยน้า

    รางวัลที่ทำให้คนเขียนหายเหนื่อย เเล้วก็มีความสุข(มาก) ก็คือพวกนี่เเหละค่ะ ฮิฮิ

    ขอบคุณค่ะ  



     

     

     

     

     

     

     



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×