คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 2 ฟากฟ้าแห่งการพานพบ II
“ อืม….. “
ณ หอพักชายห้อง A-105 ตอนนี้เด็กหนุ่มที่น่าจะนอนอยู่ตรงเตียง แต่กลับกลายเป็นนอนอยู่ตรงพื้น
“ ..นี่เรา มานอนตรงนี้ได้ไงฟะเนี่ย “
ทั้งผ้าห่มที่คลุมตัวเขาเอง ก็โดนลากตกลงมาบนพื้นเหมือนกัน จะพูดให้ถูกหมดก็คือ ยูยะนอนดิ้นแถมๆเผลออาจจะละเมอไปด้วย ก็เลยนอนตกเตียงมาแบบนี้
“ ฮ้าววว เพิ่ง 6 โมงเช้าเองหรอเนี่ย “
“ ตื่นแล้วเหรอ ยูยะ ? “
เมื่อยูยะลุกขึ้นจากท่านอนตรงพื้น ก็เห็นว่าโชตะอยู่ในชุดเครื่องแบบนักเรียนแล้ว
“ เตรียมตัวเร็วจังเลยนะนายเนี่ย จะรีบไปไหน กว่าจะเข้าเรียนก็ตั้ง 8 โมงไม่ใช่เหรอ ? “
“ วันนี้เปิดเรียนวันแรก มีเข้าเรียน 7 โมงต่างหากล่ะ นายเองก็รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดซะเถอะ เพราะเดี๋ยวเราต้องรีบไปหาอะไรกินก่อนเข้าเรียนอีกนะ “
“ อืมๆ “
“ โอ๊ย… ไม่ค่อยชินกับการตื่นเช้าสักเท่าไรเลยแฮะ แถมนอนตกอีก “
“ นั่นเขาไม่เรียกว่านอนตกหมอนแล้วล่ะ เล่นตกไปทั้งเตียงเลยนี่ “
ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ยูยะเริ่มชินกับสภาพของโรงเรียนนี้แล้ว ก็เลยเดินไปเอาอาหารเองได้ วันนี้เขาหยิบอาหารเช้าสไตล์ญี่ปุ่นมา ก็คือปลาซาบะย่างเกลือ ซุปมิโซะ ไข่ม้วนและข้าว
“ ปวดคอเป็นบ้าเลยแฮะ นี่ฉันไปทำอีท่าไหนถึงได้นอนท่านั้นได้เนี่ย “
“ ก็นายละเมอไง “
“ นะ..นายได้ยินที่ฉันฝันด้วยเหรอ !? “
“ ไม่อยากจะพูดหรอกนะ แต่ว่าที่ฉันตื่นก็เพราะนายนอนละเมอนั่นแหละ “
“ แว๊ก!! ฉันละเมอไปว่าอะไรอะ !? “
ยูยะตบโต๊ะเสียงดังด้วยความตกใจ เพราะว่า หากเขาละเมอเรื่องเดียวกับที่เขาฝันเมื่อเช้าไปละก็ เขาคงเอาหน้าไปไว้ที่ไหนไม่ได้แล้ว
“ เล่นร้อง ว๊ากกก ซะลั่นห้องแบบนั้น ใครจะไปนอนต่อได้ล่ะ “
“ …แล้วไป “
ยูยะถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา
“ ไอ้หมอนั่นใช่ปะ ที่ว่าคู่หมั่นของคุณลาเซียน่ะ ? “
“ เห็นว่าเพิ่งเข้าเรียนเอง แต่กลับได้อยู่คลาส A สงสัยเส้นมาแน่ๆ “
“ ดูท่าทางเซ่อซ่าเป็นบ้าเลย… “
มีเสียงซุบซิบนินทากับสายตาจากหลายๆโต๊ะ รุมล้อมมาที่โต๊ะของยูยะและโชตะ
“ รู้สึกตกเป็นเป้าสายตายังไงไม่รู้แฮะ นี่ไหงเป็นงี้ล่ะโชตะ ? “
“ ดูท่าคงเป็นเพราะข่าวนั่นแน่ๆ “
เมื่อวันศุกร์
“ … ขอขัดจังหวะหน่อยนะคะ คุณทาคาโอะ “
“ มีอะไรเหรอ ? “
“ คะ..คือว่า “
ลาเซียเดินมาที่โต๊ะของพวกยูยะ แล้วนั่งลงฝั่งเดียวกันกับโชตะ เมื่อเห็นแบบนั้นโชตะเลยให้เกียรติโดยการลุกออกไป ให้ทั้งคู่คุยกันอย่างสองต่อสอง
“ คุณอาคิโตะก็นั่งเถอะค่ะ อย่างน้อยๆก็ให้มีคนรู้เรื่องเพิ่มอีกคนหนึ่งก็ยังดี “
“ คะ ครับ “
โชตะพูดตอบกลับ แล้วเดินไปนั่งฝั่งเดียวกับยูยะ ในปกติแล้วโชตะไม่ค่อยได้คุยกับลาเซียเท่าไรนัก แต่ถึงแม้ว่าจะอยู่กันสามคน เขาก็รู้สึกถึงแรงกดดันอันมหาศาล
“ จะคุยเรื่องอะไรเหรอ ? “
“ คุณทาคาโอะ ช่วยมาเป็นคู่หมั้นของฉันทีค่ะ “
“ พรวด!! อะไรนะครับ !? “
โชตะตะโกนด้วยความตกใจยกใหญ่
“ โชตะ คู่หมั้นนี่คล้ายๆแฟนใช่ปะ ? “
“ ก็คล้ายๆอยู่นะ แต่ก็ประมาณว่า ความรักชายหญิงนั่นแหละ “
“ แค่คู่หมั้นก็ยังไม่รู้จักอีกเหรอคะเนี่ย … ? “
ลาเซียมองหน้ายูยะด้วยสายตาแปลกใจ
“ โทษที จะให้เป็นแฟนเลยมันก็… “
“ ให้เป็นคู่หมั้นค่ะ แล้วก็เป็นคู่หมั้นหลอกๆค่ะ “
“ หลอกๆ ? “
“ คือว่า ฉันถูกหมั้นหมายกับชายคนหนึ่งเอาไว้ตั้งแต่เด็กๆ แล้วน่ะค่ะ “
“ อย่าบอกนะว่า ไอ้เจ้าลูส หัวหน้าของโรงเรียนเก็กขะที่ชอบมาหาคุณลาเซียบ่อยๆเหรอครับ ? “
โชตะพูดขัดขึ้นมา
“ ถูกต้องค่ะ และแน่นอนอยู่แล้วว่าฉันไม่ได้มีความรู้สึกนึกชอบ หรือรักอะไรชายคนนั้นเลย จะเรียกว่าเกลียดเสียมากกว่าก็ได้ เพียงแต่ว่า หากยกเลิกการหมั้นหมายแบบกะทันหัน คงจะเป็นปัญหาระหว่างโรงเรียนไปค่ะ “
“ ก็เลยจะให้ฉันเป็นคู่หมั้น ? “
“ ค่ะ วิธีนี้น่าจะดีนี่สุดแล้ว เพราะหากอีกฝ่ายมีเจ้าของอยู่แล้วละก็ ไม่ว่าใครก็ไม่กล้ามาพูดอะไรอีกแล้วใช่ไหมล่ะคะ ? “
“ แล้วทำไมต้องเป็นฉันล่ะ ให้เจ้าโชตะไปแทนก็ได้นี่ ? “
“ ท่านพ่อบอกมาน่ะค่ะ ว่าให้คุณทาคาโอะจะดีที่สุด “
“ โอเคๆ ก็ได้ แล้วฉันต้องทำยังไงมั่ง ? “
“ ไม่ต้องทำอะไรหรอกค่ะ รอถึงเวลาแล้วไปโชว์ตัวให้ทางฝั่งนั้นเห็นก็พอค่ะ “
แม้ว่าลาเซียจะอธิบายรายละเอียดและเหตุผลทุกๆอย่างแบบชัดแจ้งให้ฟังแล้ว แต่ยูยะก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี เลยจำใจพูดตกลงไปทั้งอย่างนั้น เพราะดูแล้วไม่น่าจะเป็นเรื่องยุ่งยากเท่าไร
“ ช่วยไม่ได้นี่นะ ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องดังขนาดนี้ “
“ จากนี้ไปก็ทำตัวให้มันเงียบๆหน่อยล่ะ ผ่านๆไปเดี๋ยวข่าวก็หายไปเองแหละ “
พวกเขาสองคนพูดคุยกันไปได้สักพัก ก็ลุกขึ้นจากที่นั่งของโรงอาหาร ตอนนี้ก็เป็นเวลา 6.40 แล้วด้วย จะไปเข้าห้องเรียนสายก็คงจะไม่ดีแน่สำหรับวันแรก พวกเขาก็เลยรีบตรงไปยังห้องเรียนทันที ไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายดี เพราะโชตะกับยูยะได้อยู่ห้องเดียวกันซะอย่างนั้น
“ คนเยอะชะมัดเลยแฮะ “
“ เอ… ห้อง 29 ห้อง 29 “
พวกเขากำลังเดินอยู่บนชั้นเรียนของตึกเรียนคลาส S ที่ตอนนี้ต่างก็มีนักเรียนเต็มไปหมด
“ เฮ้ โชตะ เจอยังอะ ? “
“ เออ เจอแล้วนี้แหละ “
ชั้นเรียนห้อง 29 ของคลาส A ตั้งอยู่เดี่ยวๆที่ชั้นบนสุดของตึกเรียน ห้องต่างๆที่อยู่รอบด้านก็เป็นห้องว่างหมด ห้องนี้ก็เลยเป็นที่เดียว ที่ใช้งานอยู่
“ โอ้โห ห้องว่างจัง “
“ มีนักเรียนมาแค่ 2 คนเองเหรอเนี่ย… “
ภายในห้องนั้นมีเก้าอี้และโต๊ะวางเรียงรายเต็มไปหมด แต่คนที่อยู่ในห้องนั้นมีเพียงผู้หญิงแค่ 2 คนเท่านั้นเอง
“ อรุณสวัสดิ์เด้อ ~ “
“ ….. “
ยูยะวิ่งตรงเข้าไปทักทายผู้หญิงที่ยืนพิงอยู่ตรงริมหน้าต่าง แต่หญิงสาวไม่ตอบกลับอะไรมา ได้แต่มองตัวยูยะด้วยหางตาอย่างเดียว เห็นแบบนี้ยูยะก็ทำหน้าห่อเหี่ยว แล้วเดินตรงไปหาผู้หญิงอีกคนแทน
“ อรุณสวัสดิ์!! “
“ อ๊ะ อะ อรุณสวัสดิ์ค่ะ! “
ผู้หญิงคนที่สองกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโต๊ะเรียนพอดี พอยูยะเดินเข้าไปทักทายเสียงดัง เธอก็เลยตกใจกับเสียงที่เขาตบโต๊ะไปด้วย
“ เฮ้ๆ ไม่ต้องทักไปซะหมดหรอกมั้ง ยูยะ “
“ ก็ทั้งห้องมีแค่ 2 คนเอง ทักทายซักหน่อยจะเป็นไรไป แต่ดันมีพวกหยิ่งมาซะได้ “
“ ชู่ ~ เงียบๆหน่อย ผู้หญิงคนนั้นน่ะ- “
“ นั่งที่กันได้แล้ว นักเรียนทุกคน ~ ! “
ทันทีที่ยูยะกำลังจะพูดอธิบายให้โชตะฟัง อาจารย์สาวก็เดินเข้ามาก่อน พอทั้ง 4 คนเห็นอาจารย์เดินเข้ามาจึงเดินไปที่นั่ง ซึ่งมีเก้าอี้และโต๊ะว่างอยู่เต็มไปหมด
“ เรียบร้อยแล้วใช่ไหม เอาล่ะ วันแรกก็ต้อง เช็คชื่อ เช็คชื่อ “
“ เดี๋ยวครับอาจารย์! คนยังมาไม่ครบเลยนี่ครับ “
โชตะยกมือขึ้นถาม
“ ครบแล้ว ก็ห้องเรามีแค่ 4 คนนี่แหละ “
“ ห๊า อะไรนะครับ !? “
สำหรับห้องเรียนที่มี 4 คนนั้นเป็นเรื่องที่ผิดธรรมชาติอย่างมาก คลาส A แต่ละห้องจะมีนักเรียนตั้งแต่ 20-40 คนทั้งนั้น แต่สงสัยว่าห้อง 29 นี้จะเป็นเศษเหลือเสียมากกว่า
“ เอาน่าๆ เช็คชื่อล่ะน๊า ~ อาคิโตะ ยูยะ “
“ ..ครับ “
“ โคโคโระ โฮกะ “
“ … “
หญิงสาวไม่ได้พูดตอบกลับ ได้แต่ยกมือขวาขึ้นเป็นเชิงบอกตัวตน
“ ฮาคาว่า จินามิ “
“ ค่ะ! “
“ ทาคาโอะ ยูยะ “
“ ครับ! “
ยูยะตอบกลับด้วยเสียงแข็งขัน
“ ครูชื่อ อิชิคาว่า คุโรโกะนะ 1 ปีหลังจากนี้ก็ฝากตัวด้วยล่ะ ! “
“ ครับ/ค่ะ! “
มีเสียงตอบรับจากนักเรียนชาย 2 หญิง 1
“ เอาล่ะ วันแรก ตามปกติแล้วก็ต้องทำกิจกรรมเพื่อความเคยชินกับนักเรียนจนถึงเที่ยงแล้วค่อยปล่อยกลับสินะ ถ้างั้น….. “
อาจารย์คุโรโกะมองนักเรียนทั้ง 4 คนแล้วทำท่าครุ่นคิด
“ กลับบ้านเลยละกัน คนก็น้อยไม่รู้จะอยู่ไปทำไม ไว้วันอื่นค่อยสอน แต่ว่าก่อนจะถึงเที่ยงก็อยู่ในตึกเรียนนี่แหละ อย่าไปไหนละกัน เดี๋ยวฉันจะโดน ผอ. ว่าเอา “
“ ….. “
ทั้ง 3 คนส่งสายตาประหลาดให้กับอาจารย์
“ อะไรกัน อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นสิ เอ้อลืมบอก พรุ่งนี้เดี๋ยวมีการแข่งห้องนะ เดี๋ยววันนี้จะมีการจับสลากน่ะ ถ้าครูจับได้ใครก็ไปลงแข่งด้วยล่ะ ไปนะ! “
แล้วอาจารย์คุโรโกะก็เปิดประตูเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
นักเรียนในห้องจะโต้แย้งเรื่องการกระทำของอาจารย์ก็ไม่ได้ เพราะว่าจริงอย่างที่ว่า นักเรียนในห้องก็น้อยจะทำกิจกรรมแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว แถมโรงเรียนนี้จะมีอาจารย์ประจำชั้นเพียงแค่คนเดียว และอาจารย์ประจำชั้นก็จะเป็นคนสอนเรื่องต่างๆ คนเดียวโดยที่ไม่มีอาจารย์คนอื่นมาเข้าเป็นคาบๆด้วย เรียกได้ว่า อาจารย์คนเดียวต้องรับผิดชอบนักเรียนทั้งห้องเลยก็ว่าได้
“ เซ็งชะมัด โชตะ ไปเดินเล่นข้างนอกกัน “
“ เอ๋ เมื่อกี้อาจารย์ยังบอกอยู่เลยไม่ใช่เหรอว่าห้ามออกข้างนอกน่ะ “
“ กลัวไรล่ะ เวลานี้ไม่มีใครเห็นพวกเราหรอก ไปเดินห้างฯแก้เซ็งกันเหอะ ไว้เที่ยงค่อยกลับหอ “
“ …ก็ได้ “
ยูยะพยักหน้าแล้วลุกขึ้นพร้อมๆกับโชตะ
“ เออนี่ ยูยะ นายใช้วาร์ฟเซคันด์(2nd) ได้ยังอะ ? “
“ ถามทำไมเรอะ ? “
โชตะถามยูยะไประหว่างกำลังเดินออกจากตึกเรียนคลาส A
“ ก็แหม.. การได้ใช้นั่นถือเป็นความฝันของฉันเลยล่ะนะ “
วาร์ฟเซคันด์(2nd)หรือเรียกในอีกชื่อก็คือวาร์ฟขั้นที่ 2 เป็นวาร์ฟขั้นสูงสุดที่นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบกับผู้ที่ใช้วาร์ฟได้อย่างชำนาญ พลังนี้จะปรับเปลี่ยนวาร์ฟรูปแบบเดิมให้มีพลังมากขึ้น ซึ่งจะแตกต่างหรือเปลี่ยนไปจากเดิมมากแค่ไหน ก็แล้วแต่ตัวผู้ใช้และลักษณะวาร์ฟเอง แต่การที่จะได้พลังวาร์ฟเซคันด์มาใช้นั้น ผู้ใช้ต้องผนึกจิตใจของตัวเองรวมเป็นหนึ่งกับวาร์ฟเท่านั้น ในโรงเรียนอาคาริสแห่งนี้ ผู้ที่ใช้วาร์ฟเซคันด์ได้ก็มีแค่เหล่าคลาส S เพียงบางคนเท่านั้น และหนึ่งในนั้นก็คือลาเซีย เอลฟา
“ ถ้าฉันใช้ได้ละก็ คงได้ขึ้นคลาส- “
โชตะกำลังพูดอยู่ กลับโดนยูยะเอามือขวามาปิดปากเอาไว้เสียก่อน
“ อะ อะไรยูยะ !? “
“ ชู่ ~ อย่าส่งเสียงดัง ดูโน่น “
ยูยะเอามือออกจากปากของโชตะ แล้วชี้ไปยังลานกว้างหลังตึกเรียนคลาส C
“ นั่นมัน… “
“ ใช่..บลัดแรบบิช “
ในลานกว้างนั้นมีสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายกระต่าย หรือก็คือบลัดแรบบิชเดินเพ่นพ่านอยู่ประมาณ 5 ตัว ตัวหนึ่งกำลังทำการขุดหลุมบนพื้นให้เป็นรูกว้าง ส่วนที่เหลือก็ทำท่าทางเหมือนยืนคุ้มกัน
“ มาได้ไงเนี่ย ? “
“ ไม่รู้เหมือนกัน แต่ดูท่าคงต้องลุยแล้วล่ะนะ “
ยูยะกับโชตะยืนแอบอยู่ตรงด้านข้างของตึกเรียน
“ เอาเลยปะ ? “
“ เออ!! “
ยูยะให้สัญญาณมือ แล้วรีบพุ่งออกไปโจมตีเหล่าบลัดแรบบิชที่อยู่กลางสนาม
“ เอาล่ะนะ ปลดปล่อย! Seirei Knuckle( หมัดแห่งภูติพราย ) “
ทันใดนั้นที่มือขวาของโชตะก็กลายสภาพเป็นแขนเหล็กขนาดใหญ่ มีใบมีดเหล็กรูปร่างปีกนกติดไว้เป็นอาวุธสำหรับจู่โจม
“ เข้ามา! “
โชตะดึงเอาบลัดแรบบิชหนึ่งตัวให้ออกมาจากกลุ่ม ส่วนตัวที่เหลือไม่ได้ตามเขามา คงจะตามยูยะไปหมด แต่โชตะจะทิ้งภาระตรงนี้ไปช่วยยูยะก็คงไม่ได้ เขาก็เลยต้องจัดการเจ้าบลัดแรบบิชตัวนี้ให้เสร็จก่อน แล้วค่อยเดินไปช่วยยูยะ
“ เบิร์สโซล!! “
เขาง้างแขนข้างขวาแล้วงัดจากล่างขึ้นด้านบน การโจมตีนั้นไม่ได้โดนตัวบลัดแรบบิช แต่เป็นการโจมตีให้ถูกอากาศแบบเต็มแรง
“ เสร็จละ “
หลังจากนั้นก็มีแสงรูปหมัดลอยเสยตัวบลัดแรบบิชจนกระเด็น
“ โว้ว! โดนเต็มๆ “
บลัดแรบบิชที่โดนเบิร์สโซลอัดแบบเต็มๆแรงจนกระเด็นไปไกล ถ้าตามปกติแล้วมันจะต้องสูญสลายเป็นอากาศไป แต่ทว่า…
“ เฮ้ย ยังไม่ตายอีกเรอะ !? “
มันยังลุกขึ้นมาได้อีก ถึงแม้ว่าเนื้อตัวจะมีรอยบาดแผลอยู่ แต่จริงๆแล้วมันกลับไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย
*พลั่ก*
บลัดแรบบิชพุ่งเข้ามาหาโชตะอย่างรวดเร็วในระยะแบบประชิด โดยที่เขายังไม่ทันตั้งตัว แล้วก็โดนหมัดเข้าไปที่แก้มขวาแบบเต็มๆ
คราวนี้โชตะก็ถึงตาที่โชตะกระเด็นปลิวไปไกล ถึงแม้ว่าบาดแผลจะเป็นแค่รอยแดงๆแปะอยู่ตรงแก้ม แต่เขากลับรู้สึกเจ็บปวดแบบสุดๆ
“ เร็วชะมัด… “
โชตะเอามืดเช็ดเลือดที่ปาก แล้วมองดูการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของมัน
“ ถ้าเร็วแบบนี้ก็ต้อง “
พอถึงระยะที่บลัดแรบบิชกำลังง้างหมัดอันหนักหน่วงมาที่หน้าของเขาพอดีนั้นเอง โชตะก็กระโดดขึ้นไปบนฟ้าราวกับมีสปริงตั้งไว้ที่เท้า จนลอยไปสูงประมาณ 5 เมตร
“ จงโดนต่อยจนหัวแตกไปซะเถอะ!!!! “
โชตะม้วนตัวบนฟ้าเพื่อตั้งตัวรอบหนึ่ง แล้วตั้งท่าเตรียมหวด Seirei Knuckle แบบสุดแรง
*ตู้ม*
ด้วยความแรงของหมัดบวกกับความสูงที่หมัดปล่อยลงมาโดนหัวของบลัดแรบบิชแบบพอดีเป๊ะๆ ทำให้หัวของมันถูกกดยุบลงไปติดกับพื้นดิน และพื้นที่เป็นเพียงดินกับทรายพอโดนอะไรที่มีขนาดใหญ่ทุบลงมาแบบนี้ ก็ย่อมที่จะกลายสภาพเป็นหลุมใหญ่ราวกับใช้รถก่อสร้างขุดดินขึ้นมา
“ กระจอกชะมัด “
ตัวบลัดแรบบิชค่อยๆสูญสลายไปเหมือนอากาศแล้วลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
“ ต้องรีบไปช่วยยูยะแล้ว! “
พอได้สติกลับคืนมา โชตะนึกขึ้นได้ว่า ยูยะต้องรับมือกับบลัดแรบบิชถึง 4 ตัวในเวลาเดียวกัน ขนาดแค่ตัวเดียวเขายังเหนื่อยมากถึงขนาดนี้ ก็เลยได้แต่ภาวนาให้ยูยะปลอดภัย
“ ไง ชนะแล้วเหรอโชตะ ? “
เมื่อหันหลังกลับไปมอง ก็เห็นว่ายูยะกำลังนั่งทับตัวบลัดแรบบิชตัวหนึ่งอยู่ ส่วนอีก 3 ตัวที่เหลือก็นอนแอ้งแม้งเป็นกระต่ายตากแห้งอยู่ตามพื้น
“ ยูยะ.. นี่นาย จัดการหมดเลยเหรอ ? “
“ อืม แต่นายนี่ใช้พลังมากเกินไปมั้ง เล่นเอาซะหอบแฮ่กๆเลย “
“ ..แล้ววาร์ฟล่ะ เก็บไปแล้วเหรอ ? “
“ วาร์ฟ ? ระดับไอ้พวกนี้น่ะไม่ต้องใช้วาร์ฟมาสู้ให้เปลืองแรงหรอก มือเปล่านี่แหละมันส์ดี “
“ ห๊า !? “
โชตะได้ดูเหล่าทหารและเคยอยู่ในสภาพสนามรบมาแล้วหลายครั้ง แต่เขาไม่เคยเห็นใครคนไหนที่สามารถกำจัด บลัดแรบบิชด้วยมือเปล่าๆ เลยสักครั้งเดียว
“ …นายนี่ เป็นตัวอะไรกัน ? “
“ ฮะฮะ ระหว่างเดินทางฉันเจอกับเจ้าพวกนี้มาหลายต่อหลายครั้งแล้ว ก็เลยชินไปแล้วล่ะ “
แล้วยูยะก็ลุกขึ้นจากตัวของบลัดแรบบิชที่เขากำลังนั่งทับอยู่ ทันทีที่เขาลุกขึ้นนั้น บลัดแรบบิชทั้ง 4 ตัวก็สูญสลายเป็นอากาศไปพร้อมๆกัน
“ ไปกันเหอะ ฉันอยากไปเดินเล่นนอกโรงเรียนจะแย่แล้วเนี่ย “
“ อืมๆ “
โชตะตอบกลับ แล้ว Seirei Knuckle ก็สลายไปกับแขนข้างขวาของเขา
ชิ ไอ้พวกนั้นมันเป็นใครกัน แผนกำลังไปได้สวยอยู่แท้ๆเชียว
มีเงาคนลึกลับแอบอยู่ด้านหลังต้นไม้ของลานกว้างนั้น กำลังมองดูยูยะและโชตะเดินออกไปจากโรงเรียน
ความคิดเห็น