คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 7
Chapter 7
“เท็ตสึยะ คางามิ”
“ครับผม” วัยรุ่นทั้งสองตอบรับพร้อมกัน
“แม่มีเรื่องจะให้วานให้ช่วยหน่อยน่ะจ้ะ”
หลังจากที่คุณแม่คุโรโกะให้คุโรโกะช่วยเรื่องคนที่ชื่อ คิเสะ อะไรนั่นเสร็จก็หันมาหาเขาต่อ
'คางามิจ๊ะ'
'ครับผม จะให้ผมไปเป็นเพื่อนกับนายคิเสะนั่นเหมือนกันหรอครับ'
'เปล่าจ้ะ กรณีคล้ายๆกัน แล้วก็คนละคน'
'ยังไงหรอครับ'
'คือน้าจะให้คางามิไปช่วยสืบเรื่องของคนที่ชื่อ อาโอมิเนะ ไดกิ ให้หน่อยน่ะ'
'อาโอมิเนะ ไดกิ'
'แม่ของอาโอมิเนะคุงเนี่ย เป็นเพื่อนกับน้าเหมือนกัน ทีนี้ อาโอมิเนะ แอบหนีกลับมาจากเรียนต่างประเทศโดยที่ไม่ได้บอกใคร แต่เพื่อนน้าเขาให้คนคอยดูลูกตัวเองเอาไว้ ก็เลยรู้ แต่พ่อของอาโอมิเนะเนี่ย ยังไม่รู้ ถ้าเกิดว่ารู้ขึ้นมา จะเป็นเรื่องใหญ่'
'แล้ว?'
'ก็เลยอยากให้สืบว่า ทำไมเขาถึงหนีกลับมาโดยที่ไม่ได้บอกใคร ถ้าเพื่อนน้าเข้าไปจัดการเอง พ่อของอาโอมิเนะก็ต้องรู้แน่ ถ้าเรารู้ว่าอาโอมิเนะมีเหตุผลอะไร เราจะได้เตรียมพร้อมได้ทันไงจ๊ะ'
'ครับ ผมคิดว่าทำได้นะครับ ยังไงคุณน้าก็ช่วยเหลือผมมาตลอด'
'ขอบใจนะจ๊ะ นี่ข้อมูลคร่าวๆของ อาโอมิเนะ ไดกิ'
สุดท้ายคางามิก็ต้องมายืนอยู่หน้าคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา กว่าจะเดินมาถึงได้นี่ก็ไม่ง่ายเลย ก็เล่นเป็นคณะที่หายากสุด อยู่ตามหลืบนี่นา ปกติเขาเองก็รู้ทางแค่คณะนิติศาสตร์ที่ตัวเองเรียน โรงอาหารบางคณะ แล้วก็คณะอักษรศาสตร์ของคุโรโกะ
เอ๊ะ นั่นไง อาโอมิเนะ ไดกิ เหมือนในรูปเลย
“เฮ้ๆๆ ยูๆๆ อาโอมิเนะ ยูๆๆๆ”
คนตัวสูงผิวสีเข้มที่แสดงถึงความทรงพลังบางอย่างที่ไม่น่าเข้าใกล้สักนิดแผ่ออกมารอบๆตัว ไหนจะผมสีน้ำเงินที่ไม่ได้เข้ากับจำตัวเลยสักนิด ไม่รู้ว่าทำไปได้ไง มันดูเสร่อมากในความคิดของคางามิ
อาโอมิเนะทำแค่เหลือบมองคางามิแล้วเดินขึ้นรถขับออกไปโดยไม่สนใจอะไรเลย
“อ้าวเฮ้ย What the Hell” คางามิได้แต่ยืนอึ้ง ทำอะไรไม่ถูก
“ทาคาโอะคุงครับ แล้วผมจะง้อยังไงดีล่ะครับ”
“อันนี้ฉันว่านายต้องคิดเองนะ คุโรโกะ”
“แต่ผมคิดไม่ออกนี่ครับ ช่วยผมคิดสักนิดก็ยังดี”
“เฮ้อออ ก็ได้ๆ”
“.....”
“งั้นแสดงดีไหม”
“แสดงอะไรหรอครับ”
“อันนี้นายก็ต้องคิดเองแล้วล่ะ พอนายคิดได้ ค่อยมาบอกฉันละกัน เดี๋ยวขั้นตอนต่อๆไป ฉันจะช่วยเอง”
“อืมมม ผมว่าผมคิดอะไรดีๆออกแล้วล่ะครับ”
“หือ คิดได้เร็วขนาดนั้นเลย เออนี่ อาคาชิถูกส่งประกวดเดือนด้วยนะ”
“เอ๋ งั้นก็ยิ่งดีเลยครับ”
“คุโรโกะ พรุ่งนี้ก็ถึงวันประกวดแล้วนะ นายยังไม่บอกอะไรฉันเลยนะ”
“ก็ทาคาโอะคุงบอกผมเองนี่ครับ ว่าผมควรคิดด้วยตัวคนเดียว”
“เอ๋ มันก็จริง แต่ฉันอยากรู้นี่นา เฮ้อ ไม่น่าพูดแบบนั้นเลย”
“ผมว่า เอาไว้ทาคาโอะคุงรอดูวันงานดีกว่านะครับ” คุโรโกะยิ้มพร้อมมองอย่างใสซื่อ ทำให้ทาคาโอะไม่อยากจะถามแล้ว
เสียงดังเซ็งแซ่ไปทั่วมหาวิทยาเทย์โคว เพราะวันนี้เป็นวันที่จัดการงานประกวดหาเดือนดินประจำปี มีซุ้มขายของ ขายอาหารมากมาย คนก็หนาแน่น ทั้งนักศึกษาที่เรียนอยู่ปัจจุบัน รวมถึงที่จบไปแล้ว ทั้งยังเปิดให้คนนอกเข้ามาดูงานได้อีกด้วย นับเป็นงานใหญ่ประจำปีของมหา'ลัยอีกงานก็ว่าได้
ส่วนของซุ้มขายของ ขายอาหาร หรือซุ้มกิจกรรมต่างๆก็จะอยู่ตามทางเดินที่เข้ามายังตัวมหา'ลัย ส่วนของการประกวดก็จะอยู่ตรงสุดทางของถนน เป็นลานอเนกประสงค์ที่ค่อนข้างใหญ่ จุคนได้มาก คนที่จะประกวดก็จะรอเตรียมตัวอยู่ที่ตึกมหา'ลัย
“คนเยอะจังเลยนะครับ” คุโรโกะเอ่ยขึ้นกับสาวๆที่มานั่งรุมล้อมเขา สาวๆพวกนี้เป็นดาวคณะที่ถูกส่งมาเพื่อประกวดเป็นดาวของมหา'ลัย ซึ่งแน่นอน คุโรโกะก็ถูกส่งมาประกวดเป็นดาว เป็นผู้ชายคนเดียวที่ถูกส่งมา ทำให้เขาโดนสาวๆรุมล้อมอยู่แบบนี้ ไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีหรือว่าโชคร้าย
“นั่นสิเนาะ คุโรโกะคุง” สาวคณะนิติศาสตร์เอ่ยขึ้น
“คุโรโกะคุงเนี่ยน่ารักจังเลย” สาวๆคณะอื่นก็พากันจะรุมบีบแก้มคุโรโกะเพราะความหมั่นเขี้ยวในความน่ารักของคุโรโกะทั้งนั้น
“หยุดลวนลามเท็ตสึคุงนะ” สาวผมชมพูที่มีหน้าตาน่ารักเอ่ยขึ้น พร้อมกับกระโดดเข้ามาขวางไม่ให้ บรรดาสาวๆพวกนั้นมายุ่มย่ามกับคุโรโกะ
“ทำไมล่ะยะ โมโมอิ เธอจะห้ามทำไม เธอเป็นอะไรกับคุโรโกะคุงหรือไง แล้วทำไมถึงเรียกคุโรโกะคุงด้วยชื่อจริงได้”
“ก็ฉันรู้จักเท็ตสึคุงมานานแล้วน่ะสิ ถอยไป” โมโมอิไม่พูดเปล่าแต่ฉุดแขนคุโรโกะให้หลุดออกจาวงล้อมของสาวๆพวกนั้น
ความจริงแล้วโมโมอิก็พึ่งรู้จักกับคุโรโกะไม่่นาน ที่จริงก็วันเดียวกับคนอื่นๆเนี่ยแหละ แต่วันก่อนนู้น วันที่ต้องมาซ้อมคิวประกวด โมโมอิเจอคุโรโกะที่กำลังหลงทางก็เลยเข้าไปช่วยเหลือ แล้วมารู้ทีหลังว่าคุโรโกะเองก็มาประกวดเหมือนกัน ตอนแรกก็ตกใจนิดหน่อยที่คุโรโกะมาประกวดดาว แต่พอมองหน้าคุโรโกะดีๆ ก็ต้องยอมรับว่าคุโรโกะมีใบหน้าที่หวาน น่ารักมากๆ ส่วนที่เรียกคุโรโกะคุงด้วยชื่อจริงเลยก็เพราะโมโมอิอยากเรียกเฉยๆ จะได้สนิทกันเร็วๆ
“โมโมอิซังครับ” คุโรโกะเอ่ยขึ้นทำลายความคิดของโมโมอิ
“อ..อะไรหรอจ๊ะ เอ๊ะ บอกแล้วไงให้เรียกซัทสึกิเลยก็ได้ ไม่ก็โมโมอิจังสิ”
“เอ่อ โมโมอิจังก็ได้ครับ”
“ดีมาก” โมโมอิอดกิ๊กกั๊กไม่ได้ที่เห็นคุโรโกะทำหน้าอ่อนใจ
“คือผมจะถามหน่อยนะครับว่าตารางงานมีอะไรบ้าง พอดีวันนั้นที่มาซ้อมผมไม่ค่อยมีสมาธิฟัง เอ่อ อธิบายทั้งหมดเลยก็ได้ครับ” วันนั้นคุโรโกะแทบไม่ได้ฟังเลยก็ว่าได้ เพราะมัวแต่คิดแผนง้ออาคาชิอยู่น่ะสิ ว่าจะพูดอะไรบ้าง ทำอย่างไรบ้าง
“อ๋อ ก็อีกชั่วโมงเราก็ต้องออกไปโชว์ตัวให้คนนอกกับพวกที่จบไปแล้วโหวต คะแนนตรงนี้จะนับเป็น 20% แล้วก็คะแนนโหวตจากนักศึกษาที่เรียนอยู่ จะนับเป็น 40% คะแนนจากยอดโหวตออนไลน์อีก 10% แล้วก็คะแนนจากการแสดงและการตอบคำถาม 30%
ตอนแรก ทั้งเดือนและดาวจะออกไปโชว์ตัวพร้อมกัน เพื่อให้ผู้ชมโหวตก่อน จากนั้นจะเป็นการแสดงของเดือน พวกเราที่ประกวดดาวก็จะไปนั่งอยู่ที่แถวหน้า ดีเนอะ เรานั่งชมได้ด้วย พอเสร็จก็จะสลับกัน พวกเราจะไปแสดงทีละคน ส่วนพวกเดือนก็จะไปนั่งดูแทน
จากนั้นก็จะมีนักร้องกับวงดนตรีของมหา'ลัย มาแสดงคั่นเวลา แล้วก็ประกาศผล ตอนนี้ บ่ายโมง งานเริ่มบ่ายสอง ไม่เกินห้าโมงก็น่าจะเสร็จแล้วล่ะเท็ตสึคุง จากนั้นเราไปเดินเที่ยวงานกันเถอะ งานมียาวถึงสามทุ่มแหนะ” โมโมอิร่ายยาวอยู่คนเดียว ส่วนคุโรโกะก็ได้แต่นั่งพยักหน้า
“คือผมมีนัดแล้วน่ะครับ ต้องง้อคนๆหนึ่งนะครับ”
“ว้าาา เสียดายจัง อุตส่าห์จะได้เที่ยวกับเท็ตสึคุงทั้งที ว่าจะแนะนำให้รู้จักเพื่อนสนิทของฉันด้วยนะเนี่ย แต่ไม่เป็นไร ไปเตรียมตัวกันเถอะ”
“เอาล่ะครับทุกคน นี่ก็ถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอยแล้วกับการประกวดดาวเดือนมหาวิทยาลัยเทยโคว์ประจำปี ปีนี้มีคนมาร่วมงานเยอะมากเลยนะครับ เดี๋ยวอีกสักครู่ ผู้เข้าประกวดทั้งเดือนดาวจะขึ้นมาให้ทุกคนได้ยลโฉมกันแล้วนะครับ ปีนี้เนี่ยเดือนก็หล่อทะลุกันทั้งนั้น ดาวก็สวยๆทุกคน แต่มีดาวดวงหนึ่งที่พิเศษกว่าดวงอื่นนะครับ ดาวดวงนี้เป็นผู้ชาย
ฟังไม่ผิดหรอกครับ ผู้ชาย ผมเห็นมาแล้วนะครับว่าหน้าตายังไง อื้อหือ น่ารักม๊ากกกกก จนผู้หญิงยังต้องชิดซ้ายเลยล่ะครับ สำหรับกติกา..........”
คุโรโกะนั่งฟังอยู่หลังเวทีด้วยความตื่นเต้น รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง กติกาก็ตามที่โมโมอิบอกเขาไปแล้วก่อนหน้านี้ คนตัวเล็กนั่งรอคิวไปเรื่อยๆก็เห็นแถวของผู้เข้าประกวดเดือนเดินเข้ามาแสตนด์บาย มีแต่คนหน้าตาดีทั้งนั้น แต่สองคนที่ออร่าโดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นเจ้าของเรือนผมสีแดงฉานที่มีดวงตาคู่คมสองสีกับเจ้าของเรือนผมสีเหลืองทองอร่าม คุโรโกะพยายามจะทักอาคาชิแต่เจ้าตัวกลับเมินเขาเสียอย่างนั้น
“เฮ้ คุโรโกจจิ” เสียงเรียกชื่อตัวเองแบบประหลาดๆ ทำให้เจ้าของชื่อต้องหันไปก็พบ คิเสะ
“.............”
“โหย คุโรโกจจิ อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นสิ ฉันขอโทษน่านะ”
คุโรโกะแอบเห็นว่าอาคาชิเหลือบมองมาอย่างไม่พอใจที่คิเสะมาคุยกับเขา คุโรโกะก็เลยจะแกล้งแหย่อาคาชิเสียหน่อย
“ครับ
ผมให้อภัย” พูดจบเจ้าตัวก็ยิ้มหวาน
เล่นเอาคิเสะแทบละลายลงไปกองกับพื้นตรงนั้น
ส่วนเดือนคนอื่นก็ตาค้างมองรอยยิ้มหวานของคนตัวเล็ก
สาวๆที่ประกวดดาวก็พากันกรี้ดกร้าดในความน่ารักนี้ด้วยเหมือนกัน
แต่จะมีอยู่คนนึงที่คุโรโกะเห็นว่าทำหน้าไม่พอใจมากๆ
พร้อมปล่อยรังสีอำมหิตความหงุดหงิดออกมากดดันกระจายทั่วห้อง
คนนั้นก็คือ
อาคาชิ
“ทุกคนออกมากันได้แล้วนะ ได้เวลาออกไปโชว์ตัวแล้ว เดินเรียงตามหมายเลขมาเลยนะ” พี่ที่ทำหน้าที่จัดคิวชะโงกเข้ามาบอกในห้องแต่งตัว
ทั้งเดือนและดาวเดินโชว์ตัวจนครบทุกคน ส่วนของเดือนนี่ คนที่ได้รับเสียงกรี้ดแบบถล่มทลายก็คืออาคาชิกับคิเสะ คนแรกนี่น่าจะเป็นเพราะเพอร์เฟคท์ไปเสียทุกด้าน ส่วนคนหลังก็เป็นนายแบบหน้าตาหล่อเหลา ไม่แปลกที่เสียงจะกรี๊ดดังถล่มทลายขนาดนี้ แต่ดาวนี่สิ ตอนที่คุโรโกะเดินออกมา ทั้งเสียงกรี้ดทั้งเสียงเฮ ออกจะเสียงเฮของผู้ชายที่ดังกว่าด้วยซ้ำ ไหนจะเสียงแซวขอเบอร์ ขอจีบ ทำเอาคุโรโกะอดเขินอายไม่ได้ ยิ่งเรียกเสียงจากคนดูดังขึ้นไปอีก
“เอาล่ะครับ ทุกท่านก็เห็นผู้เข้าประกวดครบทุกท่านแล้วนะครับ เชิญโหวตได้เลยนะครับ สำหรับศิษย์เก่าและคนนอกจะใช้บัตรประชาชนยื่นเพื่อรับใบโหวตทางซ้ายนะครับ ส่วนศิษย์ปัจจุบันให้ใช้บัตรนักศึกษายื่นรับใบโหวตทางขวานะครับ ต่อไปจะเป็นการแสดงของผู้เข้าประกวดเดือนแล้วนะครับ ขอเชิญผู้เข้าประกวดดาวออกมานั่งชมแถวหน้าเลยครับ ส่วนผู้เข้าประกวดเดือน ขอให้ทุกคนอดใจรออีก 5 นาที นะครับ”
คุโรโกะนั่งเตรียมพร้อมรอชมการแสดงของผู้เข้าประกวดเดือน
“เอาล่ะครับ สิ้นสุดการรอคอยแล้ว การแสดงของผู้เข้าประกวดเดือนจะเริ่ม ณ บัดนี้ครับ สำหรับหมายเลข 1 อาคาชิ เซย์จูโร่ จาก คณะการพาณิชย์และบริหาร”
เจ้าของร่างโปร่งผมสีแดงเพลิงเดินออกมาอย่างกับราชันย์พร้อมกับคันธนูและลูกธนู 1 ดอก และเลม่อนสีเหลืองอ๋อยหนึ่งลูกเสียงกรี้ดดังไปทั่วมหาวิทยาลัย
“วันนี้จะมาแสดงอะไรครับ อาคาชิซัง” พิธีกรถาม
อาคาชิกรอกตาเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า “ยิงธนู”
“โอเคครับ แล้วจะไหนเป้ายิงล่ะครับ”
“ไม่ต้อง ผมขอให้คุณช่วยอะไรหน่อย”
“หือ ได้สิครับ” อาคาชิจัดให้พิธีกรยืนพิงกับหลังเวทีไว้แล้ววางเลม่อนไว้บนหัว
“อยู่นิ่งๆ อย่าคิดหนี ไม่งั้นฉันยิงหัวนายทะลุแน่” อาคาชิเอ่ยเรียบๆเบาๆกับพิธีกรที่ตอนนี้หน้าซีดพยายามจะวิ่งหนี
อาคาชิแย่งไมค์จากพิธีกรมาพูด “ไม่ต้องห่วงครับทุกคน ธนูปลอม ไม่อันตราย”
“ใครก็ตามที่จะเป็นศัตรูกับฉัน แย่งของๆฉัน หรือมายุ่งกับของๆฉัน จะต้องโดนแบบนี้” ตอนที่พูดคำว่า 'ของๆฉัน' อาคาชิเหลือบมองไปที่คุโรโกะ แต่ตอนที่พูดคำว่า 'ศัตรูเอย แย่งเอย ยุ่งเอย' จ้องไปตรงๆที่คิเสะ ทำเอาคิเสะสะดุ้งไม่หาย
จากนั้นอาคาชิก็ยิงธนูปักเข้ากลางลูกเลม่อน เรียกเสียงกรี๊ดดังสนั่นได้เป็นอย่างดี ส่วนพิธีก็สลบไปแล้ว กล้าพูดได้ไงว่า ธนูปลอม ทั้งแหลมทั้งคมซะขนาดนั้น
เมื่อพิธีกรคนเดิมไม่สามารถทำหน้าที่ต่อไปได้เพราะยังคงสลบอยู่ ก็ต้องเปลี่ยนพิธีกรให้ขึ้นมาถามคำถามแทน
“เอาล่ะครับ อาคาชิซัง คำถามของคุณก็คือ ถ้าหากว่าคุณสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งหนึ่งได้ คุณเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงอะไร”
อาคาชิคิดว่านี่มันช่างเป็นคำถามธรรมดาตื้นๆ คนคิดคำถามการประกวดคิดได้แค่นี้หรือไง แต่ก็ตอบไปว่า
“ไม่จำเป็นต้อง 'ถ้า' หรอกครับ ผมสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งใดก็ตามได้แน่ๆ แต่ผมไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงอะไรอยู่แล้ว ผมคิดว่าทุกอย่างสำหรับผมมันโอเคแล้ว ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหรอกครับ” พูดจบก็เดินลงเวทีโดยไม่สนเสียงกรี๊ดจากคนดูเลย
คุโรโกะนั่งดูการแสดงไปเรื่อยๆจนมาถึงเบอร์สุดท้าย
“เอาล่ะครับ หมายเลขสุดท้ายแล้ว หมายเลข 15 คิเสะ เรียวตะ จากคณะนิเทศศาสตร์” เสียงกรี้ดดังเซ็งแซ่ไปทั่ว พร้อมๆกับเสียงตะโกนเรียกชื่อคิเสะ
คิเสะออกมาร้องเพลง ทำเอาสาวๆเคลิ้มกันไปเป็นแถว แต่ในความคิดของคุโรโกะนั้น ไม่ได้สนใจคิเสะเลย ก็ไม่เห็นจะร้องเพราะตรงไหน แถมยังคอยส่งตาหวานเยิ้มมาให้อีก
“คำถามสำหรับคิเสะซังนะครับ ถามว่า คุณคิดสาเหตุของประวัติศาสตร์บาดแผลของชาวโรฮิงญาหรือชาวโรฮีนจาที่กำลังเป็นข่าวดังไปทั่วโลก ไม่เว้นแต่ที่ญี่ปุ่นของเรา มาจากสาเหตุใด และคิดว่าจะมีแนวทางแก้ไขอย่างไร”
หลังจากฟังคำถามเสร็จคิเสะก็แน่นิ่ง คนดูก็ได้แต่ภาวนาให้คิเสะตอบได้ ใครกันนะช่างคิดคำถาม ยากเสียขนาดนี้จะไปตอบได้ไง
หลังจากอึ้งไปคิเสะก็รีบตอบ “เอ่อ ผมว่า ชาวโรบินสัน เอ่อ....”
“โรฮิงญาครับ” พิธีกรช่วยแก้
“เอ่อ นั่นแหละครับ ผมเล่นมุกเฉยๆครับ ฮ่าๆๆๆๆ”
“ครับๆ แล้วไงต่อครับ”
“เอ่อ ก็ แล้วแต่มั้งครับ ขอบคุณครับ” ตอบเสร็จคิเสะก็วิ่งลงเวทีทันที พร้อมกับไปโวยวายว่าใครเป็นคนคิดคำถาม คนอื่นมีแต่ได้คำถามง่ายๆบ้าง แสดงทัศนะบ้าง แต่นี่อะไร ชาวโรอะไรนี่มันเกี่ยวอะไรด้วยเนี่ย
“เอาล่ะครับ ต่อไปถึงคิวการแสดงของผู้เข้าประกวดดาวแล้วนะครับ”
คุโรโกะถอดเสื้อโค้ทของมหา'ลัย เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตขาว แล้วก็ปลดกระดุมออกสองเม็ด ทำให้เห็นผิวขาวเนียนละเอียดระยับ พร้อมกับการแสดงที่กำลังจะถึง
“ต่อไปนะครับ ผู้เข้าประกวดท่านนี้เป็นผู้ชายนะครับ ถึงจะไม่ใช่คนแรกที่มาประกวด แต่ก็ไม่ได้มีบ่อยๆทุกปีหรอกนะครับ แถมยังน่ารักพรีเมียมมากๆด้วย หมายเลข 11 คุโรโกะ เท็ตสึยะ จากคณะอักษรศาสตร์” เสียงกรี้ดและเสียงเฮต้อนรับคุโรโกะทันทีที่พิธีกรพูดชื่อจบ แต่พอได้เห็นว่าคุโรโกะปลดกระดุมบนออกไปสองเม้ดเผยผิวขาวเนียนละเอียดชวนคิดลึกแล้ว เสียงก็ยิ่งดังกว่าเดิม ดังจนกลบเสียงไมค์ได้แล้ว
“โอ้โห ขาวมาก เอ้ย วันนี้คุโรโกะซังจะมาแสดงอะไรครับ” พิธีกรถามพลางควบคุมตัวเองให้มองหน้าคุโรโกะไม่ใช่แผ่นอกนั่น
“วันนี้ผมมาเต้นครับ แต่พิเศษตรงที่ทำเพื่อง้อคนๆหนึ่งครับ เพลงนี้เป็นเพลงเกาหลี หลายๆคนอาจจะไม่รู้จัก แต่ไม่เป็นไรครับ ผมแสดงไม่นานแน่นอน” คุโรโกะพร้อมกับมองไปอาคาชิคนเดียว ส่วนอาคาชิก็ตาค้างมองหน้าคุโรโกะกับแผ่นอกสลับไปสลับมาไม่หยุด
“ถ้าอย่างนั้น มารับชมกันเลยครับ” พิธีกรผายมือไปทางคุโรโกะพร้อมหลบฉากออกมา
S I S T T T A R
SISTAR
Baby Stop Breakin' My Heart
.
.
.
Oh My Boy! Oh My Boy Baby!
เมื่อเพลงดำเนินจนถึงท่อนฮุคคุโรโกะก็เดินไปตรงหน้าเวทีที่ตำแหน่งตรงกับที่อาคาชินั่งอยู่แล้วก็จ้องเข้าไปในตาคู่คมนั้น แล้วก็เวฟตัวไปตามเพลง ทำเอาผู้ชมเลือดกำเดาไหลเป็นแถบ
เมื่อแสดงจบคุโรโกะก็รีบติดกระดุมกลับทันที เล่นเอาคนดูตะโกนไม่หยุดว่าให้ปลดกระดุม
“อื้อหือ นับเป็นโชว์ที่เยี่ยมยอดมากๆครับ คำถามของคุโรโกะซังก็ถามว่า เวลาที่คุณเป็นทุกข์ คุณจะแก้ไขมันอย่างไรครับ”
“ครับผม สำหรับตัวผมนะครับ เมื่อผมเป็นทุกข์ ผมก็จะเศร้าใจมากๆ จนทำให้คนรอบข้างพลอยเป็นห่วง ผมก็เลยพยายามหาวิธีที่ไม่ทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ ก็คือจัดการกับความทุกข์นี้ซะ ถ้ารับมือได้ก็รับมือ แต่ถ้าไม่ได้ก็คิดซะว่าให้มันผ่านไป
ที่จริงแล้วการแสดงเมื่อกี้มันเกิดขึ้นก็เพราะว่าผมเป็นทุกข์นะครับ แต่ก็ต้องรับมือกับความทุกข์ให้ได้ เพราะผมทำให้คนๆหนึ่งโกรธ ผมไม่รู้จะง้อเขายังไงดี จนคิดว่าวิธีนี้น่าจะโอเค เพราะฉะนั้น อย่างอนผมอีกเลยนะครับเซย์คุง คืนดีกันเถอะนะ” คุโรโกะพูดไปก็หน้าแดงไป ทั้งยังทำหน้าอ้อนออเซาะใส่อาคาชิ ทำเอาเสียงกรี๊ดดังสนั่นยิ่งกว่าตอนที่เต้นเสียอีก พูดเสร็จคุโรโกะก็วิ่งลงเวทีด้วยความเขินอายทันที
“อ๊าา เท็ตสึยะ น่ารักแบบนี้ ใครจะโกรธได้ลง” อาคาชิพูดกับตัวเองเบาๆ พลางคิดว่าอยากจะจับกดคนผมฟ้าเสียตอนนี้เลย อันที่จริง อาคาชิแค่งอนคุโรโกะเล็กๆน้อยๆ ถ้าคนตัวเล็กมาง้อนิดๆเขาก็หาย แต่นี่หายไปตั้งนานไม่มาหา ไหนจะไปคุยออเซาะกับไอ้หมายักษ์ตัวเหลืองอย่างไอ้คิเสะอะไรนั่นอีก ยิ่งหงุดหงิด แต่พอเจอแบบนี้แล้ว พูดตรงๆว่าโกรธ ไม่ลง ทั้งอยากจะประกาศอย่างเต็มที่แล้วว่าคนน่ารักคนนี้มีอาคาชิเป็นเจ้าของแล้ว จะได้มาต้องมายุ่งวุ่นวายอีก
ที่หลังเวทีคุโรโกะกำลังตื่นเต้นกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป ตอนที่เข้ามาหลังเวที ทั้งทีมงานทั้งคนที่เข้าประกวดคนอื่นๆที่แสดงเสร็จแล้วก็เข้ามาแซวเสียยกใหญ่เลย
“เท็ตสึคุง น่ารักมากๆๆๆๆเลย เป็นแฟนกับอาคาชิซังด้วยหรอ ว้าวๆๆ” โมโมอิเป็นอีกคนที่เดินเข้ามาแซวเขา
“แฟนอะไรกันครับ แค่ง้อเฉยๆเอง”
“คุโรโกะคุงจ๊ะ มีโทรศัพท์โทรมาตั้งหลายรอบแต่คุโรโกะแสดงอยู่ พี่เลยปิดเสียงเอาไว้น่ะจ้ะ ไม่กล้ารับด้วย อ่ะนี่” พี่เป็นเป็นทีมงานเดินเข้ามายื่นโทรศัพท์ให้เขา คุโรโกะเห็นเบอร์แล้วก็โทรออกทันที เพราะนี่เป็นเบอร์ของคนที่จะโทรมานานๆครั้ง
“สวัสดีครับ...คุณพ่อ”
--------------------------------------------------------------------------------------
อย่าพึ่งโกรธกันน้าาาาา หายไปนานอีกแล้ว แต่ยังเร็วกว่าตอนที่แล้วนิดนึงนะ (อย่าพึ่งตบนะ)
ตอนนี้ก็จะครึ่งทางแล้ว (ช่างไม่มีสาระอะไรเลย แต่ก็ตั้งใจให้ไม่เบาๆสมองน้า)
คุณพ่อของคุโรโกะจะมีผลอะไรกับเนื้อเรื่องต้องค่อยๆดูกันไป แล้วบทบาทของตัวละครหลักก็น้อยเหลือเกิน แม้แต่นายน้อยเอง
ตอนต่อไปสัญญาว่ามาเร็วแน่นอน ไม่เกิน 2 วันชัวร์ ถ้าไม่ติดอะไรพรุ่งนี้ก็จะได้อ่านกันน้า
ขอบคุณคิดทุกคนที่เข้ามาเม้น มาอ่าน มาเป็นกำลังใจให้น้า
ปล. กำลังจะคลอดเรื่องใหม่แล้ว เพราะเรื่องนี้ก็ประมานครึ่งหนึ่งแล้ว เอาไว้ตอนหน้าจะมาบอกแนวพล็อตของเรื่องหน้าแล้วกันเนาะ
ความคิดเห็น