ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The World Of Valf Master

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 2 ฟากฟ้าแห่งการพานพบ II

    • อัปเดตล่าสุด 29 เม.ย. 57


    อืม….. “

    ณ หอพักชายห้อง A-105 ตอนนี้เด็กหนุ่มที่น่าจะนอนอยู่ตรงเตียง แต่กลับกลายเป็นนอนอยู่ตรงพื้น

    “ ..นี่เรา มานอนตรงนี้ได้ไงฟะเนี่ย

    ทั้งผ้าห่มที่คลุมตัวเขาเอง ก็โดนลากตกลงมาบนพื้นเหมือนกัน จะพูดให้ถูกหมดก็คือ ยูยะนอนดิ้นแถมๆเผลออาจจะละเมอไปด้วย ก็เลยนอนตกเตียงมาแบบนี้

    ฮ้าววว เพิ่ง 6 โมงเช้าเองหรอเนี่ย

    ตื่นแล้วเหรอ ยูยะ ? “

    เมื่อยูยะลุกขึ้นจากท่านอนตรงพื้น ก็เห็นว่าโชตะอยู่ในชุดเครื่องแบบนักเรียนแล้ว

    เตรียมตัวเร็วจังเลยนะนายเนี่ย จะรีบไปไหน กว่าจะเข้าเรียนก็ตั้ง 8 โมงไม่ใช่เหรอ ? “

    วันนี้เปิดเรียนวันแรก มีเข้าเรียน 7 โมงต่างหากล่ะ นายเองก็รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดซะเถอะ เพราะเดี๋ยวเราต้องรีบไปหาอะไรกินก่อนเข้าเรียนอีกนะ

    อืมๆ

     

    โอ๊ยไม่ค่อยชินกับการตื่นเช้าสักเท่าไรเลยแฮะ แถมนอนตกอีก

    นั่นเขาไม่เรียกว่านอนตกหมอนแล้วล่ะ เล่นตกไปทั้งเตียงเลยนี่

    ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ยูยะเริ่มชินกับสภาพของโรงเรียนนี้แล้ว ก็เลยเดินไปเอาอาหารเองได้ วันนี้เขาหยิบอาหารเช้าสไตล์ญี่ปุ่นมา ก็คือปลาซาบะย่างเกลือ ซุปมิโซะ ไข่ม้วนและข้าว

    ปวดคอเป็นบ้าเลยแฮะ นี่ฉันไปทำอีท่าไหนถึงได้นอนท่านั้นได้เนี่ย

    ก็นายละเมอไง

    นะ..นายได้ยินที่ฉันฝันด้วยเหรอ !? “

    ไม่อยากจะพูดหรอกนะ แต่ว่าที่ฉันตื่นก็เพราะนายนอนละเมอนั่นแหละ

    แว๊ก!! ฉันละเมอไปว่าอะไรอะ !? “

    ยูยะตบโต๊ะเสียงดังด้วยความตกใจ เพราะว่า หากเขาละเมอเรื่องเดียวกับที่เขาฝันเมื่อเช้าไปละก็ เขาคงเอาหน้าไปไว้ที่ไหนไม่ได้แล้ว

    เล่นร้อง ว๊ากกก ซะลั่นห้องแบบนั้น ใครจะไปนอนต่อได้ล่ะ

    “ …แล้วไป

    ยูยะถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา

    ไอ้หมอนั่นใช่ปะ ที่ว่าคู่หมั่นของคุณลาเซียน่ะ ? “

    เห็นว่าเพิ่งเข้าเรียนเอง แต่กลับได้อยู่คลาส A สงสัยเส้นมาแน่ๆ

    ดูท่าทางเซ่อซ่าเป็นบ้าเลย… “

    มีเสียงซุบซิบนินทากับสายตาจากหลายๆโต๊ะ รุมล้อมมาที่โต๊ะของยูยะและโชตะ

    รู้สึกตกเป็นเป้าสายตายังไงไม่รู้แฮะ นี่ไหงเป็นงี้ล่ะโชตะ ? “

    ดูท่าคงเป็นเพราะข่าวนั่นแน่ๆ

    เมื่อวันศุกร์

    “ … ขอขัดจังหวะหน่อยนะคะ คุณทาคาโอะ

     “ มีอะไรเหรอ ? “

    คะ..คือว่า

    ลาเซียเดินมาที่โต๊ะของพวกยูยะ แล้วนั่งลงฝั่งเดียวกันกับโชตะ เมื่อเห็นแบบนั้นโชตะเลยให้เกียรติโดยการลุกออกไป ให้ทั้งคู่คุยกันอย่างสองต่อสอง

    คุณอาคิโตะก็นั่งเถอะค่ะ อย่างน้อยๆก็ให้มีคนรู้เรื่องเพิ่มอีกคนหนึ่งก็ยังดี

    คะ ครับ

    โชตะพูดตอบกลับ แล้วเดินไปนั่งฝั่งเดียวกับยูยะ ในปกติแล้วโชตะไม่ค่อยได้คุยกับลาเซียเท่าไรนัก แต่ถึงแม้ว่าจะอยู่กันสามคน เขาก็รู้สึกถึงแรงกดดันอันมหาศาล

    จะคุยเรื่องอะไรเหรอ ? “

    คุณทาคาโอะ ช่วยมาเป็นคู่หมั้นของฉันทีค่ะ

    พรวด!! อะไรนะครับ !? “

    โชตะตะโกนด้วยความตกใจยกใหญ่

    โชตะ คู่หมั้นนี่คล้ายๆแฟนใช่ปะ ? “

    ก็คล้ายๆอยู่นะ แต่ก็ประมาณว่า ความรักชายหญิงนั่นแหละ

    แค่คู่หมั้นก็ยังไม่รู้จักอีกเหรอคะเนี่ย … ? “

    ลาเซียมองหน้ายูยะด้วยสายตาแปลกใจ

    โทษที จะให้เป็นแฟนเลยมันก็… “

    ให้เป็นคู่หมั้นค่ะ แล้วก็เป็นคู่หมั้นหลอกๆค่ะ

    หลอกๆ ? “

    คือว่า ฉันถูกหมั้นหมายกับชายคนหนึ่งเอาไว้ตั้งแต่เด็กๆ แล้วน่ะค่ะ

    อย่าบอกนะว่า ไอ้เจ้าลูส หัวหน้าของโรงเรียนเก็กขะที่ชอบมาหาคุณลาเซียบ่อยๆเหรอครับ ? “

    โชตะพูดขัดขึ้นมา

    ถูกต้องค่ะ และแน่นอนอยู่แล้วว่าฉันไม่ได้มีความรู้สึกนึกชอบ หรือรักอะไรชายคนนั้นเลย จะเรียกว่าเกลียดเสียมากกว่าก็ได้ เพียงแต่ว่า หากยกเลิกการหมั้นหมายแบบกะทันหัน คงจะเป็นปัญหาระหว่างโรงเรียนไปค่ะ

    ก็เลยจะให้ฉันเป็นคู่หมั้น ? “

    ค่ะ วิธีนี้น่าจะดีนี่สุดแล้ว เพราะหากอีกฝ่ายมีเจ้าของอยู่แล้วละก็ ไม่ว่าใครก็ไม่กล้ามาพูดอะไรอีกแล้วใช่ไหมล่ะคะ ? “

    แล้วทำไมต้องเป็นฉันล่ะ ให้เจ้าโชตะไปแทนก็ได้นี่ ? “

    ท่านพ่อบอกมาน่ะค่ะ ว่าให้คุณทาคาโอะจะดีที่สุด

    โอเคๆ ก็ได้ แล้วฉันต้องทำยังไงมั่ง ? “

    ไม่ต้องทำอะไรหรอกค่ะ รอถึงเวลาแล้วไปโชว์ตัวให้ทางฝั่งนั้นเห็นก็พอค่ะ

    แม้ว่าลาเซียจะอธิบายรายละเอียดและเหตุผลทุกๆอย่างแบบชัดแจ้งให้ฟังแล้ว แต่ยูยะก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี เลยจำใจพูดตกลงไปทั้งอย่างนั้น เพราะดูแล้วไม่น่าจะเป็นเรื่องยุ่งยากเท่าไร

     

    ช่วยไม่ได้นี่นะ ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องดังขนาดนี้

    จากนี้ไปก็ทำตัวให้มันเงียบๆหน่อยล่ะ ผ่านๆไปเดี๋ยวข่าวก็หายไปเองแหละ

    พวกเขาสองคนพูดคุยกันไปได้สักพัก ก็ลุกขึ้นจากที่นั่งของโรงอาหาร ตอนนี้ก็เป็นเวลา 6.40 แล้วด้วย จะไปเข้าห้องเรียนสายก็คงจะไม่ดีแน่สำหรับวันแรก พวกเขาก็เลยรีบตรงไปยังห้องเรียนทันที ไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายดี เพราะโชตะกับยูยะได้อยู่ห้องเดียวกันซะอย่างนั้น

    คนเยอะชะมัดเลยแฮะ

    เอห้อง 29 ห้อง 29 “

    พวกเขากำลังเดินอยู่บนชั้นเรียนของตึกเรียนคลาส S ที่ตอนนี้ต่างก็มีนักเรียนเต็มไปหมด

    เฮ้ โชตะ เจอยังอะ ? “

    เออ เจอแล้วนี้แหละ

    ชั้นเรียนห้อง 29 ของคลาส A ตั้งอยู่เดี่ยวๆที่ชั้นบนสุดของตึกเรียน ห้องต่างๆที่อยู่รอบด้านก็เป็นห้องว่างหมด ห้องนี้ก็เลยเป็นที่เดียว ที่ใช้งานอยู่

    โอ้โห ห้องว่างจัง

    มีนักเรียนมาแค่ 2 คนเองเหรอเนี่ย… “

    ภายในห้องนั้นมีเก้าอี้และโต๊ะวางเรียงรายเต็มไปหมด แต่คนที่อยู่ในห้องนั้นมีเพียงผู้หญิงแค่ 2 คนเท่านั้นเอง

    อรุณสวัสดิ์เด้อ ~ “

    “ ….. “

    ยูยะวิ่งตรงเข้าไปทักทายผู้หญิงที่ยืนพิงอยู่ตรงริมหน้าต่าง แต่หญิงสาวไม่ตอบกลับอะไรมา ได้แต่มองตัวยูยะด้วยหางตาอย่างเดียว เห็นแบบนี้ยูยะก็ทำหน้าห่อเหี่ยว แล้วเดินตรงไปหาผู้หญิงอีกคนแทน

    อรุณสวัสดิ์!! “

    อ๊ะ อะ อรุณสวัสดิ์ค่ะ! “

    ผู้หญิงคนที่สองกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโต๊ะเรียนพอดี พอยูยะเดินเข้าไปทักทายเสียงดัง เธอก็เลยตกใจกับเสียงที่เขาตบโต๊ะไปด้วย

    เฮ้ๆ ไม่ต้องทักไปซะหมดหรอกมั้ง ยูยะ

    ก็ทั้งห้องมีแค่ 2 คนเอง ทักทายซักหน่อยจะเป็นไรไป แต่ดันมีพวกหยิ่งมาซะได้

    ชู่ ~ เงียบๆหน่อย ผู้หญิงคนนั้นน่ะ-  “

    นั่งที่กันได้แล้ว นักเรียนทุกคน ~ ! “

    ทันทีที่ยูยะกำลังจะพูดอธิบายให้โชตะฟัง อาจารย์สาวก็เดินเข้ามาก่อน พอทั้ง 4 คนเห็นอาจารย์เดินเข้ามาจึงเดินไปที่นั่ง ซึ่งมีเก้าอี้และโต๊ะว่างอยู่เต็มไปหมด

    เรียบร้อยแล้วใช่ไหม เอาล่ะ วันแรกก็ต้อง เช็คชื่อ เช็คชื่อ

    เดี๋ยวครับอาจารย์! คนยังมาไม่ครบเลยนี่ครับ

    โชตะยกมือขึ้นถาม

    ครบแล้ว ก็ห้องเรามีแค่ 4 คนนี่แหละ

    ห๊า อะไรนะครับ !? “

    สำหรับห้องเรียนที่มี 4 คนนั้นเป็นเรื่องที่ผิดธรรมชาติอย่างมาก คลาส A แต่ละห้องจะมีนักเรียนตั้งแต่ 20-40 คนทั้งนั้น แต่สงสัยว่าห้อง 29 นี้จะเป็นเศษเหลือเสียมากกว่า

    เอาน่าๆ เช็คชื่อล่ะน๊า ~ อาคิโตะ ยูยะ

    “ ..ครับ

    โคโคโระ โฮกะ

    “ …

    หญิงสาวไม่ได้พูดตอบกลับ ได้แต่ยกมือขวาขึ้นเป็นเชิงบอกตัวตน

    ฮาคาว่า จินามิ

    ค่ะ! “

    ทาคาโอะ ยูยะ

    ครับ! “

    ยูยะตอบกลับด้วยเสียงแข็งขัน

    ครูชื่อ อิชิคาว่า คุโรโกะนะ 1 ปีหลังจากนี้ก็ฝากตัวด้วยล่ะ ! “

    ครับ/ค่ะ! “

    มีเสียงตอบรับจากนักเรียนชาย 2 หญิง 1

    เอาล่ะ วันแรก ตามปกติแล้วก็ต้องทำกิจกรรมเพื่อความเคยชินกับนักเรียนจนถึงเที่ยงแล้วค่อยปล่อยกลับสินะ ถ้างั้น….. “

    อาจารย์คุโรโกะมองนักเรียนทั้ง 4 คนแล้วทำท่าครุ่นคิด

    กลับบ้านเลยละกัน คนก็น้อยไม่รู้จะอยู่ไปทำไม ไว้วันอื่นค่อยสอน แต่ว่าก่อนจะถึงเที่ยงก็อยู่ในตึกเรียนนี่แหละ อย่าไปไหนละกัน เดี๋ยวฉันจะโดน ผอ. ว่าเอา

    “ ….. “

    ทั้ง 3 คนส่งสายตาประหลาดให้กับอาจารย์

    อะไรกัน อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นสิ เอ้อลืมบอก พรุ่งนี้เดี๋ยวมีการแข่งห้องนะ เดี๋ยววันนี้จะมีการจับสลากน่ะ ถ้าครูจับได้ใครก็ไปลงแข่งด้วยล่ะ ไปนะ! “

    แล้วอาจารย์คุโรโกะก็เปิดประตูเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

    นักเรียนในห้องจะโต้แย้งเรื่องการกระทำของอาจารย์ก็ไม่ได้ เพราะว่าจริงอย่างที่ว่า นักเรียนในห้องก็น้อยจะทำกิจกรรมแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว แถมโรงเรียนนี้จะมีอาจารย์ประจำชั้นเพียงแค่คนเดียว และอาจารย์ประจำชั้นก็จะเป็นคนสอนเรื่องต่างๆ คนเดียวโดยที่ไม่มีอาจารย์คนอื่นมาเข้าเป็นคาบๆด้วย เรียกได้ว่า อาจารย์คนเดียวต้องรับผิดชอบนักเรียนทั้งห้องเลยก็ว่าได้

    เซ็งชะมัด โชตะ ไปเดินเล่นข้างนอกกัน

    เอ๋ เมื่อกี้อาจารย์ยังบอกอยู่เลยไม่ใช่เหรอว่าห้ามออกข้างนอกน่ะ

    กลัวไรล่ะ เวลานี้ไม่มีใครเห็นพวกเราหรอก ไปเดินห้างฯแก้เซ็งกันเหอะ ไว้เที่ยงค่อยกลับหอ

    “ …ก็ได้

    ยูยะพยักหน้าแล้วลุกขึ้นพร้อมๆกับโชตะ

    เออนี่ ยูยะ นายใช้วาร์ฟเซคันด์(2nd) ได้ยังอะ ? “

    ถามทำไมเรอะ ? “

    โชตะถามยูยะไประหว่างกำลังเดินออกจากตึกเรียนคลาส A

    ก็แหม.. การได้ใช้นั่นถือเป็นความฝันของฉันเลยล่ะนะ

    วาร์ฟเซคันด์(2nd)หรือเรียกในอีกชื่อก็คือวาร์ฟขั้นที่ 2 เป็นวาร์ฟขั้นสูงสุดที่นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบกับผู้ที่ใช้วาร์ฟได้อย่างชำนาญ พลังนี้จะปรับเปลี่ยนวาร์ฟรูปแบบเดิมให้มีพลังมากขึ้น ซึ่งจะแตกต่างหรือเปลี่ยนไปจากเดิมมากแค่ไหน ก็แล้วแต่ตัวผู้ใช้และลักษณะวาร์ฟเอง แต่การที่จะได้พลังวาร์ฟเซคันด์มาใช้นั้น ผู้ใช้ต้องผนึกจิตใจของตัวเองรวมเป็นหนึ่งกับวาร์ฟเท่านั้น ในโรงเรียนอาคาริสแห่งนี้ ผู้ที่ใช้วาร์ฟเซคันด์ได้ก็มีแค่เหล่าคลาส S เพียงบางคนเท่านั้น และหนึ่งในนั้นก็คือลาเซีย เอลฟา

    ถ้าฉันใช้ได้ละก็ คงได้ขึ้นคลาส- “

    โชตะกำลังพูดอยู่ กลับโดนยูยะเอามือขวามาปิดปากเอาไว้เสียก่อน

    อะ อะไรยูยะ !? “

    ชู่ ~ อย่าส่งเสียงดัง ดูโน่น

    ยูยะเอามือออกจากปากของโชตะ แล้วชี้ไปยังลานกว้างหลังตึกเรียนคลาส C

    นั่นมัน… “

    ใช่..บลัดแรบบิช

    ในลานกว้างนั้นมีสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายกระต่าย หรือก็คือบลัดแรบบิชเดินเพ่นพ่านอยู่ประมาณ 5 ตัว ตัวหนึ่งกำลังทำการขุดหลุมบนพื้นให้เป็นรูกว้าง ส่วนที่เหลือก็ทำท่าทางเหมือนยืนคุ้มกัน

    มาได้ไงเนี่ย ? “

    ไม่รู้เหมือนกัน แต่ดูท่าคงต้องลุยแล้วล่ะนะ

    ยูยะกับโชตะยืนแอบอยู่ตรงด้านข้างของตึกเรียน

    เอาเลยปะ ? “

    เออ!! “

    ยูยะให้สัญญาณมือ แล้วรีบพุ่งออกไปโจมตีเหล่าบลัดแรบบิชที่อยู่กลางสนาม

    เอาล่ะนะ ปลดปล่อย! Seirei Knuckle( หมัดแห่งภูติพราย ) “

    ทันใดนั้นที่มือขวาของโชตะก็กลายสภาพเป็นแขนเหล็กขนาดใหญ่ มีใบมีดเหล็กรูปร่างปีกนกติดไว้เป็นอาวุธสำหรับจู่โจม

    เข้ามา! “

    โชตะดึงเอาบลัดแรบบิชหนึ่งตัวให้ออกมาจากกลุ่ม ส่วนตัวที่เหลือไม่ได้ตามเขามา คงจะตามยูยะไปหมด แต่โชตะจะทิ้งภาระตรงนี้ไปช่วยยูยะก็คงไม่ได้ เขาก็เลยต้องจัดการเจ้าบลัดแรบบิชตัวนี้ให้เสร็จก่อน แล้วค่อยเดินไปช่วยยูยะ

    เบิร์สโซล!! “

    เขาง้างแขนข้างขวาแล้วงัดจากล่างขึ้นด้านบน การโจมตีนั้นไม่ได้โดนตัวบลัดแรบบิช แต่เป็นการโจมตีให้ถูกอากาศแบบเต็มแรง

    เสร็จละ

    หลังจากนั้นก็มีแสงรูปหมัดลอยเสยตัวบลัดแรบบิชจนกระเด็น

    โว้ว! โดนเต็มๆ

    บลัดแรบบิชที่โดนเบิร์สโซลอัดแบบเต็มๆแรงจนกระเด็นไปไกล ถ้าตามปกติแล้วมันจะต้องสูญสลายเป็นอากาศไป แต่ทว่า

    เฮ้ย ยังไม่ตายอีกเรอะ !? “

    มันยังลุกขึ้นมาได้อีก ถึงแม้ว่าเนื้อตัวจะมีรอยบาดแผลอยู่ แต่จริงๆแล้วมันกลับไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย 

    *พลั่ก*

    บลัดแรบบิชพุ่งเข้ามาหาโชตะอย่างรวดเร็วในระยะแบบประชิด โดยที่เขายังไม่ทันตั้งตัว แล้วก็โดนหมัดเข้าไปที่แก้มขวาแบบเต็มๆ

    คราวนี้โชตะก็ถึงตาที่โชตะกระเด็นปลิวไปไกล ถึงแม้ว่าบาดแผลจะเป็นแค่รอยแดงๆแปะอยู่ตรงแก้ม แต่เขากลับรู้สึกเจ็บปวดแบบสุดๆ

    เร็วชะมัด… “

    โชตะเอามืดเช็ดเลือดที่ปาก แล้วมองดูการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของมัน

    ถ้าเร็วแบบนี้ก็ต้อง

    พอถึงระยะที่บลัดแรบบิชกำลังง้างหมัดอันหนักหน่วงมาที่หน้าของเขาพอดีนั้นเอง โชตะก็กระโดดขึ้นไปบนฟ้าราวกับมีสปริงตั้งไว้ที่เท้า จนลอยไปสูงประมาณ 5 เมตร

    จงโดนต่อยจนหัวแตกไปซะเถอะ!!!! “

    โชตะม้วนตัวบนฟ้าเพื่อตั้งตัวรอบหนึ่ง แล้วตั้งท่าเตรียมหวด Seirei Knuckle แบบสุดแรง

    *ตู้ม*

    ด้วยความแรงของหมัดบวกกับความสูงที่หมัดปล่อยลงมาโดนหัวของบลัดแรบบิชแบบพอดีเป๊ะๆ ทำให้หัวของมันถูกกดยุบลงไปติดกับพื้นดิน และพื้นที่เป็นเพียงดินกับทรายพอโดนอะไรที่มีขนาดใหญ่ทุบลงมาแบบนี้ ก็ย่อมที่จะกลายสภาพเป็นหลุมใหญ่ราวกับใช้รถก่อสร้างขุดดินขึ้นมา

    กระจอกชะมัด

    ตัวบลัดแรบบิชค่อยๆสูญสลายไปเหมือนอากาศแล้วลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า

    ต้องรีบไปช่วยยูยะแล้ว! “

    พอได้สติกลับคืนมา โชตะนึกขึ้นได้ว่า ยูยะต้องรับมือกับบลัดแรบบิชถึง 4 ตัวในเวลาเดียวกัน ขนาดแค่ตัวเดียวเขายังเหนื่อยมากถึงขนาดนี้ ก็เลยได้แต่ภาวนาให้ยูยะปลอดภัย

    ไง ชนะแล้วเหรอโชตะ ? “

    เมื่อหันหลังกลับไปมอง ก็เห็นว่ายูยะกำลังนั่งทับตัวบลัดแรบบิชตัวหนึ่งอยู่ ส่วนอีก 3 ตัวที่เหลือก็นอนแอ้งแม้งเป็นกระต่ายตากแห้งอยู่ตามพื้น

    ยูยะ.. นี่นาย จัดการหมดเลยเหรอ ? “

    อืม แต่นายนี่ใช้พลังมากเกินไปมั้ง เล่นเอาซะหอบแฮ่กๆเลย

    “ ..แล้ววาร์ฟล่ะ เก็บไปแล้วเหรอ ? “

    วาร์ฟ ? ระดับไอ้พวกนี้น่ะไม่ต้องใช้วาร์ฟมาสู้ให้เปลืองแรงหรอก มือเปล่านี่แหละมันส์ดี

    ห๊า !? “

    โชตะได้ดูเหล่าทหารและเคยอยู่ในสภาพสนามรบมาแล้วหลายครั้ง แต่เขาไม่เคยเห็นใครคนไหนที่สามารถกำจัด บลัดแรบบิชด้วยมือเปล่าๆ เลยสักครั้งเดียว

    “ …นายนี่ เป็นตัวอะไรกัน ? “

    ฮะฮะ ระหว่างเดินทางฉันเจอกับเจ้าพวกนี้มาหลายต่อหลายครั้งแล้ว ก็เลยชินไปแล้วล่ะ

    แล้วยูยะก็ลุกขึ้นจากตัวของบลัดแรบบิชที่เขากำลังนั่งทับอยู่ ทันทีที่เขาลุกขึ้นนั้น บลัดแรบบิชทั้ง 4 ตัวก็สูญสลายเป็นอากาศไปพร้อมๆกัน

    ไปกันเหอะ ฉันอยากไปเดินเล่นนอกโรงเรียนจะแย่แล้วเนี่ย

    อืมๆ

    โชตะตอบกลับ แล้ว Seirei Knuckle ก็สลายไปกับแขนข้างขวาของเขา

    ชิ ไอ้พวกนั้นมันเป็นใครกัน แผนกำลังไปได้สวยอยู่แท้ๆเชียว

    มีเงาคนลึกลับแอบอยู่ด้านหลังต้นไม้ของลานกว้างนั้น กำลังมองดูยูยะและโชตะเดินออกไปจากโรงเรียน 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×