คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 2 ฟากฟ้าแห่งการพานพบ IV
*ก๊อกๆ*
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้องของหอพัก A-105
“ ครับๆ “
คนที่เดินไปเปิดประตูก็คือโชตะ
“ ทาคาโอะ ยูยะอยู่หรือเปล่าคะ ? “
เจ้าของเสียงที่แสนสุภาพ งดงามตรงกับรูปกายของหญิงสาวผมสีดำยาวสลวยก็คือหญิงสาวที่เคยพูดคุยกับยูยะเมื่อตอนที่เขาเข้าเรียนมาวันแรก
“ …! “
แล้วโชตะก็วนกระโดดไปหายูยะด้วยความรวดเร็ว
“ แก… ยูยะ นี่แกจะหลีสาวเยอะไปไหนวะ !? “
โชตะพูดกระซิบเบาๆ คุยกับยูยะ
“ พูดเรื่องไรอะ ? “
“ ก็นั่นไงหน้าประตูน่ะ นั่นมันคุณโอชินะ คาริน คลาสS นะเว้ยเฮ้ย !? นี่แกแอบไปจีบตอนไหนเนี่ย “
“ ก็ตอนนั้นนายบอกให้ฉันไปเดินเล่นไม่ใช่หรือไงอะ ก็เลยไปเดินเล่นจนเจอยัยนั่นพอดีน่ะ “
“ เอ่อ… ขอโทษนะคะ “
คารินเดินเข้ามาในห้อง แล้วพูดขัดจังหวะการคุยของทั้งสองคน
“ ฉันขอยืมตัวคุณทาคาโอะไปสักครู่นะคะ คุณรูมเมท “
คารินยิ้มให้กับโชตะ แล้วก็จับมือของยูยะวิ่งออกไปจากห้องจากรวดเร็ว
“ …ครับ อา..ช่างเป็นรอยยิ้มที่งดงามอะไรเช่นนี้ “
โชตะที่โดนทิ้งให้อยู่ในห้องอย่างโดดเดียว กำลังนั่งอยู่ในท่านั่ง แล้วยิ้มบางๆออกมา ทั้งน้ำตา ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาดีใจที่คารินยิ้มให้ หรือเสียใจที่ถูกทิ้งก็ไม่รู้
“ อะไรเนี่ย อยู่ๆก็มาฉุดคนอื่นเขา “
“ ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ ! “
“ แล้วจะไปไหนละเนี่ย “
“ ที่ๆ ไม่มีคน! “
“ เฮ้ย ดึกดื่นป่านนี้เนี่ยนะ !? “
“ เถอะน่า ตามมา ! “
ก่อนหน้านี้ หลังจากที่ยูยะกับโชตะเพิ่งผ่านสถานการณ์โดนพวกกุ๊ยโรงเรียนเก็กขะรุมไป ยูยะก็เอ่ยปากว่าตัวเองใช้แรงเยอะไปหน่อย ก็เลยหิวข้าว จะกลับไปที่โรงเรียนทานอาหารก็ยังไม่ได้เพราะมันไม่ใช่เวลาที่จะเอาอาหาร แถมโชตะก็ยังได้ยูยะช่วยเอาไว้อีก เขาก็เลยอาสาพายูยะไปเลี้ยงเอง แต่พอมานึกอีกทีโชตะกลับคิดผิดที่ขอเลี้ยง เพราะยูยะกลับเลือกร้านชาบูแสนแพง แถมยังกินแบบ 5 คนกินอีกต่างหาก
“ .. แล้วจะคุยเรื่องอะไรล่ะ ? “
สถานที่ ที่บอกว่าไม่มีคน ตอนแรกยูยะคิดว่าหล่อนจะพาเขาไปนอกโรงเรียนซะอีก แต่ที่ไหนได้ มันก็ตรงสวนดอกไม้ข้างๆตึกคลาส S ที่เจอกันตอนแรก
“ นี่นาย จำอะไรไม่ได้เลยเหรอ ? “
“ จำ… จำอะไรเหรอ ? “
“ จำไม่ได้จริงๆเหรอ ? “
“ อ๋อ เรื่องที่เธอเอากรรไกรมาขู่เข็ญฉันใช่ปะ ไม่ต้องห่วง ๆ ฉันไม่เอาไปบอกใคร – “
อยู่ๆยูยะก็หยุดปากทันที เพราะมีเพลิงสีแดงผ่านหน้าของเขาไป
“ ทำอะไรของเธอเนี่ย อันตรายนะเฟ้ย ! “
“ …. “
คารินชายตามองยูยะ หากมองดูดีๆ ที่ดวงตาของเธอมีน้ำตาไหลออกมาปริ่มๆอยู่
“ ..ขอโทษนะ “
“ อยู่ๆดีก็มาขอโทษ อะไรของนายยะ ? “
“ ฉันไม่รู้หรอกนะ ว่าเธอหมายถึงเรื่องอะไร แต่ก็ขอโทษที่ฉันจำอะไรไม่ได้เลย!! “
ยูยะก้มหัวขอโทษคารินประมาณ 3 ครั้ง
“ พอเถอะ ฉันเองก็ผิดเหมือนกัน ที่อยู่ๆก็ลากนายออกมา ทั้งๆที่ไม่ได้พูดอะไรเลย… “
“ …! “
ทันใดนั้นยูยะก็มองหน้าคารินหลายต่อหลายรอบ ดวงตาของเขาจับจ้องใบหน้าของเธอสลับกับเด็กสาวคนหนึ่งที่เขาเคยพบเจอกันในวัยเด็ก เพราะมีบางส่วนของเธอที่คล้ายคลึงกันอยู่
“ ระ..หรือว่า “
“ ..จำได้แล้วเหรอ ? “
“ เธอ…. “
หัวใจของคารินเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อยูยะกำลังจะพูดอะไรออกมา
“ คนขายผักเมืองเอนเต้ใช่ปะ!! “
*ผัวะ*
เสียงมือของหญิงสาวตบลงไปที่หัวของชายหนุ่มอย่างเต็มแรง จนชายหนุ่มถึงก็ยืนแทบไม่ไหว
“ ไอ้บ้า!! ไม่รู้ด้วยแล้ว! “
หญิงสาวหน้าแดงแล้วโวยวายออกไป
“ ล้อเล่นน่า คารินใช่ปะ สวยขึ้นเยอะเลยนะ จำแทบไม่ได้แน่ะ “
ยูยะตอบกลับไปทั้งๆที่มือยังกุมศีรษะของตัวเองด้วยความเจ็บปวดไว้อยู่
“ …. “
คารินหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ แล้วจึงเชิดหน้าหนีพร้อมกับพูด ฮึ ไปด้วย
“ เฮ้ยๆ มุกน่ามุก กะจะทำให้บรรยากาศมันดีขึ้นก็เท่านั้นเอง แต่ไม่คิดว่าจะยิ่งทำให้เธออารมณ์เสียขึ้นมาซะงั้น แต่ว่าที่บอกสวยขึ้นน่ะ ไม่ได้เล่นมุกหรอกนะ “
“ ตาบ้า “
ยูยะพยายามเดินไปกล่อมให้คารินอารมณ์ดีขึ้น แต่ดูท่าเจ้าตัวจะงอลเขามากกว่าที่คิดเสียอีก
“ ไปนั่งคุยกันตรงนั้นดีกว่า ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอเยอะแยะเลย “
“ ..อื้ม “
แล้วพวกเขาก็เดินไปที่ม้านั่งใกล้ๆกับสวนดอกไม้ ในตอนนี้คารินก็ยังอายที่โดนยูยะหยอกไม่หาย ส่วนตัวเขาเองก็ไม่เก่งจะเคลียร์สถานการณ์รูปแบบนี้ ก็เลยได้แต่ชวนคุยไปจะดีกว่า
“ กี่ปีแล้วน๊า ที่ฉันออกเดินทางน่ะ “
“ 10 ปี นานมากจริงๆนะ ฉันยังอยากกลับไปช่วงเวลานั้นอยู่เลย “
“ ถ้าขืนย้อนเวลากลับไปตอนนั้นก็แย่สิ คนอื่นเขายังใช้วาร์ฟกันไม่เป็นเลยนะ “
“ นั่นสินะ “
“ เอ้อ จะว่าไป คารินใช้วาร์ฟเป็นตั้งแต่ตอนไหนล่ะเนี่ย ? “
“ ก็ตั้งแต่ยูยะตั้งใจออกเดินทางไปนั่นแหละ คนที่มีความฝันแบบเธอมันไม่เหมือนกับตัวฉันนี่ ฉันก็เลยได้คิดแต่ว่าหากตัวเองเอาแต่ทำตัวอ่อนแอละก็ คงจะตามยูยะไม่ทันแน่ ก็เลยได้คุณพ่อช่วยฝึกร่างกายให้น่ะ อยู่ดีๆวาร์ฟก็ใช้ขึ้นมาได้เฉยเลย พอรู้อีกทีก็มาสมัครเข้าโรงเรียนนี้แล้วล่ะ “
“ แสดงว่าเก่งน่าดูเลยสินะเนี่ย ถึงกับได้อยู่คลาส S น่ะ ? “
“ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก มาสมัครปีแรกก็ได้อยู่คลาส B แล้วพอสอบครั้งที่ 2 เสร็จ ก็ถูกพิจารณาให้ขึ้นคลาส S เลยน่ะ ที่คลาส S น่ะนะมีแต่คนเก่งๆเต็มไปหมดเลย “
“ งั้นคารินก็ยังอยู่ปี 2 เองน่ะสิ ? “
“ ช่าย ปี 2 คลาส S น่ะมีแค่ฉันกับเอลฟา 2 คนเอง ตอนนี้กำลังคิดอยู่เลยว่า ถ้าขึ้นปี 3 เมื่อไรจะมีคนมาเข้าคลาส S หรือเปล่านะ เพราะเพื่อนร่วมชั้นตอนนี้ ก็ปี 3 ทุกคนเลย “
“ ถ้างั้นเดี๋ยวฉันจะไปอยู่เป็นเพื่อนเอง!! “
“ คนขี้แงอย่างยูยะเนี่ยน่ะเหรอ จะทำได้ ? “
“ อย่ามาดูถูกสิ ฉันเป็นคนพูดจริงทำจริงนะ ! “
คารินรู้ถึงความเก่งกาจของยูยะอยู่แล้ว เพราะเหตุการณ์ที่ยูยะไปต่อสู้กับลาเซีย เธอเองก็เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ชมที่คอยดูอยู่ด้วย ทั้งการเคลื่อนไหวต่างๆ เธอมองออกหมด จึงรู้ได้ทันทีว่ายูยะนั้น ไม่ได้เหมือนเดิมอีกแล้ว ที่เธอพูดดูถูกยูยะไปนั้น ก็แค่หยอกล้อขำๆเท่านั้นเอง
ดาวตกหลายดวงลอยผ่านเหนือน่านฟ้าที่พวกเขากำลังนั่งคุยกันอยู่
“ ว้าว ดาวตก! “
“ จริงด้วย… สวยจัง “
ทั้ง 2 คนเงยหน้าขึ้นไปมองดาวตกที่อยู่บนท้องฟ้า
“ ฮะฮะ นั่งดูดาวแบบนี้ก็สบายไปอีกแบบนะ “
“ …. “
การที่ชายหญิงได้นั่งพูดคุยด้วยกันสองต่อสองในสวนดอกไม้ยามค่ำคืน อีกทั้งยังมีสายลมอ่อนๆพัดผ่านพวกเขาที่กำลังมองดูดาวตกอยู่ หากยูยะเป็นชายหนุ่มธรรมดาทั่วๆไปละก็ สถานการณ์แบบนี้คงจะเรียกว่าโรแมนติกโดยแท้ เมื่อคารินคิดแบบนี้อยู่ ก็เกิดหน้าแดงขึ้นมาซะอย่างนั้น
“ นี่ยูยะ.. เธอจำเรื่องความฝันของฉันได้รึเปล่า ? “
“ ความฝันของเธอ… ? อึก…! “
เมื่อยูยะนึกออกก็เกิดหน้าแดงขึ้นมาอีกคน
“ จำได้ใช่ไหม ? “
“ …เอ่อ… อ่า….ก็…. “
ยูยะพยายามพูดลากยาวๆ แล้วหลบหน้าคารินหนีไปทางอื่น แต่ว่าเธอกลับยื่นหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
“ ยูยะ.. “
“ คาริน.. “
ตัวของหญิงสาวเริ่มรุกไล่เข้าใกล้ใบหน้าของชายหนุ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วระยะของริมฝีปากของทั้งสองก็กำลังจะเข้าหากัน สภาพแวดล้อมพร้อมลมอ่อนๆแถมชายหญิงยังอยู่ด้วยกันสองต่อสองอีก ไม่ว่าใครก็คงต้องอ่อนตัวตามบรรยากาศกันทั้งนั้น
“ พวกเธอจะทำอะไรกันน่ะ ? “
“ กรี๊ด! “
“ แจ๊ก!! “
ทั้งสองคนสะดุ้งตกใจพร้อมๆกัน เพราะมีเสียงคนเดินเข้ามาหา
“ ลาเซียเหรอ… “
“ เอลฟานี่เอง ตกใจหมด… “
“ อย่าบอกนะว่าทั้งสองคน กำลัง…จะ จะ จูบ!? “
“ ไม่ใช่ย่ะ! หน้าของยูยะมีฝุ่นมาเกาะก็เลยจะเช็ดให้ก็เท่านั้นเอง “
“ อ๊ะ ใช่ ตามนั้นแหละๆ “
ทั้งคารินทั้งยูยะต่างก็พูดปฏิเสธกันแบบรีบร้อนผิดปกติ ทำให้ลาเซียอดสงสัยถึงทั้งสองคนไม่ได้เลยว่า พวกเขาแอบทำอะไรกันอย่างลับๆหรือเปล่า
“ คุณทาคาโอะไปรู้จักคุณคารินได้ยังล่ะคะเนี่ย ? “
“ อ๋อ เพื่อนสมัยเด็กน่ะ ฮะฮะ “
“ …เหรอคะ “
สายตาของลาเซียจับจ้องไปที่ตัวของยูยะด้วยความสงสัย
“ แล้วเอลฟามาทำอะไรแถวนี้ล่ะ ตรวจสอบพื้นที่ยามดึก ตามหน้าที่กรรมการนักเรียนเหรอ ? “
“ เปล่าหรอกค่ะ พอดีฉันมีลางสังหรณ์ว่าคุณทาคาโอะต้องอยู่กับผู้หญิงสองต่อสองหรืออะไรทำนองนี้แน่ ก็เลยออกมาดูน่ะค่ะ แต่ไม่คิดเลยว่าจะตรงจริงๆ “
“ เอลฟาเป็นอะไรกับยูยะเหรอ ? “
“ แน่นอนค่ะ ก็เป็นคู่หมั้นไงล่ะคะ “
“ !! “
คราวนี้คารินก็หันหน้ามาหายูยะด้วยใบหน้าที่น่ากลัวราวกับว่าจะกัดกินเลือดเนื้อ
“ คะ คู่หมั้นหลอกๆน่ะ เฮ้ ลาเซียอย่าไปพูดอะไรให้คารินเข้าใจผิดสิ “
“ หลอกๆงั้นเหรอ ? “
“ อืม ยัยนี่มาก้มหัวร้องไห้ขอร้องฉันใหญ่เลยน่ะ ว่าเป็นคู่หมั่นหลอกๆให้ที เพราะว่าไม่อยากจะไปคบกับผู้ชายที่เป็นคู่หมั้นก่อนหน้านี้น่ะ “
“ โห งี้นี่เอง “
“ ฉะ ฉันไปก้มหัวขอร้องคุณตอนไหนกันคะ คุณทาคาโอะ !? “
“ ขอโทษค๊าบ! “
หลังจากนั้นยูยะก็โดนทั้งสองสาวจับสอบถามเรื่องต่างๆ แล้วก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนานที่สวนดอกไม้ตลอดทั้งคืน จนยูยะรู้สึกเหมือนกับอยู่ในนรก และได้รู้ถึงความจริงของผู้หญิงอีกอย่างหนึ่งก็คือ ผู้หญิงเนี่ยเป็นสิ่งมีชีวิตที่หากได้คุยแล้วจะไฟติดไม่ดับเลยจริงๆ
ความคิดเห็น