คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : คุณเพื่อนบ้าน ?
“น้าฝากเจ้าชูการ์ด้วยนะจ๊ะ”
สาวสวยเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มโดยไม่ลืมจะส่งมือไม้มาทำท่าบ๊ายบาย
ขนมเทียนยิ้มรับอย่างฝืนใจ ดวงตากลมดูอ่อนล้าผิดกับอากาศยามเช้าที่แสนสดใส
ก่อนที่จะ(พยายาม)ปรือตามองเข้าตัวปัญหาที่มีชื่อว่า
‘ชูการ์’
“ทำหน้าแบบนี้หมายความว่ายังไง เฮ้ ฉันไม่ใช่พวกทาสหมาหรอกนะ ฮะ-เฮ้ยยย! จะวิ่งไปไหนเนี่ยยยยย!”
ไม่ทันได้สนทนากับเจ้าชูการ์จบดี
สุนัขพันธุ์บีเกิ้ลก็สาวเท้าทั้งสี่ของมันออกสตาร์ท ทำเอาคนจูงเกือบหน้าคะมำไปกับพื้น
ขนมเทียนรีบกระชับฝีเท้าให้ทันตามเจ้าตูบนั่น
“ก็เพราะอย่างนี้ไงฉันถึงไม่ตกเป็นทาสหมาหรอกเว้ยยยยยย!!!”
บ่นกระปอดกระแปรดออกมาด้วยภาษาที่ทำเอาร่างสูงของใครบางคนถึงกับขมวดคิ้วมุ่น
สายตาคมมองผ่านกระจกภายในห้อง ไปยังร่างเล็กของเด็กสาวที่วิ่งตามหมา?
ก่อนจะส่ายหัวเบาๆ แล้วรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการไปโรงเรียน
-Kanomtain
Part-
“ขอบใจแกมาก
เป็นเช้าที่ทำเอาฉันแทบตายเลยนะ”
ฉันกัดฟันพูดกับเจ้าชูการ์ที่ตอนนี้ทำเป็นแกล้งเหมือนทองไม่รู้ร้อนว่ามันทำอะไรกับฉันไว้บ้าง
ไม่ใช่แค่พาฉันวิ่งไปเป็นกิโลอย่างเดียวนะ มันยังซนชอบทำเหมือนจะพุ่งชนใส่สุนัขตัวอื่นไปทั่ว
ฉันได้แต่หอบหายใจ ขาก็เริ่มล้าซะด้วยสิ
ให้ตายเถอะ
นี่มันเช้าวันแรกของการไปโรงเรียนของฉันเชียวนะ !
แต่ที่ทำได้ก็เพียงแค่บ่นในใจกับตัวเอง
เพราะเจ้าตูบนั่นเป็นหมาของเพื่อนสนิทน้าเอมิลี่
ที่ตอนนี้เขาต้องไปดูงานที่อินเดียทำให้ต้องฝากมันไว้ที่นี่ อีก 2
อาทิตย์จะมารับกลับไป ฉันก็ได้แต่ภาวนาให้เธอมารับเจ้านี่กลับไปเสียที เพราะนี่แค่วันที่
2 ก็ทำเอาฉันเกือบตายซะตายแล้วสิ ให้ตายเถอะ ฉันคงเป็นพวกเข้ากับหมาไม่ได้จริงๆ
ละมั้ง
ทันทีที่กลับมาอาบน้ำ
แต่งตัว ฉันก็สำรวจร่างของตัวเอง ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาบางๆ
ที่เห็นว่าชุดยูนิฟอร์มถูกสวมใส่อย่างเรียบร้อย ไม่ผิดกฎใดๆ พร้อมกับเดินไปหยิบกระเป๋าแล้วรีบลงไปข้างล่าง
ทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกของน้าเอมิลี่
“เดี๋ยววันนี้น้าไปส่งเอง
ประเดิมการไปโรงเรียนวันแรก”
ทันทีที่ขึ้นมาบนรถ
ฉันก็พึ่งสังเกตว่าชุดที่วันนี้น้าสวมใส่นั้นดูเป็นทางการ
สมกับเป็นประชาสัมพันธ์ของบริษัทเสียจริง รถเก๋งสีดำแล่นมาเรื่อยๆ
ตามทางมีร้านรวงมากมายที่พากันเริ่มเปิดร้าน
บรรยากาศที่นี่ดีมากเหมือนกับที่เคยดูหนังมาไม่ผิด เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเก็บภาพสักหน่อย
เมื่อรถถูกหยุดลงตรงหน้าโรงเรียนมัธยมชื่อดัง
ที่มีชื่อเสียงทางด้านวิชาการเป็นอย่างมาก ก็ทำเอาใจฉันเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ
ด้วยความตื่นเต้น ฉันเอ่ยลากับน้าเอมิลี่เล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขอบคุณคำอวยพร
“ขอให้เป็นวันที่ดีนะจ๊ะ”
พอได้ยินแล้วก็ได้แต่นึกในใจ...
ค่ะ
หนูก็หวังเช่นนั้นเหมือนกัน
“เอาล่ะๆ
ทุกคนนั่งที่ให้เรียบร้อย”
เมื่อเสียงของครูหนุ่มเอ่ยขึ้น จากห้องที่มีเสียงจอแจพูดคุยกันหลังจากที่หายหน้าหายตาจากการปิดเทอมที่ผ่านมาก็เงียบลงทันที
ฉันยืนอยู่หลังประตูพลางกุมมือแน่น ความเครียด ความตื่นเต้น และความกลัวนี้มันอะไรกัน
ทำไมฉันต้องสติแตกขนาดนี้ ให้ตายเถอะ ขนมเทียน! เธอไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนเลยนะ
“วันนี้ครูมีเพื่อนใหม่มาแนะนำให้พวกเธอรู้จัก
เธอเป็นเด็กนักเรียนแลกเปลี่ยนจากประเทศไทย จะมาอยู่กับเราเป็นเวลาครึ่งปี
ยังไงก็ฝากดูแลเธอด้วยล่ะ”
ครูหนุ่มอธิบายจบพลางสอดส่ายตาสื่อให้ฉันเข้ามาในห้องได้
ฉันพ่นลมหายใจเพื่อเรียกสปิริตก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป ทุกสายตาจ้องมาที่ฉันเป็นตาเดียว
แล้วเจ้าเหงื่อบ้านี่จะไหลไปถึงไหนกัน อากาศออกจะเย็นไปด้วยซ้ำ!
“เอ่อ...ฉันชื่อขนมเทียน อายุ 15 มาจากประเทศไทย ยินดีที่ได้รู้จัก”
แล้วเจ้าเส้นเสียงแกเป็นอะไรของแก๊!?
ทำไมต้องสั่นตามจังหวะหัวใจที่รัวเร็วยังกับจังหวะกลองด้วยเนี่ย!!!
“Thai?
Taiwan right?”
จู่ๆ
ก็มีเจ้าเด็กผู้ชายหน้าออกอินเดียพูดขึ้นอย่างสงสัย นี่ถ้าไม่ติดว่าเขาไม่รู้จริงๆ
ไม่ได้ตั้งใจกวนฉัน วันนี้คงต้องมีแลกสักหมัด ประเทศไทยว้อยยยย ไม่ใช่ไต้หวัน!!!
“ประเทศไทยไม่ใช่ไต้หวัน Bangkokไง”
ไหนๆ
ไม่รู้จักประเทศไทยนักก็บอกชื่อเมืองหลวงไปเลยละกัน เผื่อเขาอาจจะรู้จัก
“ห๊ะ?”
สงสัยฉันจะหวังมากไปจริงๆ
-
- หน้าของเด็กชายคนนั้นยังคงมีเครื่องหมาย
? อยู่บนหัว
“ฉันรู้จัก
อาหารไทยไง”
จู่ๆ ก็มีเสียงผู้ชายคนนึงพูดขึ้น ฉันเปรยตามองก่อนจะต้องเบิกกว้างด้วยความตกใจ
นั่นมัน...ปีเตอร์ พาร์กเกอร์ นี่หว่า! นี่ฉันอยู่ห้องเดียวกับเขาด้วยหรอเนี่ย
พระเจ้าช่วยลูกด้วย(ค่ะ)!!!
“อ๋อออออ”
ทันที่ที่ชายคนนั้นเอ่ยก็เหมือนเป็นการไขข้อสงสัยของทุกคน
พวกเขาพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะรีบเอ่ยถามถึงประเทศไทยในเรื่องต่างๆ
ทำเอาฉันถึงกับไปไม่เป็น
“เอาล่ะๆ
ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง คาบโฮมรูมนี้ครูขอเช็กชื่อพวกเธอ....”
เหมือนสวรรค์ทรงโปรด
ทันทีที่คุณครูพูดขึ้นพวกเขาก็ต่างพากันไปให้ความสนใจแทนฉันที่ยังยืนบื้ออยู่ในตอนนี้
อ๋อใช่!
ฉันต้องไปหาที่นั่งนี่หว่า
“คานมเทียน
เธอไปนั่งข้างๆ คุณพาร์กเกอร์ละกัน”
ดูเหมือนคนที่นี่จะมีปัญหาในการเรียกชื่อฉันกันนะ
แต่เฮ้ย! นี่มันไม่ใช่ประเด็นหลักนี่หว่า
ฉันเปรยตามองคนที่ครูว่าก่อนจะจำใจเดินไปนั่งที่ข้างๆ เขา
ในเมื่อมันเหลือเป็นที่สุดท้าย
“เฮ้!”
ทันทีที่หย่อนก้นลงนั่ง
คนข้างกายก็เอ่ยทักทายอย่างเป็นมิตร ดวงตานั้นหยีเป็นสระอิพร้อมกับส่งรอยยิ้มมาให้
“ไง..”
ให้ตายเถอะ!
เวลาตื่นเต้นทีไรมักจะเป็นคนพูดน้อยทุกที
ฉันได้แต่นั่งสงบปากสงบคำอย่างเจี๋ยมเจี้ยม เพราะอะไรน่ะหรอ!? คนข้างๆ ฉันนี่ไง เขาคนนี้ไง Spider-Man !!! ไหนจะเป็นเพื่อนร่วมห้องแล้วยังเป็นเพื่อนบ้านฉันอีก
นี่มันโครตจะบังเอิญในบังเอิญชัดๆ!
“ฉันปีเตอร์ พาร์กเกอร์”
หมอนั่นว่าก่อนจะยื่นมือมาทักทาย
ฮืออออ ป๊า ม๊า หนูได้จับมือกับ Spider-Manด้วยค่ะ
ฮืออออออออออออออออ
“ฉันขนมเทียน”
ยืนมือไปจับตามมารยาท
ก่อนจะต้องชะงักเมื่อดึงมือกลับไม่ได้
“อ่ะแฮ่ม! ช่วยตั้งใจฟังครูหน่อยครับ!”
คุณครูพูดขึ้นเมื่อเห็นเราจับมือกันไม่ปล่อย
คือไม่ใช่เลยค่ะครู!! หนูไม่ได้จะเกี้ยวพาราสีใดๆ
เขาทั้งสิ้น แต่เขาไม่ปล่อยมือหนู!!!
“ปล่อยมือฉันสิ”
ฉันกดเสียงต่ำก่อนจะพยายามดึงมือออก
แต่หมอนั่นกับทำหน้าประมาณว่า ‘ไม่ใช่อย่างนั้น’
“ฉันดึงมือไม่ออกเหมือนกัน”
ห๊ะ...?
“ไม่ทราบว่าพวกคุณ 2 คน จะตั้งใจฟังผมได้รึยังครับ!?”
และแน่นอนว่าเสียงนั้นก็ทำเอาทั้งห้องหันมามองที่เราด้วยสายตาอาฆาต(?)
ให้ตายเถอะ! ฉันไม่ได้ตั้งใจจะขัดเวลาเรียนของพวกเธอเลยสักนิด
แต่มือเจ้ากรรมนี่มันดึง-ไม่-ออก!!!
“ออกสิเว้ยยยยย!”
เพี้ยะ!!!!!!!!!
ใบหน้าหล่อสะบัดไปตามแรงฟาดของมือฉัน(อย่างไม่ได้ตั้งใจ)
ก่อนจะเห็นรอยแดงๆ เป็นรูปนิ้วมือบนใบหน้าขาวนั้น
ทั้งห้องถลึงตามองฉันด้วยความตกใจเหมือนกับพึ่งเคยเห็นพวกใช้ความรุนแรงอย่างไงอย่างงั้น
ก่อนที่คนข้างๆ จะหันหน้ากลับมาตามเดิมพร้อมกับบ่นพึมพำเบาๆ กับตัวเขาเอง
“มือหนักใช้ได้...”
ให้ตายเหอะ!!!!!!!!!!!!!
วันแรกของการเปิดเรียนของฉันมันช่างแสนซวยอะไรอย่างนี้
มือเจ้ากรรมดึงไม่ออก ไหนจะคนในห้องมองว่าฉันเป็นพวกใช้ความรุนแรงอีกกกกกกกกกกกกกกก!!!
ป๊า ม๊ามารับขนมเทียนกลับบ้านที!!! ฮือออออออออออ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“รีบๆ จัดการธุระแกให้เสร็จเลยนะ”
ฉันพูดกับเจ้าชูการ์ที่ตอนนี้กำลังปล่อยพลังอุนจิใส่พุ่มไม้
ทันทีที่กลับมาถึงบ้านฉันก็ต้องจำใจพามันออกมาเนื่องจากมันเห่าไม่หยุด!
เหมือนคนเอาแต่ใจอย่างไงอย่างงั้น
วันแรกของการไปโรงเรียนของขนมเทียนคนนี้หนักเอาเรื่อง ไหนจะเรื่องบ้าๆ ในช่วงเช้า
กลางวันก็ต้องทานข้าวคนเดียวเนื่องจากไม่รู้จักใครอีกทั้งคนในห้องก็ต่างพากันทำท่าทางหวาดกลัวฉัน
ฉันได้ยินพวกเขาคุยเรื่องมวยไทยกันด้วยล่ะ แต่เฮ้ย...ไม่ใช่ว่าคนไทยทุกคนจะต่อยมวยเป็นหรอกนะ
- -
“เฮ้
คุณเพื่อนบ้าน!”
น้ำเสียงคุ้นหูเรียกให้ฉันรับหันมอง
ก่อนจะพบว่าเป็นปีเตอร์ มนุษย์แมงมุม! เขาอยู่ในชุดออกกำลังกายพร้อมกับรองเท้าวิ่งแบรนด์ดัง
รอยยิ้มนั้นถูกส่งมาอย่างไม่ปกติดีนัก อ่า...สงสัยจะยังเจ็บหน้าอยู่สินะ
“ฉัน...ขอโทษนะ
เรื่องที่โรงเรียน”
ฉันเอ่ยออกมาอย่างสำนึกผิด
ตอนอยู่ที่ห้องเรียนก็ไม่ได้ขอโทษเขาจริงๆ จังๆ เสียด้วยสิ เนื่องจากคุณครูเอาแต่มองฉันกับเขาอย่างไม่คลาดสายตา
จึงทำให้ไม่กล้าเอ่ยอะไรต่อ ฉันได้แต่หลุบตามองพื้นอย่างไม่กล้าสู้หน้านัก
“เฮ้ย!
เรื่องแค่นี้เอง เธอจะคิดมากทำไม ในเมื่อเธอก็ไม่ได้ตั้งใจ”
แต่น้ำเสียงสดใสเหมือนไม่ได้ติดใจอะไรนั้นก็ทำให้ฉันต้องเงยหน้ามองตาม
เขาคลี่ยิ้มบางๆ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้เมื่อเห็นว่ามีบางสิ่งอยู่ด้วย
“เฮ้
ชื่ออะไรน่ะ?”
แต่คำถามนั้นกับทำเอาฉันขมวดคิ้วมุ่น
แต่ก็เอ่ยปากตอบออกไป
“ขนมเทียนไง”
พร้อมกับกระพริบตาปริบๆ
ด้วยความไม่เข้าใจนัก วันนี้ฉันแนะนำตัวกับเขาไป 2 รอบแล้วนะ หรือเขาจะสมองปลาทองขนาดนั้นเชียว
?
“อุ้บ..!”
ร่างสูงกว่าพยายามใช้มือปิดปากคล้ายกำลังกลั้นขำสุดชีวิต
ก่อนจะพ่ายแพ้ให้กับตัวเขาเองแล้วระเบิดหัวเราะออกมาอย่างกับคนบ้า...
“ฉะ-ฉันหมายถะ-ถึงชื่อ
หมาของเธอน่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
และคำตอบนั้นก็ทำเอาฉันหน้าชาจนอยากจะวิ่งหนีจากตรงนี้ไปให้ไกลที่สุด
.
.
.
อายShiftหายเลยเว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย !!!!!!!!!!
ขอบคุณค่ะ ♥
ความคิดเห็น