คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3
Chapter 3
“ว่าไง คุโรโกะ เท็ตสึยะ” เมื่อเห็นว่าทั้งชื่อสกุลของตนเองโดนเรียกซะเต็มยศเลยหันไปดูว่าเป็นใคร ก็ต้องตกใจเพราะคนๆนั้นคือ
“ไอ้ตาสองสี!!”
“ว่าไงนะ” อาคาชิไม่เคยโดนเรียกอย่างนี้มาก่อน เป็นการหยาบคายมากที่มาพูดจาแบบนี้กับสีตาของเขา สีตาที่ไม่ว่าใครๆก็ชมทั้งนั้น แต่คนตรงหน้ากลับมาว่าสีตาเขาแบบนี้ยอมไม่ได้จริงๆ
ในตอนแรกอาคาชิก็ตกใจตัวเองเหมือนกันที่พอเห็นคุโรโกะเดินมาแล้วจังหวะหัวใจมันเต้นผิดเพี้ยนไป ก็คนร่างเล็กเล่นน่ารักซะขนาดนี้ โค้ทสีชมพูที่ขับให้ผมและตาสีอ่อนนั้นโดนเด่นขึ้นมา แต่พอได้ยินร่างเล็กพูดจาแบบนั้นก็ลืมความน่ารักไปเสียหมด
“คุณมีอะไรครับ อาคาชิซัง” คุโรโกะทำเป็นไม่สนใจที่เผลอเรียกอาคาชิแบบนั้น ทั้งที่ในใจก็ตกใจไม่น้อยที่เผลอเรียกออกไป แต่...แล้วไงล่ะ ก็สมควรละนี่
“หึ อัตสึชิยังไม่ได้บอกอะไรหรอ ว่านายโดนหมายหัวเอาไว้แล้ว”
“หมายความว่าไงครับ แล้วอัตสึชิคุงมาเกี่ยวอะไรด้วย หรือว่า.......”
“หึ อัตสึชิน่ะเป็นเพื่อนสนิทของฉัน เดี๋ยวนะ นายเรียกชื่ออัตสึชิตรงๆได้ แสดงว่าหมอนั่นยอมรับนายแล้วสินะ ไม่เบานี่ เท็ตสึยะ”
“กรุณาเรียกว่า คุโรโกะ ครับ”
“ไม่ ฉันจะเรียก เท็ตสึยะ”
“คุโรโกะ” ร่างบางเริ่มเดือด มีที่ไหนกันมาเรียกชื่อจริงตรงๆกันแบบนี้ทั้งๆที่ไม่ได้สนิทกัน ไม่ได้ยอมรับเลยสักนิด
“เท็ตสึยะ นายต้องสัมภาษณ์ฉันไม่ใช่รึไง”
“เอ๊ะ คุณรู้ได้ไง”
“ฉันให้คนสืบเรื่องนายมาหมดแล้ว ฉันบอกได้เลยนะว่า ฉันไม่ให้นายสัมภาษณ์ง่ายๆแน่” พูดจบอาคาชิก็เดินเข้าห้องไปคุยกับอาจารย์ ทิ้งให้คุโรโกะยืนเหวอ
เมื่อคุยเสร็จอาคาชิก็เดินกลับมาบอกคุโรโกะว่าอาจารย์เรียก
“คุโรโกะ เธออย่าลืมนะว่าต้องสัมภาษณ์ให้ได้ แล้วอาคาชิคุงจะให้ทำอะไรก็ทำๆไปซะเถอะ งานร่างต้องมาถึงมือฉันในคลาสหน้า”
“แต่ว่า....”
“ไม่มีแต่”
คุโรโกะรีบเดินมาหาอาคาชิที่ยืนรออยู่หน้าห้องแล้วพูดเสียงดัง
“คุณไปบอกอะไรอาจารย์กันแน่”
“ก็นิดหน่อย ไม่ใช่เรื่องที่นายต้องรู้ เอาล่ะ ถ้าอยากสัมภาษณ์ฉัน สิ่งที่นายต้องทำ.....”
“ไม่ทำครับ”
“นายแน่ใจนะ”
“แน่สิ”
“Fน่ะ อยากได้หรอ” อาคาชิขู่แบบนี้ ทำให้คุโรโกะนึกขึ้นได้ว่าอาจารย์หมายหัวเขาเอาไว้แล้ว เขาไม่มีทางเลือกอื่น
“ครับ ผมขอโทษ จะให้ผมทำอะไรก็ว่ามา”
“ขอโทษให้จริงใจกว่านี้หน่อยสิ แล้วก็พูดจาอ้อนๆน่ะเป็นไหม”
“ไม่เป็น”
อาคาชิมองคุโรโกะอย่างแน่นิ่ง แล้วเตรียมจะหันหลังทันที เขาไม่มีอารมณ์มานั่งต่อปากต่อคำหรอกนะ ยังไงซะคนตัวเล็กก็ต้องมาตามง้อเขาอยู่ดี ถึงจะตามเพราะเรื่องงานก็เถอะ
เมื่อคุโรโกะเห็นอาคาชิเตรียมจะหันหลังหนี ก็ต้องจำใจยอมทำตามที่อาคาชิสั่ง ร่างบางรีบคว้าชายเสื้อของเจ้าของเรือนผมสีแดงเอาไว้ให้หันมาแล้วจ้องตาด้วยแววตาออดอ้อน
“อาคาชิคุงครับ ผมขอโทษ” ไม่พูดเปล่าแต่ยังก้าวเข้าไปใกล้อาคาชิจนช่องว่างระหว่างทั้งสองคนห่างกันแค่คืบเดียว
อาคาชิที่เห็นคุโรโกะทำแบบนั้นก็ใจอ่อนยวบ 'น่ารัก น่ารักมากๆ' ถึงในใจจะคิดอย่างนั้นแต่ก็ต้องทำกลบเกลื่อนไป
“หึ ดี งั้นสิ่งที่นายก็ทำก็คือ”
“คือ” คุโรโกะทำหน้าสงสัยทั้งยังเอียงคอ ในสายตาของคนที่มองนั้นแทบอยากจะเข้าไปฉุดมาขย้ำทันทีแต่ก็ต้องห้ามตัวเองเอาไว้
“คือ มาคอยรับใช้ฉันจนกว่างานสัมภาษณ์ทั้งหมดของนายจะเสร็จ"
“หมายความว่าไงครับ อาคาชิคุง”
“เข้าใจยากจังนะ ก็เมื่อไรที่นายไม่มีเรียน ก็ต้องมาหาฉัน อยู่ติดกับฉัน รอกลับหอพร้อมฉัน ทำทุกอย่างที่ฉันสั่งไงล่ะ”
“หา!”
“ไม่ยุติธรรม ไม่ยุติธรรม คนบ้าๆๆๆๆๆๆๆ” คุโรโกะได้แต่บ่นให้ทาคาโอะฟังระหว่างนั่งกินข้าวอยู่โรงอาหาร อาคาชิให้เวลาเขาเตรียมใจครึ่งวัน ตอนกลางวันเขาเลยยังไม่ต้องตามตาบ้านั่นไปไหนต่อไหน แต่พอเรียนเสร็จนี่สิ.....
'วันนี้เรียนเสร็จแล้วมาหาฉันนะ เข้ามาในห้องได้เลย ห้องเดิมกับที่วันนั้นนายมาหาฉันยังไงหละ ฉันจะบอกอาจารย์ฉันไว้ให้'
'แต่'
'จะแต่อะไรนักหนา นี่ไม่ใช่คำขอ นี่คือคำสั่ง!'
“เฮ้อ” ยิ่งคิดก็ยิ่งเหนื่อย ทำไมคนอย่างคุโรโกะต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย
“เอาน่า คุโรโกะ มีแต่คนอยากอยู่ใกล้อาคาชิทั้งนั้นแหละน่า”
“ยกเว้นผมละกันครับ ทาคาโอะคุง” ร่างบางส่งรังสีอำมหิตให้ทาคาโอะ จึงทำให้ทาคาโอะจำต้องเปลี่ยนเรื่องคุย
“โอเคๆ งั้นเราไปกันเถอะ ใกล้เวลาคลาสบ่ายแล้ว”
คุโรโกะพาตัวเองมายืนอยู่หน้าห้องเรียนที่อาคาชิสั่งเขาไว้ ก่อนจะเคาะประตูแล้วเดินเข้าไป ทำให้คนทั้งคลาสรวมถึงอาจารย์หันมามองหนุ่มน้อยร่างบางที่อยู่คนละคณะทันที
“เด็กของนายสินะ อาคาชิ เชิญ” อาจารย์ที่กำลังบรรยายหันมาสนใจแว๊บเดียวก่อนจะกลับไปสอนต่อ คุโรโกะจำต้องเดินไปนั่งกับอาคาชิที่มองมา ด้วยเรือนผมสีแดงเด่นสะดุดตาขนาดนั้น ทำให้คุโรโกะรู้ว่าอาคาชินั่งอยู่ตรงไหนตั้งแต่ยืนหน้าห้องแล้ว ไหนจะเสียงนินทาของคนในคลาสอีก
'ใครน่ะ น่ารักจัง'
'แฟนอาคาชิซังหรอ'
'ว้ายยยย อาคาชิมีแฟนแล้วหรอ'
'โห น่ารักสุดๆไปเลยว่ะ'
และอีกมากมายที่เขาได้ยิน แต่จะให้ตะโกนบอกความจริงไปก็ใช่เรื่อง เขาเป็นคนแปลกหน้าที่นี่ ต้องทำตัวสงบเสงี่ยมเจียมตัวไว้ก่อน
“มาเร็วจัง คิดถึงฉันหรอ เท็ตสึยะ”
“.........”
“ทำไมไม่ตอบ”
“เรียนไปเถอะครับ”
“หึ” อาคาชิแค่นเสียงก่อนจะสนใจสิ่งที่อาจารย์สอนต่อ ถึงจะอยากแกล้งคนตัวเล็กขนาดไหน แต่การเรียนก็ต้องมาก่อน
“ลุกได้แล้วเท็ตสึยะ ถือหนังสือฉันมาด้วย” เมื่อคลาสเลิกอาคาชิก็ลุกขึ้นเดินแล้วสั่งทันที
“ชิ”
“เดินเร็วๆสิ” อาคาชิกดลิฟต์พลางรอให้คนตัวเล็กรีบเดินมา
“ก็คุณเดินเร็วนี่ครับ”
“หรอ ฉันว่านายขาสั้นมากกว่านะ” อาคาชิว่าพลางกลั้นยิ้ม
“เอ๊ะ คุณนี่มันยังไง”
“นี่”
“ ? ”
“เรียกฉันว่า เซย์จูโร่ หน่อยสิ” อาคาชิก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าทำไมถึงพูดออกไปแบบนั้น ทั้งๆที่คนที่เข้ายอมให้เรียกแบบนี้มีไม่ถึง 5คนด้วยซ้ำตั้งแต่เกิดมา
“ไม่ล่ะครับ ผมไม่อยาก”
“นี่คือคำสั่ง” เมื่อเห็นคนตัวเล็กต่อต้าน เขาก็รู้สึกมีน้ำโหขึ้นมาทันที อะไรกัน นี่ยอมให้เรียกชื่อจริงแล้วนะ ทำไมยังเป็นแบบนี้อีก ดี จะแกล้งให้ร้องไห้หาแม่เลยคอยดู
“โอเคครับ เซย์จูโร่”
“ไม่คิดจะต่อคำลงท้ายเลยรึไง” อาคาชิว่า
“ไม่ล่ะครับ ทีคุณยังเรียกผมว่า เท็ตสึยะ เฉยๆได้เลย”
“ถ้างั้น.....” อาคาชิว่าพลางมองไปยังคุโรโกะ
“ถ้าอะไรครับ” คนร่างเล็กส่งสายตาสงสัยสุดน่ารักไปให้ ทำให้อาคาชิเผลอพูดคำที่อยู่ในใจออกมา
“ถ้าฉันเรียกนายว่า ที่รัก นายจะเรียกฉันว่า ที่รัก กลับมั้ย” เฮ้ย ตอนแรกเขาไม่ได้คิดจะพูดแบบนี้นะ ตอนแรกกะจะบอกว่า ถ้างั้นลองโดนกรรไกรจิ้มสักหน่อยมั้ย
“บะ..บะ..บ้าน่ะครับ” คุโรโกะว่าพลางหันหน้าไปทางอื่น เพราะรู้ตัวได้ว่าตอนนี้หน้าตัวเองกำลังแดงและเห่อร้อนขึ้นมา พลางคิดว่า อะไรกัน ทำไมแค่นี้ถึงต้องเขินด้วยนะ เอ๊ะ เขิน เขิน! เขาเขินหรอ ไม่นะ!
อาคาชิเหลือบมองร่างบางที่ทำหน้าตาแปลกๆแล้วส่ายหัวไปมา พลางคิดว่าน่ารัก เฮ้ย นี่เขาคิดว่าคนตรงหน้าน่ารักอีกแล้วหรอ เลยหันหน้าไปทางอื่น เพราะคิดว่าตอนนี้หน้าของเขาต้องกำลังขึ้นสีแน่ๆ เขาไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครมาก่อนเลยนะ
ขณะที่ทั้งสองสะบัดหน้าไปคนละทาง เรียกได้ว่า หยอดกันแบบไม่สนใจคนในลิฟต์เลย ส่วนคนที่เป็นส่วนเกินในลิฟต์ก็ได้แต่มองตากันแล้วส่งโทรจิตคุยกันแทน
'สองคนนี้เป็นแฟนกันจริงๆสินะ'
'เหมาะกันมากๆเลย เขินแทนเลยอ้ะ'
'อะไรกัน เรียกกันว่าที่รักแล้วหรอ'
'จีบกันไม่สนใจคนอื่นเลยเนี่ยนะ อิจฉาโว้ยยยยยย'
รถหรูแล่นออกจากที่จอดรถ อาคาชิที่บังคับให้คุโรโกะมานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถ เพราะยังไงซะก็อยู่หอนอกเหมือนกัน
ทั้งคู่ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาทั้งนั้น เพราะมัวแต่จมอยู่ในความคิดของตัวเองเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในลิฟต์ ตั้งแต่ออกจากลิฟต์มาก็ก้มหน้าก้มตากันทั้งคู่ มีเพียงบทสนทนาสั้นๆเพียงแค่
'ขึ้นรถสิ'
'ครับ'
อาคาชิที่มองทางอย่างจดจ่อ แต่แท้จริงแล้วกำลังคิดอย่างสับสนว่าทำไมกันนะ ถึงได้พูดแบบนั้นออกไป จะบอกว่า แกล้ง? แต่ทำไมแกล้งแล้วเรากลับต้องมารู้สึกเขินเองด้วยล่ะ จะบอกว่า ชอบ? คนอย่างเขาไม่ได้ชอบคนเพียงแค่เพราะหน้าตาหรอก นิสัยใจคอกันก็ยังไม่ได้รู้จัก เขาไม่เชื่อพวกเรื่องพรหมลิขิตหรือรักแรกพบหรอก ยังไงก็เป็นไปไม่ได้หรอก มั้ง?
งั้นจะบอกว่า สนใจ? อืม ก็มีสิทธิเป็นไปได้ ทั้งที่ถ้าเป็นคนอื่นมาพูดจาแบบนี้กับเขา เขาไม่เก็บเอาไว้แน่ เขาคงหาวิธีจัดการไปแล้ว แต่เขาคิดว่าคนตรงหน้าแตกต่างไปจากทุกคน อยากจะลองแหย่ดู ถึงยังไงเขาก็ยังไม่ลืมหรอกนะว่าต้องจัดการ ใช่ ต้องเป็นความรู้สึก แค่ สนใจแน่ๆ อาคาชิพยายามคิดอย่างนี้ ทั้งที่ในใจก็แอบหวั่นๆว่ามันจะไม่ใช่แค่สนใจน่ะสิ
ฝ่ายคุโรโกะเองก็มองรถที่เคลื่อนผ่านไปตามทาง แต่ในใจกับสับสนไม่ต่างจากอาคาชิ ทำไมถึงต้องใจเต้นตอนที่หมอนั่นพูดจาบ้าๆแบบนั้นออกมาด้วยนะ เขาไม่ได้ชอบหมอนั่นสะหน่อยจะชอบได้อย่างไร ทั้งๆที่เป็นคนที่ไม่ชอบหน้าแท้ๆ ถึงจะเคยได้ยินว่าเกลียดอะไรก็ได้อย่างนั้น หรือ กัดกันไปกัดกันมาก็ได้กัน เขาเองก็เคยเห็นคู่ที่ลงเอยแบบนั้นมาเยอะแยะแล้วเหมือนกัน แต่มันเป็นไปไม่ได้! เขาไม่ได้ชอบหมอนี่ เขาไม่ได้ชอบหมอนี่ จะชอบได้อย่างไรในเมื่อพึ่งรู้จักกัน แถมรู้จักกันแบบไม่ค่อยจะดีสักเท่าไรด้วย ต้องเป็นเพราะไม่เคยเจอใครมากวนประสาทแบบนี้แน่ๆ ใช่ แค่รู้สึกจั๊กจี๋ตอนโดนแกล้งเท่านั้น ใช่ ต้องเป็นแบบนั้น
ทั้งคู่ยังคงจมดิ่งอยู่ในโลกของตนอีกสักพัก หากมีบุคคลที่สามอยู่ในรถด้วยคงจะปล่อยขำออกมาเป็นแน่แท้ ก็ทั้งคนขับและตุ๊กตาน่ารัก คอยเหลือบมองกันแล้วหน้าก็ขึ้นสีแดง จากนั้นก็ส่ายหัวกันไปมา มันดูน่าตลกขบขันดีออก แต่ก็ดูน่ารักกันทั้งคู่เลย
รถหรูเลี้ยวเข้าจอดในซองสำหรับวีไอพี อาคาชินึกขึ้นได้จากที่ให้คนไปสืบเรื่องของคนข้างๆก็จำได้ว่าธุรกิจของครอบครัวคุโรโกะถือว่าร่ำรวยไม่น้อยเลยทีเดียว และยังรู้อีกว่าคุโรโกะอยู่หอตึกนี้ และยังรู้อีกว่าอยู่ห้องไหน นั่นก็เพราะว่าหนึ่งในเพื่อนสนิทที่มีอันน้อยนิดของเขาเป็นรูมเมทของคนตัวเล็กนี่น่ะสิ จากทั้งหมดทำให้อาคาชิเลือกที่จะจอดรถเลยแล้วเดินไปพร้อมกับคุโรโกะ
เมื่อจอดเสร็จทั้งคู่ก็ขึ้นลิฟต์ โดยที่เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้ากดที่ชั้น 3 ส่วนเจ้าของนัยน์ตาสีแดงก็กดชั้น 5
คุโรโกะไม่แปลกใจหรอกที่อาคาชิจะอยู่ชั้นเพนท์เฮ้าส์บนสุด ที่ทั้งชั้นมีเพียงแค่ 2 ห้องเท่านั้น พลางนึกในใจว่าอยากจะรีบออกจากลิฟต์เร็วๆจะได้หลุดพ้นจากคนข้างกายเสียที
เมื่อลิฟต์ประกาศว่าถึงชั้น 3 คุโรโกะก็รีบคืนหนังสือของอาคาชิให้เจ้าตัวทันที
“ราตรีสวัสดิ์ครับ”
“เดี๋ยวก่อน เท็ตสึยะ”
“ครับ”
“ขอฉันเข้าไปในห้องนายหน่อยสิ” ไม่พูดเปล่า อาคาชิรีบก้าวออกจากลิฟต์ก่อนประตูลิฟต์จะปิดลง ส่วนคุโรโกะก็ได้แต่เบิกตากว้างพร้อมปฏิเสธ
“ไม่ครับ คุณกลับไปห้องคุณเถอะครับ”
“หึ งั้นฉันขอสั่งให้นายต้อนรับฉันเข้าห้อง แล้วก็อย่าลืมสิ เรียกฉันว่า....เซย์จูโร่”
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
ผ่านไปอีกตอนแล้ว รู้สึกเนื้อเรื่องมันยังเบาโหวงๆอยู่เลย
แต่เรื่องนี้ก็กะจะให้มันสบายๆอยู่แล้วน่ะเนอะ
ตอนต่อไปจะมีเหตุการณ์ให้ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นอีก รอลุ้นกันได้เลย อิอิ
ความคิดเห็น