คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5
Chapter 5
“อย่าพูดจามั่วซั่วสิครับ” คุโรโกะพยายามรีบเช็ดตัวให้โดยที่พยายามไม่มองหุ่นของอาคาชิ
'ในที่สุดก็เสร็จสักที' คุโรโกะคิดเอาในใจ
“ถอดกางเกงสิให้ฉันสิ”
“!!!!!!”
“จะตกใจทำไม” อาคาชิพยายามกลั้นขำคนตัวเล็กที่ตอนนี้ตาแทบจะถลนออกจากเบ้าแล้วน่ะสิ
“ก...ก็..เอ่อ..เซย์คุงก็ทำเองสิครับ” คุโรโกะได้แต่ติดอ่าง หน้าแดงแปร๊ด
“ไม่เห็นหรอว่าไม่สบาย ไม่มีแรง ถอดซะ เท็ตสึยะ”
คุโรโกะต้องจำใจค่อยๆปลดกางเกงของอาคาชิลงมา โชคดีที่ยังมีบ็อกเซอร์อยู่ ไม่งั้นล่ะก็ต้องเห็น.......
ห๊ายๆๆๆๆๆๆๆๆ
อาคาชิเห็นคุโรโกะที่มองส่วนล่างเขาแล้วก็หน้าแดง มือก็สั่น น่ารักจริงๆ แบบนี้ต้องแกล้งซะให้เข็ด
“เอ่อ ถอดแล้วเช็ดแค่นี้ก็พอมั้งครับ” คุโรโกะเอ่ยพลางเหลือบตามองเพดาน ก็นะ มันเขินนี่นา จะให้มองได้ไงล่ะ
“ก็ได้ แต่ถ้านายอยากถอดมากกว่านี้ก็ได้นะ ฉันให้นายเป็นพิเศษ แค่คนเดียว” อาคาชิหยอดพลางอมยิ้มเพราะการกระทำของคนตรงหน้า
“ไม่รู้แล้ว คนบ้า” พูดจบ คนผมฟ้าก็รีบวิ่งออกจากห้องทันที แต่ก็วกกลับเข้ามาก่อนบอกคนผมแดงว่า
“แต่งตัวเองเลยนะครับ”
เวลาผ่านไปได้หลายชั่วโมง ก็ถึงเวลาที่จะต้องกินข้าวเที่ยวได้แล้ว คนตัวเล็กที่หนีออกมาจากห้องตั้งแต่ตอนนั้นก็ไม่ได้เข้าไปในห้องเลย อ้อ เข้าไปครั้งหนึ่ง จะดูว่าคนไข้เป็นอย่างไรบ้างแล้วหรอกนะ แต่เห็นว่าใส่เสื้อนอนหลับสบายดีก็เลยไม่กวน แต่ตอนนี้คงต้องไปทำอาหารแล้วเอาไปให้คนไข้กินแล้วล่ะ ทำอาหารที่ว่าหมายถึงแค่อุ่นอาหารสำเร็จรูปน่ะนะ
คุโรโกะแกะบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกมาแล้วเทใส่ชาม เติมน้ำ แล้วก็เอาเข้าไมโครเวฟ ก็ทำเป็นแค่วิธีนี้นี่นา ที่จริงก็ต้มแบบใช้แก๊สเป็นนะ แต่มันยุ่งยากจะตาย ยังไงก็ไม่มีประโยชน์เหมือนกัน จะเป็นไรไป
เมื่อเสียงเตือนจากไมโครเวฟดัง คนหน้าหวานก็นำบะหมี่ที่เส้นยังดูแข็งนิดๆออกมา แล้วค่อยฉีกซองเครื่องปรุงใส่ไป ตอกไข่ใส่ คีบกิมจิเล็กน้อยใส่ลงไปเพื่อความสวยงาม
“ทำอะไรน่ะ” อาคาชิที่เดินออกมาจากห้องถามขึ้น
“อ้าวตื่นแล้วหรอ ก็ทำอาหารให้เซย์คุงอยู่ไง”
“แล้วนายไม่กินหรอ เท็ตสึยะ”
“ก็ทำให้เซย์คุงทานเสร็จก่อน เดี๋ยวผมค่อยทำของตัวเอง”
“ไม่ต้อง นายทำของนายให้เสร็จด้วยเลยเถอะ จะได้กินพร้อมกัน” อาคาชิก็เป็นห่วงร่างบางเช่นกัน มาทำให้เขากินฝ่ายเดียว ตัวเองก็ยังไม่ได้กิน เดี๋ยวเป็นลมไปจะแย่ ยิ่งบอบบางอยู่ด้วย
"หายแล้วหรอครับ"
"ก็ดีขึ้นแล้วล่ะ ไม่ปวดหัวปวดตัวแล้ว วันนี้กินยาอีกสักรอบสองรอบก็คงหายดีละ"
คนร่างเล็กพอได้ยินอย่างนั้นก็จัดการทำของตัวเองให้เสร็จ ไหนๆคนไข้ก็เอ่ยปากเองแล้ว ดี จะได้ไม่ต้องทนหิว
เมื่อทั้งคู่กินอาหารเสร็จเรียบร้อย คุโรโกะก็ยกชามเข้าไปล้างในห้องครัว ส่วนอาคาชิพอกินยาเสร็จก็เดินตามเข้าไปในครัวตามคุโรโกะ
“พรุ่งนี้นายจะต้องส่งงานดราฟท์แล้วไม่ใช่เหรอ” อาคาชิถามเพราะนึกขึ้นได้ว่า ตัวเขาไปแกล้งคนตัวเล็กเอาไว้ แล้วท่าทางคนตัวเล็กก็ดูเหมือนจะลืมไปแล้วซะด้วยสิ เฮ้อ งานตัวเองแท้ๆเลยนะ
“ห๊ายยยยย จริงด้วยครับ ผมลืมไปซะสนิทเลย”
“งั้นล้างเสร็จแล้วก็มาสัมภาษณ์ฉันเลยก็ได้นะ”
“เอ๋ ทำไมมาแปลกล่ะครับ”
“หมายความว่าไง” อาคาชิหรี่ตาหลังจากได้ฟังคำพูดนั้น
“ก็เห็นปกติชอบแกล้งผมนี่นา แต่นี่กลับใจดีแปลกๆ”
“ก็นายช่วยดูแลฉันนี่”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นคุโรโกะก็อดแอบยิ้มไม่ได้ เซย์คุงนี่ก็รู้จักสำนึกบุญคุณเหมือนกันแฮะ
“แต่ วันหลังนายต้องตอบแทนฉันเหมือนกัน”
โอเค ผมขอถอนคำพูดที่ว่าเซย์คุงเป็นคนดีครับ
การสัมภาษณ์เป็นไปด้วยความยากลำบากสักหน่อย ก็เพราะคนหัวแดงเอาแต่กวนคนหัวฟ้าอยู่นั่นแหละ
'แนะนำตัวหน่อยครับ'
'ฉันว่านายรู้จักฉันดีแล้วนะ'
'ผมรู้ครับ แต่นี่ต้องสัมภาษณ์นะครับ แค่ตอบตามคำถามไม่ได้รึไง'
'ที่บ้านทำธุรกิจอะไรครับ'
'หาตามเน็ตสิ เสิร์ชไปเดี๋ยวก็เจอ ตระกูลอาคาชิ เชียวนะ'
'ตอบดีๆได้ไหมครับ ผมต้องใช้เสียงคุณนะครับ'
'ได้สิ ถ้าเท็ตสึยะอยากได้ยินเสียงฉัน น่าจะบอกตั้งแต่แรกนะ'
'ผมหมายถึงต้องใช้ไปส่งงาน'
'นั่นแหละๆ เหมือนกันแหละ แสดงว่าอยากได้ยินแหละน่า'
'ทำไมถึงเลือกเรียนบริหารล่ะครับ'
'ก็ที่บ้านทำธุรกิจบริหาร จะให้เรียนทำอาหารรึไง นายก็ถามไรแปลกๆนะ'
'ผมบอกให้ตอบดีๆ'
'ฉันก็ตอบตามตรงนี่'
'พอเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้วรู้สึกอย่างไรครับ'
'ก็เฉยๆน่ะ ยังไงฉันก็ติดอยู่แล้ว แล้วนายล่ะรู้สึกอย่างไร'
'ผมถามคุณ ไม่ใช่ให้คุณถามผม'
ความจริงยังมีอีกเยอะแยะ แต่ไม่สาธยายได้หมด เพราะไม่ว่าจะกี่คำถามที่ถามไป ก็เจอคำตอบกวนประสาทบ้างล่ะ โดนย้อนถามบ้างล่ะ เมินไม่ตอบบ้างล่ะ แต่ที่ดีๆก็มีนะ มีน้อยน่ะ
'จุดมุ่งหมายในชีวิตคืออะไรครับ'
'จุดมุ่งหมายเหรอ อืม จุดมุ่งหมายของฉันก็คือ การเป็นที่หนึ่ง การเป็นที่สุด'
'ทำไมถึงคิดแบบนั้นละครับ'
'ฉันต้องได้สิ่งที่ดีที่สุดเสมอ และฉันก็จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคนที่ฉันรักด้วย'
'เอ่อ ครับ แล้ว คติประจำใจคืออะไรครับ'
'จัดการคนที่ไม่เชื่อฟัง เช่นนายไง'
'อ๋อเหรอครับ'
'ใช่ แต่จะจัดการนายได้ต้องมีวิธีที่แตกต่าง'
'ยังไงล่ะครับ แค่นี้ผมก็จะแย่แล้ว'
'ทำให้นายมาเป็นของฉันไง'
'!!!!!!!'
'นี่ ฉันจะใช้วิธีนี้กับนายคนเดียวนะ'
'แหม ดีใจจังเลยนะครับ'
'งั้นมาคบกันเถอะ'
'ผมปวดฉี่'
ก็นั่นแหละครับ เหมือนจะใช้ได้ แต่สุดท้ายก็ลงเอยแบบนี้ ผมถึงต้องมานั่งเขิน เอ้ย นั่งเซงอยู่ในห้องน้ำยังไงล่ะครับ จะให้เห็นได้ไงว่าหน้าผมแดงแจ๋แล้ว ทำไมถึงชอบมาพูดจาแบบนี้นะ
อาคาชิมองคนที่รีบวิ่งเข้าห้องน้ำไป เขาเห็นนะว่าหน้าแดงแจ๋เชียว เขาพูดอย่างนั้นจริงๆนะ ไม่ได้เป็นเพราะพิษไข้ เขารู้สึกว่าอยากครอบครอง อยากให้คนตัวเล็กมาอยู่ข้างกาย เขารู้สึกมีความสุขที่ได้หยอกล้อ เขาไม่รู้ว่ามันเรียกว่ารักไหม แต่ปัจจุบันนี้ เขาชอบคุโรโกะ เท็ตสึยะ เข้าซะแล้วล่ะ
คุโรโกะออกมาก็ไม่เห็นอาคาชิแล้ว ก็เขาเล่นขังตัวเองอยู่ในนั้นเป็นชั่วโมงนี่นา จนอาคาชิต้องมาเคาะประตูบอกว่าจะกลับขึ้นห้องตัวเองแล้ว เขาถึงยอมออกมา
คนตัวเล็กนั่งทำงานสัมภาษณ์ที่เมื่อกี้ถามอาคาชิมา ต้องส่งวันพรุ่งนี้แล้ว วันนี้สัมภาษณ์แค่คำถามพื้นๆก็เท่านั้น ต่อไปคงต้องทำมากกว่านี้อีกแน่เลย เฮ้อ ทำงานคนเดียวนี่มันเหนื่อยจัง
คุโรโกะนั่งทำรูปเล่มและไฟล์เสียงจนค่ำ ก็เข้าครัวมาอุ่นอะไรกิน จะได้อาบน้ำนอน นี่ก็ค่ำแล้ว รูมเมทร่างยักษ์ยังไม่กลับมาเลย ไม่รู้ทำไมชอบกลับดึกๆดื่นๆ อยู่ทำงานที่ม. หรือออกไปเที่ยวกันนะ เอาเถอะ ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับเขาอยู่แล้วนี่นะ
“เซย์คุงครับ ช่วยเลิกโอบเอวผมได้แล้วครับ”
“ทำไมล่ะ เราคบกันแล้วกัน”
“อย่าพูดจามั่วซั่วสิครับ” พูดจบคุโรโกะก็พยายามเอาตัวออกจากวงแขนแกร่ง แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะอาคาชิโอบซะแน่นเชียว
“เดี๋ยวคนจะนินทาเอาได้นะครับ มองซุบซิบกันใหญ่แล้ว”
“ดี เขาจะได้รู้ว่าฉันกับเท็ตสึยะคบกัน”
เฮ้อ เขาจะทำไงดีนะ ตอนเช้าที่ออกมาจากห้องก็เจอคนผมแดงอยู่หน้าห้องพอดี แถมบอกว่าจะมาพามาส่งด้วย ไอ้เราก็นึกว่าจะส่งแค่หน้าตึกคณะ แต่นี่เล่นไปจอดที่โรงจอดรถกลาง แล้วเดินจะไปส่งถึงห้องเลยด้วยซ้ำ ไอ้เดินน่ะไม่เท่าไร แต่นี่เล่นโอบเอวแนบชิดขนาดนี้ ไม่ว่าจะเดินผ่านใคร ก็โดนมองแล้วซุบซิบกันทั้งนั้น แบบนี้มันเสียหายชัดๆ
ไอ้คนหัวแดงนี่ก็ อยู่ดีๆมาสถาปนาตนเองให้เป็นแฟน ถึงจะเขินๆก็เถอะ แต่ทำแบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเรอะ
“ถึงห้องเรียนแล้วครับ เซย์คุงไปเรียนได้แล้ว”
“ไม่ ฉันจะเข้าไปส่งถึงที่” อาคาชิอยากเข้าไปส่งคุโรโกะจริงๆ แถมอยากเห็นด้วยว่ามีใครมาจีบคนน่ารักของเขามั้ย เดินเข้าไปแบบนี้จะได้เป็นการประกาศว่าเท็ตสึยะเป็นของเขา ห้ามยุ่ง ห้ามแย่ง ห้ามจีบ ห้ามๆๆๆๆๆ แล้วจะดูหน้าตาเพื่อนของคุโรโกะด้วยว่าเป็นคนประเภทไหน เป็นพวกเด็กเรียน นักเลง หรือเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ ซึ่งแบบหลังนี่เขารับไม่ได้จริงๆ
คนตัวเล็กเมื่อเข้ามาในห้องก็พบว่า คนในคลาสเต็มเกือบหมดแล้ว แบบนี้ก็แสดงว่าทุกคนต้องเห็นแน่ๆว่าอาคาชิมาส่ง ถอนหายใจเสร็จก็เห็นทาคาโอะโบกมือหยอยๆเรียกให้ไปนั่งข้างๆ
“ไง คุโรโกะคุง วันนี้แฟนมาส่งหรอ” ทาคาโอะแซวอย่างอารมณ์ดี
“ฉันคือใครคงไม่ต้องบอก นายเป็นเพื่อนเท็ตสึยะสินะ ฉันฝากดูแลด้วย” อาคาชิเน้นคำว่าฝาก 'ดูแล' ดูแลในที่นี้หมายถึงทุกๆเรื่องแม้แต่เรื่องที่ต้องคอยกันคนมาจีบคนหน้าหวานด้วย
“เซย์คุงจะแทรกพูดขึ้นมาทำไมครับ แล้วผมกับเซย์คุงก็ไม่ได้เป็นอะไรกันนะครับ” คุโรโกะรีบแก้ต่าง
“ไม่เอาน่า เท็ตสึยะที่รัก เมื่อวานนายยังเรียกร้องฉันทั้งคืนอยู่เลยนะ” อาคาชิยิ้มกรุ้มกริ่มใส่
“เรียกร้องอะไรกันครับ อย่าพูดมั่วๆนะครับ คนอื่นจะเข้าใจผิด อย่าไปเชื่อนะทาคาโอะคุง หมอนี่ตอแหล”
“ตอแหล นายด่าฉันหรอ เท็ตสึยะ”
“ใช่”
“คืนนี้นายไม่ได้นอนแน่ เตรียมตัวไว้”
“อ๋อเหรอครับ กลัวตายแหละ” วันนี้ผมไม่กลัวหรอกครับ เพราะตอนเช้าคุณแม่ส่งข้อความมาหาว่าวันนี้มาโตเกียว จะเข้ามาหาเย็นๆ ลองเซย์คุงทำอะไรดูสิ ผมฟ้องแม่แน่
“นายท้าฉันหรอ”
“ใช่”
“ได้ คืนนี้ผมจะจัดให้จนลืมไม่ลงเลยครับที่รัก”
“ที่รักบ้าบออะไร ไปได้แล้วครับ”
“โอเค ฉันไปก่อนก็ได้ รอไปกินข้าวพร้อมฉันด้วยหละ เดี๋ยวมารับ”
พูดจบคนผมแดงก็เดินออกไปยังตึกเรียนของตนเอง ทันทีที่อาคาชิพ้นประตูห้องปุ๊บ เสียงเซงแซ่ก็ถาโถมทันที แถมทุกคนดูจะวิ่งกรูเข้ามาถามคุโรโกะไม่ยั้ง
'ตกลงคบกันหรอ'
'เป็นอะไรกันแน่'
'เสียดายคุโรโกะคุงจัง'
'คบกันตั้งแต่เมื่อไหร่'
'คุโรโกะคุงร้องเรียกอาคาชิหรอ ร้องให้ดูหน่อยสิ'
'หวานขนาดนี้ เมื่อคืนจัดกันไปกี่ยกล่ะ ท่าไหนบ้าง'
'อาคาชิซามะเด็ดมั้ย'
'อิจฉาอาคาชิซามะจัง ได้ทำอย่างว่ากับคุโรโกะคุง'
เอ๊ะ ทำไมคำถามมันเสื่อมขึ้นทีละนิดๆล่ะ ตายๆๆๆๆ ห๊ายยยยย เพราะเซย์คุงแท้ๆ ผมถึงต้องมาโดนอะไรแบบนี้ กลับมารับผิดชอบเดี๋ยวนี้เลยนะ
ในที่สุดการเรียนอันแสนยาวนานก็จบลงเสียที เขาได้ส่งงานดราฟท์ไปเรียบร้อยแล้วด้วย คลาสครั้งหน้าก็รออาจารย์ตรวจแล้วสั่งเพิ่ม อาทิตย์นี้ก็ไม่ได้มีการบ้านอะไร หมายถึงผมคนเดียวอะนะ อย่าลืมสิ ผมโดนสั่งให้ทำงานคนเดียว แถมโดนเร่งให้เสร็จภายในสองวัน ส่วนคนอื่นก็ต้องเริ่มหัวหมุนแล้วสินะ อย่างกลุ่มทาคาโอะคุงนี่ไง
“นี่ คุโรโกะคุงรู้รึยังว่านายเป็นตัวแทนคณะ ไปประกวดเดือนดาวมหา'ลัยด้วยนะ"
“เอ๋ ทำไมผมล่ะครับ ผมไม่ได้หล่อขนาดเป็นเดือนคณะได้นี่ครับ”
“ใครบอกนายเป็นเดือน นายเป็นดาวต่างหาก”
“อะไรกันครับ ผมเป็นผู้ชายนะ”
“นายไม่รู้เหรอ มหา'ลัยนี้ ถ้าทอมหล่อก็ประกวดเดือนได้ หรือถ้าผู้ชายหน้าหวาน น่ารัก ก็ประกวดดาวได้ ทีนี้ ตอนแรก เพื่อนในคลาสเราก็ส่งรูปนายไปคัดเลือกดาวคณะ พอคนในคณะเห็น ก็เลยโหวตได้นายเป็นดาวไปแบบคะแนนทิ้งห่างเลยล่ะ”
“แต่ผมไม่ได้อยากประกวดสักหน่อยนี่”
“อ้าว แต่เพื่อนๆเขาเลือกแล้วน้า ไม่ใช่แค่ในคลาสนะ ทั้งคณะเลย”
“เฮ้อ ประกวดไปผมก็ไม่ชนะหรอกครับ”
“เฮ้ยย ทำไมคิดงั้น นายต้องชนะแน่นอน ฉันมั่นใจ” ทาคาโอะพูดอย่างมั่นใจมาก
“เอาเถอะครับ เอาไงก็เอากัน”
“แต่ว่า.......”
“ก็ตอนนี้ ชื่อ รูป ประวัติย่อๆของนาย กำลังจะขึ้นเว็บให้คนโหวตแล้ว แล้วก็เขาจะประกวดกันสัปดาห์หน้าแล้วนะ”
“อะไรนะครับ ทำไมมันเร็วแบบนี้”
“แถม”
“แถมอะไรครับ”
“ต้องแสดงความสามารถด้วยนะคุโรโกะคุง”
“โอ๊ยยยย จะบ้าตาย ผมไม่มีความสามารถพิเศษอะไรหรอกนะครับ”
ทาคาโอะมองเพื่อนตัวเองที่นั่งกุมหัวอย่างช่วยไม่ได้ ถึงยังไงก็เถอะ เขามั่นใจว่าคุโรโกะต้องได้เป็นดาวประจำมหาวิทยาลัยปีนี้แน่นอน
“คุโรโกะคุง มีคนมาหานายแน่ะ”
“เอ๋ ใครหรอครับ” คุโรโกะเงยหน้าเมื่อเพื่อนร่วมคลาสมาบอกเขาว่ามีคนมาหา
“นี่ไง เดินเข้ามาพอดี” เพื่อนร่วมคลาสเขาชี้ไปยังคนตัวสูง หน้าตาดุดัน คิ้วแยกเป็นแฉก ผมสีแดงเข้ม คนละเฉดกับอาคาชิ
“Hi Kuroko!”
“คางามิคุง!!!”
--------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอโทษที่ให้รอนานน้า พอดีช่วงนี้ยุ่งมาก ทั้งงานทั้งเรียนทั้งสอบ ถาโถมเข้ามาไม่หยุด ที่จริงตอนนี้ก็ยังไม่หยุด
แต่รีบมาต่อให้ก่อนเลย กลัวจะรอนาน ไรท์เข้าใจดีว่าการรอคอยมันเป็นเช่นไร T^T
ตอนต่อไปคงรอไม่นานเท่าตอนนี้ แต่ก็น่าจะสักอาทิตย์นึงได้
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมาเม้นน้า ขอบคุณจริงๆ
ความคิดเห็น