ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The World Of Valf Master

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 2 ฟากฟ้าแห่งการพานพบ IV

    • อัปเดตล่าสุด 28 มี.ค. 63


    *ก๊อกๆ*

    มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้องของหอพัก A-105

    ครับๆ

    คนที่เดินไปเปิดประตูก็คือโชตะ

    ทาคาโอะ ยูยะอยู่หรือเปล่าคะ ? “

    เจ้าของเสียงที่แสนสุภาพ งดงามตรงกับรูปกายของหญิงสาวผมสีดำยาวสลวยก็คือหญิงสาวที่เคยพูดคุยกับยูยะเมื่อตอนที่เขาเข้าเรียนมาวันแรก

    “ …! “

    แล้วโชตะก็วนกระโดดไปหายูยะด้วยความรวดเร็ว

    แกยูยะ นี่แกจะหลีสาวเยอะไปไหนวะ !? “

    โชตะพูดกระซิบเบาๆ คุยกับยูยะ

    พูดเรื่องไรอะ ? “

    ก็นั่นไงหน้าประตูน่ะ นั่นมันคุณโอชินะ คาริน คลาสS นะเว้ยเฮ้ย !? นี่แกแอบไปจีบตอนไหนเนี่ย

    ก็ตอนนั้นนายบอกให้ฉันไปเดินเล่นไม่ใช่หรือไงอะ ก็เลยไปเดินเล่นจนเจอยัยนั่นพอดีน่ะ

    เอ่อขอโทษนะคะ

    คารินเดินเข้ามาในห้อง แล้วพูดขัดจังหวะการคุยของทั้งสองคน

    ฉันขอยืมตัวคุณทาคาโอะไปสักครู่นะคะ คุณรูมเมท

    คารินยิ้มให้กับโชตะ แล้วก็จับมือของยูยะวิ่งออกไปจากห้องจากรวดเร็ว

    “ …ครับ อา..ช่างเป็นรอยยิ้มที่งดงามอะไรเช่นนี้

    โชตะที่โดนทิ้งให้อยู่ในห้องอย่างโดดเดียว กำลังนั่งอยู่ในท่านั่ง แล้วยิ้มบางๆออกมา ทั้งน้ำตา ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาดีใจที่คารินยิ้มให้ หรือเสียใจที่ถูกทิ้งก็ไม่รู้

    อะไรเนี่ย อยู่ๆก็มาฉุดคนอื่นเขา

    ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ ! “

    แล้วจะไปไหนละเนี่ย

    ที่ๆ ไม่มีคน! “

    เฮ้ย ดึกดื่นป่านนี้เนี่ยนะ !? “  

    เถอะน่า ตามมา ! “

    ก่อนหน้านี้ หลังจากที่ยูยะกับโชตะเพิ่งผ่านสถานการณ์โดนพวกกุ๊ยโรงเรียนเก็กขะรุมไป ยูยะก็เอ่ยปากว่าตัวเองใช้แรงเยอะไปหน่อย ก็เลยหิวข้าว จะกลับไปที่โรงเรียนทานอาหารก็ยังไม่ได้เพราะมันไม่ใช่เวลาที่จะเอาอาหาร แถมโชตะก็ยังได้ยูยะช่วยเอาไว้อีก เขาก็เลยอาสาพายูยะไปเลี้ยงเอง แต่พอมานึกอีกทีโชตะกลับคิดผิดที่ขอเลี้ยง เพราะยูยะกลับเลือกร้านชาบูแสนแพง แถมยังกินแบบ 5 คนกินอีกต่างหาก

    “ .. แล้วจะคุยเรื่องอะไรล่ะ ? “

    สถานที่ ที่บอกว่าไม่มีคน ตอนแรกยูยะคิดว่าหล่อนจะพาเขาไปนอกโรงเรียนซะอีก แต่ที่ไหนได้ มันก็ตรงสวนดอกไม้ข้างๆตึกคลาส S ที่เจอกันตอนแรก

    นี่นาย จำอะไรไม่ได้เลยเหรอ ? “

    จำจำอะไรเหรอ ? “

    จำไม่ได้จริงๆเหรอ ? “

    อ๋อ เรื่องที่เธอเอากรรไกรมาขู่เข็ญฉันใช่ปะ ไม่ต้องห่วง ๆ ฉันไม่เอาไปบอกใคร – “

    อยู่ๆยูยะก็หยุดปากทันที เพราะมีเพลิงสีแดงผ่านหน้าของเขาไป

    ทำอะไรของเธอเนี่ย อันตรายนะเฟ้ย ! “

    “ …. “

    คารินชายตามองยูยะ หากมองดูดีๆ ที่ดวงตาของเธอมีน้ำตาไหลออกมาปริ่มๆอยู่

    “ ..ขอโทษนะ

    อยู่ๆดีก็มาขอโทษ อะไรของนายยะ ? “

    ฉันไม่รู้หรอกนะ ว่าเธอหมายถึงเรื่องอะไร แต่ก็ขอโทษที่ฉันจำอะไรไม่ได้เลย!! “

    ยูยะก้มหัวขอโทษคารินประมาณ 3 ครั้ง

    พอเถอะ ฉันเองก็ผิดเหมือนกัน ที่อยู่ๆก็ลากนายออกมา ทั้งๆที่ไม่ได้พูดอะไรเลย… “

    “ …!

    ทันใดนั้นยูยะก็มองหน้าคารินหลายต่อหลายรอบ ดวงตาของเขาจับจ้องใบหน้าของเธอสลับกับเด็กสาวคนหนึ่งที่เขาเคยพบเจอกันในวัยเด็ก เพราะมีบางส่วนของเธอที่คล้ายคลึงกันอยู่

    ระ..หรือว่า

    “ ..จำได้แล้วเหรอ ? “

    เธอ…. “

    หัวใจของคารินเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อยูยะกำลังจะพูดอะไรออกมา

    คนขายผักเมืองเอนเต้ใช่ปะ!! “

    *ผัวะ*

    เสียงมือของหญิงสาวตบลงไปที่หัวของชายหนุ่มอย่างเต็มแรง จนชายหนุ่มถึงก็ยืนแทบไม่ไหว

    ไอ้บ้า!! ไม่รู้ด้วยแล้ว! “

    หญิงสาวหน้าแดงแล้วโวยวายออกไป

    ล้อเล่นน่า คารินใช่ปะ สวยขึ้นเยอะเลยนะ จำแทบไม่ได้แน่ะ

    ยูยะตอบกลับไปทั้งๆที่มือยังกุมศีรษะของตัวเองด้วยความเจ็บปวดไว้อยู่

    “ …. “

    คารินหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ แล้วจึงเชิดหน้าหนีพร้อมกับพูด ฮึ ไปด้วย

    เฮ้ยๆ มุกน่ามุก กะจะทำให้บรรยากาศมันดีขึ้นก็เท่านั้นเอง แต่ไม่คิดว่าจะยิ่งทำให้เธออารมณ์เสียขึ้นมาซะงั้น แต่ว่าที่บอกสวยขึ้นน่ะ ไม่ได้เล่นมุกหรอกนะ

    ตาบ้า

    ยูยะพยายามเดินไปกล่อมให้คารินอารมณ์ดีขึ้น แต่ดูท่าเจ้าตัวจะงอลเขามากกว่าที่คิดเสียอีก

    ไปนั่งคุยกันตรงนั้นดีกว่า ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอเยอะแยะเลย

    “ ..อื้ม

    แล้วพวกเขาก็เดินไปที่ม้านั่งใกล้ๆกับสวนดอกไม้ ในตอนนี้คารินก็ยังอายที่โดนยูยะหยอกไม่หาย ส่วนตัวเขาเองก็ไม่เก่งจะเคลียร์สถานการณ์รูปแบบนี้ ก็เลยได้แต่ชวนคุยไปจะดีกว่า

    กี่ปีแล้วน๊า ที่ฉันออกเดินทางน่ะ

    “ 10 ปี นานมากจริงๆนะ ฉันยังอยากกลับไปช่วงเวลานั้นอยู่เลย

    ถ้าขืนย้อนเวลากลับไปตอนนั้นก็แย่สิ คนอื่นเขายังใช้วาร์ฟกันไม่เป็นเลยนะ

    นั่นสินะ

    เอ้อ จะว่าไป คารินใช้วาร์ฟเป็นตั้งแต่ตอนไหนล่ะเนี่ย ? “

    ก็ตั้งแต่ยูยะตั้งใจออกเดินทางไปนั่นแหละ คนที่มีความฝันแบบเธอมันไม่เหมือนกับตัวฉันนี่ ฉันก็เลยได้คิดแต่ว่าหากตัวเองเอาแต่ทำตัวอ่อนแอละก็ คงจะตามยูยะไม่ทันแน่ ก็เลยได้คุณพ่อช่วยฝึกร่างกายให้น่ะ อยู่ดีๆวาร์ฟก็ใช้ขึ้นมาได้เฉยเลย พอรู้อีกทีก็มาสมัครเข้าโรงเรียนนี้แล้วล่ะ

    แสดงว่าเก่งน่าดูเลยสินะเนี่ย ถึงกับได้อยู่คลาส S น่ะ ? “

    ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก มาสมัครปีแรกก็ได้อยู่คลาส B แล้วพอสอบครั้งที่ 2 เสร็จ ก็ถูกพิจารณาให้ขึ้นคลาส S เลยน่ะ ที่คลาส S น่ะนะมีแต่คนเก่งๆเต็มไปหมดเลย

    งั้นคารินก็ยังอยู่ปี 2 เองน่ะสิ ? “

    ช่าย ปี 2 คลาส S น่ะมีแค่ฉันกับเอลฟา 2 คนเอง ตอนนี้กำลังคิดอยู่เลยว่า ถ้าขึ้นปี 3 เมื่อไรจะมีคนมาเข้าคลาส S หรือเปล่านะ เพราะเพื่อนร่วมชั้นตอนนี้ ก็ปี 3 ทุกคนเลย

    ถ้างั้นเดี๋ยวฉันจะไปอยู่เป็นเพื่อนเอง!! “

    คนขี้แงอย่างยูยะเนี่ยน่ะเหรอ จะทำได้ ? “

    อย่ามาดูถูกสิ ฉันเป็นคนพูดจริงทำจริงนะ ! “

    คารินรู้ถึงความเก่งกาจของยูยะอยู่แล้ว เพราะเหตุการณ์ที่ยูยะไปต่อสู้กับลาเซีย เธอเองก็เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ชมที่คอยดูอยู่ด้วย ทั้งการเคลื่อนไหวต่างๆ เธอมองออกหมด จึงรู้ได้ทันทีว่ายูยะนั้น ไม่ได้เหมือนเดิมอีกแล้ว ที่เธอพูดดูถูกยูยะไปนั้น ก็แค่หยอกล้อขำๆเท่านั้นเอง

    ดาวตกหลายดวงลอยผ่านเหนือน่านฟ้าที่พวกเขากำลังนั่งคุยกันอยู่

    ว้าว ดาวตก! “

    จริงด้วยสวยจัง

    ทั้ง 2 คนเงยหน้าขึ้นไปมองดาวตกที่อยู่บนท้องฟ้า

    ฮะฮะ นั่งดูดาวแบบนี้ก็สบายไปอีกแบบนะ

    “ …. “

    การที่ชายหญิงได้นั่งพูดคุยด้วยกันสองต่อสองในสวนดอกไม้ยามค่ำคืน อีกทั้งยังมีสายลมอ่อนๆพัดผ่านพวกเขาที่กำลังมองดูดาวตกอยู่ หากยูยะเป็นชายหนุ่มธรรมดาทั่วๆไปละก็ สถานการณ์แบบนี้คงจะเรียกว่าโรแมนติกโดยแท้ เมื่อคารินคิดแบบนี้อยู่ ก็เกิดหน้าแดงขึ้นมาซะอย่างนั้น

    นี่ยูยะ.. เธอจำเรื่องความฝันของฉันได้รึเปล่า ? “

    ความฝันของเธอ… ? อึก…! “

    เมื่อยูยะนึกออกก็เกิดหน้าแดงขึ้นมาอีกคน

    จำได้ใช่ไหม ? “

    “ …เอ่ออ่า….ก็…. “

    ยูยะพยายามพูดลากยาวๆ แล้วหลบหน้าคารินหนีไปทางอื่น แต่ว่าเธอกลับยื่นหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

    ยูยะ.. “

    คาริน.. “

               ตัวของหญิงสาวเริ่มรุกไล่เข้าใกล้ใบหน้าของชายหนุ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วระยะของริมฝีปากของทั้งสองก็กำลังจะเข้าหากัน สภาพแวดล้อมพร้อมลมอ่อนๆแถมชายหญิงยังอยู่ด้วยกันสองต่อสองอีก ไม่ว่าใครก็คงต้องอ่อนตัวตามบรรยากาศกันทั้งนั้น

    พวกเธอจะทำอะไรกันน่ะ ? “

    กรี๊ด! “

    แจ๊ก!! “

    ทั้งสองคนสะดุ้งตกใจพร้อมๆกัน เพราะมีเสียงคนเดินเข้ามาหา

    ลาเซียเหรอ… “

    เอลฟานี่เอง ตกใจหมด… “

    อย่าบอกนะว่าทั้งสองคน กำลังจะ จะ จูบ!? “

    ไม่ใช่ย่ะ! หน้าของยูยะมีฝุ่นมาเกาะก็เลยจะเช็ดให้ก็เท่านั้นเอง

    อ๊ะ ใช่ ตามนั้นแหละๆ

    ทั้งคารินทั้งยูยะต่างก็พูดปฏิเสธกันแบบรีบร้อนผิดปกติ ทำให้ลาเซียอดสงสัยถึงทั้งสองคนไม่ได้เลยว่า พวกเขาแอบทำอะไรกันอย่างลับๆหรือเปล่า

    คุณทาคาโอะไปรู้จักคุณคารินได้ยังล่ะคะเนี่ย ? “

    อ๋อ เพื่อนสมัยเด็กน่ะ ฮะฮะ

    “ …เหรอคะ

    สายตาของลาเซียจับจ้องไปที่ตัวของยูยะด้วยความสงสัย

    แล้วเอลฟามาทำอะไรแถวนี้ล่ะ ตรวจสอบพื้นที่ยามดึก ตามหน้าที่กรรมการนักเรียนเหรอ ? “

    เปล่าหรอกค่ะ พอดีฉันมีลางสังหรณ์ว่าคุณทาคาโอะต้องอยู่กับผู้หญิงสองต่อสองหรืออะไรทำนองนี้แน่ ก็เลยออกมาดูน่ะค่ะ แต่ไม่คิดเลยว่าจะตรงจริงๆ

    เอลฟาเป็นอะไรกับยูยะเหรอ ? “

    แน่นอนค่ะ ก็เป็นคู่หมั้นไงล่ะคะ

    “ !! “

    คราวนี้คารินก็หันหน้ามาหายูยะด้วยใบหน้าที่น่ากลัวราวกับว่าจะกัดกินเลือดเนื้อ

    คะ คู่หมั้นหลอกๆน่ะ เฮ้ ลาเซียอย่าไปพูดอะไรให้คารินเข้าใจผิดสิ

    หลอกๆงั้นเหรอ ? “

    อืม ยัยนี่มาก้มหัวร้องไห้ขอร้องฉันใหญ่เลยน่ะ ว่าเป็นคู่หมั่นหลอกๆให้ที เพราะว่าไม่อยากจะไปคบกับผู้ชายที่เป็นคู่หมั้นก่อนหน้านี้น่ะ

    โห งี้นี่เอง

    ฉะ ฉันไปก้มหัวขอร้องคุณตอนไหนกันคะ คุณทาคาโอะ !? “

    ขอโทษค๊าบ! “

    หลังจากนั้นยูยะก็โดนทั้งสองสาวจับสอบถามเรื่องต่างๆ แล้วก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนานที่สวนดอกไม้ตลอดทั้งคืน จนยูยะรู้สึกเหมือนกับอยู่ในนรก และได้รู้ถึงความจริงของผู้หญิงอีกอย่างหนึ่งก็คือ ผู้หญิงเนี่ยเป็นสิ่งมีชีวิตที่หากได้คุยแล้วจะไฟติดไม่ดับเลยจริงๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×